“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า
ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หล
จวนตระกูลซ่งหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่
สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใดซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสียมองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าวซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว
“นางย่อมเป็นคนใจดีและใจกว้าง นางเป็นคุณหนูตระกูลฉิน ฐานะไม่ต่ำกว่าเจ้า แต่เพราะข้ายอมรับเจ้า เจ้ากลับมีจิตใจคับแคบ เทียบกับนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และไม่มีวาสนาพอรับน้ำใจของนางได้!”หลินจือเยว่คว้าสร้อยข้อมือไปและสวมไว้ที่ข้อมือตนเองซ่งรั่วเจินยกคิ้วขึ้น คดีไขได้แล้ว เป็นฉินซวงซวงจริง ๆ ด้วย!“ฮูหยินซ่ง เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบ!”หลินรั่วหลานร้อนใจมาก สองปีนี้นางนำเงินของตระกูลซ่งไปใช้ชีวิตอย่างสบาย ออกไปที่ใดก็มีแต่คนอิจฉา นางใช้ชีวิตกินดีอยู่สบายจนเคยชินแล้ว ไหนเลยจะยอมกลับไปใช้ชีวิตลำบากแบบเดิมได้?หากซ่งรั่วเจินไม่แต่งงานเข้ามา จวนหลินโหวก็จะว่างเปล่า อย่าว่าแต่ชีวิตที่กินดีอยู่สบายเลย เงินที่มีก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้แต่เงินที่จะจ่ายให้คนรับใช้ก็ไม่มี“ความสัมพันธ์ของสองตระกูลดีเพียงนี้ จะขาดสะบั้นเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร? เยว่เอ๋อร์ยังหนุ่ม เพียงแค่หลงผิดไป รอให้เวลาผันผ่านย่อมรู้ว่ารั่วเจินต่างหากที่เป็นคู่ครองที่ดี”หลิ่วหรูเยียนปัดมือของหลินรั่วหลานออก “ไม่จำเป็น ลูกสาวของข้าไม่จำเป็นต้องอดทนรอให้ใครกลับใจ การหมั้นหมายล้มเลิกแต่เพียงเท่านี้ เราทั้งสองต่างก็เป็นค
เฉินเซียงตกตะลึง “คุณหนู นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าดูสิ ชุดที่นางใส่อยู่เป็นผ้าแบบเดียวกับคนใช้ของฉินซวงซวง คนรู้ก็รู้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า แต่คนไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของนาง!”ซ่งรั่วเจินมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหตุผลที่ฉินซวงซวงรู้เรื่องของตัวเอกคนเดิมได้ดี เพราะนางได้วางคนเอาไว้ใกล้ตัวนางเอกมานานแล้วเมื่อคิดดูอย่างละเอียด เพ่ยหลานก็คือสาวใช้ที่ ‘ท่านน้าคนดี’ ของนางเลือกมาให้โดยเฉพาะนอกจากนี้ ตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ก็ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ตัวเอกหลังจากแต่งงานกับหลินโหวเพียงสองปีก็เสียชีวิตก่อนหน้านี้ที่อ่านนิยายนางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพียงคิดว่าไม่ได้รับความรักจากสามี และทำงานหนักเพื่อจวนหลินโหวจนป่วย แต่ตอนนี้พอคิดถึงวิธีการที่โหดร้ายและเพ่ยหลานที่อยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีสาเหตุการตายที่น่าสงสัยกว่านั้น มิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ต่างหาก!คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว!“พวกเจ้า นำตัวเพ่ยหลานไปตระกูลหลิ่ว!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น
“ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีกแต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกลถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านาง
หญิงสาวใสซื่อไร้เดียงสาดุจบุปผาสีขาวบุรุษส่วนมากล้วนชมชอบหญิงสาวเช่นนี้“รอข้าเสียใจภายหลัง เจ้าอย่าให้อภัยข้าเป็นอันขาด” ซ่งจิ่งเซินพูดเสียงแผ่ว ซวยจริงๆเห็นเคอหยวนจื่อโมโหจากไปแล้ว ซ่งรั่วเจินตบบ่าซ่งจิ่งเซิน “พี่สี่ ตอนนี้ข้าสงสัยเหลือเกินหากความทรงจำของท่านฟื้นคืนกลับมาแล้วจะเสียใจภายหลังที่ได้ทำเรื่องนี้หรือไม่”“ที่ผ่านมาสมองของข้าต้องเสียไปแล้วแน่ถึงได้ชอบนาง บัดนี้คิดตกทั้งหมดแล้ว”“ความรักระหว่างข้าและนางไม่ต้องพูดถึง ก็แค่ข้าชอบนาง นางกลับไม่จริงใจต่อข้าเลยสักเศษเสี้ยว นี่จะแต่งกลับไปให้ท่านพ่อท่านแม่โมโหข้ากระนั้นหรือ?”ซ่งจิ่งเซินนึกถึงท่านลุงสามที่ตนยังไม่เคยพบหน้าก็ถูกสกุลกู้ขับไล่ไปแล้วท่านนั้น นั่นก็คือตัวอย่างอย่างไรเล่า!“ข้าได้ยินมาว่านับตั้งแต่กู้ชิงเจ๋อถูกไล่ออกมา ฮูหยินก็หย่ากลับบ้านไป หลิ่วอวิ๋นเวยเองก็ตายไปแล้ว บัดนี้ดื่มเหล้าเมามาย ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิว “เพิ่งกลับมาไม่ใช่หรือ ท่านก็รู้เรื่องมากถึงเพียงนี้แล้ว?”“ย่อมเป็นเช่นนั้น ข่าวของพี่สี่เจ้าไม่ใช่เรื่องคุยโวโอ้อวดอย่างแน่นอน ข้าไม่อยากหลงใหลไม่ลืมหูลืม
“จิ่งเซิน ก็ถือเสียว่าในอดีตไม่มีอันใดเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ข้ารับปากเลือกชวีคั่วก็เพราะถูกครอบครัวบังคับ ข้าทำอันใดไม่ได้!”เคอหยวนจื่อสบมองซ่งจิ่งเซินอย่างลึกซึ้ง “ข้ายอมรับก่อนหน้านี้ข้าผิดจริง ตอนนั้นเพราะท่านอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด ข้าชินชากับการมีอยู่ของท่าน ไม่รู้ว่าท่านมีความสำคัญต่อข้ามากเพียงใด”“ช่วงเวลานี้ นับตั้งแต่ท่านลืมข้าไป ข้าเจ็บปวดใจราวกับถูกมีดกรีด นี่ถึงรู้ว่าที่แท้ภายในใจข้าไม่อาจไม่มีท่านได้ ท่านสามารถมอบโอกาสให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ภายในใจสะท้อนแววนึกสนุก เหตุใดเนื้อเรื่องคล้ายภรรยาตระหนักได้จึงไล่ตามง้อสามีเลยเล่า?ในอดีตยามซ่งจิ่งเซินไล่ตามนาง นางกลับไม่รู้สึกอันใด คิดเพียงว่าซ่งจิ่งเซินเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี บัดนี้จู่ๆ คนไร้ศักดิ์ศรีก็มีศักดิ์ศรีแล้ว นางถึงรู้ว่าชอบซ่งจิ่งเซินไปแล้ว?นางหันมองทางซ่งจิ่งเซินอย่างอดไม่ได้ อยากรู้ว่าคนคลั่งรักอย่างเขาได้รู้สถานการณ์นนี้แล้วความคิดจะเปลี่ยนไปหรือไม่ซ่งจิ่งเซินได้เห็นสายตาของซ่งรั่วเจินก็หยั่งเดาความคิดออกแล้ว กลอกตาขาวอย่างอดไม่ได้ เขาเป็นตัวโง่งมหลอกง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“นั่นเพราะเดิมทีเจ้าก็ไม่สำคัญต่อข้า ดังนั้นข้าจึงลืมไปแล้ว” ซ่งจิ่งเซินพูดท่าทีของเคอหยวนจื่อแข็งทื่อไป “ไม่ เป็นเพราะข้าพิเศษที่สุดภายในใจท่าน ดังนั้นท่านถึงลืมเพียงข้า ข้าก็คือหนึ่งเดียวคนนั้นอย่างไรเล่า!”“ข้าว่าแม่นางเคอ ภายในใจข้า ท่านพ่อท่านแม่ข้า ครอบครัวของข้าต่างหากสำคัญที่สุด”“เจ้าพูดไปเสียทุกคำว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของพวกเราดีมาก แต่ข้าจำได้ว่าตอนพบหน้ากัน เจ้าคิดเพียงอยากแต่งงานกับชวีคั่ว”“หากระหว่างพวกเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงเพียงนี้จริง เจ้าก็คงไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น น่ากลัวว่าเจ้าอยากฉวยโอกาสตอนข้าสูญเสียความทรงจำมาหลอกข้ากระมัง?”ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดของซ่งจิ่งเซิน คิดว่าเขามีสติยิ่งกว่าในอดีตมาก คาดว่าต่อให้ฟื้นคืนความทรงจำ ก็ไม่มีวันขาดสติเหมือนในอดีตอีกเคอหยวนจื่อได้ยินแล้วก็คล้ายเข้าใจขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม“ข้าก็รู้ท่านพูดเรื่องทั้งหมดนี้เพราะเรื่องงานแต่งของข้าและชวีคั่ว ท่านกำลังโกรธ ท่านเพิ่งกลับมาจึงน่าจะยังไม่รู้ ข้าและชวีคั่วถอนหมั้นกันแล้ว คราวนี้ท่านดีใจแล้วกระมัง?”ดวงตาซ่งจิ่งเซินเบิกกว้างอย่างตกตะลึง “เหตุใดชวีคั่วไอ้โง่ถูกหลอกใช้ค
ซ่งรั่วเจินตามซ่งจิ่งเซินเข้ามาภายในร้าน มองคนมากมายกลุ่มนั้น ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้นับตั้งแต่ร้านไก่ทอดและไส้กรอกย่างเปิดตัว การค้าก็ดีมากมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่เปิดสาขาไม่น้อย แต่การค้ายังเหมือนที่ผ่านมา“น้องหญิงห้า เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ไม่รู้คิดของอร่อยถึงเพียงนี้ออกมาได้เยี่ยงไร”ซ่งจิ่งเซินถอนใจอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมาการค้าของสกุลซ่งพวกเขาไม่เลวมาโดยตลอด แต่ของกินที่น้องหญิงห้าเพิ่งคิดค้น รสชาติอร่อยเกินไปแล้ว!ซ่งรั่วเจินมองบรรยากาศครึกครื้นเบื้องหน้า นึกถึงร้านปิ้งย่างอันเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนานตามตรอกซอกซอยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ปิ้งย่าง ทุกคนล้วนรักเสมอมา“พี่สี่ ข้านึกถึงของกินที่การค้าได้รับความนิยมยิ่งกว่านี้ขึ้นได้อย่างหนึ่ง” ซ่งรั่วเจินพูดถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ซ่งจิ่งเซินเบิกตากว้างอย่างเหลือจะเชื่อ “จริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หรือข้ายังจะหลอกท่านอีกกระนั้น? อันที่จริงก็คล้ายไส้กรอกย่าง แต่ไส้กรอกย่างเป็นเพียงแค่หนึ่งชนิดในนั้น พวกเราสามารถเพิ่มหลากหลายอย่างเข้าไปได้ ทุกคนเองก็สามารถเลือกได้มากยิ่งขึ้น”“คือสิ่งใด?”“ปิ้งย่าง!”ต่อจากคำพูดของซ่งรั่วเจิน ซ่งจิ่
เดิมทีเขาก็เป็นคนให้ความสำคัญและหนักแน่นในความสัมพันธ์ บัดนี้สหายมากมายต้องตายเพราะเขา เขาไม่มีวันยอมเลิกราได้ยิน สีหน้ากู้หรูเยียนหม่นลงหลายส่วน แต่กลับมาหนักแน่นอย่างว่องไว“ข้ารู้อุปนิสัยของพ่อเจ้าดี เขาไม่มีวันยอมแพ้ ข้าก็แค่กังวลความปลอดภัยของเขา แต่คิดดูอย่างละเอียดแล้วหากเขามีอุปนิสัยน่ารังเกียจ เผชิญหน้ากับอันตรายก็ถอยกลับอย่างหวาดกลัว ข้าก็คงไม่แต่งกับเขา”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนล้วนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้“ท่านแม่พูดถูกแล้ว ท่านพ่อเป็นเช่นนี้ถึงแข็งแกร่งสมชายชาตรี ไม่รู้อยู่ที่ภายนอกมีคนอิจฉากี่มากน้อย ก็ดูเจ้าคนไร้น้ำยาที่หลิ่วเฟยเยี่ยนตบแต่งเถอะ ไม่สามารถเทียบได้เลยสักเศษเสี้ยว”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าภาคภูมิใจ เขาคิดว่าบิดาเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากขณะกำลังสนทนา ลั่วหวยหลี่ก็มาแล้ว“หวยหลี่มารับเนี่ยนชูออกไปหรือ?” หลิ่วหรูเยียนพูดยิ้มๆลั่วหวยหลี่ทำความเคารพ พูดอย่างเก้อเขิน “เมื่อวานนัดหมายไว้ดีแล้ว วันนี้อยากเชิญน้องเนี่ยนชูไปชมละครขอรับ”“ช่วงนี้คณะงิ้วเปิดตัวใหม่แสดงได้ดีมาก การค้ารุ่งเรือง ตั๋วหาได้ยากยิ่ง”ทันใดนั้นซ่งจิ่งเซินก็รู้แล้วว่าลั่วหวยหลี่กำลังพ
สีหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูซับซ้อน นึกถึงสายตาเย็นชาของญาติผู้พี่ยามจากไปในวันนี้ รู้สึกเพียงตนเองคล้ายตัวตลกนางเกลียดที่ไม่แต่งงานโดยเร็ว ภายภาคหน้าก็มีโอกาสพบญาติผู้พี่ได้น้อยมาก อีกทั้งยังไม่ต้องคิดเหลวไหลที่ผ่านมานางเฝ้ารอญาติผู้พี่กลับมาเร็วๆ ทุกวัน ต่อให้ไม่พูดอันใด ขอเพียงได้เห็นเขาก็ดีใจมากแล้ว ทว่าบัดนี้เพียงได้ยินเรื่องของญาติผู้พี่และแม่นางหวง นางก็รู้สึกเจ็บปวดราวหัวใจถูกเข็มแทงก็มิปานอยากทำเพียงหลบซ่อน ไม่อยากได้ยินอันใด“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า”ซ่งรั่วเจินปลอบโยนอวิ๋นเนี่ยนชู ไม่ว่าใครก็ล้วนเคยมีช่วงเวลาอยากหลีกหนีปัญหา โดยเฉพาะหลังเกิดเรื่องพรรค์นี้แล้ว“เจ้ารู้สึกว่าความคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง พรุ่งนี้ยังต้องออกไปเที่ยวกับลั่วหวยหลี่อีกด้วย คิดว่ากำลังหลอกใช้ประโยชน์จากเขา รู้สึกผิดต่อเขากระมัง?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “รั่วเจิน เจ้าช่างเข้าใจความรู้สึกของข้าจริงๆ อันที่จริงข้าคิดมาโดยตลอด ข้าที่เป็นเช่นนี้ต่ำช้าเกินไปแล้วกระมัง?”“อันที่จริงเมื่อครู่ข้าสมควรปฏิเสธ แต่ข้าไม่ได้ทำ ไม่รู้เพราะทะนงตนหรืออยากเปลี่ยนความคิดจริงๆ ข้าจึงไม่ได้ปฏิเสธ...”“อย่าคิดมากถึงเพียง
“ญาติผู้พี่ไม่จำเป็นต้องกังวล รั่วเจินไม่รังเกียจข้าหรอกเจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยตอบลูกกระเดือกอวิ๋นเฉิงเจ๋อกลิ้งขึ้นลง พูดเนิบๆ “พรุ่งนี้เจ้าจะออกไปหรือ?”“เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินแล้วมิใช่หรือ? นัดหมายวันพรุ่งนี้ถูกกำหนดไว้ดีแล้ว ข้าย่อมต้องไปเจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยรับดวงตาดำขลับของอวิ๋นเฉิงเจ๋อถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา สุ้มเสียงกลับสงบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ “ได้ ข้าไปล่ะ”เห็นฝ่ายชายหันหลังจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา อวิ๋นเนี่ยนชูเองก็หันหลังกลับเข้าสกุลซ่งตอนนี้ซ่งรั่วเจินถูกลั่วชิงอินเรียกไปสอบถามสถานการณ์อยู่ทางด้านข้าง“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านถามถึงความชอบของเนี่ยนชู คงไม่ใช่...”เนตรขนงของซ่งรั่วเจินเผยแววแปลกใจ ภายในสมองกลับเริ่มครุ่นคิดภายในต้นฉบับเขียนความสัมพันธ์ระหว่างลั่วหวยหลี่และอวิ๋นเนี่ยนชูหรือไม่?เอือมระอาหนังสือเล่มนี้เขียนเพียงเรื่องราวเกี่ยวกับฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ คนอื่นเป็นเพียงตัวประกอบ ส่วนเนี่ยนชูในฐานะสหายที่ดีของนาง สุดท้ายก็ตายไปเพราะนางแม้แต่สถานการณ์ของอวิ๋นเฉิงเจ๋อเองก็ไม่ได้เขียนมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลั่วหวยหลี่ นี่คล้ายกำลังคลี่คลายเนื้อเรื่องลับ!ร
เยี่ยนชิงอวี้สบตาลั่วกั๋วกงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังย่อมสังเกตเห็นปัญหา“ชุลมุนอยู่นาน เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้มีแม่นางที่ชมชอบตั้งแต่แรกแล้ว?” ลั่วกั๋วกงลดเสียงให้เบาลง “ข้ายังคิดว่าเจ้าจับคู่ยวนยางส่งเดชเสียอีก”เยี่ยนชิงอวี้มองลั่วกั๋วกงอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “พูดเหลวไหลอันใด? ข้าเป็นคนตาไม่มีแววถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”หากเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ นางก็คงไม่วู่วามเอ่ยเรื่องนี้ออกมา นางสังเกตเห็นว่านับตั้งแต่เนี่ยนชูมา หวยหลี่ก็ลอบมองนางไม่ใช่เพียงครั้งเดียว นี่ถึงตั้งใจถามดูสักหน่อยเป็นมารดาย่อมรู้จักลูกชายดี นางเข้าใจดี!งานเลี้ยงครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสแย้มยิ้มเบิกบาน เหล่าคนรุ่นหลังกลับมีความคิดของตนลั่วชิงอินมองน้องชายของตนและพูดว่า “ท่านแม่ทำให้เจ้าถึงขั้นนี้แล้ว จากนี้ไปเจ้าต้องพยายามด้วยตนเองดีๆ ล่ะ”“พี่หญิงรอง ไม่รู้ท่านกำลังพูดเหลวไหลอันใด?” ลั่วหวยหลี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน“เจ้าอย่าคิดว่าข้ามองไม่ออก ตั้งแต่เด็กเจ้าไม่ใช่ชอบไปเล่นกับน้องหญิงเนี่ยนชูของเจ้าหรอกหรือ? ทว่านับตั้งแต่ญาติผู้พี่ของนางมา ทุกครั้งนางก็ไล่ตามหลังญาติผู้พี่ของนาง”“ตอนนั้นเจ้ายังโมโหเพราะเรื่องนี้อยู่เลย พู
ยิ่งไปกว่านั้น ลั่วหวยหลี่เองก็เป็นคนจิตใจดี เป็นคู่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง!“เนี่ยนชูมีคนภายในใจแล้วหรือไม่? หากไม่มี ไม่สู้ให้เด็กทั้งสองคนได้ทำความรู้จักกัน?”เยี่ยนชิงอวี้สบมองสีหน้าจางเหวินก็รู้ว่าความคิดของนางเหมือนกับตนเอง ใบหน้าเผยรอยยิ้มนับตั้งแต่ได้เห็นชิงอินและเยี่ยนโจวมีความสัมพันธ์อันดีถึงเพียงนี้ นางก็คิดว่าคู่รักในวัยเยาว์ที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กเข้ากันได้ไม่เลวจางเหวินเหลือบมองเนี่ยนชูแวบหนึ่ง เห็นนางมิได้ปฏิเสธจึงพูดยิ้มๆ “เด็กหน้าบาง ตอนนี้น่ากลัวว่าเขินอายเกินกว่าจะพูด มิสู้นัดพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน”“ไม่เลวๆ หวยหลี่คนนี้รู้จักสถานที่น่าสนใจไม่น้อย พวกเจ้าคนหนุ่มสาวสามารถไปเที่ยวเล่นได้ เชื่อว่าจะต้องชอบแน่”ใบหน้าเยี่ยนชิงอวี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หากการจับคู่นี้สำเร็จ นั่นก็ดีเหลือเกินลั่วกั๋วกงทางด้านข้างกลับไม่มีความเห็น เดิมทีหวยหลี่ก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว แม้ว่าจางเหวินหย่าร้าง แต่คนสง่างามน่าเลื่อมใส ไม่ว่าเนี่ยนชูหรือเฉิงเจ๋อก็ล้วนสั่งสอนออกมาได้ดีมาก เดิมทีก็ไม่ต้องกังวลซ่งรั่วเจินนั่งรับชมอยู่ทางด้านข้างเงียบๆ นางและลั่วหวยหลี่ได้ติดต่อกันมากที่สุดก