ซาเอบะ นักสืบเอกชนที่มีชื่อเสียง ได้รับคดีที่ท้าทายเมื่อ เมย์ นักศึกษาสาวผู้มีความมุ่งมั่นและเก่งกาจ หายตัวไปอย่างลึกลับ ซาเอบะร่วมมือกับ หลินหลิน นักศึกษาสาวผู้มีความสามารถด้านการสืบสวนและการวิเคราะห์ เพื่อค้นหาความจริงเบื้องหลังการหายตัวไปของเมย์ระหว่างการสืบสวน ซาเอบะและหลินหลินพบว่าเมย์มีความขัดแย้งกับ อาร์ม หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของการหายตัวไป นอกจากนี้ยังพบว่า ภูมิ หนุ่มที่มีปัญหาทางการเงินและรู้สึกถึงความกดดันจากเจ้าหนี้ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการหายตัวไปนี้ในระหว่างการตรวจสอบเอกสารและสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้อง ซาเอบะพบเบาะแสใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมลับที่เมย์เคยเข้าร่วม ซึ่งอาจเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญที่นำไปสู่การไขปริศนา ซาเอบะและหลินหลินจึงต้องย้อนกลับไปตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเพื่อหาความเชื่อมโยงที่ซ่อนอยู่คดีนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อนและแรงจูงใจที่ไม่ชัดเจน ซาเอบะและหลินหลินต้องใช้ทั้งทักษะการสืบสวนและความเข้าใจในจิตใจของผู้คน เพื่อไขปริศนานี้และหาคำตอบว่าใครอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเมย์
View Moreเมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ
ยามเช้าในกรุงเทพมหานคร อากาศยังคงอบอ้าวและควันรถจากถนนสายหลักก็ลอยคลุ้งไปทั่ว ซาเอบะ นักสืบเอกชนที่มีชื่อเสียงด้านการไขคดีที่ซับซ้อนและเป็นที่รู้จักในวงการสืบสวน เดินทางมาที่สำนักงานเล็กๆ ของเขาที่ตั้งอยู่ในย่านเงียบสงบไม่ไกลจากใจกลางเมือง สำนักงานของซาเอบะนั้นเรียบง่าย มีโต๊ะทำงานไม้ที่ดูเก่าๆ หนังสือกองพะเนิน และบอร์ดที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายและโน้ตที่แปะไว้ซาเอบะเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าของเขามีแววครุ่นคิดเสมอ และมักจะมีลักษณะเงียบขรึม เขามักจะเริ่มต้นวันด้วยกาแฟดำเข้มๆ และหนังสือพิมพ์รายวัน แต่วันนี้ไม่เหมือนวันอื่นๆ เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติเมื่อได้เห็นซองจดหมายสีน้ำตาลวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาจดหมายนี้ถูกส่งมาโดยไม่มีชื่อผู้ส่ง มีเพียงคำว่า "ด่วน" เขียนไว้ด้านหน้า ซาเอบะเปิดจดหมายออก และพบว่ามีการ์ดขนาดเล็กที่พับเอาไว้ ข้างในการ์ดมีข้อความสั้นๆ ที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรเรียบง่ายแต่ชัดเจน:“ช่วยหาตัว เมย์ ให้ที เธอหายตัวไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี”ซาเอบะอ่านข้อความนั้นด้วยความสนใจแต่ก็ยังสงสัย จดหมายนี้มาจากใคร? เมย์เป็นใคร? และทำไมเขาถึงต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? ขณะที่เขา...
Comments