แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ย

เพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”

“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”

นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริง

ครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!

“ไอ้สารเลว!”

หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปาก

ซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคลนทำให้อับอายเช่นนี้!

“ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก !”

กำปั้นกระแทกเข้าไปไม่หยุด ซ่งจืออวี้เกรี้ยวกราดคล้ายสิงโต น้องหญิงที่พวกเขาวางไว้อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ เหตุใดต้องเสียใจเพียงนี้!

“คุณชายซ่ง ท่านรีบยั้งมือเดี๋ยวนี้!”

ฉินซวงซวงเห็นหลินจือเยว่ถูกต่อยจนตาแดงแล้ว ถลันเข้าไปขวางหน้าหลินจือเยว่ จากนั้น...ถูกซ่งจืออวี้ตบหน้าแรงๆ หนึ่งฉาด

“นางแพศยา เจ้านับเป็นตัวอะไร? ขวัญกล้าทำลายงานแต่งของน้องหญิงข้า!”

ซ่งรั่วเจินมองการกระทำของพี่สามบ้านตน ลอบปรบมือร้องว่าดีในใจ ทำได้เยี่ยมมาก!

“ซ่งจืออวี้ เจ้าต่อยข้าก็ช่างเถอะ มีสิทธิ์อะไรมาตบซวงซวง?”

หลินจือเยว่เห็นฉินซวงซวงถูกตบก็ทนไม่ได้ หนึ่งหมัดเหวี่ยงไปทางซ่งจืออวี้

ดวงตาคู่สวยของซ่งรั่วเจินหรี่เล็กลง ชายหลายใจคนนี้ยังคิดลงมือกับพี่ชายนาง? ฝันไปเถอะ!

นางหยิบหินขึ้นมาหนึ่งก้อนอย่างไม่ตั้งใจขว้างออกไปแล้ว มองเห็นหินเล็กๆ ถูกขว้างออกไปกระแทกเข้ากับข้อเท้าของหลินจือเยว่อย่างแรง ทำให้เขาเซถลาคุกเข่าลงตรงหน้าซ่งจืออวี้

ซ่งจืออวี้ “…?”

“หลินจือเยว่ เพื่อเงินเจ้าถึงขั้นไม่สนศักดิ์ศรี แต่หากเจ้าต้องการคุกเข่าก็ควรคุกเข่าให้น้องหญิงข้า คุกเข่าให้ข้าล้วนไม่มีประโยชน์!”

ซ่งรั่วเจินเกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว ช่างเป็นพี่สามแสนดีของนางจริงๆ!

สีหน้าหลินจือเยว่บึ้งตึงจนน่ากลัว ฉินซวงซวงประคองเขาขึ้นมา ใบหน้าแดงก่ำโมโหเดือดดาล “เมื่อครู่เป็นฝีมือใคร? ใครปาหินใส่ข้า!”

ไม่มีคนตอบ

“น่ากลัวกรรมตามสนองแล้วกระมัง?” ซ่งรั่วเจินแสร้งตกตะลึง “ฟ้าดินมีวิญญาณ คนผู้นี้ไร้ยางอายเกินไป ย่อมถูกสวรรค์ลงโทษ”

หลินจือเยว่กำลังจะขยับ ฉินซวงซวงก็เปิดปากปกป้องแล้ว “แม่นางซ่ง ระหว่างเจ้าและท่านโหวยังมีเยื่อใยต่อกัน เปล่งวาจาเช่นนี้ใจร้ายเกินไปหรือไม่?”

“ข้าใจร้าย?” ซ่งรั่วเจินนั่งบนเก้าอี้ที่เฉินเซียงยกมา ในมือขาดเมล็ดแตงให้แทะระหว่างรับชมละครฉากสนุก นางเหยียดนิ้วชี้ไปทางหลินจือเยว่ “หนึ่งคนใช้เงินของข้าเลี้ยงดูหญิงอื่น หนึ่งคนไม่มียางอายยึดครองว่าที่สามีของข้า พวกเจ้าสองคนสมคบคิดกัน เหตุใดยังกล้าพูดว่าข้าใจร้ายเล่า?”

“นางคนต่ำช้าไร้ยางอาย!” ซ่งจืออวี้เผยสีหน้ารังเกียจ หันมองน้องหญิงของตนอย่างสงสาร “น้องหญิงไม่ต้องกังวล เจ้าคือไข่มุกล้ำค่าของพวกเราสกุลซ่ง ไฉนเลยจะสามารถถูกนางแพศยาพรรค์นี้รังแกได้?”

“ข้าว่าหลินจือเยว่เองก็ตาบอด งานแต่งนี้ยกเลิกก็ช่างเถอะ!”

“เข้ามา ย้ายของของบ้านข้าสกุลซ่งทั้งหมดออกไป หากขนไม่หมดก็ทุบทิ้งเสีย สิ่งของของบ้านข้าสกุลซ่ง พวกเขาไม่คู่ควร!”

มองเห็นเครื่องประดับหลากหลายชนิด ผ้าแพรต่วน เงินในคลังไปจนถึงตั่งเตียงโต๊ะแปดเซียน แม้แต่กระถางดอกไม้ก็ถูกยกออกไป กระเบื้องที่ถูกปูใหม่บนหลังคาถูกทุบทิ้ง แสงแดดเจิดจ้าสาดเข้าเรือน

ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้นอย่างพึงพอใจ “คนที่มาจัดงานเลี้ยงถือของตามข้าไป จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกับราษฎรริมถนนหน้าจวนข้าสามวัน!”

หลินจือเยว่โมโหจนสีหน้าเขียวคล้ำ ซ่งรั่วเจินกลับกระแทกสมุดบัญชีเล่มหนึ่งใส่

“เว้นเสียแต่ของที่ข้านำไป ท่านโหวยังติดค้างข้าแปดล้านตำลึง ต้องนำไปส่งให้ถึงจวนสกุลซ่งของข้าภายในหนึ่งวัน หาไม่แล้วข้าจะไปฟ้องร้องต่อศาลกับท่าน!”

“อะไรนะ? แปดล้านตำลึง?” สีหน้าหลินจือเยว่เปลี่ยนไปแล้ว “เพียงสองปีสั้นๆ จวนโหวจะสามารถใช้จ่ายเงินมากเพียงนี้ได้อย่างไร?”

“ท่านโหวอย่าเพิ่งร้อนใจ ทุกรายการล้วนบันทึกไว้ในสมุดบัญชีทั้งหมดแล้ว ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น สองปีมานี้ท่านส่งจดหมายถึงข้าสิบสองฉบับ ทุกครั้งล้วนอ้าปากขอเงิน หรือท่านแกล้งไม่รู้?”

ซ่งรั่วเจินแค่นหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ขณะเดินออกจากจวนหลินโหว ก็ปลดป้ายจวนหลินโหวลงมาแล้ว

“เพล้ง” เสียงดังขึ้น แตกออกเป็นสี่ห้าส่วน

“ป้ายนี้เองก็เป็นข้าสั่งให้คนทำขึ้นเมื่อหลายวันก่อน บัดนี้ไม่ได้ใช้งาน ทำลายทิ้งก็ไม่เกินไปกระมัง?”

ซ่งรั่วเจินปรายสายตาเย้ยหยันให้หลินจือเยว่แวบหนึ่ง ก่อนจะก้าวอย่างมั่นคงออกจากจวนหลินโหว แต่กลับมองเห็นเงาร่างสง่างามน่าเกรงขามสายหนึ่งที่หน้าประตู

ฝ่ายชายหล่อเหลาเปล่งประกาย ชุดผ้าแพรสีดำขับเน้นให้เขาสง่างามไม่ธรรมดา ดวงตาดำดุจหมึกคู่นั้นคล้ายหลุมลึก สงบไร้คลื่น สุขุมสง่างาม

สายตากวาดมองอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง ดวงชะตาของคนผู้นี้ดีกว่าหลินจือเยว่อีกกระนั้นหรือ?

ฉู่จวินถิงสบมองซ่งรั่วเจินที่แก้แค้นอย่างมีความสุขตรงหน้า ในใจให้นึกแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าชาติก่อนซ่งรั่วเจินกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ตลอด ปูทางต่อสะพานให้หลินจือเยว่จนเขาประสบความสำเร็จไปทั้งชาติ หรือว่า...นางเองก็กลับชาติมาเกิด?

นี่...น่าสนใจยิ่งนัก!

ณ จวนสกุลซ่ง

“เจินเอ๋อร์ เหตุใดจึงกลับมา?”

หลิ่วหรูเยียนก้าวเท้าฉับไวขึ้นไปด้านหน้า สายตาเปี่ยมความตกตะลึง กลับบ้านมารดาในวันแต่งงาน มีหลักการนี้ที่ใดกัน?

“ท่านแม่ ข้าไม่แต่งแล้ว”

“จวนโหวเฮงซวยอะไร น้องหญิงห้าไม่แต่งแล้ว ก่อนนี้ข้าเห็นหลินจือเยว่ดูเป็นคนที่พึ่งพาได้ คิดไม่ถึงเรื่องที่ทำออกมาน่ารังเกียจเพียงนี้ วันแต่งงานกลับตบแต่งภรรยาหลวงศักดิ์เทียมกันอีกคน ไม่เห็นหัวคนสกุลซ่งแล้วกระนั้นรึ?”

ซ่งจืออวี้ยังระบายโทสะภายในใจไม่หมด เพียงเปิดปากก็บ่นยาวเป็นพรวนคล้ายจุดประทัด

“ฉินซวงซวงอะไรนั่น หลายปีก่อนคลั่งใคล้หลงใหลองค์ชายสามอยู่ตลอด บัดนี้อายุมากแล้วแต่งไม่ออกจึงตกลงแต่งงานกับหลินจือเยว่ สรุปว่าไอ้คนไม่ได้เรื่องคนนั้นรีบตอบตกลงเห็นเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง วันนี้ตีหัวเขาไม่แตกช่างไม่สบอารมณ์จริงๆ!”

“อะ อะไรนะ?” สีหน้าหลิ่วหรูเยียนเผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ สุ้มเสียงสิ้นหวัง “เหตุใดจวนสกุลหลินเหยียดหยามลูกสาวข้าเพียงนี้ พวกเราสกุลซ่งทำผิดต่อพวกเขาที่ใด?”

ซ่งรั่วเจินตาไวมือไว รีบประคองนางไว้ก่อน “ท่านแม่ ท่านอย่าเสียใจไปเลย วันนี้ข้าไม่แต่ง ท่านสมควรดีใจแทนข้าต่างหาก”

“ยังไม่ต้องพูดว่าข้าและเขาหมั้นหมายกันตั้งแต่แรก ครานั้นเป็นเขาคุกเข่าภายในจวนขอข้าแต่งงาน เขายังเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกับพี่ใหญ่อีกด้วย ขอเพียงเป็นคน ล้วนไม่ทำไม่ดีต่อข้า แต่วันนี้เขาสามารถทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าเขาไร้คุณธรรม ไร้มโนธรรม เห็นแก่ตัวไม่มีหัวใจ”

“หากข้าแต่งกับเขาแล้ว นั่นต่างหากถึงสิ้นหวังชั่วชีวิต”

หลิ่วหรูเยียนจับมือนาง สายตาเปี่ยมสงสาร “บัดนี้นายท่านหายตัวไป พี่ใหญ่และพี่รองของเจ้าล้วนเกิดเรื่อง อยู่ในช่วงตระกูลเผชิญวิกฤตพอดี เดิมทีข้าอยากให้เจ้าแต่งกับหลินโหวเพื่อให้มีชีวิตสงบสุข คิดไม่ถึงว่า…”

“เจินเอ๋อร์ ล้วนเป็นแม่ทำร้ายเจ้าแล้ว คิดว่าหลินโหวจะเป็นคนที่สามารถฝากฝังไว้ได้คนหนึ่ง!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Meaw Tewika
แม่อ่อนแอแท้ๆ ไม่ไหวๆๆ เฮ้อ
goodnovel comment avatar
Lek Chatchalai Sirilaowattanatham
เรื่องราวน่าสนใจมาก
goodnovel comment avatar
Aimjit Jerapa
เรื่องราวสนุกน่าติดตาม..
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 4

    “เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 5

    ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 6

    “เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หล

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 7

    จวนตระกูลซ่งหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 8

    สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใดซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสียมองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าวซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 9

    “นางย่อมเป็นคนใจดีและใจกว้าง นางเป็นคุณหนูตระกูลฉิน ฐานะไม่ต่ำกว่าเจ้า แต่เพราะข้ายอมรับเจ้า เจ้ากลับมีจิตใจคับแคบ เทียบกับนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และไม่มีวาสนาพอรับน้ำใจของนางได้!”หลินจือเยว่คว้าสร้อยข้อมือไปและสวมไว้ที่ข้อมือตนเองซ่งรั่วเจินยกคิ้วขึ้น คดีไขได้แล้ว เป็นฉินซวงซวงจริง ๆ ด้วย!“ฮูหยินซ่ง เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบ!”หลินรั่วหลานร้อนใจมาก สองปีนี้นางนำเงินของตระกูลซ่งไปใช้ชีวิตอย่างสบาย ออกไปที่ใดก็มีแต่คนอิจฉา นางใช้ชีวิตกินดีอยู่สบายจนเคยชินแล้ว ไหนเลยจะยอมกลับไปใช้ชีวิตลำบากแบบเดิมได้?หากซ่งรั่วเจินไม่แต่งงานเข้ามา จวนหลินโหวก็จะว่างเปล่า อย่าว่าแต่ชีวิตที่กินดีอยู่สบายเลย เงินที่มีก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้แต่เงินที่จะจ่ายให้คนรับใช้ก็ไม่มี“ความสัมพันธ์ของสองตระกูลดีเพียงนี้ จะขาดสะบั้นเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร? เยว่เอ๋อร์ยังหนุ่ม เพียงแค่หลงผิดไป รอให้เวลาผันผ่านย่อมรู้ว่ารั่วเจินต่างหากที่เป็นคู่ครองที่ดี”หลิ่วหรูเยียนปัดมือของหลินรั่วหลานออก “ไม่จำเป็น ลูกสาวของข้าไม่จำเป็นต้องอดทนรอให้ใครกลับใจ การหมั้นหมายล้มเลิกแต่เพียงเท่านี้ เราทั้งสองต่างก็เป็นค

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 10

    เฉินเซียงตกตะลึง “คุณหนู นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าดูสิ ชุดที่นางใส่อยู่เป็นผ้าแบบเดียวกับคนใช้ของฉินซวงซวง คนรู้ก็รู้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า แต่คนไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของนาง!”ซ่งรั่วเจินมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหตุผลที่ฉินซวงซวงรู้เรื่องของตัวเอกคนเดิมได้ดี เพราะนางได้วางคนเอาไว้ใกล้ตัวนางเอกมานานแล้วเมื่อคิดดูอย่างละเอียด เพ่ยหลานก็คือสาวใช้ที่ ‘ท่านน้าคนดี’ ของนางเลือกมาให้โดยเฉพาะนอกจากนี้ ตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ก็ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ตัวเอกหลังจากแต่งงานกับหลินโหวเพียงสองปีก็เสียชีวิตก่อนหน้านี้ที่อ่านนิยายนางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพียงคิดว่าไม่ได้รับความรักจากสามี และทำงานหนักเพื่อจวนหลินโหวจนป่วย แต่ตอนนี้พอคิดถึงวิธีการที่โหดร้ายและเพ่ยหลานที่อยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีสาเหตุการตายที่น่าสงสัยกว่านั้น มิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ต่างหาก!คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว!“พวกเจ้า นำตัวเพ่ยหลานไปตระกูลหลิ่ว!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 11

    “ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีกแต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกลถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านาง

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 938

    “ซ่งรั่วเจินและฉู่อ๋องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เดิมทีอยากให้เชี่ยนเอ๋อร์แต่งงานกับฉู่อ๋อง ทั้งหมดจะได้คลี่คลาย ทางฝั่งฮองเฮาก็ถูกเจ้าพูดจนหวั่นไหวแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปกันเล่า?”สีหน้านายหญิงหลิงแข็งทื่อ “ยังเพราะอันใดอีกเล่า? ไม่รู้ซ่งรั่วเจินกรอกน้ำแกงลุ่มหลงอันใดให้ฉู่อ๋องกิน ภายในสายตาเขามีเพียงซ่งรั่วเจินคนเดียว ไม่สนใจเชี่ยนเอ๋อร์เลยสักนิด ไม่ว่าพวกเราพยายามมากเพียงใดก็ไร้ผล”“ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องไม่ดีแน่ เดิมทีเชี่ยนเอ๋อร์ก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้เช่ออ๋องเอาอกเอาใจนางมากไม่ใช่หรือ?”“อย่างไรเสียบัดนี้เช่ออ๋องก็ไม่มีพระชายา คนก่อนนั้นก็ถูกจับขังคุกไปแล้ว ประจวบเหมาะกับเชี่ยนเอ๋อร์พอดี ขอเพียงนางแต่งเข้าราชวงศ์ได้ ตำแหน่งของสกุลหลิงพวกเราก็จะมั่นคงขึ้นอีกนิด”หลิงไท่ซือเอ่ยปากเสียงเย็น พูดตัดสินชี้ขาดออกมานายท่านหลิงพยักหน้า มองทางนายหญิงหลิง “อีกเดี๋ยวเจ้าบอกเรื่องนี้ให้เชี่ยนเอ๋อร์รู้ ให้นางรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว”“เชี่ยนเอ๋อร์คล้ายไม่ชอบเช่ออ๋องเจ้าค่ะ” นายหญิงหลิงลังเลเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เช่ออ๋องเอาอกเอาใจเชี่ยนเอ๋อร์อย่างมากจริงๆ แต่สถานกา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 937

    “เรื่องในตอนนั้นของกระหม่อมโด่งดังอึกทึกครึกโครม คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ว่ากระหม่อมตาบอดไป กระหม่อมเองก็ไม่ได้สนใจมิใช่หรือ?”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าไม่ใส่ใจ แม้ตอนเขารู้เรื่องที่ตนทำในอดีตไม่กล้าออกไปสู้หน้าคนจริง แต่อย่างไรเสียที่ผ่านมาหน้าตาที่ควรเสียไปก็เสียไปจนสิ้นแล้ว บัดนี้ไม่มีอะไรให้ใส่ใจอีกซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ท่านเรียนรู้จากพี่สี่หม่อมฉันเถอะ เรื่องในตอนนั้นอึกทึกครึกโครมจนคนในเมืองหลวงต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด เดิมทีก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่เป็นไรหรอกเพคะ”“พูดให้ละเอียดดูแล้ว ชายโฉดหญิงชั่วล้วนมีศีลเสมอกัน คิดเพียงจะกอดซ้ายกอดขวา เสวยสุขกับคนรักมากมาย ไม่มีความสามารถเลยสักนิด”“ไปจากพวกท่านแล้วก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”“พี่สะใภ้ ท่านพูดถูกแล้ว ผิดก็ผิดไปแล้ว ภายภาคหน้าหากข้ามีคนที่ชอบอีก ข้าจะบอกท่านแน่ ให้ท่านช่วยข้าดู”ฉู่มู่เหยากะพริบตาปริบๆ ตัดสินใจภายในใจ ภายภาคหน้าจะไม่มีวันทำเรื่องขายหน้าเช่นนี้อีก!“กระหม่อมเองก็สามารถช่วยท่านดูได้” ซ่งจิ่งเซินพูดเย้าฉู่มู่เหยาเผยสีหน้าสงสัย “เจ้า?”“อะไรกัน? ดูเบากระหม่อมหรือ?” สายตาซ่งจิ่งเซินคมกริบ ตอบโ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 936

    “พี่สะใภ้ ขออภัยจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเลียนแบบร้านปิ้งย่างที่ท่านเปิด หากว่ารู้ ข้าไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาทำเช่นนี้เป็นอันขาด”ฉู่มู่เหยาเผยสีหน้ารู้สึกผิด ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เหตุใดตอนนางถามเสิ่นหวยอันว่าเตรียมจะเปิดร้านอะไร เขาถึงหลีกเลี่ยงไม่ยอมตอบมาโดยตลอด พูดเพียงว่าต้องการสร้างความประหลาดใจระคนดีใจให้นางอย่างหนึ่งจนกระทั่งมาวันนี้ หลังได้เห็นป้ายร้านเองกับตา อารมณ์ของนางก็แย่ลงทั้งๆ ที่เสิ่นหวยอันรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางและพี่สะใภ้ ร้านนี้ยังเอามาจากมือของพี่สะใภ้อีกด้วย ปรากฏว่าเขาทำเรื่องพรรค์นี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่คำนึงถึงนางเลยสักนิด“ท่านไม่รู้เรื่องนี้เสียหน่อย ไฉนเลยจะโทษท่านได้?”ซ่งรั่วเจินจูงมือของฉู่มู่เหยา “อย่าอารมณ์ไม่ดีเพราะคนพรรค์นี้เลย ใครบ้างเล่าอายุยังน้อยไม่เคยตาบอดมองคนพลาดมาก่อน? ขอเพียงตอนนี้มองออกอย่างชัดเจนก็พอ!”“แต่พวกเขาเปิดร้านนี้จะส่งผลกระทบต่อพวกท่านหรือไม่?” ฉู่มู่เหยายังรู้สึกผิดอยู่มาก บัดนี้รู้สึกเพียงว่าเสด็จแม่และพี่ห้าด่าว่าไม่ผิดไปเลยสักนิด“แค่ร้านของพวกเขานี้ ยังส่งผลต่อการค้าของพวกเราอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 935

    “องค์หญิง เหตุใดท่านใจร้ายถึงเพียงนี้?” ซ่งปี้อวิ๋นพูดออกมาอย่างสุดระงับฉู่มู่เหยาขมวดคิ้วแน่น กลับถูกซ่งรั่วเจินห้ามไว้ “เจ้าใจดีถึงเพียงนั้นก็ดูแลดีๆ เถอะ แต่เห็นแก่สายสัมพันธ์ของญาติพี่น้อง ข้าจะต้องเตือนเจ้าหนึ่งประโยค”“เจ้าเป็นแม่นางที่ยังไม่ออกเรือนคนหนึ่ง อยู่ภายนอกจะต้องรักษาระยะห่างให้ดี ยื้อยุดฉุดกระชากท่ามกลางผู้คนมากมาย หากถูกท่านลุงใหญ่รู้เข้า คาดว่าจะต้องไม่พอใจกระมัง?”สีหน้าซ่งปี้อวิ๋นเปลี่ยนไป “หรือว่าท่านจะฟ้องท่านพ่อข้า?”“ข้าไม่ใช่คนชอบใส่ใจไม่เข้าเรื่องหรอกนะ เพียงแต่เตือนเจ้าสักครั้งเท่านั้น หากเจ้าไม่โง่ ก็ควรรู้ว่าผู้ชายเช่นนี้ไม่คู่ควรให้พึ่งพาอาศัย”“หันหลังกลับตอนนี้ยังมีโอกาส”เมื่อครู่ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนายดูแล้ว ทำนายได้ว่าหลังซ่งปี้อวิ๋นแต่งงานกับเสิ่นหวยอัน จะได้พบจุดจบอย่างอนาถแม้พูดว่าความสัมพันธ์ของพวกนางไม่ดีเท่าใดนัก แต่เดิมทีก็มีสายสัมพันธ์เป็นญาติมิตร นางจึงเตือนหนึ่งประโยค แต่ตกลงฟังหรือไม่ ยังต้องดูตัวซ่งปี้อวิ๋นเองเพียงซ่งปี้อวิ๋นได้ยิน รู้สึกเพียงว่าซ่งรั่วเจินกำลังวางตัวสูงส่งเอ่ยเตือนนาง เห็นได้ชัดว่ากำลังดูเบานาง!“ข้าย่อมรู้ข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 934

    หากรู้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันบอกเสด็จแม่ บัดนี้ทุกคนล้วนรู้แล้ว นางไม่มีหน้าหลงเหลือแล้วจริงๆ“ญาติผู้พี่ แม้พูดว่าพวกเราแยกบ้านกันแล้ว แต่อย่างไรเสียก็มีบรรพบุรุษคนเดียวกัน ท่านก็แค่ไม่พอใจที่คุณชายเสิ่นเปิดร้านปิ้งย่าง ไม่ถึงขั้นต้องพูดจาว่าร้ายพวกเราต่อหน้าองค์หญิงหรอกกระมัง?”ซ่งปี้อวิ๋นเห็นทุกคนพูดเรื่องระหว่างนางและเสิ่นหวยอันออกมาแล้ว รู้สึกร้อนใจอย่างอดไม่ได้ฉู่มู่เหยาสั่งให้คนโบยเขาไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นความรักของพวกเขาอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องลุกลามไปมากกว่านี้ได้อีก หาไม่แล้วสิ่งที่เสียหายก็คือชื่อเสียง“พวกเจ้าเปิดร้านปิ้งย่าง เหตุใดพวกเราต้องไม่สบอารมณ์ด้วยเล่า?” จู่ๆ ซ่งจิ่งเซินก็ถามกลับซ่งปี้อวิ๋นเผยท่าทางแข็งกระด้าง ย่อมรู้ว่าถ้อยคำนี้ของซ่งจิ่งเซินคือจงใจชี้นำนางให้พูดออกมาว่าเลียนแบบ เพียงแต่ระหว่างเลียนแบบและตั้งใจทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงความผิดสองข้อนี้ ย่อมต้องเลือกอย่างแรกคนเลียนแบบสกุลซ่งไม่ได้มีเพียงพวกเขาสองคน ไม่มีผู้ใดกำหนดว่ามีเพียงสกุลซ่งสามารถขายปิ้งย่างได้ พวกเขาเองก็สามารถขายได้เช่นเดียวกัน“ข้ารู้ร้านปิ้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 933

    ฉู่มู่เหยาเห็นเสิ่นหวยอันพูดเลยเถิดเกินไปมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากโทสะแล้ว มากที่สุดคือความอับอายนางไม่มีหน้าพบพี่สะใภ้และซ่งจิ่งเซินแล้ว!“เจ้ายังไม่หุบปากอีก!” ฉู่มู่เหยาโมโหจนอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง พูดเสียงเปี่ยมโทสะ “เข้ามา เสิ่นหวยอันจงใจทำลายชื่อเสียงของข้า ลากเขาออกไปโบยยี่สิบไม้!”“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”จากนั้นองครักษ์ด้านนอกถลันขึ้นมาข้างหน้าอย่างว่องไว ลากเสิ่นหวยอันไปด้านนอกโดยไม่พูดจาเสิ่นหวยอันเห็นฉู่มู่เหยาพูดคล้ายไม่ใช่กำลังขู่เขา สีหน้าถึงเปลี่ยนไป พูดออกมาด้วยความเสียใจ“องค์หญิง ข้าผิดไปแล้ว เพราะภายในใจข้ามีท่านถึงพูดเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ข้าจริงใจต่อท่าน แต่ท่านกลับสงสัยข้าเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของพวกเขา ข้าเสียใจจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่มู่เหยาเห็นเสิ่นหวยอันยังไม่ยอมหุบปาก ปักใจทำลายชื่อเสียงของนาง นี่จึงตวาดเสียงเฉียบออกไป “ยังไม่รีบลากเขาออกไปอีก!”จนกระทั่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นที่หน้าประตู สายตาซ่งปี้อวิ๋นเองก็สะท้อนความตกตะลึงว้าวุ่น “องค์หญิง หากยังตียี่สิบไม้ต่อไป คุณชายเสิ่นจะทนไม่ไหวนะเพคะ!”“หากเจ้าสงสารเขา มิสู้เจ้าไปช่วยรับโทษแทนเขาดีหรือไ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 932

    เสิ่นหวยอันมองซ่งจิ่งเซินที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา สีหน้าเข้มขึ้น “นี่เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย?”“ข้าเห็นเจ้าขัดตา เพื่อต่อสู้กับอธรรม ข้าก็พร้อมชักดาบเข้าช่วย มีปัญหาอันใดหรือไม่?”“รูปร่างเหมือนคนแต่จิตใจกลับคล้ายสุนัข ไม่ทำเรื่องดีของคน อ้างบุญคุณช่วยชีวิต ไหว้วานองค์หญิงให้พวกเราสกุลซ่งยอมมอบร้านให้เจ้า ปรากฏว่าเจ้านำมาเปิดร้านปิ้งย่าง นี่ไม่มียางอายเลยหรือ?”“บัดนี้ร้านเปิดแล้ว พวกเราล้วนไม่พูดอันใด ยังคิดเชิดหน้าชูคอเป็นราชบุตรเขยอีกกระนั้น? เจ้าเองก็ไม่ส่องคันฉ่องดูบ้างเล่า ดูว่าตกลงเจ้าคู่ควรหรือไม่?”ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้วคมขึ้น ใบหน้างดงามเจือความโอหังและอันธพาลเล็กน้อย เขาเคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้มามากแล้ว เก็บกวาดได้ถนัดมือยิ่งนัก“มู่เหยา ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”ซ่งรั่วเจินมองฉู่มู่เหยาอย่างห่วงใย นางสามารถมองออกว่าฉู่มู่เหยาถูกทำให้โมโหไม่เบา เดิมทีคิดอยากสั่งสอนเสิ่นหวยอันเพื่อคลายโทสะให้นาง ทว่าพลังต่อสู้ของพี่สี่บ้านตนนี้ มองดูแล้วนางไม่จำเป็นต้องออกหน้า!ฉู่มู่เหยาส่ายหน้า กลับรู้สึกอึดอัดภายในใจ เดิมทีก็ไม่อาจกลืนโทสะนี้ลงไปได้“พี่สะใภ้ เขาจงใจทำลายชื่อเสียงของข้า ทั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 931

    “องค์หญิง ตกลงท่านเป็นอะไรไป? มีเรื่องใดไม่สบอารมณ์ พวกเราพูดคุยกันส่วนตัวดีหรือไม่? เหตุใดจะต้องโวยวายจนถึงขั้นนี้?”เสิ่นหวยอันได้ยินเสียงเย้ยหยันเย็นชานั้น ฝืนข่มโทสะลงไป บัดนี้ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเขาดีชั่วอย่างไรก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เหตุใดฉู่มู่เหยาต้องหักหน้าเขาต่อหน้าธารกำนัลครั้งแล้วครั้งเล่า?“ข้าโวยวายอะไร? คุณชายเสิ่น คำนี้ของท่านพูดได้แปลกยิ่งนัก”ฉู่มู่เหยามองเสิ่นหวยอันด้วยสายตาเย็นชา สังเกตเห็นโทสะภายในสายตาของเขา รู้สึกอยากขันภายในใจผู้ชายคนนี้คล้ายใช้ไม่ได้จริงๆ ก่อนหน้านี้ตนเองไม่เคยสังเกตมาก่อน บัดนี้เพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ก็เริ่มโมโหเสียแล้ว“แม้ว่าท่านเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ท่านพูดว่าต้องการร้านอาหารนี้ ข้าก็ให้แม่นางซ่งยอมตัดใจยกให้พวกท่านแล้ว”“บัดนี้ร้านอาหารเปิดกิจการ ข้าก็นำของขวัญมามอบให้ด้วยตนเอง เพียงแต่พวกท่านไม่ชอบนั่นก็ช่างเถอะ แต่หวังว่าท่านจะรู้ฐานะของตน อย่าละเมิดกฎ อีกทั้งอย่าได้คิดถึงสิ่งที่ไม่สมควรคิดเหล่านั้น!”เสิ่นหวยอันกระวนกระวายใจมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตเห็นว่าสถานการณ์ในวันนี้ไม่ชอบมาพากลฉู่มู่เหยาไม่ใช่กำลังหยั่งเชิง แต่ต้อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 930

    ทุกคนล้วนร้องจิ๊ออกมาอย่างเสียดาย เพียงแค่พระหยกองค์นี้ราคาก็ไม่ธรรมดาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันแรกของการเปิดร้าน ที่ต้องระวังที่สุดก็คือสิ่งเหล่านี้ทุกคนเองก็เก้อกระดากเกินกว่าจะพูดออกมาโดยตรง แต่กลับรู้ดีภายในใจว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น น่ากลัวว่าการค้าของร้านนี้ไม่มีวันเจริญรุ่งเรือง“ปี้อวิ๋น ตกลงเจ้าเป็นอะไรไป?”สายตาเสิ่นหวยอันสะท้อนความไม่พอใจ แม้แต่เสียงเองก็เจือคำตำหนิของที่ฉู่มู่เหยามอบให้จะต้องไม่ธรรมดา สิ่งของภายในวังล้วนไม่แย่ ยิ่งไปกว่านั้นนางเห็นตนเป็นคนในดวงใจ จะต้องตั้งใจเลือกออกมาอย่างดีแน่บัดนี้เขาก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้เป็นมงคลเยี่ยงไร ต่อให้ภายภาคหน้าไม่มีเงินจริง นำไปขายก็ได้เงินมหาศาล!บัดนี้กลับดี แตกไปเช่นนี้แล้ว“หวยอัน ไม่ใช่ข้าจริงๆ เมื่อครู่ข้ายังไม่ทันยื่นมือออกไป สาวใช้คนนั้นก็ปล่อยมือแล้ว ดังนั้นของจึงตกพื้นแตก”ซ่งปี้อวิ๋นเผยสีหน้าอึดอัดคับข้องใจ นางบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง ของดีล้ำค่าถึงเพียงนี้ นางอยากจะรับไปดีๆ ใครคิดเล่าว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้?เพียงชุ่ยจูได้ยินก็รีบพูดว่า “องค์หญิง ไม่ใช่บ่าวไม่

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status