Share

บทที่ 6

Aвтор: จี้เวยเวย
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”

ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา

“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”

ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ

“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”

ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!

ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”

“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”

ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หลังจากที่เธอทะลุมิติมา ก็พบว่ามิติส่วนตัวที่ติดตัวเธอยังคงอยู่ สื่อเวทที่เคยทำไว้ก็อยู่ในนั้น เอามาใช้งานได้พอดี

ซ่งอี้อันรับสร้อยข้อมือไป ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เมื่อสัมผัสกลับรู้สึกอบอุ่น ไม่เหมือนกับเส้นก่อนหน้านี้ที่เย็นเฉียบ ว่ากันว่าสร้อยเส้นนั้นถูกงมขึ้นมาจากส่วนลึกของทะเลใต้ จึงแผ่ไอเย็นไปทั้งร่าง ตรงข้ามกับสร้อยเส้นนี้ที่เมื่อถืออยู่ในมือแล้วรู้สึกสบายกว่ามาก

“ขอบใจน้องหญิง”

ซ่งจืออวี้มองซ่งอี้อันที่แต่ไหนแต่ไรก็ตั้งมาตรฐานต่อสร้อยไข่มุกสูงลิ่ว ตอนนี้กลับใส่สร้อยข้อมือที่ไม่น่าภิรมย์เช่นนั้น หากเป็นเมื่อก่อนพี่ชายรองไม่มีทางชมชอบเป็นแน่ แต่ตอนนี้เมื่อตามองไม่เห็นกลับถือว่าสิ่งนั้นเป็นของล้ำค่า

แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นความหวังดีของน้องหญิงห้า!

ล้ำค่ามาก! ข้าก็อยากได้บ้าง!

ซ่งรั่วเจินเห็นนัยน์ตาที่เป็นสีแดงของซ่งอี้อันค่อย ๆ จางลงไป จึงลอบถอนหายใจเบา ๆ ไม่คิดว่าพอหันหน้าไปจะเจอกับสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังของพี่ชายสาม

“?”

“พี่ชายสาม ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่าน”

ซ่งรั่วเจินหยิบหยกประดับอีกชิ้นส่งให้ซ่งจืออวี้ หมู่นี้คนในบ้านไม่ค่อยได้อยู่อย่างสงบสุขนัก พกเครื่องรางติดตัวไว้คุ้มครองจะดีกว่า

ฝ่ายนั้นคิดวิธีการโหดเหี้ยมแบบนี้ออกมา เธอก็ต้องหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วไปเผชิญหน้ากับพวกเขาสักตั้ง!

……

จวนหลินโหว

เมื่อซ่งรั่วเจินพาทุกคนในตระกูลซ่งออกไป งานแต่งงานของหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็ต้องล้มเลิกไปด้วย

เพราะว่าไม่เพียงแต่คณะจัดงานแต่งจะหายไปแล้ว แม้แต่ผู้ดูแลพิธีการก็หนีหายไปด้วย เช่นนี้งานมงคลจะดำเนินต่อได้อย่างไรเล่า?

เมื่อแขกทุกคนได้ชมละครขบขันนี้จนพอใจแล้วก็พากันออกไป คำแสดงความยินดีกลับกลายเป็นคำเยาะเย้ยเสียดสี แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจือเยว่ทุกคนจะไม่พูดตรง ๆ แต่ลับหลังใครเล่าจะไม่พูดว่าเขาเป็นคนใจดำไร้ความรู้สึก?

การกระทำของแม่นางซ่งครั้งนี้ช่างทำให้คนสะใจโดยแท้!

“ท่านโหว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

ฉินซวงซวงมองจวนหลินโหวที่ว่างเปล่า เรือนที่เดิมทีหรูหรากลับถูกขนของย้ายออกไปจนดูทรุดโทรม

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง แสงแดดสว่างจ้าชวนให้ปวดหัว เขาดึงเก้าอี้ข้าง ๆ มานั่งด้วยความโกรธ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานซ่งรั่วเจินจะต้องร้องไห้อ้อนวอนข้า!”

“หากไม่มีข้า นางไม่มีทางแต่งออกไปได้ วันนี้นางเอาของไปมากแค่ไหน ในวันข้างหน้าข้าจะให้นางส่งกลับคืนมาเป็นสองเท่า!”

ทว่าในขณะที่เขาพูดคำนี้ เก้าอี้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีก ก่อนจะพังตัวลงเสียงดังลั่น

“โครม!”

หลินจือเยว่ล้มลงจนก้นกระแทกพื้นเต็ม ๆ ความโกรธที่อัดอั้นในใจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาเตะไปที่โต๊ะด้านข้างด้วยความโมโห

โต๊ะล้มลงตามด้วยเสียงดังสนั่น

“สมควรตาย!” หลินจือเยว่ระเบิดความโกรธออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ท่าทางที่เขาคำรามลั่นไร้ความสง่างามเหมือนในอดีต

ใบหน้าของฉินซวงซวงดูย่ำแย่ นางไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ซ่งรั่วเจินเป็นแค่คนขี้ขลาด เดิมทีในวันนี้ควรจะเป็นวันที่นางได้แต่งงานอย่างยิ่งใหญ่มีหน้ามีตา ซ่งรั่วเจินควรจะอดทนไปเงียบ ๆ และอยู่อย่างโดดเดียวในห้องหอ

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามคาด ซ่งรั่วเจินเหมือนนิสัยเปลี่ยนไป หรือว่าเพราะชาติที่แล้ว ที่ซ่งรั่วเจินยอมทนปิดปากเงียบเป็นเพราะหล่อนแต่งให้กับหลินจือเยว่แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นและจำใจยอมรับในตัวนาง

ครานี้นางไม่อยากถูกกดข่ม จึงเลือกแต่งงานวันเดียวกับซ่งรั่วเจิน จนทำให้หล่อนมีความคิดที่จะถอนหมั้นหรือ?

แย่แล้ว!

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้จวนหลินโหวเป็นเพียงเปลือกกลวง หากไม่มีเงินจากตระกูลซ่งมาช่วยเจือจุน แล้วหลินจือเยว่คิดอยากเลื่อนตำแหน่งจะไม่กลายเป็นเรื่องยากหรอกหรือ?

“จือเยว่ เจ้าทำอะไรลงไป?”

เสียงโกรธเคืองของฮูหยินผู้เฒ่าหลินดังมาจากข้างนอก

“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าหากเจ้าต้องการแต่งงานกับซวงซวง ข้าจะไม่ห้าม แต่เจ้าต้องให้รั่วเจินแต่งเข้ามาก่อน นางต่างหากที่เป็นคนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า!”

“สองปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรั่วเจินดูแลข้าอย่างดี และจัดการจวนโหวทั้งหมด ไหนเลยจะมีความรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ได้?”

“ตอนนี้จวนโหวถูกขนของย้ายออกไปหมดแล้ว ทั้งตระกูลล้วนกลายเป็นตัวตลก!”

หลินจือเยว่ก้มหน้า ใบหน้าแสดงความละอายใจ “ท่านแม่ ความจริงแล้วเป็นซ่งรั่วเจินต่างหากที่มีจิตใจคับแคบ ข้าไม่ได้จะไม่แต่งงานกับนาง แต่เพียงให้แต่งเข้ามาพร้อมกันก็เท่านั้น ไม่ได้จะให้ซวงซวงข่มนางเสียหน่อย แต่นางกลับขอถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ข้าเสียหน้า ไม่มีความสง่างามเฉกเช่นบุตรีตระกูลใหญ่เลยสักกระผีก”

“สตรีเช่นนี้จะเป็นนายหญิงใหญ่ของจวนโหวได้อย่างไร?”

ไม้เท้าที่อยู่ในมือแม่เฒ่าหลินฟาดลงบนตัวหลินจือเยว่อย่างแรง “ตามข้าไปขอโทษที่จวนตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้!”

“ข้าไม่ไป!” หลินจือเยว่ใบหน้าเขียวคล้ำ

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินโกรธมาก “หากเจ้าไม่ไป ก็ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของจวนหลินโหวอย่างสิ้นเชิง จะให้ทุกคนคิดว่าเราเป็นพวกลืมบุญคุณคนหรือ?”

“ในปีนั้น ตระกูลฉินปฏิเสธคำขอแต่งงานของเจ้า ข้าจึงช่วยเจ้าไปขอแต่งงานกับตระกูลซ่ง ตอนนี้เจ้าต้องการแต่งงานกับนาง ข้าไม่ห้ามเจ้า แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำผิดต่อตระกูลซ่งได้”

“เจ้าเพิ่งชนะศึกกลับมาและได้เลื่อนตำแหน่ง แต่กลับมาทำให้ตระกูลซ่งอับอาย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จวนหลินโหวของเราจะถูกวิจารณ์อย่างหนัก!”

ขณะที่พูด ฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มองไปที่ฉินซวงซวงอย่างนึกรังเกียจ นึกถึงครานั้นที่หลินจือเยว่หลงรักนางจนหัวปักหัวปำ ทว่าสุดท้ายก็ถูกตระกูลฉินเหยียดหยามอย่างหนัก

นางเห็นลูกชายของตัวเองเจ็บปวดอย่างที่สุด กลัวว่าจะเข้มแข็งขึ้นมาไม่ได้ จึงไปขอดองกับตระกูลซ่ง ไม่คิดว่ายามนี้ฉินซวงซวงจะยอมมาอยู่กับเขา จนเกิดความวุ่นวายเช่นนี้

ฉินซวงซวงเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าต่ำ ทว่ากลับไม่ใส่ใจเท่าไร ในอนาคตทุกคนในจวนหลินโหวจะต้องฟังนางทั้งหมด!

“เจ้าออกไปก่อน” หลินรั่วหลานกล่าวเสียงเย็น

เมื่อฉินซวงซวงออกไป หลินรั่วหลานกล่าวด้วยความโมโห “เยว่เอ๋อร์ เจ้าช่างเลอะเลือนเสียจริง! จวนหลินโหวของเรามีเพียงเปลือกกลวง เจ้าต้องแต่งกับรั่วเจิน มีเงินช่วยเหลือจากตระกูลซ่งถึงจะช่วยเติมเต็มให้จวนโหวของเรารุ่งเรืองต่อไปได้”

“พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีเงิน เจ้าจะให้ซวงซวงของเจ้ามีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?”

“เพียงแค่เจ้ายอมจำนน ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม “แต่วันนี้เรื่องกลายเป็นแบบนี้…”

“เจ้าไม่ต้องกังวล รั่วเจินเป็นคนอ่อนโยน วันนี้นางโกรธจัดถึงได้ทำเช่นนี้ เพียงแค่เจ้าขอโทษและปลอบใจนางสักหน่อย นางก็จะไม่ถือสาหาความอันใด”

หลินรั่วหลานผุดรอยยิ้ม “หากวันนี้เจ้าไม่หักหน้านางจนเกินไป นางก็คงไม่ถอนหมั้น แต่งนางเข้ามา เจ้าไม่เสียเปรียบหรอก!”

“ลูกเข้าใจแล้ว”
Комментарии (1)
goodnovel comment avatar
Wilartlak Taa
ทัเงแม่ทั้งลูกความคิดแย่ที่สุด
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Related chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 7

    จวนตระกูลซ่งหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 8

    สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใดซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสียมองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าวซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 9

    “นางย่อมเป็นคนใจดีและใจกว้าง นางเป็นคุณหนูตระกูลฉิน ฐานะไม่ต่ำกว่าเจ้า แต่เพราะข้ายอมรับเจ้า เจ้ากลับมีจิตใจคับแคบ เทียบกับนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และไม่มีวาสนาพอรับน้ำใจของนางได้!”หลินจือเยว่คว้าสร้อยข้อมือไปและสวมไว้ที่ข้อมือตนเองซ่งรั่วเจินยกคิ้วขึ้น คดีไขได้แล้ว เป็นฉินซวงซวงจริง ๆ ด้วย!“ฮูหยินซ่ง เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบ!”หลินรั่วหลานร้อนใจมาก สองปีนี้นางนำเงินของตระกูลซ่งไปใช้ชีวิตอย่างสบาย ออกไปที่ใดก็มีแต่คนอิจฉา นางใช้ชีวิตกินดีอยู่สบายจนเคยชินแล้ว ไหนเลยจะยอมกลับไปใช้ชีวิตลำบากแบบเดิมได้?หากซ่งรั่วเจินไม่แต่งงานเข้ามา จวนหลินโหวก็จะว่างเปล่า อย่าว่าแต่ชีวิตที่กินดีอยู่สบายเลย เงินที่มีก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้แต่เงินที่จะจ่ายให้คนรับใช้ก็ไม่มี“ความสัมพันธ์ของสองตระกูลดีเพียงนี้ จะขาดสะบั้นเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร? เยว่เอ๋อร์ยังหนุ่ม เพียงแค่หลงผิดไป รอให้เวลาผันผ่านย่อมรู้ว่ารั่วเจินต่างหากที่เป็นคู่ครองที่ดี”หลิ่วหรูเยียนปัดมือของหลินรั่วหลานออก “ไม่จำเป็น ลูกสาวของข้าไม่จำเป็นต้องอดทนรอให้ใครกลับใจ การหมั้นหมายล้มเลิกแต่เพียงเท่านี้ เราทั้งสองต่างก็เป็นค

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 10

    เฉินเซียงตกตะลึง “คุณหนู นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าดูสิ ชุดที่นางใส่อยู่เป็นผ้าแบบเดียวกับคนใช้ของฉินซวงซวง คนรู้ก็รู้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า แต่คนไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของนาง!”ซ่งรั่วเจินมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหตุผลที่ฉินซวงซวงรู้เรื่องของตัวเอกคนเดิมได้ดี เพราะนางได้วางคนเอาไว้ใกล้ตัวนางเอกมานานแล้วเมื่อคิดดูอย่างละเอียด เพ่ยหลานก็คือสาวใช้ที่ ‘ท่านน้าคนดี’ ของนางเลือกมาให้โดยเฉพาะนอกจากนี้ ตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ก็ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ตัวเอกหลังจากแต่งงานกับหลินโหวเพียงสองปีก็เสียชีวิตก่อนหน้านี้ที่อ่านนิยายนางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพียงคิดว่าไม่ได้รับความรักจากสามี และทำงานหนักเพื่อจวนหลินโหวจนป่วย แต่ตอนนี้พอคิดถึงวิธีการที่โหดร้ายและเพ่ยหลานที่อยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีสาเหตุการตายที่น่าสงสัยกว่านั้น มิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ต่างหาก!คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว!“พวกเจ้า นำตัวเพ่ยหลานไปตระกูลหลิ่ว!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 11

    “ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีกแต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกลถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 12

    เฉินเซียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดคุณหนูของตนเองแล้วก็นึกขำอย่างอดไม่ได้ เมื่อวานเพ่ยหลานถูกมัดตัวส่งไปที่จวนตระกูลหลิ่วชัดๆ โดยส่งตรงถึงเรือนพักของพ่อบ้านหลิ่วเมื่อพ่อบ้านหลิ่วรู้ว่าเป็นเรื่องมงคลที่คุณหนูจัดแจงให้ก็หาได้ปฏิเสธ สานต่อเรื่องดีจนสำเร็จ พวกเขายังจดให้คนมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ได้ยินว่าตอนแรกเพ่ยหลานไม่ยินยอม แต่ตอนหลังเสียงที่ดังออกมานั้นก็ฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆจากคำบอกกล่าวของคนที่มารายงาน ตอนออกมาเช้าวันนี้เห็นภรรยาเอกของพ่อบ้านหลิ่วสีหน้าดำคล้ำนำคนบุกไปจัดการเพ่ยหลานอย่างเกรี้ยวกราด ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าอนาถดังมาจากข้างหลัง รายละเอียดเป็นอย่างไรก็ไม่มีแก่ใจจะอยู่ฟังต่อไปแล้ว“นี่มันเหลวไหลชัดๆ รั่วเจิน ต่อให้งานวิวาห์ของเจ้ามีปัญหาก็ไม่ควรเอาไปลงกับคนรับใช้เช่นนี้! ดีชั่วอย่างไรเพ่ยหลานก็ติดตามเจ้ามาหลายปี เจ้าทำลายชีวิตนางเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”หลิ่วเฟยเยี่ยนพลันนึกโมโห เดิมเข้าใจว่าแค่ส่งคนกลับไป อย่างมากแค่รอให้ผ่านไปสักพักค่อยให้กลับมาก็ได้ แต่กลายเป็นว่าแต่งให้หลิ่วเหิงไปเสียแล้ว?หลิ่วเหิงไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้าน เตียงของเขา คนแบบเพ่ยหลานสามารถปีนขึ้นไปได้เช่นนั้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 13

    ซ่งรั่วเจินกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จก็ไปที่จวนตระกูลหลิ่วมองเห็นผู้คนมากมายเข้าออกประตูจวนตระกูลหลิ่วมาแต่ไกล คนไปมาหาสู่มีจำนวนไม่น้อย เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงชมเชยเซ็งแซ่“ไต้ซือเทียนสุ่ยมีวิชาแก่กล้าจริงๆ เจ้าจำหลานชายของตระกูลจ้าวที่หมู่นี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดได้หรือไม่ หาหมอมากมายล้วนไม่เห็นผล เห็นๆ อยู่ว่าสุขภาพย่ำแย่ลงทุกทีจนแทบจะไม่ไหวแล้ว พอไต้ซือเทียนสุ่ยลงมือเท่านั้นก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง!”“นั่นน่ะสิ หลานชายข้าพักนี้ค้าขายไม่ราบรื่น เกือบทำกิจการของตระกูลล้มละลายไปเสียแล้ว ตั้งแต่ไต้ซือเทียนสุ่ยอัญเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภมาให้ ทุกวันนี้การค้าเจริญรุ่งเรือง ดีวันดีคืน!”“ตระกูลหลิ่วเองก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเท่าไหร่จึงสามารถเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาได้ วันหน้าจะต้องได้ดิบได้ดีแน่”ได้ยินคำพูดแฝงความอิจฉาเหล่านั้น คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินก็เลิกขึ้นเล็กน้อย นางจะไปหยั่งเชิงไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ดูสักหน่อยว่ามีความสามารถจริงหรือไม่!เมื่อนางเข้าไปในจวนตระกูลหลิ่ว เห็นข้ารับใช้ในจวนกำลังจัดฮวงจุ้ยตามคำแนะนำของไต้ซือเทียนสุ่ย ก็แค่นหัวเราะในใจฮวงจุ้ยในจวนตระกูลหลิ่ว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 14

    ไต้ซือเทียนสุ่ยมองซ่งรั่วเจินนิ่งๆ “แม่นางซ่ง หลายวันก่อนอาตมาไปดูฮวงจุ้ยที่จวนตระกูลซ่ง หมู่นี้จวนตระกูลซ่งเกิดเรื่องติดต่อกัน ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลยเสียทีเดียว”“อ้อ? ไหนท่านลองพูดให้ฟังที ว่าเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรบ้าง?”ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน มองคนตรงหน้าด้วยความสงบเยือกเย็น นางอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะแต่งเรื่องอย่างไรออกมา!“ข้าเคยดูเวลาตกฟากของเจ้ามาก่อน เจ้าชะตาอาภัพมีดวงพิฆาต หลินโหวเป็นดาวนำโชคในชีวิตเจ้า มีเพียงต้องออกเรือนให้เขาจึงจะสามารถคลี่คลายได้”“เดิมทีหลินโหวไม่มีทางแต่งเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีการบางอย่าง แม้แต่ภรรยาหลวงเจ้าก็คงไม่ได้เป็น วันนี้เจ้าอยากอยู่อย่างสงบก็มีแต่ต้องเดินทางนี้เท่านั้น มิเช่นนั้น ดวงพิฆาตของเจ้ายังจะทำให้คนอื่นเคราะห์ร้ายไปด้วย”ได้ยินเช่นนั้น คนที่เดินตามไต้ซือเทียนสุ่ยออกมาล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจดวงพิฆาต นี่เป็นชะตาชีวิตที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุด เดิมนึกว่าหลินโหวทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเป็นการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม แต่ดูจากตอนนี้ หลินโหวเป็นดาวช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้ดีชั่ว!“มิน่าเล่า หมู่นี้ตระกูลซ่งถึงได้เกิดเรื่องไม

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 593

    บัดนี้ยังมีผู้ใดบ้างเล่ากล้าตั้งสัตย์สาบานต่อหน้าซ่งรั่วเจิน?กลางวันแสกๆ นางก็สามารถเรียกทัณฑ์อัสนีมาสังหารคนทั้งเป็นได้ หากตั้งสัตย์เท็จจะไม่เท่ากับรนหาที่ตายเองหรอกหรือ?ดวงตานายหญิงหลิ่วหดเกร็งด้วยหวั่นเกรง นางไม่ได้อยากตาย!“เจินเอ๋อร์ นางเป็นถึงท่านยายของเจ้า เจ้าก็อายุอานามเพียงเท่านี้เหตุใดจึงได้ใจคอโหดร้ายเพียงนี้!”นายท่านหลิ่วว่าด้วยขุ่นเคืองแกมแฝงด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ช่างเถิด ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ต้อนรับพวกข้าแล้วจริงๆ จึงได้ใช้วิธีต่ำช้าถึงเพียงนี้เพื่อตัดสัมพันธ์กับพวกข้า”“ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกเจ้าวางแผนรัดกุมรอบคอบเช่นนี้ไปเพื่ออะไร แต่พวกเราจะไปให้เดี๋ยวนี้แหละ!”ว่าพลาง นายท่านหลิ่วก็จูงมือนายหญิงหลิ่วเดินจากไป ท่าทีโกรธเกรี้ยวดูราวกับถูกเหยียดหยามเต็มประดาซ่งรั่วเจินมองดูละครลวงโลงแสนช่ำชองจากครอบครัวนี้แล้ว ในดวงตาก็ฉายแววเย้ยหยันอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดิบดีเพื่อแสดงละครฉากหนึ่ง บัดนี้ยังคิดเสแสร้งแกล้งทำตนเป็นผู้ถูกกระทำให้ผู้อื่นชี้หน้าด่าทอพวกนาง มีหรือที่เรื่องจะง่ายดายได้เช่นนั้น?“หรือจะถูกข้าพูดแทงใจเข้า จึงได้ร้อนตัวจนต้องรีบหนีกลับกัน?” ซ่ง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 592

    ว่าพลาง ซ่งรั่วเจินก็ส่งกระดาษเขียนยันต์ในมือให้กับฉู่จวินถิงหากนางเป็นผู้จุดเทียนเองก็เกรงว่าครั้นผลลัพธ์ปรากฏขึ้น สกุลหลิ่วก็ยังจะคิดหาหนทางมาปฏิเสธอยู่วันยังค่ำ แต่การให้ฉู่จวินถิงจุดเทียน ย่อมทำให้พวกเขาหุบปากสิ้นข้อสงสัยเมื่อผู้คนได้ยินได้เห็นถึงการพิสูจน์สายเลือดที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้แล้ว ในดวงตาก็ค่อยๆ เปี่ยมเต็มด้วยความกระหายใคร่รู้หลิ่วเฟยเยี่ยนจำยอมกรีดปลายนิ้วของตน นำเอาหยาดเลือดสดหยดลงบนกระดาษเขียนยันต์ด้วยความไม่เต็มใจ ตั้งแต่ได้รู้ว่าในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ซ่งรั่วเจินได้ใช้คำสัตย์สาบานเรียกทัณฑ์อัสนีลงมาฟาดฟันใส่คนพูดปดสองคนจนถึงแก่ชีวิตทั้งเป็น ในใจของนางก็อดหวาดผวาขึ้นมาไม่ได้หญิงผู้นี้ช่างเป็นนางมารนางปิศาจโดยแท้!ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดหลิ่วหรูเยียนจึงได้คลอดบุตรสาวเช่นนางออกมาได้ ทั้งยังเห็นประหนึ่งสมบัติล้ำค่า!ไม่นานกระดาษเขียนยันต์ก็ถูกจุดขึ้นโดยฉู่จวินถิง ผู้คนต่างเป็นประจักษ์พยานกันโดยทั่วว่าเทียนไขทั้งสี่เล่มล้วนถูกจุดขึ้นจนสว่างไสวลุกโชน เสียก็เพียงแต่กระดาษยันต์ที่ค่อยๆ มอดไหม้จนเหลือเพียงเถ้ากลับคล้ายมีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นเชื่อมโยงอยู่กับ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 591

    ทันทีทันใดที่สิ้นเสียงของซ่งรั่วเจิน สีหน้าของนายหญิงหลิ่วก็พลันเปลี่ยนสีนางลืมไปเสียสิ้นว่าซ่งรั่วเจินมีความสามารถเช่นนี้อยู่กับตัว!“เจ้าลูกอกตัญญูมิรู้คุณ! แม่ของเจ้าก็คือข้าอย่างไรเล่าที่อุ้มท้องถึงสิบเดือนคลอดเจ้าออกมา บัดนี้เจ้ากลับมาอุตริคิดสงสัยเรื่องเช่นนี้ได้ ตกลงเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน!”นายหญิงหลิ่วคล้ายเดือดดาลจนถึงขีดสุด จึงยื่นมือออกหมายจะทุบตีซ่งรั่วเจิน “เจ้าไม่รู้จักอบรมสั่งสอนลูกให้ดี เช่นนั้นข้าผู้นี้จะช่วยอบรมให้เอง!”ทว่ามือของนายหญิงหลิ่วเพิ่งยื่นออกมากลางอากาศก็ถูกขวางเอาไว้สายตาเยียบเย็นของฉู่จวินถิงกับจ้องเขม็งไปที่นางเสียก่อน “ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วก็เลื่องชื่อมิน้อยเรื่องมิอาจอบรมบุตรหลานให้ดี เช่นนั้นหยุดคิดจะอบรมลูกหลานผู้อื่นเสียจะดีกว่า”สีหน้าของนายหญิงหลิ่วพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางยังพอใช้สถานะความอาวุโสกดข่มผู้อื่นได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่อ๋องเช่นนี้แล้ว ต่อให้ใจกล้าอีกสักร้อยเท่าพันเท่านางก็ไม่กล้า!นางเด็กซ่งรั่วเจินผู้นี้ก็ช่างโชคดีได้น่าบรรลัยแท้ ถึงกับมีฉู่อ๋องมาโปรดปรานให้ความสำคัญเช่นนี้“ท่านอ๋อง ข้าอายุอานามก็ปูนนี

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 590

    “พี่หญิง ในใจท่านข้าไม่น่าเชื่อถือปานนั้นเชียวหรือ ท่านถึงได้ใส่ร้ายข้าต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่เห็นข้าเป็นน้องสาวอีกแล้ว ดี ต่อไปข้าจะอยู่ห่างๆ ท่านก็ได้ แต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด”“ท่านแค่โทษข้าคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ดีต่อท่านมากเลยนะ”“หรูเยียน พวกเราล้วนแต่เป็นคนในครอบครัว เจ้ากับเฟยเยี่ยนโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ยามนี้กลับทะเลาะจนถึงขั้นพี่น้องแตกหักกันแค่เพื่อร้านค้าร้านเดียวออกจะน่าเสียดายเกินไปแล้ว”“ต่อไปนางไม่กล้าเรียกร้องร้านขายไก่ทอดอีกแล้ว เจ้าก็หายโกรธเถอะนะ พวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกันดีหรือไม่?” นายหญิงหลิ่วกล่าวทั้งน้ำตาคลอหากเป็นเมื่อก่อน หลิ่วหรูเยียนเห็นนายหญิงหลิ่วเป็นเช่นนี้จะต้องใจอ่อนแน่นอน นางจิตใจดีงามมาตลอด ทนเห็นผู้อาวุโสเสียใจไม่ได้แต่หลังจากรู้ว่านางไม่ใช่ลูกบังเกิดเกล้าของอีกฝ่าย ทุกอย่างนี้กลับแลดูน่าขันยิ่งนักนางถึงกับถูกมารดาจอมปลอมเช่นนี้บีบคั้นมาเสียหลายปี!ซ่งรั่วเจินกับซ่งจิ่งเซินสบตากัน ฝ่ายหลังเข้าใจได้ในทันทีจึงเอ่ยขึ้นมาว่า“ท่านยาย ท่านแม่ย่อมยินดีเห็นคนในครอบครัวอยู่

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status