จินเป่าที่ถูกเพื่อนเพื่อนรักหักหลังจนต้องทำให้ตัวเขาเองถึงแก่ความตาย แต่ชะตากรรมกับนำเขาไปสู่อีกมิติหนึ่ง มิติแห่งนั้นแทบทุกคนมีวรยุทธ แต่จินเป่าเองก็ได้ไปอยู่ในร่างของสตรีที่เคยมีวรยุทธ์ที่สูงส่งแต่ตอนนี้ผู้นั้นกับไร้วรยุทธเสียแล้ว นามของสตรีผู้นั้นคือมู๋จินเป่า ซึ่งเป็นลูกอนุในตระกูลมู๋ หลังจากถูกขับไล่ออกจากจวนใหญ่ ก็มีผู้คอยรังแกตลอดจนในที่สุด จินเป่าจึงพาคนรับใช้หนีออกจากจวน เพื่อตามหาสิ่งของที่จะมาปลดผนึกพิษให้ตัวเขานั้นกับมีวรยุทธได้ดั่งเดิม การเดินทางของทั้งสองดำเนินไปด้วยความราบเรียบเนื่องจากในร่างกายของทั้งสองมีสิ่งที่ทำให้สัตว์ในหลายอย่างยอมศิโรราบแต่โดยดี เกิดการต่อสู้กันบ้างกับนักยุธทั่วไป หลังจากที่ตามหาสิ่งที่ทำให้ร่างกายปลดผนึกพิษได้แล้ว กลุ่มของเธอก็ถูกตามไล่ล่าจนแทบจะเอาตัวไม่รอด พอรอดมาได้แล้วจินเป่ากับคนรับใช้ก็ต้องการที่จะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาระดับหนึ่งของมิติสามัญแห่งนี้ และคนในตระกูลมู๋ก็ต้องการศึกษาในสำนักศึกษาแห่งนี้เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาเข้าทดสอบการเข้าศึกษาที่สำนักแห่งนั้นก็ได้ปะมือกันจนทำให้อดีตพี่สาวและน้องชายของเธอได้หลุดออกจากการแข่งขันในการเข้ารับการศึกษา เมื่อการทดสอบการศึกษาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจึงเอาเองก็เป็นผู้ที่อยู่ในลำดับ 1 ของสำนักการศึกษาในครั้งนี้ เมื่อใกล้ที่จะออกจากสำนักพวกเขาจึงต้องทำภารกิจบางอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดต้องสำเร็จมาก่อน เมื่อจบจากการศึกษาแล้วจินเป่า กับคนรับใช้ที่มาพบภายหลังว่าเป็นพี่น้องกันนั้นก็ออกตามหาอดีตกัน
View Moreองค์ชายหกต้าเหว่ยหยิบแผนที่ออกมาและกางออกมาดู จุดกึ่งกลางของแผนที่นี้คือหลวงของมิตินิมิตแห่งนี้ ส่วนพวกเขาเองตอนนี้อยู่ทางด้านขวามือสุดก็คือหมู่บ้านอมตะ ส่วนจุดที่พวกเขาจะไปนั้นจะเป็นจุดด้านบนสุดของแผนที่คือป่าอัสดง "หากเราไม่ไปทางทิศวังหลวงแล้วเราก็ต้องตัดไปในทางทิศเหนือเราเดินไปสักระยะก็จะเข้าหมู่บ้านจามจุรีเราถึงจะเดินทางต่อไปยังทิศตะวันออกแล้วเราจะอ้อมเขาจามจุรีไป ต่อไปพวกเจ้าต้องเรียกแต่ชื่อข้าแล้วนะเพื่อความปลอดภัยของข้าเองและทุกคนด้วย"องค์ชายหกต้าเหว่ยกล่าวขึ้น พลางชี้ให้ทุกคนดูที่จุดต่างๆ"ท่านต้าเหว่ยลองอธิบายเกี่ยวกับหมู่บ้านจามจุรีให้พวกข้าฟังบ้างจะได้ไหม พวกข้าจะได้เตรียมตัวถูกว่าจะเจอกับสิ่งใดบ้าง"จินเป่ากล่าวขึ้น"อย่าว่าแต่เจ้าที่อยากรู้เลยว่าหมู่บ้านจามจุรีนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรและมีสภาพแวดล้อมอย่างไร เพราะข้าเองก็อยากรู้เช่นเดียวกัน เพราะข้าไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับหมู่บ้านต่างๆมากนักหรอก แต่ข้าแค่มองแผนที่ออกว่าต้องเดินไปจุดไหนเท่านั้นเอง"องค์ชายหกต้าเหว่ยกล่าวขึ้น ทุกคนจึงมองหน้ากันไม่มีผู้ใดรู้มาก่อนว่าหมู่บ้านจามจุรีนั้นต้องมีอะไรหรือไม่"ท่านอาจารย์ก็ไม่รู้เหมือ
ขากลับนั้นพวกเขาทั้งสิบสามไม่ได้เดินทางกลับเพียงเจ้าโรจน์วิญญาณนั้นหมุนรอบตัวของพวกเขาทั้งสิบสองร่างของพวกเขาก็ออกมาจากป่าอมตะซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้านอมตะแห่งนี้พวกเขาจึงเดินเข้ามาในหมู่บ้าน"ท่านแม่ที่ข้าเคยคุยกับท่านไว้ว่าหลิวเหยียนที่ท่านต้องการให้หาประสบการณ์ในป่านั้น หากเขาไม่เชื่อฟังข้า และทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนทั้งแม่จะไม่บังคับให้ข้าเป็นผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้ ครั้งนี้ในหลายๆครั้งที่มีปัญหาเข้ามา เขามักจะนำปัญหาพวกนั้นมาสู่พวกเราทุกคน เขานั้นเห็นแก่ตัวถึงขั้นต้องการในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนอีกต่างหาก"ไป๋อวิ้นกล่าวกับมารดาต่อหน้าทุกคนที่เดินทางกลับมา และยังมีกินรีที่นั่งอยู่กับมารดาของตนอีก"เขาอาจจะยังไม่เติบใหญ่ เอาเป็นว่าช่วงนี้แม่ไม่บังคับเจ้าแล้วกัน หากเจ้าจะติดตามกับลูกศิษย์ของเจ้าไปมิติบนนั้น แต่หากเมื่อเจ้าท่องเที่ยวจนนำใจแล้วจงกลับมา เพราะตำแหน่งนี้ยังไงมันก็เหมาะกับเจ้าอยู่ดี เจ้าสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทุกอย่าง และตอนนี้เจ้าก็มีตาทิพย์แล้วด้วย"มารดาของไป๋อวิ้นกล่าวขึ้นจึงทำให้หลิวเหยียนไม่ค่อยพอใจยิ่งนัก"ท่านแม่ตั้งแต่ที่เจ้าไป๋อวิ้นนั้นกลับมา ท่านก็สนใจแต่เขา และจะมอบตำแหน่งท่
เมื่อหลิวเหยียนรับรู้ว่าแรงต้านมันหายไป ตัวเขาก็พุ่งขึ้นไปด้านบนทันทีส่วนเจ้าตัวฑูตวิญญาณนั้นมันก็ถลาลงไปด้านล่าง "ไม่ถูกต้องทำไมรู้สึกว่าเจ้าสมุนไพรเขากวางสามร้อยยอดสีแดงที่เคยอยู่บนยอดของกองหินนี้หายไป "หลิวเหยียนคิดขณะที่ กำลังวิ่งขึ้นบนก้อนหิน มือของเขาก็ปีนป่ายไปเรื่อยๆ ด้วยความเร่งรีบเพราะกลัวว่าทั้งสามจะพุ่งขึ้นมา เจ้ากระต่ายจิ๋วเมื่อพันร่างของทั้งสองเสร็จแล้ว มันก็พุ่งลงด้านล่างทันที ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเห็นปฏิกิริยาของทั้งสี่ที่อยู่ด้านบนก็ตกใจ เพราะเขาเห็นว่าเจ้าทูตวิญญาณนั้นมันได้สมุนไพรเขากวางสามยอดแล้ว ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านล่างก็ผิดหวังเพราะจินเป่าจะไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ เมื่อผู้อื่นเป็นคนจับมา ผู้แรกที่นำมันมาได้เท่านั้นที่จะสามารถใช้งานมันได้ แต่เหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไป บรรยากาศต่างๆกำลังจะเปลี่ยนไป"ตู้มๆๆๆ"เสียงดังสนั่นกองหินที่ยื่นข้างไปด้านบนเมื่อคู่แตกกระจายร่างของหลิวเหยียนไม่รู้ว่าตกอยู่ที่ใด ส่วนร่างของจินเป่าและห่าวอู๋อวี่ถูกร่างของเจ้ากระต่ายหยกนั้นห่อหุ้มอยู่ ผู้ที่อยู่ด้านล่างนั้นนอนกองอยู่กับพื้น กระอักเลือดออกมาคนละหลายๆคำ จินเป่ารู้สึกตัวขึ้นเมื่อเจ้าท
ไม่นานทั้งสิบสองก็เดินทางผ่านมาราวๆห้าวันแล้ว แต่ก็ไม่พบว่าจะออกจากดินแดนแห่งนี้ได้เลย พวกเขายังรู้สึกว่าภายนอกยังมีเสียงลิงร้องนกร้องบ้าง บางครั้งก็ยังมีเสียงจั๊กจั่นเรไร บรรยากาศที่เดินผ่านมานั้นไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเดียว ไป๋อวิ้นนำแผนที่มากางออก "ในแผนที่ก็ไม่ได้บอกด้วยสิว่าจุดที่มีสมุนไพรเขากวางสามร้อยยอดนั้น มีสิ่งใดที่อยู่ข้างๆพอที่จะสังเกตได้บ้าง นางเพียงแต่บอกว่าผ่านจุดนี้ไปก็จะพบแต่เราเดินอยู่จุดนี้มานานแล้ว ยังไม่สิ้นสุดเลยหรือ หรือว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ทูตวิญญาณตนนั้นตนเดียว จะมีอย่างอื่นอีกก็เป็นได้"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น หลิวเหยียนได้แต่เปิดห่อผ้าดูเจ้าทูตวิญญาณที่ตอนนี้เกราะนั้นเริ่มระเหยออกไปมากแล้วเหลืออีกไม่กี่วันแล้วมันน่าจะออกจากเกาะได้แล้ว"ต้องรอถามเจ้าทูตตัวนั้น"เจ้ากระต่ายจิ๋วกล่าวขึ้น"ใครอนุญาตให้เจ้าถามมันกันล่ะ ในเมื่อตอนที่มันอยู่จุดเดิมนั่นไม่มีใครต้องการมัน เป็นข้าผู้เดียวที่แบกมาเจ้ารู้หรือไม่ว่าเกราะนี้หนักเอาการอยู่ ในเมื่อข้าเป็นผู้แบกมา เพราะฉะนั้นข้าก็ต้องได้ครอบครองเจ้าทูตวิญญาณนี้ และข้าจะไม่ให้พวกเจ้าถามมันด้วย ว่าเขากวางสามร้อยยอดนั้นอยู่
"ตู้ม"เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของทั้งสามที่เปื้อนไปด้วยโคลนนอนราบอยู่บนพื้น และทั้งสองที่ยืนมองเกราะใสๆแล้วมีตัวทูตอยู่ด้านใน ยืนอยู่ตรงกลางของทั้งสามคนที่นอนอยู่ โคลนที่มีอยู่นั้นเหือดแห้งไปหมด ทิ้งไว้เพียงร่องรอยที่อยู่บนร่างของบุรุษทั้งสามที่เคยตกลงไปเท่านั้น บริเวณพื้นดินไม่มีหลุมไม่มีบ่อแต่อย่างใดเป็นพื้นเรียบเหมือนไม่เคยมีโคลนเกิดขึ้นมาก่อน หากร่างกายของทั้งสามไม่เปื้อนโคลน ก็ต้องคิดว่ามันเป็นภาพลวงตาแน่นอนแต่ภาพของทั้งสามยังนอนป้าพูดกับพื้นแล้วร่างกายเปิดควรไปเกือบที่จะถึงจมูกด้วยซ้ำเจ้าซินจึงนำน้ำอมฤตไปล้างบุรุษทั้งสาม ไม่นานพวกเขาทั้งสามก็ลุกขึ้นได้และพากันยืนมองตัวทูตที่มีเกาะใสๆน้ำหุ้มอยู่ "นั่นมันตัวทูตวิญญาณหนึ่ง มันเป็นของดีเลยทีเดียวข้าว่าในการเดินทางนั้นพวกเจ้าแต่ละคนได้รับแต่สิ่งของดีๆซึ่งพวกข้าเองยังไม่ได้รับเลย และครั้งนี้ก็เป็นที่พวกข้าถูกโคลนดูดไว้ จึงทำให้พวกเจ้าได้เจออย่างนี้ พวกเจ้าไม่คิดจะแบบสิ่งนี้กับผู้อื่นบ้างรู้หรือ พวกข้ามาเสี่ยงที่ป่าอมตะนี้ก็เพื่อแม่นางผู้นั้น ใจว่าอยากกลับมาที่ใดกันในเมื่อมาแล้วของดีๆก็น่าจะแบบกันบ้าง"หลิวเหยียนกล่าวขึ้น ทุกคนที่ไ
ไม้ที่พยุงร่างของทั้งสามนั้นไว้พวกเขาอยู่ได้เพียงสักครู่ก็ค่อยๆเลื่อนลงไปเรื่อยๆและตอนนี้โคลนที่ดูดพวกเขาลงไปนั้นก็เกือบจะถึงคางอยู่แล้ว ห่าวอู๋อวี่คิดว่ายิ่งตัวเองส่งวรยุทธลงไปยังโคลนดูดนั้นมันก็จะดูดบุคลที่อยู่ข้างในลงไปเรื่อยๆ และผู้ที่อยู่ด้านบนไม่มีใครยอมให้ใครลงไปยังคนดูดเนื่องจากว่ารู้ดีว่าไม่สามารถที่จะช่วยได้หรือจะทำให้ตัวเองลงไปข้างใต้นั่นอีกทำให้ท้องเพิ่มภาระผู้ที่อยู่ด้านบนอีก "เกือบจะถึงปากพวกเขาอยู่แล้วพวกเราทำอย่างไรดีล่ะเจ้าจิ๋วเราทำอย่างไรดีตอนนี้พวกข้าต้องพึ่งเต้าแล้วอ่ะ"จางซินกล่าวขึ้น เจ้ากระต่ายจิ๋วมองหน้าเจ้านายของตัวเองและสื่อสารให้เจ้านายรู้ว่ามันจะพุ่งลงไป ให้เจ้านายคอยเรียกมันถ้าถึงเวลาอันสมควร หากว่ามันสื่อสารกับเจ้านายไม่ได้เนื่องจากมันไม่สามารถตรวจดูได้ว่าด้านล่างนั้นมีสิ่งใดอยู่ จึงไม่รู้ว่าอันตรายหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับเจ้านายได้หรือไม่ มันกระโดดเข้าในคนดูทันทีทุกคนต่างด้าวใจเพราะไม่อยากให้มันลงไปเสี่ยงเลย จางซินจึงโทษตัวเองว่าพูดกดดันมันจนมันต้องกระโดดลงไป"จินเป่าข้าขอโทษเรื่องที่ข้าทำให้เจ้าจิ๋วนั้นคิดที่จะกระโดดลงไป ข้าแค่คิดว่ามันจะหน้ามี
"ดินแดนต่อไปเป็นภาพที่ว่างเปล่าที่มารดาของข้าวาดไว้สิ้นสุดที่แห่งนี้ก็จะถึงแล้วล่ะ"ไป๋อวิ่นตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทีที่ตื่นเต้นอีกแล้ว ท่าทางเขาราวกับเหนื่อยมากๆ ที่ผ่านมาไม่สนุกเลยสักนิด ทุกคนอยู่ในอันตรายแทบตลอดเวลา ตอนที่เขามาเพียงลำพังไม่อันตรายถึงเพียงนี้ "แล้วพวกเราจะพบกับอะไรอีกนะ"ซิงอีถามกับทุกคน ไม่มีใครรู้และตอบอะไรทั้งนั้นต่างคนต่างเร่งเดินทาง พวกเขาเดินทางผ่านอากาศร้อนราวๆสองวัน พวกเขามีน้ำอมฤตกินระหว่างทางจึงรู้สึกไม่เหนื่อยมาก หลังจากทุกคนรู้สึกว่าไม่ค่อยร้อนสักเท่าไหร่แล้ว ก็รู้ตัวแล้วว่าออกจากดินแดนฤดูร้อนแล้ว"ข้าว่าเราพักผ่อนสักหน่อยดีกว่าจะได้มีแรงที่จะเดินต่อ ทั้งสิบสองพากันนั่งพัก หลังจากนั่งพักกันเสร็จ ทั้งสิบสองก็พากันเดินทางต่อ พวกเขาเดินผ่านป่าที่สองข้างทางเป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตพอสมควร บ้างก็มีเถาวัลย์พันไปพันมารอบต้นไม้มีเสียงนกเสียงลิงเสียงค้างที่ดังตลอดเวลา ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้มาก มีหลายครั้งที่ห่าวอู๋อวี่สัมผัสถึงสิ่งที่แปลกประหลาดแต่เขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีสิ่งใดที่จะเป็นอันตรายต่อพวกเขา เพราะพวกเขาเดินมานั้นมันก็เป็นธรรมชาติที่สมบูรณ
"เจ้าจิ๋วกลับมาแล้วมันไม่ได้รับอันตรายใดๆด้วยเจ้าจัดการสัตว์ประหลาดเหล่านั้นสำเร็จแล้วหรือทำไมเจ้าถึงขึ้นมาได้"จางซินถามขึ้น แต่เจ้ากระต่ายหยกก็ค้านที่จะคุยกับจางซินเช่นเคย มันต้องสื่อสารกับเจ้านายของมันเป็นดีที่สุดไม่ต้องพูดให้คนพวกนี้เยาะเย้ยตนด้วย"มันจะปล่อยพวกเราไปแล้ว แต่เราดันทำลูกของมันตายไปสองตน มันต้องการให้เราคืนชีวิตของลูกมัน ถึงจะปล่อยเราไปไม่อย่างนั้นเราก็ต้องสู้กับมันให้ถึงที่สุดตอนนี้มันเหลือลูกอยู่เจ็ดตัว ส่วนตัวแม่มันก็ตัวใหญ่มาก"จินเป่ากล่าวแทนเจ้ากระต่ายจิ๋ว เจ้ากระต่ายจิ๋วคายหญ้าตายฝืนออกมาสองเส้นแล้วยื่นให้กับจินเป่า"สมุนไพรตายฝื้น เจ้าพอจะกลั่นได้หรือไม่จางซิน "จินเป่ากล่าวถามและนางก็ยื่นสมุนไพรตายฟื้นให้กับจางซินและนำเห็ดสมุนไพรสีเขียวขี้ม้าให้อีกสองต้น จ้างซินรับมาทั้งสองอย่าง แล้วนางก็ย้อนดูตำราว่ามีตำราเล่มไหนบ้างที่ตนเคยพบเกี่ยวกับสมุนไพรชุบชีวิตบ้าง"สมุนไพรชุบชีวิตน่าจะใช้ได้นะ ข้าก็จำไม่ได้แล้วว่ามันมีตัวสมุนไพรตัวไหนบ้าง ที่ข้าจำได้ว่ามันน่าจะมีหญ้าตายแล้วฟื้นหนึ่งอย่าง"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น จางซินจึงส่งกระแสจิตเข้าไปในมิติ แล้วหาตำราสมุนไพรชุบชีวิตและ
เมื่อพวกเขาเดินมาสักระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าอากาศนั้นอบอ้าวมาก คล้ายๆกับฤดูฝนที่ฝนจะตกแต่ไม่ตก พอเดินมาสักพักก็พบกับอากาศที่แห้งแล้ง"เราน่าจะเข้าสู่ฤดูสุดท้ายแล้วเป็นแน่ ฤดูร้อน หวังว่าคราวนี้จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเราเกิดอันตรายอีกแล้วนะ"จางซินกล่าวขึ้นยังมิวายที่จะพูดเหน็บแนมหลิวเหยียน แต่เขาไม่ได้มีท่าทางที่จะโกรธเคืองมากมายนัก พวกเขาเดินไปเรื่อยๆก็รู้สึกกระหายน้ำ ซิงอีจึงแจกน้ำอมฤตแก่ทุกคน เมื่อทุกคนกินแล้วก็เดินทางไปเรื่อยๆด้วยความที่ร้อนและเหนื่อย แต่พวกเขาทุกคนก็อดทน ห่าวอู๋อวี่แบกจินเป่าด้วย เขาไม่คิดว่ามันเหนื่อยไปด้วยซ้ำ เพราะเขาป้องกันตัวเองตลอดเวลาด้วยเกาะวรยุทธของเขานั้น เขาสามารถทำให้มันอุ่นได้ร้อนได้เย็นได้ทั้งนั้น ผู้ที่มีวรยุทธที่เด่นแล้วมักจะไม่พหนาวไม่ร้อน เขาจะควบคุมให้ตัวเองรู้สึกสบายอยู่ตลอดเวลา "ข้าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่อยู่ใต้พื้นทรายที่เราเดินมา เอาเป็นว่าพวกเราต้องคอยระวังแล้วล่ะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ตอนนี้ไม่มีผู้ใดคัดค้านพวกเขาจ้องที่จะระวังตัวตลอดเวลา ห่าวอู๋อวี่กระชับจินเป่าแล้วเขาก็เดินไปด้วยความระมัดระวังทุกฝีก้าวแต่เมื่อเดินไปราวๆครึ่งก้านธูปก็ไม่มี
"ปาร์ตี้คืนนี้ถือว่าจัดงานเลี้ยงให้พวกเธอทุกคนนะ"หัวหน้าแก๊งนักฆ่าอันดับหนึ่งของประเทศเอ่ยประกาศ งานปาร์ตี้ขนาดเล็กมีคนประมาณยี่สิบกว่าคนทุกคนล้วนเป็นนักฆ่า งานที่รับส่วนมากจะเป็นตามหาของหายากให้กับคนมีเงินเป็นบอดี้การ์ดให้กับคนรวยๆ งานไหนเสี่ยงๆที่ได้เงินดีๆ บ้างก็เป็นสายลับต่างๆ และบางครั้งก็มีงานลอบสังหาร แล้วแต่บอสใหญ่จะจัดให้"แล้วฉันก็อยากจะมอบรางวัลให้คนที่ทำภาระกิจนี้สำเร็จ จินเป่า"หัวหน้าแก๊งกล่าวและเรียก จินเป่าเพื่อเข้ามารับรางวัลจินเป่านักฆ่าอันดับห้าของแก๊ง รับงานไหนมาไม่เคยผิดพลาด ทำงานดีมีไหวพริบ จนทำให้เพื่อนรวมแก๊ง ชื่นชมในตัวเธอ และก็อิจฉาเธอเช่นเดียวกันจินเป่าเดินมารับรางวัล ผู้คนในงานตบมือแสดงความดีใจกันทุกคน จินเป่ามองดูเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ้งสวยงามมาก หลังจากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ "จินเป่าฉันดีใจกับเธอด้วยจริงๆนะ เธอเก่งมากเลย"ชิงเหยียนกล่าวแล้วก็เข้าไปกอดจินเป่าแล้วลูบหลังเบาๆหลังจากนั้นชิงเหยียนก็หายไปกับอวิ้น "คุณจัดการแล้วใช้ไหมอวิ้นงานนี้ถ้าเราทำสำเร็จฉันก็จะได้ขึ้นเป็นลำดับที่ห้าตามคุณไปเรื่อยๆ"ชิงเหยียนคุยกับอวิ้นเบาๆ "ไม่ใช้ว่าคุณให้ผมช่วยกำจ...
Comments