〖หึหึ... ดูเหมือนจะรู้ถึงพลังของข้าแล้วสินะเจ้าหนู〗
〝กรอด !!!!!!!!!〞
และในขณะที่กรกำลังตกใจอย่างสุดขีดกับสเตตัสที่แสดงอยู่ตรงหน้า เคลเบรอสก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ยังสบายๆเช่นเคย แถมน้ำเสียงยังมีอาการดูถูกเล็กน้อยอีกต่างหาก นั่นทำให้กรเริ่มที่จะทนฟังไม่ได้ ทั้งยังโมโหขึ้นมาจนต้องกัดฟันแน่นเลยทีเดียว
เวรเอ๊ย!!! แบบนี้ก็หมายความว่าถ้าสร้างความเสียหายในการโจมตีแต่ละครั้งได้ไม่ถึง 12 ล้าน ก็จะโจมตีมันไม่เข้าเลยงั้นเหรอ
ไม่สิ... คิดว่าเดิมทีสเตตัสพลังป้องกันไม่น่าจะคำนวณแบบนั้นนี่นา เพราะไอ้ที่สู้ด้วยในตอนที่อยู่จุดหนีนั่น พลังของฉันมีไม่พอที่จะมะลวงพลังป้องกันแน่ๆ แต่ก็ยังโค่นพวกนั้นได้......
กริ๊ง!!!
แล้วเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาในสติของกร แล้วหน้าต่างนูเมรัลดิสเพลย์ซึ่งเป็นหน้าต่างช่วยคำนวณก็มาปรากฏตรงหน้าของกร พร้อมกับแสดงผลลัพธ์ที่ยิ่งทำให้กรหดหู่ยิ่งกว่าเดิม
【คำเตือน! บอสมอนสเตอร์ข้างหน้ามีระดับสูงเกินไป ไม่สามารถหลบหนีได้!
ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนี คือ 0.000014%
ความเป็นไปได้ที่จะชนะในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ตรงหน้านั้น คือ 0.00000047%
สามารถถ่วงเวลาได้นานที่สุด 10 นาที 12 วินาที
ดาเมจขั้นต่ำที่ใช้สร้างความเสียหายได้ คือ 7,132,458 จุด............. 】
โอ้ว!!!! รู้ใจกันจริงๆนะเนี่ย...
แต่เดี๋ยวดิ... โอกาสชนะต่ำโคตรเลย แทบจะหมดหวังเลยไม่ใช่รึไงเนี่ย? แต่ถึงไม่มีนูเมรัลดิสเพลย์ฉันก็ยังพอคิดเองได้อยู่หรอกว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้....
แล้วยังยื้อการต่อสู้ได้แค่ 10 นาทีเอง แบบนี้ทางเลือกที่ว่าเอาตัวรอดจนกว่าจะครบ ชั่วโมงครึ่งก็หายไปแล้วอ่ะดิ!?
แล้วดาเมจขั้นต่ำที่ใช้เพื่อสร้างความเสียหายก็มีคำนวณออกมาให้ด้วย ...เป็นอย่างที่คิดจริงๆว่าสเตตัสป้องกันที่แสดงอยู่นั่นไม่ใช่ดาเมจขั้นต่ำที่ต้องใช้จริงๆ....แต่ว่าไอ้ที่เขียนอยู่เนี่ย มันต้องใช้ตั้ง 7 ล้านเชียวนะเฟ้ย แล้วจะเอาอะไรไปสู้กันว่ะเนี่ย!!!
〖แค่เห็นสเตตัสของข้าก็ยืนแข็งทื่อซะแล้วเหรอ....ทั้งที่ยังไม่ได้แสดงเวทย์มนต์กับสกิลให้ได้ชมเลยแท้ๆเชียว...〗
〝วะ...ว่าไงนะ!!!!〞
เวทย์มนต์งั้นเหรอ!? สกิลงั้นเหรอ!? จะบ้ารึไงแค่สเตตัสก็กินขาดขนาดนี้แล้วแท้ๆ!!!
แต่ก็นะ......ถ้าเอาจริงๆ ถ้าเกิดมันยังใช้กรงเล็บฟันมาเรื่อยๆฉันก็พอหลบได้อยู่แล้ว เพราะสเตตัสของฉันตอนนี้มันก็เกิน 1 ล้านไปแล้วเหมือนกันนี่นา ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีปัญหา
〖ดูเหมือนจะพอรู้แล้วสินะ.....ใช่แล้ว ถึงแม้สเตตัสของเราจะห่างกันมาก แต่เจ้าเองก็มีความสามารถปริศนาที่ข้าไม่เข้าใจอยู่ ทั้งยังทักษะและไหวพริบนั่นอีก ถึงข้าจะไม่แพ้เจ้า แต่ก็คงชนะเจ้าไม่ได้เช่นกัน...〗
〝อย่ามาอ่านใจกันสิฟะ เจ้าหมานี่!!! แล้วก็อย่าพูดเหมือนกับว่าทำอะไรฉันไม่ได้สิฟ่ะ มันขนลุก!〞
〖เพราะเจ้าแข็งแกร่งยังไงหล่ะเจ้าหนู... เพราะงั้นข้าคงออมมือไม่ได้แล้วหล่ะ...〗
คิดจะประชดกันรึไงฟะเจ้าหมาบ้านี่....
แต่เดี๋ยวดิ... งั้นที่พูดแบบนี้ก็หมายความว่ามันจะเอาจริงแล้วหน่ะสิ!!!
เฮ้ยๆ....ไอ้ตอนแรกเนี่ยก็คิดอยู่หรอกว่าซวยจริงๆแล้ว.....แต่ตอนนี้นี่มันซวยโคตระของความซวยเลยไม่ใช่รึไงวะเนี่ย...
แม้กรในตอนนี้จะมีแต่ความคิดหดหู่อยู่ในหัว แต่ก็ยังคงอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเสมอและยังคงใช้สุดยอดการประมวลผลอย่างต่อเนื่องพร้อมกับลับประสาทสัมผัสให้คมกริบอยู่ตลอด แม้จะคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่เขาก็ยังคงคิดหาทางแก้ปัญหาโดยยังคงมีความหวังกับ 0.00000047% นั่นอยู่
〖รับมือซะ ไอ้หนู!!!〗
ในขณะเดียวกับเคลเบรอสที่พูดแบบนั้นออกมา หนึ่งในหัวของเคลเบรอส นั่นก็คือหัวซ้ายของมันก็ได้อ้าปากออกมาจนเห็นเขี้ยวอันน่าเกรงขามทั้งยังมีขนาดใหญ่นั่นชัดเจน ราวกับต้องการจะกลืนกินกรที่กำลังยืนสับสนอยู่ยังไงอย่างงั้น แล้วจากนั้นเคลเบรอสก็ตะโกนชื่อสกิลนั่นออกมา…..
【ตัดสายลม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!】
โฮรกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!!
หลังจากหัวซ้ายที่กำลังอ้าปากอยู่นั่นส่งเสียงคำรามออกมาด้วยเสียงที่ดังจนถึงขนาดทำให้ทั่วทั้งห้องโถงสั่นไหวอีกครั้งหยุดลง และแม้จะเป็นการโจมตีที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่กรก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรพุ่งเข้ามาทางที่ตนยืนอยู่ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อจากสัญชาตญาน ทั้งยังมีจำนวนเยอะมากอีกต่างหาก เขาจึงไม่รอช้าที่จะหลบการโจมตีเหล่านั้น
〝เวรแล้วไหมหล่ะ!!!【เคลื่อนไหวความเร็วแสง!!!!!!!!】〞
แล้วกรก็พุ่งหลบการโจมตีที่มองไม่เห็นนั่นไปทางขวาได้อย่างฉิวเฉียดเช่นเคย แต่ทว่า....
ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!!
〝อึก!!!〞
ตุ๊บ!!!
แล้วกรก็โดนการโจมตีปริศนานั่นเข้าไปถึงสามครั้งเต็มๆที่สีข้างด้านซ้ายที่นึง ลำตัวด้านหน้าและหลังอย่างละที่เข้าไป การโจมตีนั่นสร้างบาดแผลลึกกว่า 3 เซนติเมตรให้กับจุดที่โดนเลยทีเดียว เห็นชัดเลยว่าถ้ากรไม่มีสเตตัสมากมายแบบนี้ ตัวเขาคงแหลกเป็นชิ้นๆจากการโจมตีปริศนานี่ไปแล้ว แล้วการโจมตีนั่นก็ทำให้กรที่กำลังอยู่ในท่าพุ่งตัวเสียจังหวะจนล้มลงจนกลิ้งไปกับพื้นเลยทีเดียว
〝บะ บ้าหน่ะ!!! ก็ฉันหลบมันไปแล้วนี่นา!!!〞
〖น่าเสียดายนะไอ้หนู เพราะว่าสกิล『ตัดสายลม』ของข้านั้นสามารถติดตามเป้าหมายได้ ทั้งยังสามารถกลบร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์อีก〗
〝!!!!!!!!!!!!!!!!!!?〞
บ้าหน่ะ!!!!! …..ติดตามเป้าหมายได้ด้วยงั้นเหรอ!!!
แถมยังตรวจจับร่องรอยไม่ได้อีก งั้นที่สัมผัสการเสียดสีกับอากาศไม่ได้เป็นเพราะงี้เองสินะ
เวรเอ้ย... มีสกิลโคตรโกงแบบนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ? แต่เวลาในตอนนี้มันไม่มีไว้ให้หาสกิลอื่นมาสู้แล้วนะสิ!!! รู้งี้หาสกิลโกงๆมาใส่ไว้บ้างดีกว่า อยากเขกกะโหลกตัวเองที่ติดประมาทชะมัด!
แถมสกิลที่ได้มาตอนเปลี่ยนอาชีพเป็น『นักลอบสังหาร』เองก็ใช้ไม่ได้กับสิ่งที่มีระดับใกล้เคียง เท่ากับหรือว่าสูงกว่าตัวเองได้เลย.....
〝เวรเอ๊ย!!! แล้วทำไมฉันถึงโดนการโจมตีแค่ 3 ครั้งเองหล่ะฟะ!!!!〞
〖สงสัยต่อไปเหอะไอ้เด็กบ้า...ข้าไม่บอกแกหรอก!!! ห๊ะห๊ะห้า〗
〝กรอด!!!! อย่ามากวนประสาทน่า!!!!〞
เพราะถูกตอกกลับด้วยคำพูดแบบเดียวกับที่เคยพูดไป เลยทำให้กรหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่เพราะบาดแผลที่ได้รับจากสกิลนั่นค่อนข้างสาหัสเอาการ เลยทำให้กรไม่มีแม้แต่แรงจะตะโกนเลยด้วยซ้ำแต่กรเองก็รู้ว่าหากปล่อยให้อาการแย่ลงก็มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยงในการต่อสู้มากเท่านั้น จึงไม่รอช้าที่จะใช้เวทย์รักษากับตัวเอง
【ทไวไลท์ฮีลลิ่ง!!!!!!!】
หลังจากที่กรพูดแบบนั้นก็มีแสงสีส้มคล้ายกับพระอาทิตย์ยามเย็นก่อนตกดินเข้าโอบล้อมตัวกรแล้วบาดแผลทั้งหมดก็เริ่มสมานตัวและปิดสนิทอย่างรวดเร็วในเวลาแค่ 3 วินาทีเท่านั้นเอง แม้ปกติเวทย์รักษาจะต้องใช้เวลานานมาก แต่เพราะสเตตัสพลังเวทย์ของกรนั้นมีมากเกิน 1 ล้านไปแล้ว นั่นจึงช่วยให้เวลาใช้สกิลในระดับที่ต่ำกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ควรเป็นนั่นเอง
〖โอ้ว!!! น่าตกใจยิ่งนักเจ้าหนู! แกเป็นนักดาบไม่ใช่รึ? แต่กลับสามารถใช้เวทย์รักษาได้ถึงระดับกลางเชียวรึนี่....〗
〝เรื่องของฉันน่า!!!!!〞
〖งั้นเหรอ!!! แกนี่แข็งแกร่งอย่างที่ข้าคิดไว้เลย มันต้องให้ได้แบบนี้สิ......〗
นี่คิดจะหยามกันรึไงฟะ... ตอนที่รักษานั่นก็อีกทั้งที่จะโจมตีเข้ามาก็ได้แท้ๆแต่กลับไม่ทำ
แถมยังพูดจากวนประสาทฉันอีกต่างหาก…..
〖ถ้างั้น ต่อไปก็......〗
ในขณะที่เคลเบรอสพูดแบบนั้นปากของหัวที่อยู่ตรงกลางก็อ้าขึ้นมากว้างแบบเดียวกับตอนที่หัวซ้ายเตรียมใช้สกิล นั่นเลยทำให้กรกลับมาระวังตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งเตรียมที่จะถีบพื้นดีดตัวหลบได้ในทันทีอีกต่างหาก แล้วจากนั้น....
【กรดเดือดหลอมละลาย!!!!!!】
พรวด!!!!!
〝!!!!!!!!!?〞
หลังจากที่พูดชื่อสกิลจบ ที่ปากของหัวตรงกลางก็มีของเหลวสีเขียวอ่อนเป็นเนื้อเดียวทั้งหมด พุ่งออกมาครอบคลุมพื้นที่เหนือหัวของกรเป็นวงกว้างเหมือนกับโดมของสนามกีฬาในร่มเลยทีเดียว
ฟิ้ว!!!!!
แต่กรที่ตั้งท่าเตรียมหลบหลีกอยู่ก่อนก็พุ่งตัวไปข้างหน้าโดยเว้นระยะไม่ให้ใกล้กับเคลเบรอสก็หลบได้อย่างสวยงาม ขณะที่คิดว่าเจ้าสกิลนี้มันมีไว้ทำไมอยู่นั้น ก็เหลือบตาหันกลับไปมองยังที่ๆตัวเองเคยอยู่ แล้วก็พบกับภาพที่น่าเหลือเชื่อเข้า...
ฉ่าาาา!!!!!
〝เฮ้ยๆ....เอาจริงเหรอเนี่ย!?〞
ภาพที่อยู่ตรงหน้าของกรก็คือ ของเหลวสีเขียวอ่อนนั่นกำลังย่อยสลายพื้นที่ที่กรเคยเหยียบอยู่นั่น ทั้งยังทำให้พื้นทั้งหมดกลายเป็นควันลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ และเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า พื้นของห้องโถงที่มีความทนทานขนาดการโจมตีของเคลเบรอสยังทำอะไรไม่ได้ เมื่อโดนของเหลวนั่นเข้าไปก็ถึงกับหลอมละลายไปอย่างรวดเร็วแล้วนั้นก็ทำให้กรต้องตัวสั่นเทิ้มอีกครั้ง
〖ยังหรอกน่าไอ้หนู ทีเด็ดหน่ะต่อจากนี้ไปต่างหาก......〗
และไม่ทันให้กรได้พักหายใจ หัวสุดท้ายซึ่งก็คือหัวทางขวาก็เตรียมใช้สกิลสุดท้าย กรที่เห็นแบบนั้นก็ถอยร่นไปทางด้านหลังเยื้องไปทางซ้ายเพื่อเว้นระยะห่างจากเคลเบรอสให้มากขึ้น
【เพลิงทมิฬ!!!!!!!!!!!!!!!!】
ซู่ม!!!!!
หลังจากที่เอ่ยชื่อสกิลเสร็จก็มีเปลวเพลิงสีดำสนิทจำนวนมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากทั่วทั้งร่างของเคลเบรอส และแค่นั้นยังไม่พอมันยังเข้าไปโอบล้อมบริเวณที่กรยืนอยู่อย่างรวดเร็วอีกต่างหาก แล้วจากนั้นก็มีเปลวเพลิงขนาดใหญ่เป็นทางยาวพวยพุ่งเข้ามาทางกรจากปากที่กำลังอ้าอยู่ของหัวขวาสุดของเคลเบรอส
ฟุ่บ!!!!!
〖!!!!!!!!!!!!!!!!!!?〗
แต่กรก็ไม่รอช้า ในขณะที่เปลวเพลิงกำลังพุ่งเข้ามาเป็นทางยาวจากปากของเคลเบรอส กรก็ยื่นมือซ้ายที่มีความสามารถในการ『ดูดซับทุกสิ่ง』อยู่ออกมา เพราะเป็นการกระทำอันแปลกประหลาดที่ยากจะเข้าใจ หนนี้จึงเป็นเคลเบรอสที่ต้องตกใจกับท่าทางของกรเสียเอง ส่วนกรเองนั้นก็คิดว่าหากเอาแต่หลบไปแบบนี้ยังไงก็เอาตัวรอดไม่ได้อยู่แล้ว อย่างน้อยจึงควรโต้กลับไปบ้างในสิ่งที่พอทำได้ เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรจะให้เสียอีกแล้ว กรจึงได้เลือกทางที่คิดว่าจะพอโต้กลับได้บ้าง นั่นก็คือการกลืนกินพลังเวทย์ของบอสมอนสเตอร์มานั่นเอง แต่ความจริงมันกลับไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น.........
〝อะ อะไรกันเนี่ย〞
นั่นก็เพราะเปลวเพลิงนั่นกรไม่สามารถดูดกลืนเข้ามาได้ทั้งหมดนั่นเอง แม้ส่วนเกินจะไม่เข้าปะทะกับกรโดยตรงเพราะกระจายออกไปด้านข้างก็ตามที แต่ก็ยังคงมีแรงกระแทกอยู่มากเช่นกัน และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากที่กรดูดกลืนมาไม่หมด กรจึงตัดสินใจหาจังหวะเพื่อหลบเปลวเพลิงนั่นเสียดีกว่า แต่พอกรออกมาจากการปะทะได้นั้น เปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามานั่นกลับเข้าโอบล้อมตัวกรอย่างรวดเร็วจนกรหลบไม่พ้น เนื่องด้วยพื้นที่ๆที่มีจำกัดกับเรี่ยวแรงเองก็เริ่มหมดลงไปแล้วด้วย นั่นเลยทำให้กรโดนเปลวเพลิงนั่นเข้าไปเต็มๆ
〝อ้ากกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ร้อนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞
แล้วกรก็ล้มลงในท่าคุกเข่าพลางร้องโหยหวนออกมาเพราะอาการปวดแสบปวดร้อนจากการถูกเปลวเพลิงที่มีความร้อนสูงเข้าโจมตี แต่เปลวเพลิงนั่นก็ห้อมล้อมตัวกรได้เพียง 20 วินาทีเท่านั้น นั่นก็เพราะแม้จะไม่ตั้งใจ แต่สกิล『ดูดซับทุกสิ่ง』นั้น ยังคงทำงานอยู่นั่นเอง
แฮ่ก!!! แฮ่ก!!! แฮ่ก!!! แฮ่ก!!! แฮ่ก!!! แฮ่ก!!!
แล้วกรก็นั่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้นพลางหายใจหอบออกมาอย่างแรง และในขณะที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยแผลไหม้จากความร้อน กรจึงได้รีบใช้เวทย์รักษาในทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่ทว่า....
〝ทะ ทำไม!? เวทย์รักษาถึงใช้ไม่ได้ผลกัน!?〞
เพราะเวทย์ที่กรใช้นั้นไม่สามารถรักษาแผลไหม้ได้ ไม่สิ...มันบรรเทาความเจ็บปวดจากอาการปวดแสบปวดร้อนนี้ไม่ได้เลยซักนิด จึงทำให้กรสงสัยขึ้นมาอย่างหนัก
ตึง!
ตึง!
ตึง!
〖โอ๊ะโอ๋...ข้าลืมบอกไปเสียสนิท… ว่า『เพลิงทมิฬ』ของข้านั้น สามารถทำให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายติดสถานะผิดปกติได้หนึ่งอย่างตามที่ต้องการ...จะบอกให้เอาบุญก็ได้ ว่าข้าทำให้เจ้าติดสถานะ『ฟื้นฟูไม่ได้』หน่ะ〗
〝วะ ว่ายังไงนะ!!!!〞
เสียงของฝีเท้าที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆเนื่องจากเคลเบรอสเดินเข้ามาประชิดตัวของกรที่กำลังหายใจหอบอยู่ก็ยังคงท่าทีไม่ทุกข์ร้อนเช่นเคย ทั้งน้ำเสียงที่พูดทำลายความหวังอันริบหรี่ของกรออกมาแบบนั้นก็มีความหน่ายปนอยู่เช่นกัน แม้กรจะไม่สบอารมณ์แต่ตัวเขาก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย นั่นเลยทำให้เขาเจ็บใจเข้าไปใหญ่
〖น่าเสียดายยิ่งนักเจ้าหนู ....เจ้าหน่ะแข็งแกร่ง แต่ว่าความแข็งแกร่งนั่นก็ไม่เพียงพอที่จะล้มข้าได้ด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ.....〗
〝อึก!!!!!!!〞
〖ถึงข้าจะรู้สึกเห็นใจก็เถอะนะ... แต่ข้าคงเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วละทิ้งหน้าที่ไม่ได้หรอก....เพราะงั้นข้าคงต้องปิดฉากการต่อสู้นี้เสียแล้วหล่ะ...〗
〝!!!!!!!!!!!!?〞
แย่แล้วคราวนี้แย่ของแท้เลยหล่ะ...
เวรแล้วไง! ทำไงดีหล่ะทีนี้ ทางหนีถูกปิดตายทั้งหมดเลย....ไม่มีทางหนีรอดเลยซักนิด ถ้าเป็นข้างนอกก็ว่าไปอย่าง แต่ที่เราอยู่มันเป็นห้องโถงปิดตายไร้ทางออก———
〖..ขอบใจมากจริงๆเจ้าหนู ...แกทำให้ข้าประหลาดใจได้หลายครั้งทีเดียว....... 〗
เพราะกำลังอยู่ในสถานการณ์คับขันถึงขีดสุดเลยทำให้ความคิดของกรเริ่มจะไม่ปะติดปะต่อกันเสียแล้ว แต่เพราะเคลเบรอสพูดออกมาแบบนั้น เลยทำให้กรดึงสติของตัวเองกลับมาเผชิญกับความเป็นจริงตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง
〖งั้นก็......ลาก่อน〗
【ตัดสายลม!!!!】
ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!!
〝คะ 【เคลื่อนไหวความเร็วแสง!!!!!!!!】〞
และเหมือนครั้งที่แล้ว หัวซ้ายของเคลเบรอสก็อ้าปากออกมาในขณะที่ประกาศใช้สกิล และสายลมจำนวนมากก็พุ่งตรงมายังที่ๆกรนั่งอยู่นั่น แต่กรก็ยังใช้แรงที่เหลือในการลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและถีบพื้นออกไปทางด้านขวาของตน
ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!!
〝อ้ากกกกกก!!!!!!!〞
แต่แม้จะหลบพ้นทั้งหมด กรก็ยังคงโดนการโจมตีปริศนาเข้าไปจังๆถึง 2 ทีอยู่ดี ทั้งที่บริเวณขาซ้ายและบริเวณกระดูกสะบักด้านซ้าย การโจมตีนั่นทำให้กรได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว และในขณะที่กรกำลังพุ่งตัวไปกำลังโดนการโจมตีนั่นจนลอยอยู่กลางอากาศอยู่นั้น
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ตู้ม!!!!!!!!
〝อั๊กกกก!!!!!!!〞
เคลเบรอสก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอย มันวิ่งตรงเข้ามาในขณะที่กรลอยคว้างอยู่ในอากาศอย่างรวดเร็ว และก็ใช้หัวทั้ง 3 กระแทกเข้าไปที่ตัวกร แม้จะเป็นการโจมตีที่ไม่ใช้สกิลเลยก็ตาม แต่นั่นเพราะสเตตัสที่มีมากกว่า 10 ล้านนั่น เลยทำให้การโจมตีจังๆโดยตรงเพียงครั้งเดียวนั่น เป็นการโจมตีที่รุนแรงถึงขนาดทำให้ตายในทันทีได้เลย แถมการกระแทกนั่นยังทำให้อาวุธเพียงหนึ่งเดียวของกรแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกต่างหาก แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือการพุ่งของมันยังไม่จบ เพราะมันยังคงพุ่งต่อไปจนกระทั่งพากรที่กำลังถูกชนอยู่อัดเข้าไปที่ผนังของห้องโถงอีกต่างหาก นั่นเลยทำให้กรถึงกับกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว แล้วพอเคลเบรอสผละออกมา กรที่โดนอัดจนตัวติดผนังก็ค่อยๆร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงลงมาที่พื้น
ยะ แย่แล้ว
มองไม่เห็นทางรอดเลยซักนิด….อีแบบนี้ไม่รอดแหงๆ นี่ตูจะตายอีกแล้วงั้นเหรอเนี่ย
ทั้งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะมีชีวิตรอดด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ...แต่นี่มันยังไม่เริ่มเลยไมใช่รึไงกัน!
บ้าชะมัด....อยากฆ่าตัวเองทิ้งซะจริง เรานี่มันไม่ได้เรื่องเลย!!!!
ถ้าคิดดีๆก็น่าจะรู้ไม่ใช่รึไงว่ามันเป็นห้องบอสหน่ะ! แล้วก็ต้องคิดที่จะเตรียมแผนรับมือไว้ก่อนด้วย!!!
เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยประมาทง่ายๆได้ซักทีวะ
เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยคิดเข้าข้างตัวเองซักทีวะ!!!
เวรเอ้ย!!! ...อ่อนหัด แกมันอ่อนหัดจริงๆ อุษณกร!!!
แค่ได้พลังโกงๆมานิดหน่อยใช่ว่าจะแข็งแกร่งจนสู้ได้กับทุกอย่างซะหน่อย ...ฉันนี่มันหย่อนยานจริง!!!! ไม่ได้มีการวางแผนรับมือล่วงหน้าหรือหาทางหนีทีไล่ไว้เลย เพราะคิดว่ายังไงก็ไม่แพ้นั่นแหล่ะ ปัดโถ่ว้อยยยย!!!!!!!
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ในขณะเดียวกับที่กรมีความคิดมากมายพรั่งพรูออกมาเพราะรู้สึกได้ถึงความตายอันน่าหวาดหวั่นนั่นอีกครั้งอยู่นั้น เคลเบรอสก็เดินออกไปในทิศตรงข้ามของกร ราวกับจะบอกว่าการต่อสู้ได้จบสิ้นลงแล้วพร้อมกับพูดประโยคนึงขึ้นมา
〖ลาก่อน.... อย่าโกรธเคืองข้าเลยหล่ะ......〗
〖...เพราะว่าเจ้ามัน อ่อนแอเกินกว่าจะสู้ด้วยตัวคนเดียว นั่นแหละ! 〗
〝..................〞
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
กรที่ได้ยินคำพูดเชิงดูถูกนั่นเข้าไปแต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย นั่นเลยทำให้เคลเบรอสคิดว่ากรได้หมดใจสู้และได้ทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตรอดไปแล้ว จึงเดินต่อไปยังทิศทางตรงข้ามของกรอย่างไม่ลังเลอีก แต่ทว่า.....
แกร็ก!!!
〖!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!?〗
แต่เพราะมีเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อยในทิศทางที่กรนอนอยู่ เคลเบรอสที่คิดว่ากรได้แน่นิ่งไปแล้วจึงเกิดอากาศตกใจเล็กน้อย นั่นเพราะคิดว่าการโจมตีอย่างต่อเนื่องของตนไม่มีทางที่กรจะรอดได้ก็ด้วย และถึงจะยังมีสติแต่ต้องไม่มีแรงที่จะขยับได้แล้วแน่นอน เคลเบรอสจึงหันหน้ากลับไปดูอย่างรวดเร็วราวกับจะสะบัดหน้าไปมองยังไงอย่างงั้น แต่ทว่า.....
ตู้ม!!!!!!!!
〖อ๊อกกกกกก!!!! อะ อะไรกันนน!!!!!?〗
แล้วเคลเบรอสที่ยังหันหน้ากลับไปมองได้ยังไม่ถึงครึ่งก็ถูกการโจมตีปริศนาเข้าอย่างกระทันหันเข้าไปที่ใบหน้าของตัวที่อยู่ด้านซ้ายอย่างจัง การโจมตีนั่นหนักหน่วงมากถึงมากที่สุดตั้งแต่ที่เคยพบเคยเจอมาเลยทีเดียว นั่นทำให้เคลเบรอสตกใจและได้รับความเสียหายอย่างมาก จนถึงกับกระอักออกมาเลยทีเดียว
ฟิ้ว!!!!
ตู้ม!!!!!!!!
และเพราะการโจมตีปริศนาที่สุดแสนจะรุนแรงนั่น ทำให้เคลเบอรอสที่ถูกการโจมตีนั่นเข้าอย่างจังถึงกับลอยกระเด็นไปอย่างรวดเร็วจนไปกระแทกเข้ากับประตูทางเข้าของห้องบอสเลยทีเดียว และแม้ประตูนั่นจะไม่เกิดรอยร้าวขึ้นมาก็ตาม แต่ก็ทำให้เคลเบรอสบาดเจ็บหนักได้พอสมควรเลยทีเดียว เพราะเพิ่งจะเคยโดนการโจมตีกระทันหันที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แถมการโจมตีนั่นยังสร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้ เคลเบรอสจึงรีบหาต้นเหตุของการโจมตีนั้นทันที
ซู่มมมม!!!!!!!!!!
〖จะ....เจ้า!!!!!!!!!!?〗
และที่กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของเคลเบรอสก่อนที่จะถูกโจมตีนั่นก็คือ กรที่อยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากรอยฟันและไฟไหม้เต็มตัว กำลังอยู่ในท่ายื่นหมัดขวาที่มีควันพวยพุ่งออกมาจากการที่เข้าโจมตีเคลเบรอสด้วยความเร็วที่สุดยอดนั่น กำลังเล็งมามาทางเคลเบรอสนั่นเอง ดูจากท่าทางนั่นก็รู้ได้เลยว่าการโจมตีอันรุนแรงนั่นของกรมาจากการใช้หมัดล้วนๆ ดูจากสภาพบาดแผลภายนอกแล้วเขาไม่น่าจะยืนขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ แต่ที่น่าตกใจมันไม่ใช่แค่นั้น นั่นก็เพราะ รอบตัวของกร มีออร่าสีทองส่องประกายงดงามกำลังโอบล้อมร่างกายของกรนั่นอยู่ต่างหากที่น่าตกใจยิ่งกว่า
〝ถูกอย่างที่แกพูด....เคลเบรอส......ตัวฉันนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียว....
แต่นั่น......คือขีดจำกัดทางความคิดของแกไม่ใช่ฉัน!! ที่ฉันยังอ่อนแอหน่ะ
เป็นเพราะมัวแต่ยึดติดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเพราะใช้ความรู้สึกและอารมณ์เป็นที่ตั้งต่างหาก.....〞
ใช่แล้ว......ความรู้สึกหน่ะเป็นสิ่งที่ทิ้งไปไม่ได้ซักหน่อย... ต่อให้มันเป็นสิ่งที่สร้างความทรนงจนเหลิงและความประมาทให้กับตัวเองจนนำไปสู่ความตายเหมือนตอนนี้ก็ตาม
นั่นเพราะถ้าทำแบบนั้นไป ก็จะสูญเสียความเป็นตัวเอง..... สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปหน่ะสิ เรื่องแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก...
คำถาม...... งั้นจะจัดการกับความรู้สึกที่มาขัดแข้งขัดขานี่ยังไงดี?
คำตอบมันก็ง่ายๆ....
แปร๊ก!!!!!!
แล้วเสียงที่เหมือนกับสวิทซ์ไฟที่ได้ถูกปิดลงอย่างแรง ก็ดังขึ้นในสติของกร
〝….เพราะงั้น.....ก็แค่ปิดมันลงซะก็พอ สวิทซ์ที่ใช้บงการความรู้สึกทั้งหมดนั่นหน่ะ!〞
กรที่พูดแบบนั้นทำสายตาที่เฉียบคมพร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรงที่ตนก็ยังไม่รู้เลยว่าเอามาจากไหน ส่งไปยังเคลเบรอสที่ยังคงนอนอยู่เพราะการโจมตีด้วยหมัดลุ่นๆของกร ความกดดันที่รุนแรงนั่นทำให้เคลเบรอสกระตุกไปชั่วขณะนึงเลยทีเดียว เคลเบรอสจึงจ้องกลับไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาลเสียยิ่งกว่าตอนแรก แต่กรที่จ้องสายตาของเคลเบรอสนั่นกลับตรงๆก็ไม่ได้มีอาการหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เคลเบรอสที่มองไปในดวงตาของกร ที่ตอนนี้มืดสนิทไร้ซึ่งแสง ไม่มีสิ่งใดสะท้อนออกมาราวกับหลุมดำที่จะดูดกลืนผู้ที่จ้องมองให้ตกสู่ห้วงแห่งความหวาดกลัวได้เลยทีเดียว
〖เจ้าหนู!!!! เจ้าเป็นใครกันแน่!!!!?〗
เสียงของเคลเบรอสนั้นสั่นเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า กับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของกรโดยสิ้นเชิง รวมถึงออร่าสีทองที่โอบล้อมกรอยู่ด้วยเช่นกัน ก็เลยถามออกไปแบบนั้นโดยไม่กังวลเรื่องศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
แล้วพอเคลเบรอสถามออกมาแบบนั้น กรก็เดินเข้ามาทางเคลเบรอสด้วยท่าทางสบายๆ โดยที่ไม่สนเลยว่าสภาพร่างกายของตัวเองบอบช้ำขนาดไหน ราวกับจะเยาะเย้ยเคลเบรอสในตอนแรกยังไงอย่างงั้น แล้วก็ตอบกลับเคลเบรอสออกไปด้วยเสียงโทนเดียวที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
〝คนที่จะอัดแกให้หมอบ.....ยังไงหล่ะ!〞
แล้วกรก็ตอบกลับเคลเบรอสออกไปด้วยคำพูดที่แสนเย็นชาและแววตาอันว่างเปล่าอย่างที่สุดนั้น ทำให้คราวนี้เคลเบรอสเริ่มที่จะเป็นฝ่ายหวาดกลัวกรขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว สาเหตหนึ่งนั่นเป็นเพราะใบหน้าของกรที่พูดแบบนั้นออกมามีรอยยิ้มอันแสนชั่วร้ายแสยะออกมาอย่างน่ากลัว แต่เรื่องนี้เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
เวรเอ๊ย!!!......บัดซบ!!!ขยับซักทีสิฟ่ะ! แกเป็นร่างกายของฉันไม่ใช่รึไงกัน!!! เพราะโดนการโจมตีอันแสนหนักหน่วงของเคลเบรอสไปอย่างต่อเนื่อง จนทำให้กรในตอนนี้ไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่เคลเบรอสเดินออกไปทางตรงข้ามเหมือนกับว่าหมดความสนใจในตัวกร กรจึงทำได้แค่หงุดหงิดอยู่ในใจเพียงเท่านั้นขยับ.....ขยับสิโว้ยยย!!!!!!บ้าเอ๊ย!!! แบบนี้มันก็เหมือนกับตอนนั้นเลยไม่ใช่รึไงกัน!!!ทำได้แค่จมอยู่กับความอัปยศของตัวเองอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....ทำได้แค่ทนดูไอ้บ้านั่นมันหยามหน้าอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....ทำได้แค่นอนรอความตายอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....คิดว่าจะยอมรึไงกัน!.....อุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาจากความตายนั่นได้แล้วแท้ๆเชียว!หลังจากผ่านเรื่องแบบนั้นมาแล้ว ใครมันจะไปอยากตายกันว่ะ!!!เวรเอ๊ย!!ขยับซิฟ่ะ!...ขยับซักทีสิโว้ยยย!!!!!! แน่นอนว่ากรยังไม่ยอมแพ้ซักนิดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายกลับมาทำตามคำสั่งแต่อย่างใด กรจึงทำได้แค่ตะโกนด่าทอตัวเองอยู่ในใจเท่านั้นเอง แต่ในขณะที่กรกำลังตะโกนแบบนั้นในใจอยู่เรื่อยๆนั้น ก็มีเสียงประกาศที่ไม่ทราบเพศดังขึ้นในสติของกร【เงื่อนไขเสร็จ
อืม.........ฉันสลบไปอีกแล้วงั้นเหรอ? หลังจากที่การต่อสู้อันดุเดือดของกรและเคลเบรอสที่ใช้ศักดิ์ศรีและชีวิตเข้าห่ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่งได้จบสิ้นลง กรก็ได้สติขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอใช้สุดยอดการประมวลผลตรวจสอบดูกลับพบว่าตัวเองที่เพิ่งได้สติ อาจจะกำลังสลบอยู่จนถึงเมื่อครู่ จึงได้สงสัยขึ้นมาแบบนั้นอืม.....ลองนึกย้อนไปก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าเราจะใช้『จิตวิญญานเหล็กกล้า』ไปสินะ.....งั้นก็หมายความว่าตัวเรา.....ตายไปอีกแล้วสินะ....ไม่สิ ไม่สิ ตอนนี้ยังรู้สึกถึงร่างกายได้อยู่เสียงเต้นของหัวใจเองก็ยังได้ยินอยู่เลยแล้วมันหมายความว่าไงกันละเนี่ย!ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกสกิลนั่นจะเขียนไว้ว่า หลังจากใช้ไปแล้วจะเสียชีวิตแทบจะทันที ไม่ใช่รึไง? นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย....แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆละก็... ตัวฉันเนี่ยก็สุดยอดสุดๆเลยนะสิ... ฟื้นจากความตายมาได้ถึง 2 ครั้ง แถมยังแทบจะในเวลาไล่เลี่ยกันอีก ไม่สิ....ที่ตายบ่อยเนี่ยก็เพราะอ่อนเองด้วยนั่นแหล่ะนะ น่ากลัวชะมัดเลยแฮะ....ใช่ หมายถึงตัวฉันเองนั่นแหล่ะ...แต่ใช่ว่าผลลัพธ์ออกมาแบบนี้แล้วจะไม่ดีใจหรอกนะ ก็แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง....แต่ทั
แปล๊บๆๆๆ!!!!!!!〝จ๊ากกกกกก!!!!!!!!!!〞 หลังจากที่กรได้หลั่งน้ำตาออกมาเพราะความรู้สึกหลายๆอย่างที่สั่งสมมานาน จากทั้งแรงกดดันและความเครียดทั้งหลายที่สะสมมามากเสียจนทะลุปรอทได้จบลง จู่ๆกรก็สัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลผ่านไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างกระทันหันจนถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้นในท่าหงายท้องมองดูดาวเลยทีเดียว ทั้งยังเกิดควันสีดำคลุ้งออกมาจากร่างจนทั่วเลยทีเดียว รวมทั้งผมยาวๆของตัวกรเองก็ยังตั้งฟูเป็นผมทรงแอ็ฟโฟร่ฟูฟ่องอย่างหนาเพราะกระแสไฟฟ้าที่ว่าไปพร้อมๆกันจนดูน่าขบขันไม่ใช่น้อย นั่นเลยทำให้ตัวของกรชาไปหมดแล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นตามระเบียบอึ๊ก! อะไรกันเนี่ย.... หลังจากที่ต้องรับภาระทางจิตใจที่มากเสียยิ่งกว่ามากจนล้นออกมาแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกงั้นเหรอ!? นี่มันจะเกินไปแล้วนะเฮ้ย!!!ยะ...อย่าบอกนะว่านี่เป็นผลข้างเคียงของสกิล หรือไม่ก็เป็นบทลงโทษของคนที่ใช้โปรแกรมโกง———เดี๋ยวๆๆๆ....ฉันไม่ได้ใช้โปรแกรมโกงหรือชีตทูล(Cheat Tool) หรืออะไรเทือกๆนั้นซักกะนิดเดียว...ถ้าจะโทษก็ไปโทษไอ้คนที่จัดสกิลมาให้ฉันซะสิ....แต่เดี๋ยวดิ แล้วคนที่จัดมันเป็นใครหว่า!?แล้วนี่
〝สะ....สุดยอด! นี่มันสวยกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะเนี่ย!〞 หลังจากที่กรใช้เวลาพอสมควรในการลงบันไดมายังชั้นที่ 26 ตามคำแนะนำของเคลเบรอส ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของกรที่ยืนอยู่ตรงปากทางออกก็คือ บริเวณทางเดินที่ถูกเชื่อมต่อไปยังบริเวณที่คล้ายกับถ้ำใต้ดินซึ่งมีส่วนประกอบทั้งหมดเป็นหินสีน้ำตาลเข้ม ผิวขรุขระตลอดแนวไปจนสุดสายตาดังที่เห็นได้บ่อยๆในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในภูเขา แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ บริเวณพื้นผิวของถ้ำทั้งหมดนั้นมีจุดสีฟ้าเล็กๆเป็นจำนวนมากเกาะอยู่ทั่วบริเวณถ้ำเสียไปทั่วบริเวณที่กรมองไปถึง และแม้จะไม่มีแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในพื้นที่ปิดตายนี้แต่อย่างใด แต่จุดเล็กๆทั้งหลายนั้นกลับยังสะท้อนแสงและกระพริบไปมาเป็นจังหวะอย่างสวยงาม และด้วยความที่เพดานของถ้ำนั้นสูงกว่าพื้นดิน 5 เมตร นั่นเลยทำให้จุดสีฟ้าจำนวนมหาศาลที่กำลังส่องประกายระยิบระยับบนเพดานถ้ำเหล่านี้คล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปราศจากการบดบังของก้อนเมฆจนเห็นดวงดาวส่องประกายเต็มท้องฟ้าอย่างงดงามหาใดเปรียบยังไงอย่างงั้นเลย กรเองที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่เช่นกันเพราะถูกความงดงามนั่นตราตรึงและดึงดูดสายตาเสียจนเบนหน้าหนี
———1 สัปดาห์ต่อมา.....แคร็กๆๆๆๆ!ตึก!——— ตึก!——— ตึก!——— ท่ามกลางจุดสีน้ำเงินส่องประกายสวยงามซึ่งประดับอยู่บนเพดานถ้ำนับล้านจุดจนคล้ายกับหมู่ดาวมากมายบนกาแล็คซี่ทางช้างเผือกยามค่ำคืน กลับได้ยินเสียงรบกวนโสตประสาทที่ไม่เข้ากับพื้นที่และบรรยากาศอันแสนงดงามนี้ดังขึ้นเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเองก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้าไปใกล้เสียงที่ว่านั้นอย่างช้าๆและเป็นจังหวะด้วยเสียงที่เบาบางราวกับตีนแมวยังไงอย่างงั้นชึบ!———แกร็ก!แคร็กๆๆๆๆๆ!!!!!!! ในจังหวะเดียวกันก็เกิดเสียงคล้ายกับโลหะสองชิ้นเสียดสีกันและเสียงที่คล้ายกับอะไรซักอย่างลงล็อกกันได้พอดีนั่น เลยดูเหมือนจะสร้างความสนใจให้กับแหล่งกำเนิดเสียงที่ไม่น่าอภิรมณ์ในตอนแรกนั่นไม่น้อย เสียงที่น่ารำคาญนั่นดังขึ้นเรื่อยๆ และเข้ามาใกล้เสียงของฝีเท้าในตอนแรกที่กำลังเดินเข้าไปหาแทนอย่างรวดเร็วราวกับกำลังหิวกระหายต่ออะไรซักอย่าง แต่ทว่า....เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ก๊าซซซซซ!!!!!!!!!! ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เสียงโลหะลงล็อกกันในตอนแรกได้จบลง ก็เกิดเสียงดังที่คล้ายกับมีคนจุดป
———ย้อนกลับไปเล็กน้อย ณ แคมป์พักผ่อนของเหล่านักเรียนผู้กล้าทั้งหลาย…〝นี่ๆ ทางนั้นล่าอะไรไปบ้างล่ะ!〞〝ฮะฮ่ะ!!!...ไม่อยากจะโม้ พวกเราล่า『หมีเนตรเพลิงป่า』ได้ตั้ง 10 ตัวเลยนะ!!!〞〝อะไรกัน...ทางฉันจัดการได้ตั้ง 15 ตัวยังไม่โม้เลยนะเฟ้ย!〞〝โกหกน่า! สุดยอดไปเลยนี่หว่า〞 ณ บริเวณพื้นที่โล่งกว้างห่างจากตัวป่าประมาณ 100 เมตร พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้าเล็กๆ คล้ายกับสนามฟุตบอลไปทั่วทั้งบริเวณที่มองเห็นได้แม้จะอยู่ห่างจากตัวป่ามาขนาดนี้ก็ตาม ได้มีกลุ่มคนจำนวนมาก สวมชุดเกราะเบาและถืออาวุธนานาประเภท ทั้งไม้เท้า ดาบหรือแม้แต่หอกเองก็ด้วย ดูจากใบหน้าและน้ำเสียงแล้ว พวกเขาเหล่านั้นยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มและเด็กสาวอายุ 15-17 เท่านั้นเอง กำลังพูดคุยเป็นเชิงโอ้อวดกันด้วยเสียงดังเซ็งแซ่ ถึงสิ่งที่ตัวเองได้ไปล่ามากับเหล่าพวกพ้องในปาร์ตี้ก่อนหน้า แล้วหากสังเกตบริเวณโดยรอบดีๆ จะมีเต็นท์ขนาดใหญ่ประมาณ 1 ห้องแถวถูกคลุมด้วยผ้าสีน้ำตาลอยู่ 3 หลังในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ด้วย แล้วยังมีซุ้มทรงสูงที่ประกอบขึ้นจากไม้และมุงหลังคาง่ายๆด้วยฟาง อยู่อีก 2 หลังติดกัน แล้วตรงเคาท์เตอร์ด้านหน้ายังมีหม
ท่ามกลางความเงียบสงบของดันเจี้ยนอันแสนมืดมิด ที่มีสภาพพื้นที่โดยรอบเป็นถ้ำปิดตายไร้ซึ่งความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ แต่ก็ยังคงมองเห็นพื้นที่ใกล้เคียงได้อยู่ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเพดานของถ้ำที่ว่า มีจุดสีฟ้าเข้มและอ่อนตัดกันไปมา จุดสีเหล่านั้นเรียงรายกันไปทั่วอยู่บนนั้นอย่างไร้รูปแบบ แต่ก็ยังคงความงดงามจนยากจะละสายตาได้ กำลังส่องประกายไปทั่วจนคล้ายกับท้องฟ้าจำลองยังไงอย่างงั้นตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! แล้วท่ามกลางความสงัดที่ว่า กลับมีเสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้วิ่งแต่อย่างใด แต่ระยะห่างระหว่างก้าวหนึ่งครั้งที่ได้ยินนั้นกลับกระชั้นชิดเสียเหลือเกิน ราวกับเขาคนนี้กำลังเดินหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงอะไรบางอย่างอยู่ยังไงอย่างงั้น บนใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นไม่ได้มีความหวาดกลัวเลยซักนิดเดียว จะมีก็แต่สีหน้าลำบากใจกับเหงื่อไหลลงมาจากใบหน้าเพียงสองสามหยดเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ตามเขามาไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเขาตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
〝——สรุปแล้วก็คือ ...ไม่มีทางออกดันเจี้ยนได้ นอกจากจะใช้เวทย์มิติ ประเภทเซฟพิกัดเท่านั้นสินะ〞〝อื้ม… ใช่แล้วหล่ะ!〞〝แล้วเวทย์มิติที่ว่าเนี่ย หายากรึเปล่า?〞〝อืม..... อย่าว่าแต่เวทย์มิติเลย ปกติแล้ว มนุษย์ที่มีคุณสมบัติในการเป็นจอมเวทย์หน่ะ หายากสุดๆไปเลยด้วยซ้ำ ถึงจะไม่น้อยขนาดนั้นก็เถอะ แต่ใน 1,000 คน ก็มีแค่ประมาณ 150 คนเท่านั้นแหล่ะ เพราะงั้นเวทย์มิติก็เลยหายากกว่านั้นซะอีก.... แต่เพราะงั้นก็เลยมีคนทดลองลงตราเวทย์จุดเซฟที่ว่า ลงไปในหินเวทย์มนต์ ผลก็คือ ทำให้เกิดไอเทมเวทย์มนต์ชนิดใหม่ที่สามารถใช้แทนเวทย์มิติได้ ชื่อของมันก็คือ 『ศิลาเวทย์เคลื่อนย้าย』 แล้วนอกจากจะใช้วาร์ปเข้า-ออกดันเจี้ยนในชั้นต่างๆ ได้ตามใจแล้ว ถ้าเป็นคณะเดินทางที่มีใบอนุญาตก็จะสามารถใช้เดินทางข้ามเมืองได้ด้วยนะ....〞.. หลังจากที่กรยอมรับ『มีอา』เด็กสาวที่เขาช่วยเหลือไว้ได้ด้วยความบังเอิญในครั้งก่อน ให้เดินทางไปด้วยกันได้ โดยแลกกับข้อมูลของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนแห่งนี้ ก็ผ่านมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา กรได้ถามข้อมูลจากมีอามาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่ได้แสดงท่า
———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น
〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ
หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร
〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ
หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง
หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...
〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ
〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็
หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป