บทที่ 2 คำสัญญา
ตอนนี้จ้าวเว่ยเว่ยนั้นทราบแล้วว่าพรที่เธอขอนั้นเป็นจริงถ้าเช่นนั้น นี่คือความจริงอย่างนั้นหรือ เธอทะลุมิติมาที่ยุคราชวงค์ต้าหมิงจริงๆ นะหรือ??
“เออ...แล้วร่างของฉันที่อยู่ที่ยุคปัจจุบันล่ะ ถ้าฉันมาอยู่ที่นี้แล้วร่างของฉันจะเป็นอย่างไร?”
แน่นอนสิว่าเธอต้องห่วงร่างของตัวเอง เพราะอยู่ๆก็ถูกย้ายวิญญาณมาที่นี่แล้วร่างนั้นจะมีวิญญาณอยู่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเธอตายแล้วหรอกหรือ!
“ร่างนั้นเพียงหลับใหลอยู่เท่านั้นเอง นายหญิงยังมีเวลาอยู่” กระจกโบราณตอบกลับมา
" ‘ยังมีเวลาอยู่’ หมายความว่าอย่างไงที่ว่ายังมีเวลาอยู่?”
ตอนนี้บอกเลยว่าลืมเรื่องการขอพรแล้วเถอะ เพราะจ้าวเว่ยเว่ยนั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับร่างของตัวเองที่อยู่ในยุคปัจจุบัน
“นายหญิงทำใจเถิด การที่ท่านและข้าได้พบเจอกันนั้นมันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็เป็นได้ และข้าก็ไม่ใช่คนที่กำหนดให้นายหญิงต้องมาที่ยุคนี้ด้วย ข้าเพียงต้องตามนายหญิงมาเท่านั้น” กระจกโบราณบอกออกมา
จ้าวเว่ยเว่ยนิ่งคิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วถอนหายใจ นั้นสินะ! ทำไมตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลเธอถึงได้ร้อนรนอยากจะมาที่ร้านขายของเก่าแห่งนี้มาก และที่สำคัญย่านที่โรงพยาบาลของเธอตั้งอยู่นั้นเป็นย่านใจกลางเมืองซึ่งมีตึกรามที่ทันสมัยขึ้นมากมายเพราะเป็นพื้นที่ที่แพงที่สุดในเมืองก็ว่าได้ ...ทำไม..ร้านขายของเก่าร้านนั้นถึงได้สามารถไปเปิดข้างๆ โรงพยาบาลของเธอได้ล่ะ มันน่าสงสัยจริงๆ
“พรข้อที่สองที่นายหญิงต้องการขอคืออะไร?”
เจ้ากระจกถามขึ้นมาอีกครั้งเหมือนกับว่ามันยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจจำเป็นต้องทำให้เสร็จ
“ถ้าฉันต้องการขอเป็นพวกข้าวของเงินทองเจ้าสามารถที่จะให้ได้หรือไม่?”
จ้าวเว่ยเว่ยลองเชิงดูก่อน เพราะถ้าจำเป็นต้องมาอยู่ในยุคนี้สิ่งที่ต้องการแน่นอนว่าต้องเป็นเงินทอง เพราะเท่าที่เธอมองดูสภาพห้องที่เธออยู่ตอนนี้มันช่างอนาถาเหลือเกิน ผ้าห่มที่เก่าบางและบางแห่งมีรอยขาด ไหนจะเสื้อผ้าที่เธอสวมนี้ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วก็ว่าได้ ถ้าแบบนี้ไม่ยากจน จะเรียกว่าอะไรได้ล่ะ ดังนั้นเธอคิดว่าเธอต้องการเงิน เงิน และเงิน!
“ข้าไม่อาจจะให้เงินทองกับนายหญิงได้ มันผิดกฎของสวรรค์มากเกินไป นายหญิงโปรดสิ่งขอใหม่เถิด”
ชัดเจนไม่ต้องคิดต่อเลยทีเดียว ให้เงินไม่ได้ ต้องหาเอง ได้งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกันในเมื่อเธอเป็นหมอ เธอก็ควรที่จะเอาวิชาความรู้ของตัวเองมาใช้ที่นี่ก็แล้วกัน
"ฉันขอพรข้อสอง เป็นอุปกรณ์การแพทย์สมัยใหม่ที่ฉันเคยใช้ทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่เริ่มเป็นหมอรวมทั้งยาชนิดต่างๆ ที่ฉันเคยใช้และขอชุดยาสมุนไพรทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรที่หายากแค่ไหนก็จงรวมมาให้ฉันและฉันต้องการตำรับตำรายาต่างๆ ด้วยเพราะหากว่าฉันมีโอกาสฉันก็ต้องการที่จะรักษาผู้คนในยุคนี้เช่นกัน"
กระจกโบราณเงียบไปพักหนึ่งเหมือนว่ามันกำลังประมวลผลคำขอพรของเธอ เพราะจะว่าไปมันก็เยอะมากเหมือนกันนะ จ้าวเว่ยเว่ย นั่งนิ่งและลุ้นอยู่ในใจว่าคำขอนี้ขอเธอจะเป็นผลหรือไม่
เพียงไม่นานกระจกโบราณก็เรืองแสงอีกครั้ง ทันใดนั้นเอง ส่วนล่างของมันก็แตกออกมาเป็นชิ้นเล็กรูปร่างคล้ายจี้ห้อยคอ และไม่นานมันก็ลอยมาว่างที่มือเล็กแห้งเหี่ยวของเธอ และเมื่อมองดูที่กระจกอีกครั้งจ้าวเว่ยเว่ยก็เห็นว่าอีกฝั่งของกระจกก็เกิดรอยร้าวและแตกออกเป็นรูปจี้คล้ายกับที่อยู่ในมือของเธอและเพียงไม่นานมันก็หายไปในอากาศทันที
“เพราะคำขอของนายหญิงนั้นเหนือกว่าอำนาจที่ข้าจะทำได้ ดังนั้น ข้าจึงต้องทำการแลกเปลี่ยนโดยให้ชิ้นส่วนของข้าไป จี้กระจกในมือของนายหญิงนั้นมีสิ่งที่ท่านต้องการอยู่ในนั้นแล้ว ”
เธอหยิบจี้กระจกขึ้นมาดู มันเป็นจี้กระจกสีเข้ม มีลวดลายที่สวยงามเหมือนกับขอบของมัน เธอรู้สึกถึงพลังบางอย่างแผ่กระจายออกมาจากจี้
"ฉันจะใช้พลังของจี้นี้ทำอะไรได้บ้าง?" เธอถาม
"จี้กระจกนี้มีพลังพิเศษมันสามารถพานายหญิงไปยังสถานที่ใด ๆ ก็ได้ในยุคสมัยนี้ และมันสามารถช่วยนายหญิงค้นหาสิ่งที่ท่านต้องการและมันยังสามารถเก็บสิ่งของต่างๆ ที่นายหญิงต้องการเอาไว้ด้านในได้ " กระจกวิเศษตอบ
“หา!!! จริงหรือ งั้นมันก็เหมือนกันแหวนมิตินะสิ!”
จ้าวเว่ยเว่ยตื่นเต้นมากขึ้นเพราะจากคุณสมบัติที่เจ้ากระจกโบราณพูดมานั้นมันเป็นคุณสมบัติของแหวนมิติที่เธออ่านเจอในนิยายย้อนอดีตทุกเล่มที่นางเอกต้องมีนะ
“จะว่าเช่นนั้นก็ได้ และที่ดีกว่านั้นคือ...มันสามารถเพิ่มปริมาณของที่นายหญิงต้องการได้ เพียงแค่ใช่มันส่องไปที่ของสิ่งนั้นและบอกจำนวน ดังนั้นนายหญิงไม่จำเป็นต้องใส่อะไรเข้าไปเยอะ”
กระจกโบราณบอกคุณสมบัติที่วิเศษสมกับเป็นชิ้นส่วนของกระจกวิเศษจริงๆ
“ขอบคุณเจ้ามาก แล้วเจ้ามีรอยแตกเช่นนี้ไม่เป็นอะไรหรือ” จ้าวเว่ยเว่ยเห็นรอยร้าวด้านล่างที่เจ้ากระจกโบราณเสียสละเพื่อทำให้พรของเธอเป็นจริง
“เมื่อกระจกมีรอยร้าวพลังของข้าก็จะลดลง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไข ถ้าสิ่งที่นายหญิงกระทำลงไปในยุคนี้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้คนได้รอยร้าวที่ด้านล่างของข้าก็จะค่อยๆ ประสานกันเมื่อมันประสานกันทั้งแผ่นพลังของข้าก็จะกลับมาเช่นเดิม” กระจกโบราณเอ่ยขึ้นมา
“นายหญิงของพรข้อที่สามเถิด”
จ้าวเว่ยเว่ยมองไปที่ปลายด้านล่างเธอรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้เจ้ากระจกมีรอยแตกร้าวเช่นนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ
“พรข้อที่สามอาจจะต้องทำให้เจ้าเสียสละกระจกอีกชิ้นก็เป็นได้นะ คือว่า ถ้าฉันต้องการที่จะกลับไปที่ยุคปัจจุบันเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่ ฉันมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้จัดการถ้าเจ้าสามารถทำได้ ฉันสัญญาว่าเมื่อกลับมาอยู่ที่นี้ฉันจะพยายามสุดความสามารถที่ทำให้เจ้ากลับมาเป็นกระจกที่สมบูรณ์และไม่แตกร้าวอีกต่อไป”
จ้าวเว่ยเว่ยลองเสี่ยงขอพรที่ยากอีกครั้ง เธอรู้ว่าถ้าเจ้ากระจกตกลงมันคงต้องเสียสละบางส่วนไปอีกแน่นอน
กระจกวิเศษเงียบไปครู่หนึ่ง จ้าวเว่ยเว่ยรู้สึกตึงเครียด เธอกลัวว่าคำขอของเธอจะเป็นการมากเกินไป แต่แล้ว เธอก็ได้ยินเสียงกระจกแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้ง ครั้งนี้มันแตกร้าวไปถึงครึ่งบานเลยทีเดียว
"นายหญิง ข้าได้ทำตามคำขอของท่านแล้ว แต่จงจำไว้ นี่คือครั้งสุดท้าย ตอนนี้ข้าไม่มีพลังเหลืออีกแล้ว เมื่อท่านกลับไปยังโลกปัจจุบัน ข้าจะกลายเป็นเพียงกระจกธรรมดา ไม่มีพลังวิเศษใด ๆ อีกต่อไป"
จ้าวเว่ยเว่ยรู้สึกเสียใจขึ้นมาวูบหนึ่ง เธอรู้ว่า เธอกำลังทำลายพลังวิเศษของเจ้ากระจกโบราณ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น เธอจำเป็นต้องกลับไปจัดการเรื่องราวในโลกปัจจุบันให้เสร็จสิ้น
"ฉันสัญญาฉันจะดูแลเจ้าอย่างดี ฉันจะหาทางทำให้เจ้ากลับมาเป็นกระจกที่สมบูรณ์อีกครั้ง และขอบคุณมาก"เธอเอ่ยขึ้นมาจากใจจริง
"นายหญิงจงจำไว้ การใช้พลังของข้ามีข้อจำกัด ด้วยพลังของข้า สามารถทำให้ท่านสามารถทะลุมิติกลับมายังโลกปัจจุบันได้เพียง 5 วันเท่านั้น และท่านสามารถนำสิ่งของจากโลกปัจจุบันมายังยุคนี้ได้ แต่จงใช้พลังนี้อย่างชาญฉลาด มิฉะนั้นเจ้าอาจต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด"
กระจกวิเศษเปล่งแสงสว่างจ้าอีกครั้ง จ้าวเว่ยเว่ยรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในแสงสว่างนั้น เมื่อเธอหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้องของเธอเช่นเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนว่าเธอไม่เคยจากไปไหนเลย หรือว่าเธอฝันไป จ้าวเว่ยเว่ยคิดและตัวสั่นขึ้นมา แต่แล้วเมื่อเธอมองไปที่กระจกวิเศษ ก็เห็นมันแตกเหลือเพียงครึ่งบาน ถ้าเช่นนั้นนี้ก็เป็นความจริงนะสิ เธอรู้สึกเศร้าใจ แต่เธอก็รู้ว่า เธอทำสิ่งที่ถูกต้อง เธอจำเป็นต้องกลับมาจัดการเรื่องราวในโลกปัจจุบัน
เธอรีบเก็บกระจกวิเศษที่แตกเป็นชิ้น ๆ ใส่กล่องไม้ เธอต้องหาวิธีทำให้กระจกวิเศษกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมแพ้ เธอจะทำตามคำสัญญาที่เธอให้ไว้กับกระจกวิเศษ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจ้าวเว่ยเว่ยก็คิดทันทีว่าต้องการจะนำอะไรไปที่ยุคโบราณกับเธอด้วย
***เป็นการขอพรที่ค่อนข้างตึงเครียดพอสมควรนะคะ ทำไมไม่ง่ายเหมือนคนอื่นเขานะ กระจกแตกไปครึ่งบาน ตอนนี้ไม่มีพลังแล้ว แต่ว่าในมือน้องเว่ยยังมีจี้กระจกที่สามารถเก็บของได้อยู่นะ ดังนั้น....จัดการเลย***
ถึงรีดที่รัก
ถ้าถูกใจอย่าลืมกดหัวใจ คอมเมนต์ และที่สำคัญกดติดตามด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
บทที่ 3 มีเวลาเพียง 5 วันจ้าวเว่ยเว่ยนั้นวางกระจกแตกลงในกล่องและรีบเดินไปที่คอมพิวเตอร์ของเธอทันที เพราะว่าเธอมีเวลาที่จะสะสางเรื่องต่างๆ เพียงแค่ 5 วันเท่านั้น เธอจำเป็นต้องรีบ อย่างแรกที่เธอทำคือ หาข้อมูลของราชวงค์หมิง เพราะว่าถึงแม้พวกเธอจะเรียนมาแต่ว่ามันก็นานละข้อมูลบางอย่างก็ไม่ได้นำมาใช้ด้วย ทางที่ดีคือ ดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ข้อมูลที่เธอได้นั้นคือราชวงศ์ต้าหมิงเป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เป็นช่วงเวลาแห่งความก้าวหน้าทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี ราชวงศ์หมิงยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโลกใหม่ราชวงศ์หมิงก่อตั้งขึ้น โดยจักรพรรดิหงหวู่ ซึ่งเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เขาสร้างระบบการปกครองที่มั่นคงซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพของราชวงศ์ความสำเร็จทางเศรษฐกิจ: ราชวงศ์หมิงเป็นยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ การเกษตร การค้า และอุตสาหกรรมทั้งหมดเฟื่องฟู สิ่งนี้ทำให้เกิดการเติบโตของประชากรและมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: ราชวงศ์หมิงเป็นผู้รับผิดชอบต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญหลายประการ รวม
บทที่ 4 การช็อปปิ้งครั้งสุดท้ายการสั่งของออนไลน์ของเธอจบลงตอนเวลาตี 5 เพราะร่างกายของเธอเรียกร้องให้พักผ่อนถึงแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการแต่ว่าเธอต้องหยุดและนอนพักเอาแรงก่อนโดยเธอตั้งนาฬิกาให้ตัวเองนอนพักเพียงแค่4 ชั่วโมงเท่านั้น9 โมงเช้าเมื่อเสียงนาฬิกาปลุก จ้าวเว่ยเว่ยรีบลุกและอาบน้ำแต่งตัวทันที วันนี้เธอโทรเข้าไปที่โรงพยาบาลแล้วเพื่อที่จะลาพักร้อน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าที่ผ่านมาเธอทำงานอย่างเดียวไม่เคยที่จะได้ลาพักร้อนเลย เมื่อจัดการเรื่องงานเสร็จ จ้าวเว่ยเว่ยก็หันมาเปิดตู้เซฟของตัวเองดูว่าทรัพย์สินของเธอนั้นมีอะไรบ้างจ้าวเว่ยเว่ยนั้นเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูมาจากสถานเลี้ยงเด็กมาตั้งแต่เล็กแต่เพราะความเป็นอัจฉริยะของเธอที่ฉายแววออกมาแต่เด็กทำให้สถานเลี้ยงเด็กแห่งนั้นส่งเธอเรียนอย่างเต็มที่ และเธอก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังเธอสำเร็จแพทย์อย่างรวดเร็วและกลับมาตอบแทนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ที่ดูแลเธอมาตลอดอย่างเต็มที่เช่นกัน ทุกเดือนเธอจะแบ่งเงินที่หาได้ 30% ให้เป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ เสมอและเพราะฝีมือที่ฉกาจในการผ่าตัดของเธอ ทำให้เธอเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง และแน่นอนเมื่อมีชื่อเสี
บทที่ 5 ร้านขายของโบราณร้านนั้นยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่านะ? เมื่อหมวดอาหารการกินเสร็จต่อมาก็เป็นพวกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม จ้าวเว่ยเว่ยนั้นดูข้อมูลของยุคราชวงค์ต้าหมิง ชุดที่คนยุคนั้นใส่จะเป็นชุดที่เรียกว่าชุดฮั่นฟู ถ้าเป็นของพวกในราชสำนักหรือบุคคลที่ร่ำรวยจะเป็นผ้าไหม หรือ ผ้าลูกไม้สวยๆ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านจะเป็นชุดฮั่นฟูของชาวบ้านมักทำจากผ้าฝ้าย ป่าน หรือขนสัตว์ ผ้าเหล่านี้ทนทาน ระบายอากาศได้ดี และเหมาะกับงานเกษตร งานฝีมือ และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ชุดเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย ทนทาน และเหมาะสมกับสภาพอากาศ สีของชุดฮั่นฟูของชาวบ้านมักเรียบง่าย สีที่พบบ่อย ได้แก่ สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน และสีเขียว สีเหล่านี้ไม่ดึงดูดความสนใจ และเหมาะกับงานทั่วไปการออกแบบชุดฮั่นฟูของชาวบ้านมักมีการออกแบบที่เรียบง่าย กางเกงขายาว เสื้อตัวโคร่ง และเสื้อคลุม เป็นชุดทั่วไปสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงมักสวมกระโปรงยาว เสื้อตัวโคร่ง และเสื้อคลุมเมื่อเห็นเช่นนั้นจ้าวเว่ยเว่ยก็สั่งจากออนไลน์ทันที เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นชุดยุคไหนก็มีขายแบบสำเร็จรูปทั้งนั้น เธอสั่งไปทั้งของเด็กผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย คละกันหลากห
บทที่ 6 มีคนตั้งมากมายทำไมถึงเลือกฉัน?เมื่อถึงห้างสรรพสินค้า จ้าวเว่ยเว่ยก็ตรงไปที่แผนกซุปเปอร์มาเก็ตก่อนเป็นอันดับแรก เธอเดินซื้อของหยิบของที่ต้องการเอานำไปด้วยพวกขน นม เนย ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ อาหารสดอาหารแห้งอาหารแช่แช็งและเครื่องปรุงต่างๆ เพิ่มเต็มเพราะบางอย่างเธอก็ไม่สามารถที่จะสั่งออนไลน์ได้ เมื่อได้ของเต็ม 3 รถเข็นเธอก็ทะยอยของไปไว้ที่รถก่อน เมื่อของอยู่ในรถก็ค่อยเก็บเขาจี้กระจกอีกที เธอทำแบบนี้หลายรอบจนเหนื่อยหอบไปเลยเหมือนกันจากนั้นเธอก็นั่งพักที่ร้านขายชา และสั่งชาชั้นเลิศไปอีกหลายชนิด จากนั้นก็ตรงไปที่แผนกเครื่องครัว จ้าวเว่ยเว่ยช้อปพวกจานชามตะเกียบสวยๆ หรูหรา ไปมากมายหลายสิบชุด แต่ก็มีพวกจานชามแบบธรรมดาที่จะใช้ในชีวิตประจำวันด้วยอีกหลายสิบชุด พวกเครื่องครัว หมอ มีด เขียง ทัพพี เอาไปหมด จ้าวเว่ยเว่ยเดินไปทุกแผนกทุกชั้น จนตอนนี้ขาเธอแทบจะไม่มีแรงแล้ว ไม่คิดเลยว่าการช้อปปิ้งมันจะเหนื่อยขนาดนี้ มันยิ่งกว่าการยืนผ่าตัดทั้งวันอีกนะเนี้ยเธอคิดขณะที่ขับรถออกมาจากห้างสรรพสินค้าในเวลาใกล้จะมืดแล้ว เพื่อไปที่ร้านขายของเก่าร้านนั้นเมื่อรถใกล้จะถึงเธอก็จอดและเดินไปเพราะว
บทที่ 7 ณ ชนบทที่ห่างไกลในยุคราชวงค์ต้าหมิง ปี 1360 เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวันก็จะครบ 5 วันตามที่เจ้ากระจกโบราณบอกเอาไว้ จ้าวเว่ยเว่ยนั้นเก็บของทุกอย่างหมดแล้ว ตอนนี้เธอเหลือเวลาอีกเพียง 1 วันเท่านั้นที่จะได้อยู่ยุคนี้ หลายวันที่ผ่านมานอกจากเก็บของเพื่อนำไปใช้ที่ยุคอดีต เธอก็โทรหาอาจารย์ที่เคยสั่งสอน เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จักทั้งที่ทำงานและที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และวันนี้เธอก็ได้นัดกับแม่ๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่าจะเข้าไปเยี่ยมพวกเขาด้วยดังนั้นวันนี้เธอจึงถือโอกาสเดินทางไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อพบกว่าน้องๆ และแม่ๆ ที่เลี้ยงดูเธอมาเป็นครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าทุกครั้งที่เธอไป เธอจะขนขนม นม เนยเสื้อผ้ามากมายไปฝากน้องๆ ด้วย วันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่เธอกำลังจอดรถนั้นเองเสี่ยวเปาเด็กชายอายุ5 ครบก็วิ่งมาหาเธออย่างรวดเร็วสีหน้าของเขานั้นตื่นตกใจมาก“พี่สาว! พี่สาวมาแล้ว!! พี่สาวช่วยด้วย!! ช่วยแม่ใหญ่ด้วย” เจ้าเสี่ยวเปาเมื่อวิ่งมาถึงเธอก็พูดรัวเร็ว จนจ้าวเว่ยเว่ยนั้นฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบาง แต่จากนั้นมือของเธอก็ถูกเจ้าเสี่ยวเปาลากไปที่ห้องของแม่ใหญ่ทันทีเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งดังก
บทที่ 8 ทะลุมิติมาแล้วจ้าวเว่ยเว่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความอยากลำบาก ความรู้สึกเจ็บปวดที่ศีรษะนี้มันอะไรกัน ไม่ใช่ว่าแม่ใหญ่หรอกหรือที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ทำไมเธอถึงได้เจ็บด้วยล่ะ เธออยากจะรีบตื่นขึ้นมา แต่ก็ต้องสิ้นหวังเพราะร่างกายของตนกลับแข็งทื่อ เปลือกตาหนักอึ้งดั่งภูเขา อยากจะบอกให้เสียงร้องไห้เหล่านี้หยุดสักที แต่ปากของเธอกลับแข็งไม่มีแรงแม้แต่จะพูดอะไรออกมา ไม่มีแรงจะทำอะไรได้เลย ทำได้เพียงกลอกตามองไปรอบๆ ตัว และมองไปยังคนที่นั่งร้องไห้ข้างๆ เธอทีละคน“ท่านพี่! .. พี่ใหญ่ ..เว่ยเว่ยลูกแม่เจ้าฟื้นแล้ว…”สามเสียงของเด็กน้อยและผู้ใหญ่ช่างบีบคั้นหัวใจเหลือเกินทำไมเธอรู้สึกเจ็บปวดเสียใจนะ เธอไม่ได้รู้จักพวกเขาเสียหน่อยหัวใจของจ้าวเว่ยเว่ยเกิดบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้จนเจ็บแปล๊บเล็กน้อยและต้องการปลอบโยนคนเหล่านั้นจากใจจริง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ ที่จะทำเช่นนั้นได้มีมือมากมายที่ค่อยจับค่อยลูบไปตามเนื้อตัวและแขนขาของเธอเหมือนพยายามจะหาว่ามีบริเวณไหนบ้างที่เธอเจ็บปวดพวกเขาจะได้ช่วยคลายความเจ็บปวดให้ จ้าวเว่ยเว่ยมองไปรอบๆ ห้องที่เธอนอนอยู่อีกครั้งสิ่งแรกที่เห็นคือเพดา
บทที่ 9 ครอบครัวเจ้าสี่ได้รับความอยุติธรรม“เว่ยเว่ย ลูกแม่ / พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” สามเสียงประสานกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จ้าวเม่ยตรงเข้าไปและมองดูลูกสาวใกล้ๆ เมื่อเห็นว่าลูกสาวเพียงเป็นลมไปเท่านั้นก็ถอนหายใจ ให้เจ้าเด็กน้อยทั้งสองไปหาผ้าชุบน้ำเพื่อจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกสาวของนางเมื่อได้ผ้ามานางก็ค่อยๆ เช็ดไปตามใบหน้าแห้งผอมของลูกสาวคนโต และมองไปที่ผ้าที่พันอยู่บนศีรษะที่มีเลือดซึมออกมานิดหน่อยแล้วถอนหายใจ พลางคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า.....เมื่อเช้าตัวนางออกไปทำงานที่นาแต่เช้าโดยให้ลูกชายและลูกสาวคนเล็กดูแลพี่สาวที่นอนป่วยไม่มีเรี่ยวแรงมา 3-4 วันแล้ว โดยนางได้บอกให้พวกเขาอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกมาทำงานบ้าน โดยนางจะกลับมาทำเองเมื่อทำงานที่นาเสร็จ เด็กๆ ก็ตกลงและเข้าไปนั่งข้างๆ เตียงของพี่สาวของพวกเขาขณะที่นางกำลังถอนหญ้าที่อยู่ในนานั้น ป้าถงป้าที่อยู่ข้างบ้านก็รีบเดินมาหานางเพียงตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนรน“จ้าวเม่ย จ้าวเม่ย เจ้ายังทำอะไรอยู่ที่นี่ บ้านของเจ้าเกิดเรื่องแล้ว ยังไม่รีบกลับไปอีก”จ้าวเม่ยนวดเอวที่กำลังปวดเมื่อยขึ้น ในมือถือยังมีหญ้าที่ถูกถอนออกจากแปลงนาอยู่กำใหญ่“ยังเหลืองานต
บทที่ 10 ถูกไล่ออกจากบ้าน“ไล่ออกจากบ้านอย่างนั้นหรือ?”เมื่อจ้าวเว่ยเว่ยฟื้นขึ้นมาจากการสลบจ้าวเม่ยก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวฟังว่า ทุกคนในครอบครัวตระกูลจ้าวก็ต่างโกรธแค้นนางตบหน้าสะใภ้ใหญ่ และต้องการขับไล่พวกนาง 4 แม่ลูกออกจากบ้านตระกูลจ้าวไปโดยทันที นางจ้าวเม่ยรู้สึกเสียใจและตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอรู้ดีว่าความใจร้อนของเธอสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวแล้ว แต่ในตอนนั้นที่เห็นลูกสาวนอนอยู่ด้านนอกเหมือนของไร้ค่า ไม่มีใครเหลียวแลเอาใจใส่ ความโกรธก็พลุ่งพล่านจนอดไม่ได้ที่จะลงมือตบสะใภ้ใหญ่ไปหลายฉาดแม้ต่อมานางจ้าวเม่ยพยายามอธิบายให้ครอบครัวตระกูลจ้าวฟังว่าเธอทำไปด้วยความโกรธและห่วงใยลูกสาว แต่ครอบครัวตระกูลจ้าวก็ไม่ฟัง พวกเขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะขับไล่พวกนางสี่แม่ลูกออกจากบ้านทันที“แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้พวกลูกต้องลำบากแล้ว"ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย ครอบครัวจ้าวต่างโกรธแค้นนางจ้าวเม่ยที่ลงมือตบหน้าสะใภ้ใหญ่โดยทำเป็นหลงลืมประเด็นที่ว่าทำไม สะใภ้ใหญ่และแม่เฒ่าจ้าวถึงได้เข้ามาค้นหาเงินในห้องของนางจ้าวเม่ย ซึ่งจ้าวเว่ยเว่ยที่เพิ่งฟื้นและตอนนี้เธอก็ได้รับรู้ความท
บทที่ 30 โรงประมูลพยัคฆ์แดงหลังจากท่านแม่เดินไปหลังบ้านเพื่อดูเจ้าม้าเหงื่อโลหิตอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนางเดินกลับมาจ้าวเว่ยเว่ยสังเกตเห็นหน้าผากของนางนั้นมีเหงื่อขึ้นมาตรงไรผมเล็กน้อยทั้งๆ ที่ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วก็ตาม นี่คงไม่ได้ไปทำอะไรมาอีกหรอกนะเจ้าค่ะท่านแม่! จ้าวเว่ยเว่ยคิด จากนั้นทั้งสี่แม่ลูกก็กระโดดขึ้นรถม้าที่ท่านแม่เตรียมจะขับออกจากบ้าน จ้าวเว่ยเว่ยเมื่อขึ้นมาบนรถม้าก็มองน้องๆ ที่ตอนนี้หาที่เกาะกันคนละมุมในรถม้าแล้วปากกระตุกนิดหน่อยพลางคิดว่าในใจว่า ไม่เหลือที่ให้พี่ใหญ่เกาะเลยนะเจ้าพวกนี้!แน่นอนด้วยการซิ่งแบบตีนผีของท่านแม่รถม้าของพวกเขามาถึงเมืองฟงในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยามเท่านั้นซึ่งเป็นการทำลายสถิติเดิมที่ท่านแม่เคยทำเอาไว้เสียด้วยซ้ำ ในตอนที่เด็กๆ ลงจากรถม้า จ้าวเว่ยเว่ยและน้องๆ ถึงกับขาสั่นอยู่สักครู่ถึงได้ยืนกันได้แบบปรกติ พลางคิดกันในใจว่า สรุปว่าที่ผ่านมาคนอื่นเขาขับรถม้ากันไม่เป็นหรือว่าเป็นท่านแม่นั้นเข้าถึงศาตร์ด้านการขับรถม้าอย่างถ่องแท้กว่าพวกเขากันแน่!!!!ส่วนท่านแม่นั้นพอได้ออกมาซิ่งสีหน้าก็สดชื่นมากทีเดียว เพราะว่าตอนนี้อากาศเริ่มจะเย็นลงมากแล้ว ทำให้ตลา
บทที่ 29 ปรมาจารย์ผู้ลึกลับ(มาก) เมื่อวางแผนการใหญ่ที่จะปลูกพืชผักเอาไว้ให้มากมายเพราะจากที่อ่านประวัติของราชวงค์ต้าหมิงมานั้นในปีนี้พวกเขาจะประสบกับภัยหนาว ภัยแล้ง ดังนั้นสิ่งที่จ้าวเว่ยเว่ยต้องเตรียมการให้พร้อมนั้นคือ เงิน เงิน และเงิน เพื่อที่จะหาพื้นที่ปลูกให้ได้มากที่สุด และกักตุนไว้เป็นเสบียงอาหารเอาไว้มากๆ เพื่อช่วยชาวบ้านในยามวิกฤตมาถึง สิ่งที่จ้าวเว่ยเว่ยจะปลูกอย่างแรกคือจะต้องเป็นพืชที่ให้ผลผลิตมาก เก็บผลผลิตได้เร็วและที่สำคัญคือสามารถกินแทนข้าวได้ยามเมื่อเจอภัยแล้งสวนพริกนั้นนางปลูกเอาไว้ไม่เยอะมากนัก เอาไว้หากมักแพร่หลายค่อยให้ชาวบ้านปลูกและรับซื้อแบบนั้นจะเป็นการเพิ่มช่องทางการทำมาหากินให้ชาวบ้านจากที่นางศึกษามาพืชที่เหมาะสมที่จะปลูกคือมันฝรั่ง มันเทศและถั่วเหลือง นั้นเอง มันฝรั่ง ทนแล้งได้ดี สามารถเจริญเติบโตในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง โดยอาศัยน้ำจากดินเพียงเล็กน้อยส่วนมันเทศ ทนแล้งได้ปานกลาง ต้องการน้ำมากกว่ามันฝรั่ง แต่ยังสามารถเจริญเติบโตในสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ถั่วเหลือง ทนแล้งได้ปานกลาง สามารถเจริญเติบโตในสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ ระยะเวลาการปลูกของมันฝรั่ง มันเทศ และถ
บทที่ 28 วางแผนการใหญ่การจ่ายเงินและแลกของเสร็จสิ้นในเวลา 1 ชั่วยาม ลานหน้าโกดังก็กลับมาเงียบสงบอย่างที่มันเคยเป็น ทันใดนั้นลมหนาวก็พัดอ่อนๆมาปะทะหน้าของจ้าวเว่ยเว่ยที่ยืนมองครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านที่มาช่วยงานในวันนี้เต็มกำลังทั้งบ้านจริงๆ นางเดินเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับข้าวของมากมายเต็มสองมือ และแน่นอนว่ามีค่าจ้างและสินน้ำใจให้พวกเขาด้วยเช่นกัน คือ 10 ตำลึงหัวหน้าหมู่บ้านมองในมือของเจ้าเด็กน้อยเว่ยเว่ยที่เต็มไปด้วยข้าวของที่มีพวกเนื้อหมู 2 จิ้น เกลือ1 จิ้น น้ำตาล 1 จิ้นและผ้าพับอีก 2 ผับและยังมีถุงลูกอมให้หลานๆ ของเขาอีก 2-3 ถุง ที่นางจะมอบให้กับพี่สะใภ้ทั้งสองที่มาช่วยด้วย หัวหน้าหมู่บ้านมองหน้าของนางที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า“พวกข้าปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วใช่หรือไม่?” หัวหน้าหมู่บ้านเจียงไห่เกิดการเรียนรู้เหมือนกันว่าไม่ควรปฎิเสธครอบครัวนี้เมื่อพวกเขาต้องการอะไร“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” เจ้าเว่ยเว่ยพยักหน้าขึ้นลง และเอ่ยว่า "อีกอย่างข้าก็มีเรื่องจะปรึกษาหัวหน้าหมู่บ้านด้วยเจ้าค่ะ คือหากว่าข้าอยากจะซื้อที่เพิ่มเพื่อปลูกพืชผัก ที่หมู่บ้านเรายังจะมีที่เหลือหรือไม่เจ้าคะ”เพราะว่าหมู่บ
บทที่ 27 ภารกิจอันยิ่งใหญ่เมื่อถึงเวลายามโหย่ว (6 โมงเย็น) หัวหน้าหมู่บ้านก็ตีเกราะเป็นสัญญาณว่าวันนี้เลิกงานแล้วเหล่าคนที่ถูกจัดให้เป็นหัวหน้างานที่ถูกแบ่งเอาไว้ 10 คน ก็เริ่มออกเดินตรวจงานตามแปลงที่แบ่งให้แต่ละครอบครัว พวกเขาหายไปไม่ถึงครึ่งเคอก็กลับมาพร้อมกับพยักหน้าว่าทุกอย่างและงานทุกแปลงนั้นเรียบร้อยดีมาก แม้กระทั่งของครอบครัวแม่เฒ่าชุนที่ได้รับแบ่งไปก็เรียบร้อยมากเช่นกันพวกเขาทั้งหมดก็เดินกลับมาที่โกดังซึ่งตอนนี้ในนั้นเปิดกว้างออกมา เมื่อทุกคนมาถึงก็ถึงกับตกใจเพราะว่าของในโกดังนั้นเยอะมาก และมันถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบอีกด้วย เหมือนกับการจัดของในร้านในเมืองฟงที่พวกเขาไปบ่อยๆ แต่ว่าการจัดที่นี่นั้นเป็นระเบียบและหาของได้ง่ายกว่ามากด้านหน้ามีโต๊ะของหัวหน้าหมู่บ้านเจียงไห่จงและลูกชายคนโตของเขาเจียงต้าเจี้ยนและลูกชายคนที่สองเจียงเอ่อหลานที่คนหนึ่งนั่งอยู่และมีรายชื่อของลูกบ้านที่ทำงานในวันนี้ ด้านข้างเป็นลูกชายคนรองที่กำลังเปิดหีบและนำพวงเงินอีแปะและเงินตำลึงเงินออกมา วางบนโต๊ะโต๊ะด้านข้างเป็นลูกสะใภ้ของเขาที่วันนี้มาช่วยทั้งสองคน ซึ่งพวกเขาทั้งสองคนจะเป็นคนรับคำสั่งจาก
บทที่ 26 กักตุนอาหารวันต่อมา ตอนนี้การทำความสะอาดบริเวณที่จะสร้างบ้านได้เริ่มแล้ว จ้าวเว่ยเว่ยและท่านแม่จ้าวเม่ยนั้นหลังจากขนซื้อข้าวของมามากมายก็ขนไปที่โกดังของหมู่บ้านที่ตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านได้ให้กุญแจกับสองแม่ลูกเป็นคนถือ เมื่อนำของที่ซื้อมาขนเข้าไปด้านใน จ้าวเว่ยเว่ยก็ให้แม่ของนางออกมาดูต้นทาง ส่วนตัวเองนั้นเข้าไปเพิ่มจำนวนของภายในโกดังเพราะว่านางซื้อของทุกอย่างมาอย่างละแค่ 10 ชุด แต่ว่าจากจำนวนคนที่หัวหน้าบอกว่าจะมาทำงานให้บ้านนางนั้นคือ 40 ครอบครัว ก็ตกประมาณ 200-250 คน นางจึงเพิ่มจำนวนของเอาไว้เสียเลย เพราะหากว่าชาวบ้านต้องการที่จะกักตุนอาหารในช่วงนี้ก็จะได้มีให้พวกเขาเลย เพราะหลังจากสัปดาห์นี้เถ้าแก่ที่นางซื้อข้าวของพวกนี้ด้วยต่างบอกกันว่า ปีนี้หิมะจะมาเร็วทำให้ราคาของอาหารและข้าวของจะขึ้นแล้วให้พวกนางรีบซื้อไปมาเพิ่มนอกจากขนข้าวของมาเยอะแยะแล้วจ้าวเว่ยเว่ยยังไปแลกเงินที่ร้านรับแลกเงินของทางการที่เมืองฟงเปิดเอาไว้ด้วย คล้ายๆ กับเป็นธนาคารในยุคปัจจุบันนั้นล่ะ เพราะว่าการจ่ายเงินให้กับชาวบ้านพวกนางน่าจะต้องใช้เงินอีแปะเป็นจำนวนมากดังนั้นนางจึงมาแลกไปเลย เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านจ
บทที่ 25 แขกผู้สูงศักดิ์“เชิญคุณหนูเลือกดูอาหารสดด้านนี้ขอรับ ทางร้านของเรามีเนื้อสัตว์เกือบทุกประเภท”เมื่อหลงจู๊พาจ้าวเว่ยเว่ยมาถึงห้องครัวก็เรียกหัวหน้าพ่อครัวมาและแนะนำให้รู้จัก หัวหน้าพ่อครัวนั้นตั้งแต่ตอนที่ได้กินอาหารที่ใส่ผงวิเศษของคุณจ้าวเว่ยเว่ยที่ท่านหลงจู๊แนะนำแล้วตอนนี้เขาถือว่าตัวเองเป็นแฟนคลับเบอร์สองของคุณหนูจ้าวเว่ยเว่ยแล้ว เพราะเบอร์หนึ่งนั้นท่านหลงจู๊เอาไปก่อนเขา เมื่อจ้าวเว่ยเว่ยเดินมาเห็นพวกอาหารสดที่จัดเอาไว้อย่างดีของทางร้านก็ค่อนข้างประทับใจนางเดินดูอยู่ครู่หนึ่งก็ได้พวกของทะเลมา ทั้งกุ้ง ปู หมึกทะเลตัวใหญ่ เมื่อได้มาแล้วนางก็หาที่รัดแขนเสื้อเพื่อลงมือทำต้มยำทะเลน้ำข้นทันที ขณะนั้นเองเหล่าพ่อครัวก็ถอยออกมาอย่างรู้ธรรมเนียม เพราะว่าสูตรอาหารนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บางสูตรนั้นสืบทอดกันมาจากต้นตระกูลหลายร้อยปีเลยทีเดียวจ้าวเม่ยเม่ยนั้นไม่ได้คิดมากขนาดนั้นเพราะว่าในยุคที่นางจากมานั้นทั้งความรู้และสูตรอาหารต่างก็เปิดเผยในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดไม่ว่าอยากจะทำจะทานอะไรก็สามารถทำได้หาได้อย่างง่ายดาย เมื่อได้ของทะเลมานางก็ลงมือจัดการกับพวกเครื่องปรุงและส่วนผสมทันทีให้พร้
บทที่ 24 ต้มยำทะเลน้ำข้นอาหารจานเนื้อผัด 3 จาน อาหารจานผักผัด 2 จาน ที่ใส่ผงปรุงรสถูกส่งขึ้นไปที่ห้องพิเศษของแขกผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นทันที ส่วนหมูตุ๋นนั้นเพราะต้องใช้เวลาทำให้ยังไม่สามารถที่จะยกไปบริการได้ แต่ว่ากลิ่นหลังจากนั้นที่ตุ๋นมาไปสักพักนั้นมันช่างหอมหวนเสียจริงๆ ส่วนแขกด้านนอกนั้นเมื่อเห็นว่าทางร้านเริ่มผัดอาหารที่หอมขนาดนั้นออกมา ก็กระหน่ำสั่งอีกทันทีถึงแม้บางโต๊ะนั้นใกล้จะอิ่มแล้วแต่ว่าเพราะไม่อาจจะอดทนกับกลิ่นที่หอมของอาหารที่โต๊ะด้านข้างสั่งได้จึงต้องสั่งมากินอีกจนได้ และก็เหมือนกันกับหลงจู๊ที่เมื่ออาหารเข้าปากสีหน้าเคลิบเคลิ้มของลูกค้าที่กินอาหารนั้นทำให้หลงจู๊ที่แอบมองนั้นถึงกับยิ้มกว้างเลยทีเดียว“ท่านหลงจู๊ผงวิเศษพวกนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้วนะขอรับ ท่านไปได้มาจากไหนกัน รีบไปเอามาเพิ่มเถอะขอรับ ตอนนี้ยังมีอีกหลายสิบจานที่ยังทำไม่ทัน ข้ากลัวว่ามันจะไม่พอ” ขณะที่หลงจู๊กำลังแอบมองเหล่าลูกค้าที่แย่งกันคีบอาหารในจานจนมีหลายโต๊ะถึงขั้นเริ่มจะมีปากเสียง จนต้องหันมาสั่งจานนั้นเพิ่ม ก็ได้ยินเสียงเหล่าพ่อครัวตะโกนบอกเขาพลันเขาก็เห็นคุณหนูน้อยท่านนั้นและครอบครัวกำลังจะออกจากร้านพอ
บทที่ 23 ผงปรุงรสตัดมาที่กล่องที่เก็บกระจกวิเศษของจ้าวเว่ยเว่ย ตอนนี้รอยร้าวของมันนั้นได้ประสานกันยาวขึ้นมาอีก 10 เซ็นติเมตาเลยที่เดียวหากจ้าวเว่ยเว่ยเห็นก็คงจะสงสัยเหมือนกันว่าการช่วยคนๆ นี้คนเดียวทำไมรอยร้าวถึงได้ประสานกันได้ยาวขนาดนี้ เมื่อคณะของใต้เท้าหวังจากไป ภัตตาคารเจียหลินก็กลับมาต้อนรับลูกค้าใหม่อีกครั้ง หลงจู๊จงหย่ง นั้นเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกที่เด็กสาวคนนั้นเข้าช่วยเหลือใต้เท้าหวัง เขาจึงรีบเดินเข้าไปและโค้งคำนับและเชิญพวกนางขึ้นชั้นสองที่เป็นห้องพิเศษ ความจริงแล้วภัตตาคารแห่งนี้นั้นเป็นของตระกูลของใต้เท้าหวังนั้นเอง“เชิญคุณหนูและฮูหยินขอรับ วันนี้พวกท่านได้ช่วยเหลือใต้เท้าหวังทางภัตตาคารเจียหลินขอเป็นตัวแทนใต้เท้าเลี้ยงอาหารมื้อนี้นะขอรับ ขอคุณหนูอย่างได้ปฎิเสธเลยนะขอรับ” หลงจู๊รีบพูดกันเอาไว้ก่อนที่จ้าวเว่ยเว่ยจะปฎิเสธ“เช่นนั้นก็ขอรับกวนท่านหลงจู๊ด้วยนะเจ้าคะ”จ้าวเว่ยเว่ยเมื่อเห็นว่าไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จึงได้ยอมรับน้ำใจของเขาในครั้งนี้ขณะที่รออาหารจ้าวเม่ยก็มองจ้องมาที่ลูกสาวคนโตของนางอย่างพิจารณา จะบอกว่านางไม่ใช่ลูกสาวของนางก็ไม่ใช่เพราะว่าทุกอย่างยังเป็นปรกติ
บทที่ 22 ช่วยชีวิตคนเช้าวันต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านก็ตีเกราะอีกครั้งครั้งนี้มีชาวบ้านมาร่วมฟังเกือบครึ่งหมู่บ้าน แน่นอนว่าบ้านตระกูลจ้าวนั้นยังมาไม่ได้เช่นเดิม และข่าวใหม่ที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกกับชาวบ้านก็คือ พวกเขาจะแบ่งพื้นที่ในการทำความสะอาดที่ดินของนางจ้าวเม่ยให้กับทุกครอบครัวที่ต้องการทำงานแทนการจ้างรายบุคคล เพราะตอนนี้เขาทราบว่าทุกคนต่างการก็การทำงานและต้องการเงิน ดังนั้นพื้นที่ที่จะแบ่งนั้นจะแบ่งตามจำนวนคนในครอบครัวที่สามารถมาทำงานได้ โดยค่าจ้างนั้นจะมีให้เลือก 2 แบบคือสามารถเลือกอาหารแห้งพวกข้าวสาร แป้ง เกลือ น้ำตาล ถั่ว ซีอิ๊ว เครื่องปรุงต่างๆ หรือพวกเผือก มัน ธัญพืชแห้ง หรือ ถ้าต้องการเนื้อสัตว์ก็สามารถเลือกได้แต่ว่าราคาก็จะตามท้องตลาด หรือ สามารถรับเป็นเงินได้ โดยครอบครัวไหนมากันเยอะก็จะได้พื้นที่ทำงานเยอะ ถ้ามีน้อยก็ได้น้อย และการทำงานจะมีหัวหน้างานที่เดินตรวจทุกวันเมื่อทำงานเสร็จแล้ว หากครอบครัวไหนทำงานไม่เรียบร้อย วันต่อมาก็จะถูกลดพื้นที่ลง โดยค่าจ้างจะให้ตามพื้นที่ที่แต่ละครอบครัวได้รับนั้นคือหมู่ละ 5 ตำลึง ส่วนอาหารนั้นจะให้เพียงซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ในตอนเช้าเท่านั้นส่วนมื