หลังจากออกจากมหาวิทยาลัย ซาเอบะและหลินหลินเดินทางกลับไปยังหอพักของเมย์อีกครั้ง ทั้งสองรู้สึกว่ามีบางอย่างที่พวกเขาอาจจะมองข้ามไปในการตรวจสอบครั้งแรก
เมื่อกลับมาถึงห้องของเมย์ ซาเอบะตัดสินใจตรวจสอบรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเป็นเบาะแสสำคัญ เขาเริ่มจากการค้นหาที่อยู่ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของเมย์ ซึ่งอาจมีข้อมูลสำคัญสามารถเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ
"หลินหลิน คุณรู้ไหมว่าเมย์เก็บคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ไว้ที่ไหน?" ซาเอบะถาม
"ปกติเธอจะเก็บไว้ในลิ้นชักข้างเตียงค่ะ" หลินหลินตอบพร้อมกับชี้ไปยังลิ้นชักที่ว่า
ซาเอบะเปิดลิ้นชักและพบว่าโทรศัพท์ของเมย์ยังคงอยู่ที่นั่น แต่คอมพิวเตอร์หายไป ซาเอบะรู้สึกว่ามันแปลก เพราะคนส่วนใหญ่มักจะพกโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา แต่การที่คอมพิวเตอร์หายไปอาจหมายถึงมันอาจจะถูกใครบางคนเอาไปเพื่อปิดบังข้อมูลสำคัญ
"ใครบางคนอาจจะเอาคอมพิวเตอร์ไปเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง" ซาเอบะกล่าว "แต่ทำไมถึงไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย?"
ซาเอบะตัดสินใจเปิดโทรศัพท์ของเมย์เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่เขาพบว่ามันถูกล็อคด้วยรหัสผ่าน เขาจึงขอให้หลินหลินช่วยเดารหัสผ่านที่เป็นไปได้ หลินหลินนึกถึงนิสัยส่วนตัวของเมย์
"ลองรหัสวันเกิดของเธอดูค่ะ" หลินหลินแนะนำ
ซาเอบะลองใส่วันเกิดของเมย์ และโชคดีที่มันได้ผล โทรศัพท์ถูกปลดล็อค เขาเริ่มสำรวจข้อความและอีเมลของเมย์ หวังว่าจะเจอเบาะแสเพิ่มเติม
ขณะที่ซาเอบะเลื่อนดูข้อความ เขาพบว่ามีข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ที่ส่งมาถึงเมย์หลายครั้ง ในข้อความนั้นเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ ที่ดูน่ากลัว เช่น "ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน" และ "เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้"
"ดูเหมือนเมย์จะถูกข่มขู่จริง ๆ" ซาเอบะกล่าว
หลินหลินตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความเหล่านั้น "ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีคนตามแบบนี้"
ซาเอบะเก็บข้อความเหล่านั้นไว้เป็นหลักฐาน และตัดสินใจที่จะสืบหาว่าใครเป็นคนส่งข้อความเหล่านี้
"เราต้องหาว่าเบอร์นี้เป็นของใคร" ซาเอบะกล่าว "มันอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการหาตัวเมย์"
ซาเอบะและหลินหลินตัดสินใจที่จะสืบหาต้นตอของเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความข่มขู่มาหาเมย์ ด้วยความหวังว่าจะสามารถพบเบาะแสที่นำไปสู่การค้นหาตัวเมย์ได้"เราควรจะเริ่มจากการตรวจสอบข้อมูลของเบอร์โทรศัพท์นี้" ซาเอบะกล่าว ขณะเขากำลังใช้เครื่องมือค้นหาข้อมูลเพื่อดูว่าเบอร์นี้อาจจะเกี่ยวข้องกับใครซาเอบะทำการค้นหาข้อมูลเบื้องต้นและพบว่าเบอร์โทรศัพท์นี้เป็นของหมายเลขที่ถูกลงทะเบียนในชื่อของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซาเอบะบันทึกชื่อบริษัทและที่อยู่ที่แสดงไว้"เราควรไปที่บริษัทนี้และถามข้อมูลเพิ่มเติม" ซาเอบะเสนอ "บางทีอาจมีข้อมูลบางอย่างที่สามารถเชื่อมโยงกับคดีนี้"ทั้งสองเดินทางไปยังบริษัทที่เบอร์โทรศัพท์นั้นลงทะเบียนอยู่ บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ดูแลด้านความปลอดภัยและระบบสื่อสาร ซาเอบะและหลินหลินเข้าไปในสำนักงานและขอพบกับผู้จัดการผู้จัดการของบริษัทคือชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกดีใจนักที่มีคนมาเยี่ยม เขานั่งลงและฟังเรื่องที่ซาเอบะเล่า"ผมเข้าใจว่าคุณค้นหาเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ส่งข้อความข่มขู่ใช่ไหม?" ผู้จัดการถาม"ใช่ครับ เราต้องการทราบว่าเบอร์นี้เชื่อมโยงกับใคร และเหตุใดถึงส่งข้อความข่มขู่ไปยังเมย์" ซ
หลังจากที่ซาเอบะและหลินหลินได้รับข้อมูลจากภูมิแล้ว ซาเอบะรู้ว่าเขาต้องมองหาความเชื่อมโยงที่อาจถูกมองข้ามไป ในช่วงเย็นของวันนั้น ซาเอบะนั่งทบทวนเบาะแสทั้งหมดที่เขามีอยู่"ตอนนี้เรามีข้อมูลจากโทรศัพท์ของเมย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการข่มขู่เกิดขึ้น" ซาเอบะกล่าว "และเรายังมีข้อมูลจากภูมิ ที่บอกว่าเบอร์โทรศัพท์นั้นเชื่อมโยงกับเขา แต่เขาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"หลินหลินนั่งอยู่ข้าง ๆ และพูดขึ้น "เราต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูมิและบริษัทของเขา อาจมีสิ่งที่เรายังไม่รู้"ซาเอบะพยักหน้า และตัดสินใจเริ่มค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูมิและบริษัทที่เขาทำงานด้วย เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลออนไลน์ และพบว่าภูมิเคยมีปัญหาทางการเงินในช่วงที่เขาทำงานที่บริษัท"ดูเหมือนภูมิอาจจะมีแรงจูงใจบางอย่างที่เรายังไม่รู้" ซาเอบะกล่าว "แต่ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเมย์"ในตอนเช้าของวันถัดไป ซาเอบะและหลินหลินไปที่บริษัทที่ภูมิเคยทำงานเพื่อพูดคุยกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่อาจมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขาพวกเขาพบกับพนักงานอีกคนหนึ่งที่ชื่อ "นัท" ซึ่งดูเหมื
ซาเอบะและหลินหลินกลับมาที่สำนักงานของซาเอบะเพื่อทบทวนเอกสารทางการเงินที่พบในห้องของเมย์ เอกสารเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหนี้สินและการชำระเงินที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับภูมิซาเอบะเปิดเอกสารออกและตรวจสอบรายละเอียดอย่างละเอียด ในเอกสารมีข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สินที่ภูมิอาจมี รวมถึงการชำระเงินที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามกำหนด"ข้อมูลนี้อาจหมายความว่า" ซาเอบะกล่าว "ภูมิอาจมีแรงจูงใจในการกระทำบางอย่างเพื่อหาเงินด่วน แต่เราไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเมย์จริง ๆ"หลินหลินมองเอกสารและถาม "เราควรทำอย่างไรต่อไป?"ซาเอบะตอบว่า "เราต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระเงินที่ไม่ตรงตามกำหนดนี้ และอาจจะต้องค้นหาเกี่ยวกับผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้"หลังจากตรวจสอบเอกสารที่พบ ซาเอบะและหลินหลินตัดสินใจติดต่อผู้ให้กู้ที่เกี่ยวข้องในเอกสารเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนี้สินและการชำระเงินเมื่อได้ข้อมูลจากผู้ให้กู้ ซาเอบะพบว่าหนี้สินของภูมิไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเมย์โดยตรง แต่มันบ่งชี้ว่าเขาอาจมีความเครียดที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเงินอย่างรุนแรง"ภูม
ซาเอบะและหลินหลินกลับไปที่สำนักงานของพวกเขาหลังจากการสัมภาษณ์อาร์มและการตรวจสอบเอกสารที่พบในห้องของเมย์ พวกเขารู้ว่าการหาความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของเมย์เป็นเรื่องที่ท้าทายและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน“เราต้องการหลักฐานที่แข็งแกร่งกว่านี้” ซาเอบะกล่าวขณะเขานั่งที่โต๊ะทำงานและทบทวนข้อมูล “ตอนนี้เรามีเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับภูมิและอาร์ม แต่ยังไม่มีการเชื่อมโยงที่ชัดเจน”หลินหลินพยักหน้าและแนะนำ “เราควรจะกลับไปตรวจสอบข้อมูลและสอบถามผู้คนเพิ่มเติมที่อาจมีความเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อาจรู้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเมย์กับอาร์ม”ซาเอบะเห็นด้วยและตัดสินใจที่จะลงมือทำทันที เขาและหลินหลินออกจากสำนักงานเพื่อไปยังหอพักของอาร์มอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นที่อาจมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขัดแย้งระหว่างเขากับเมย์เมื่อถึงที่หอพัก ซาเอบะและหลินหลินพบกับ “ปุ๊บ” เพื่อนของอาร์มที่เคยเห็นเหตุการณ์การขัดแย้งระหว่างเมย์และอาร์ม“ปุ๊บ, คุณพอจะบอกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอาร์มและเมย์ได้ไหม?” ซาเอบะถามปุ๊บดูลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็พูด “อาร์มและเมย์มีปัญหาใหญ่ในระหว่างการทำโ
ในวันรุ่งขึ้น ซาเอบะและหลินหลินกลับมาที่สำนักงานเพื่อจัดระเบียบข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมา การสอบถามกับปุ๊บและการตรวจสอบเอกสารทำให้พวกเขามีมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเมย์และอาร์ม“เราต้องหาวิธีที่จะเชื่อมโยงข้อมูลที่เรามีอยู่ในตอนนี้” ซาเอบะกล่าว “ความขัดแย้งระหว่างเมย์และอาร์มอาจเป็นจุดเริ่มต้น แต่เราต้องหาหลักฐานที่ชัดเจนเพื่อยืนยันว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้อง”หลินหลินเสริม “เราอาจจะต้องกลับไปตรวจสอบสถานที่ที่เมย์อาจไปเยี่ยมบ่อย ๆ หรือพูดคุยกับคนที่ใกล้ชิดกับเธอ เพื่อหาความสัมพันธ์ที่อาจส่งผลต่อการหายตัวไปของเธอ”ซาเอบะเห็นด้วยและตัดสินใจไปที่ห้องเรียนของเมย์เพื่อพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นที่อาจมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเธอและสถานการณ์ของเธอ ก่อนที่พวกเขาจะไปที่ห้องเรียน ซาเอบะได้ทบทวนข้อมูลที่พวกเขามีในมืออีกครั้ง และพบว่ามีข้อมูลที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดซาเอบะเริ่มสังเกตเห็นการกระทำที่ผิดปกติในบันทึกของเมย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนที่เธอหายตัวไป เขาพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในลำดับเวลาและการจัดการเอกสาร ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของบางสิ่งที่ไม่ปกติเมื่อไปถึงห้องเรียน ซาเ
ซาเอบะและหลินหลินนั่งที่โต๊ะทำงานในสำนักงานของพวกเขา รายละเอียดของการประชุมลับที่เมย์เคยเข้าร่วมยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของซาเอบะ นี่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาการหายตัวไปของเมย์"เราต้องหาให้ได้ว่าการประชุมนี้เกี่ยวข้องกับอะไร และใครเข้าร่วมบ้าง" ซาเอบะพูดขณะมองดูเอกสารที่มีข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับการประชุมหลินหลินพยักหน้าและเริ่มค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมผ่านฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัย เธอพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับกลุ่มนักศึกษาที่มักจะจัดการประชุมลับเกี่ยวกับโปรเจกต์วิจัยที่สำคัญในห้องประชุมแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัย"ซาเอบะ ฉันพบข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มนักศึกษาที่จัดการประชุมลับนี้แล้วค่ะ" หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "มันเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ทำโปรเจกต์วิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเมย์ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มนี้""น่าสนใจมาก" ซาเอบะกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก "เราควรไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อตรวจสอบห้องประชุมและดูว่าเราสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ไหม"ทั้งสองเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยและมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมที่ใช้ในการจัดการประชุมลับ เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องประชุม ความรู้สึกหนักอึ้งของความลับที่
เช้าวันถัดมา ซาเอบะและหลินหลินกลับมาที่สำนักงานของพวกเขา หลังจากการค้นพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกลุ่มวิจัย พวกเขารู้ว่าคดีนี้กำลังจะเริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีหลายคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบซาเอบะเริ่มต้นวันด้วยการโทรหาเพื่อนร่วมงานในหน่วยสืบสวนของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือในการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาชิกในกลุ่มวิจัย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ที่พวกเขากำลังทำ"หลินหลิน, ฉันคิดว่าเราควรกลับไปพูดคุยกับอาร์มอีกครั้ง" ซาเอบะกล่าวขณะดูข้อมูลที่รวบรวมมา "เขาอาจจะรู้มากกว่าที่เขาให้ข้อมูลกับเรา"หลินหลินพยักหน้าและเตรียมตัวเพื่อออกไปเจออาร์มอีกครั้ง เมื่อพวกเขาไปถึงที่พักของอาร์ม พวกเขาพบว่าอาร์มดูเครียดและไม่สบายใจเมื่อเห็นซาเอบะและหลินหลิน"ซาเอบะ หลินหลิน พวกคุณกลับมาอีกแล้ว มีอะไรหรือ?" อาร์มถามด้วยน้ำเสียงที่กังวล"เรามีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มวิจัยที่คุณกับเมย์เป็นสมาชิก" ซาเอบะตอบด้วยท่าทีที่หนักแน่น "เราพบว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติในโปรเจกต์ของพวกคุณ และเราต้องการรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเมย์หรือไม่"อาร์มเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูด "โปรเจกต์ของพวกเรา
หลังจากที่ซาเอบะและหลินหลินได้รับข้อมูลจากอาร์มเกี่ยวกับโปรเจกต์วิจัย พวกเขารู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น แต่ข้อมูลที่อาร์มให้มายังไม่เพียงพอ ซาเอบะจึงตัดสินใจที่จะตรวจสอบเบื้องหลังของโปรเจกต์นี้ให้ลึกลงไปกว่านี้ทั้งคู่มานั่งที่คาเฟ่เล็กๆ ในย่านเงียบสงบ เพื่อรอการติดต่อจากคนที่ซาเอบะเคยทำงานด้วยมาก่อน คนนี้คือ แทน สายลับที่เชี่ยวชาญด้านการสืบข้อมูลลับ ซาเอบะรู้ดีว่าแทนจะสามารถช่วยหาข้อมูลที่พวกเขาต้องการได้อย่างแน่นอน"แทนคือสายลับที่เก่งที่สุดที่ฉันเคยร่วมงานด้วย" ซาเอบะบอกหลินหลิน ขณะจิบกาแฟร้อนเพื่อระงับความเครียด "เขาเคยช่วยฉันไขคดีใหญ่หลายคดี และถ้าใครจะช่วยเราได้ตอนนี้ ก็คงเป็นเขา"หลินหลินได้แต่นั่งเงียบๆ และพยักหน้ารับรู้ เธอรู้สึกประหลาดใจที่คนแบบซาเอบะ ซึ่งปกติแล้วมักจะทำงานคนเดียว ยังมีเพื่อนร่วมงานที่เชื่อใจได้ขนาดนี้เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ชายหนุ่มในเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำก็ก้าวเข้ามาในคาเฟ่โดยไม่พูดอะไร เขานั่งลงตรงข้ามซาเอบะและหลินหลินพร้อมกับหันมองไปรอบๆ ราวกับสำรวจสิ่งต่างๆ ในร้านอย่างละเอียดซาเอบะยิ้มก่อนจะแนะนำ "นี่คือแทน สายลับที่ฉันไว้ใจมากที่สุด แทน นี่ค
ทิวป่าที่ทอดยาวเบื้องหน้าให้ความรู้สึกเงียบงันจนผิดปกติ เส้นทางที่ชายแปลกหน้าชี้นำยังคงนำพวกซาเอบะลึกเข้าไปในพื้นที่ที่แทบไม่มีร่องรอยการเดินทาง หลินหลินเดินเคียงข้างเมย์ คอยจับมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจ ขณะที่ซาเอบะ ทาเคชิ และอาคิระคอยระวังภัยจากรอบด้าน “เราคงใกล้ถึงฐานของพวกมันแล้ว” ชายแปลกหน้าพูดพลางชี้ไปยังเนินเขาเล็กๆ ที่โผล่พ้นยอดไม้ “จากตรงนี้จะมองเห็นฐานได้ชัดหรือเปล่า?” ซาเอบะถาม “ขึ้นไปอีกไม่ไกลก็จะเห็น” ชายคนนั้นตอบ ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังในการเดิน เพราะพวกเขารู้ดีว่าการเข้าใกล้พื้นที่ของศัตรูย่อมหมายถึงอันตรายที่เพิ่มขึ้น ทุกย่างก้าวต้องใช้ความเงียบที่สุด เมื่อขึ้นถึงเนินเขาเล็กๆ กลุ่มของซาเอบะหยุดพักและสำรวจพื้นที่ด้านล่าง พวกเขามองเห็นฐานของคนร้ายที่ชายแปลกหน้ากล่าวถึง เป็นอาคารไม้หลังเล็กๆ ที่ล้อมด้วยรั้วลวดหนามสูง มีหอคอยเล็กๆ พร้อมกับคนยืนเฝ้าอยู่ด้านบน “ที่นี่ดูเหมือนจุดกระจายคำสั่ง ไม่ใช่ที่พักของหัวหน้ากลุ่ม” อาคิระวิเคราะห์ “แต่ก็ยังสำคัญอยู่ดี” ซาเอบะตอบ “เราอาจหาข้อมูลบางอย่างได้จากที่นี่” “แล้วเราจะบุกยังไง?” ทาเคชิถามขณะตรวจสอบปืนในมือ “ตอนนี้กระสุนเรา
เสียงลมหายใจที่หอบเหนื่อยของพวกเขาผสานเข้ากับเสียงป่าอันเงียบสงบ พื้นป่าที่พวกเขาเหยียบย่ำเต็มไปด้วยใบไม้ร่วงและกิ่งไม้เล็กๆ ที่แตกร้าวเบาๆ ใต้ฝ่าเท้า กลุ่มของซาเอบะยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจะหนีพ้นจากวงล้อมของคนร้ายมาได้ชั่วคราว แต่ความกดดันยังไม่ลดลง “เรายังปลอดภัยไม่พอ” ซาเอบะพูดขณะจับจ้องเส้นทางเบื้องหน้า แม้ความเจ็บปวดจากบาดแผลจะทำให้เขาเดินอย่างลำบาก แต่สายตาของเขายังเฉียบคมเหมือนเดิม “ปลอดภัยกว่าที่แล้วก็พอใจแล้ว” ทาเคชิพูดพลางปาดเหงื่อบนหน้าผาก “แต่กระสุนเรายังน้อยเกินไป แถมอาหารกับน้ำก็ใกล้หมด” “ใช่” หลินหลินเสริม “เราต้องหาทางจัดการพวกมัน ไม่อย่างนั้นเราจะหมดแรงก่อนถึงที่ปลอดภัย” อาคิระที่เดินนำหน้าหยุดกะทันหัน เขายกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดตาม “ตรงนั้น” เขาชี้ไปยังแนวต้นไม้ด้านขวา “ฉันเห็นอะไรบางอย่าง” ทุกคนหยุดนิ่ง ซาเอบะยกปืนขึ้นอย่างระมัดระวัง ทาเคชิเข้าไปยืนประกบเมย์ซึ่งยังมีสีหน้าหวาดวิตก หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากพุ่มไม้ เงาของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น เขาสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง มือถือมีดเล่มใหญ่ “พวกแกเป็นใคร?” ชายคน
ฟ้ากำลังเริ่มเปลี่ยนสีจากดำสนิทเป็นสีเทาอ่อน บ่งบอกถึงรุ่งสางที่ใกล้เข้ามา แต่ไม่มีใครในกลุ่มซาเอบะรู้สึกถึงความผ่อนคลายเลย เสียงลมหายใจที่หอบเหนื่อยจากการไต่หน้าผายังไม่ทันสงบดี ทุกคนก็ต้องรีบเร่งเดินต่อไป เสียงปืนจากกลุ่มคนร้ายยังคงดังเป็นระยะๆ จากด้านบนหน้าผา ราวกับจะย้ำเตือนว่าพวกเขายังไม่ปลอดภัย “เรามีเวลาไม่มากแล้ว” อาคิระพูดขณะจับแขนซาเอบะช่วยพยุงให้เขาก้าวเดิน “ฉันยังไหว” ซาเอบะตอบ แม้จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากแผลฟกช้ำที่เกิดจากการตกลงมาจากหน้าผา หลินหลินเดินนำหน้า คอยสังเกตเส้นทางอย่างระมัดระวัง ทาเคชิเดินประกบข้างเมย์ซึ่งยังมีสีหน้าหวาดวิตก “คุณแน่ใจไหมว่าไม่มีพวกมันดักหน้าเราอยู่?” ทาเคชิถามอาคิระ น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความไม่ไว้วางใจ “ถ้าพวกมันรู้ว่าคุณมุ่งหน้าไปทางไหน เราคงไม่มีโอกาสมาถึงจุดนี้” อาคิระตอบ “แต่เราก็ยังต้องระวังตัวไว้เสมอ” ซาเอบะหยุดเดิน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมีแสงสีส้มปกคลุม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคิด “มันไม่สมเหตุสมผล… พวกมันต้องการอะไรจากการล่าเราขนาดนี้?” “พวกมันคงไม่หยุดจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ หรือไม่ก็จนกว่าเราจะ…” อาคิระหยุดพูด ประโยคส
ความเงียบของป่าทึบถูกรบกวนด้วยเสียงใบไม้ที่กระทบกันเบาๆ เมื่อสายลมพัดผ่าน แม้เสียงไล่ล่าจากคนร้ายจะเงียบลง แต่กลุ่มของซาเอบะยังคงเคลื่อนตัวด้วยความระมัดระวัง ความเหนื่อยล้าจากการหลบหนีเริ่มส่งผลต่อร่างกาย แต่ไม่มีใครกล้าหยุดพัก “เหลืออีกไกลไหม?” เมย์กระซิบถาม หลินหลินที่เดินนำหน้าเหลือบมองแผนที่เก่าๆ ในมือก่อนตอบ “อีกไม่ถึงหนึ่งกิโล เราจะถึงจุดที่อาคิระบอกว่าเป็นขอบเขตของพื้นที่พวกมัน” “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” ทาเคชิถามพลางสำรวจพื้นที่รอบตัว ปืนในมือยังคงแน่นราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย “เขาบอกว่าข้างนอกเป็นพื้นที่ปลอดภัย แต่เราก็ยังไว้ใจไม่ได้จนกว่าจะเห็นกับตา” ซาเอบะตอบ สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ พร้อมประเมินความเสี่ยง ทันใดนั้น หลินหลินหยุดเดิน เธอยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดเช่นกัน “ได้ยินอะไรไหม?” ทุกคนตั้งใจฟัง เสียงกิ่งไม้หักดังมาจากด้านหลัง ซาเอบะยกปืนขึ้นในทันที เขาออกคำสั่งเบาๆ “เข้าที่กำบัง!” ทุกคนแยกย้ายไปหาที่หลบในพุ่มไม้และหลังต้นไม้ใหญ่ เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลุ่มของซาเอบะเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ทันใดนั้นเงาของชายคนหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากพุ่มไม
บรรยากาศในกระท่อมไม้เล็กๆ ชวนให้รู้สึกแปลกประหลาด ซาเอบะจับตามองชายสูงวัยตรงหน้าด้วยความระแวง แม้ชายคนนี้จะไม่มีท่าทีคุกคาม แต่คำพูดของเขาก็ทำให้ทุกคนในกลุ่มสงสัย “คุณพูดว่ารู้จักกับดักของพวกมัน?” ซาเอบะถามพร้อมกับขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดอะไรขึ้น ชายชรายิ้มจางๆ ก่อนจะยกมือขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อแสดงว่าเขาไม่มีอาวุธ “ใช่ ผมรู้จักพวกมันดี และผมรู้ว่าพวกคุณกำลังพยายามหนีจากอะไร” “แล้วทำไมถึงอยากช่วยเรา?” ทาเคชิถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำ เขายืนอยู่ด้านหลังซาเอบะ ปืนในมือยังคงเล็งต่ำแต่พร้อมใช้งาน ชายสูงวัยถอนหายใจ “เพราะผมเคยตกเป็นเหยื่อเหมือนพวกคุณมาก่อน ผมรู้ว่ามันโหดร้ายแค่ไหนที่จะถูกล่าในพื้นที่ที่ไม่ใช่ของตัวเอง” หลินหลินมองชายชราอย่างพินิจพิเคราะห์ “คุณมีชื่อไหม?” “เรียกผมว่าอาคิระก็พอ” ชายสูงวัยตอบ เขาขยับตัวลุกขึ้นช้าๆ ก่อนเดินไปหยิบขวดน้ำที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของกระท่อม “แต่ถ้าพวกคุณไม่ไว้ใจผม ผมก็เข้าใจ” “เราไม่ได้มีทางเลือกมากนัก” ซาเอบะพูด “แต่ถ้าคุณจะช่วยเรา คุณต้องบอกทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับพวกมัน” อาคิระยิ้มอีกครั้ง แต่คราวนี้ดวงตาของเขาฉายแววจริงจัง “พวกมันเป็นก
ความเงียบที่ปกคลุมหมู่บ้านร้างสร้างบรรยากาศชวนอึดอัด ทุกคนในกลุ่มของซาเอบะต่างรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล ทาเคชิเดินตรวจตรารอบๆ บ้านไม้เก่าหลังหนึ่ง มือยังจับปืนแน่น ขณะที่หลินหลินเดินตามอย่างระมัดระวัง เมย์เกาะฮิโรชิเอาไว้ ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยเพราะความกลัว “หมู่บ้านนี้เงียบเกินไป” หลินหลินพูดเบาๆ พลางมองรอบๆ ด้วยสายตาสงสัย “เงียบเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ” ซาเอบะกล่าว ขณะเดินออกจากบ้านหลังหนึ่งพร้อมกระดาษในมือ เขายื่นกระดาษนั้นให้ทาเคชิอ่าน ทาเคชิขมวดคิ้วเมื่อเห็นข้อความว่า “พวกเรารู้ว่าคุณจะมาที่นี่” “พวกมันเล่นเกมกับเรา” เขาพูด “เราควรออกจากที่นี่ก่อนที่จะสายเกินไป” “เห็นด้วย” ซาเอบะตอบ “แต่เราต้องหาวิธีให้แน่ใจก่อนว่าทางออกของเราจะปลอดภัย” ทันใดนั้น เสียงดัง ปัง! ก็ดังขึ้นจากระยะไกล เสียงนั้นสะท้อนไปทั่วหมู่บ้าน “ระวัง!” ซาเอบะตะโกน ทุกคนหมอบลงกับพื้นในทันที เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังเข้ามาใกล้จากทางทิศตะวันออก ฮิโรชิหันไปมองพลางพูดด้วยเสียงสั่น “พวกมันมาแล้ว…พวกมันรู้ว่าเราอยู่ที่นี่” ซาเอบะกัดฟันแน่น “เราต้องหาที่กำบัง” เขาออกคำสั่ง “ทาเคชิ! หลินหลิน! พาเมย์กับฮิโ
เสียงก้าวเดินเบาๆ ของกลุ่มซาเอบะยังคงดังสะท้อนในความเงียบสงัดของป่าทึบ แม้พวกเขาจะรักษาระยะห่างจากคนร้ายได้ แต่ความตึงเครียดยังคงปกคลุม เมย์เดินด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน หลินหลินประคองเธอเอาไว้ไม่ให้ล้ม “เราใกล้ถึงหมู่บ้านแล้วใช่ไหม?” เมย์ถามพลางหายใจหอบ “อีกไม่ไกล” ซาเอบะตอบ เขากวาดสายตาไปรอบตัวเพื่อจับตาความผิดปกติ ทาเคชิที่เดินตามหลังกลุ่มอยู่หยุดเท้ากระทันหัน เขาชูมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดตาม “มีบางอย่างผิดปกติ” เขาพึมพำเบาๆ ซาเอบะหันกลับมามองทาเคชิ สายตาของเขาฉายแววสงสัย “เจออะไร?” ทาเคชิชี้ไปยังพื้นดินเบื้องหน้า “ดูรอยเท้า…มันสดมาก” ซาเอบะขมวดคิ้วก่อนจะก้มลงตรวจดูรอยเท้าด้วยความระมัดระวัง “ไม่ใช่พวกเรา และมันไม่ได้มาจากคนร้ายที่ไล่ตามเราด้วย” “หมายความว่ามีคนอื่นอยู่แถวนี้?” หลินหลินถาม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความวิตก ซาเอบะพยักหน้าเบาๆ “ใช่ และคนพวกนี้อาจไม่เป็นมิตร” ทันใดนั้น เสียงกิ่งไม้หักดังมาจากพุ่มไม้ด้านข้าง ทุกคนต่างจับอาวุธในมือแน่น ขณะจ้องมองไปยังจุดที่เสียงดังขึ้น ซาเอบะยกปืนขึ้นเล็ง พร้อมออกคำสั่งเบาๆ “ระวังตัว…อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม” เงาร่างหนึ่งเคลื่อน
เสียงฝีเท้าหนักหน่วงและเสียงเห่าสะท้อนผ่านป่ามืด ซาเอบะหยุดวิ่งทันทีเมื่อเห็นเงาสะท้อนจากไฟฉายห่างออกไป เขายกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนหมอบลงใต้พุ่มไม้หนาทึบ แม้ว่าความเหนื่อยล้าจะเริ่มทำให้ขาของเขาสั่น แต่ซาเอบะก็รู้ดีว่าการหยุดชั่วคราวนี้เป็นสิ่งจำเป็น “พวกมันยังตามมาไม่เลิก” ทาเคชิพึมพำพร้อมปาดเหงื่อจากหน้าผาก ขณะที่เขาพยายามจับปืนให้มั่น “เงียบก่อน” ซาเอบะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่หนักแน่นพอให้ทุกคนทำตาม เสียงสุนัขที่เคยดังใกล้หูเริ่มห่างออกไปทางทิศเหนือ กลุ่มคนร้ายดูเหมือนจะเดินตามรอยที่กลุ่มของพวกเขาเบี่ยงเบนไว้ก่อนหน้า หลินหลินที่นั่งใกล้เมย์สัมผัสได้ถึงอาการตัวสั่นของหญิงสาว จึงเอื้อมมือไปจับแขนเมย์เบาๆ “อย่ากังวลไปนะ เราเกือบจะพ้นแล้ว” หลินหลินกระซิบด้วยน้ำเสียงปลอบโยน ซาเอบะหันมาหากลุ่มพลางกระซิบเบาๆ “เราต้องเคลื่อนที่ทันที ตอนนี้เป็นโอกาสดี พวกมันยังไม่ทันรู้ว่าเรามุ่งหน้าไปทางไหน” ทุกคนพยักหน้าและเริ่มเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางลำธารต่อ ซาเอบะนำทางไปขณะที่สายตาของเขากวาดมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง ทาเคชิคอยปิดท้ายกลุ่ม มือของเขากุมปืนแน่นตลอดเวลา หลังจากเดินต่อมาอีกหลายร้อยเมตร พว
ความเงียบภายในห้องใต้ดินถูกทำลายด้วยเสียงลมหายใจของกลุ่มซาเอบะ เสียงฝีเท้าหนักหน่วงของคนร้ายที่เดินวนอยู่ด้านบนทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัว ซาเอบะมองไปรอบๆ ห้องใต้ดินที่มีแสงสลัวจากตะเกียงน้ำมันดวงเล็ก ความกดดันในสถานการณ์ทำให้ทุกคนต้องเก็บเสียงอย่างที่สุด “เราออกไปตอนนี้ไม่ได้” ซาเอบะกระซิบเบาๆ ให้ทุกคนได้ยิน “พวกมันยังอยู่ใกล้ๆ” “แต่ถ้ารอนานกว่านี้ พวกมันอาจค้นเจอเรา” ทาเคชิแย้งด้วยน้ำเสียงร้อนรน มือขวาของเขากุมปืนแน่นราวกับเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ชายชราเจ้าของบ้านเดินเข้ามาพูดเบาๆ “ที่นี่มีทางออกลับอยู่ข้างหลังห้องใต้ดิน แต่ต้องคลานผ่านอุโมงค์แคบๆ ไป” เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของห้อง ซึ่งมีประตูไม้เล็กๆ ซ่อนอยู่ใต้กองลังเก่า “นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของเรา” หลินหลินพูด ขณะช่วยชายชราเคลื่อนลังออกจากทาง “ทาเคชิ นายไปก่อนเพื่อสำรวจทาง ถ้ามันปลอดภัย พวกเราจะตามไป” ซาเอบะสั่ง ทาเคชิพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูเล็กและคลานเข้าไปในความมืดที่รออยู่ ขณะที่ทุกคนรออยู่หลัง ทาเคชิก็ส่งสัญญาณกลับมาด้วยเสียงกระซิบว่า “ทางนี้ปลอดภัย แต่ต้องรีบแล้ว” ซาเอบะให้หลินหลินพาเมย์คลานตามไปก่อน เขาเองเป็นคนสุดท้า