Share

ตระกูลมู๋

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2024-12-11 23:39:19

ณ ห่วงเวลาอีกมิติหนึ่ง

ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บปวดจนแทบอดทนไม่ไหวอยู่แล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งอาเจียนออกมาอย่างทรมาน หลังจากดื่มชาเลือดนกนางแอ่นไปได้ไม่กี่อึก ก็รู้สึกทรมานและอาเจียนออกมา

"คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรมากหรือป่าวเจ้าคะ"

ซิงอีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน พลางถ่ายทอดพลังมายังด้านหลังของ มู๋จินเป่า 

ทันใดนั้นความทรงจำมากมายก็ถาโถมเข้ามาโดยไม่หยุดหย่อย

ดรุณีผู้นี้คือมู๋จินเป่า คุณหนูสามตระกูลมู๋ อายุ14ปี แต่ก่อนนางเคยมีวรยุทธอันดีเด่นตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนหกขวบนางได้กราบเป็นศิษย์ ในสำนักชื่อดัง แม้นางจะเป็นเพียงลูกอนุ แต่นางก็ได้เข้าสำนักศึกษาชั้นต้นของเมือง เพราะนางมีความโดดเด่นทั้งเรื่องหน้าตาและวรยุทธจึงทำบิดาเอ็นดูเป็นพิเศษกว่าบุตรทุกๆคน มู๋จืออันคือบิดาของมู๋จินเป่า มู๋จืออันเป็นแม่ทัพของวังหลวง มีลูกทั้งหมดสี่คน คนโตเกิดจากฮูหยินเป็นหญิงมีนามว่า มู๋จินฮุย เป็นคุณหนูใหญ่ คนที่สองเกิดจากอนุ มู๋จินเหอ คุณหนูสอง และ มู๋จินเป่าเป็นลูกคนที่สามที่เกิดจากอนุอีกคน เป็นคุณหนูสาม ส่วนคนสุดท้ายเป็นลูกที่เกิดจากฮูหยิน มู๋ฉี่ฉ่าง คุณชายสี่ แม่ของมู๋จินเป่า กับมู๋จินเหอ ตายตั้งนานแล้ว เพราะฮูหยินไม่ต้องการให้ทั้งสองมีชีวิตอยู่จึงได้สั่งฆ่าอนุทั้งสอง มู๋จินเป่า และมู๋จินเหอ มีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก แต่มู๋จินเหอชอบเข้าหาฮูหยินและพี่หญิงใหญ่มู๋จินฮุย จนกลายเป็นคู่หูกันในการก่อเรื่อง มู๋จินเหอยอมให้มู๋จินฮุยใช้ทุกอย่าง จนฮูหยินยอมรับมู๋จินเหอในฐานะคนรับใช้ของลูกตัวเองและไม่คิดฆ่านาง ส่วนมู๋จินเป่านางมีความสามารมากเกินไป ลูกสาวคนโตของฮูหยิน มู๋จินฮุย มีวรยุทธเพียงขั้นสี่ระดับต้น แต่มู๋จินเป่ามีวรยุทธอยู่ที่ขั้นสี่ระดับสูง มู๋จินเป่านางเด่นกว่าลูกของฮูหยินมากเกินไป อายุแค่นี้มีความสามารถเพียงนี้ถ้าปล่อยเอาไว้พวกเขาไม่มีทางรอดไม่เหลือความรักที่สามีมีให้แน่ๆ เพราะฉะนั้นฮูหยินจึงอยากจะกำจัด มู๋จินเป๋า 

มู๋จินเป่ามีบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ชื่อซิงอี มู๋จินเป่าสอนวิธีฝึกฝนวรยุทธให้ซิงอีด้วยเพราะว่าตอนที่นางไปเรียนที่สำนัก ซิงอีสาวใช้ข้างกายนางชอบถูกคนของฮูหหยินรักแก มู๋จินเป่ารู้ว่าฮูหยินไม่เคยชอบนางเลย นางเลยต้องหมั่นฝึกฝนเพราะนางคิดว่าถ้านางเก่งมากๆ แม่เลี้ยงของนางอย่างฮูหยินจะเอ็นดูนางสักหน่อย แต่ป่าวเลยฮูหยินยิ่งแกล้งนางสารพัดเอาของใสยาพิษมาให้นางกิน แต่มู๋จินเป่านางเรียนการปรุงยามาบ้างนางเลยรู้ กลิ่นของยาทำให้นางไม่ได้กินของพวกนั้นและต้องระวังฮูหยินขึ้นมา แต่ก่อนแม่เลี้ยงแบบฮูหยินไม่ชอบนาง แต่ตอนนี้คือเกลียดนางเลยทีเดียว มู๋จินเป่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้นางต้องระวังตัวให้ดีกว่าเดิมแค่ไหน

ในค่ำคืนอันแสนหนาวเย็นอยู่ในช่วงหน้าหนาว เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในตระกูลมู๋ มีคนไปแจ้งมู๋จินเป่าว่า ท่านแม่ทัพมู๋จืออันบาดเจ็บสาหัสต้องการรอคุณหนูสาม มู๋จินเป่าแต่เพียงผู้เดียว วันนั้นซิงอีก็ไม่อยู่นางไปดูงานเต้นรำนอกจวน มู๋จินเป่าเลยรีบไปหาบิดาคนเดียวพอมู๋จินเป่าเข้าไปในเรือนฮวาของบิดาก็มีผู้ชายกระโดดมาทุกทิศทาง มาจับตัวนางและกดลงไปเอาน้ำยาสักอย่างกรอกไปทีปาก มู๋จินเป่า พยายามต่อสู้สุดชีวิตแต่ไม่เป็นผลทำให้ได้กลืนน้ำไปหลายอึกเลยทีเดียว หลังจากที่แน่ใจว่านางได้ดื่มน้ำแล้วคนทุกคนก็พร้อมใจกันจากไป มู๋จินเป่ามีวรยุธสูงก็จริงแต่ด้วยความที่นางรีบมาหาบิดา และคิดว่าบิดาเจ็บหนักและใกล้จะจากนางไปแล้ว ทำให้นางแทบไม่มีสติ จึงไม่รู้ว่ามีคนรอดักซุ่มอยู่ หลังจากที่ทุกคนไปกันหมดแล้ว มู๋จินเป่ายังไม่ทันได้สำรวจตัวเองก็เข้าไปหาบิดาทันที แต่บิดาไม่ได้อยู่ที่นี่บิดาไปราชการอีกสองสามวันค่อยกลับ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกให้มาเพื่อดื่มยาพิษ มู๋จินเป่าจึงพยายามทำให้ตัวเองอาเจียนออกมา และนางก็อาเจียนออกมาไม่น้อยแต่ไม่เป็นผลนางรู้สึกอึดอัดหายใจติดขัดนางจึงรีบกลับเรือนทันที เมื่อกลับถึงเรือนซิงอีก็มาถึงก่อนแล้ว ซิงอีกระวนกระวายมากเพราะกลับมานางไม่เจอคุณหนูแต่พอเห็นคุณหนูมาก็ดีใจ แต่ดีใจได้ไม่นานเพราะตอนที่ มู๋จินเป่ามาใกล้ๆมีกลิ่นคาวเลือดหน้าตาซีดเซียว มุมปากมีเหลือดไหลออกมา ซิงอีรีบพาคุณหนูกลับห้องและให้คนไปตามหมอแต่ไม่ได้ผล ไม่มีคนสนใจนางเลย มู๋จินเป่าคุยกับนางด้วยเสียงแหบพร้า

"เจ้าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย หายาที่อยู่ในถุงยามาให้ข้า ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็เงียบเถอะนางแค่ต้องการชีวิตข้า"

ซิงอีร้องไห้และหายามาให้มู๋จินเป่ากิน

เวลาผ่านไปสองวันมู๋จืออันกลับมาก็ได้รู้ว่าลูกสาวสุดที่รักของตัวเองไม่มีวรยุธอีกแล้ว และไม่สามารถมีวรยุทธอีกต่อไป แต่จะมีชีวิตอยู่แบบนี้แบบคนไร้ค่า มู๋จืออันไล้มู๋จินเป่าไปอยู่เรือนไกลๆที่เก่าและโทรมๆ ซิงอีเลยขอมาตามรับใช้ และมู๋จืออันก็สั่งให้ปิดข่าวเรื่องนี้ และจะหาทางจัดการเรื่องสำนักการศึกษาที่มู๋จินเป่าเรียนอยู่เอง แต่ข่าวก็แพร่ไปเร็วมาจนทำให้ทางสำนักการศึกษารู้และตัดรายชื่อของมู๋จินเป่าทันที ตอนนี้มู๋จินเป่าไม่เหลืออะไรแล้ว ทางการศึกษาก็ไม่ช่วย พ่อก็ทิ้ง มีแค่บ่าวคนเดียวที่อยู่ข้างๆ เรือนใหม่ของมู๋จินเป่าไม่มีบ่าวคนอื่นเลยนอกจาซิงอี มู๋จินเป่าไม่ยากยอมแพ้ และไม่อยากให้บ่าวอย่างซิงอีอยู่กับนาง แต่ซิงอีไม่จากไปไหน และซิงอีเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นทำให้คุณหนูของตัวเองมีสภาพเป็นแบบนี้ เพราะมู๋จินเป่าไม่เคยบอกอะไรกับนางเลย

พอเหตุการณ์สงบปกติ แต่มู๋จินเป่ายังไม่ตาย ฮูหยินก็ไม่พอใจส่งคนเอาของไปให้ซิงอีให้คุณหนูสามกินบำรุง มีทั้ง ซุปบัวหิมะ โสมร้อยปี ซิงอีจึงคิดว่าฮูหยินรักคุณหนูของนาง และเห็นลูกเลี้ยงลำบากก็เข้ามาช่วย คุณหนูสามก็ไม่รู้ว่าเป็นของฮูหยิน และตอนนี้นางไม่มีวรยุทธนางจึงไม่รู้สักนิดว่าในซุปบัวหิมะมีพิษนางเลยกินเข้าไป นางอาเจียนจึงรู้ว่ามีพิษ และสอบถามซิงอีเลยรู้ว่าเป็นของฮูหยิน มู๋จินเป่าเลยสั่งห้ามไม่ให้รับของฮูหยินอีก ซิงอีเลยรู้ว่าฮูหยินนี่เองที่ต้องการชีวิตของคุณหนูสาม วันนี้มีคนในจวนบอกว่าท่านแม่ทัพมู๋จืออันให้ส่งชาเลือดนกนางแอ่นมาให้มู๋จินเป่าบำรุงร่างกาย พอดื่มเข้าไปก็มีสภาพเช่นนี้ ดี จินเป่า ในร่าง มู๋จินเป่าคิดในใจ แล้วเรา จะเห็

นดีกัน 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เรือนเก่าในตระกูลใหญ่

    หลังจากที่จินเป่าฟื้นมาในร่างของ มู๋จินเป่า ในใจก็รู้สึกสมเพชตัวเองมาก ตอนร่างนี้แข็งแรงและมีวรยุทธที่สูง ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในร่างนี้ แต่พอไม่หลงเหลืออะไรแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็เก่าซอมซ่อขนาดนี้ ก่อนตายจากร่างเดิมก็ถูกหักหลังจากเพื่อนรัก"คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านต้องทานข้าวทานยานะเจ้าคะ"ซิงอีสาวใช้ข้างกายของมู๋จินเป่าเอยขึ้น วันที่คุณหนูของนางถูกวางยาครั้งล่าสุดนางใจหายมาก ต่อมานางไม่เคยรับของจากจวนมู๋อีกเลย นางร่ำเรียนวรยุทธก็จริงแต่นางก็เรียนได้ย่ำแย่มาก ณ เวลานี้นางมีวรยุทธในระดับสองขั้นกลางเท่านั้น เรื่องยาพิษต่างๆนางไม่ได้ร่ำเรียนเลย ทำให้นางมองไม่ออก ถ้าคุณหนูของนางไม่เกิดเรื่องขึ้นทำให้พลังยุทธหายไปนั้น คุณหนูของนางต้องมองออกเป็นแน่ ตอนนี้ซิงอีหาอาหารให้ มู๋จินเป่า กินเองกับมือ แม่ตอนนี้แทบไม่มีเงินติดตัว ซิงอีต้องไปขุดมัน ขุดเผือก ล่าเนื้อสัตว์เล็กเช่น นก ปลา มาเพื่อที่จะประทังชีวิตของสองคน ซิงอีมองหน้าคุณหนูแล้วก็เศร้าใจคุณหนูของนางเคยโดดเด่น แต่ตอนนี้กลับซูบผอม ซิงอีไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งนั้นว่าฮูหยินต้องการชีวิตคุณหนูของนาง ซิงอีไม่เคยพูดแต่ก็พอจะดูออกบ้างแล้ว "วันนี้มีอะไรกินล่

    Last Updated : 2024-12-11
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   พี่น้องเล่นด้วยกัน

    หลังจากเหตุการณ์ที่ มู๋จินเป่า คุณหนูสามไม่อยู่เรือนจนทำให้บ่าวรับใช้ข้างกายตามหาทำให้ทหารไปช่วยตามพวกทหารจึงไปรายงานกับฮูหยิน ทำให้ฮูหยินคิดหาแผนที่จะกำจัด มู๋จินเป่าอีกครั้ง นางเคยให้บ่าวนำอาหารใส่ยาพิษไปให้มู๋จินเป่ากินแต่นางก็ไม่ตาย นางเหมือนแมวเก้าชีวิต พักหลังๆบ่าวรับใช้คนนั้นที่ชื่อซิงอี ไม่เคยรับของที่เรือนใหญ่ส่งไปให้เลย แบบนี้จะทำอย่างไรดี ฮูหยินปรึกษามู๋จินฮุยบุตรสาวของนาง "งั้นวันนี้ลูกกับน้องจินเหอไปเยี่ยมมันดีกว่า มันแข็งแรงดีแล้วกระมัง เดียวลูกกับน้องจินเหอไปเล่นเป็นเพื่อนมันสักหน่อย"มู๋จินฮุยคุยกับแม่หลังคุยกันเสร็จมู๋จินฮุยก็กลับเรือนตัวเองเพื่อไปเตรียมตัวชวนน้องสาวไปเล่นสนุกๆกับน้องสาวอีกคนณ เรือนเก่าที่ไกลจากตัวเรือนหลักอยู่มาก ต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด ดรุณีน้อยสองนางเดินเข้าไปโดยไม่พาบ่าวมาสักคน ก่อนที่จะถึงตัวเรือน ซิงอีเห็นก่อนก็เลยไปรายงานคุณหนู "คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองมาเจ้าค่ะ ไม่มีบ่าวมาสักคนน่าจะมารังแกคุณหนูแน่เลยเจ้าค่ะ เราจะทำยังไงดีแล้วค่ะ"ซิงอีรีบมารายงานมู๋จินเป่า พลางดูคุณหนูของตัวเองกำลังอ่านตำราเก่าๆที่เคยใช้เรียน แล้วรู้สึกสงส

    Last Updated : 2024-12-11
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เด็กคนนี้เป็นห่วงข้าจริงๆ

    หลังจากแอบตามคุณหนูไปด้วยใจที่กังวล พอเห็นคุณหนูกำลังจะถูกกลั่นแกล้งทีแรกซิงอีกำลังจะวิ่งไปปกป้อง แต่แล้วสถานการก็พลิกผัน คุณหนูของนางหลบจากการผลักของคุณหนูรองได้ และแกล้งเป็นลมล้มลงไป นางก็อุ่นใจขึ้นและคิดว่าต้องทำยังไงดีนะ คุณหนูก็มองมาที่นางแล้วยิ้มแถมขยิบตาให้อีก อ๋อ สักพักใหญ่ๆ"คุณหนูคุณหนูเจ้าค่ะเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ ฮือๆๆๆๆ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าค่ะ ไหนว่าจะไปเล่นกับคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองล่ะเจ้าค่ะร่างกายของคุณหนูก็ไม่แข็งแรง ฮือๆๆๆ"หลังจากที่ซิงอีโวยวายพลางร้องไห้เสร็จก็แบกคุณหนูสามกลับเรือนทันที โดยไม่ได้ฟังเสียงของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองที่อยู่ก้นสระเลยสักนิด นางแกล้งไม่ได้ยิน"เจ้านิก็ร้ายไม่เบาเลยนะ ได้ยินคนตะโกนให้ช่วยแต่ไม่ช่วยพวกนางเดียวเจ้าก็ถูกลงโทษหรอก วางข้าลงเถอะตัวข้าหนักจะตาย"พอห่างจากบึงพอประมาณมู๋จินเป่าก็พูดขึ้น"ก็คุณหนูร้ายก่อนนิเจ้าค่ะ บ่าวแค่เล่นต่อจากคุณหนูผิดหรือเจ้าค่ะ ถ้าคุณหนูสองคนไปฟ้องท่านแม่ทัพ บ่าวก็จะอ้างว่าบ่าวตกใจกลัวคุณหนูเป็นอะไรไปเพราะคุณหนูไม่แข็งแรง และไม่ได้ยินเสียงอันใดทั้งสิ้นเพราะบ่าวมัวแต่ร้องไห้ ดีไหมเจ้าค่ะ และบ่าวก็ไม่ให้คุณ

    Last Updated : 2024-12-12
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ก็มันน่าสมน้ำหน้านิเจ้าคะ

    หลังจากซิงอีแอบตามทหารกับบรรดาบ่าวของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองไปก็พบว่า คนเหล่านั้นถือว่าไม่โง่เลยซักนิด นางพยายามบอกหลายครั้งหลายคลาว่าพบคุณหนูสามนอนสลบอยู่ที่ริมบึงใต้ต้นไม้ใหญ่ คนเหล่านั้นก็มุ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ทันที"คุณหนูใหญ่คุณหนูรองเจ้าค่ะ ลงไปอะไรกันที่นั่น"เสียงบ่าวคนหนึ่งตะโกนลั่นพอคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองเห็นบรรดาบ่าวๆก็ดีใจ ทั้งอับอายจนกลายเป็นโกรธด้วยซ้ำ กว่าจะตามหาพวกนางจบพบทั้งหนาวทั้งหิว ทั้งอับอายที่บรรดาบ่าวและทหารเจอพวกตนในสภาพเช่นนี้ เรื่องนี้ทั้งหมดต้องโทษมู๋จินเป่าคนเดียวในครั้งที่พวกเขาชวนมู๋จินเป่ามาก็เพื่อที่จะจัดการให้นางตกน้ำตายแต่ทำไมคนที่ป่วยไม่มีแรงขนาดนั้นยังหลบนางได้ มู๋จินเป่าไม่มี วรยุทธแม้แต่น้อยทำไมหลบนางได้กันคิดแล้วก็น่าโมโห พวกนางสองคนพยายามปีนแล้วก็ขึ้นไม่ได้ ป่ายปีนจนมือเจ็บไปหมดทั้งใช้วรยุทธที่ตนเรียนมาก็ไม่สามารถออกไปได้ พวกบ่าวก็แหกปากร้องอยู่นั้นแทนที่จะรีบๆมาช่วยพวกนาง พอทหารช่วยคุณหนูทั้งสองขึ้นมาแล้วด้วยความยากลำบากมากเนื่องจากหน้าแล้งน้ำใกล้หมดไปจากบึง ทำให้พื้นกับก้นบึงอยู่ห่างกันมาก แม้ผู้ที่ฝึกวรยุทธในขั้นสิบก็ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นมาได้ พวก

    Last Updated : 2024-12-12
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   นึกว่าแพ้ของดี

    ทันทีที่มู๋จินเป่านั่งก็หันหน้าไปหาพี่สาวสองคนแล้วทำท่าตกใจ"ท่านพี่ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ เมื่อวานข้าเห็นท่านพี่ทั้งสองคนตกบึงไปต่อหน้าต่อตาข้าก็ตกใจกลัวจนเป็นลมล้มไป กว่าข้าจะได้สติตื่นขึ้นมาก็รุ่งเช้าแล้ว พอข้าถามซิงอีนางก็บอกว่านางพบข้านอนสลบอยู่ผู้เดียว ไม่พบผู้ใดทั้งนั้น ข้าเลยถามว่าแล้วในบึงใหญ่นั่นเจ้าได้ดูหรือป่าว นางก็บอกว่าไม่ได้ดู มัวแต่รีบแบกข้ากับเรือน ข้าเป็นห่วงท่านพี่ทั้งสองมากเจ้าคะ"มู๋จินเป่ารีบกล่าวเพื่อปัดความผิดของซิงอีลองดูว่าถ้านางกล่าวขนาดนี้แล้วบิดายังจะมาป้ายความผิดให้บ่าวของตนอีกหรือไมพอฟังคำของมู๋จินเป่ากล่าว ทุกคนก็เงียบเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี จะพูดยังไงให้สองคนนั้นผิดได้ ในเมื่อนางกล่าวปิดทางทุกทางไว้เช่นนี้แล้ว"วันนี้ที่พ่อเรียกเจ้ามาเพราะว่าเรื่องเมื่อวานนั้นแหละ เจ้าเป็นลมขนาดนั้นบ่าวเจ้าไม่พาเจ้าไปหาหมอแต่กลับพาเจ้ากลับไปยังเรือนไม่กลัวเจ้านายเจ้าเป็นอะไรไปหรอ สลบไปทั้งวันทั้งคืนขนานนั้น เจ้าเป็นบ่าวไม่ร้อนใจบ้างหรือ ซิงอี"ท่านแม่ทัพที่หาเรื่องจากบ่าวอย่างซิงอีให้ลูกมู๋จินเหอกับลูกมู๋จินฮูยไม่ได้ จึงหันมาหาเรื่องบ่าวให้ลูกมู๋จินเป่

    Last Updated : 2024-12-12
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ท่านแม่จะหนีหรือเจ้าคะ

    หลังจากเคลียร์ปัญหาหากันเสร็จสิ้น ฮูหยินรีบกลับเรือนพร้อมบรรดา ลูกๆและบ่าว"ข้าว่าเราปล่อยสองคนนั้นไม่ได้แล้วล่ะ ดูอย่างวันนี้สิ ขนาดข้ามีศักดิ์เป็นแม่ มีศักดิ์เป็นฮูหยิน แต่ข้าไม่มีโอกาสพูดอะไรเลย นางสองคนนั้นเหมือนตั้งใจมาลบล้างความผิดของตัวเองแท้ๆ แต่พวกเราทำอะไรได้บ้างล่ะ นั่งมองพวกนางโยนความผิดมาให้จนพูดอะไรไม่ออกเลย"ฮูหยินกล่าวด้วยความโมโห"แล้วท่านแม่จะทำเช่นไรเจ้าค่ะ ไหนจะต้องจ่ายเบี้ยพวกนางอีก ซิงอีมันก็เป็นแค่บ่าวแต่ทำตัวกำเริบเสิบสานเยี้ยงนี้ ท่านพ่อไม่ว่าอะไรสักคำ แถมยังจะจ่ายเบี้ยให้อีก "มู๋จินฮูยพูดด้วยความที่มีอคติกับซิงอี เพราะนางคิดว่าซิงอีได้ยินเสียงพวกนาง แต่ซิงอีแกล้งไม่ได้ยิน ในตอนที่คุยกันอยู่บนเรือนใหญ่นางไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลย แถมซิงอียังมีการร้องไห้เรียกความสงสารอีก และจะให้นางไปแทรกได้เช่นไร นางอึดอัดเป็นอย่างมาก อกนางแทบจะระเบิดอยู่แล้ว"รออีกสักระยะหน่อยเดียวแม่จะหาวิธิที่มันแยบยนกว่านี้ก่อน เรื่องยาพิษคงไม่ได้เรื่องแล้วล่ะ บ่าวมันระวังตัวนายมันยิ่งกว่าอะไรดี"ฮูหยินพูดพลางคิดหาวิธีอยู่“ข้าว่ามู๋จินเป่าดูเหมือนคนไม่มีวรยุทธ์ที่ใดกัน ตอนเราไปพบนางนางอ่าน

    Last Updated : 2024-12-12
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   พี่สาวมาเยี่ยมข้าหรือเจ้าคะ

    เมื่อมู๋จินเป่ากับซิงอีไปถึงหอสมุดของตระกูลมู๋ ทั้งสองก็เดินตามผู้เฝ้าหอสมุดเข้าไป "เชิญคุณหนูสามขอรับ วันนี้คุณหนูสามหยิบได้ห้าเล่มนะขอรับ"ผู้เฝ้าหอสมุดกล่าว เขาเอ็นดูคุณหนูสามมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะคุณหนูสามมักมาศึกษาตำราอยู่บ่อยๆ แต่เวรกรรมอันใดไม่รู้ทำให้คุณหนูสามต้องเจอกับเรื่องแย่ๆได้เพียงนี้"ขอบคุณเจ้าค่ะ"มู๋จินเป่ากล่าวอย่างนอบน้อมแล้วเดินเข้าไปกับซิงอี " ถ้าเจ้าต้องการตำราเล่มไหนก็หยิบมานะข้าให้เจ้าสองเล่ม ข้าต้องการแค่สามเล่มเท่านั้น"มู๋จินเป่ากล่าวกับซิงอีเพราะรู้ว่านางต้องการตำราเช่นกัน นางจึงเดินไปหาตำราที่ตนต้องการ เล่มที่หนึ่งตำราเกี่ยวข้องกับเขาแสงจันทร์ นางหยิบมาแล้วเปิดดูคล่าวๆประมาณสามสี่เล่มจนเจอ สิ่งที่นางต้องการ มีทั้งทำเลและที่ตั้ง สัตว์อสูรที่อยู่บริเวณต่างๆ พืชสมุนไพรต่างๆ รวมไปถึงพืชที่นางต้องการด้วย มีทั้งลักษณะทั่วไปเมื่อคนพบเห็น สัพคุณต่างๆของพืช ได้แล้วหนึ่งเล่ม ตำราพิชิตเขาป่าต้องแสงจันทร์ เล่มที่สองนางต้องการตำรากำหลาบสัตว์อสูร เล่มที่สามนางต้องการตำราเกี่ยวกับหยกสีน้ำผึ้ง นางค้นหาอยู่สักพักก็เจอทั้งสามเล่มแล้วก็เดินไปหาซิงอี ซิงอีเองก็ไม่รู้จะศึกษ

    Last Updated : 2024-12-12
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ตัวตนที่แท้จริง

    ณ เรือนใหญ่ของตระกูลมู๋ บรรดาลูกลูกและฮูหยินของท่านแม่ทัพมู๋นั่งคุยกับ ท่านแม่ทัพอยู่"ท่านบิดาข้าโดนน้องจินเป่าทำร้ายจริงๆนะเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าน้องจินเป่านางมีวรยุทธ์กลับมาตั้งแต่ตอนไหนแล้ว นางคิดจะปกปิดเรื่องวรยุทธ์เพื่ออะไรกัน ไม่แน่ว่านางต้องการให้ท่านบิดาอับอายหรือไม่เจ้าคะ ดูข้าสองคนพี่น้องนี้สิเจ้าค่ะโดนนางแกล้งจนสะบักสะบอมเลยเจ้าคะ" มู๋จินฮุยกล่าวกับบิดา"วรยุทธ์นางกลับมาข้าก็ดีใจนะสิ แต่ทำไมนางไม่บอกข้าหรือต้องการให้ข้าตื่นเต้นไม่น่าจะอยากให้ข้าอับอายหรอก"ท่านแม่ทัพกล่าว ทำให้ฮูหยินกับลูกๆหน้าเปลี่ยนสีเลยที่เดียว เรื่องจะแย่แน่ๆถ้า วรยุทธ์ของมู๋จินเป่ากลับมาจริงๆ ไหนจะจัดการกับนางได้ยากขึ้นอีก ไหนจะท่านแม่ทัพเห็นดีเห็นงามด้วยอีก พวกเขาไม่น่าก่อเรื่องเลย ต่อไปนี้ท่านบิดาก็จะกลับไปเอ็นดูมู๋จินเป่าเหมือนเดิมแน่ๆ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว"ท่านพี่ ท่านพี่คิดดูสิเจ้าค่ะถ้าลูกมีวรยุทธ์กับมาเช่นเดินแล้ว ไม่มาบอกกล่าวกับบิดามารดาแต่ให้พี่ๆไปรู้เองเช่นนี้ นางไม่เห็นท่านพี่อยู่ในสายตาเลยนะเจ้าคะ น้องเองไม่เท่าไหร่หรอกเจ้าค่ะเพราะน้องคือมารดาเลี้ยง แต่ท่านพี่ไม่คิดน้อยใจบ้างหรือเจ้าค่ะ"ฮูหยิน

    Last Updated : 2024-12-13

Latest chapter

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   พญาวานร

    ทางด้านทั้งหกและสัตว์อสูรหนึ่งตนที่ตอนนี้กำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขารับรู้ได้ถึงพลังงานภายในห่างพวกเขาออกไปหากเดินทางเข้าไปไม่เกินครึ่งก้านผู้พวกเขาต้องเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่มีแรงกดดันมหาศาล อยู่ในนั้นพวกเขาเลือกจุดนี้เพราะว่าไอวิเศษนั้นมาถึงกลุ่มของพวกเขาทำให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากไอวิเศษของสิ่งเหล่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปส่มวันจู่ๆก็รู้สึกว่าตัวของเขานั้นเย็นวูบน่าจะสามครั้งได้ นางยิ้มด้วยความดีใจเพราะวรยุทธของนางอยู่เฉยๆก็เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพราะผู้เป็นนายของเขานั้นมีวรยุทธเพิ่มขึ้นก็ได้ ทุกคนมองหันมาที่ลี่หลินเพียงคนเดียวเพราะพวกเขาทุกคนสามารถรับรู้ถึงแรงกดดันก่อนที่วรยุทธนั้นจะเพิ่มขึ้น"ไม่ใช่ว่าเจ้าจะบรรลุวรยุทธอีก 3 ขั้นแล้วหรือ"ไป๋อวิ้นถามขึ้น"ข้านั่งฝึกวรยุทธภายในอยู่สามวัน ข้าไม่คิดว่าร่างกายของข้าจะเพิ่มวรยุทธขึ้นได้มากขนากนี้ ข้าคิดว่าผู้เป็นนายของข้าน่าจะมีวรยุทธเพิ่มขึ้นข้าถึงได้ผลประโยชน์ขนาดนี้"ลี่หลินพูดด้วยความดีใจ"ลี่หลินเจ้าเสื่อกับผู้เป็นนายของเจ้าได้แล้วหรือ พวกเขาอยู่ที่ใดกัน พวกเราจะรีบตามพวกเขาไป"ซิงอีกล่าวขึ้น ลี่หลินได้แต่ส่ายหัวมันรับ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผลขจี

    หลังจากกลุ่มของจินเป่าไปตกอยู่สถานที่หนึ่งนั้นราวๆสามวันพวกเขาทั้งสามนั้นก็รู้สึกตัว พวกเขาเหี่ยวสถานที่หนึ่งเหมือนเป็นกองฟางและมีแอ่งตรงกลางแต่กองฟางที่พวกเขานอนนั้นมองแล้วลักษณะเป็นสีขาวไข่มุก ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ใด ห่าวอู๋อวี่ลุกขึ้นได้จึงนั่งขับเคลื่อนวรยุทธของตัวเอง เส้นลมปานของเขานั้นเสียหายไปสามส่วน เลือดยังคลั่งอยู่ที่สมองเขาก็กระอักเลือดออกมาคำตอบ เจ้าอีกาดำสามขาจื่ออี้เฉินงั้นถึงกับปีกหักและขาที่สามของมันก็หักเลยทีเดียว ร่างกายของมันกระทบกับของแข็งประเภทใดตัวมันเองก็ยังไม่รู้ จินเป่าเมื่อลืมตาขึ้นมาก็รับรู้ได้ถึงคลื่นมหาศาลถาโถมเข้าตัวของตัวนางเอง นางรู้สึกเย็นวูบวาบสามครา นางลืมตาแล้วมองมือของตัวเองทั้งสองข้างวรยุทธของนางนั้นเพิ่มขึ้นอีกแล้วตั้งสามขั้น แต่นางสงสัยยิ่งนักวรยุทธของผู้อื่นนั้นสูงขึ้นนั้นจะเกิดทัฑคาด แต่ทำไมนางซึ่งวรยุทธสูงเลยระดับมามหาศักดิ์สิทธิ์มาเกินสามขั้นแล้ว นางยังไม่ถูกทัณฑฆาตเสียเลย นางมองไปรอบๆก็เห็นเจ้าอีกาดำสามขาที่นอนหมดแรงอยู่กับฟางสีขาวไข่มุกนั้น นางจึงหยิบยาสมุนไพรรักษาเส้นลมปราณธรรมดาออกมาให้มันกินไปพลางๆ และยื่นน้ำอมฤตให้ นางมองดูหน้าข

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ภาพเหมือน

    พญาหงส์ขาวที่กำลังต่อสู้นั้นหยุดชะงักและม้วนตัวพุ่งไปหาต้นขจีทันที ห่าวอู๋อวี่เองยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ พญาหงส์ขาวที่ต่อสู้กันอยู่ดีๆก็พุ่งไปหาจินเป่า จินเป่าที่ตอนนี้เห็นท่าไม่ดีเขากำลังอยู่ใกล้ต้นขจีเพียงนิดเดียวหากเขาหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าต้นขจีก็มัวแต่พลักดันนักยุทธให้ถ่อยกลับไปแต่มันไม่ได้ใช้ตามองจินเป่า เนื่องจากว่ากลิ่นอายของนางนั้นเป็นต้นหลิวต้องแสงจันทร์ในเมื่อนางนั้นได้กลืนกินพลังของต้นหลิวต้องแสงจันทร์แล้ว นางก็ปล่อยพลังของมันออกมา จึงทำให้ต้นขจีซึ่งเป็นพืชวิเศษเหมือนกันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นมนุษย์มันจึงไม่ได้ระวังตัวจากจินเป่าเลย แต่พญาหงส์ขาวรับรู้การไปของจินเป่าดีจึงพุ่งไปหานางและพ่นไฟใสทันที นางแบมือเก็บไฟดังเดิม แต่คราวนี้เจ้าพญาหงส์ขาวนั้นพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันระวังและเก็บมันเข้าไปในมิติทันที หลังจากที่มันเข้าไปในมิติแล้วจินเป่าจึงใช้กริชที่กรีดเลือดของตัวเองนั้นแทงเข้าไปยังรากของต้นขจีทันที "วี้ดๆๆๆๆๆๆ วี้ดๆๆๆๆ วี้ดๆๆๆๆๆ"เสี่ยงต้นขจีกรีดร้องและเอนไปเอนมาตอนนี้รากของมันถอนขึ้นจากดินเสียแล้ว จินเป่าได้ทีจึงโบกมือและเก็บต้นขจีก่อนที่มันจากอาละ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   พญาหงส์ขาว

    ทั้งสองคุยกันอยู่สักพักก็เข้าใจกันส่าตะจัดการเช่นไร"นั่นไงทั้งสองคนอยู่ตรงนั้นกำลังคุยกันอยู่แล้วแผนของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อล่ะลี่หลิน"จางซินกล่าวถาม"แผนของพวกเขาคือให้พวกเราทุกคนระวังตัวเองและแก้ไขสถานการณ์ไปตามเหตุการณ์ต่างๆ"ลี่หลินกล่าวขึ้น ทุกคนก็มองไปยังลี่หลินเพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่านางได้สื่อสารกับผู้เป็นนายจริงหรือไม่ เนื่องจากพอถามพบนางก็ตอบทันที "งั้นพวกเราก็ต้องดูแลตัวเองและปกป้องด้วยให้ได้ เพื่อที่จะไม่เป็นตัวถ่วงของพวกสองคนนั้น"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น"แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าสงสัยยิ่งนัก ทำไมข้าที่อยู่มิติแห่งนี้มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้เลยล่ะ เรื่องที่มีผลขจีสุกอะไรนั่น ทำไมหรือพอดูดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสัตว์อสูรต่างๆก็รายล้อมเข้ามา และนักยุทธต่างๆก็เหมือนสนใจสิ่งเหล่านี้ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่ามันเป็นสิ่งใด"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น"ข้าเองก็สงสัยว่าทางราชสำนักไม่ได้ส่งผู้ใดมาเข้าชิงผลขจีเลย เป็นไปได้หรือไม่ว่าทางราชสำนักนั้นไม่สนใจกับสมุนไพรชนิดนี้ เจ้าที่อยู่ในเมืองหลวงนั้นจึงไม่รู้ว่ามีของดีแบบนี้"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น ทุกคนขอพยักหน้าพร้อมที่จ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ต้นขจี

    เมื่อถึงยามเที่ยงคืนแล้วสัตว์อสูรตนนั้นก็ออกมาจากต้นขจีมันเป็นสัตว์อสูรสีขาวสว่างไสว มองไกลๆราวกลับนกกินรีสีขาวแต่พอมองดีๆก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่กินรีแต่อย่างใด"นั่นมันพญาหงส์นิสัตว์มหาอสูรที่เฝ้าอยู่ต้นขจีมันคือพญาหงส์นี่เอง"บุรุษกลุ่มที่จับตัวทั้งสองคนมากล่าวขึ้น "พวกเจ้าแกะมัดมือข้าทั้งสองได้แล้วกระมังข้าจะได้หาวิธีที่จะเอาชนะสัตว์มหาอสูรตนนั้น"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น กลุ่มคนที่จับตัวพวกเขามาจึงปรึกษากันไม่นานเขาก็แกะเชือกวิญญาณนั้นออก "ข้าทั้งสองจำเป็นที่จะต้องโจมตีพร้อมๆกันแล้วพวกเจ้ามีใครที่ต้องการที่จะลงมือบ้าง ข้าจะได้วางแผนเผื่อพวกเจ้า"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ทั้งหมดที่จับตัวทั้งสองคนมานั่นนั่งเงียบทันทีไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดเพราะไม่มีใครต้องการที่จะลงมือ "ทำไมพวกท่านไม่คิดที่จะลงมือเลยหรอ ในเมื่อต้องการของแต่ถ้าไม่ลงมือพวกท่านจะมีหน้ารับของพวกนี้ได้อย่างไร"จินเป่าถามขึ้ม"เอาเป็นว่าพวกข้าไม่ลงมือต่อสู้กับสัตว์มหาสูรแต่พวกข้าจะลงมือแย่งชิงกับผู้มียุทธเหล่านั้นเอง ถ้าพวกข้าได้ผลขจีมามากพอพวกข้าจะแบ่งให้พวกเจ้า "บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้น"ข้าเองจะไปสู้กับสัตว์อสูรเหล่านั้นแต่ข้าเอง

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ตอบแทน

    เมื่อยามค่ำคืนเข้ามากล้ำกรายในห้องห่าวอู๋อวี่กับจินเป่านอนด้วยกันบนเตียงนอน"ข้าอยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปจังที่เราสองคนได้นอนกอดกันบนเตียงนุ่มแบบนี้ หากเราช่วยท่านพ่อตากับแม่ยายได้แล้วเราแต่งงานกันนะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวออกมาอย่างหยอกล่อและจิงจังในท่าที จินเป่าไม่ได้กล่าวอะไรนางได้ยินเสียงกุกกักนอกประตูนางรู้ดีว่าห่าวอู่อวี่รับรู้ได้ก่อนนางเสียอีกแต่เขาก็แกล้งพูดไปต่างๆนานา เมื่อด้านนอกได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เขาก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้ามา ห่าวอู๋อวี่สังเกตเห็นถึงข้อนี้"ข้านอนแล้วนะเจ้าเองก็นอนเถอะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น เพื่อจะได้เดินตามแผนของกลุ่มคนที่มาดักจับสองคนเขา สักพักใหญ่ๆเสียงเคลื่อนไหวภายในห้องก็สงบลง บุรุษผู้หนึ่งโบกมือเป็นสัญญาณให้ผู้ที่อยู่ด้านหลังค่อยๆเปิดประตูโรงเตี้ยมให้ แล้วค่อยๆบุกเข้าไปจับตัวทั้งสองได้ เมื่อถูกจับทั้งสองคนก็แกล้งทำเป็นหลับไหลไม่ได้สติ จินเป่าทำท่าทางตกใจตื่นขึ้นมา"หวกเจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมาจับพวกข้าเช่นนี้ พวกข้าทั้งสองไปทำอะไรให้พวกเจ้าโกรธเคืองกัน"จินเป่าพูดขึ้น"แม่นางอย่าดิ้นรนเลย อย่าต่อรองกับการจับกุมในครั้งนี้ พวกเราวางแผนมานานแล้ว แล้วคนที่จับต

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แผน

    ป่ากระดังงาที่พวกเขาเดินทางเข้าไปนั้นร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่เล็กประปรายกันอยู่ มีโขดหินใหญ่โขดหินเล็กและมีเสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยมากมาย เสียงนกร้องสักพักและบินจากไปเพื่อหาอาหาร"เราจะอยู่ผจญภัยอยู่ที่ป่าอัสดงกันจนจะมีวรยุทธเพิ่มขึ้นเท่าใดดี เราต้องตั้งเป้าหมายและล่ะ"จางซินกล่าวขึ้น"ข้าไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรเท่าไหร่หรอก เอาเป็นว่าจนกว่าพวกเราทั้งจะพอใจกันดีกว่า"ห่าวอู๋มูลี่กล่าวขึ้น"แล้วต้าเสว่ยล่ะท่านคิดว่ามาผจญภัยยังภายนอกแล้วท่านยังคิดว่ายังอยากติดตามพวกเราต่อหรือไม่"จินเป่าถามขึ้น"ถ้าไปกับพวกเจ้าแน่นอน ข้ารู้สึกสนุกรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกท้าทายแล้วพวกเจ้าก็มีจิตใจที่ดีช่วยเหลือชาวบ้านถ้าคิดว่าข้าต้องติดตามพวกเจ้าไปให้ถึงที่สุด"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น พวกเขาเดินทางในป่ากระดังงาราวๆเจ็ดวันก็ออกจากป่ากระดังงา เดินทางด้วยความราบรื่นตอนกลางวันเดิน กลางคืนก็พักผ่อนพวกเขาไปถึงหมู่บ้านอัสดงในเวลาเที่ยงของวันที่เจ็ด เมื่อพวกเขาไปถึงก็หาโรงเตี้ยมเพื่อนั่งกินอาหารกัน และจะได้ฟังข่าวจากนักยุทฑท่านอื่นด้วย พวกเขาเลือกนั่งโต๊ะกลางสุดเพราะจะได้ฟังเสียงข้างๆได้สะดวกยิ่งขึ้น "ป่าอัสดงทุกวันนี้ทำไมข้าไม

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   อ่านแผนที่

    "เปรี๊ยะๆๆๆๆ"เสียงบางสิ่งบางอย่างแตกกระจาย แสงสีรุ้งที่ขึ้นไปยังฝากฟ้าวาบขึ้นทำให้ทุกที่สว่างไสว ไม่นานเกราะวรยุทธที่ป้องกันอยู่บริเวรรอบรอบเรือนนั้นแตกกระจาย แสงสีรุ้งที่ค่อนข้างที่จะขาวจนแสบสายตานั้น พยายามออกไปต้องสรรพสิ่งที่อยู่ในป่าแห่งนี้ทุกๆแห่งหน เมื่อแสงสว่างไปต้องสิ่งใดสิ่งนั้นสว่างไสวในพริบตา สัตว์อสูรที่ถูกสะกดจิตมันก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ต้นไม้ที่ปกติแล้วมันเหี่ยวเฉาจนใกล้จะตายแต่เมื่อถูกสะกดให้ตรึงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นั้นเมื่อตอนกลับแสงสว่างนั้นมันก็สลายหายไปทันที สัตว์อสูรที่สิ้นอายุขัยแล้วแต่กับตรึงด้วยการสะกดนั้นก็ได้ตายตกไปตามๆกัน สรรพสิ่งที่อยู่ในป่านี้กลับคืนมาสู่สภาวะเวียนว่ายตายเกิดเช่นเดิม ครั้นแสงสีรุ้งนั้นหายไปทุกอย่างก็เงียบสงบลงและกลับมาเป็นดังเดิม จินเป่ากับจางซินต่างจับมือกันด้วยความดีใจที่พูดคำสำเร็จแล้ว พวกเขาช่วยชีวิตสัตว์อสูรเหล่านั้นให้มันเวียนว่ายตายเกิดไปตามกาลเวลา และสรรพสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในป่าแห่งนี้ให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เมื่อทั้งสองเปิดประตูห้องออกไป"เจ้าทั้งสองไม่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่มีแสงสีรุ้งเกิดขึ้นและอยู่ๆแสงสีรุ้งนั้นก็เหมือนจะแตกกระจาย

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แสงสีรุ้ง

    ตอนกลางวันกลุ่มของพวกเขาทั้งแปดก็เดินทางกันปกติ แต่พวกเขาจะระมัดระวังตัวมากขึ้นเพราะพวกเขายังไม่สามารถสรุปได้ว่า สัตว์อสูรเหล่านั้นจะมาเฉพาะเวลากลางคืนเพียงเท่านั้น "สถานที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์แต่ก็แปลกเสียจริง ไม่มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยและสัตว์อสูรใหญ่ๆเลยสักตัว ที่พวกเราเดินทางมานี้ สถาที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์แต่วังเวงที่สุดแล้ว"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น เขารู้สึกชอบธรรมชาติที่นี่จริงๆ แต่ถ้ามีสัตว์สักน้อยหรือเสียงดังๆที่บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ก็จะรู้สึกสบายใจมากกว่านี้ เพราะตอนนี้มันให้ความรู้สึกที่วังเวงไม่สบายใจเอาเสียเลยสิ"มันไม่ได้แปลแค่ไม่มีสัตว์อสูรหรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยใดๆดอกนะ แต่มันแปลกถึงขนาดที่เราเดินมายังณที่นี้ ข้ายังไม่เห็นสมุนไพรที่ใช้ได้เลยสักต้นเดียว มองมองดูมีแต่สมุนไพรพิษทั้งนั้น มันจะเกี่ยวกับสัตว์อสูรที่ถูกท่อนไม้นั้นควบคุมจริงๆหรือ มันควบคุมถึงพืชด้วยหรือ ถึงทำให้พืชในหยายๆตัวที่มองดูคราแรกนึกว่าสมุนไพรแต่พอดูดีๆกลับเป็นพืชที่มีพิษไปซะงั้น"จางซินถามขึ้น เพราะองค์ชายหกต้าเหว่ยเคยพูดไว้ว่าเขาเคยอ่านตำราแล้วเจอตำราสมุนไพรที่ทำให้หายเครียดได้ เขาจึงสรรห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status