กร เด็กหนุ่มผู้ถูกกลั่นแกล้งเป็นกิจวัตร ถูกส่งไปต่างโลกด้วยสเตตัสสุดกาก แล้วค้นพบระบบ 'จุติ' เข้าจนไร้เทียมทาน งานนี้แม้แต่พระเจ้าก็ต้องโดนกรและเหล่าฮาเร็มตบเกรียน!
Lihat lebih banyakหลังจากที่รับลิลิธเป็นพวกแล้ว พวกกรก็เริ่มออกเดินทางกลับเมืองหลวงในทันที ซึ่งก็ถือว่าโชคดีไม่น้อย ที่เวลามาของขบวนรถม้าในรอบต่อไปคืออีก 30 นาทีพอดี พอพวกกรไปบอกลาเถ้าแก่ที่รู้จักกับเรเชลแล้ว พวกกรก็ไปรอขึ้นรถม้าต่อในทันที ในระหว่างการเดินทาง พวกกรทุกคนต่างก็ไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งมองวิวทิวทัศน์นอกตัวรถม้า โดยตำแหน่งที่นั่งแบ่งเป็นสองซีก คือ กร มีอา เมอร์ลิน และซาช่า กับอีกฟากคือ ชาลอต เรเชลและลิลิธ อนึ่ง เนื่องด้วยเป็นเพราะขนาดรถม้าที่บรรทุกได้แค่ 8 คนต่อเล่มเกวียน และจำนวนคนเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้ มีเพียง 12 คนเท่านั้น พวกกรเลยได้ยึดเกวียนหนึ่งเล่มเป็นของพวกตนไปโดยปริยาย (แม้จะต้องติดสินบนเล็กๆน้อยๆก็ตามที)〝 เฮ้อ! สุดท้ายก็ไม่ได้พักจนได้แฮะ 〞กรพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ และเพราะเห็นว่าทุกคนยังวางตัวกันไม่ถูกเมื่อลิลิธมาร่วมก๊กด้วย〝 ดีแล้วไม่ใช่รึไง ฉันไม่อยากพักอยู่ในเมืองแบบนั้นหรอกนะ... อ๊ะ! แต่ไม่ได้หมายความว่าที่พักของเถ้าแก่ไม่ดีหรอกนะ 〞เมอร์ลินตอบกลับกรในทันทีเพราะอ่านบรรยากาศออก แต่ก็เพราะพูดมากเกินไปเลยตอบเป็นเชิงขอโทษเรเชล〝 ไม่หรอ
ทันทีที่พวกกรกลับมายังห้องโถงที่เดิม ก็พบกับลิลิธที่นอนแผ่หลาอยู่กลางห้องมองดูดาวอยู่กับพื้นด้วยสภาพที่เรียกได้ว่า หมดแรง...〝 นายท่าน!!! 〞〝 คุณกร!!! 〞 ทันทีที่พวกกร รวมถึงเคลเบรอสที่เป็นร่างมนุษย์กลับมาได้ครบทุกคน ชาลอตกับเรเชลก็ตะโกนเรียกกรด้วยความเป็นห่วงในทันที แต่พวกเธอก็ยังไม่ได้วิ่งเข้าไปหากรเนื่องจากกำลังดูแลซาช่าที่กำลังหมดสติอยู่〝 ไม่ต้องห่วง... ทุกอย่างจบแล้วหล่ะ 〞กรเดินเข้าไปหาชาลอตและเรเชล ยิ้มให้พวกเธอแล้วจัดการลูบศีรษะของพวกเธอที่กำลังจะเริ่มหลั่งน้ำตาในทันที ด้วยความอบอุ่นจากสัมผัสของมือกรทำให้พวกเธอผ่อนคลายและไม่ได้ร้องไห้ออกมา และเป็นตัวบ่งบอกอีกอย่างด้วยว่าพวกกรไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส〝 แล้วก็มีอา เมอร์ลิน ขอบคุณมากนะที่ช่วยถ่วงเวลาให้ เจ้าหมาด้วย... 〞〝 แน่นอนอยู่แล้ว! 〞〝 อืม! 〞〝 คิดมากน่า 〞 กรขอบคุณมีอา เมอร์ลินและเคลเบรอสด้วยรอยยิ้ม แล้วทุกคนก็ตอบกลับในทันทีด้วยท่าทีดีใจหลังได้รับชัยชนะร่วมกัน ก่อนจะเดินเข้าไปทางมีอา และใช้มือสัมผัสกับแก้มของเธอตรงที่มีรอยแผล〝 โทษทีนะ ทำให้เป็นแผลซะได้ 〞กรพูดออกมาอย่างรู้สึกผิดก่อนจะเริ่มรักษาแ
มีพลังเทียบเท่ากับจอมมารงั้นเหรอ?เฮ้ยๆ! ถ้าเป็นงั้นจริง ขำไม่ออกหรอกนะเฮ้ย ไอ้ตัวที่ฟรังซ์ ออลเดลบอกว่าโอกาสชนะไม่มีแม้แต่หนึ่งในหมื่นนั่นหน่ะ..บอกตรงๆ สู้กันคงชนะยากแน่... แต่จะให้หนีงั้นเหรอ?ดูท่าทางของสาวเจ้า... ยังไงเธอคงไม่ยอมปล่อยเราไปแหงๆ...〝 แหมๆ พูดชมเกินไปแล้ว พี่สาวเขินนะเนี่ย〜 〞ลิลิธยกมือขึ้นมาทาบแก้มตัวเองและเริ่มแสดงการเอียงอายอย่างไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่ ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาแท้ๆ〝 เมอร์ลินไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าเธอเข้าร่วมสงครามตอนนั้น... หรือว่าเธอไม่ได้ไปช่วยงั้นเหรอ? 〞กรพยายามถามเพื่อถ่วงเวลา ซึ่งลิลิธเองก็รู้ว่ามันเสียเวลา แต่เธอก็ยังคงตอบกลับไปในทันทีราวกับเวลาไม่ใช่ข้อผูกมัดสำหรับเธอ〝 ฮึฮึ〜 ใช่แล้วหล่ะ! ที่ไม่ช่วยนี่ก็เพราะว่าพี่สาวหน่ะ เกลียดพวกตาแก่บนสวรรค์นั่นจะตายชักหน่ะซี่〜 〞ลิลิธตอบคำถามกรกลับด้วยรอยยิ้มขี้เล่น... เพียงแต่จากการใช้สุดยอดการประมวลผลเลยทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้โกหกแต่อย่างใด〝 เรื่องพรรค์นั้นช่างมันเหอะน่า〜 พี่สาวอยากรู้มากกว่า ว่าตอนนี้เธอมีกะจิตกะใจสู้รึยัง? 〞คำถามของลิลิธทำให้คิ้วของกรกระตุกกึก เมื่อความกังวลเนื่องจากความแข็งแกร่งขอ
หลังจากเหตุวุ่นวายอันก่อโดยเรเชลสงบลง พวกกรก็นั่งล้อมวงลงเพื่อปรึกษากันอีกครั้ง...〝 อะแฮ่ม! ถ้างั้นต่อไปมาคุยเรื่องซีเรียสกันต่อเถอะนะ 〞กรพูดขึ้นมาในขณะที่ปาร์ตี้รวมหัวกันเป็นวงกลมนั่งลงกับพื้น〝 ว่าไงบ้างชาลอต... ข้อมูลเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ไหม? 〞〝 ค่ะ ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยค่ะ 〞หืม? คิดไปเองรึเปล่าว่าชาลอตกำลังหงุดหงิดอยู่?เอ่อ... คงไม่มั้ง〝 นี่! ฉันว่าน่าจะได้เวลาเฉลยแล้วนะ! ที่พูดกันอยู่คือเรื่องที่ขอร้องชาลอตก่อนหน้านี้ใช่ไหม? 〞เมอร์ลิน(ซึ่งหายหงุดหงิดแล้ว)ถามออกมาด้วยความสงสัย นั่นทำให้กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังก่อนจะตอบออกมา...〝 อื้ม! เรื่องของมอนสเตอร์พวกนี้นี่แหล่ะ... ฉันเองก็คิดเหมือนกับมีอาว่าพวกนั้นแกร่งเกินไป กรณีสเตตัส 20 ล้านเมื่อกี้ก็เป็นตัวอย่างแล้ว... 〞ทุกคนพยักหน้ารับคำอธิบายของกร ก่อนที่กรจะอธิบายต่อ〝 ที่นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยน... แถมพวกนั้นยังไม่ใช่มอนสเตอร์อีก... เอาสั้นๆเลยนะ ฉันคิดว่าไอ้พวกนั้นเป็นเวทย์อัญเชิญหน่ะ! 〞〝 !!!!? 〞ทุกคนยกเว้นเมอร์ลินกับชาลอตตกใจกันทั้งสิ้น แต่เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา กรจึงเริ่มอธิบายต่อในทันที〝 เวทย์อัญเชิญมันมีข้อจำกัดหลาย
หลังจากศึกครั้งแรกในดันเจี้ยนแห่งนี้จบลง พวกกรได้นั่งจับกลุ่มคุยกันโดยมีมีอา เมอร์ลินและชาลอตคอยสอดส่องบริเวณรอบๆ เพื่อให้กร ซาช่าและเรเชลปรึกษาเรื่องความสามารถของพวกเธอเอาหล่ะนะ... ในการต่อสู้เมื่อกี้ทำให้เห็นจุดที่ต้องแก้ไขมาแล้ว...ซาช่ายังมีสเตตัสไม่เพียงพอกับการเป็นแนวหน้าส่วนเรเชลยังร่ายเวทย์ต่อครั้งได้น้อยเกินไป... ดาเมจเองก็น้อยเนื่องด้วยสเตตัสของเธอที่พูดมาเมื่อกี้ในความเป็นจริงแล้วเป็นปัญหาในระยะยาวที่ไม่สามารถแก้ได้ในทันที...นั่นคือในกรณีที่พวกเธอเป็นคนธรรมดาหน่ะนะ...ตอนแรกคิดว่าจะเก็บไว้ใช้เพราะกลัวเจ้าหญิงแวมไพร์นั่นรู้เข้าหน่ะนะ...แต่ถ้าเป็นแบบนี้ซาช่ากับเรเชลจะเสี่ยงโดยใช่เหตุ... เพราะงั้นจะรออีกไม่ได้แล้ว... กรคิดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ต่อหน้าซาช่ากับเรเชลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว พวกเธอทำได้แค่เอียงคอสงสัยเท่านั้น แต่สาวๆคนอื่นกลับยิ้มแหยๆออกมาแทนเพราะเข้าใจความคิดของกรในระดับนึง〝 งั้นก่อนอื่น... เรเชล ลองเปิดหน้าต่างสตัสของตัวเองดูสิ สู้ไปเมื่อกี้เลเวลคงอัพแล้วใช่ไหม? 〞〝 คะ ค่ะ! 〞เรเชลทำตามที่กรบอกในทันที แม้จะยังไม่เข้าใจก็
สังหารมิตร... หมายถึง... ให้ฆ่าเพื่อนพ้องอย่างงั้นเหรอ?จะบ้ารึไงว่ะ ไอ้ระบบเวรนี่!แถมยังมีอยู่แค่ข้อเดียวอีก...จะบอกว่าถ้าไม่ฆ่าเพื่อนหล่ะก็ จะไม่แข็งแกร่งไปกว่านี้แล้วงั้นเหรอ? นี่มันบังคับกันชัดๆ!ไอ้เงื่อนไขบ้าบอนี่มันอะไรกันว่ะ! หลังจากถูกความมืดครองสติไปชั่วขณะทั้งที่ยังไม่ได้ชันตัวขึ้นจากท่านั่งชันเข่าซักนิด เงื่อนไขเลเวลอัพแสนโหดร้ายก็เข้าทำร้ายจิตใจของกรอีกครั้งโดยไม่ให้หยุดพักหายใจ ในหัวของกรตอนนี้จึงมีแต่ความสับสน...〝 กะ กร วันนี้พักก่อนไหม? 〞ในขณะที่กำลังสับสนและใช้ความคิดจนสมองแทบแตก มีอาก็ส่งเสียงเรียกจากด้านข้างของเขาด้วยความเป็นห่วง〝 อะ อา... ยังไหวอยู่ ไม่เป็นไรหรอก... 〞กรพูดแบบนั้นแล้วก็ตบหน้าตัวเองเพื่อลืมเรื่องเงื่อนไขนั่นไปก่อน แล้วก็ชันตัวเองขึ้นก่อนมีอากับเมอร์ลินที่นั่งอยู่ข้างๆเสียอีก ทุกคนยังคงมองกรด้วยสายตาเป็นห่วง... แต่เวลาไม่เคยคอยใคร ทั้งที่ยังปรับตัวไม่ได้ กรก็ถูกบุคคลที่สามทักอีกครา〝 นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า? หรือว่า บาดเจ็บงั้นเหรอ? 〞คุณลุงที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายวิ่งเข้ามาดูอาการของกรหลังจากที่พวกกรจับโจรได้〝 ไม่เกี่ยวกับพวกโจรหรอก
กริ๊ง!〝 ยินดีต้อนรับ! 〞 เมื่อเรเชลเปิดประตูร้านเข้ามาจนเสียงกระดิ่งลมดัง เจ้าของร้านก็ส่งเสียงทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรในทันที การเดินทางมายังร้านนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากอยู่ในตรอกลึก นั่นจึงทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีลูกค้าหน้าใหม่... กลับกันแล้วจึงทำให้มีแต่ลูกค้าประจำ แต่กระนั้นก็ไว้ใจได้พอสมควรเนื่องจากส่วนใหญ่ลูกค้าประจำที่ว่ามักสนิทกับเจ้าของร้านอยู่ก่อนแล้วจึงจะหาร้านเจอ ที่นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์กรายๆในเมืองที่แสนน่ากลัวแห่งนี้ก็ว่าได้...หืม... หน้าร้านเนี่ยสภาพไม่ต่างจากในเมืองเลยแท้ๆนะ แต่ภายในกลับดูดีแล้วก็ยังสะอาดกว่าที่คิดซะอีก...ถึงจำนวนโต๊ะจะน้อยไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็คงเพราะไม่จำเป็นต้องรองรับลูกค้าจำนวนมากสินะ...ในสุดมีลักษณะเคาน์เตอร์บาร์นั่งดื่มและเป็นที่กินอาหารในตัว...ก็ถือว่าใช้ได้นะเนี่ย ถ้าเทียบกับสภาพเมืองที่โคตรจะทรุดโทรมข้างนอกนั่นหน่ะ...〝 สวัสดีค่ะเถ้าแก่ ไม่เจอกันนานนะคะ! 〞เรเชลเดินนำเข้ามาในร้านและทักทายเถ้าแก่ร้านด้วยความสนิทสนม〝 โอ้ว! เสียงนั่นมัน เรเชลงั้นเหรอจ๊ะ! 〞หญิงสาววัยทองซึ่งมีหูสุนัขสีดำ ทักทายเรเชลกลับมาด้วยความน้ำเสีย
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไปได้เกือบ 4 ชั่วโมง ตอนนี้พวกกรได้เริ่มกิจกรรมสานสัมพันธ์ครั้งใหม่ รวมถึงแนะนำซาช่ากับเรเชลให้รู้จักกันและกันแล้วด้วย... ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเห็นว่าบรรยากาศมันอึมครึมเกินไปก็เถอะ กรจึงจัดการใช้สกิล『หัตถ์สรรค์สร้าง(ต้นฉบับ)』สร้างไพ่ขึ้นมาสำรับนึง เพื่อที่จะเล่น『อีแก่กินน้ำ』ด้วยกันทั้ง 6 คน เพื่อให้บรรยากาศครึกครื้นกลับคืนมาอีกครั้ง〝 ฮืม............ 〞〝 เอ้า! เรเชล ตาเธอแล้วนะ เลือกไพ่สิ! 〞 กรเร่งเร้าเรเชลให้เลือกไพ่ 1 ใน 2 ใบจากในมือของเขาไป เรเชลที่ตอนนี้ในมือมีไพ่ 3 ใบกำลังใช้ความคิดอย่างมากกับการบลัฟของกร... นั่นเพราะ 1 ในไพ่ของกรมี『อีแก่』อยู่นั่นเอง...〝 เอ้าๆ! ไหงเลือกช้างั้นเล่า 〞〝 คะ คุณกรนี่หล่ะก็! โถ่ ก็ได้ค่ะ งั้นเอาใบนี้!!! 〞ฟุบ! เรเชลเลือกใบซ้ายมือของกรเพราะถูกกรเร่ง แล้วก็ต้องหางตกในทันทีเพราะที่เธอได้ไปจากกรก็คือ『อีแก่』นั่นเอง แล้วก็เป็นเพราะเธอหางตกนั่นแหล่ะ ทุกคนถึงได้รู้กันหมดว่าในมือของเรเชลมีอีแก่อยู่...〝 เอาหล่ะ! ขอให้ได้คู่ทีเถอะนะ! 〞〝 อึก! 〞ต่อจากนั้นกรก็หยิบไพ่ของซาช่า
หลังจากการนอนหลับพักผ่อนของพวกกร ในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้นพวกกรต้องเริ่มออกเดินทางในทันที เนื่องจากการที่จะไปยังเมืองนั้นมีรถม้าเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น... อนึ่ง แม้ที่จริงกรจะสามารถสร้างยานพาหนะได้เอง แต่ที่กรต้องมานั่งรถม้าแบบนี้ นั่นเป็นเพราะเจ้าชายออริออนได้ทำการเหมารถม้าที่ว่าไว้แล้วเพื่อพวกกร แถมยังตกแต่งซะหรูหรา ครั้นจะปฏิเสธก็คงเป็นการเสียมารยาทเกินไป กรจึงต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะแบบนั้นแหล่ะนะ บนรถถึงได้มีแค่ 7 คน....หืม? ยังดูเยอะเกินไปอยู่งั้นเหรอ? หรือคิดว่าฉันนับผิดกันหล่ะ?งั้นมาไล่นับกันใหม่.... หนึ่งตัวฉัน สองมีอา สามเมอร์ลิน สี่ชาลอต ห้าซาช่า หกคุณลุงคนคุมบังเหียน...อา... หกคน... นี่แหล่ะคือจำนวนที่ควรจะเป็นถ้างั้นอีกคนนึงคือใครหน่ะเหรอ?ก็คือผู้หญิงที่กำลังจ้องจี่มาทางฉันอยู่นี่แหล่ะ... กรคิดแบบนั้นพลางถอนหายใจให้กับสายตาของผู้หญิงที่จ้องตาเขม็งมาที่กร ซึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่ในรถม้าที่กำลังวิ่งจี่—————— ที่กำลังจ้องกรอยู่ด้วยสายตาโหยหาบางสิ่งราวกับไม่ได้พบกันมานานก็คือ หญิงสาวเผ่าสุนัขที่มีผมและหางสีขาวโทนสีน้ำเงิน
ไร้เหตุผลชะมัด ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว...... อุษณกร เด็กหนุ่มไทยอายุ 17 ปี ที่ปกติแล้วช่วงวัยและเวลานี้น่าจะต้องนั่งเรียนหนังสืออยู่ใน ห้องเรียนกับเหล่าเพื่อนร่วมชั้น ในประเทศ....ไม่สิโลกที่สงบสุข ตอนนี้กลับกำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ตายเต็มทีจากการปะทะกับกลุ่มมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนของต่างโลก กำลังนั่งเอาหลังพึงกำแพง แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่แหบแห้งและแผ่วเบาอย่างที่สุดอยู่เพียงลำพังตึก ตัก............ตึก ตัก.......................ตึก............ตัก.............................ตึก...................ตัก ชีพจรของเด็กหนุ่มกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ แต่สัมผัสทางกายที่น่าจะหายไปจากการเสียเลือดของเด็กหนุ่มยังไม่ได้จางลงแม้แต่น้อย ความร้อนจากของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาทั่วร่างไม่หยุดก็ยังคงชัดเจน ความเจ็บปวดที่ปากแผลจากการสูญเสียแขนซ้ายไปเองก็ยังชัดเจน สัมผัสความเย็นจากโลหะของมีดสั้นที่เสียบอยู่ที่หน้าอกค่อนไปทางซ้าย และใบมีดของดาบยาวสองคมมือเดียวอีก 2 เล่มที่ท้องน้อยทะลุผ่านลำตัวและทะลุต้นขาขวาไปก็ยังชัดเจนทรมาน......ให้ตายสิ ถ้าจะตายทั้งทีขอตายแบบไม่ทรมานไม่ได้รึไง.........
Komen