อืม.........
......รายละเอียดข้อมูลจำเพาะ / คลังข้อมูลความทรงจำ / ตั้งค่าสเตตัส / ตั้งค่าปาร์ตี้ / ตั้งค่าสมาชิกปาร์ตี้ / อ็อปเจ็คโดยรอบ / บุคคลโดยรอบ / แผนที่ดันเจี้ยน / แผนที่โลก / เรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิต / เรดาร์ตรวจจับสิ่งไม่มีชีวิต / คลังสูตรวัสดุและแร่ธาตุ / คลังสูตรอาหาร / คลังตำราอาวุธ / คลังตำราเครื่องป้องกัน / คลังตำราเครื่องประดับ.....
ในดันเจี้ยนที่ปิดตายจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือทางขวา หน้า หลัง บนหรือล่างก็เป็นอิฐ หินและดินเต็มไปหมด แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทั้งยังเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ไม่สิ.....ฟื้นขึ้นมาจากความตายมาหมาดๆ แต่กรก็ยังคงไล่ดู『หน้าต่างตั้งค่า』จำนวนมากที่ลอยอยู่ในระดับสายตา รอบตัวเขาอยู่จำนวนกว่า 20 แผ่นอย่างใจเย็น แม้ก่อนหน้าจะตกใจกับหน้าต่างจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นกะทันหันตรงหน้าก็ตาม แสดงให้เห็นเลยว่าจิตใจของกรนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากพอสมควร
.....ตั้งค่าค่าประสบการณ์ / ตั้งค่าอัตราการดรอปไอเทม / ตั้งค่าอาชีพ / คลังอาชีพ / ตั้งค่าสกิล / คลังสกิล / นูเมรัลดิสเพลย์ / ตั้งค่าหน้าต่างตั้งค่า
......มีทั้งหมด 24 แผ่นเลยแฮะ... เยอะไปไหมเนี่ย!
แต่ละอันนี่แค่อ่านหัวข้อก็รู้แล้วว่าโกงขนาดไหน.... แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
ก็แหม...ไอ้ตอนแรกนี่คิดไปว่าจะถึงขั้นปรับโครงสร้างโลกหรืออะไรทำนองนั้นได้เลยนา .....ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงละก็น่ากลัวพิลึกเลยหล่ะ... หมายถึงตัวฉันหน่ะนะ....
เอาเถอะ....กังวลไปก็เท่านั้น ตอนนี้ไล่ดูทีละอันก่อนดีกว่า......
แล้วหลังจากนั้นกรก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการศึกษาหน้าต่างทั้งหมด ข้อมูลที่รู้ในตอนนี้ก็คือ หน้าต่างรายละเอียดข้อมูลจำเพาะ จะแสดงข้อมูลทางกายภาพของกรทุกอย่างตั้งแต่ค่าสายตา วันเกิด ความสูง น้ำหนัก มวลกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ขนาดรอบอก ขนาดของอวัยยะแต่ละส่วนของร่างกาย ความเร็วในการประมวลผลและตอบสนองไปจนถึงรายละเอียดยิบย่อยอย่างอัตราการเต้นของหัวใจและการทำงานของอวัยวะภายในทุกอย่างอย่างละเอียด ส่วนคลังข้อมูลความทรงจำก็คือ ข้อมูลบันทึกความทรงจำอย่างละเอียดของกร ตั้งแต่วันที่เขาเกิดจนถึงวินาทีนี้อย่างละเอียดพร้อมกับบรรยายสภาพแวดล้อมรอบๆกรในตอนนั้น และข้อมูลทั้งหมดยังถูกแสดงเป็นตัวอักษรออกมาในภาษาไทยอีกต่างหาก
หน้าต่างตั้งค่าสเตตัสเอง แม้จะเขียนแบบนั้น แต่ก็ทำได้แค่ปรับให้น้อยลงเท่านั้น ไม่สามารถปรับได้มากกว่าที่แสดงอยู่ในหน้าต่างสเตตัส กรจึงเลื่อนหน้าต่างไปดูที่ตั้งค่าปาร์ตี้และตั้งค่าสมาชิกปาร์ตี้ต่อไป ดูเหมือนว่าสมาชิกปาร์ตี้ทั้งหมดจะสามารถตั้งค่าได้เช่นเดียวกับตัวกรเอง และจำนวนสมาชิกปาร์ตี้จะเพิ่มได้จากระดับความหายากของสกิล『ตั้งปาร์ตี้』 ดังนั้นกรที่มีสกิลนี้อยู่ในขั้นกลางสามารถจึงมีสมาชิกได้ทั้งหมด 4 คน แต่กรที่ตัดสินใจแล้วว่าจะพิชิตดันเจี้ยนนี้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่หวังความช่วยเหลือจากใคร จึงได้เลื่อนหน้าต่างทั้งสองออกไปจากทัศนวิสัยแล้วก็ดูหน้าต่างต่อไป
หน้าต่างอ็อปเจ็คและบุคคลโดยรอบ ทั้งสองหน้าต่างจะแสดงรายชื่อของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาโดยไม่รวมพวกมอนสเตอร์ และยังสามารถล่วงรู้ข้อมูลจำเพาะของสิ่งนั้นๆและคนนั้นๆได้อย่างละเอียดเช่นเดียวกับหน้าต่างรายละเอียดข้อมูลจำเพาะของตัวกรได้อีกด้วย ส่วนแผนที่ของดันเจี้ยนและของโลกที่แยกออกจากกัน นั่นเป็นเพราะรายละเอียดบนแผนที่ต่างกัน โดยแผนที่โลกนั้นแม้จะไม่ได้แสดงตำแหน่งของดันเจี้ยนเลยซักที่ก็ตาม แต่ชื่อและประวัติความเป็นมา รวมถึงรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆของพวกภูเขา ลำธาร หมู่บ้าน แม้กระทั่งอาณาจักรและเส้นแบ่งเขตการปกครองทุกแห่งก็ยังมีอยู่ แต่ที่แสดงผลออกมานั้นกลับเป็นแบบแผนที่กระดาษทั่วไปแม้มันจะลอยอยู่ก็ตาม
ส่วนแผนที่ของดันเจี้ยนนั้นแสดงเป็นรูปโฮโลแกรม 3 มิติ สามารถบังคับภาพ 3 มิตินั่นให้เห็นทุกส่วนได้อย่างละเอียดทั้งยังซูมเข้าออกได้อย่างอิสระอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้กรล่วงรู้เส้นทางต่างๆทั้งหมดในดันเจี้ยนแห่งนี้ได้เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามแผนที่ดันเจี้ยนแห่งนี้มันไม่ได้แสดงตำแหน่งของพวกมอนสเตอร์เลยแม้แต่น้อย แต่หากใช้หน้าต่างเรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตที่อยู่ใกล้ๆกัน ผสมผสานควบคู่ไปด้วยกัน ก็จะสามารถหาตำแหน่งมอนสเตอร์ได้ไม่ยาก แต่กรก็มีสุดยอดการประมวลผลอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้เรดาร์ในการหามอนสเตอร์เลยแม้แต่น้อย เพราะแม้ก่อนหน้านี้เขาจะสัมผัสตัวตนของมอนสเตอร์ตัวที่ 6 ที่ตัดแขนซ้ายเขาไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพราะเขาประมาทไปเอง เพราะยังไงแม้จะมันอาจจะวาร์ปมาก็ตามที แต่ก็ต้องมีจังหวะที่สัมผัสกับพื้นหรือเสียดสีกับอากาศเล็กน้อยแน่นอน กรในตอนนี้นั้นมีแต่ความแน่วแน่และมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ไม่ได้หลงตัวเองแต่อย่างใด การประมาทแบบนั้นจึงเป็นไปไม่ได้อีกแล้วสำหรับกรในตอนนี้
ส่วนพวกคลังข้อมูลที่แยกประเภทออกมามากมายนั้น ก็ตามที่ชื่อของมันบอก มันเป็นหน้าต่างที่รวบรวมตำราในการประกอบอาหาร ผสมวัสดุและแร่ธาตุ สร้างอาวุธและชุดเกราะอย่างละเอียด มีกระทั่งรายละเอียดของวัสดุทั้งหมดที่ใช้ทำพร้อมกับเทคนิคในการทำอีกด้วย แม้ตอนนี้กรจะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ในอนาคตข้างหน้าอาจจะได้ใช้เพื่อเอาตัวรอดไม่ทางใดทางหนึ่งก็เป็นได้ กรจึงได้ไล่ดูตำราที่คิดว่าจำเป็นไว้คร่าวๆ เพื่อถึงคราวจำเป็นจะได้เปิดหาตำรานั้นได้อย่างรวดเร็ว
อืม... เท่าที่ไล่ดูมา ไอ้หน้าต่างมหาโกงพวกนี้นี่มันก็โกงจริงๆนั่นแหละ หวังว่าโลกนี้คงไม่มีระบบส่งจดหมายไปฟ้องพระเจ้าว่ามีคนโกงหรอกนะ....หะหะห่ะ!
แต่ว่า.....หน้าต่างส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ฉันในตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ละหน่ะ… ที่เข้าท่าที่สุดก็คงเป็น『แผนที่ดันเจี้ยน』นั่นหล่ะ ที่พอจะใช้ประโยชน์ได้ในตอนนี้... ไอ้เด็กนั่นคงไม่ว่าอะไรเราหรอกน่ะ ถ้าจะใช้สูตรโกงนี่หน่ะ.....
แต่... ก็...
ไอ้ที่ไล่ดูไปเมื่อกี้ ถึงจะโกงก็เถอะแต่ก็รู้สึกว่ายังไม่สุดเลยแฮะ..... ที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นก็เป็นเพราะอีก 8 หน้าต่างที่เหลือนั่นหล่ะ... ทำไมงั้นเหรอ? นั่นก็เพราะ....
ไอ้หน้าต่างพวกนั้นมันเกินขอบข่ายของคำว่าโกงไปแล้วหน่ะสิ!!!
ก็มันมีที่ไหนกันเล่า... ที่ในเกมมันให้สิทธิผู้เล่นปรับเรตค่าประสบการณ์ที่ได้รับเอาเองหน่ะ ถึงนี่มันจะไม่ใช่ในเกมก็เถอะนะ...
แถมยังมีให้ปรับค่าเติบโตเอาเองอีกต่างหาก อีแบบนี้จะมีสกิล『เติบโตยิ่งยวด』ไปทำไมเนี่ย!!!
อัตราการดรอปไอเทมก็ด้วย!!! แถมมีให้เลือกด้วยแหน่ะว่าจะให้โอกาสดรอปออกมาเป็นวัสดุ อาหาร ตำราสกิล อาวุธหรือไอเทม
แค่ปรับได้เฉยๆก็โกงแล้ว นี่ยังจะเลือกได้อีกว่าจะให้ดรอปอะไรบ้าง... แถมจำนวนที่ออกมาก็ไม่จำกัดซะด้วย ก็หมายความว่าถ้าปรับโอกาสดรอปให้เป็นอาวุธ 100% อาวุธดรอปที่เป็นไปได้ทั้งหมดของมอนสเตอร์ตัวนั้นก็จะดรอปออกมาหมดเลยยังไงหล่ะ ถึงของที่ออกมาจะไม่ซ้ำกันก็เถอะ แต่ก็ยังโกงโคตรเลยใช่ไหมหล่ะ!
ส่วนตั้งค่าอาชีพ... ใช่เลยหล่ะ! อันนี้แหล่ะที่รอคอย! ก็แหม... ฉันในตอนนี้มันไม่มีอาชีพนี่นา... แถมในคลังอาชีพก็มีให้เลือกเยอะโคตรเลยด้วย นี่มันจะเกินไปแล้ว!!!
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นหน่ะสิ... เพราะไอ้ตั้งค่าอาชีพนี่หน่ะมันเขียนว่า【สามารถเลือกใส่อาชีพได้ 3 อย่าง】 เลยนะเฟ้ย!!! ไม่ใช่ว่ามีกันได้คนละอย่างหรอกเหรอ!? อีแบบนี้มันยิ่งโกงเข้าไปใหญ่!
พูดถึงอาชีพแล้วก็พูดเรื่องสกิลด้วยเลยแล้วกัน….
ไอ้สกิลที่อยู่ในคลังเองก็มีสกิลพื้นฐานของทุกอาชีพหมดเลยด้วย... สกิลโจมตีพื้นฐานของทุกสายอาชีพ สกิลป้องกัน สกิลเสริมพลังและสกิลติดตัวพื้นฐานทั้งหมดเองก็มีด้วยเหมือนกัน ขนาด『ภูผาแกร่ง』กับ『ป้องกันขั้นสุดยอด』ที่พวกรินได้มาตอนแรก ก็ยังมีอยู่ในคลังด้วย... ไม่ใช่แค่นั้น....ในช่องสกิลพิเศษยังมี『ราชสีห์ขู่คำราม』ที่น่าจะเป็นสกิลที่ฮันซี่ใช้ตอนที่ฉันโดนเสือมันประจานก็ยังมีเลย
แถมสกิลในสายผลิตก็ยังมีครบหมดเลยด้วย... ฟังดูโกงโคตรเลยใช่ไหมหล่ะ... แต่ยังไม่พอหรอก...ของจริงมันอยู่ที่ตั้งค่าสกิลต่างหาก... ทำไมงั้นเหรอ?
ก็เพราะในหน้าต่างตั้งค่าสกิลที่ว่า มันปรับระดับความหายากของสกิลได้ด้วยนะสิ!!!!!
แบบนี้ไม่ใช่แค่ได้สกิลมาหมดเลยเท่านั้น.... ยังสามารถปรับทุกสกิลให้อยู่ในระดับสูงสุดได้อีกต่างหาก แบบนี้มันยิ่งกว่า GM แล้ว!
แต่เอาเถอะดูเหมือนมันจะปรับระดับของพวกสกิลต้นฉบับกับ『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』ไม่ได้...
แต่แค่นี้ก็พอแล้ว! ขืนทำได้มากกว่านี้ฉันจะยิ่งกลัวตัวเองเข้าไปใหญ่
ส่วน『Numeral Display』(นูเมรัลดิสเพลย์) นี่ ดูเหมือนจะเป็นแค่หน้าต่างเดียวที่หัวข้อมันเขียนด้วยอักษรภาษาอังกฤษ เพราะงั้นความหายของมันเลยค่อนข้างคลุมเครือ...แต่พออ่านคำอธิบายแล้ว...
ไอ้นูเมรัลดิสเพลย์ มันคือหน้าต่างที่มีไว้ใช้แสดงค่าต่างๆที่อยู่รอบตัวเราทั้งหมดให้เป็นตัวเลขแล้วแสดงค่าออกมายังไงหล่ะ.... สามารถแสดงได้แม้กระทั่งค่า HP(พลังชีวิต) ของมอนสเตอร์ที่ปกติไม่ถูกจัดอยู่ในสเตตัส ค่าพลังโจมตีที่คำนวณออกมาเสร็จสิ้นแล้วของมอนสเตอร์ ค่าพลังโจมตีอย่างต่ำที่ต้องใช้ในการปราบมอนสเตอร์ตัวนั้น แถมมีคำนวณระยะเวลาในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ตัวนั้นโดยใช้สเตตัสกับสกิลของฉันเป็นตัวแปร รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะพ่ายแพ้ก็ยังแสดงออกมาเป็นตัวเลขให้เลยด้วย...
ขอบอกคำสั้นๆให้กับไอ้หน้าต่างนี่...........โกงสลัดเลยเฟ้ย ไอ้บ้าเอ๊ยยยยย!!!!!!!
ส่วนไอ้หน้าต่างสุดท้าย ตั้งค่าหน้าต่างตั้งค่านี่หน่ะ....ก็อย่างที่บอก มันเป็นหน้าต่างที่คุมการทำงานทั้งหมดของหน้าต่างตั้งค่าที่ลอยอยู่รอบๆตัวฉัน.... ไอ้ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันโกงเท่าไหร่หรอก....แต่พออ่านรายละเอียดเท่านั้นแหล่ะ..... รู้รึเปล่าว่ามันเขียนว่ายังไง....
มันเขียนว่า【ต้องการให้สกิลนี้ทำงานแบบแมนนวลหรืออัตโนมัติ?】ยังไงหล่ะ ก็ฟังดูไม่แปลกเท่าไหร่ใช่ไหม... แต่ไม่ใช่เลย ไอ้ที่พูดนั่นหน่ะมันหมายความว่า ถ้าปรับให้ทำงานอัตโนมัติ มันก็จะใช้ได้ตลอดเหมือนกับเป็นสกิลติดตัวเลยต่างหากหล่ะ แถมถ้าเกิดตั้งค่าเรดาร์ให้ตรวจจับมอนสเตอร์ในระยะที่ต้องการ ถึงปิดสกิลไป แต่ถ้าตั้งค่าอัตโนมัติมันก็จะเตือนเราแล้วหน้าต่างก็จะขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ทั้งยังแสดงตำแหน่งมอนสเตอร์ที่ว่าให้อีกด้วย...
ฮะฮ่ะ... ไอ้หน้าต่างพวกนี้มันเหมือนกับจะทำมาเป็นคอมโบยังไงอย่างงั้นเลยแฮะ... พอของโกงๆมาอยู่ด้วยกันมันเลยทำให้โกงเข้าไปใหญ่ แถมคุณสมบัติแต่ละอย่างยังเข้าขากันได้อย่างมีประสิทธิภาพและลงตัวพอดีอีกต่างหาก เหมือนเกิดมาคู่กันเลยนี่นะ
....ถ้าจะเรียกไอ้พวกนี้ว่าเซ็ทโคตรโกงแห่งศตวรรษก็ไม่เกินไปเลยด้วยซ้ำ แต่นี่มันใกล้เคียงโปรแกรมโกงมากกว่าซะอีกแฮะ.....
หะหะห่ะ!!!! เป็นอีกครั้งที่รู้สึกจากใจจริงๆเลยหล่ะว่า〝จะไอ้หน้าไหนก็ดาหน้าเข้ามาได้เลย เดี๋ยวพ่อจะซัดให้คว่ำเลยคอยดู!!!!〞ยังไงอย่างงั้นเลย....
〝หะหะห่ะ!!!!!!!〞
แล้วกรก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งให้กับความสามารถที่มีมากเกินไปของตัวเอง นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่รู้จะทำยังไงกับสภาพแบบนี้ของตัวเองดีก็ด้วย และก็เพื่อเป็นการปรับสภาพจิตใจไปในตัว กรเลยคิดว่าแทนที่จะลงไปนั่งกลุ้มใจอย่างหดหู่ ก็หัวเราะสู้ออกมาดังๆอย่างร่าเริงเสียจะดีกว่า
แต่ก็เพราะแบบนั้นเอง... ที่ทำให้กรชะล่าใจ(เหลิง)ไปกับความแข็งแกร่งนั้นจนลำบากทีหลัง และได้รับบทเรียนราคาแพงกลับมาอีกครั้ง
เอาเถอะ... คิดในแง่บวก คือ ตอนนี้ฉันเก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย การพิชิตดันเจี้ยนต้องง่ายขึ้นแหงอยู่แล้ว...
ยังไงเป้าหมายของเราในตอนนี้ก็คือ พิชิตดันเจี้ยนและก็ไปบอกขอบคุณไอ้เด็กนั่นซักคำแหล่ะนะ.....
เพราะงั้นฉันจะไม่สนวิธีการอะไรทั้งนั้น... ถ้าเกิดมีคนมาขวางก็จะอัดให้เละ... ถ้ามีคนหันคมดาบเข้ามาหา ฉันก็จะบั่นคอมันอย่างไร้ความปราณี….
หึๆ....เจ้าพวกนั้นจะรู้สึกยังไงกันน่ะ ถ้ามาเห็นฉันในสภาพนี้....
ในขณะที่กรคิดแบบนั้นเป็นการเตรียมใจก่อนเดินทาง ก็กลับมานึกถึงเพื่อนสนิททั้ง 4 คนของตัวเองอีกครั้ง คิดว่าเพื่อนๆทั้งหลายอาจผิดหวังก็ได้ที่เขาทำตัวเลือดเย็นเช่นนี้ แต่ก็ได้คิดต่อไปอีกว่าถ้าเกิดตัวเองได้ออกเดินทางคนเดียว เพื่อนของเขาจะรู้สึกยังไง แม้กรจะตัดสินใจออกเดินทางคนเดียวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เพราะหากลุยดันเจี้ยนทั้งแบบนี้เลย กว่าจะได้เจอกับเพื่อนสนิทอีกครั้งก็ต้องกินเวลานานพอสมควร ทั้งนี้ก็เพราะกรไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดันเจี้ยนแห่งนี้เลยนั่นแหล่ะ
ดังนั้น หากพวกเพื่อนสนิทออกค้นหาแล้วไม่เจอตัวกรหรือเห็นเพียงแค่แขนซ้ายนี้ก็ต้องคิดว่ากรเสียชีวิตไปแล้วแน่ นั่นเป็นสิ่งที่กรไม่อยากจะให้เกิด เพราะกรไม่อยากจะเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของทั้ง 4 คนนั่นเอง กรที่กำลังคิดวิธีบอกเพื่อนของเขาทางอ้อมว่าเขายังมีชีวิตอยู่ยังไงนั้นก็มีความคิดผุดขึ้นมาอย่างนึง จากนั้นก็เดินไปทางศพของก็อบลินที่เขากระหน่ำฟันเสียจนเละเทะจนดูไม่ได้ในตอนแรก แล้วก็หยิบมีดสั้นขึ้นมา พอถึงตรงนั้นศพของก็อบลินก็สลายหายไป เป็นจุดที่กรสงสัยอยู่นิดหน่อย แต่ก็เลิกคิดถึงมันในทันทีเพราะถึงคิดไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี
หลังจากนั้นกรก็เดินไปหยิบแขนซ้ายที่ขาดไปแล้วของตัวเองขึ้นมา แล้วก็...
ชึบ———
กรก็ใช้มีดสั้นทำสัญลักษณ์ไว้บนแขนของตัวเอง ในตำแหน่งที่อยู่บริเวณข้อมือ นั่นก็เพราะตรงนั้นมีไฝเม็ดใหญ่ที่สังเกตได้ง่าย กรนั้นคิดว่าพวกฮันซี่จะต้องส่งกลุ่มสำรวจมาตามหาฮาวลี่กับตัวเองแน่นอน เพราะลินดาก็รู้ชั้นของดันเจี้ยนแห่งนี้อยู่จากตอนที่แกะคำร่ายที่จุดหนี แล้วพอมาเจอแขนของกรก็ต้องมีการยืนยันอยู่แล้ว โลกนี้ยังไม่มีการตรวจสอบที่แน่ชัด แต่ก็เป็นไปได้สูงว่าจะให้คนรู้จักเป็นคนตรวจสอบ ถึงลักษณะจำเพาะของสิ่งๆนั้น แล้วกรก็เชื่อว่าถ้าเป็นชาญจะต้องสังเกตเห็นสัญลักษณ์นี้แน่ๆ จึงได้เขียนลงไปที่บริเวณนั้นอย่างไม่ลังเล ส่วนสัญลักษณ์ที่เขียนนั้นเป็นรูปภาพเล็กๆแต่ก็สังเกตได้ง่าย โดยวาดเป็นสัญลักษณ์โพธ์ดำ(♠) และมีเครื่องหมายกากบาททับอยู่บนเครื่องหมายที่ว่านั่น พอวาดเสร็จเรียบร้อยกรก็เดินไปข้างหน้าต่อเพื่อหาที่วางให้สังเกตได้ง่ายพลางพูดบ่นกับตัวเองไปด้วย
แล้วจากนั้นกรก็เดินไปหยิบดาบยาวมือเดียว ซึ่งเป็นของมอนสเตอร์(ที่ตายแล้ว)มาคาดไว้ด้านหลังเป็นอาวุธประจำตัวชั่วคราว ก่อนที่จะเริ่มออกเดิน แต่ว่า...
〝เอาหล่ะเสียเวลามามากพอแล้ว…. เริ่มออกเดินทางเลยดีกว่า———!?〞
แล้วกรก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่อีกครั้ง ก่อนที่จะเดินก้าวแรกออกไป เพื่อหนทางพิชิตดันเจี้ยนแห่งนี้ให้ได้ แล้วขณะที่กำลังเดินออกไปจากทางตันที่อยู่มาตลอดในตอนแรกอยู่นั่นเอง กรก็สังเกตเห็นร่างของชายคนนึง อยู่ในสภาพตัวขาดสองท่อน แต่ทั้งสองส่วนก็ไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก
〝.......คุณฮาวลี่〞
แล้วกรก็เรียกชื่อของอัศวินผู้หาญกล้า ซึ่งยอมแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อเข้าปกป้องปาร์ตี้ของกรไว้ออกมาเบาๆ เพราะเอาแต่ใช้สมาธิกับเรื่องของตัวเองอยู่ตลอดเลยทำให้เพิ่งนึกถึงเรื่องของฮาวลี่ในตอนที่พบศพอีกครั้ง
〝ฉันนี่มันไม่ไหวเลยแฮะ......〞
เพราะคิดว่าตัวเองเกิดลืมผู้มีพระคุณไป กรเลยคิดโทษตัวเองอยู่เล็กน้อยในใจ จากนั้นก็วางแขนของตัวเองลงใกล้ๆกับศพของฮาวลี่เพราะหากฮันซี่เข้ามาตามหาจริงละก็หากมาเห็นฮาวลี่ก็ต้องเห็นแขนของตนด้วยนั่นเอง แล้วกรก็นั่งยองลงใกล้ๆกับใบหน้าของฮาวลี่ แล้วก็ปิดดวงตาทั้งสองของเขาลงด้วยความอ่อนโยน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนในท่าตรงพลางเอามือทั้งสองผสานกันไว้แล้วแนบกับบริเวณต้นขาของตัวเองเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่ฮาวลี่ประมาณ 1 นาที แล้วก็หลับตาพลางนึกถึงเรื่องของเขาตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกจนถึงตอนที่เขาเสียชีวิตด้วยความเคารพ หลังจากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาแล้วก็กลับมายืนตรงอีกครั้ง แล้วกรก็ยื่นมือออกมาข้างหน้าพลางใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมพื้นที่ที่ศพของฮาวลี่และแขนของตัวเองอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมอนสเตอร์มาเลื่อนตำแหน่งไปจากเดิม แม้จะเป็นการใช้เวทย์ครั้งแรกก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะเขาทำทุกอย่างด้วยความสุขุมและเยือกเย็นอันเป็นเงื่อนไขสำคัญของจอมเวทย์ไม่ว่าจะที่ไดก็ตามนั่นเอง จากนั้นก็กล่าวประโยคอำลาเป็นครั้งสุดท้ายกับฮาวลี่
〝หลับให้สบายนะครับคุณฮาวลี่................ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกอย่าง....〞
กรพูดแบบนั้นกับศพของฮาวลี่ แล้วก็เดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โดยที่ไม่หันหน้ากลับไปมองข้างหลังเลยแม้แต่นิดเดียว
❖❖❖❖❖
ตึงๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!
เสียงฝีเท้าหนักอึ้งของเหล่ามอนสเตอร์ที่กรไม่มีวันลืม สะท้อนก้องไปทั่วบริเวณเนื่องจากอยู่ในสถานที่ปิดตาย มอนสเตอร์ทั้ง 3 อันประกอบไปด้วยลิซาร์ดแมน ก็อบลินและสเคเลตอนแมน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นมอนสเตอร์ทั่วไปของชั้นนี้ ได้วิ่งกรูเข้ามาตรงที่กรกำลังเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเปิดหน้าต่างแผนที่ดันเจี้ยนเพื่อเดินทางไปยังบันไดลงไปชั้นที่ 24 ไปด้วย แต่แม้สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้กรก็ยังคงเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและไม่มีท่าทีหวั่นไหวแม้แต่น้อย อีกทั้งความเร็วในการเดินก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยด้วย เหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่า....
กี้ๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!
ผั๊ว!!!!!!! ตู้ม!!!!!!!
【เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว!】
ก๊าซซซซซ!!!!!!!
ผั๊ว!!!!!!! ตู้ม!!!!!!!
【เลเวลได้อัพแล้ว!】
กร็อกแกร็กๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!
ผั๊ว!!!!!!! ตู้ม!!!!!!!
【เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว!】
มอนสเตอร์ทั้ง 3 ที่เคยสร้างความหวาดกลัวให้กับกรในครั้งก่อนหน้า ได้ถูกกรโจมตีจนหมดสภาพในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทั้งยังกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงเสียจนทะลุเข้าไปอยู่ในนั้นจนเกิดเสียงดังลั่นเลยทีเดียว แถมการโจมตีที่ว่ายังเป็นการใช้แค่หมัดลุ่นๆ โดยที่ไม่ได้ใช้สกิลหรือว่าเวทย์เสริมพลังเลยแม้แต่น้อย แม้จะเป็นแบบนั้น แต่หากมองกลับไปทางข้างหลังของกร ก็จะเห็นมอนสเตอร์จำนวนมากมายและหลากหลายประเภท กำลังอยู่ในสภาพคล้ายคลึงกัน บ้างก็มีหัวมุดเข้าไปอยู่ในเพดาน บ้างก็มีหัวทิ่มจนจมลงไปกับพื้น บ้างก็มีที่ลำตัวท่อนบนกำลังติดอยู่ในกำแพงในสภาพเละเทะจนดูไม่ได้ แม้จะมีบางส่วนสลายไปแล้วบ้างก็ตาม แต่หากมองดูสภาพโดยรวมแล้วก็เป็นที่น่าขบขันไม่ใช่น้อย
〝เฮ้อ! ไอ้แบบนี้มันน่ารำคาญชะมัดยากเลย〞
แล้วกรก็ถอนหายใจออกมาให้กับสภาพของทางเดินข้างหลังของตัวเองอย่างหน่ายๆ
ไอเทมดรอปที่ออกมาก็มีแต่เนื้อ... โคตรจะน่าสะอิดสะเอียนเลย เพราะงั้นเลยไม่ได้เก็บมา
อาวุธเองก็มีดาบมือเดียวของมอนสเตอร์ตอนแรกอยู่แล้ว เลยไม่ได้หยิบอาวุธที่ดรอประหว่างทางมาด้วย...
ชุดเกราะเองก็เอาที่ดรอปจากมอนสเตอร์ข้างทางมาใส่แค่พอประมาณเท่านั้น เพราะถ้าใส่แน่นหนาเกินจะเป็นการลดความคล่องตัวไปแทน แบบนั้นเสียเปรียบแน่
เพราะถ้าเกิดมีมอนสเตอร์ประเภทโจมตีทีเดียวตายโผล่มา ชุดเกราะมันไม่มีความหมายเลยนี่นะ...
แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่ได้ใช้ดาบที่ว่าเลยซักนิด... ก็นะ เพราะถ้าพูดถึงอาวุธประจำตัวที่ถนัดที่สุดของฉันก็คือหมัดนี่นะ
เพราะงั้นเลยใช้แต่หมัดลุ่นๆ หวดมอนมาตลอดทาง
ให้ตายสิ...ตอนแรกก็กะจะแค่ลองใช้มือเปล่าทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเองในตอนนี้ดูก็เท่านั้นแหล่ะ แต่พอเอาเข้าจริง หมัดเดียวก็ปลิวซะงั้น...
ก็นะถึงตอนแรกต้องอัดถึงสองหมัดก็เถอะ แต่พอเลเวลขึ้นมาพอสมควรก็ใช้แค่หมัดเดียวไปซะแล้ว แถมยังเอาซะติดกำแพงอีกแหน่ะ....
แล้วถ้าถามว่าสเตตัสของฉันตอนนี้เป็นยังไงหล่ะก็....
ข้อมูลสเตตัส
『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ ยอดมนุษย์อุษณกร
อาชีพ ว่าง เลเวล 42
ฉายา 〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙, 〘จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙, 〘Give me Your Everything ?〙 ,〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙,〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙,〘จิตวิญญานเหล็กกล้า〙
《พลังโจมตี》 354,955 《พลังป้องกัน》 339,905
《พลังเวทย์》 339,905 《ความต้านทานเวทย์》 348,505
《ความว่องไว》 374,305 《พละกำลัง》 361,405
พระเจ้าจอร์จ!!!!
เลเวล 42 แต่สเตตัสบานเบอะขนาดนี้เลย!!! ตั้ง 3 แสนเชียวนะ!!!
ถ้าถามว่าทำไมมันถึงขึ้นมาเยอะขนาดนี้ทั้งที่ยังอยู่ชั้นเดิมอยู่เลยหล่ะก็....
นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉันปรับค่าเติบโตกับค่าประสบการณ์ที่ได้รับจนเต็มไปเลยหน่ะสิมันถึงได้เป็นแบบนี้หน่ะ
ค่าประสบการณ์เนี่ยปรับให้ได้รับเพิ่มขึ้นจากปกติ 20 เท่าเลยนะ แถมค่าเติบโตหน่ะตอนแรกมันเขียนว่า 2 แต่มันปรับได้มากสุด 5 ฉันก็ไม่รอช้าที่จะปรับทุกอย่างให้เต็มก่อนที่จะเริ่มสู้กับตัวแรก แล้วผลมันก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหล่ะ
เท่าที่จำได้ ฉันอัดมอนสเตอร์ระหว่างทางไปทั้งหมด 27 ตัวรวมเมื่อกี้ด้วย ที่เลเวลขึ้นเร็วแบบนี้ต้องเป็นเพราะปรับค่าประสบการณ์เป็น 20 เท่าแหงๆเลย.....
หะหะหะ!!! เพราะผลมันเกินคาดอย่างที่คิด ตอนแรกฉันเลยปรับแค่ค่าประสบการณ์นั่นแหละ... เพราะงั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้แตะหน้าต่างอย่างอื่นเลยนอกจากแผนที่ เพราะคิดว่าจะใช้เวลาอัพเลเวลให้สูงพอจะเอาตัวรอดในชั้นให้ได้ซะก่อนหน่ะนะ..... แต่ผลลัพธ์นี่มัน....
....จะว่าเป็นไปตามที่คิดมันก็ใช่อยู่หรอก แต่เหมือนอะไรๆมันจะง่ายเกินไปหน่อยละมั้ง.....
นะ นั่นไงหล่ะ คิดแบบนั้นอีกแล้ว! ไอ้ลางสังหรณ์ไม่เข้าท่านี่อีกแล้ว...หยุดๆๆ ลืมเรื่องที่กำลังคิดนี่ไปซะ ยังไงอีกไม่นานก็จะถึงทางลงไปชั้นที่ 24 แล้ว เพราะงั้นหล่ะก็เลิกคิดมากดีกว่า....
ขณะที่กรกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยระหว่างกำลังเดินไปยังบันไดลงชั้นที่ 24 ที่อยู่ตรงหน้า ก็ยังคงไม่คุ้นชินกับลางสังหรณ์ในเรื่องแย่ๆที่จะเกิดขึ้นจริงเสมอของตัวเองเสียที
เพราะงั้นจึงไม่ได้คาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่น้อยที่สุดที่เจ้าตัวกำลังคิดถึงอยู่นั่นเลยแม้แต่น้อย
❖❖❖❖❖
〝อืม.......พื้นที่โดยรอบยังเหมือนเดิมกับชั้นก่อนเลยแฮะ〞
พอกรลงบันไดมาจนถึงชั้นที่ 24 ที่เป็นชั้นถัดมา ก็พูดบ่นออกมาเล็กน้อยเพราะผิดหวังกับสภาพแวดล้อมที่เป็นเหมือนห้องปิดตายน่าหดหู่เหมือนกับชั้นที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก จึงได้เดินทางต่อไปยังบันไดลงชั้นที่ 25 โดยที่ยังเปิดหน้าต่างแผนที่ดันเจี้ยนไว้อยู่ แต่ในขณะที่กำลังเดินออกจากบันไดมาได้ซักพัก กรก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของกลุ่มมอนสเตอร์ถึง 7 ตัวในทางข้างหน้าที่เป็นทางตรงโดยก่อนที่จะถึงกลุ่มมอนสเตอร์นั้น ไม่มีทางเลี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงได้เลยแม้แต่ทางเดียว
เฮอะ... เพิ่งมาถึงก็เจอกลุ่มใหญ่ซะแล้วแฮะ ในชั้นก่อนเจอมากสุดก็แค่กลุ่มละ 6 ตัวเองนะ...
ก็เอาเถอะเราไม่รู้ข้อมูลของดันเจี้ยนนี้เลยนี่นะ... ในหน้าต่างก็ไม่มีบอกรายละเอียดของดังเจี้ยนไว้ซะด้วย แต่ในเมื่อเจ้าพวกนี้มันขวางทางอยู่หล่ะก็ ไม่ว่าจะมีกี่ตัวก็จะฆ่าให้เหี้ยนเลย.... ถึงจะใช้แค่หมัดก็เถอะนะ
กริ๊ง!!!
〝!!!!!!!!!!?〞
พอกรคิดได้แบบนั้นจึงเดินหน้าต่อไปหาพวกมอนสเตอร์อย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะที่กำลังเดินไปอยู่นั้น ก็มีเสียงกระดิ่งดังขึ้นมาในหัวของกร ใช่แล้วมันคือเสียงของหน้าต่างตั้งค่าที่ถูกเปิดขึ้นมานั่นเอง เพราะกรตั้งค่าให้สกิลตั้งค่าของตัวเองเป็นแบบอัตโนมัติเพื่อทดสอบผลลัพธ์ของมันนั่นเอง กรจึงรอผลลัพธ์นั้นอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
【ค้นพบมอนสเตอร์ในรัศมี 20 เมตรข้างหน้า! จำนวนคือ 7 ตัว.....】
อันนี้ไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว
【คำเตือน! มอนสเตอร์ข้างหน้ามีระดับความยากสูงมาก ควรหลีกเลี่ยงการปะทะหากเป็นไปได้!】
หืม ระดับความยากสูงงั้นเหรอ!?
ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่เข้าใจการจัดระดับของดันเจี้ยนหน่ะ ถึงพูดมาแบบนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์....
แต่ถึงงั้นถ้าไม่ล้มมันให้ได้ก็ไปต่อไม่ได้ไม่ใช่รึไงกัน เพราะงั้นจะให้หนีนี่ไม่มีวันซะหล่ะ!!!
กริ๊ง!!!
แล้วหน้าต่างอีกอันก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของกรอีกแผ่นโดยอัตโนมัติ หน้าต่างนั่นก็คือ『นูเมรัลดิสเพลย์』นั่นเอง แล้วไม่รอช้า ผลลัพธ์การคำนวณจากที่ใช้สเตตัสและสกิล รวมถึงการกระทำต่างๆที่เป็นไปได้ของกรก็ถูกคำนวณออกมาเป็นค่าตัวเลขที่แม่นยำ
【คำเตือน! ความเป็นไปได้ที่จะชนะในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ตรงหน้านั้นคือ 32.716%
เวลาขั้นต่ำที่ใช้ในการต่อสู้คือ 35 นาที 26.256 วินาที
และจะพ่ายแพ้หากการต่อสู้ยืดเยื้อเป็นเวลา 42 นาที 48.478 วินาที................】
แล้วผลลัพธ์การคำนวณต่างๆก็ออกมามากมาย แต่กรกลับไม่ได้สนใจบรรทัดอื่นเลยนอกเสียจากเปอร์เซ็นชนะของตัวเองที่มีแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นเอง
เฮ้ยๆ... คำนวณออกมาอีท่าไหนกันเนี่ย
ถึงจะบอกว่ามอนสเตอร์มันเก่งก็เถอะ แต่ในชั้นที่ผ่านมาเมื่อกี้ชัดอัดมอนสเตอร์ตายในหมัดเดียวเลยนะ...แค่ลงมาชั้นเดียวความต่างของสเตตัสคงไม่เยอะขนาดนั้นหรอกน่า.....
กรที่คิดว่าการคำนวณของนูเมรัลดิสเพลย์อาจจะเกิดการผิดพลาดขึ้น จึงได้เดินย่องไปใกล้มอนสเตอร์จนกว่าจะมองเห็นตัวอย่างชัดเจนเพื่อให้สามารถใช้สกิลตรวจสอบได้ แล้วพอลองตรวจสอบดู ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่ากลัวออกมา...
『ลิซาร์ดแมนเพลิง』 เลเวล 718
《พลังโจมตี》 521,548 《พลังป้องกัน》 548,951
《พลังเวทย์》 589,521 《ความต้านทานเวทย์》 579,895
《ความว่องไว》 514,895 《พละกำลัง》 578,954
เฮ้ยๆ เอาจริงเหรอวะเนี่ย!?
ในชั้นก่อนเลเวลของมอสเตอร์ทั่วไปมัน ร้อยเกือบๆสองร้อยไม่ใช่รึไงกัน! แถมสเตตัสยังเฉลี่ยอยู่แค่ สี่ถึงห้าหมื่นเองด้วย แต่พอลงมาแค่ชั้นเดียว เลเวลดันพุ่งปรี๊ดมาเป็น 700 ได้ไงกันเนี่ย?
....แถมสเตตัสยังเยอะกว่าฉันตั้งสองแสนแน่ะ ....จำนวนเองก็มีตั้ง 7 ตัวเลยด้วย!?
สงสัย.... ไอ้ที่คำนวณออกมานั่นดูท่าจะเป็นของจริงซะแล้วแฮะ
ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ไม่เข้าใจหลักการเลยซักกะนิด...
ดูเหมือนถ้าอยากจะลุยดันเจี้ยนนี้ให้ได้ คงต้องทิ้งสามัญสำนึกของโลกเดิมทิ้งซะหล่ะมั้ง...
ฮะฮ่ะ.... แบบนี้จะเรียกว่า ซวยแล้ว... ได้รึเปล่านะ?
แม้จะอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่กรก็ยังคงรักษาความสุขุมเยือกเย็นไว้ได้อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าความผิดแปลกที่เกิดขึ้นนั้น มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง....
ก๊าซ!!!!!!!!!!〝ไอ้หยา! ดูเหมือนจะเห็นเราเข้าแล้วแฮะ〞 แม้ในตอนนี้กรจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัดจากการที่กำลังโดนมอนสเตอร์ทั้ง 7 ตัวที่มีสเตตัสสุดโหดเพ่งเล็ง แต่ทั้งคำพูดและการกระทำที่ยังดูไม่ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อยนั่นของกร แสดงให้เห็นว่าเขานั้นยังสามารถคงความเยือกเย็นไว้ได้อยู่ แต่ก็ดูเหมือนหยิ่งยโสและประมาทไปเช่นเดียวกัน〝หะหะห่ะ!!!! มันต้องแบบนี้สิ! ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย!!!〞ก๊าซซซซซซซซ!!!!!!!!!!ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! 〝!!!!!!!!?〞 ราวกับตอบสนองต่อคำพูดของกร กลุ่มมอนสเตอร์ทั้ง 7 ที่ได้ยินเสียงตะโกนนั่นก็วิ่งกรูเข้ามาหากรอย่างรวดเร็ว แต่ว่าพอเข้ามาจนห่างจากที่กรยืนอยู่ราวๆ 7-8 เมตร มันก็หยุดนิ่ง ขณะที่กรคิดว่ามันกำลังจะทำอะไรกัน? อยู่นั้น ก็มีลิซาร์ดแมน 2 ตัว ถือสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายคฑา ถอยร่นไปข้างหลังราวสองถึงสามก้าว แล้วจากนั้น...ก็อบลิน 2 ตัวและลิซาร์ดแมน 3 ตัวก็ออกวิ่งมายังที่ที่กรยืนอยู่ โดยมีก็อบลินทั้งสองวิ่งนำหน้ามาคู่กันแล้วตามด้วยลิซาร์ดแมนทั้งสามที่วิ่งเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอยู่ข้างหลังก็อบลินมาพร้อมกัน การจัดขบวนรบอย่างร
〖 มีแค่แกคนเดียวงั้นเรอะ ไอ้หนู!!! 〗〝พะ พูดได้ด้วยเหรอ!!!!〞ตัวฉัน.... อุษณกร วัชรวิรุฬห์ไอ้หนุ่มที่มีหน้าตาสุดแสนจะธรรมดา แถมเป็นโอตาคุขั้นโคม่า แล้วยังบ้าหนังสงครามหน่อยๆ....ตอนนี้กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่เคยได้ยินมาว่า เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานกรีกหรือโรมันที่เรียกว่า สุนัขเฝ้านรก.... 『เคลเบรอส』อยู่ ด้วยอาการตกตะลึงกึ่งสงสัยกับสถานการณ์แปลกๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน! เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์อันตราย กรจึงต้องระวังตัวอย่างที่สุด แต่เพราะเห็นว่าสุนัขหมาป่า 3 หัวขนสีดำขลับ ซึ่งเป็นบอสมอนสเตอร์อันน่าเกรงขาม นั้นยืนอยู่ข้างหน้าของกรกลับพูดคุยด้วยท่าทางที่เป็นมิตรกว่าที่คิด กรเลยคิดที่จะลองหยั่งเชิงมันดู〖นี่ๆ อย่าเมินคำถามของข้าสิ! 〗〝อ่อ.....โทษทีๆ พอดีทางนี้กำลังตกใจอยู่หน่ะ!!!〞〖ตกใจงั้นเหรอ? นั่นก็เป็นปฏิกิริยาปกติเวลามีคนเห็นรูปลักษณ์อันน่าหวาดหวั่นของข้าอยู่แล้วนี่นา!!!?〗〝เปล่าๆ... ที่ทางนี้ตกใจหน่ะเป็นเพราะไม่รู้ว่าแกพูดได้ยังไงอยู่ต่างหากหล่ะ....〞〖....................................〗〖ตกใจเรื่องนั้นเองหรอกเรอะ!!!!!!!!〗〝อึ๊ย!!!!〞ยะ แย่หล่ะสิ
〖หึหึ... ดูเหมือนจะรู้ถึงพลังของข้าแล้วสินะเจ้าหนู〗〝กรอด !!!!!!!!!〞 และในขณะที่กรกำลังตกใจอย่างสุดขีดกับสเตตัสที่แสดงอยู่ตรงหน้า เคลเบรอสก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ยังสบายๆเช่นเคย แถมน้ำเสียงยังมีอาการดูถูกเล็กน้อยอีกต่างหาก นั่นทำให้กรเริ่มที่จะทนฟังไม่ได้ ทั้งยังโมโหขึ้นมาจนต้องกัดฟันแน่นเลยทีเดียวเวรเอ๊ย!!! แบบนี้ก็หมายความว่าถ้าสร้างความเสียหายในการโจมตีแต่ละครั้งได้ไม่ถึง 12 ล้าน ก็จะโจมตีมันไม่เข้าเลยงั้นเหรอไม่สิ... คิดว่าเดิมทีสเตตัสพลังป้องกันไม่น่าจะคำนวณแบบนั้นนี่นา เพราะไอ้ที่สู้ด้วยในตอนที่อยู่จุดหนีนั่น พลังของฉันมีไม่พอที่จะมะลวงพลังป้องกันแน่ๆ แต่ก็ยังโค่นพวกนั้นได้......กริ๊ง!!! แล้วเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาในสติของกร แล้วหน้าต่างนูเมรัลดิสเพลย์ซึ่งเป็นหน้าต่างช่วยคำนวณก็มาปรากฏตรงหน้าของกร พร้อมกับแสดงผลลัพธ์ที่ยิ่งทำให้กรหดหู่ยิ่งกว่าเดิม【คำเตือน! บอสมอนสเตอร์ข้างหน้ามีระดับสูงเกินไป ไม่สามารถหลบหนีได้! ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนี คือ 0.000014% ความเป็นไปได้ที่จะชนะในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ตรงหน้านั้น คือ 0.00000047% สามารถถ่วงเ
เวรเอ๊ย!!!......บัดซบ!!!ขยับซักทีสิฟ่ะ! แกเป็นร่างกายของฉันไม่ใช่รึไงกัน!!! เพราะโดนการโจมตีอันแสนหนักหน่วงของเคลเบรอสไปอย่างต่อเนื่อง จนทำให้กรในตอนนี้ไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่เคลเบรอสเดินออกไปทางตรงข้ามเหมือนกับว่าหมดความสนใจในตัวกร กรจึงทำได้แค่หงุดหงิดอยู่ในใจเพียงเท่านั้นขยับ.....ขยับสิโว้ยยย!!!!!!บ้าเอ๊ย!!! แบบนี้มันก็เหมือนกับตอนนั้นเลยไม่ใช่รึไงกัน!!!ทำได้แค่จมอยู่กับความอัปยศของตัวเองอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....ทำได้แค่ทนดูไอ้บ้านั่นมันหยามหน้าอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....ทำได้แค่นอนรอความตายอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....คิดว่าจะยอมรึไงกัน!.....อุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาจากความตายนั่นได้แล้วแท้ๆเชียว!หลังจากผ่านเรื่องแบบนั้นมาแล้ว ใครมันจะไปอยากตายกันว่ะ!!!เวรเอ๊ย!!ขยับซิฟ่ะ!...ขยับซักทีสิโว้ยยย!!!!!! แน่นอนว่ากรยังไม่ยอมแพ้ซักนิดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายกลับมาทำตามคำสั่งแต่อย่างใด กรจึงทำได้แค่ตะโกนด่าทอตัวเองอยู่ในใจเท่านั้นเอง แต่ในขณะที่กรกำลังตะโกนแบบนั้นในใจอยู่เรื่อยๆนั้น ก็มีเสียงประกาศที่ไม่ทราบเพศดังขึ้นในสติของกร【เงื่อนไขเสร็จ
อืม.........ฉันสลบไปอีกแล้วงั้นเหรอ? หลังจากที่การต่อสู้อันดุเดือดของกรและเคลเบรอสที่ใช้ศักดิ์ศรีและชีวิตเข้าห่ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่งได้จบสิ้นลง กรก็ได้สติขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอใช้สุดยอดการประมวลผลตรวจสอบดูกลับพบว่าตัวเองที่เพิ่งได้สติ อาจจะกำลังสลบอยู่จนถึงเมื่อครู่ จึงได้สงสัยขึ้นมาแบบนั้นอืม.....ลองนึกย้อนไปก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าเราจะใช้『จิตวิญญานเหล็กกล้า』ไปสินะ.....งั้นก็หมายความว่าตัวเรา.....ตายไปอีกแล้วสินะ....ไม่สิ ไม่สิ ตอนนี้ยังรู้สึกถึงร่างกายได้อยู่เสียงเต้นของหัวใจเองก็ยังได้ยินอยู่เลยแล้วมันหมายความว่าไงกันละเนี่ย!ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกสกิลนั่นจะเขียนไว้ว่า หลังจากใช้ไปแล้วจะเสียชีวิตแทบจะทันที ไม่ใช่รึไง? นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย....แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆละก็... ตัวฉันเนี่ยก็สุดยอดสุดๆเลยนะสิ... ฟื้นจากความตายมาได้ถึง 2 ครั้ง แถมยังแทบจะในเวลาไล่เลี่ยกันอีก ไม่สิ....ที่ตายบ่อยเนี่ยก็เพราะอ่อนเองด้วยนั่นแหล่ะนะ น่ากลัวชะมัดเลยแฮะ....ใช่ หมายถึงตัวฉันเองนั่นแหล่ะ...แต่ใช่ว่าผลลัพธ์ออกมาแบบนี้แล้วจะไม่ดีใจหรอกนะ ก็แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง....แต่ทั
แปล๊บๆๆๆ!!!!!!!〝จ๊ากกกกกก!!!!!!!!!!〞 หลังจากที่กรได้หลั่งน้ำตาออกมาเพราะความรู้สึกหลายๆอย่างที่สั่งสมมานาน จากทั้งแรงกดดันและความเครียดทั้งหลายที่สะสมมามากเสียจนทะลุปรอทได้จบลง จู่ๆกรก็สัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลผ่านไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างกระทันหันจนถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้นในท่าหงายท้องมองดูดาวเลยทีเดียว ทั้งยังเกิดควันสีดำคลุ้งออกมาจากร่างจนทั่วเลยทีเดียว รวมทั้งผมยาวๆของตัวกรเองก็ยังตั้งฟูเป็นผมทรงแอ็ฟโฟร่ฟูฟ่องอย่างหนาเพราะกระแสไฟฟ้าที่ว่าไปพร้อมๆกันจนดูน่าขบขันไม่ใช่น้อย นั่นเลยทำให้ตัวของกรชาไปหมดแล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นตามระเบียบอึ๊ก! อะไรกันเนี่ย.... หลังจากที่ต้องรับภาระทางจิตใจที่มากเสียยิ่งกว่ามากจนล้นออกมาแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกงั้นเหรอ!? นี่มันจะเกินไปแล้วนะเฮ้ย!!!ยะ...อย่าบอกนะว่านี่เป็นผลข้างเคียงของสกิล หรือไม่ก็เป็นบทลงโทษของคนที่ใช้โปรแกรมโกง———เดี๋ยวๆๆๆ....ฉันไม่ได้ใช้โปรแกรมโกงหรือชีตทูล(Cheat Tool) หรืออะไรเทือกๆนั้นซักกะนิดเดียว...ถ้าจะโทษก็ไปโทษไอ้คนที่จัดสกิลมาให้ฉันซะสิ....แต่เดี๋ยวดิ แล้วคนที่จัดมันเป็นใครหว่า!?แล้วนี่
〝สะ....สุดยอด! นี่มันสวยกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะเนี่ย!〞 หลังจากที่กรใช้เวลาพอสมควรในการลงบันไดมายังชั้นที่ 26 ตามคำแนะนำของเคลเบรอส ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของกรที่ยืนอยู่ตรงปากทางออกก็คือ บริเวณทางเดินที่ถูกเชื่อมต่อไปยังบริเวณที่คล้ายกับถ้ำใต้ดินซึ่งมีส่วนประกอบทั้งหมดเป็นหินสีน้ำตาลเข้ม ผิวขรุขระตลอดแนวไปจนสุดสายตาดังที่เห็นได้บ่อยๆในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในภูเขา แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ บริเวณพื้นผิวของถ้ำทั้งหมดนั้นมีจุดสีฟ้าเล็กๆเป็นจำนวนมากเกาะอยู่ทั่วบริเวณถ้ำเสียไปทั่วบริเวณที่กรมองไปถึง และแม้จะไม่มีแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในพื้นที่ปิดตายนี้แต่อย่างใด แต่จุดเล็กๆทั้งหลายนั้นกลับยังสะท้อนแสงและกระพริบไปมาเป็นจังหวะอย่างสวยงาม และด้วยความที่เพดานของถ้ำนั้นสูงกว่าพื้นดิน 5 เมตร นั่นเลยทำให้จุดสีฟ้าจำนวนมหาศาลที่กำลังส่องประกายระยิบระยับบนเพดานถ้ำเหล่านี้คล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปราศจากการบดบังของก้อนเมฆจนเห็นดวงดาวส่องประกายเต็มท้องฟ้าอย่างงดงามหาใดเปรียบยังไงอย่างงั้นเลย กรเองที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่เช่นกันเพราะถูกความงดงามนั่นตราตรึงและดึงดูดสายตาเสียจนเบนหน้าหนี
———1 สัปดาห์ต่อมา.....แคร็กๆๆๆๆ!ตึก!——— ตึก!——— ตึก!——— ท่ามกลางจุดสีน้ำเงินส่องประกายสวยงามซึ่งประดับอยู่บนเพดานถ้ำนับล้านจุดจนคล้ายกับหมู่ดาวมากมายบนกาแล็คซี่ทางช้างเผือกยามค่ำคืน กลับได้ยินเสียงรบกวนโสตประสาทที่ไม่เข้ากับพื้นที่และบรรยากาศอันแสนงดงามนี้ดังขึ้นเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเองก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้าไปใกล้เสียงที่ว่านั้นอย่างช้าๆและเป็นจังหวะด้วยเสียงที่เบาบางราวกับตีนแมวยังไงอย่างงั้นชึบ!———แกร็ก!แคร็กๆๆๆๆๆ!!!!!!! ในจังหวะเดียวกันก็เกิดเสียงคล้ายกับโลหะสองชิ้นเสียดสีกันและเสียงที่คล้ายกับอะไรซักอย่างลงล็อกกันได้พอดีนั่น เลยดูเหมือนจะสร้างความสนใจให้กับแหล่งกำเนิดเสียงที่ไม่น่าอภิรมณ์ในตอนแรกนั่นไม่น้อย เสียงที่น่ารำคาญนั่นดังขึ้นเรื่อยๆ และเข้ามาใกล้เสียงของฝีเท้าในตอนแรกที่กำลังเดินเข้าไปหาแทนอย่างรวดเร็วราวกับกำลังหิวกระหายต่ออะไรซักอย่าง แต่ทว่า....เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ก๊าซซซซซ!!!!!!!!!! ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เสียงโลหะลงล็อกกันในตอนแรกได้จบลง ก็เกิดเสียงดังที่คล้ายกับมีคนจุดป
———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น
〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ
หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร
〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ
หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง
หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...
〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ
〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็
หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป