เช้าวันถัดมา ซาเอบะและหลินหลินกลับมาที่สำนักงานของพวกเขา หลังจากการค้นพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกลุ่มวิจัย พวกเขารู้ว่าคดีนี้กำลังจะเริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีหลายคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
ซาเอบะเริ่มต้นวันด้วยการโทรหาเพื่อนร่วมงานในหน่วยสืบสวนของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือในการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาชิกในกลุ่มวิจัย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ที่พวกเขากำลังทำ
"หลินหลิน, ฉันคิดว่าเราควรกลับไปพูดคุยกับอาร์มอีกครั้ง" ซาเอบะกล่าวขณะดูข้อมูลที่รวบรวมมา "เขาอาจจะรู้มากกว่าที่เขาให้ข้อมูลกับเรา"
หลินหลินพยักหน้าและเตรียมตัวเพื่อออกไปเจออาร์มอีกครั้ง เมื่อพวกเขาไปถึงที่พักของอาร์ม พวกเขาพบว่าอาร์มดูเครียดและไม่สบายใจเมื่อเห็นซาเอบะและหลินหลิน
"ซาเอบะ หลินหลิน พวกคุณกลับมาอีกแล้ว มีอะไรหรือ?" อาร์มถามด้วยน้ำเสียงที่กังวล
"เรามีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มวิจัยที่คุณกับเมย์เป็นสมาชิก" ซาเอบะตอบด้วยท่าทีที่หนักแน่น "เราพบว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติในโปรเจกต์ของพวกคุณ และเราต้องการรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเมย์หรือไม่"
อาร์มเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูด "โปรเจกต์ของพวกเรามันซับซ้อนมาก และมันเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมาก เราไม่เคยคาดคิดว่าจะมีปัญหาอะไร แต่ช่วงหลังมานี้มีหลายสิ่งที่เริ่มไม่เป็นไปตามที่ควร"
"คุณหมายความว่าอย่างไร?" หลินหลินถาม
"เมย์เริ่มตั้งคำถามกับโปรเจกต์ และเธอรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อมูลที่เราได้รับ เธอต้องการถอนตัวออกจากโปรเจกต์และบอกว่าจะรายงานให้ผู้บริหารทราบ แต่นั่นก็เป็นช่วงที่เธอหายตัวไป" อาร์มกล่าวอย่างเคร่งเครียด
ซาเอบะและหลินหลินมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่าคำพูดของอาร์มอาจเป็นเบาะแสสำคัญที่เชื่อมโยงการหายตัวไปของเมย์กับโปรเจกต์วิจัยที่เธอทำอยู่
"เราอยากให้คุณบอกเราทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับโปรเจกต์นี้และสิ่งที่เมย์ค้นพบ" ซาเอบะกล่าวอย่างจริงจัง
อาร์มถอนหายใจยาวและตัดสินใจบอกความจริง "โปรเจกต์นี้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ และมันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการควบคุมข้อมูลที่สำคัญระดับสูง เมย์พบว่าเทคโนโลยีนี้อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และนั่นทำให้เธอเริ่มตั้งคำถาม"
ซาเอบะและหลินหลินได้รับข้อมูลนี้ด้วยความตะลึง พวกเขารู้ทันทีว่าคดีนี้ไม่ใช่เพียงแค่การหายตัวไปธรรมดา แต่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่ใหญ่กว่ามาก
"เราต้องค้นหาว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและทำไมพวกเขาถึงต้องการให้เมย์หายตัวไป" ซาเอบะกล่าวด้วยความมุ่งมั่น
หลังจากที่ซาเอบะและหลินหลินได้รับข้อมูลจากอาร์มเกี่ยวกับโปรเจกต์วิจัย พวกเขารู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น แต่ข้อมูลที่อาร์มให้มายังไม่เพียงพอ ซาเอบะจึงตัดสินใจที่จะตรวจสอบเบื้องหลังของโปรเจกต์นี้ให้ลึกลงไปกว่านี้ทั้งคู่มานั่งที่คาเฟ่เล็กๆ ในย่านเงียบสงบ เพื่อรอการติดต่อจากคนที่ซาเอบะเคยทำงานด้วยมาก่อน คนนี้คือ แทน สายลับที่เชี่ยวชาญด้านการสืบข้อมูลลับ ซาเอบะรู้ดีว่าแทนจะสามารถช่วยหาข้อมูลที่พวกเขาต้องการได้อย่างแน่นอน"แทนคือสายลับที่เก่งที่สุดที่ฉันเคยร่วมงานด้วย" ซาเอบะบอกหลินหลิน ขณะจิบกาแฟร้อนเพื่อระงับความเครียด "เขาเคยช่วยฉันไขคดีใหญ่หลายคดี และถ้าใครจะช่วยเราได้ตอนนี้ ก็คงเป็นเขา"หลินหลินได้แต่นั่งเงียบๆ และพยักหน้ารับรู้ เธอรู้สึกประหลาดใจที่คนแบบซาเอบะ ซึ่งปกติแล้วมักจะทำงานคนเดียว ยังมีเพื่อนร่วมงานที่เชื่อใจได้ขนาดนี้เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ชายหนุ่มในเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำก็ก้าวเข้ามาในคาเฟ่โดยไม่พูดอะไร เขานั่งลงตรงข้ามซาเอบะและหลินหลินพร้อมกับหันมองไปรอบๆ ราวกับสำรวจสิ่งต่างๆ ในร้านอย่างละเอียดซาเอบะยิ้มก่อนจะแนะนำ "นี่คือแทน สายลับที่ฉันไว้ใจมากที่สุด แทน นี่ค
หลังจากที่ได้ข้อมูลสำคัญจากแทนเกี่ยวกับที่ตั้งของศูนย์วิจัยลับ ซาเอบะและหลินหลินตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ที่ซึ่งออร์บิทใช้เป็นฐานปฏิบัติการลับ ทั้งสองรู้ว่าภารกิจนี้มีความเสี่ยงสูง แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเดินหน้าต่อการเดินทางเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ โดยซาเอบะติดต่อแหล่งข้อมูลใต้ดินเพื่อจัดหารถที่ไม่มีใครติดตามได้ พวกเขาออกเดินทางในช่วงกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ ซาเอบะขับรถอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางแสงไฟถนนที่ส่องเป็นทางยาวผ่านเขตชานเมือง หลินหลินนั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ เขา ความคิดของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับเมย์ เพื่อนรักที่ยังคงหายตัวไป"นายคิดว่าเมย์จะเป็นยังไงบ้าง?" หลินหลินถามขึ้นมาในที่สุด หลังจากเงียบไปนาน"ฉันเชื่อว่าเธอยังปลอดภัย" ซาเอบะตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "แต่เราต้องหาเธอให้เจอก่อนที่มันจะสายเกินไป"ระหว่างทาง ซาเอบะและหลินหลินแลกเปลี่ยนความคิดและวางแผนอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะทำเมื่อไปถึงที่ตั้งของศูนย์วิจัย ทั้งสองรู้ดีว่าพวกเขาต้องเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่ และการเผชิญหน้ากับองค์กรอย่างออร์บิทไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อมาถึงใ
ซาเอบะและหลินหลินมุ่งหน้าผ่านเส้นทางลับในป่า ท่ามกลางความมืดและเสียงกระซิบของธรรมชาติ เส้นทางที่แทนบอกมานั้นค่อนข้างยากลำบาก ต้นไม้สูงใหญ่บดบังแสงจันทร์จนแทบไม่มีแสงส่องเข้ามา พื้นที่พวกเขาเดินผ่านนั้นชื้นและลื่นจากฝนที่ตกเมื่อไม่กี่วันก่อน ความเย็นของคืนแทรกซึมเข้าผิวหนังจนหลินหลินรู้สึกหนาว"เราจะต้องเจออะไรอีกไหมเนี่ย" หลินหลินพูดเบาๆ ขณะที่เธอพยายามไม่ให้ลื่นล้มบนพื้นโคลน"ต้องใจเย็นๆ ทุกอย่างจะดี" ซาเอบะตอบพร้อมส่งสายตาสำรวจรอบข้างไปด้วย เขารู้ว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้เขตของศูนย์วิจัยออร์บิททุกทีเสียงกิ่งไม้หักดังขึ้นในระยะใกล้ หลินหลินหยุดชะงักและจับแขนซาเอบะด้วยความหวาดกลัว "นายได้ยินไหม?"ซาเอบะพยักหน้า เขาก้มตัวลงเพื่อฟังเสียงรอบตัว "เสียงมาจากข้างหน้า เราต้องระวังให้มากขึ้นแล้ว"ทั้งคู่เริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังขึ้น ซาเอบะนำทางอย่างเงียบกริบ ความสงสัยว่ามีใครบางคนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เขาต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เสียงกิ่งไม้หักยังคงดังเป็นระยะ ทำให้ทั้งสองมั่นใจว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในป่านี้ไม่นานนัก ซาเอบะหยุดทันทีเมื่อเห็นแสงไฟวับแวมอยู่ไกลๆ "นั่นแหละ ศูนย์วิจัยอยู่ตรงนั
ซาเอบะและหลินหลินแอบเข้าไปในอาคารศูนย์วิจัยออร์บิทผ่านประตูหลังที่ไม่ค่อยมีคนใช้ ภายในมืดสนิท เสียงการทำงานในห้องทดลองดังคลอไปกับเสียงลมหายใจที่ร้อนแรงของพวกเขา หลินหลินรู้สึกตื่นเต้นผสมกับความกลัวเมื่อเห็นเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการวิจัยลับ"ดูเหมือนที่นี่จะมีการวิจัยเกี่ยวกับอะไรบางอย่างที่อันตราย" หลินหลินกระซิบ ขณะมองไปที่เครื่องจักรที่มีความซับซ้อน"เราต้องหาห้องควบคุมหลักให้เจอ" ซาเอบะตอบ ขณะเดินไปตามทางเดินอย่างระมัดระวัง "มันจะเป็นที่ที่เราสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเมย์ได้"ทั้งคู่เดินไปตามทางเดินแคบๆ ที่มีไฟส่องสว่างเป็นระยะ จนกระทั่งเจอประตูห้องขนาดใหญ่ที่มีป้ายเขียนว่า "ห้องควบคุมหลัก""เรามาที่นี่แล้ว" ซาเอบะกล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะเปิดประตูด้วยความระมัดระวังเมื่อเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้หลินหลินต้องหายใจไม่ออก ห้องควบคุมถูกประดับไปด้วยจอคอมพิวเตอร์จำนวนมากที่แสดงข้อมูลต่างๆ มีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดูเหมือนพวกเขากำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น"เราต้องหาวิธีที่จะไม่ให้พวกเขาสังเกตเห็นเรา" ซาเอบะกล่าว พร้อมมองหาทางออกอื่น ๆ"ถ้าเราทำให้พวกเขาเกิดความสับสน
ซาเอบะและหลินหลินรีบออกจากศูนย์วิจัยออร์บิททันทีหลังจากได้ข้อมูลลับเกี่ยวกับโครงการ "Project Shadow" ทั้งสองคนตื่นเต้นกับข้อมูลที่พวกเขาพบ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความกลัวกำลังคืบคลานเข้ามาในใจ การมีข้อมูลนี้อาจหมายถึงความอันตรายที่เข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นทุกทีเมื่อทั้งสองก้าวพ้นประตูหลังของศูนย์วิจัย ลมเย็น ๆ ของยามค่ำคืนปะทะใบหน้าของพวกเขา ซาเอบะหันมองหลินหลินเพื่อเช็คว่าเธอไม่เป็นอะไร เขารู้ว่าเธออาจจะเครียดและกังวล แต่หลินหลินกลับมีสีหน้ามุ่งมั่น ตาของเธอเป็นประกายด้วยความแน่วแน่“เราไม่ปลอดภัยแล้วตอนนี้ พวกมันรู้แน่ว่ามีคนเข้ามาขโมยข้อมูล” ซาเอบะพูดเบา ๆ แต่ชัดเจนหลินหลินพยักหน้ารับ “เราต้องหาที่ที่ปลอดภัยก่อน แล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าจะทำยังไงกับข้อมูลนี้”พวกเขารีบเดินไปตามตรอกแคบ ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ศูนย์วิจัย และหลบเข้าไปในซอยเงียบ ๆ แห่งหนึ่ง ซาเอบะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร เขาก้มหน้าลง มองสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างรอบคอบ"ทางนี้" ซาเอบะพาหลินหลินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ในซอกเล็ก ๆ ระหว่างอาคารสองหลัง เขาสตาร์ทรถและบอกให้เธอขึ้นซ้อนท้ายพวกเข
ซาเอบะยืนนิ่งอยู่ที่ประตู หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นเงาของคนที่คุ้นเคยผ่านช่องตาแมว มันคือผู้หญิงในชุดดำที่เขาเคยเจอเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ระหว่างการสืบสวนคดีการค้ายาเสพติดในโตเกียว ตอนนั้นเธอทำให้เขาเกือบจะเสียแผนการไป แต่เธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำไมเธอถึงโผล่มาที่นี่?"ใคร?" หลินหลินถามเสียงเบา ขณะที่มือของเธอจับแขนซาเอบะอย่างแน่นซาเอบะสูดหายใจลึกก่อนที่จะตอบ "เป็นคนที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะเจอ... แต่เราอาจจะไม่มีทางเลือกอื่น"เขาเปิดประตูออกช้า ๆ เสียงประตูที่เปิดเบา ๆ นั้นทำให้ความตึงเครียดในห้องเพิ่มขึ้นหลายเท่า ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาด้วยท่าทางสง่างามเหมือนเธอไม่เคยหวาดกลัวอะไร เธอสวมเสื้อโค้ทหนังสีดำและแว่นตากันแดดที่บดบังดวงตาของเธอ แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน"ฉันขอเข้ามาข้างในได้ไหม?" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ามีอำนาจซาเอบะไม่ตอบ เขาเพียงแค่พยักหน้าให้และเปิดทางให้เธอเข้ามา เธอก้าวเข้ามาอย่างระวังและเหลือบมองหลินหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา"หลินหลิน นี่คือ 'คิร่า' หนึ่งในสายลับที่ฉันเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เธอทำงานให้กับหน่วยงานลับที่ไม่เปิดเผยตัว" ซาเอบะแนะนำ ขณะที่คิร่าปลดแว่นตากันแดดอ
คืนนั้นอากาศหนาวเย็นและมีฝนตกปรอยๆ ซาเอบะยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองออกไปยังท้องถนนที่ว่างเปล่า เขากำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่คิร่าบอกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เสียงฝีเท้าของหลินหลินที่เดินเข้ามาข้างหลังทำให้เขาหลุดจากภวังค์"เธอคิดว่าเราจะทำตามแผนของคิร่าได้ไหม?" หลินหลินถามเบาๆ ขณะมองหน้าซาเอบะ เธอยังรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในสถานการณ์นี้"ฉันไม่แน่ใจ" ซาเอบะตอบ "แต่ตอนนี้เราก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าเราต้องการให้รอด เราอาจต้องเชื่อใจเธอ"หลินหลินพยักหน้าเบาๆ เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับซาเอบะ การสืบสวนคดีที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องง่ายกลับกลายเป็นเรื่องซับซ้อนและอันตรายเกินกว่าที่เธอคาดคิด"แล้วแผนต่อไปล่ะ?" หลินหลินถาม "เราจะทำอย่างไร?"ซาเอบะหันกลับมามองเธอด้วยสายตาจริงจัง "พรุ่งนี้ เราจะต้องไปเจอกับผู้ติดต่อของคิร่า เธอบอกว่าคนของเธอจะช่วยเราในการลบหลักฐาน แต่เราต้องทำมันให้เรียบร้อยภายในคืนนี้""มันอันตรายมากเลยนะ" หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความกังวล "เราไม่รู้เลยว่าคิร่าไว้ใจได้แค่ไหน หรือคนของเธอจะไม่หักหลังเรา"ซาเอบะเดินเข้ามาใกล้และวางมือเบาๆ
การเจรจาดำเนินไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผู้ติดต่อของคิร่าเข้ามา เขาเริ่มอธิบายแผนการลบหลักฐานและทำให้ดูเหมือนว่าการรั่วไหลเกิดจากภายในองค์กร พวกเขาจำเป็นต้องบุกเข้าไปในเครือข่ายของศูนย์วิจัยออร์บิทเพื่อปลอมแปลงข้อมูล และทำลายหลักฐานทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับซาเอบะและหลินหลิน“แผนนี้มีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าทำได้สำเร็จ คุณทั้งสองจะเป็นอิสระจากการตามล่า” ผู้ติดต่ออธิบายพร้อมกับเปิดแล็ปท็อปแสดงแผนการโจมตีทางไซเบอร์“มันจะใช้เวลานานแค่ไหน?” ซาเอบะถามพลางมองหน้าจอที่เต็มไปด้วยโค้ดซับซ้อน“ไม่เกินสามชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นคุณทั้งสองต้องเข้าไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อดึงข้อมูลบางส่วนออกมาด้วยตัวเอง การบุกทางไซเบอร์จะไม่สมบูรณ์หากเราไม่มีข้อมูลที่เก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์นั้น”หลินหลินหันมามองซาเอบะด้วยความกังวล “เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ระบบรักษาความปลอดภัยที่นั่นเข้มงวดมาก”ผู้ติดต่อพยักหน้า “ใช่ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณจะต้องใช้สิ่งนี้” เขายื่นอุปกรณ์ขนาดเล็กให้ซาเอบะ “มันเป็นตัวเจาะระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าคุณใช้มันกับคอมพิวเตอร์หลักของศูนย์วิจัย มันจะช่วยเปิดช่องให้เราบุกเข้าไปได้โดยไม่ถูกตรวจจับ”“ฟังดูเหมือนแผนที
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ