Home / แฟนตาซี / ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย / ตอนที่ 2 : สเตตัสสุดอนาถจิตย่อมมาพร้อมกับการถูกข่มเหง

Share

ตอนที่ 2 : สเตตัสสุดอนาถจิตย่อมมาพร้อมกับการถูกข่มเหง

last update Last Updated: 2025-04-08 16:17:20

หลังตื่นขึ้นมาตอนเช้า ฉันรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเลยหล่ะ สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยจัดละมั้ง เมื่อคืนเลยหลับซะลึกเลย  ให้ตายสิ! ทั้งเรื่องไอ้แก่พระเจ้า  การมาต่างโลก(แถมเป็นโลกแฟนตาซีอีกต่างหาก)  สภาวะสงครามของอาณาจักรที่ถูกวาร์ปมา ถูกขอร้องให้ช่วยโดยพระราชาของอาณาจักรที่ว่า แล้วสุดท้ายก็ต้องเข้าฝึกกับกองอัศวิน

ทุกอย่างเป็นเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อและกะทันหันเกินไป  ไม่คิดว่าชั่วชีวิตจะได้เจอด้วยซ้ำ ทุกอย่างถาโถมเข้ามาในวันเดียวจนฉันยังล้าเลยหล่ะ จิตใจหน่ะนะ  คิดว่าคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน

ก็อง!!!!     ก็อง!!!!     ก็อง!!!!     

          เสียงระฆังหนักๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะ 3 ครั้ง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากระฆังดังขึ้น  ทุกคนก็ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแสนหวานแล้วมาเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายอีกครั้ง อาจมีบางคนคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงเป็นแค่ฝันร้ายที่น่ากลัว แต่พอตื่นขึ้นมาพบว่ามันเป็นความจริงเช่นนี้คงใจเสียไม่น้อย

          กรเองก็มีความรู้สึกนั้นอยู่บ้างเช่นกัน  แต่เพราะนิสัยง่ายๆ เลยทำให้ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาจึงรีบลุกจากเตียงที่ทางอาณาจักรเตรียมไว้ให้ แม้เตียงในห้องทั้ง 4 หลังและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆจะทำมาจากไม้ แต่ก็มีความคงทนอยู่ ฟูกนอนเองก็นุ่ม  ทั้งยังนอนสบายดีอีกด้วย หมอนและผ้าห่มก็เป็นของชั้นดี ทำให้รู้ว่าพวกเขาเป็นคนสำคัญของอาณาจักรนี้แค่ไหน

〝โอ้!!! อรุณสวัสดิ์ โชติ ชาญ〞

〝อา อรุณสวัสดิ์〞

〝อรุณสวัสดิ์ กร〞

ฉันพยายามทักทายทั้ง 2 คนด้วยท่าทางร่าเริง ทั้งสองคนแม้จะตอบกลับฉันในทันที  แต่เสียงก็ดูเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน

〝รีบไปกินอาหารเช้ากันเถอะ....ฉันว่าวันนี้คงมีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นอีกแน่〞

〝ก็.....จริงล่ะนะ  งั้นเดี๋ยวผมขอเก็บที่นอนก่อน〞

〝ยังใจเย็นอยู่ได้เหมือนเดิมเลยนะกร................น่าอิจฉาชะมัด〞

โชตที่พูดถามฉันเชิงประชดประชันมาแบบนั้น  ทำให้ฉันรู้สึกเคืองนิดๆแฮะ

แต่เพราะรู้จักกันมานาน ฉันเลยรู้ว่าจริงๆแล้วหมอนี่แค่กลัวเท่านั้นเอง

〝 เห็นฉันใจเย็นอยู่งั้นเหรอ? งั้นนายคงเข้าใจผิดแล้วหล่ะ? 〞

〝........〞พอกรพูดแบบนั้นออกมา โชตก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

〝ทะ โทษทีนะ... ฉัน〞

〝ไม่เป็นไร! อย่าใส่ใจเลยโชต.....ฉันเข้าใจ〞

〝......ขอบใจมากกร〞

โชตที่ได้ยินฉันพูดแบบนั้นเงียบไปเลยแฮะ คงพอเรียกสติกลับมาได้บ้าง  เพราะยังตกใจไม่หายละมั้ง  โชตเลยพูดอะไรขวานผ่าซากแบบนั้นออกมา ....ทั้งที่ปกติก็ดูใจเย็นแท้ๆ  เอาเถอะ....เพราะฉันรู้แบบนั้นเลยไม่ถือสาหมอนั่นหรอก  แล้วหมอนั่นคงรู้ว่าฉันไม่ได้ใส่ใจจริงๆ  ถึงได้ขอบคุณละมั้ง  สมกับที่เป็นเพื่อนกันมานานจริงๆ

         

          หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เปิดประตูไปยังทางเดินของหอพักเพื่อไปสมทบกับเพื่อนสนิทสาวอีก 2 คนที่โรงอาหาร

〝ทั้งสองคน... เป็นยังไงบ้าง?〞

〝กร ชะ... ฉัน......รู้สึกยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย〞

〝ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วหล่ะนะ ....ฮะฮะฮะ〞

รินดูท่าทางเหนื่อยอ่อนอย่างที่พูดจริงๆนั่นหล่ะ และที่ขอบใต้ตาทั้งสองข้างยังมีรอยแดงด้วย ช่วยไม่ได้นี่นะ....

ส่วนอลิซที่ถึงจะบอกว่าดีขึ้นแล้ว แต่ที่หัวเราะแห้งๆแล้วเอามือประสานไว้ที่หลังหัวเพื่อกลบเกลื่อนนั่นก็หลอกฉันไม่ได้หรอก...  เพราะว่าวันนี้เธอตื่นเช้าแบบสุดๆเลยยังไงหล่ะ...

〝ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย อลิซ〞

〝อึก! หลอกนายไม่ได้เลยสินะเนี่ย...น่าเจ็บใจชะมัด〞

พอฉันพูดไปแบบนั้น อลิซก็ตอบกลับฉันมาด้วยเสียงที่ดูเหนื่อยอ่อน แต่ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนิดหน่อยด้วย......ดีแล้วหล่ะ

          หลังจากนั้นทุกคนก็มานั่งทานข้าวในโรงอาหาร อาหารที่ถูกเตรียมไว้ล้วนเป็นของมีคุณภาพ ชุดอาหารนั้นประกอบไปด้วย ไข่ดาวที่มีไข่แดง 2 อัน เห็นชัดเลยว่าไม่ใช่ของที่มีอยู่บนโลกที่กรรู้จัก แต่ก็ยังมีสเต็กกับผักเคียงที่ดูคุ้นตาอยู่  ทั้ง 5 คนนั่งทานอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน แต่กลับไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว

【ไอ้หมอนั่น... นั่งกับรินอีกแล้ว】

【ทำไมโชตไปนั่งกับไอ้หมอนั่นได้นะ...】

【น่าขยะแขยงจริงๆ.......】

อีกแล้วงั้นเหรอ? ขนาดมาต่างโลกแล้วยังทำตัวแบบนี้กันอีก...

แต่คิดในแง่บวก พวกนี้อาจจะแค่อยากระบายอารมณ์เก็บกดก็ได้หล่ะมั้ง...  หวังว่าพวกรินจะไม่โดนเขม่นไปด้วยหรอกนะ

          มีเสียงกระซิบมาจากรอบข้างมากมาย เสียงนั้นดังพอที่จะทำให้ทั้งโต๊ะของกรได้ยินเลยทีเดียว โชตที่ได้ยินแบบนั้นก็ออกอาการหงุดหงิดในทันที

〝เจ้าพวกนี้นี่มัน...ทั้งที่อยู่ในที่แปลกๆ แท้ๆยังทำตัวแบบนี้อีก!〞

〝ช่างเถอะน่า... ฉันไม่สนใจหรอก〞กรตอบกลับแบบไม่ใส่ใจเหมือนเคย

〝นายนี่มัน...〞

อย่ามองแบบนั้นสิเพื่อน... ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าเป็นห่วงหน่ะโชต

แต่ว่า... การไปพูดหรือทำอะไรขัดกับกระแสสังคม สิ่งที่ตามมามันใหญ่หลวงนัก... ผลกระทบมีแต่จะแย่ลงด้วยซ้ำ... เหมือนกับการว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยวนั่นแหล่ะ

เพราะงั้นไม่ต้องทำอะไรหรอกน่า ปล่อยไปเถอะ...

〝หึหึ!  ฉันเพิ่งได้ยินประโยคปลอบใจออกจากปากคนที่กำลังหดหู่อยู่เหรอเนี่ย แต่ก็ขอบใจมากวะ ไอ้โชตเอ๋ย〞กรพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเหมือนทุกที

〝วะ ว่ายังไงนะไอ้หมอนี่! อย่างงี้มันต้องโดน!!!〞ทางโชตนั้นแม้จะยังหงุดหงิดกับสภาวะรอบตัวแทนกรเอง แต่ก็ยังหันมาล้อเล่นกับกรเหมือนกัน

〝เฮ้ย! ไส้กรอกของช้านนน!〞

〝ดะ เดี๋ยวสิ!  งั้นฉันเอาด้วยคนน้า!!!〞

〝เฮ้ย!!! ยัยต๊องนี่ อย่าเอาสเต็กฉันไปทั้งชิ้นซิฟะ!!!〞

          แม้คำพูดของกรจะฟังดูเหมือนประชดประชัน  แต่เพราะมีน้ำเสียงขี้เล่นเลยทำให้โชตไม่คิดอะไรมาก  หนำซ้ำเพื่อเป็นการปรับบรรยากาศโชตยังแกล้งกรกลับเป็นเชิงบอกว่ารู้ใจกัน อลิสเองก็ร่วมผสมโรงกับทั้งสองคนด้วยเช่นกัน รินและชาญเองก็มองดูทั้งสามคนหยอกล้อกันด้วยความอบอุ่น จนกระทั่งมื้ออาหารอันแสนวุ่นวายได้จบลง

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จพวกเราทุกคนก็ต้องไปเตรียมตัวฝึกในตอนเช้า เห็นว่าหัวหน้าอัศวินของอาณาจักรจะมาเป็นครูฝึกให้เองเลย  หลังจากที่พวกคุณทหารเรียกทุกคนไปเปลี่ยนชุด เป็นเสื้อซับในและให้เราสวมชุดเกราะเบาที่ประกอบด้วยโลหะในส่วนลำตัวท่อนบนคลุมไปจนถึงไหล่ พร้อมกับมีเกราะท่อนล่างซึ่งครอบคลุมจากส่วนเอวไปถึงหัวเข่าเช่นกัน แล้วก็ยังให้ดาบไม้มือเดียวสองคมที่มีความยาว 1 เมตรกว่าๆ มาสวมได้ตามใจชอบพร้อมกัน แล้วก็เรียกพวกเราทุกคนที่เตรียมพร้อมเสร็จแล้วไปยังลานฝึกฝนที่เตรียมไว้สำหรับพวกเรา

❖❖❖❖❖

          หลังจากที่ทุกคนมาถึงลานฝึกฝน ไม่สิ... แทนที่จะเรียกว่าลานฝึก มันเหมือนกับที่จัดงานเลี้ยงเสียมากกว่า แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็มีขนาดกว้างขวางมากพอที่จะบรรจุนักเรียนทุกคนและเหล่าอัศวินผู้ช่วยที่รวมแล้วมีจำนวนเกือบ 600  คนได้สบายๆเลยทีเดียว ลานกว้างนั้นปูด้วยพื้นหญ้าสีเขียวทั้งหมด รอบๆรั้วก็ประดับด้วยดอกไม้สวยงามหลากสีสันนานาชนิด บริเวณรอบนอกก็มีรูปปั้นของคนที่ใส่ชุดเกราะมากมายคาดว่าจะเป็นเหล่าทหารกล้าในอดีตตั้งอยู่ ห่างออกไปเล็กน้อยก็มีน้ำพุ กับสวนดอกไม้แล้วก็สวนที่ไว้ใช้ผ่อนคลายอีกด้วย ความงดงามของลานกว้างนี้ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นในครั้งแรกคิดว่ามันเป็นสรวงสวรรค์ได้เลยทีเดียว

〝ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ!!!  ตัวข้าชื่อ 『ฮันซี่』เป็นหัวหน้าอัศวินแห่งอาณาจักรอาลัน จะมารับผิดชอบเป็นครูฝึกให้แก่พวกเจ้านับแต่นี้เป็นต้นไป  ขอฝากตัวด้วย!!!〞

ตาลุงวัยกลางคนที่กำลังแนะนำตัวอยู่ตรงหน้าทุกคนอยู่นี่ เป็นหัวหน้าอัศวินของอาณาจักรนี้  ผมและเครายาวมีสีน้ำตาลอ่อน ไว้ผมทรงเปิดหน้าผาก ใส่ชุดเกราะแบบที่เห็นบ่อยๆ ในเกม RPG  และในนั้นมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่งอัดแน่นอยู่ในนั้นจนแทบจะล้นออกมา  เห็นได้ชัดเลยว่าผ่านการสู้รบมาอย่างโชกโชน แต่ร่างกายที่กำยำนั่น บนใบหน้ากลับมีความอ่อนโยนอยู่อย่างท่วมท้น ดูแล้วก็เป็นตาลุงใจดีคนนึงนี่เอง

〝ฟังให้ดีล่ะ!!!  ความแข็งแกร่งบนโลกนี้หน่ะ  ถูกตัดสินจากค่าสเตตัสหรือก็คือค่าความแข็งแกร่ง จะแสดงออกมาเป็นตัวเลข  วิธีการเรียกหน้าต่างสเตตัสก็ไม่ยากเลย พวกเจ้าทุกคนได้รับสกิลนี้มาตอนข้ามมายังโลกนี้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แค่พูดคำว่า【จงออกมา!  สเตตัสวินโดว์!!!】แล้วมันก็จะปรากฏตรงหน้าของพวกเจ้าทุกคนเอง  พอมันขึ้นมาแล้วก็เอามาให้ข้าตรวจสอบดูด้วยหล่ะ!!!〞

หลังจากนั้นทุกคนก็ลองทำตามที่คุณฮันซี่พูด แล้วก็เกิดหน้าต่างขึ้นมากันทุกคน  ทั้งที่อยู่ในที่แปลกๆแท้ๆ  แต่ทุกคนยังดูสนุกสนานอยู่ได้อีก หรือจะทำแบบนั้นเพื่อให้ลืมความขมขื่นก็ไม่รู้ 

นี่หล่ะน้ามนุษย์〜 พวกรินเองก็มีหน้าต่างขึ้นมาเหมือนกัน  ดีหล่ะฉันเองก็ขอลองบ้าง!

【จงออกมา!  สเตตัสวินโดว์!!!】

กริ๊ง!!!

          พอกรพูดจบ ก็เกิดเสียงคล้ายกระดิ่งฟังดูลื่นหูดังขึ้นมา เป็นเสียงที่บ่งบอกว่ามีหน้าต่างขึ้นมา พร้อมกับมีหน้าต่างโปร่งใส ขนาดใหญ่กว่ากระดาษ A4 เล็กน้อย ขึ้นมา 3 อัน ปรากฏขึ้นในระดับสายตาพอดี

ก่อนอื่นก็ดูหน้าต่างอันตรงกลางที่เขียนว่า『ข้อมูลสเตตัส』นี่ก่อนละกัน... ไหนๆ

     ข้อมูลสเตตัส

อุษณกร  วัชรวิรุฬห์ 』เพศ  ชาย   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ                 ว่าง                    เลเวล     1

ฉายา     〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙

《พลังโจมตี》                  50                           《พลังป้องกัน》                       40

《พลังเวทย์》                   20                           《ความต้านทานเวทย์》               40

《ความว่องไว》               30                           《พละกำลัง》                       50

〝................〞

อะไรฟ่ะเนี่ย!!!? ช่องอาชีพว่างอยู่งั้นเหรอ หมายความว่าไงฟะเนี่ย?

แล้วไอ้ตรงฉายาก็ด้วย〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙งั้นเหรอ? มาเจ๋อรู้เรื่องของฉันได้ไง?

เป็นแม่ฉันรึไงฟะ?  ถึงจะรู้ว่าตัวเองทำตัวไร้สาระก็เถอะ แต่มีคน ? มาพูดแทงใจดำงี้มันรับไม่ได้โว้ย!!!!

          ขณะที่กรกำลังบ่นถึงสเตตัสของตัวเองอยู่นั้น ฮันซี่ที่กำลังตรวจสอบหน้าต่างสเตตัสของนักเรียนหญิงคนนึงอยู่ ก็พูดชมเธอคนนั้นขึ้นมา

〝โอ้ว! สเตตัสเยี่ยมไปเลยนี่นาคุณหนู  ปกติแล้วเผ่ามนุษย์เลเวล 1 ของเรา จะมีสเตตัสทั้ง 6 เฉลี่ยอยู่ที่ 10 เองนะ  สกิลเองก็มีแต่อันที่สุดยอดทั้งนั้นเลยด้วย....... 〞

〝ขะ ขอบคุณค่ะ 〞

อะไรก๊าน...  ปกติ สเตตัสเฉลี่ยอยู่ที่ 10 เองงั้นเหรอ?

ส่วนของฉันนี่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่เกือบ 40 .....มากกว่าปกติตั้ง 4 เท่าเลยแหน่ะ  ก็ไม่ได้กระจอกไปหมดนี่นา  ที่ไอ้แก่พระเจ้านั่นบอกว่าจะปรับพลังให้สูงกว่าปกติพอมาที่โลกนี้แล้วเนี่ยดูท่าจะจริงแฮะ

          แต่กรที่คิดแบบนั้นโดยไม่สนใจฟังการสนทนาของฮันซี่ให้ดี แล้วสนใจที่หน้าต่างสเตตัสของตัวเองเพียงอย่างเดียวก็ต้องมารู้สึกเสียใจภายหลัง

จะว่าไปเมื้อกี้นี้ คุณฮันซี่บอกว่า『สกิล』สินะ   อ๋อ......ไอ้หน้าต่างด้านซ้ายนี่เอง.....

          พอรู้แบบนั้นกรเลยตรวจสอบหน้าต่างสเตตัสที่อยู่ด้านซ้ายดูบ้าง

     สกิล

สกิลโจมตี

สกิลป้องกัน

เวทย์มนต์

สกิลเสริมพลัง

สกิลติดตัว』 เรียกหน้าต่างสเตตัส,  เข้าใจภาษาขั้นต่ำ   

สกิลสายผลิต

สกิลพิเศษ』ตรวจสอบขั้นต่ำ, ตั้งปาร์ตี้ขั้นต่ำ

ก็… ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่แฮะ  แต่สกิลไหนเป็นยังไงเนี่ยไม่มีอธิบายเลยเหรอ

          กรที่คิดแบบนั้นพลางเอานิ้วไปจิ้มเล่นที่หน้าต่างสกิล ตรงที่เขียนว่า『เข้าใจภาษาขั้นต่ำ』หลังจากนั้นก็เกิดเสียงแบบเดียวกับที่หน้าต่างสเตตัสถูกเปิดขึ้นมาตอนแรก

กริ๊ง!!!

          แล้วสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ หน้าต่างเล็กๆ ซ้อนขึ้นมาจากบริเวณที่กรกำลังกดเล่นนั้น มีขนาดความกว้างและสูงเท่าเนื้อหาที่เขียนอยู่

เข้าใจภาษาขั้นต่ำ

《 คำอธิบาย : สามารถเข้าใจภาษากลางและภาษาพื้นบ้านบางแห่ง ของมนุษย์ในโลกได้ 》

อ่อ… ระบบมันเป็นแบบนี้นี่เอง สกิลนี่ก็เป็นสิ่งที่ไอ้พระเจ้าเตรียมไว้ให้รึเปล่าก็ไม่รู้สินะ

แต่คงเป็นไอ้สกิลนี้นี่แหล่ะที่ทำให้คุยกับคนต่างโลกรู้เรื่อง... แค่เรื่องนี้แหล่ะนะที่ไอ้แก่พระเจ้ามันยังรอบคอบอยู่ ไม่งั้นปวดหัวตายแน่...

ยังไงก็แล้วแต่ลองดูสกิลที่เหลือก่อนดีกว่า

เรียกหน้าต่างสเตตัส

《 คำอธิบาย : สามารถเรียกหน้าต่างสเตตัสพื้นฐานได้ 》

ตรวจสอบขั้นต่ำ

《 คำอธิบาย : สามารถใช้ตรวจสอบรายละเอียดไอเทมและมอนสเตอร์ที่มีความหายากต่ำกว่าระดับ C ได้แทบทั้งหมด  *ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่สามารถตรวจสอบไอเทมที่ยังไม่รู้จักได้》

ตั้งปาร์ตี้ขั้นต่ำ

《 คำอธิบาย : สามารถใช้จัดตั้งปาร์ตี้ได้  *สมาชิกในปาร์ตี้นั้นมีได้สูงสุด 3 คน 》

อะไรฟะเนี่ย? สกิลเรียกหน้าต่างสเตตัสก็ว่าไปอย่าง  แต่ไอ้สกิลตรวจสอบขั้นต่ำเนี่ยมันไร้ประโยชน์ชะมัดเลยเฟ้ย  อย่างงี้ถ้าไปเจอของที่ไม่รู้จักจะไม่ซวยรึไงฟะ จะมีตรวจสอบไปทำเพื่อ!!! 

ส่วนตั้งปาร์ตี้ขั้นต่ำเนี่ยก็ต่ำจริงจริ๊ง  สมาชิกปาร์ตี้มีได้แค่ 3 คนเอง ขนาดในเกมยังตั้งได้ตั้ง 5 คนเชียวนะ... เออ ก็นั่นมันเกมนี่เนอะ

แต่จะว่าไปทำไมสุดยอดการประมวลผลของฉัน ถึงไม่ถูกจัดเข้าไปด้วยละเนี่ย...  หรือเพราะเป็นความสามารถจากโลกเดิมรึเปล่าเลยไม่ได้นับรวม...  ให้ตายสิ ไม่เข้าใจเลย...

เหอะ! คิดมากไปก็เท่านั้นแหละ  แต่ตอนเริ่มแรก สกิลก็คงประมาณนี้กันหมดแหละมั้ง คนอื่นๆคงไม่ต่างกัน...  เอาหล่ะๆดูหน้าต่างที่เหลืออีกอันดีกว่า

          กรที่คิดแบบนั้นก็ต้องเสียใจในภายหลังมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม.......

     อุปกรณ์

บริเวณศีรษะ

แขน』 ดาบไม้มือเดียว

ลำตัวท่อนบน』ชุดเซ็ทเกราะเบา

ลำตัวท่อนล่าง

ขา』                           

หืม... ส่วนอุปกรณ์งั้นเหรอ ก็ปกติหล่ะนะ ไม่มีอะไรแปลกๆที่น่ากวนประสาท...  ไม่สิ... ฉันไม่อยากยุ่งกับมันมากกว่านี้แล้วมากกว่า

งั้นเท่านี้... ก็ตรวจสอบหน้าต่างสเตตัสทั้งหมดแล้วสินะ

〝เป็นยังไงบ้างเหรอ กร? 〞รินเดินเข้ามาถามกรด้วยความเป็นห่วงเหมือนอย่างเคย

〝โอ๊ะ! ริน  ก็... พอใช้ได้อยู่นา〜 ว่าไง? สนใจจะลองแลกกันดูไหมหล่ะ เอ้านี่ของฉัน 〞

〝อะ อืม 〞

รินรับสเตตัสของฉันไปดูแล้ว   หุๆ ต้องตกใจกับสุดยอดสเตตัสที่มากกว่าคนปกติถึง 4 เท่าของฉันแหงมๆ

〝 เอ๋!!!!!! 〞

นั่นปะไร... พูดยังไม่ทันขาดคำเลย———

〝ทะ ทำไม... มันน้อยขนาดนี้เนี่ย? เกิดอะไรขึ้นกัน!!!〞

〝 ห๋า!!!!!! 〞

          กรที่เป็นฝ่ายตกใจกับคำพูดของรินซะเองตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังกว่ารินซะอีก แล้วกรก็ต้องรับความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายหลังจากนั้น———

〝หนะ ไหนเอาของเธอมาให้ฉันดูหน่อย!!!!〞

〝ขะ ขะ ขะ เข้าใจแล้วจ๊ะ! จะ ใจเย็นๆก่อนเถอะ!!!〞

          กรพูดแบบนั้นในขณะที่ เข้าไปจับไหล่ทั้งสองข้างของรินแล้วโยกไปโยกมา ทำให้รินเกิดอาการตาลายจนเห็นดาวหมุนวนอยู่บนศีรษะ รินก็เลยรีบเอาหน้าต่างของตัวเองให้ดู แล้วผลก็.......

ข้อมูลสเตตัส

ไอริน  ศิลปการสกุล 』เพศ  หญิง   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ                 จอมเวทย์                        เลเวล     1

ฉายา     〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘จอมเวทย์ต้นกำเนิด〙

《พลังโจมตี》                  250                       《พลังป้องกัน》                       230

《พลังเวทย์》                   300                       《ความต้านทานเวทย์》               270

《ความว่องไว》               230                       《พละกำลัง》                       180

ห๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!

นี่มันอะไรกันเนี่ย!?  ฉายาแต่ละอันฟังดูสุดยอดทั้งนั้นเลย มันจะเกินไปแล้วนะเฟ้ย!  ไม่เห็นมีอันที่ทำร้ายจิตใจแบบฉันเลย.... 

แล้วอีกอย่างทำไมสเตตัสมันโกงขนาดนี้ฟะ เฉลี่ยแล้ว 240 กว่าๆ เลยนะ  มากกว่าคนทั่วไปของโลกนี้ตั้ง 24 เท่า แถมมากกว่าฉันตั้ง 6 เท่า!  โกงสลัดเลย

          พอกรเห็นหน้าต่างสเตตัสของรินแล้วก็ถึงกับนั่งคุกเข่าในท่า ORZ อย่างหดหู่เลยทีเดียว แล้วหลังจากนั้นโชต ชาญและอลิสก็เข้ามาหาทั้งสองคน

〝ทะ ทุกคน〞

〝อ๊ะ เป็นไงบ้าง ริน กร .....สเตตัสของพวกเราพอๆกันหมดทุกคนเลยหล่ะ  เท่าที่ลองถามดูสกิลเองก็เหมือนกันหมดเลย ยกเว้นพวกสกิลโจมตีกับเวทย์มนต์หน่ะนะ〞

          โชตที่ตอบกลับคำพูดที่ปนอาการตกใจของรินด้วยท่าทางสบายๆแบบนั้น ทำให้กรสะดุ้งขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วทำให้กรนึกถึงเรื่องที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

จะ จริงสิ  สกิล... ยังมีสกิลอยู่นี่นา!!!

          หลังจากที่กรคิดแบบนั้นก็เลยรีบขอหน้าต่างสกิลของรินดู แล้วก็ต้องตกใจมากยิ่งกว่าเดิม

     สกิล

สกิลโจมตี

สกิลป้องกัน』ภูผาแกร่ง, ป้องกันขั้นสุดยอด

เวทย์มนต์』เวทมนต์น้ำระดับกลาง, เวทมนต์ลมระดับกลาง, เวทมนต์ไฟระดับกลาง, เวทมนต์ดินระดับกลาง, เวทมนต์รักษาระดับกลาง

สกิลเสริมพลัง』เพิ่มพลังเวทย์, ย่างก้าวแห่งสายลม

สกิลติดตัว』 เรียกหน้าต่างสเตตัส,  เข้าใจภาษาขั้นกลาง, เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์, เร่งการฟื้นฟูบาดแผล, เร่งอัตราการเจริญเติบโต

สกิลสายผลิต

สกิลพิเศษ』ตรวจสอบขั้นกลาง, ตั้งปาร์ตี้ขั้นกลาง

อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!

อะไรกันฟะไอ้สกิลที่เหมือนกับใช้โปรพวกนี้ นี่พวกแกกดสูตรข้ามโลกมารึไงกันฟะ! มีแต่อันสุดยอดทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรออออ!!!!  

สกิลที่เหมือนกับฉันทุกอย่างก็เป็นขั้นกลางหมดเลยด้วย  มันจะสองมาตรฐานเกินไปแล้วโว้ยไอ้แก่พระเจ้านั่น!

หลังจากนั้นพวกเราก็แลกสเตตัสกันดู  ส่วนสเตตัสของเจ้าพวกนี้เป็นยังไงหน่ะเหรอ…

     ข้อมูลสเตตัส

ทินโชติ  อัชณโสภณ』เพศ  ชาย   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ                 ผู้ใช้หอก             เลเวล     1

ฉายา     〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘ผู้ทะลวงพิภพ〙

《พลังโจมตี》                  350                       《พลังป้องกัน》                       280

《พลังเวทย์》                   240                       《ความต้านทานเวทย์》               270

《ความว่องไว》               340                       《พละกำลัง》                       300

     ข้อมูลสเตตัส

อลิชา  ศิริกาลกุล』เพศ  หญิง   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ                 นักดาบ              เลเวล     1

ฉายา     〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘จอมดาบราชันย์〙

《พลังโจมตี》                  350                       《พลังป้องกัน》                       330

《พลังเวทย์》                   260                       《ความต้านทานเวทย์》               250

《ความว่องไว》               300                       《พละกำลัง》                       280

     ข้อมูลสเตตัส

วิเชียรชาญ  รัตนไพศาล』เพศ  ชาย   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ                 ผู้ใช้ตำรา             เลเวล     1

ฉายา     〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘ปํญญาแห่งพระเจ้า〙

《พลังโจมตี》                  270                       《พลังป้องกัน》                       240

《พลังเวทย์》                   330                       《ความต้านทานเวทย์》               220

《ความว่องไว》               200                       《พละกำลัง》                       200

เกินไปแล้วววว!!!!  ฉายาของเจ้าพวกนี้มันอะไรกันฟะ  แต่ละอันอ่านแล้วก็รู้ว่าสุดยอด แถมมี〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙กันทุกคนอีก... 

ส่วนฉัน นอกจากจะไม่มีแล้ว ยังมีแต่ไอ้〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙นั่นอีก แบบนี้มันเกินไปแล้ว.....

ส่วนสกิลของเจ้าพวกนี้  นอกจากสกิลโจมตีกับเวทย์มนต์ก็เหมือนกันหมด  นี่มันอะไรกันฟะ!!! แล้วจากที่เจ้าพวกนี้เล่า  ทุกคนมีสเตตัสกับสกิลแบบนี้กันหมดเลย มีแค่ฉันคนเดียวเหรอฟะที่กระจอกแบบนี้อยู่คนเดียว   

เกินจะรับไหวแล้วเฟ้ย  ...อยากร้องไห้ชะมัดเลยอ่า!!!

          หลังจากนั้นกรที่ลงไปนั่งคุกเข่าในท่า ORZ เหมือนเดิมก็บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ในใจ

〝เฮ้ยๆ ทุกคน  ดูนี่สิ!!!! ไอ้โอตาคุบัดซบนี่ สเตตัสอย่างกากเลย ฮ่าฮ่าฮ่า〞

          คนที่กำลังป่าวประกาศให้นักเรียนทุกคนในลานกว้าง ไปสนใจกรที่กำลังนั่งคุกเข่าหดหู่อยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น『เสือ』นั่นเอง...

【ไหนๆ เฮ้ยกระจอกสุดๆเลยนี่หว่า!】

【อะไรฟะเนี่ย ตลกชะมัด สกิลเองก็โคตรกระจอกเลย】

【ฮ่าฮ่าฮ่า!!!  ฉายาเป็น〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙งั้นเหรอ?  เข้าใจคิดนี่หว่า! 】 

【ไอ้ขยะนี่ไม่รอดแหงๆ!!!!】

ไอ้คนพวกนี้ซ้ำเติมฉันกันใหญ่เชียวนะ  แต่ไอ้พวกนี้ก็เกลียดขี้หน้าฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่ แต่เอาเถอะ  จนป่านนี้แล้วฉันไม่คิดมากกับเรื่องนั้นแล้วหล่ะ

แล้วทำไมเจ้าพวกนี้ถึงได้รู้หน้าต่างสเตตัสของฉันได้กันเนี่ย?

แต่จะว่าไป... รู้สึกว่าทุกคนจะมี สกิลตรวจสอบอยู่ขั้นกลางกันสินะ คงเป็นไอ้สกิลตัวปัญหานั่นแหละ

          ขณะที่กรกำลังคิดแบบนั้นเสือก็เดินเข้ามาทางกรทั้งที่ ยังคุกเข่าอยู่กรจึงเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย โดยที่รอบๆก็ยังมีเพื่อนสนิททั้ง 4 อยู่

〝นี่ๆ  ที่นี่เป็นลานฝึกใช่ป่ะ  ...เพราะงั้นถึงจะลองใช้ดาบก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง〞

          เมื่อกรได้ยินคำพูดนั้นก็เสียวสันหลังวาบในทันที  ถึงเป็นดาบไม้  แต่ก็อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน ถ้าเป็นเสือคงไม่ออมมือให้แน่ กรที่รู้แบบนั้นจึงรีบทำให้ร่างกายกลับสู่สภาพเตรียมพร้อมทันที  หลังจากนั้นไอ้เสือก็กำลังจะเอามือไปคว้าด้ามดาบที่กลางหลัง  แต่กรที่สัมผัสและคาดเดาเรื่องนั้นได้ก่อนจากการใช้สุดยอดการประมวลผลก็รีบลุกขึ้นจนอยู่ในท่านั่งยอง แล้วก็รีบดีดตัวไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วพร้อมกับกำลังจะเตรียมชักดาบออกมาเช่นกัน

【เอาเลยๆ......อัดมันให้หมอบไปเลย!!!!】

【พยายามเข้าหล่ะไอ้กระจอกถึงจะเปล่าประโยชน์ก็เถอะ........ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ】

          ในขณะเดียวกับที่เสือพูดออกแบบนั้นออกไป  เสียงรอบๆตัวของกรก็ดังขึ้น  แต่ก็เหมือนเดิม ทั้งหมดเป็นเสียงสาปแช่งนินทาเขาทั้งสิ้น

〝พวกนาย! มันใช่เวลามาทำเรื่องแบบนี้เหรอ?〞

〝พะ พอเถอะนะ ทุกคน!〞

〝แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ พอทีเถอะทุกคน!〞

          โชต รินและอลิซเริ่มขอให้ทุกคนหยุดเรื่องที่กำลังจะกลายเป็นการวิวาทนี้ แต่โชคร้าย... นอกจากเพื่อนของกรทั้ง 4 คนและคนส่วนน้อยที่ไม่กล้าพูดขัด นักเรียนผู้กล้าส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจว่ากรจะเป็นตายร้ายดียังไงซักนิด กลับกันแล้วยังรุนแรงกว่าเดิมเพราะพวกรินออกตัวปกป้องกรอีก

          ชาญที่ใจเย็นกว่าทั้ง 3 คนรู้เรื่องนั้นดีที่สุดจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็เป็นอีกคนที่แสดงสีหน้าเจ็บปวดไม่แพ้อีก 3 คนในตอนที่กรถูกสายตารุนแรงจากรอบข้างโจมตี

ความริษยาของมนุษย์นี่มันน่ากลัวจริงๆแฮะ ให้ตายสิ...

ขอโทษด้วยนะทุกคน แต่แบบนั้นมันไม่ช่วยอะไรหรอก... ทั้งที่เคยเกิดเรื่องพรรค์นี้มาแล้วแท้ๆ...

แต่ฉันก็ดีใจนะที่พวกนายเป็นห่วง...

          ในขณะที่กรคิดแบบนั้น เสือก็เริ่มตั้งท่าโจมตีใส่กร เพราะกรมีสุดยอดการประมวลผลอยู่เลยทำให้มองเห็นและสังเกตได้ทัน แตกต่างจากทั้ง 4 คนที่ถูกบรรยากาศโดยรอบกลืนกินและพยายามจะเปลี่ยนความคิดทุกคนอยู่เหมือนเคย ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ผล หากจะได้ผลจริงๆมันคงได้ผลตั้งแต่อยู่ที่โลกเดิมไปแล้ว

          เพราะแบบนั้นเสือเลยมีพื้นที่เข้าปะทะกับกรได้อย่างง่ายดาย

ไอ้เสือมันเริ่มแล้วแฮะ!

แต่ว่าตัวฉันหน่ะมีสุดยอดการประมวลผลอยู่... แถมการเคลื่อนไหวของมันฉันคนนี้ก็เห็นจนชินตาแล้วด้วย

ถ้าเร่งสัมผัสให้ถึงที่สุดก็คงพอจะทำอะไรได้บ้างแน่ ไม่คิดจะอยู่ในสภาพน่าสมเพชเหมือนที่โลกเดิมไปตลอดหรอกนะ!

          กรคิดแบบนั้น แต่ว่า....  ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น.....

          ท่าเตรียมพร้อมที่กรคิดไว้ในหัวและกำลังจะเคลื่อนไหวร่างกายไปตามนั้น คือ การย่อเข่าลงนิดหน่อยเพื่อที่จะเปลี่ยนท่าได้ทุกเมื่อ ยื่นมือซ้ายเอามาไว้ข้างหน้าเพื่อใช้รวมกับแรงเหวี่ยงเมื่อชักดาบจากฝักแล้ว  ส่วนมือขวาก็กำลังกำด้ามดาบที่แขวนไว้ข้างหลังของตัวเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเริ่มขยับเพื่อเปลี่ยนเป็นท่าเตรียมพร้อมดังกล่าวเพื่อเริ่มการโต้กลับ แต่ว่า....

          ชั่วพริบตาเท่านั้น... กรยังขยับร่างกายได้ไม่ถึงครึ่งที่ตั้งใจไว้เลยด้วยซ้ำ แต่เสือก็มายืนอยู่ต่อหน้าของกรเสียแล้ว  โดยระยะห่างระหว่างทั้งสองคนอยู่ในระยะดาบของเสือพอดี แล้วใบดาบที่ทำมาจากไม้ของเสือก็จ่ออยู่ที่ลำคอด้านขวาของกรเสียแล้ว

เห็นหมดแล้ว.....  เห็นมันทั้งหมดนั่นแหละ  ชัดเจนเลยด้วย  การเคลื่อนไหวที่เหลือเชื่อนั่น.....

แต่ก็ขยับไม่ทันมันเลยซักนิดเดียว.....

          กรเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง พร้อมๆกับสายตาของทุกคนในลานประลองได้เปลี่ยนมามองภาพที่กรแพ้อย่างหมดท่านี้  

〝อ้าวๆ  ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ? ถ้ายั๊วนักละก็ ลองอัดฉันให้ได้ซักหมัดเซ่! 〞

          หลังจากถูกกรมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนเป็นดุดันแทน เสือก็ตอบกลับสายตานั้นด้วยคำพูดที่ตั้งใจยั่วโมโหกันอย่างชัดเจนเหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่นั่นก็ทำให้กรถอดใจไปด้วยเหมือนกัน เพราะกู้คืนไม่ได้ทั้งผลลัพธ์ในการต่อสู้และบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วนรอบตัว

เปล่าประโยชน์สิ้นดี… เพราะความต่างของสเตตัสสินะ… 

แบบนี้ถึงมีสุดยอดการประมวลผลก็ไม่ช่วยอะไรเลย......

เวรเอ้ย! แบบนี้มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยไม่ใช่รึไง... น่าสมเพชชะมัด!

【ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ....กระจอกชะมัดเลย!!!!】

【ยังไม่ทันได้ชักดาบเลยนี่หว่า!!!!】

【ไร้ประโยชน์ชะมัดเลย......สวะเอ๊ย!!!!】

〝 ห๊ะห่ะห๊ะห่ะห๊ะ!!!!!! 〞

.

〝 ห่ะห๊ะห่ะห๊ะห่ะห๊ะห่ะ!!!!!!!! 〞

.

.

.

〝 ห๊ะห่ะห๊ะห่ะห๊ะ!!!!!!!!!! 〞

          ในขณะเดียวกับที่กรกำลังบ่นพึมพำอยู่ในใจอย่างสิ้นหวัง เสียงหัวเราะเยาะของเพื่อนๆในโรงเรียนก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะตอกย้ำความคิดของเขา

〝โหดร้าย... 〞รินยกมือขึ้นป้องปากอย่างตกตะลึงและน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด เพราะทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้าที่กรถูกประจานเช่นนี้

〝บัดซบ... 〞

〝เกินไปแล้วนะ... เจ้าพวกนี้... 〞

          เป็นเวลาเดียวกับที่โชตและอลิซซึ่งน้ำตาคลอเช่นเดียวกับริน ทั้งสองคนพูดออกมาด้วยความโกรธสุดขีด และกำลังจะพุ่งพรวดเข้าไปตะโกนห้ามการประจานนี้

          แต่ก็ถูกชาญจับมือห้ามไว้ทั้งสองคน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะบอกว่า ปล่อยนะ! แล้วหันกลับไปมองชาญ อลิซและโชตกลับสัมผัสได้ถึงสายตาที่รุนแรงยิ่งกว่าของตน มาจากชาญที่โกรธพอๆกับพวกตนกำลังกำมือของพวกเขาแน่น... พร้อมกับบอกผ่านทางสายตาว่า พอเถอะ...

          อย่างที่ทราบว่าเหตุผลที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้ากร เป็นเพราะเขาล้อมหน้าหลังไปด้วยสาวงามเช่นรินและอลิซ ซึ่งจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คือ ความอิจฉาดีๆนี่เอง...

          ในช่วงแรกที่มีการกลั่นแกล้งพวกเธอเองก็พยายามเข้าไปช่วยแล้ว... แล้วผลลัพธ์หน่ะเหรอ?

          ในมุมมองของผู้ที่กำลังอิจฉาและโกรธเคืองกร การที่สาวเจ้าเข้ามาช่วยเหลือในยามที่กรตกต่ำเช่นนั้น มันคือการราดน้ำมันลงบนกองเพลิงเพื่อสุมไฟให้หนักขึ้นดีๆนี่เอง... การกลั่นแกล้งจึงได้หนักขึ้นๆ จนถึงในปัจจุบัน ด้วยเหตุฉะนั้นพวกรินจึงแทบจะไม่มีโอกาสเข้าไปช่วยเลยซักนิดแม้จะอยากช่วยมากแค่ไหนก็ตาม

          เช่นนั้น จึงทำให้พวกรินจำต้องฝืนทนความโกรธและไม่พอใจนี้จนถึงกับต้องกำหมัดไว้แน่น โดยที่ไม่สามารถทำอะไรกับบรรยากาศแบบนี้ได้เลย แม้จะรู้ว่ามันจะแย่ลงแต่ถ้าเห็นเพื่อนคนสำคัญตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ใครเล่าจะอดใจไม่เข้าไปช่วยไหว แม้ผลลัพธ์จะทำให้มันแย่ลงเหมือนตอนนี้ก็ตาม 

          และแม้การต่อสู้ ? ......จะจบลงแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังคงยืนอยู่ในท่านั้นอยู่เลย

แพ้แล้ว....   อย่างหมดรูปเลยด้วย....

ไม่ได้เปลี่ยนไปซักนิด...

เป็นไอ้ขี้แพ้ยังไงก็เป็นอย่างงั้น...

จะโลกนี้หรือโลกก่อน น่าสมเพชที่สุด...

ฉันมัน… อ่อนแอ———

〝 โฮรก!!!!!! 〞

【เกิดอะไรขึ้น....】

【เมื่อกี้นี้มันเสียงอะไรหน่ะ!!!!】

          นักเรียนทุกคนหันเหความสนใจไปยังเสียงที่เหมือนกับการขู่คำรามของพญาราชสีห์นั่น เสียงนั้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนสั่นไหวไปทั่วลานฝึกฝน เสียงนั้นดังมากพอที่จะดึงสติของกรที่กำลังตกลงสู่ความสิ้นหวังไร้ก้นบึ้งที่ถาโถมเข้ามาได้เลยทีเดียว หลังจากนั้นฮันซี่ที่เป็นต้นเหตุของเสียง ซึ่งน่าจะมาจากสกิลของเขา ก็เริ่มกล่าวว่าทุกคน

                          

〝พวกเจ้าทุกคน ไม่มียางอายกันเลยรึยังไงกัน!!!!  เหตุใดจึงได้ว่ากล่าวนินทา พวกพ้องที่ต้องร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบของตัวเองเช่นนั้น หา!!!!!!!!!〞

          เสียงของฮันซี่นั้นฟังดูน่าเกรงขามอย่างที่สุด  หากฟังจากน้ำเสียงจะรู้เลยว่าเขาเดือดดาลขนาดไหน

          คำพูดของฮันซี่ทำให้ทุกคนรู้สึกผิดจนเงียบไปได้เลย  กับคำพูดที่แสดงให้เห็นว่าตัวเองทำเรื่องต่ำช้าขนาดไหนไป ทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออกกันเลยทีเดียว

〝ให้ตายสิไม่ไหวเลย!!!! ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรมาก่อนหรอกหน่ะ  แต่ว่าตอนนี้พวกเจ้าถูกส่งมาอยู่ต่างโลกด้วยกันแบบนี้ ก็ต้องสามัคคีกันไว้สิ!!! 〞

เฮ้อ—————

          หลังจากพูดแบบนั้นฮันซี่ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างเงียบๆ

〝งั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน!!! ข้าให้พวกเจ้าไปพักตามสบาย  พวกเจ้าทุกคนไปสงบสติอารมณ์กันซะ!!!  แยกย้ายได้!!!!! 〞

          หลังสิ้นเสียงฮันซี่ก็เดินออกไปจากลานฝึกพร้อมกับเหล่าทหารในกอง  แต่ถึงแม้เขาจะออกไปแล้วแต่นักเรียนทุกคนก็ยังเงียบเสียงอยู่เหมือนเดิม หลังจากที่ฮันซี่เดินออกไป เสือที่ยืนอยู่หน้ากรก็เดาะลิ้น〝ชิ!!! 〞เสียงดัง แล้วก็เดินจากไปเหมือนทุกที  หลังจากนั้นเพื่อนสนิททั้ง 4 ของกรก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความรีบร้อน

〝กะ กร!!!!!!!〞

ชึบ———

          รินและอลิซที่ตะโกนเรียกกรตั้งแต่อยู่ไกลๆ รีบวิ่งเขามาจับมือของกรคนละข้างแล้วประคองมันขึ้นมาราวกับจะเรียกสติของกร  ส่วนโชตและชาญก็ตามมาพร้อมกันแต่เพราะรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้จึงได้แต่เงียบไว้

〝.........ทุกคน〞กรได้สติจากวังวนแห่งความคิดของตัวเองพูดขึ้นมาแล้วก็มองใบหน้าของเพื่อนๆ

〝อื้ม! ใช่แล้ว!〞 〝นี่พวกเราเองนะกร〞

          อลิซและรินตอบกลับกรไปแบบนั้นเหมือนกับจะบอกว่า〝ไม่เป็นไร ....ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว〞ก็ทำให้กรมีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็แน่นอนว่ายังไม่ได้หายหดหู่ดีนัก

〝ฉันเหนื่อยแล้วหล่ะ... พาฉันไปหาอะไรกินหน่อยสิ〞

          กรตอบทุกคนกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ที่ฉีกยิ้มจนเห็นฟันแทบทุกซี่เพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด  แต่พอกรทำแบบนั้นสีหน้าทุกคนก็ยิ่งดูหม่นหมองลงกว่าเดิม

          แล้วหลังจากนั้นทั้ง 4 คนก็พากรที่อ่อนล้าเต็มทนเช่นเดียวกับตัวเองออกไปจากลานฝึกฝน โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลยซักคำ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 3 : แม้แต่การจับคู่ประลองเล็กๆน้อยๆก็ทำให้ล้มคะมำได้เหมือนกัน

    〝ไว้เจอกันเน้อ! คุณโอตาคุ!!!〞〝อย่ามัวแต่เล่นจนมาซ้อมไม่ทันหล่ะคุณโอตาคุ ฮ่าฮ่าฮ่า!!!〞〝อะ อา ขอบใจ——〞 ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ที่ทุกคนถูกส่งมาต่างโลก หลังจากเหตุการณ์ที่กรถูกเสือประจาน บรรยากาศรอบตัวของกรก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดังเช่นเหตุการณ์ที่มีนักเรียนชายหญิงมาทักทายกร แล้วกรเองก็โบกมือลาแล้วตอบกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อซักครู่นี่มัน... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?คิดไปเองรึเปล่าว่าทุกคนทักเราเหมือนคนปกติ... แต่จะไม่ปกติก็ตรงที่เรียกว่า『คุณโอตาคุ』นั่นหล่ะ… อย่างน้อยๆก็เรียกฉันด้วยชื่อเล่นซักหน่อยเถอะ...แต่ถึงอย่างงั้น น้ำเสียงก็ไม่ได้มีการประชดประชันแฝงอยู่เลย.... รึว่าเพราะเหตุการณ์ครั้งก่อนทุกคนเลยรู้สึกสงสารงั้นเหรอ? แหม่ ไม่อยากจะคิดแบบนั้นเลยแฮะ น่าสงสารตัวเองจริงๆรึจะเป็นไอ้นั่น.... ไอ้『ปรากฏการณ์สะพานแขวน』ที่ว่า พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ใจเต้นกับเพศตรงข้ามแล้วเข้าใจผิดว่าตกหลุมรักนั่นหน่ะ แต่ในกรณีนี้คงไม่ใช่ตกหลุมรัก แต่เป็นรู้สึกผิดซะมากกว่าละมั้ง.....แต่ดูแล้วทุกคน(หรือบางคน)นี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา งั้นฉันจะไม่คิดมากก็แล้วกัน เนื่องด้วยเวลานี้เ

    Last Updated : 2025-04-08
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 4 : ฝันประหลาดมักเป็นลางบอกเหตุ

    เฮ้อ!!!!!!!!! เสียงที่กำลังถอนหายใจของกรนั้นดังมากพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบๆหันมามองได้เลย แต่เพราะอยู่คนเดียวจึงทำแบบนั้นได้อย่างเต็มที่ หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั่นขึ้น ก็เพิ่งผ่านมาชั่วโมงกว่าๆ กรที่กำลังคิดว่าจะขอโทษรินยังไงดีก็เลยมาหาสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ที่ม้านั่งในสวนของลานกว้างอยู่คนเดียวนั่นเองโอ๊ย!!!! ทำไมปัญหาของฉันมันเยอะแบบนี้ฟ้า!!!! อ๊ากกกก!!!! อยากหายไปชะมัดเลย....แล้วจะทำไงให้หายโกรธดีเนี่ย... รินคงไม่เกลียดขี้หน้าของฉันไปแล้วหรอกนะ…เฮ้อ!!!!!!!!! หลังจากที่คิดนู่นนี่ไปเรื่อย กรก็ถอนหายใจหนักๆแบบนั้นออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาทางม้านั่งที่กรนั่งอยู่〝เอ่อ กะ กร〞〝!!!!?〞ระ รินงั้นเหรอ มาหาฉันก่อนแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? รึจะมาต่อว่าอะไร....เอาเถอะก็สมควรแล้วหล่ะ แต่จะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายทำแบบนั้นก่อนไม่ได้ ก่อนอื่นเราต้องขอโทษอย่างใจจริงซะก่อน หลังจากนั้นค่อยรับฟังคำด่าทอก็ยังไม่สาย เอาหล่ะน่ะปฏิบัติการณ์ขอขมาสายฟ้าแลบเริ่มได้!!!!!!!〝คะ คือว่า เรื่องตอนประลองนั่นฉันขอโ——〞〝ขอประทานโทษด้วยคร้าบ!!! กระผมผิดไปแล้ว!!!

    Last Updated : 2025-04-08
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 5 : เข้าถ้ำเสือทั้งที่ไม่ได้ลูกเสือ

    ฮี้ๆๆๆ〜!!!คลึ๊กๆๆๆๆ!!! เสียงของม้าที่กำลังลากเกวียนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถบรรทุกคนสิบกว่าคนได้สบายๆดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอและเป็นจังหวะ เกวียนที่ม้าลากอยู่นี้มีลักษณะคล้ายกับที่ชาวนาใช้ขนฟาง แต่เนื่องจากมีหลังคาคลุมที่นั่งอย่างแน่นหนามันถึงได้ดูเหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล และหากสังเกตดูจะเห็นว่ามีเกวียนที่มีม้าลากแบบเดียวกันนี้เป็นจำนวนกว่า 30 เล่ม เคลื่อนที่ติดกันเป็นขบวนอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนม้าทุกตัวจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มันจึงสามารถเดินตามกันได้โดยที่ไม่ต้องมีคนคุมบังเหียนด้วยซ้ำ ส่วนด้านหน้าของขบวนก็มีทหารชายวัยกลางคนคนนึงสวมชุดเกราะหนาทั้งตัว มีบริเวณเนื้อหนังโผล่ออกมาให้เห็นบางส่วนเท่านั้นกำลังนั่งบนหลังม้าแล้วนำขบวนอยู่ คนๆนั้นก็คือ ฮันซี่นั่นเอง ส่วนรอบเกวียนของคณะเดินทางก็มีทหารคุ้มกันที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกัน แต่สวมหมวกเหล็กไว้ทุกคนต่างจากฮันซี่ที่เปิดใบหน้าให้เห็น กำลังเดินตรวจตราอยู่รอบๆเกวียนที่มีนักเรียนทุกคนนั่งอยู่ข้างใน ในขณะที่เดินทางไปพร้อมกัน ใช่แล้ว ตอนนี้นักเรียนทุกคนกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังแถบชานเมืองเพื่อฝึกฝนการต่อสู้กับมอนสเตอร์นั

    Last Updated : 2025-04-08
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 6 : การเอาชีวิตรอดไม่นับเป็นความเห็นแก่ตัว

    〝เป็นยังไงบ้างกร ?〞〝ครับ คุณฮาว... ตรงทางแยก 3 แพร่งข้างหน้า ถ้าไปทางซ้ายจะมีลิซาร์ดแมนอยู่ 3 ตัว ส่วนทางขวายังไม่มีมอนสเตอร์ขวางทางจนกว่าจะถึงแยกต่อไป〞〝เป็นงั้นเหรอ? ได้ยินแล้วนะทุกคน รีบเดินไปข้างหน้า แล้วเลี้ยวขวาตรงแยกนั่นนะ... แล้วก็ระวังอย่าเดินส่งเสียงดังหล่ะ เข้าใจไหม〞〝〝.....ครับ/ค่ะ〞〞 ในทางเดินที่ปิดตายจากโลกภายนอกจนคล้ายกับจะมืดมิดแต่กลับมองเห็นได้ชัดเจน ที่ซึ่งไม่ทราบสถานที่แน่ชัดแต่ส่วนประกอบทั้งหมดนั้นสร้างมาจากหินและดินล้วนๆนี้ มีเสียงของคน 4 คนกระซิบกันอย่างเบาบางที่สุด จนแทบไม่ได้ยินเสียงอยู่ เหล่าคนที่กำลังกระซิบกันอยู่นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหล่าสมาชิกปาร์ตี้ของกรนั่นเอง เพราะทั้งปาร์ตี้ถูกวาร์ปเข้ามาในดันเจี้ยนปริศนาที่ฮาวลี่ไม่รู้จักจึงทำให้ฮาวลี่กระวนกระวายเป็นอย่างมาก ฮาวลี่ยังเล่าอีกว่าดันเจี้ยนที่อยู่แถวๆที่ทุกคนล่านั้นมีแค่『ดันเจี้ยนเจ้าแห่งป่า』กับ『ดันเจี้ยนพรานแห่งพงไพร』ซึ่งเป็นดันเจี้ยนที่ได้รับการสำรวจจนครบถ้วนแล้ว แต่ดันเจี้ยนที่ทุกคนถูกวาร์ปมานี้กลับไม่ใช่ทั้ง 2 ดันเจี้ยนที่ว่ามา จากที่ฮาวลี่บอกกล่าว ดันเจี้ยนนั้นไม่ว่า

    Last Updated : 2025-04-08
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 7 : มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทั้งสกปรกและงดงามในเวลาเดียวกัน

    วูม!!!!——— พอแสงสว่างที่จ้าเสียจนแสบตาได้จางหายไป ทิวทัศน์ที่ปรากฏตรงหน้าของลินดาก็คือ บริเวณป่าแบบเดียวกับก่อนที่จะถูกวาร์ปเข้ามาในดันเจี้ยน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นสมาชิกปาร์ตี้ที่ลดลงจนเหลือแค่สามคน อันได้แก่ตัวเธอ เชษฐ์และเสือนั่นเอง ลินดาในตอนนี้ยังอยู่ในอาการสะเทือนใจอยู่พอสมควร ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เพื่อนร่วมปาร์ตี้ทั้ง 2 คนตายเพียงเพื่อให้ตัวเองหนีรอดไปได้ เชษฐ์ก็ยังคงนั่งคุกเข่าเอามือกุมศีรษะ ทั้งยังสั่นเป็นเจ้าเข้าอีกต่างหาก ต่างจากเสือที่แม้จะเพิ่งผ่านสถานการณ์เสี่ยงตายมาก็ยังคงทำตัวเรียบเฉยอยู่เช่นเคย〝นี่นาย!!! ตอนที่อยู่ในดันเจี้ยนเป็นบ้าอะไรหา!!!!!!〞 ทั้งที่เพิ่งออกมาจากดันเจี้ยนได้ แต่เธอกลับไม่ดีใจเลยซักนิด เพราะทนไม่ได้กับพฤติกรรมต่ำช้าแบบนั้นของเสือ ลินดาจึงได้ตะคอกใส่เสือออกไปอย่างรุนแรง〝………………〞〝ตอบฉันมาสิ!!! ทำไม... ทำไมถึงทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นได้ลงคอ!!!〞 เพราะเสือไม่ได้ตอบเธอกลับมา เธอถึงได้ตะคอกถามเสือต่อไปทั้งอย่างงั้น การตะคอกนั่นดังพอที่จะดึงสติของเชษฐ์กลับมาได้ แล้วทำให้เขาพยุงตัวขึ้นมาร่วมสนทนากับลินดาได้ใ

    Last Updated : 2025-04-08
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 8 : การจะลุกขึ้นมายืนหยัดได้ก็มีแต่ต้องใช้ขาของตัวเองเท่านั้น

    มืดสนิท.....ไม่รู้สึกหนาวซักนิด..... ไม่รู้สึกว่ามีร่างกายอยู่เลยด้วย....ความกลัวเอง... ก็หายไปแล้ว?ความรู้สึกที่มันอธิบายไม่ถูกนี่มันคืออะไร?หรือว่า ที่นี่จะเป็น.....ไอ้ที่เขาเรียกว่า.......โลกหลังความตายงั้นเหรอ.....ฉัน ตายไปแล้วสินะ.... ตอนนี้กรอยู่ในสภาวะที่ตัวเองไม่เข้าใจ จึงได้มีคำถามมากมายผุดเข้ามาในหัว แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้ผ่านเหตุการณ์อะไรมาก็เข้าใจได้เป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองนั้นได้ตายไปแล้วพอมาคิดดูแล้ว ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้ทำอีกตั้งเยอะเลยนะเนี่ย....แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอีกต่อไปแล้วหล่ะ.....ความรู้สึกอ้างว้างแบบนี้มันก็ดีไปอีกแบบแฮะ...เอาเถอะ..... หายไปอย่างเงียบๆแบบไม่ต้องคิดอะไร ก็ดีเหมือนกันหล่ะนะ....เพราะเดิมทีตัวฉันก็ไม่มีตัวตนหรืออะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้คนอื่นจดจำอยู่แล้ว... เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้เท่านั้นเองเพราะงั้นถึงหายไปซะ... ก็ไม่เป็นไรหรอก......【คิดแบบนั้นจริงๆอย่างงั้นเหรอ?】!!!!!!!!!!!!!!!! หลังจากที่กรคิดแบบนั้นพลางกำลังปล่อยให้สติหลุดลอยออกไป ราบกับจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไม่สนอะไรอีกแล้วนั้น จู่ๆก็มีเสียงของเด็กผู้ชายด

    Last Updated : 2025-04-08
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 9 : แค่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาได้ก็เป็นการโกงที่ไม่ธรรมดาแล้วแท้ๆ

    .......นี่มันอะไรกันเนี่ย?อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าสติลอยหายไป... แล้วตอนนี้จู่ๆมันก็กลับมาซะอย่างงั้นแล้วเมื่อกี้ก็รู้สึกเหมือนกับว่า จะมีตาลุงสวมชุดเสื้อคลุมโทรมๆที่มีหมวกคลุมหน้า กำลังจะพายเรือมารับข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งด้วยกันหรือยังไงนี่แหล่ะ... เป็นฝันที่แปลกชะมัด อยากรู้จริงๆแฮะว่าถ้าฝันต่อไปลุงนั่นจะพาไปไหน?เอ....แต่ว่าจากความทรงจำล่าสุดเนี่ยรู้สึกว่าเราจะล้มมอนสเตอร์ทั้งหมดได้สินะ...แต่ว่าพอล้มเจ้าพวกนั้นได้ เราก็ล้มลงไป... แล้วก็เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้รึว่า... เราคงแค่สลบไปละมั้ง …..หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะอืม ถ้างั้นก็.... กรที่กลับมาได้สติหลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตายกำลังพินิจพิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันอยู่ แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองตายไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วพอคิดว่าตัวเองสลบไปทั้งแบบนั้น เขาจึงได้ลืมตาขึ้นมาในทันที.....〝อึก! แสบตาชะมัดยาดเลย!〞 เพราะลืมตาขึ้นมาทันทีหลังจากที่ไม่ได้รับแสงมานาน ทำให้ดวงตาที่ยังไม่ได้ปรับแสง แสบตาขึ้นมา แต่จากนั้นไม่นานเมื่อปรับแสงได้แล้วสิ่งที่กรกำลังเห็นอยู่นั้นก็คือเพดานของดันเจี้ยนที่มีส่วนประกอบเป็นดินหรือหินที

    Last Updated : 2025-04-08
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 10 : สภาพแวดล้อมมักเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเสมอ ตอนแรก

    อืม...............รายละเอียดข้อมูลจำเพาะ / คลังข้อมูลความทรงจำ / ตั้งค่าสเตตัส / ตั้งค่าปาร์ตี้ / ตั้งค่าสมาชิกปาร์ตี้ / อ็อปเจ็คโดยรอบ / บุคคลโดยรอบ / แผนที่ดันเจี้ยน / แผนที่โลก / เรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิต / เรดาร์ตรวจจับสิ่งไม่มีชีวิต / คลังสูตรวัสดุและแร่ธาตุ / คลังสูตรอาหาร / คลังตำราอาวุธ / คลังตำราเครื่องป้องกัน / คลังตำราเครื่องประดับ..... ในดันเจี้ยนที่ปิดตายจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือทางขวา หน้า หลัง บนหรือล่างก็เป็นอิฐ หินและดินเต็มไปหมด แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทั้งยังเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ไม่สิ.....ฟื้นขึ้นมาจากความตายมาหมาดๆ แต่กรก็ยังคงไล่ดู『หน้าต่างตั้งค่า』จำนวนมากที่ลอยอยู่ในระดับสายตา รอบตัวเขาอยู่จำนวนกว่า 20 แผ่นอย่างใจเย็น แม้ก่อนหน้าจะตกใจกับหน้าต่างจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นกะทันหันตรงหน้าก็ตาม แสดงให้เห็นเลยว่าจิตใจของกรนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากพอสมควร.....ตั้งค่าค่าประสบการณ์ / ตั้งค่าอัตราการดรอปไอเทม / ตั้งค่าอาชีพ / คลังอาชีพ / ตั้งค่าสกิล / คลังสกิล / นูเมรัลดิสเพลย์ / ตั้งค่าหน้าต่างตั้งค่า......มีทั้งหมด 24 แผ่น

    Last Updated : 2025-04-08

Latest chapter

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 130 : ปัญหาแก้ได้ด้วยการไม่หนี

    หลังจากที่รินกับอลิซลุกหายไป กรก็ช็อคอยู่ราวๆนาทีครึ่ง〝 เมอร์ลิน ขอทางหน่อย 〞พริบตาที่เรียกสติกลับมาได้กรก็ลุกขึ้นยืนขอทางเมอร์ลินในทันที แต่ทางเมอร์ลินกลับยืดขาซ้ายมาขวางไว้ก่อน〝 พวกเธอกำลังช็อคอยู่นะ ไม่ต่างจากนายเลย... ไปแล้วคิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นรึไง? 〞 เมอร์ลินพูดแบบนั้นพร้อมกับจ้องตากรด้วยสายตาจริงจัง นั่นทำให้กรไหล่กระตุกเลยทีเดียวรู้อยู่แล้ว... เรื่องนั้นอยู่แล้วน่า!แต่นั่น... ยิ่งปล่อยให้นานไปมันจะยิ่งแย่ไม่ใช่รึไง?ต้องรีบปรับความเข้าใจกันให้เร็วที่สุดนอกจากทางนี้ ฉันก็คิดวิธีแก้อื่นไม่ออกแล้วนะ!〝 ไม่หรอก... ฉันเห็นด้วยกับกรนะ 〞มีอาพูดแบบนั้นขึ้นมา ก่อนที่จะจับข้อมือขวาของกรไว้แน่น〝 ก็จริงที่มันไม่ง่าย... แต่ฉันว่าวิธีที่ดีที่สุดคือกรต้องจริงใจกับพวกเธอ บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป แค่นั้นก็พอแล้วหล่ะ! 〞 มีอาว่าแบบนั้นกรก็เบิกตาโพลงขึ้นเล็กน้อย ราวกับมีเทพธิดาชี้ทาง อีกทางนึง... เมอร์ลินเองที่เห็นด้วย เพียงแต่อยากให้กรใจเย็นลงกว่านี้ก็จ้องตากรตรงๆอีกครั้ง〝 บางทีคงทะเลาะกันแน่ แต่มันก็ยังดีกว่าคุยกันไม่รู้เรื่องหรือไม่ได้คุย...

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 129 : อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่เป็นผลดี

    หลังจากที่กรจัดการแม่ทัพของอีกฝ่ายได้ นั่นเป็นตอนที่สงครามระหว่างอาณาจักรอาลันและกองทัพราชาปีศาจจบลง แมมม่อนที่เป็นขุนพลคนนำทัพหลักเสียชีวิต ส่วนลูซิเฟอร์หนีไปได้ เหล่าผู้กล้าและปีศาจที่มีชีวิตรอดตกเป็นเฉลยสงครามด้วยเวทย์พันธะ ทำให้เป็นทาสดังที่กรคาดไว้ โดยให้เหล่าผู้กล้าที่มีเวทย์และพลังโกงใกล้เคียงกันเป็นคนจัดการ(เพราะถูกกล่าวอ้างไว้ว่าถ้าไม่ยอม กรจะเป็นคนจัดการ) ส่วนทางฝั่งอาณาจักรอาลันที่เป็นฝ่ายตั้งรับนั้นสูญเสียทั้งกำลังพลและประชาชนไปเป็นจำนวนกว่าครึ่ง บ้านเมืองและหมู่บ้านแถบชายแดนมาจนถึงเมืองหลวงทั้งหมดยกเว้นทิศตะวันออก เพราะฉะนั้น จะเรียกว่าเป็นชัยชนะของฝ่ายอาณาจักรอาลันก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก แถมที่รอดมาได้ยังเป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากคนนอกอย่างพวกกรอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่หลังจากสงครามจบลงเพียงชั่วโมงเดียว ราชาเซารัสแห่งอาณาจักรบาซิเลียสก็เรียกพบกรในทันที...❖❖❖❖❖〝 ก่อนอื่นข้าขอต้อนรับกลับท่านอุษณกร วัชรวิรุฬห์... และขอกล่าวขอบคุณในนามของราชาแห่งอาณาจักรอาลันแทนทุกคนในที่นี้ ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริง 〞ราชาเซารัสว่าแบบนั้นแล้วก็ก

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 128 : มดปลวกซ้อนทับนับล้านก็ไม่อาจเอื้อมถึงดวงดาว

    ———— ก่อนหน้านี้ 10 นาที ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย ในเวลาที่กรเพิ่งพักฟื้นหลังจากการต่อสู้กับจิ๋นหลี่ และได้รับการแจ้งข่าวจากภูติน้อย ที่เป็นข้ารับใช้คอยเฝ้าระวัง〝 รินกับอลิซ ถูกโจมตี? 〞 กรได้ยินแบบนั้นแล้วก็ถึงกับตาค้างช็อคไปเลยทีเดียว ใจหายจนหล่นไปถึงตาตุ่มก็ไม่ปาน ใช้เวลาไปถึง 1 วินาทีซึ่งถือว่านานมากสำหรับกรในการเรียกสติตัวเองกลับคืน ก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นพุ่งไปยังประตู แต่ว่า...〝 หยุดก่อนค่ะคุณกร!!! 〞〝 สภาพแบบนั้นไม่ไหวหรอกน้องกร! 〞เรเชลกับลิลิธพูดขึ้น ก่อนที่จะพุ่งตัวไปตะครุบกรไว้กับพื้น ทำให้ซิลเวีย ยูมิน่าและฟลอร่าทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว〝 ปล่อยนะ! ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้ ไม่มีเวลาแล้ว! 〞〝 ดูสภาพตัวเองก่อนเถอะค่ะ! 〞〝 นายท่านล้าจะแย่อยู่แล้ว! 〞 ตามด้วยชาลอตกับซาช่าที่เข้ามากดแขนของกรไว้คนละข้างโดยไม่สนคำทัดทานของกร ตามด้วยคาเรนที่กระโดดเข้ามาทับร่างไว้พร้อมๆกับริต้า แน่นอนว่าถ้ากรเอาจริงก็คงสลัดหลุดได้สบายๆ แต่ทำแบบนั้นในสถานการณ์แบบนี้คงมีแต่จะแย่ลงซะเปล่าๆ เพราะมันไม่ต่างจากการมองข้ามความหวังดีของเหล่าแฟนสาวเลยซักนิด สำหรับกร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 127 : ดวงอาทิตย์ของเด็กสาวทั้งสอง

    ———— เช้าวันต่อมา ณ อาณาจักรอาลัน , เมืองหลวง ภายในวังหลวง... ณ ห้องบัญชาการรบขนาดใหญ่ มากพอจะบรรจุคนได้มากกว่า 100 คน ทั้งห้องถูกประดับด้วยเชิงเทียน เฟอร์นิเจอร์หรูหรา ภาพวาดต่างๆ แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับบรรยากาศตึงเครียดที่ถูกแผ่ออกมาจากคนที่อยู่ในห้อง อนึ่ง ในห้องมีโต๊ะไม้ขนาดยาวตั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีพื้นที่เป็นด้านกว้างสำหรับเก้าอี้ 5 ตัว และด้านยาวสำหรับเก้าอี้ 10 ตัวอยู่ โดยที่ในสุดมีคนนั่งอยู่สองคนบนเก้าอี้ที่ดูหรูหรากว่าคนอื่น ตรงกลาง คือ ราชาแห่งอาณาจักรอาลัน คนเดียวกับที่นั่งบนบัลลังก์ครั้งเมื่อต้อนรับการมาจากต่างโลกครั้งแรกของพวกกร... ราชาเซารัส และอีกคนนึงก็คือเจ้าหญิงคริสติน คนเดียวกับที่ชอบเข้าไปอ่านหนังสือกับชาญในห้องสมุดนั่นเอง ด้านข้างสองฝั่งเต็มไปด้วยทหารระดับผู้บัญชาการ 2 ใน 3 จากทั้งหมดและข้าราชการระดับสูง โดยที่ใกล้มือขวาของราชาเซารัสที่สุด แน่นอนว่าคือหัวหน้าอัศวินอย่างฮันซี่ สายตาทุกคนจับจ้องไปยังคนสองคนที่ยืนอย่างหงอยๆอยู่ตรงหน้าประตู หรือก็คือตรงข้ามกับราชาเซารัส... ชาญและฟ้าในชุดพร้อมรบ〝 ว่าไงนะ!!! ไอ้หมอนั่

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 126 : วิกฤติที่เริ่มก่อตัวรอบๆเหล่าเพื่อนสนิท

    ———— 1 วันก่อน ณ อาณาจักรอาลัน , ชายแดนประเทศตะวันออก ณ หมู่บ้านชายแดนตะวันออก อันประกอบไปด้วยทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ไร่นาอันเต็มไปด้วยพืชผล ท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยปศุสัตว์ และบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยผู้คน... ทว่าตอนนี้ภาพความสงบสุขเหล่านั้นกำลังถูกแทนที่ด้วยไร่สวนที่พังทลาย ซากศพของสัตว์ป่าที่คล้ายวัวเลี้ยง บ้านเรือนที่ถูกเผาไหม้ดำเป็นตอตะโก ผู้คนที่หนีไม่ทันเองก็กลายเป็นร่างไร้วิญญาณข้างถนน โดยมีต้นเหตุคือ เหล่ามอนสเตอร์หลากประเภท สวมชุดเกราะหนักและเบา พวกมันยิ้มเยาะเย้ยให้กับสภาพของหมู่บ้านที่พวกมันเป็นคนก่อ ในขณะนั้น กลุ่มหลักของพวกมันอันประกอบไปด้วยออร์คสวมชุดเกราะหนักและสมุนก็อบลินสวมชุดเกราะเบาอีก 5 ตัว ได้เข้ารุมล้อมมนุษย์สองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ นั่นคือแม่ลูกที่กำลังนั่งสั่นกับพื้น ชิดติดกำแพงปิดตายโดยที่ถูกมอนสเตอร์ทั้ง 6 ตัวที่ว่าปิดทางออกเพียงหนึ่งเดียวไว้ หญิงสาวผู้เป็นแม่กอดร่างของลูกสาวแน่นด้วยความกลัวทั้งน้ำตา เพราะรู้แก่ใจดีว่ายังไงก็คงไม่รอด ออร์คที่เห็นดังนั้นแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างน่ารังเกียจ ก่อนที่จะเงื้อข

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 125 : สิ่งที่เกิดขึ้นจากความกังวล มักเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดเสมอ

    ————สองวันต่อมา ณ เมืองหลวงฟอเรสเตอร์ , ห้องรับรองในปราสาท ภายในห้องรับรองสำหรับแขกชั้นสูงของปราสาท ซึ่งมีลักษณะไม่แตกต่างจากที่เคยเห็นเท่าไหร่นัก เตียงสีขาวขนาดใหญ่แบบมีหลังคา มีพื้นที่พอจะนอนได้ประมาณ 3 คน มีเฟอร์นิเจอร์จำพวกโซฟาหนังสัตว์และเครื่องเรือนมีราคาอยู่มากมาย แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่าคนที่อยู่ภายในห้องนี้ มีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า ริต้า เรเชล ลิลิธ คาเรน รวมถึงซิลเวีย... เหล่าสาวๆต่างก็อยู่ภายในห้องนี้ด้วยสภาพเหนื่อยอ่อน พวกเธอทำสีหน้าเฝ้ารออะไรบางอย่างในขณะที่แยกย้ายกันนั่งตามจุดต่างๆของห้อง โดยเฉพาะมีอากับเมอร์ลินที่นั่งเก้าอี้อยู่ชิดกับเตียงสีขาวที่ว่าไปข้างต้นเพื่อเฝ้าดูคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนนั้น... กรนั่นเองหลังจากเหตุการณ์ที่แสนวุ่นวายนั่นก็ผ่านมาได้สองวันแล้ว...กรยังคงหลับสนิท แต่ไม่ได้มีบาดแผลภายนอกใดๆแต่ปัญหาก็คือภายในนี่แหล่ะ...เมื่อตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น จนถึงตอนนี้ก็คิดอะไรไม่ออกเลยซักนิดทั้งไอ้ออร่าสีดำสนิทที่มีความคิดเป็นของตัวเองนั่นทั้งดาบผ่าดารานั่นด้วย...แถมยัง... กรในร่างที่มีออร่าอุดมคติสีรุ้งนั่นก็อีกฉันสับสน

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 124 : การตื่นของราชันย์

    ว่ากันว่าเมื่อต้อนสัตว์ป่าจนกระทั่งมันจนมุมมันจะมีท่าทีดุร้ายขึ้นจากสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดในหมู่ผู้คนเอง... หากกระทำการใดอันเป็นการลดศักดิ์ศรีของคนๆนั้นลงเรื่อยๆผลลัพธ์สุดท้ายก็จะทำให้คนๆนั้นกลายเป็นบุคคลที่เลือดเย็น เยือกเย็นหรือตายด้านไปเสีย...เช่นนั้นในสถานการณ์นี้ก็คงเป็นไปตามการคาดการณ์ที่สองทว่าที่อยู่ตรงหน้านี้จะเรียกว่าเป็นอุษณกร วัชรวิรุฬห์ก็ใช่... แต่ก็ไม่ใช่ในขณะเดียวกัน...『ลุกซ์』... สิ่งที่ท่านสร้างได้อยู่ตรงหน้าข้าแล้ว...ทว่า... เด็กคนนี้... ในตอนนี้———〝 เป็นอะไรไป? ไม่ได้ยินที่ข้าพูดเรอะเจ้าไพร่? 〞 ในขณะที่จิ๋นหลี่กำลังใช้ความคิดบางอย่าง กร?ที่กำลังลอยอยู่เหนือทุกคนก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแต่ไม่เหมือนกับเจ้าตัวคนก่อนเลยซักนิด จิ๋นหลี่ก็ยังคงหลับตานิ่ง และกลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้งในเวลาไม่นาน ก่อนที่จะสบัดกระบี่อย่างแรงจนพื้นที่กระทบกับพื้นกระจุยเป็นชิ้นๆ〝 ราชาที่ข้าจักก้มหัวให้... มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น 〞จิ๋นหลี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนอย่างเคย นั่นทำให้กรที่กำลังแผ่มือวางมือลงข้างลำตัวโดยไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า〝 แม้ข

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 123 : เหนือฟ้ายังมีฟ้า

    〝 เป็นอะไรไป? เหตุใดจึงยืนนิ่งเป็นหินเช่นนั้นเล่าพ่อหนุ่ม? 〞 จิ๋นหลี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของกรซึ่งตอนนี้ยังคงเหงื่อตกด้วยความกังวล ถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบยังจะมาถามอีกเหรอ? ก็เล่นแผ่จิตต่อสู้ออกมาซะขนาดนี้เองไม่ใช่เหรอ?สีหน้าไม่ได้เปลี่ยน แต่ฉันดูออกนะ... นี่นายจงใจใช่ไหมเนี่ย!?〝 อย่าแกล้งหมอนี่มากนักสิจิ๋นหลี่ 〞 ในระหว่างที่กรยังเฝ้าดูท่าทีของจิ๋นหลี่อยู่อย่างงั้น เมอร์ลินก็พูดออกมาอย่างหน่ายๆ พร้อมกับเดินนำออกมาอยู่ระหว่างเขากับจิ๋นหลี่ นั่นทำให้ลูกศิษย์ชายหญิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังทำท่าเหมือนกับจะเตรียมพร้อมต่อสู้ แต่จิ๋นหลี่ก็ยกมือขวาห้ามไว้ก่อน ทั้งคู่จึงกลับมายืนตรงเรียบร้อยเช่นเดิม〝 มิได้... นี่คือปกตินิสัยของข้าเจ้าก็รู้ 〞จิ๋นหลี่ว่าพลางหลับตาราวกับบอกว่ามันช่วยไม่ได้ และนั่นก็ทำให้เมอร์ลินถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆอีกครั้ง และเพราะทั้งคู่ได้เปิดปากคุยกันอย่างสนิทสนม พวกมีอาจึงได้วางการ์ดลงโดยอัตโนมัติ และแม้ซิลเวียจะยังสงสัยอยู่แต่เจ้าตัวก็ยังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เงียบๆเช่นเดียวกับคนอื่นแต่จะว่าไป... มหานักปราชญ์ทุกคนมีดันเจี้ยนเป็นของตัวเอ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 122 : ไม่ว่าใครต่างก็มีความเชื่อเป็นของตัวเอง

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหลายสงบลง กรก็ต้องแบกยูมิน่ากลับมาที่บริเวณรถม้า ซึ่งมีเหล่าแฟนสาว ซิลเวียและฟลอร่าที่ถูกจับรออยู่ เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เลยทำให้ม้ายังขวัญเสีย เพราะเหตุนั้นเลยต้องพักกันประมาณ 1 ชั่วโมงไปก่อน ในระหว่างที่พักก็ต้องทนเสียงบ่น&เพ้อของฟลอร่าไปด้วย ต่อให้กรขู่แค่ไหนก็ไม่ยักกะเงียบ แต่พอถูกถูกมีอาเข้าโหมดอัลติเมท... ฟลอร่าก็ดูเหมือนจะเงียบลงในทันทีแล้วจากนั้นซักพักก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางอ่ะนะ...แน่นอนว่าจับยัยฟลอร่ามัดไว้กับตัวรถม้าด้านนอกให้ตากลมน้ำตาซึมอยู่อย่างงั้นแหล่ะแต่ถึงจะบอกว่าข้างนอกก็เถอะ แต่ก็อยู่แถวๆหน้าต่างด้านหลังตัวรถม้านั่นแหล่ะนะ เพื่อไม่ให้อยู่นอกสายตาของฉันด้วยนั่นแหล่ะเพราะงั้น เสียงน่ารำคาญของยัยนี่ที่เป็นปัญหามันเงียบลงไปบ้างแล้วก็จริงอยู่แต่พอออกเดินทางไปได้ซักพัก... ยัยตัวปัญหาคนที่สองก็ตื่นขึ้นมาจนได้ก็นะ... เป็นเพราะยัยนี่เป็นตัวอันตรายมากกว่าฟลอร่าที่น่ารำคาญ ก็เลยเอามามัดไว้ในรถม้าแทนถึงที่มันจะแคบไปหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกว่า... ก็มีเรเชลกับริต้านั่งคุมซ้ายขวาของยัยยูมิน่านี่แหล่ะเลยปลอดภัยได้ในระดับนึงแ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status