บทที่ 4 การช็อปปิ้งครั้งสุดท้าย
การสั่งของออนไลน์ของเธอจบลงตอนเวลาตี 5 เพราะร่างกายของเธอเรียกร้องให้พักผ่อนถึงแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการแต่ว่าเธอต้องหยุดและนอนพักเอาแรงก่อนโดยเธอตั้งนาฬิกาให้ตัวเองนอนพักเพียงแค่4 ชั่วโมงเท่านั้น
9 โมงเช้าเมื่อเสียงนาฬิกาปลุก จ้าวเว่ยเว่ยรีบลุกและอาบน้ำแต่งตัวทันที วันนี้เธอโทรเข้าไปที่โรงพยาบาลแล้วเพื่อที่จะลาพักร้อน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าที่ผ่านมาเธอทำงานอย่างเดียวไม่เคยที่จะได้ลาพักร้อนเลย เมื่อจัดการเรื่องงานเสร็จ จ้าวเว่ยเว่ยก็หันมาเปิดตู้เซฟของตัวเองดูว่าทรัพย์สินของเธอนั้นมีอะไรบ้าง
จ้าวเว่ยเว่ยนั้นเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูมาจากสถานเลี้ยงเด็กมาตั้งแต่เล็กแต่เพราะความเป็นอัจฉริยะของเธอที่ฉายแววออกมาแต่เด็กทำให้สถานเลี้ยงเด็กแห่งนั้นส่งเธอเรียนอย่างเต็มที่ และเธอก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังเธอสำเร็จแพทย์อย่างรวดเร็วและกลับมาตอบแทนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ที่ดูแลเธอมาตลอดอย่างเต็มที่เช่นกัน ทุกเดือนเธอจะแบ่งเงินที่หาได้ 30% ให้เป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ เสมอและเพราะฝีมือที่ฉกาจในการผ่าตัดของเธอ ทำให้เธอเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง และแน่นอนเมื่อมีชื่อเสียงสิ่งที่ตามมาก็คือเงินทองนั้นเอง ในหลายปีที่ผ่านมาเธอผ่าตัดให้กับมหาเศรษฐีมากมายทั่วโลก และราคาที่พวกเขาต้องจ่ายให้เธอก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ไหนจะมีบางรายที่เมื่อหายจากอาการป่วยเพราะเธอก็ให้รางวัลกับเธอมากมาย จ้าวเว่ยวเว่ยไม่เคยปฎิเสธ เพราะว่าเธอคิดว่าเธอมีภาระที่จะต้องเลี้ยงดูน้องๆ ในสถานเลี้ยงเด็กด้วยเช่นกัน
เมื่อเธอค้นดูทรัพย์แล้วพบว่าตอนนี้เธอมีเงินสดอยู่ประมาณ 90 ล้านหยวน และมีหุ้นอีกเกือบ 50 ล้านหยวน พวกเครื่องประดับเพชร ทองคำ ก็มีอยู่ประมาณหนึ่ง ส่วนพวกของเก่าต่างๆ ที่เธอหลงใหล เธอคิดว่าเมื่อต้องไปอยู่ที่โน่น ของพวกนี้คงจะไม่มีราคาแล้ว เพราะมันคงจะไม่เป็นของเก่าแล้วล่ะ ดังนั้นเธอจึงได้แยกออกมาเตรียมที่จะส่งมอบให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นกันกับพวกคอนโด และที่ดินที่ซื้อเอาไว้อยู่ 2-3 แปลงที่เธอเป็นเจ้าของ จ้าวเว่ยเว่ยรีบจัดแจงขายหุ้นต่างๆ ออกไปทันที เพื่อนำเงินสดมาใช้ซื้อของเตรียมตัวเดินทาง ส่วนพวกเครื่องประดับและทองคำเธอจะนำไปด้วย จากนั้นก็เขียนจดหมายเพื่อมอบทรัพย์สินของเธอที่เหลืออยู่ให้เป็นของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมด
เมื่อจัดการเรื่องทรัพย์สมบัติเสร็จจ้าวเว่ยเว่ยก็หันมาทำเช็คลิสต์ของที่ต้องนำไปด้วยว่ามีอะไรบ้าง เธอไม่ต้องการให้มีอะไรขาดหายไปนะสิ ไหนๆ ก็จะไปลำบากแล้วก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ในตอนที่เธอมองดูของที่อยู่ภายในจี้กระจกเธอได้ค้นพบสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณสมบัติที่วิเศษของจี้กระจกนั้นก็คือภายในจี้กระจกนั้นสามารถที่จะคงสภาพสิ่งของและอาหารได้ ตอนแรกเมื่อได้รู้เธอทั้งตกใจและดีใจ แบบนี้ก็แสดงว่าเธอสามารถที่จะนำอาหารสดต่างๆ ไปด้วยได้นะสิ ช่างเป็นจี้กระจกที่ใส่ใจเจ้านายจริงๆ จ้าวเว่ยเว่ยคิดขอบคุณเจ้ากระจกโบราณอีกครั้ง
จากนั้นการทำเช็คลิสต์อาหารและของที่จะเตรียมจะนำไปด้วยก็เริ่มขึ้น โดยของที่เธอจะเอาไปด้วยจึงเริ่มจากพวกอาหารก่อนก็แล้วกัน เธอจะนำเนื้อสัตว์ต่างๆ ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อเป็ด เนื้อปลา ทั้งของในประเทศและต่างประเทศเอาไว้ด้วยอย่างละ 1000 กิโลกรัม
อาหารทะเลต่างๆ ทุกชนิดเอาไปให้หมด ทั้งแบบสดและแบบตากแห้ง ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่เค็ม พริก กระเทียม พริกไท และพวกของที่ใช้ในครัวต่างๆ รวมทั้งข้าวสารทุกชนิด แป้งทุกชนิด เกลือ และน้ำตาล ด้วยเพราะในยุคนั้นสิ่งที่หายากเป็นอันดับต้นๆ เลยน่าจะเป็นพวกเกลือและน้ำตาลนี้หล่ะเธอจะสั่งไปเยอะหน่อยสักอย่างละ 3000 กิโลกรัมก็แล้วกัน เผื่อเอาไปทำของหมักของดองด้วย ส่วนพวกผัก ผลไม้สด เธอจะไปดูเองที่ตลาดสดก็แล้วกัน
จากนั้นก็เป็นพวกอาหารที่ปรุงสำเร็จอันนี้เธอจะสั่งไปหลากหลายชนิดทั้งแบบ แกง ผัด ทอด ปิ้ง ย่าง ต้ม ตุ๋น อบ หามันไปด้วยให้ครบทุกชนิดทุกประเทศเลย ชอบทานรสไหนก็เลือกไปเลย ที่สำคัญอาหารปรุงสำเร็จแบบนี้มันจะสะดวกสำหรับเธอด้วย ถ้าวันไหนเธอไม่อยากจะทำเองอย่างไรล่ะ เพราะฉะนั้นเธอจะสั่งไปให้มากหน่อยอย่างละ 10 หม้อก็แล้วกัน
จากนั้นก็เป็นพวกเครื่องปรุงรสต่างๆ เพราะเธอมีฝีมือในการทำอาหารเล็กน้อยดังนั้นเอาไปด้วยเยอะๆ หลากหลายชนิดก็แล้วกัน ต่อมาก็เป็นพวกอาหารแช่แข็งเธอจะเอาไปด้วยเยอะหน่อยเอามันทุกประเทศ คิดถึงประเทศไหนก็จะได้หยิบมาทานได้เลย พวกขนม นม เนย ของกินเล่นก็จัดไปด้วย และพวกเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งเหล้าในประเทศและต่างประเทศ ไวน์ขาว ไวน์แดง น้ำอัดลม น้ำหวาน และที่ขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ น้ำดื่มสะอาด และพวกน้ำแร่ นั้นเอง เธอจะสั่งแบบขวดแพ็คเล็ก กลาง ใหญ่ เอาไปด้วยเพราะน้ำสะอาดนั้นสำคัญมากต่อชีวิต และจ้าวเว่ยเว่ยยังมองถึงถังน้ำขนาดใหญ่ที่จะเอาไว้ใช้ด้วย เพราะเธอคงจะไม่เดินไปตักมาที่ละถังจากลำธารหรอกนะในเมื่อสามารถนำไปได้
ดังนั้นเธอจึงจะสั่งถังขนาดใหญ่ แบบบรรจุ 10000 ลิตรและใส่น้ำสะอาดไปด้วยเลยสัก 10 ถังพอไปถึงที่นั่นค่อยเพิ่มจำนวนเอาก็แล้วกัน ทำไมถึงได้เอาไปเยอะเพราะไหนบอกว่าสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างไรล่ะ? คำถามนี้อาจจะมีมา ซึ่งจ้าวเว่ยเว่ยคิดว่าถึงแม้ว่าเธอจะสามารถเพิ่มจำนวนได้ ...แต่ว่า.... ก็นะ....กันเอาไว้ก่อนอย่างไรล่ะ ใครจะรู้ดังนั้นเอาไปเยอะไว้ก่อนไม่เสียหายหรอก
และอีกอย่างคือเธอมีเงินเธอจึงอยากจะใช้เงินที่หามาด้วยความเหนื่อยยากนี้สักหน่อย เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเธอมีแต่ทำงาน ทำงาน และทำงาน น้อยมากที่จะมีโอกาสเดินช้อปปิ้งใช้เงินอย่างเต็มที่แบบนี้ และอีกอย่างถ้าไปอยู่ที่โน่นแล้วไม่รู้ว่าเธอจะได้ช็อปปิ้งแบบนี้อีกหรือเปล่า อย่างไรเสียก็ถือซะว่าเป็นการช็อปปิ้งครั้งสุดท้ายในชีวิตนี้ก็แล้วกัน ดังนั้นก็จัดการให้มันเต็มที่ไปเลย สนองความต้องการสุดท้ายของตัวเอง
*** มีอะไรอีกบ้าง รีดอยากให้ไรท์เอาไปด้วยอีกไหมคะ รีบบอกนะจะได้ไปซื้อก่อนออกเดินทาง 55555 ****
รีดที่รัก อย่าลืมกดติดตาม กดหัวใจ และคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังให้กันนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
บทที่ 5 ร้านขายของโบราณร้านนั้นยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่านะ? เมื่อหมวดอาหารการกินเสร็จต่อมาก็เป็นพวกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม จ้าวเว่ยเว่ยนั้นดูข้อมูลของยุคราชวงค์ต้าหมิง ชุดที่คนยุคนั้นใส่จะเป็นชุดที่เรียกว่าชุดฮั่นฟู ถ้าเป็นของพวกในราชสำนักหรือบุคคลที่ร่ำรวยจะเป็นผ้าไหม หรือ ผ้าลูกไม้สวยๆ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านจะเป็นชุดฮั่นฟูของชาวบ้านมักทำจากผ้าฝ้าย ป่าน หรือขนสัตว์ ผ้าเหล่านี้ทนทาน ระบายอากาศได้ดี และเหมาะกับงานเกษตร งานฝีมือ และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ชุดเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย ทนทาน และเหมาะสมกับสภาพอากาศ สีของชุดฮั่นฟูของชาวบ้านมักเรียบง่าย สีที่พบบ่อย ได้แก่ สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน และสีเขียว สีเหล่านี้ไม่ดึงดูดความสนใจ และเหมาะกับงานทั่วไปการออกแบบชุดฮั่นฟูของชาวบ้านมักมีการออกแบบที่เรียบง่าย กางเกงขายาว เสื้อตัวโคร่ง และเสื้อคลุม เป็นชุดทั่วไปสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงมักสวมกระโปรงยาว เสื้อตัวโคร่ง และเสื้อคลุมเมื่อเห็นเช่นนั้นจ้าวเว่ยเว่ยก็สั่งจากออนไลน์ทันที เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นชุดยุคไหนก็มีขายแบบสำเร็จรูปทั้งนั้น เธอสั่งไปทั้งของเด็กผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย คละกันหลากห
บทที่ 6 มีคนตั้งมากมายทำไมถึงเลือกฉัน?เมื่อถึงห้างสรรพสินค้า จ้าวเว่ยเว่ยก็ตรงไปที่แผนกซุปเปอร์มาเก็ตก่อนเป็นอันดับแรก เธอเดินซื้อของหยิบของที่ต้องการเอานำไปด้วยพวกขน นม เนย ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ อาหารสดอาหารแห้งอาหารแช่แช็งและเครื่องปรุงต่างๆ เพิ่มเต็มเพราะบางอย่างเธอก็ไม่สามารถที่จะสั่งออนไลน์ได้ เมื่อได้ของเต็ม 3 รถเข็นเธอก็ทะยอยของไปไว้ที่รถก่อน เมื่อของอยู่ในรถก็ค่อยเก็บเขาจี้กระจกอีกที เธอทำแบบนี้หลายรอบจนเหนื่อยหอบไปเลยเหมือนกันจากนั้นเธอก็นั่งพักที่ร้านขายชา และสั่งชาชั้นเลิศไปอีกหลายชนิด จากนั้นก็ตรงไปที่แผนกเครื่องครัว จ้าวเว่ยเว่ยช้อปพวกจานชามตะเกียบสวยๆ หรูหรา ไปมากมายหลายสิบชุด แต่ก็มีพวกจานชามแบบธรรมดาที่จะใช้ในชีวิตประจำวันด้วยอีกหลายสิบชุด พวกเครื่องครัว หมอ มีด เขียง ทัพพี เอาไปหมด จ้าวเว่ยเว่ยเดินไปทุกแผนกทุกชั้น จนตอนนี้ขาเธอแทบจะไม่มีแรงแล้ว ไม่คิดเลยว่าการช้อปปิ้งมันจะเหนื่อยขนาดนี้ มันยิ่งกว่าการยืนผ่าตัดทั้งวันอีกนะเนี้ยเธอคิดขณะที่ขับรถออกมาจากห้างสรรพสินค้าในเวลาใกล้จะมืดแล้ว เพื่อไปที่ร้านขายของเก่าร้านนั้นเมื่อรถใกล้จะถึงเธอก็จอดและเดินไปเพราะว
บทที่ 7 ณ ชนบทที่ห่างไกลในยุคราชวงค์ต้าหมิง ปี 1360 เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวันก็จะครบ 5 วันตามที่เจ้ากระจกโบราณบอกเอาไว้ จ้าวเว่ยเว่ยนั้นเก็บของทุกอย่างหมดแล้ว ตอนนี้เธอเหลือเวลาอีกเพียง 1 วันเท่านั้นที่จะได้อยู่ยุคนี้ หลายวันที่ผ่านมานอกจากเก็บของเพื่อนำไปใช้ที่ยุคอดีต เธอก็โทรหาอาจารย์ที่เคยสั่งสอน เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จักทั้งที่ทำงานและที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และวันนี้เธอก็ได้นัดกับแม่ๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่าจะเข้าไปเยี่ยมพวกเขาด้วยดังนั้นวันนี้เธอจึงถือโอกาสเดินทางไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อพบกว่าน้องๆ และแม่ๆ ที่เลี้ยงดูเธอมาเป็นครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าทุกครั้งที่เธอไป เธอจะขนขนม นม เนยเสื้อผ้ามากมายไปฝากน้องๆ ด้วย วันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่เธอกำลังจอดรถนั้นเองเสี่ยวเปาเด็กชายอายุ5 ครบก็วิ่งมาหาเธออย่างรวดเร็วสีหน้าของเขานั้นตื่นตกใจมาก“พี่สาว! พี่สาวมาแล้ว!! พี่สาวช่วยด้วย!! ช่วยแม่ใหญ่ด้วย” เจ้าเสี่ยวเปาเมื่อวิ่งมาถึงเธอก็พูดรัวเร็ว จนจ้าวเว่ยเว่ยนั้นฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบาง แต่จากนั้นมือของเธอก็ถูกเจ้าเสี่ยวเปาลากไปที่ห้องของแม่ใหญ่ทันทีเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งดังก
บทที่ 8 ทะลุมิติมาแล้วจ้าวเว่ยเว่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความอยากลำบาก ความรู้สึกเจ็บปวดที่ศีรษะนี้มันอะไรกัน ไม่ใช่ว่าแม่ใหญ่หรอกหรือที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ทำไมเธอถึงได้เจ็บด้วยล่ะ เธออยากจะรีบตื่นขึ้นมา แต่ก็ต้องสิ้นหวังเพราะร่างกายของตนกลับแข็งทื่อ เปลือกตาหนักอึ้งดั่งภูเขา อยากจะบอกให้เสียงร้องไห้เหล่านี้หยุดสักที แต่ปากของเธอกลับแข็งไม่มีแรงแม้แต่จะพูดอะไรออกมา ไม่มีแรงจะทำอะไรได้เลย ทำได้เพียงกลอกตามองไปรอบๆ ตัว และมองไปยังคนที่นั่งร้องไห้ข้างๆ เธอทีละคน“ท่านพี่! .. พี่ใหญ่ ..เว่ยเว่ยลูกแม่เจ้าฟื้นแล้ว…”สามเสียงของเด็กน้อยและผู้ใหญ่ช่างบีบคั้นหัวใจเหลือเกินทำไมเธอรู้สึกเจ็บปวดเสียใจนะ เธอไม่ได้รู้จักพวกเขาเสียหน่อยหัวใจของจ้าวเว่ยเว่ยเกิดบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้จนเจ็บแปล๊บเล็กน้อยและต้องการปลอบโยนคนเหล่านั้นจากใจจริง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ ที่จะทำเช่นนั้นได้มีมือมากมายที่ค่อยจับค่อยลูบไปตามเนื้อตัวและแขนขาของเธอเหมือนพยายามจะหาว่ามีบริเวณไหนบ้างที่เธอเจ็บปวดพวกเขาจะได้ช่วยคลายความเจ็บปวดให้ จ้าวเว่ยเว่ยมองไปรอบๆ ห้องที่เธอนอนอยู่อีกครั้งสิ่งแรกที่เห็นคือเพดา
บทที่ 9 ครอบครัวเจ้าสี่ได้รับความอยุติธรรม“เว่ยเว่ย ลูกแม่ / พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” สามเสียงประสานกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จ้าวเม่ยตรงเข้าไปและมองดูลูกสาวใกล้ๆ เมื่อเห็นว่าลูกสาวเพียงเป็นลมไปเท่านั้นก็ถอนหายใจ ให้เจ้าเด็กน้อยทั้งสองไปหาผ้าชุบน้ำเพื่อจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกสาวของนางเมื่อได้ผ้ามานางก็ค่อยๆ เช็ดไปตามใบหน้าแห้งผอมของลูกสาวคนโต และมองไปที่ผ้าที่พันอยู่บนศีรษะที่มีเลือดซึมออกมานิดหน่อยแล้วถอนหายใจ พลางคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า.....เมื่อเช้าตัวนางออกไปทำงานที่นาแต่เช้าโดยให้ลูกชายและลูกสาวคนเล็กดูแลพี่สาวที่นอนป่วยไม่มีเรี่ยวแรงมา 3-4 วันแล้ว โดยนางได้บอกให้พวกเขาอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกมาทำงานบ้าน โดยนางจะกลับมาทำเองเมื่อทำงานที่นาเสร็จ เด็กๆ ก็ตกลงและเข้าไปนั่งข้างๆ เตียงของพี่สาวของพวกเขาขณะที่นางกำลังถอนหญ้าที่อยู่ในนานั้น ป้าถงป้าที่อยู่ข้างบ้านก็รีบเดินมาหานางเพียงตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนรน“จ้าวเม่ย จ้าวเม่ย เจ้ายังทำอะไรอยู่ที่นี่ บ้านของเจ้าเกิดเรื่องแล้ว ยังไม่รีบกลับไปอีก”จ้าวเม่ยนวดเอวที่กำลังปวดเมื่อยขึ้น ในมือถือยังมีหญ้าที่ถูกถอนออกจากแปลงนาอยู่กำใหญ่“ยังเหลืองานต
บทที่ 10 ถูกไล่ออกจากบ้าน“ไล่ออกจากบ้านอย่างนั้นหรือ?”เมื่อจ้าวเว่ยเว่ยฟื้นขึ้นมาจากการสลบจ้าวเม่ยก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวฟังว่า ทุกคนในครอบครัวตระกูลจ้าวก็ต่างโกรธแค้นนางตบหน้าสะใภ้ใหญ่ และต้องการขับไล่พวกนาง 4 แม่ลูกออกจากบ้านตระกูลจ้าวไปโดยทันที นางจ้าวเม่ยรู้สึกเสียใจและตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอรู้ดีว่าความใจร้อนของเธอสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวแล้ว แต่ในตอนนั้นที่เห็นลูกสาวนอนอยู่ด้านนอกเหมือนของไร้ค่า ไม่มีใครเหลียวแลเอาใจใส่ ความโกรธก็พลุ่งพล่านจนอดไม่ได้ที่จะลงมือตบสะใภ้ใหญ่ไปหลายฉาดแม้ต่อมานางจ้าวเม่ยพยายามอธิบายให้ครอบครัวตระกูลจ้าวฟังว่าเธอทำไปด้วยความโกรธและห่วงใยลูกสาว แต่ครอบครัวตระกูลจ้าวก็ไม่ฟัง พวกเขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะขับไล่พวกนางสี่แม่ลูกออกจากบ้านทันที“แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้พวกลูกต้องลำบากแล้ว"ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย ครอบครัวจ้าวต่างโกรธแค้นนางจ้าวเม่ยที่ลงมือตบหน้าสะใภ้ใหญ่โดยทำเป็นหลงลืมประเด็นที่ว่าทำไม สะใภ้ใหญ่และแม่เฒ่าจ้าวถึงได้เข้ามาค้นหาเงินในห้องของนางจ้าวเม่ย ซึ่งจ้าวเว่ยเว่ยที่เพิ่งฟื้นและตอนนี้เธอก็ได้รับรู้ความท
บทที่ 11 ต้องการตั้งตระกูลใหม่เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเดินมาถึงก็ได้ยินประโยคนั้นของแม่เฒ่าจ้าวพอดีเขาถึงกับก็ส่ายหน้า สตรีตระกูลนี้ทั้งอำมหิตและไร้ยางอายจริงๆ แบบนี้เขาคงต้องเตือนญาติๆ แล้วว่าห้ามเกี่ยวดองด้วยเด็ดขาด มิเช่นนั้นคงได้ปวดหัวและบ้านไม่สงบสุขแน่นอน เพราะแม่เป็นเช่นไร ลูก ๆ หลานๆ ก็ย่อมไม่หนีกันอยู่แล้วจ้าวเม่ยรู้สึกเจ็บใจมาก คนในบ้านหลังนี้นอกจากพี่สามจ้าวหลี่หยาง ที่เรียนอยู่ในเมืองแล้วนางไม่ไม่เคยรับรู้ถึงน้ำใจและความอบอุ่นแม้สักเสี้ยวเดียว ทุกคนล้วนเห็นนางต่างวัวต่างม้า ทว่านางก็ยึดที่แห่งนี้เป็นบ้านของตนมาโดยตลอด ดังนั้นถึงจะลำบากและเหนื่อยล้าเพียงใด ได้รับความไม่เป็นธรรมถึงเพียงไหน นางก็ไม่เคยบ่น และยังพยายามที่จะเอาใจพวกเขาด้วย เพราะกลัวว่าลูกๆ ของนางที่ไม่มีพ่อคอยปกป้องจะถูกรังแก แต่ว่ายิ่งนางยอมพวกเขาก็ยิ่งได้ใจและข่มเหงครอบครัวนางมากขึ้นอีก ทว่าวันนี้ ในที่สุดนางก็ฟื้นสติอย่างเต็มที่แล้วพร้อมกับบางสิ่งบางอย่างในตัวนางที่เริ่มฟื้นขึ้นมาเหมือนกัน บ้านหลังนี้ไม่ต้องการนางและลูกๆ ของนางถึงนางจะพยายามแทบตายก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ดังนั้นการจากไปอาจจะเป็นการเริ่
บทที่ 12หนังสือตัดขาดความสัมพันธ์“ไม่มีอะไรหรอกลูกสาม ครอบครัวของสะใภ้เล็กนั้นเกียจคร้าน ไม่ทำการทำงาน และตอนนี้ก็กำเริบเสิบสานถึงขนาดทำร้ายสะใภ้ใหญ่ จนหน้าตาเละเทะไปหมด แม่ทนไม่ได้ก็เลยให้พวกมันออกจากบ้านเราไป”นางจ้าวเล่าเรื่องราวในส่วนของตัวเองและทำให้ครอบครัวของจ้าวเม่ยนั้นดูเลวร้ายมากที่สุดในสายตาของลูกชาย จ้าวหลี่หยางนั้นรู้นิสัยแม่ของเขาและคนในครอบครัวดี มันเป็นไปไม่ได้ที่สะใภ้เล็กจ้าวเม่ยจะเกียจคร้าน เพราะที่บ้านนี้คนที่ทำงานมากที่สุดตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นก็คือ จ้าวเม่ยนั้นเอง ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อที่ท่านแม่ของเขาพูดมา เขาหันไปมองหน้าจ้าวเม่ยและหลานๆ และเมื่อสายตาของเขาไปถึงจ้าวเว่ยเว่ยก็เห็นผ้าพันแผลสีขาวที่พันเอาไว้ ความสงสัยยิ่งเพิ่มขึ้น เขาหันมามองหน้าแม่ของเขาอีกครั้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม นางจ้าวเมื่อเห็นลูกชายที่รักมองมาที่ตนแบบนั้นก็เกิดอาการร้อนรนขึ้นมาทันที“เออ เออ ..ก็นังเด็กนั้นมันไม่เชื่อฟังแม่ แม่กับพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าแค่ตีสั่งสอนเล็กน้อยและนังเด็กนั้นก็ล้มลงไปหัวกระแทกเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่เลย”คำพูดปัดสวะให้พ้นตัวที่นางจ้าวพูดออกมาแบบไม่อายปากนั้นทำใ
ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ท่านราชครูหวังหย่งเล่อหลังพิธีแต่งงานของคุณชายหวังหย่งเล่อและเฟิงมิ่งจู่ผ่านมา 6 เดือน ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันปีใหม่เช้าวันที่หนาวเหน็บหิมะตกโปรยปรายบรรยากาศเหมาะสมกับการเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่งและอีก 2 วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว จวนเฟิงตอนนี้ถือได้ว่าคึกคักขึ้นมาไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เฟิงฮองเฮาแต่งออกไปที่แคว้นต้าเจียง บรรดาคนไข้ต่างๆ ก็ลดลงมากทำให้จวนเฟิงไม่ค่อยได้รับแขกที่เป็นคนไข้อีกแล้ว แต่ทว่าบ้านพักฟื้นนั้นกลับไม่เคยว่างเลยก็ว่าได้ มันถูกจองเต็มกันข้ามปีกันเลยทีเดียว จนเฟิงฮองเฮานั้นชักจะสงสัยแล้วว่าที่นางทำนั้นคือ บ้านพักตากอากาศหรือสถานพักฟื้นสำหรับคนป่วยกันแน่ ส่วนเรื่องความวุ่นวายที่เริ่มกลับมาที่จวนเฟิงอีกครั้งนั้นมาจากสาเหตุนี้เรื่องแรกคือท่านหวังหย่งเล่อที่มีศักดิ์เป็นพ่อต่อขององค์ฮ่องเต้แคว้นต้าเจียง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชครูของไท่จื่อของแคว้นต้าหมิงนั้นเอง เขาได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของต้าหมิงมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ที่เขามีให้กับองค์ไท่จื่อ โดยเฉพาะด้านวรยุทธ์ที่สูงส่งของเขาและกาพย์กลอน แต่ในด้านการเข้าสังคมนั้นองค์ฮ่องเต้หยางเฟยหล
บทที่ 116 ตอนพิเศษ...คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง (ท่านพ่อท่านแม่)ภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อ แสงเทียนระยิบระยับส่องกระทบกับผนังสีทองอร่าม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหยอบอวลไปทั่วห้องเฟิงมิ่งจู่นั่งก้มอยู่บนเตียงที่ประดับตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตสวยงามสมกับเป็นเตียงของบ่าวสาว สีแดงที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยงามอลังการสมกับเป็นชุดแต่งงานของคู่รักคู่ครองที่เคยอยู่ร่วมกันมานานปี นางกำลังรอให้เจ้าบ่าว หวังหย่งเล่อของนางที่ตอนนี้กำลังยกดื่มสุราอยู่กับเหล่าขุนนาง ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเดินเข้ามา ในขณะนั้นข้างกายของเฟิงมิ่งจู่นั้นมีบ่าวรับใช่ขั้นหนึ่งที่หวังฮูหยินส่งมาเพื่อดูแลและแนะนำพิธีการต่างๆ อยู่ต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองแต่งงานกันนั้นพวกเขาทำด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มีพิธีการใดๆ เลยนอกจากกราบไหว้ฟ้าดินกันสองคน เพราะครอบครัวจ้าวนั้นไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา มาตอนนี้หวังหย่งเล่อนั้นต้องการที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีทั้งหมดไม่ให้ขาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว เขาบอกกับทุกคนว่านี่เป็นวิธีการบอกรักและให้เกียรติฮูหยินของเขาอย่างหนึ่ง ซึ่งทุก
บทที่ 114 ตอนพิเศษ 3 คิดถึงเหลือเกิน..ที่รักของข้าหลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองแคว้นผ่านไปชีวิตผู้คนทั้งสองแคว้นต่างก็อยู่กันอย่างปรกติสุข เพราะทั้งสองแคว้นนั้นต่างก็ช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกัน ตอนนี้ราคาของเกลือและน้ำตาลนั้นลดลงมาเป็นอย่างมากแล้ว เพราะการผลิตที่เข้มงวดและเพิ่มกำลังออกมาเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองแคว้นได้มีสินค้าที่ดีและมีคุณภาพและราคายุติธรรมออกมาขาย ประชาชนจึงพออกพอใจการบริหารและดูแลพวกเขามาก ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญฮ่องเต้และราชวงค์ ไม่ว่าพวกเขาเดินทางไปทางไหนผู้คนก็จะทรงพระเจริญไปทั่ว เหล่าราชวงค์ พระสนมนางในต่างก็มีความสุขกันทั่วหน้าด้วยเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้การเงิน การทอง และเบี้ยหวัดของพวกนางนั้นฮ่องเต็ได้เพิ่มให้มาขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกนางสามารถซื้อครีม ซื้อกระเป๋ารองเท้าตามแบบเว่ยฮองเฮาได้แล้วไม่ว่านางจะออกแบบสิ่งที่เว่ยฮองเฮาเรียกว่า คอลเลกชั่น ออกมากี่คอลเลกชั่นพวกนางก็สามารถสั่งซื้อได้ทันที ความสุขจึงได้เกิดขึ้นภายในวังมังกรของฮ่องเต้หยางเฟยหลงแล้วแต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นหาได้เกิดขึ้นกับวังหลงหว่างฝู่ ของชินอ๋องอย่างสิ้นเชิง เวล
ตอนที่ 113 ตอนพิเศษ2 ฮันนีมูนที่ปารีสดึกดื่นคืนหนึ่งภายใต้แสงจันทร์นวลฉายแสงระยิบระยับลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบหูซีอันเลื่องชื่อบรรยากาศเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวนเหลือเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบาฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนที่ทรงว่างจากภาระงานราชการพระองค์เอ่ยชวนเฟิงฮองเฮาอันเป็นที่รักกลับมาที่แคว้นต้าหมิง โดยทิ้งเหล่าองค์ชายและองค์หญิงให้กับทางแม่ยายและพ่อตาดูแล ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนทรงจับมือเฟิงฮองเฮาสุดที่รัก พาท่านล่องเรือไม้ลำน้อยออกสู่กลางทะเลสาบ สายลมเย็นพัดโชยมาแตะใบหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าโชยมาตามสายลม บรรยากาศโรแมนติกโอบล้อม ฉู่อี้เทียนที่มีเฟิงฮองเฮาอิงแอบอยู่ในอ้อมแขน เขาก้มลงมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ทรงเอ่ยขึ้นว่า"คืนนี้น้องหญิงช่างงดงามเหลือเกิน" ก่อนจะจุมพิตลงบนผมที่มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบอ่อนๆ ของนางเฟิงฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมา นางยื่นหน้าขึ้นมาจูบที่คางของเขาเบาๆ และยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ยตอบว่า“ท่านพี่ก็เช่นกัน คืนนี้ท่านดูหล่อเหลาเป็นพิเศษข้าชอบ”พูดเสร็จก็ยื่นหน้าไปจุมพิตเขาอีก 2 ทีฉู่อี้เทียนยิ้มทรงโอบไหล่เฟิงฮองเฮาเข้าไว้เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข และ
บทที่ 113 ตอนพิเศษ 1 CPR มิใช่การจุมพิตแต่เป็นการช่วยชีวิต“เพี๊ยะ!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายถงเจี้ยนหลานหันไปตาแรงตบของฝ่ามือเล็กๆ นั้น เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาและมองมือเล็กที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ ซึ่งตอนนี้มันแดงก่ำเพราะการใช้กำลัง และแน่นอนบนใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยแดงขึ้นมาทันทีเช่นกัน“เจ้า..เจ้าคนสารเลว เจ้าเป็นโจรเด็ดบุปผาหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงได้ทำกับข้ากลางวันแสกๆเช่นนี้” เสียงเล็กหวาน แว๊ดขึ้นมาใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง นางน่าจะตกใจจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะตกน้ำจนหมดสติไป ตอนนี้ถงเจี้ยนหลานยังคงหาเสียงของตัวเองไม่เจอและเขาก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็โดนตบเช่นนี้ เขาที่เป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุขที่ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นต้าหมิง ช่วยชีวิตคนแล้วโดนตบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้นจริงๆ แล้ว!!!!ย้อนไปเมื่อ หนึ่งเคอก่อนหน้านี้ ถงเจี้ยนหลานที่ปีนี้อายุอานามเข้า35ปีแล้ว แต่ว่าเขายังไม่แต่งงาน ตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสือแพทย์ที่ท่านอาจารย์ซึ่งก็คือฮองเฮาแห่งแคว้นตาเจียงให้มา ในหนังสือแพทย์เล่มนั้นสอนเรื่องการผ่าตัดที่ซับซ้อนทำให้เขาสนใจมาก ตอนนี้คุณชายถงเจี้ยนหลานนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธา
บทที่ 112 การจากลา (จบ)พิธีแต่งงานระหว่างสองแคว้น ต้าเจียงและต้าหมิง จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ด้วยการเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ประชาชนต่างมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม สร้างความชื่นมื่นทั่วทั้งแคว้นต้าเจียง นับเป็นงานสมรสที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในยุคสมัยสามเดือนผ่านไป ภายในพระตำหนัก ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนในเวลานี้กำลังนอนเอนอยู่บนแท่นบรรทมอันหนานุ่มที่ฮองเฮาทรงเตรียมไว้เป็นพิเศษ ข้างกายของพระองค์มีจานมะนาวฝานบางๆ วางอยู่ ถัดจากนั้นเป็นถาดผลไม้รสเปรี้ยวหลากหลายชนิด ตั้งเรียงไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการอยากอาเจียนที่ฮ่องเต้กำลังประสบ ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนหลับตาแน่น คิ้วขมวดเป็นปม พร้อมกับอมมะนาวไว้ในปากเพื่อบรรเทาความรู้สึกคลื่นไส้ที่ไม่หายไปง่ายๆขันทีประจำพระองค์ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าฮองเฮา ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะตรวจและบอกไปแล้วว่านี่เป็นอาการปรกติของผู้ชายที่ "แพ้ท้องแทนเมีย" ซึ่งไม่ร้ายแรงและจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความทุกข์ทรมานที่ฮ่องเต้ต้องเผชิญทุกครั้งที่มีอาการอยากอาเจียน ทำให้ขันทีอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วยไม่ได้ฮ่องเต้ฉู่อี้เทีย
บทที่ 111 แต่งงานด้วยความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดครั้งนี้ ฮ่องเต้หยางเฟยหลงทรงรู้สึกพอพระทัยอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเห็นถึงความร่วมมือและความเสียสละของประชาชนที่ช่วยกันฝ่าฟันวิกฤตใหญ่หลวงนี้มาได้ ด้วยความยินดี พระองค์ทรงตกรางวัลให้กับเหล่าขุนนาง ตั้งแต่ตำแหน่งสูงสุดจนถึงคนงานเก็บขยะที่ทำงานอย่างหนัก ทุกคนได้รับการยกย่องในความพยายามและความตั้งใจบรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสุข แม้จะเพิ่งผ่านหายนะครั้งใหญ่ แต่การปลอบขวัญและการสนับสนุนจากฮ่องเต้ที่ประชาชนรัก ทำให้ทุกคนมีกำลังใจและพร้อมที่จะก้าวต่อไป อีกคนหนึ่งที่ประชาชนไม่มีทางลืมบุญคุณได้คือ จวิ่นจู่เว่ยเว่ย ผู้หญิงเก่งของแคว้นต้าหมิง นางเป็นผู้ที่นำความรู้และความสามารถมาช่วยเหลือแคว้นในยามที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ ครอบครัวหลายๆ ครอบครัวที่มีลูกสาว ต่างก็ปรารถนาให้ลูกหลานของตนได้เรียนแพทย์และพยาบาลเช่นเดียวกับจวิ่นจู่เว่ยเว่ย พวกเขาเห็นว่านี่เป็นวิธีที่ลูกสาวของพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือแคว้นและชุมชนในยามที่ลำบาก เช่นเดียวกับที่จวิ่นจู่ได้ทำ สตรีในแคว้นต้าหมิงได้รับแรงบันดาลใจจากนาง ทำให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาและพ
บทที่ 110 ผ่านพ้นหายนะครั้งใหญ่วันเวลาผันผ่านไปไวราวกับสายลมพัด แคว้นต้าหมิงหลังจากเผชิญหน้ากับฤดูฝนที่ยาวนานและโหดร้าย ก็ต้องพบกับภัยแล้งที่จวิ่นจู่เคยเอ่ยเตือนเอาไว้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แคว้นต้าหมิงได้เตรียมการรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งจากการให้ความช่วยเหลือจากแคว้นต้าเจียง ทำให้พวกเขาสามารถผ่านพ้นภัยแล้งนี้ไปได้ แม้ว่าจะเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังประชาชนในแคว้นต้าหมิง แม้จะเผชิญอุปสรรคมากมายในปีนี้ แต่พวกเขากลับรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ของพวกเขาไม่เคยทอดทิ้ง ไม่ว่าช่วงเวลาจะยากลำบากเพียงใด พระองค์ทรงจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และแม้แต่แจกเงินเพื่อบรรเทาทุกข์ ช่วยให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจากราชสำนัก ทำให้ประชาชนในแคว้นต้าหมิงมีกำลังใจและแรงใจมากขึ้น พวกเขาตระหนักดีว่าฮ่องเต้ของพวกเขาทรงห่วงใยและคอยดูแลไม่เพียงแค่ในยามที่บ้านเมืองสงบสุข แต่ยังรวมถึงในยามที่เกิดวิกฤติอย่างนี้ด้วย ความเชื่อมั่นในผู้นำเพิ่มพูนขึ้น และประชาชนต่างพร้อมใจกันที่จะฟื้นฟูบ้านเมือง และสู้ต่อไปด้วยคว
บทที่109 ข้าต้องการเวลา“ต่อไปนี้สำนักแห่งนี้คือสำนักพลังจิตเฟิงหวง ข้าคือรองเจ้าสำนัก ส่วนเจ้าสำนักตัวจริงนั้นยังไม่มา คิดว่าอีกไม่นานนางก็คงจะว่างมาที่นี่”หวังหย่งเล่อที่ตอนนี้เดินขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งเจ้าสำนักและพูดขึ้นมา“งานสกปรกทุกชนิดที่พวกเจ้าเคยทำให้หยุดให้หมด และเปิดรับลูกศิษย์ใหม่อีกครั้ง ส่วนพวกเจ้ามีทางเลือก เพียงหนึ่งทางเท่านั้นคือ สวามิภักดิ์ต่อข้าเพียงคนเดียว”เมื่อเขาเอ่ยเสร็จ ก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาจากแถวด้านหลังสุดของเหล่าศิษย์เก่าของสำนัก เอ่ยเบาๆ เหมือนคุยกันเองสองคนว่า“หากว่ามีแค่ทางเดียวจะเรียกว่าทางเลือกได้อย่างไรกัน เขาเรียกว่าบังคับ!!!”จากนั้นสายตาเกือบสิบคู่ก็พุ่งไปหาเจ้าของเสียงนั้นทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยที่เจ้านี่พูด แต่เจ้าจำเป็นต้องพูดออกมารึ เจ้าโง่!! สายตาประนามเหล่านั้นทำให้เจ้าคนที่พูดแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้นเลยทีเดียว....เจ้านั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าคิดเสียงดังไปจึงได้ค่อยๆ ก้มหน้ามองหามดหาแมลงบนพื้นอย่างแข็งขันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย…“ส่วนงานที่พวกเจ้าจะรับต่อไปนั้นคืองานสำนักคุ้มภัย รับดูแลคุ้มครองสินค้าและบุคคลสำคัญของทั้งสองแคว้น และคอยช่วย