จ้าวเว่ยเว่ยหมอสาวยอดอัจฉริยะแห่งยุค2024วันหนึ่งชะตาชีวิตของเธอพลิกผันเมื่อเธอซื้อกระจกเก่าๆจากร้านขายของโบราณและทำมันบาดมือจากนั้นมีเสียงดังขึ้นมาว่า'นายหญิง.พรใดอันประเสริญจงเป็นของท่าน'..
View Moreบทที่ 24 ต้มยำทะเลน้ำข้นอาหารจานเนื้อผัด 3 จาน อาหารจานผักผัด 2 จาน ที่ใส่ผงปรุงรสถูกส่งขึ้นไปที่ห้องพิเศษของแขกผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นทันที ส่วนหมูตุ๋นนั้นเพราะต้องใช้เวลาทำให้ยังไม่สามารถที่จะยกไปบริการได้ แต่ว่ากลิ่นหลังจากนั้นที่ตุ๋นมาไปสักพักนั้นมันช่างหอมหวนเสียจริงๆ ส่วนแขกด้านนอกนั้นเมื่อเห็นว่าทางร้านเริ่มผัดอาหารที่หอมขนาดนั้นออกมา ก็กระหน่ำสั่งอีกทันทีถึงแม้บางโต๊ะนั้นใกล้จะอิ่มแล้วแต่ว่าเพราะไม่อาจจะอดทนกับกลิ่นที่หอมของอาหารที่โต๊ะด้านข้างสั่งได้จึงต้องสั่งมากินอีกจนได้ และก็เหมือนกันกับหลงจู๊ที่เมื่ออาหารเข้าปากสีหน้าเคลิบเคลิ้มของลูกค้าที่กินอาหารนั้นทำให้หลงจู๊ที่แอบมองนั้นถึงกับยิ้มกว้างเลยทีเดียว“ท่านหลงจู๊ผงวิเศษพวกนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้วนะขอรับ ท่านไปได้มาจากไหนกัน รีบไปเอามาเพิ่มเถอะขอรับ ตอนนี้ยังมีอีกหลายสิบจานที่ยังทำไม่ทัน ข้ากลัวว่ามันจะไม่พอ” ขณะที่หลงจู๊กำลังแอบมองเหล่าลูกค้าที่แย่งกันคีบอาหารในจานจนมีหลายโต๊ะถึงขั้นเริ่มจะมีปากเสียง จนต้องหันมาสั่งจานนั้นเพิ่ม ก็ได้ยินเสียงเหล่าพ่อครัวตะโกนบอกเขาพลันเขาก็เห็นคุณหนูน้อยท่านนั้นและครอบครัวกำลังจะออกจากร้านพอ
บทที่ 23 ผงปรุงรสตัดมาที่กล่องที่เก็บกระจกวิเศษของจ้าวเว่ยเว่ย ตอนนี้รอยร้าวของมันนั้นได้ประสานกันยาวขึ้นมาอีก 10 เซ็นติเมตาเลยที่เดียวหากจ้าวเว่ยเว่ยเห็นก็คงจะสงสัยเหมือนกันว่าการช่วยคนๆ นี้คนเดียวทำไมรอยร้าวถึงได้ประสานกันได้ยาวขนาดนี้ เมื่อคณะของใต้เท้าหวังจากไป ภัตตาคารเจียหลินก็กลับมาต้อนรับลูกค้าใหม่อีกครั้ง หลงจู๊จงหย่ง นั้นเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกที่เด็กสาวคนนั้นเข้าช่วยเหลือใต้เท้าหวัง เขาจึงรีบเดินเข้าไปและโค้งคำนับและเชิญพวกนางขึ้นชั้นสองที่เป็นห้องพิเศษ ความจริงแล้วภัตตาคารแห่งนี้นั้นเป็นของตระกูลของใต้เท้าหวังนั้นเอง“เชิญคุณหนูและฮูหยินขอรับ วันนี้พวกท่านได้ช่วยเหลือใต้เท้าหวังทางภัตตาคารเจียหลินขอเป็นตัวแทนใต้เท้าเลี้ยงอาหารมื้อนี้นะขอรับ ขอคุณหนูอย่างได้ปฎิเสธเลยนะขอรับ” หลงจู๊รีบพูดกันเอาไว้ก่อนที่จ้าวเว่ยเว่ยจะปฎิเสธ“เช่นนั้นก็ขอรับกวนท่านหลงจู๊ด้วยนะเจ้าคะ”จ้าวเว่ยเว่ยเมื่อเห็นว่าไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จึงได้ยอมรับน้ำใจของเขาในครั้งนี้ขณะที่รออาหารจ้าวเม่ยก็มองจ้องมาที่ลูกสาวคนโตของนางอย่างพิจารณา จะบอกว่านางไม่ใช่ลูกสาวของนางก็ไม่ใช่เพราะว่าทุกอย่างยังเป็นปรกติ
บทที่ 22 ช่วยชีวิตคนเช้าวันต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านก็ตีเกราะอีกครั้งครั้งนี้มีชาวบ้านมาร่วมฟังเกือบครึ่งหมู่บ้าน แน่นอนว่าบ้านตระกูลจ้าวนั้นยังมาไม่ได้เช่นเดิม และข่าวใหม่ที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกกับชาวบ้านก็คือ พวกเขาจะแบ่งพื้นที่ในการทำความสะอาดที่ดินของนางจ้าวเม่ยให้กับทุกครอบครัวที่ต้องการทำงานแทนการจ้างรายบุคคล เพราะตอนนี้เขาทราบว่าทุกคนต่างการก็การทำงานและต้องการเงิน ดังนั้นพื้นที่ที่จะแบ่งนั้นจะแบ่งตามจำนวนคนในครอบครัวที่สามารถมาทำงานได้ โดยค่าจ้างนั้นจะมีให้เลือก 2 แบบคือสามารถเลือกอาหารแห้งพวกข้าวสาร แป้ง เกลือ น้ำตาล ถั่ว ซีอิ๊ว เครื่องปรุงต่างๆ หรือพวกเผือก มัน ธัญพืชแห้ง หรือ ถ้าต้องการเนื้อสัตว์ก็สามารถเลือกได้แต่ว่าราคาก็จะตามท้องตลาด หรือ สามารถรับเป็นเงินได้ โดยครอบครัวไหนมากันเยอะก็จะได้พื้นที่ทำงานเยอะ ถ้ามีน้อยก็ได้น้อย และการทำงานจะมีหัวหน้างานที่เดินตรวจทุกวันเมื่อทำงานเสร็จแล้ว หากครอบครัวไหนทำงานไม่เรียบร้อย วันต่อมาก็จะถูกลดพื้นที่ลง โดยค่าจ้างจะให้ตามพื้นที่ที่แต่ละครอบครัวได้รับนั้นคือหมู่ละ 5 ตำลึง ส่วนอาหารนั้นจะให้เพียงซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ในตอนเช้าเท่านั้นส่วนมื
บทที่ 21 รับคนงานในหมู่บ้านผ่านไป 2 วันหัวหน้าหมู่บ้านก็ให้ลูกชายมาตามนางจ้าวเม่ยให้ไปที่บ้านอีกครั้ง เมื่อจ้าวเม่ยและจ้าวเว่ยเว่ยเดินจูงมือเจ้ารองและเจ้าเล็กมาด้วย เพราะว่าไม่อยากจะปล่อยให้สองพี่น้องอยู่บ้านกันสองคน เมื่อมาถึงก็เห็นหัวหน้าหมู่บ้านนั่งรออยู่แล้วพร้อมกับกระดาษแผนที่วางอยู่ตรงหน้า จ้าวเว่ยเว่ยนั้นไม่ได้เดินมามือเปล่าแต่นางนำน้ำตาลแดงและขาหมูขนาดไม่ใหญ่มากมาด้วย เพราะว่าพวกนางทราบว่าลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเพิ่งจะคลอดลูกชายดังนั้นพวกนางจึงนำของบำรุงให้มาฝากด้วย เมื่อเห็นว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านรออยู่นางจึงนำขาหมูและน้ำตาลเข้าไปหานางเจียงเหย่าที่ยืนรอต้อนรับอยู่และได้ให้น้องชายและน้องสาวเข้าไปเล่นกับหลานๆ ของหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังยืนมองอยู่เมื่อเด็กสองคนเดินไปถึงก็ดึงถุงลูกอมออกมาทันและพวกเขาแบ่งให้หลานของหัวหน้าหมู่บ้านคนละเม็ดและพวกเขาก็จูงมือไปเล่นลูกแก้วด้านในบ้านต่อ“มาดูที่ดินที่พวกเจ้าต้องการสิว่าต้องการมากแค่ไหน พื้นที่รอบๆ นี้ยังไม่มีใครจับจองมันยาวมาถึงภูเขาที่อยู่ด้านข้างนี้ด้วย ราคาของที่ดินอยู่ที่หมู่ละ 20 ตำลึงเงินแต่ว่าข้าได้บอกกับทางราชการไปว่าเป็นท
บทที่ 20 ซื้อที่เพิ่มแน่นอนว่าเมื่อชาวบ้านรู้เรื่องที่จ้าวเม่ยพบโชคบนภูเขา ครอบครัวตระกูลจ้าวก็รู้เรื่องเช่นกัน แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ วันนี้ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านพวกเขาไม่พบคนตระกูลจ้าวเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงจึงได้ทราบว่าครอบครัวตระกูลจ้าวนั้นตอนนี้ป่วยไข้ทั้งตระกูลเลย ไม่มีใครสามารถลุกจากเตียงได้สักคน ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใดชาวบ้านส่วนใหญ่นั้นต่างก็ดีใจกับพวกนางจ้าวจะมีก็เพียงส่วนน้อยที่อิจฉาพวกนาง แต่ว่าถึงจะอิจฉาอย่างไรแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ส่วนพวกชาวบ้านเมื่อรู้ว่าบ้านนางจ้าวเม่ยจะจ้างสร้างบ้านและต้องการจ้างแรงงาน ต่างก็มาลงชื่อที่บ้านของหัวหน้าหมู่กันอย่างคึกคัก เพราะว่าค่าจ้างที่นางจ้าวเม่ยให้นั้นคือ 50 อีแปะพร้อมกับอาหารมื้อเที่ยงหนึ่งมื้อ ส่วนมื้อเช้าจะให้เพียงซาลาเปากับน้ำเต้าหู้เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องแห่มาที่นี่เพราะค่าจ้างในเมืองสำหรับแรงงานนั้นคือ 30 อีแปะเท่านั้นและไม่มีอาหารมื้อไหนๆ ให้เลย และไหนจะต้องค่อยแย่งกับคนงานที่มาจากหมู่บ้านอื่นๆ อีกด้วย แต่ที่สำคัญที่จ้าวเว่ยเว่ยได้กำชับให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยจัดการก็คือ ต้องช่วยคัดคนงานที
บทที่ 19 สร้างบ้านใหม่ขณะที่ครอบครัวของจ้าวเม่ยกำลังจะเดินเข้าบ้าน ที่ถนนหน้าบ้านก็มีแสงไฟดวงเล็ก 2-3 ดวงส่องเข้ามารอเพียงไม่นานก็มีเสียงถามขึ้นมา“แม่เว่ยเว่ย! แม่เว่ยเว่ยกลับมาแล้วหรือ พวกข้ามาหารอบหนึ่งแล้วแต่ประตูบ้านของพวกเจ้าปิดอยู่เมื่อสักครู่ได้ยินเสียงก็เลยเดินมาดู นี่เอา! เจ้าหนูรองพวกป้าเอาไข่กับแป้งมาให้พวกเจ้า เพราะรู้ว่าพวกเจ้าออกจากบ้านตระกูลจ้าวแต่พวกเขาไม่ได้ให้อะไรมา พวกข้าคิดว่าพวกเจ้าคงยังไม่มีอะไรกินก็เลยเอามาให้ มารับไปสิลูก”ป้าหยูที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากป้าถง เป็นคนเดินเข้านำอีกสองคนเข้ามาในบ้านและยื่นพวกไข่ไก่ป่ากับแป้งถุง ข้าวสารและเกลือห่อเล็กๆ ให้กับแม่ลูกจ้าว จ้าวเม่ยและจ้าวเว่ยเว่ยมองดูการกระทำของป้าๆ 2-3 คนที่นำไข่ ข้าวสารและแป้งถุงเล็กๆ มาให้พวกนางเพราะคิดว่าพวกนางคงไม่มีอะไรกินคืนนี้ ความรู้สึกอบอุ่นก็แผ่ซ่านขึ้นมาในหัวใจของพวกนาง แม้จะเป็นเพียงเพื่อนบ้านแต่ก็ยังมีน้ำใจมากกว่าคนที่เรียกว่าครอบครัวและอยู่กันมาหลายปีเสียอีก“ขอบคุณมากเจ้าค่ะพี่หยู พี่หง พี่ถง”จ้าวเม่ยเดินมารับของจากพวกนางพลางขอบคุณในน้ำใจครั้งนี้ แม้ว่าของมันจะน้อยแต่ว่าน้ำใจของพวกนางนั้นม
เมื่อจ้าวเว่ยเว่ยรู้ว่าเจ้าม้าที่นอนป่วยอยู่นี้คือ ม้าเหงื่อโลหิตนางรู้สึกตกใจมาก เพราะว่าเท่าที่นางทราบข้อมูลเกี่ยวกับม้าชนิดนี้นั้นมันเป็นม้าสายพันธุ์เก่าแก่หายากมาก เพราะมีร่างกายที่สง่างามและปราดเปรียว ขนสั้นเกลี้ยง เกล็ดบนผิวหนังมีสีทองแวววาว ยามต้องแสงแดดจะเปล่งประกายระยิบระยับราวกับโลหิต และมันยังมีกล้ามเนื้อมัดแน่น กระดูกแข็งแรงมาก เหมาะสำหรับการวิ่งระยะไกล มันยังทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง มันยังมีกีบแข็งแรง เหมาะกับการวิ่งบนทุกพื้นผิว นอกจากนี้ม้าเหงื่อโลหิตขึ้นนั้นชื่อเรื่องความฉลาด ความกล้าหาญ ความอดทน และความภักดี มันมักถูกใช้เป็นม้าศึก ม้าแข่ง และม้าสำหรับงานกีฬาต่างๆและที่สำคัญคือม้าเหงื่อโลหิตได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในม้าที่ดีที่สุดในโลก ราคาของมันในปัจจุบันก่อนที่นางจะทะลุมิติมานั้นคือ ตัวละ 5-10 ล้านหยวนเลยทีเดียวจ้าวเว่ยเว่ยนั้นตื่นเต้นมากที่เห็นม้าเหงื่อโลหิตตัวเป็นๆ แบบนี้ จนนางลืมถามท่านแม่ไปว่า นางทราบได้อย่างไรว่านี้คือม้าเหงื่อโลหิต!เมื่อเถ้าแก่เฉินหานเห็นว่าสองแม่ลูกนั้นสนใจเจ้าม้าป่วยตัวนั้น เขาก็รีบเดินมาหาทันที และเอ่ยถึงคุณสมบัติหลายอย่างของมัน
บทที่ 17 ม้าเหงื่อโลหิตถงเจี้ยนหลานเมื่อได้โสมมาเขาให้เถ้าแก่จัดการเรื่องเงินให้กับสองแม่ลูกส่วนตัวเองนั้นรีบห่อต้นโสมต้นนั้นและหายเข้าไปชั้นสองของร้านทันที“อยากซื้อรถม้าเช่นนั้นหรือ มีสิ มีแน่นอนเป็นน้องชายของข้าเองที่เป็นเจ้าของร้านเดี๋ยวข้าจะให้เด็กนำทางไปนะเจ้าเด็กน้อย ไม่ต้องห่วงข้าจะให้เขาขายให้พวกเขาในราคายุติธรรมแน่นอน”เถ้าแถ่เฉินหลง เมื่อเจ้านายไปแล้วก็หันมาคุยกับสองแม่ลูกอย่างถูกอัธยาศัยและเมื่อทราบว่าทั้งสองต้องการจะซื้อรถม้าเขาก็รีบบอกด้วยความดีใจ เพราะอย่างไรเสียวันนี้น้องชายของเขาต้องขายรถม้าให้กับสองแม่ลูกนี้ได้อย่างแน่นอน“ขอบคุณมากเจ้าค่ะเถ้าแก่ นอกจากรถม้าพวกข้ายังอยากจะได้บ้านที่อยู่ในเมืองเฟิงแห่งนี้ด้วย เพราะว่าน้องชายของข้ากำลังจะเข้าสถานศึกษาที่นี่ ถ้าหากว่าเถ้าแก่พอจะทราบว่ามีที่ไหนที่ทำเลดีๆ ข้าขอรบกวนท่านบอกด้วยเจ้าค่ะ”เมื่อจะซื้อรถ (ม้า) ก็ต้องมีบ้านในเมืองด้วย ดังนั้นจ้าวเว่ยเว่ยจึงได้เอ่ยปากถามเถ้าแก่ในครั้งเดียวเลย ถ้าได้ที่ทำเลดีๆ ก็ดี แต่ถ้ายังไม่มีนางก็จะหาต่อไป เพราะตอนนี้มีเงินแล้ว นางจะซื้ออะไรก็ได้แล้ว“อยากได้บ้านด้วยเช่นนั้นหรือ ฮื่ม! เดี๋ยวข
บทที่ 16 ขายโสมสองแม่ลูกกลับลงมาจากภูเขาในตอนก่อนเที่ยงเพียงเล็กน้อย ชาวบ้านที่เดินสวนกันกับสองแม่ลูกมองเข้าไปในตะกร้าขนาดใหญ่ที่หลังของนางจ้าวเม่ย เต็มไปด้วยผักป่านานาชนิดที่กองพูนๆ เต็มตะกร้าและเหมือนกับกำลังใช้มันเพื่อปิดบังอะไรสักอย่างเมื่อเห็นเช่นนั้นความสงสัยก็เกาะกุมขาเผือกทันที หรือว่าสองแม่ลูกจะได้ของดีมาจากภูเขาเลยเอาผักป่าปิดเอาไว้กัน เมื่อความสงสัยถึงที่สุดพวกเขาจึงต้องหยุดและพวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้เพื่อมองให้ชัดและเอ่ยถามออกไปว่า“แม่เว่ยเว่ย ได้ของมาเต็มตะกร้าเลยนะ ได้อะไรมาบ้างเล่า?” ชาวบ้านคนที่หนึ่งเอ่ยถามขึ้น“อออ เออ..เออ.. พี่จางหรอกหรือเป็นพวกผักป่านะเจ้าค่ะข้าพอดีเดินไปเจอดงของมันเข้า”นางจ้าวเว่ยที่ถูกลูกสาวเทรนมาให้ทำให้พวกชาวบ้านสงสัยในตะกร้าของพวกนางก็เล่นสมบทบาทมากทีเดียว นางมีสีหน้าหวาดระแวงและกังวลจนเอาตะกร้าขนาดใหญ่ด้านหลังนั้นมากอดเอาไว้ด้านหน้าเลยทีเดียวและจากนั้นสองแม่ลูกก็รีบเดินกลับบ้านเช่าที่อยู่ท้ายหมู่บ้านทันที พลางทำทางเหลี่ยวหน้าเหลี่ยวหลังอีกตะหาก เมื่อชาวบ้านเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของสองแม่ลูกแบบนั้นพวกเขาก็สรุปได้ในทันทีว่าวันนี้สองแม่ลูกคงจะ
บทที่ 1 ข้าคือกระจกวิเศษ "นายหญิงน้อย! ท่านตื่นแล้วหรือยัง?"จ้าวเว่ยเว่ยตกใจกลัว เธอจ้องมองไปที่กระจกอย่างตะลึงงัน ภาพสะท้อนในกระจกไม่ใช่ใบหน้าของเธอ แต่เป็นเด็กสาวร่างกายผอมแห้งและเธออยู่ในชุดโบราณที่มีรอยปะอยู่ทั่วทั้งตัว เธอยกมือเล็กๆ ที่ผอมแห้งของตัวเองขึ้นมาจับที่ใบหน้า นี่มันคือใบหน้าของเธอตอนที่เธออายุ 14-15นี่น่า ทันใดนั้นเสียงที่เธอได้ยินตอนแรกก็ดังขึ้นมาอีก "ข้าคือกระจกวิเศษ ข้าถูกสาปให้ถูกกักขังอยู่ในกระจกนี้มานานแสนนาน เลือดของเจ้าปลดปล่อยข้า"" what??? นี้กำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า กระจกวิเศษอะไรกัน บ้าแล้ว ตื่นๆๆ"จ้าวเว่ยเว่ยใช้มือตบหน้าของตัวเองแรงๆ 2-3 ครั้ง และผลที่ได้ก็คือ เธอเจ็บหน้ามากและยังมีรอยแดงของฝ่ามือทั้ง 5 ขึ้นเต็มสองแก้มอีก เธอรีบยกกระจกขึ้นมามองอีกครั้ง พลางคิดว่านี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? เธอเพิ่งซื้อกระจกโบราณชิ้นนี้ที่มีกรอบสวยงามมากมาจากร้านขายของโบราณที่มาเปิดใหม่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่เธอทำงานไม่ใช่หรือ ทำไม ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ!จ้าวเว่ยเว่ย หมอสาวผู้เป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุค 2024 เธอจบการศึกษาแพทย์ด้านศัลยแพทย์ด้วยวัยเพียง 21 ปี ความสามารถข...
Comments