ท่ามกลางความมืดมิดของคืนที่อัดแน่นไปด้วยความตึงเครียด ซาเอบะและหลินหลินยังคงวิ่งหลบหนีจากตำรวจที่ตามมาอย่างกระชั้นชิด เสียงไซเรนที่ดังก้องและเสียงตะโกนเรียกของเจ้าหน้าที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา“ไปทางนี้!” ซาเอบะตะโกน ขณะชี้ไปที่ซอยเล็กๆ ที่อยู่ข้างหน้า เขาและหลินหลินหมุนตัวเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง หลีกเลี่ยงการมองเห็นจากตำรวจด้านหลัง“ซาเอบะ! เราจะทำยังไงต่อ?” หลินหลินถามด้วยความวิตก ขณะที่พวกเขาแอบอยู่หลังกำแพงของบ้านร้าง“เราต้องหาที่หลบซ่อนและคิดแผนการใหม่” ซาเอบะตอบเสียงต่ำ พวกเขาหายใจอย่างหนักด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เสียงของตำรวจยังคงดังก้องอยู่รอบตัวเขามองไปที่หน้าต่างบ้านเก่าข้างหน้า และเห็นว่ามันยังเปิดอยู่ “เข้าไปในบ้านนั้น!” เขาสั่งอย่างเด็ดขาด ทั้งคู่รีบเข้าไปในบ้าน และปิดประตูเบาๆ ขณะที่เสียงนอกบ้านเริ่มใกล้เข้ามาในบ้านมืดสลัวและเต็มไปด้วยฝุ่น ซาเอบะใช้ไฟฉายส่องไปทั่วห้อง เขาเห็นเฟอร์นิเจอร์เก่าและผนังที่ล้มเลิก ผิวหนังของเขารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกจากอากาศที่แผ่ซ่านในห้องนี้“เราไม่ควรอยู่ที่นี่นาน” หลินหลินพูดเสียงเบา ขณะมองหาทางออก“เราต้องแน่ใจว่าพวกเขา
ซาเอบะรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ร้อนแรงจากการไล่ล่าของตำรวจ แต่เขายังคงไม่สามารถทิ้งหลินหลินไปได้ ในใจเขารู้ดีว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เธอปลอดภัย เขาตัดสินใจหันหลังกลับไปที่จุดที่หลินหลินอยู่ ก่อนที่ตำรวจจะไล่ตามเขามา“ขอโทษนะ” เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะกลับไปที่จุดที่เขาทิ้งหลินหลินไว้ เขาไม่อยากให้เธอต้องอยู่คนเดียวในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ระหว่างที่เขาวิ่งกลับไป เสียงของตำรวจดังขึ้นเรื่อย ๆ “อยู่ที่ไหนก็อย่าไปไหน!” หนึ่งในตำรวจตะโกน ขณะที่เขาเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันในขณะเดียวกัน หลินหลินรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ เธอแอบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ หูของเธอฟังเสียงการเคลื่อนไหวจากตำรวจที่อยู่ไม่ไกล และเริ่มวิตกกังวลเมื่อคิดถึงซาเอบะ“เขาจะกลับมาหรือเปล่า?” หลินหลินคิดในใจ ขณะที่ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำ เธอรู้ดีว่าการอยู่คนเดียวในสถานการณ์นี้มันอันตรายขนาดไหนซาเอบะรีบวิ่งกลับไปหาหลินหลิน แต่เขาต้องคอยหลบเลี่ยงตำรวจที่กำลังมองหาเขาอยู่ เขาคิดถึงวิธีที่จะดึงความสนใจจากพวกเขาให้ได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางหลบหนี“หากเราสามารถหลบหนีไปยังสถานที่ปลอดภัยได้ เราอาจจะมีโอกาส” เขาเตือนตัวเอง ขณะ
ซาเอบะและหลินหลินยังคงซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ขณะเสียงตำรวจดังเข้ามาใกล้ ความวิตกกังวลพุ่งสูงขึ้นในอกของพวกเขา ซาเอบะพยายามคิดแผนการให้เร็วที่สุด ในขณะที่หลินหลินนั่งอยู่ข้างเขา ตาสั่นระริกด้วยความกลัว“หากพวกเขาเปิดประตูเข้ามา เราจะทำอย่างไร?” หลินหลินถามเสียงเบา สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ“เราจะต้องทำให้พวกเขาคิดว่าเราออกไปแล้ว” ซาเอบะตอบ ขณะมองหาทางออกจากสถานการณ์นี้ “ถ้าเราสามารถใช้ความมืดเพื่อหลอกพวกเขาได้ นั่นจะเป็นทางออกที่ดี”เสียงตำรวจเริ่มมีการเคลื่อนไหว “นี่คือหน่วยตำรวจ เราขอให้คุณออกมาที่นี่ทันที!” เสียงของตำรวจดังก้องไปทั่วบ้าน ซาเอบะรู้สึกว่าความกดดันเพิ่มขึ้น“พวกเขากำลังจะเข้ามา” หลินหลินกระซิบ ขณะมองไปที่ประตูห้องนอนที่ปิดอยู่“เราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาจับเราได้” ซาเอบะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เราจะต้องหาทางหลบหนีให้ได้”เขาลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูสภาพภายนอก ช่วงเวลานั้นเองที่เขาพบเห็นโอกาส เมื่อเขาเห็นสายไฟที่ห้อยลงมาจากหลังคา“หลินหลิน!” เขาเรียกเธอ “มาที่นี่เร็ว!”หลินหลินรีบไปหาเขา “เกิดอะไรขึ้น?” เธอถาม“เราอาจจะมีทางออกแล้ว” ซาเอบะชี้ไปที่หน้าต่า
หลังจากหลบหนีจากตำรวจได้อย่างหวุดหวิด ซาเอบะและหลินหลินรู้ดีว่าความอันตรายยังคงตามมาไม่หยุด พวกเขาพยายามตั้งสติอยู่ในร้านร้างที่ซ่อนตัวอยู่ เสียงภายนอกเงียบลงไปชั่วขณะ แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยยังคงปกคลุม“เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่พวกเขาจะกลับมา” ซาเอบะพูดเสียงเบา ขณะที่มองไปรอบ ๆ ร้านเพื่อหาทางออก“แล้วเราจะไปที่ไหน?” หลินหลินถามเสียงเบา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันมีที่หนึ่งอยู่ในใจ แต่เราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้” ซาเอบะตอบ ก่อนที่เขาจะคว้ามือของหลินหลินแล้วพาเธอออกจากร้านอย่างเงียบ ๆทั้งคู่ค่อย ๆ ย่องออกไปในความมืด ซาเอบะใช้ทักษะในการสอดแนมเพื่อตรวจสอบว่ามีใครตามพวกเขามาหรือไม่ ทุกก้าวเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพราะเขารู้ว่าพวกตำรวจอาจวางแผนอะไรบางอย่างไว้แล้วขณะพวกเขากำลังเดินไปตามถนนที่เงียบสงบ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องจากข้างหน้า ซาเอบะชะงักและดึงหลินหลินไปหลบข้างกำแพง “ระวัง เราอาจจะเจอกับดัก” เขากระซิบเบา ๆ“อะไรนะ? กับดักเหรอ?” หลินหลินถามด้วยความตกใจ ขณะพยายามมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นอะไรชัดเจน“ใช่ พวกเขาอาจจะรู้ว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน และเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว” ซาเอ
หลังจากหนีจากกลุ่มชายชุดดำได้สำเร็จบนหลังคา ซาเอบะและหลินหลินพักหายใจชั่วครู่ แม้ความเหนื่อยล้าจะเริ่มกัดกินทั้งคู่ แต่พวกเขารู้ดีว่าต้องไม่หยุดนานเกินไป การไล่ล่าครั้งนี้ยังไม่จบ “เราต้องไปให้ไกลจากที่นี่ที่สุด” ซาเอบะพูด ขณะที่มองไปรอบ ๆ เมืองที่เงียบสงัดในยามค่ำคืน “แล้วเราจะไปที่ไหนต่อ?” หลินหลินถามด้วยความกังวล เธอรู้สึกเหมือนมีเงาลาง ๆ คอยตามหลังมาอยู่ตลอดเวลา ซาเอบะครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะตอบ “มีที่หนึ่งที่เราจะปลอดภัยในระยะสั้น ๆ แต่ต้องระวังทุกย่างก้าว เธอพร้อมไหม?” หลินหลินพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกลัว แต่เธอก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ทั้งคู่รีบปีนลงจากหลังคาแล้ววิ่งฝ่าความมืดของซอยเล็ก ๆ ไป พวกเขามุ่งหน้าสู่ย่านหนึ่งของเมืองที่เงียบสงบ ซึ่งเป็นที่ที่ซาเอบะคาดหวังว่าจะปลอดภัยพอสมควร ทันทีที่พวกเขาไปถึง ซาเอบะหยุดยืนตรงหน้าประตูเหล็กบานหนึ่ง ก่อนจะเคาะประตูเป็นจังหวะลับ หลินหลินมองเขาด้วยความสงสัย ประตูเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นชายชราในชุดเสื้อคลุมเก่า ๆ ยืนอยู่ด้านใน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยย่นจากกาลเวลา แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะ
ซาเอบะและหลินหลินเดินออกจากบ้านของชายชราพร้อมแผนที่โบราณในมือ บรรยากาศรอบตัวพวกเขามืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องรำไรเป็นเครื่องนำทางเท่านั้น หลินหลินรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอไม่แสดงออกมากนัก เพราะรู้ดีว่าซาเอบะก็พยายามปกป้องเธออย่างเต็มที่"เราจะไปที่ไหนต่อ?" หลินหลินถามเสียงแผ่วซาเอบะเปิดแผนที่ในมือและมองดูสัญลักษณ์ที่ดูยุ่งยาก "แผนที่นี้จะนำเราไปสู่สถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด มันเป็นที่หลบภัยและที่ซ่อนความลับของคนกลุ่มหนึ่ง แต่เราต้องระวัง เพราะเราอาจไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการไปถึงที่นั่น"หลินหลินพยักหน้า แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เธอเชื่อมั่นในซาเอบะมากพอที่จะเดินทางต่อไปด้วยทั้งคู่เริ่มเดินไปตามทางที่แผนที่นำทาง ท่ามกลางความมืดที่ดูเหมือนจะกลืนกินทุกอย่างรอบตัว ความเงียบในตอนกลางคืนทำให้ทุกอย่างดูน่ากลัวกว่าเดิม ทุกย่างก้าวของพวกเขาดูเหมือนจะใกล้กับบางสิ่งที่อันตรายมากขึ้นในไม่ช้า ทั้งคู่เดินมาถึงป่าทึบที่ถูกแสดงในแผนที่ เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ราวกับเสียงกระซิบเตือนบางอย่าง หลินหลินรู้สึกถึงความเย็นที่แปลกประหลาด มันเหมือนมีบางสิ่งคอยจับตามองพวกเขาอยู่จากในความมืด"ฉันรู้สึกแปล
เสียงปืนยังคงดังก้องอยู่รอบป่า ซาเอบะยิงสกัดกลุ่มชายชุดดำขณะที่เขาพยายามเคลื่อนตัวไปข้างหน้า กระสุนของเขาเริ่มเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบังคับให้เขาคิดหาทางหนีออกจากวงล้อมนี้ให้ได้ขณะนั้นหลินหลินหลบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา เธอได้ยินเสียงปืนและเสียงฝีเท้าของชายชุดดำที่ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ความกลัวกัดกินหัวใจเธอ แต่เธอกลับต้องคุมสติให้ดีที่สุด เธอรู้ดีว่าการตื่นตระหนกจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกซาเอบะเล็งยิงอีกครั้ง เขาล้มชายชุดดำลงได้หนึ่งคน แต่มีอีกหลายคนที่ยังตามมาไม่หยุด “เราต้องหนีเดี๋ยวนี้!” เขาคิดอย่างรวดเร็ว ขณะที่มองหาทางหนีที่หลงเหลืออยู่“ไปทางนี้!” เสียงตะโกนของหลินหลินดังขึ้นจากด้านหลัง เธอชี้ไปที่ทางเล็ก ๆ ที่มองไม่ค่อยชัดเจนในป่าทึบ ซาเอบะหันไปมองก่อนจะตัดสินใจตามเธอ ทั้งคู่รีบวิ่งผ่านความมืดไปด้วยกัน แม้จะเหนื่อยล้าและบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีเวลาให้หยุดพักขณะที่พวกเขาวิ่งฝ่าความมืดและความหวาดกลัว เสียงฝีเท้าของกลุ่มชายชุดดำยังคงไล่ตามไม่หยุด ซาเอบะมองไปที่หลินหลินซึ่งวิ่งข้าง ๆ เขาด้วยความตั้งใจ แม้
น้ำเย็นเฉียบที่กระแทกตัวพวกเขาทำให้ซาเอบะและหลินหลินช็อกไปชั่วขณะ ทั้งคู่ถูกพัดลงไปตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ซาเอบะพยายามคว้าหลินหลินไว้ไม่ให้ไหลไปไกลกว่านี้ พวกเขาต้องต่อสู้กับกระแสน้ำที่แรงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้“จับมือฉันไว้!” ซาเอบะตะโกนท่ามกลางเสียงน้ำเชี่ยวกราก เขาคว้ามือหลินหลินแน่น ขณะที่พยายามพยุงตัวขึ้นจากน้ำ กระแสน้ำพัดพาพวกเขาลงไปตามแม่น้ำที่เต็มไปด้วยโขดหินขรุขระ หินบางก้อนแทบจะบาดผิวพวกเขาเป็นแผลแต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรงหลังจากต่อสู้กับกระแสน้ำอยู่พักใหญ่ ในที่สุดทั้งคู่ก็ถูกพัดมาที่ตลิ่งน้ำ พวกเขาคลานขึ้นฝั่งด้วยความเหนื่อยล้า หลินหลินหายใจหอบ เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้หายใจเต็มปอดตั้งแต่เริ่มหนีมา เธอนั่งลงบนพื้นดินชื้นที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้และหญ้าเปียก ขณะที่ซาเอบะนั่งเงียบ มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง“เรารอดแล้วใช่ไหม?” หลินหลินถามเสียงสั่น ขณะที่ยังคงมองไปที่ซาเอบะอย่างหวังคำตอบที่ดีซาเอบะหันมามองเธอ สายตาที่เคยอ่อนโยนกลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ยังไม่รอดดีนัก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แม้จะพ้นจากน้ำมาได้ แต่เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่จุดจบขอ