ซาเอบะและหลินหลินรีบออกจากศูนย์วิจัยออร์บิททันทีหลังจากได้ข้อมูลลับเกี่ยวกับโครงการ "Project Shadow" ทั้งสองคนตื่นเต้นกับข้อมูลที่พวกเขาพบ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความกลัวกำลังคืบคลานเข้ามาในใจ การมีข้อมูลนี้อาจหมายถึงความอันตรายที่เข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นทุกทีเมื่อทั้งสองก้าวพ้นประตูหลังของศูนย์วิจัย ลมเย็น ๆ ของยามค่ำคืนปะทะใบหน้าของพวกเขา ซาเอบะหันมองหลินหลินเพื่อเช็คว่าเธอไม่เป็นอะไร เขารู้ว่าเธออาจจะเครียดและกังวล แต่หลินหลินกลับมีสีหน้ามุ่งมั่น ตาของเธอเป็นประกายด้วยความแน่วแน่“เราไม่ปลอดภัยแล้วตอนนี้ พวกมันรู้แน่ว่ามีคนเข้ามาขโมยข้อมูล” ซาเอบะพูดเบา ๆ แต่ชัดเจนหลินหลินพยักหน้ารับ “เราต้องหาที่ที่ปลอดภัยก่อน แล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าจะทำยังไงกับข้อมูลนี้”พวกเขารีบเดินไปตามตรอกแคบ ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ศูนย์วิจัย และหลบเข้าไปในซอยเงียบ ๆ แห่งหนึ่ง ซาเอบะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร เขาก้มหน้าลง มองสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างรอบคอบ"ทางนี้" ซาเอบะพาหลินหลินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ในซอกเล็ก ๆ ระหว่างอาคารสองหลัง เขาสตาร์ทรถและบอกให้เธอขึ้นซ้อนท้ายพวกเข
ซาเอบะยืนนิ่งอยู่ที่ประตู หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นเงาของคนที่คุ้นเคยผ่านช่องตาแมว มันคือผู้หญิงในชุดดำที่เขาเคยเจอเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ระหว่างการสืบสวนคดีการค้ายาเสพติดในโตเกียว ตอนนั้นเธอทำให้เขาเกือบจะเสียแผนการไป แต่เธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำไมเธอถึงโผล่มาที่นี่?"ใคร?" หลินหลินถามเสียงเบา ขณะที่มือของเธอจับแขนซาเอบะอย่างแน่นซาเอบะสูดหายใจลึกก่อนที่จะตอบ "เป็นคนที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะเจอ... แต่เราอาจจะไม่มีทางเลือกอื่น"เขาเปิดประตูออกช้า ๆ เสียงประตูที่เปิดเบา ๆ นั้นทำให้ความตึงเครียดในห้องเพิ่มขึ้นหลายเท่า ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาด้วยท่าทางสง่างามเหมือนเธอไม่เคยหวาดกลัวอะไร เธอสวมเสื้อโค้ทหนังสีดำและแว่นตากันแดดที่บดบังดวงตาของเธอ แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน"ฉันขอเข้ามาข้างในได้ไหม?" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ามีอำนาจซาเอบะไม่ตอบ เขาเพียงแค่พยักหน้าให้และเปิดทางให้เธอเข้ามา เธอก้าวเข้ามาอย่างระวังและเหลือบมองหลินหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา"หลินหลิน นี่คือ 'คิร่า' หนึ่งในสายลับที่ฉันเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เธอทำงานให้กับหน่วยงานลับที่ไม่เปิดเผยตัว" ซาเอบะแนะนำ ขณะที่คิร่าปลดแว่นตากันแดดอ
คืนนั้นอากาศหนาวเย็นและมีฝนตกปรอยๆ ซาเอบะยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองออกไปยังท้องถนนที่ว่างเปล่า เขากำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่คิร่าบอกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เสียงฝีเท้าของหลินหลินที่เดินเข้ามาข้างหลังทำให้เขาหลุดจากภวังค์"เธอคิดว่าเราจะทำตามแผนของคิร่าได้ไหม?" หลินหลินถามเบาๆ ขณะมองหน้าซาเอบะ เธอยังรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในสถานการณ์นี้"ฉันไม่แน่ใจ" ซาเอบะตอบ "แต่ตอนนี้เราก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าเราต้องการให้รอด เราอาจต้องเชื่อใจเธอ"หลินหลินพยักหน้าเบาๆ เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับซาเอบะ การสืบสวนคดีที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องง่ายกลับกลายเป็นเรื่องซับซ้อนและอันตรายเกินกว่าที่เธอคาดคิด"แล้วแผนต่อไปล่ะ?" หลินหลินถาม "เราจะทำอย่างไร?"ซาเอบะหันกลับมามองเธอด้วยสายตาจริงจัง "พรุ่งนี้ เราจะต้องไปเจอกับผู้ติดต่อของคิร่า เธอบอกว่าคนของเธอจะช่วยเราในการลบหลักฐาน แต่เราต้องทำมันให้เรียบร้อยภายในคืนนี้""มันอันตรายมากเลยนะ" หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความกังวล "เราไม่รู้เลยว่าคิร่าไว้ใจได้แค่ไหน หรือคนของเธอจะไม่หักหลังเรา"ซาเอบะเดินเข้ามาใกล้และวางมือเบาๆ
การเจรจาดำเนินไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผู้ติดต่อของคิร่าเข้ามา เขาเริ่มอธิบายแผนการลบหลักฐานและทำให้ดูเหมือนว่าการรั่วไหลเกิดจากภายในองค์กร พวกเขาจำเป็นต้องบุกเข้าไปในเครือข่ายของศูนย์วิจัยออร์บิทเพื่อปลอมแปลงข้อมูล และทำลายหลักฐานทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับซาเอบะและหลินหลิน“แผนนี้มีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าทำได้สำเร็จ คุณทั้งสองจะเป็นอิสระจากการตามล่า” ผู้ติดต่ออธิบายพร้อมกับเปิดแล็ปท็อปแสดงแผนการโจมตีทางไซเบอร์“มันจะใช้เวลานานแค่ไหน?” ซาเอบะถามพลางมองหน้าจอที่เต็มไปด้วยโค้ดซับซ้อน“ไม่เกินสามชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นคุณทั้งสองต้องเข้าไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อดึงข้อมูลบางส่วนออกมาด้วยตัวเอง การบุกทางไซเบอร์จะไม่สมบูรณ์หากเราไม่มีข้อมูลที่เก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์นั้น”หลินหลินหันมามองซาเอบะด้วยความกังวล “เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ระบบรักษาความปลอดภัยที่นั่นเข้มงวดมาก”ผู้ติดต่อพยักหน้า “ใช่ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณจะต้องใช้สิ่งนี้” เขายื่นอุปกรณ์ขนาดเล็กให้ซาเอบะ “มันเป็นตัวเจาะระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าคุณใช้มันกับคอมพิวเตอร์หลักของศูนย์วิจัย มันจะช่วยเปิดช่องให้เราบุกเข้าไปได้โดยไม่ถูกตรวจจับ”“ฟังดูเหมือนแผนที
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นพร้อมกับไฟสีแดงกะพริบเป็นสัญญาณอันตราย ทุกอย่างในศูนย์วิจัยเข้าสู่โหมดฉุกเฉินทันที ซาเอบะหันมามองหลินหลินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!" ซาเอบะตะโกนพลางดึงสายเชื่อมต่ออุปกรณ์ออกจากคอมพิวเตอร์หลินหลินพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว แม้หัวใจจะเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา เธอหันหลังรีบวิ่งตามซาเอบะไปที่ทางออก แต่เสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เริ่มวิ่งเข้ามาใกล้ทำให้เธอรู้ว่าการหลบหนีครั้งนี้จะไม่ง่ายเลย"เร็วเข้า! เราต้องไปทางนี้!" ซาเอบะพยายามหาทางหนีไปยังช่องทางเล็กๆ ที่เขาเคยสำรวจไว้ก่อนหน้านี้ เป็นทางที่ไม่มีใครรู้จักและไม่มีทางให้เจ้าหน้าที่ตามมาได้ง่ายๆทั้งสองคนวิ่งผ่านทางเดินแคบๆ ไปยังบันไดที่นำไปสู่ทางออกฉุกเฉิน แต่เมื่อพวกเขาเปิดประตูออกมาก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกกลุ่มหนึ่งดักรออยู่แล้ว"โดนล้อมแล้ว!" หลินหลินร้องออกมาซาเอบะกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว เขาไม่รอช้าก่อนจะคว้ามือหลินหลินแล้วกระโดดลงจากบันไดชั้นล่างไปยังทางเดินใต้ดิน ความสูงที่น่าหวาดเสียวทำให้หลินหลินร้องออกมาเบาๆ แต่โชคดีที่ทั
เสียงเครื่องยนต์คำรามดังขึ้นขณะที่ซาเอบะเหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวออกจากศูนย์วิจัยอย่างรวดเร็ว หัวใจของหลินหลินเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา ขณะที่เธอหันไปมองกระจกหลัง เห็นรถของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มติดตามมาจากระยะไกล“พวกเขาตามมาแล้ว!” หลินหลินร้องบอกซาเอบะกัดฟันแน่นก่อนเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้น ถนนในเมืองเต็มไปด้วยรถและผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา แต่เขาไม่มีเวลาให้ลังเล เขาพลิกพวงมาลัยอย่างรวดเร็วเพื่อแทรกตัวผ่านรถคันอื่น หลินหลินจับที่นั่งแน่นขณะที่ร่างกายเธอสั่นไหวไปตามแรงเหวี่ยงของรถเสียงไซเรนดังขึ้นจากรถตำรวจที่เริ่มเข้าร่วมการไล่ล่า แสงไฟสีฟ้า-แดงส่องแวบวาบไปทั่ว หลินหลินรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ“เราจะออกจากเมืองนี้ได้ยังไง?” หลินหลินถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวเต็มไปด้วยความกังวล“ต้องไปให้ถึงสะพานข้ามแม่น้ำให้ได้ ถ้าพวกเขาข้ามสะพานไม่ได้ พวกเราจะมีโอกาสหนีรอด” ซาเอบะตอบพร้อมกับเหยียบคันเร่งเต็มที่ แต่เส้นทางข้างหน้ายิ่งอันตรายขึ้นเมื่อรถของเจ้าหน้าที่ขับไล่มาใกล้เรื่อยๆทันใดนั้น รถของเจ้าหน้าที่คันหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านข้างเพื่อปิดทาง ซาเอบะเบรคฉุกเฉิน ก่อนจะหักพวง
เสียงเครื่องยนต์ดังระเบิดขึ้นขณะที่ซาเอบะพุ่งรถของเขาผ่านสะพาน แม่น้ำกว้างเบื้องล่างแผ่ไพศาลออกไป และถนนตรงหน้าเหมือนกับทางรอดเพียงหนึ่งเดียวสำหรับพวกเขา หลินหลินหันมองไปข้างหลัง เห็นรถตำรวจยังคงไล่ตามอย่างกระชั้นชิด พร้อมกับเสียงไซเรนที่ดังลั่นทั้งสองฝั่งของสะพาน"พวกเขาไม่ยอมปล่อยเราไปง่ายๆ แน่!" หลินหลินกล่าวอย่างหวาดกลัว"ก็ต้องทำให้พวกเขายอม!" ซาเอบะกัดฟันก่อนเหยียบคันเร่งจนสุด รถของพวกเขาพุ่งไปด้วยความเร็วเกินกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงล้อเสียดสีกับถนนดังก้อง แต่ทันใดนั้น ซาเอบะก็เห็นบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิมรถบรรทุกขนาดใหญ่จอดอยู่กลางสะพาน ขวางทางไม่ให้พวกเขาผ่านไปได้!"แม่เจ้า!" ซาเอบะเบรกกระทันหัน ล้อของรถหมุนเป็นวงกลมก่อนจะเสียการควบคุม รถหมุนไปทางขวาและซ้ายขณะที่พยายามเลี่ยงการชน หลินหลินกรีดร้องด้วยความตกใจ"เราติดกับดักแล้ว!" เธอร้องออกมาซาเอบะพยายามควบคุมพวงมาลัย ขณะเดียวกันรถตำรวจอีกสองคันก็ตามเข้ามาปิดท้าย ทางเลือกเหลืออยู่น้อยเต็มที ทั้งซาเอบะและหลินหลินรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว"ไม่มีทางอื่นแล้ว เราต้องเสี่ยง" ซาเอบะ
รถของซาเอบะแล่นลงไปตามถนนเล็กๆ ที่ปูด้วยหินกรวด ขณะเขาและหลินหลินยังคงหนีจากการไล่ล่าของทั้งตำรวจและแก๊งค์ใต้ดิน เสียงเครื่องยนต์คำรามดังก้องขณะที่พวกเขาหาทางหลบหนีจากความตาย"เราต้องหาที่หลบซ่อน!" หลินหลินพูดด้วยความตื่นเต้น ขณะที่หันมองซ้ายขวา"ที่นี่ไม่น่าจะมีคนอยู่แล้ว" ซาเอบะกล่าว ขณะเลี้ยวรถเข้าไปในซอยที่มีบ้านเก่าแก่ร้างอยู่สองสามหลัง "เราต้องเข้าไปในบ้านสักหลัง"ซาเอบะหาที่หลบซ่อน แต่เมื่อพวกเขาจอดรถหน้าบ้านร้างหนึ่ง หลินหลินมองเห็นแสงไฟวูบวาบภายในบ้าน "มีใครอยู่ในนั้นไหม?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"เดี๋ยวต้องไปตรวจสอบ" ซาเอบะกล่าว ขณะเปิดประตูและก้าวลงจากรถ เขาเดินไปยังประตูบ้านและพยายามเปิดมัน แต่มันล็อกอยู่"ลองมองจากหน้าต่างดู" หลินหลินเสนอซาเอบะพยักหน้า ก่อนย่อตัวและมองเข้าไปในหน้าต่างบ้าน เขาเห็นแสงไฟที่สว่างจ้า และเสียงพูดคุยกันดังขึ้น เสียงนั้นดูเหมือนจะเป็นเสียงของชายสองคนที่กำลังวางแผนบางอย่าง"ไม่เหมือนคนธรรมดา คงเป็นพวกอันธพาล" เขาแสดงความเห็น ขณะที่รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ"เราเข้าไปไม่ได้ใช่ไหม?" หลินหลินถามอย่างหวาดหวั่น"ถ้าเราอยู่ที่นี่มากกว่านี้ พ
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ