ซาเอบะและหลินหลินยังคงซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ขณะเสียงตำรวจดังเข้ามาใกล้ ความวิตกกังวลพุ่งสูงขึ้นในอกของพวกเขา ซาเอบะพยายามคิดแผนการให้เร็วที่สุด ในขณะที่หลินหลินนั่งอยู่ข้างเขา ตาสั่นระริกด้วยความกลัว“หากพวกเขาเปิดประตูเข้ามา เราจะทำอย่างไร?” หลินหลินถามเสียงเบา สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ“เราจะต้องทำให้พวกเขาคิดว่าเราออกไปแล้ว” ซาเอบะตอบ ขณะมองหาทางออกจากสถานการณ์นี้ “ถ้าเราสามารถใช้ความมืดเพื่อหลอกพวกเขาได้ นั่นจะเป็นทางออกที่ดี”เสียงตำรวจเริ่มมีการเคลื่อนไหว “นี่คือหน่วยตำรวจ เราขอให้คุณออกมาที่นี่ทันที!” เสียงของตำรวจดังก้องไปทั่วบ้าน ซาเอบะรู้สึกว่าความกดดันเพิ่มขึ้น“พวกเขากำลังจะเข้ามา” หลินหลินกระซิบ ขณะมองไปที่ประตูห้องนอนที่ปิดอยู่“เราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาจับเราได้” ซาเอบะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เราจะต้องหาทางหลบหนีให้ได้”เขาลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูสภาพภายนอก ช่วงเวลานั้นเองที่เขาพบเห็นโอกาส เมื่อเขาเห็นสายไฟที่ห้อยลงมาจากหลังคา“หลินหลิน!” เขาเรียกเธอ “มาที่นี่เร็ว!”หลินหลินรีบไปหาเขา “เกิดอะไรขึ้น?” เธอถาม“เราอาจจะมีทางออกแล้ว” ซาเอบะชี้ไปที่หน้าต่า
หลังจากหลบหนีจากตำรวจได้อย่างหวุดหวิด ซาเอบะและหลินหลินรู้ดีว่าความอันตรายยังคงตามมาไม่หยุด พวกเขาพยายามตั้งสติอยู่ในร้านร้างที่ซ่อนตัวอยู่ เสียงภายนอกเงียบลงไปชั่วขณะ แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยยังคงปกคลุม“เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่พวกเขาจะกลับมา” ซาเอบะพูดเสียงเบา ขณะที่มองไปรอบ ๆ ร้านเพื่อหาทางออก“แล้วเราจะไปที่ไหน?” หลินหลินถามเสียงเบา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันมีที่หนึ่งอยู่ในใจ แต่เราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้” ซาเอบะตอบ ก่อนที่เขาจะคว้ามือของหลินหลินแล้วพาเธอออกจากร้านอย่างเงียบ ๆทั้งคู่ค่อย ๆ ย่องออกไปในความมืด ซาเอบะใช้ทักษะในการสอดแนมเพื่อตรวจสอบว่ามีใครตามพวกเขามาหรือไม่ ทุกก้าวเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพราะเขารู้ว่าพวกตำรวจอาจวางแผนอะไรบางอย่างไว้แล้วขณะพวกเขากำลังเดินไปตามถนนที่เงียบสงบ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องจากข้างหน้า ซาเอบะชะงักและดึงหลินหลินไปหลบข้างกำแพง “ระวัง เราอาจจะเจอกับดัก” เขากระซิบเบา ๆ“อะไรนะ? กับดักเหรอ?” หลินหลินถามด้วยความตกใจ ขณะพยายามมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นอะไรชัดเจน“ใช่ พวกเขาอาจจะรู้ว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน และเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว” ซาเอ
หลังจากหนีจากกลุ่มชายชุดดำได้สำเร็จบนหลังคา ซาเอบะและหลินหลินพักหายใจชั่วครู่ แม้ความเหนื่อยล้าจะเริ่มกัดกินทั้งคู่ แต่พวกเขารู้ดีว่าต้องไม่หยุดนานเกินไป การไล่ล่าครั้งนี้ยังไม่จบ “เราต้องไปให้ไกลจากที่นี่ที่สุด” ซาเอบะพูด ขณะที่มองไปรอบ ๆ เมืองที่เงียบสงัดในยามค่ำคืน “แล้วเราจะไปที่ไหนต่อ?” หลินหลินถามด้วยความกังวล เธอรู้สึกเหมือนมีเงาลาง ๆ คอยตามหลังมาอยู่ตลอดเวลา ซาเอบะครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะตอบ “มีที่หนึ่งที่เราจะปลอดภัยในระยะสั้น ๆ แต่ต้องระวังทุกย่างก้าว เธอพร้อมไหม?” หลินหลินพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกลัว แต่เธอก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ทั้งคู่รีบปีนลงจากหลังคาแล้ววิ่งฝ่าความมืดของซอยเล็ก ๆ ไป พวกเขามุ่งหน้าสู่ย่านหนึ่งของเมืองที่เงียบสงบ ซึ่งเป็นที่ที่ซาเอบะคาดหวังว่าจะปลอดภัยพอสมควร ทันทีที่พวกเขาไปถึง ซาเอบะหยุดยืนตรงหน้าประตูเหล็กบานหนึ่ง ก่อนจะเคาะประตูเป็นจังหวะลับ หลินหลินมองเขาด้วยความสงสัย ประตูเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นชายชราในชุดเสื้อคลุมเก่า ๆ ยืนอยู่ด้านใน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยย่นจากกาลเวลา แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะ
ซาเอบะและหลินหลินเดินออกจากบ้านของชายชราพร้อมแผนที่โบราณในมือ บรรยากาศรอบตัวพวกเขามืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องรำไรเป็นเครื่องนำทางเท่านั้น หลินหลินรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอไม่แสดงออกมากนัก เพราะรู้ดีว่าซาเอบะก็พยายามปกป้องเธออย่างเต็มที่"เราจะไปที่ไหนต่อ?" หลินหลินถามเสียงแผ่วซาเอบะเปิดแผนที่ในมือและมองดูสัญลักษณ์ที่ดูยุ่งยาก "แผนที่นี้จะนำเราไปสู่สถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด มันเป็นที่หลบภัยและที่ซ่อนความลับของคนกลุ่มหนึ่ง แต่เราต้องระวัง เพราะเราอาจไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการไปถึงที่นั่น"หลินหลินพยักหน้า แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เธอเชื่อมั่นในซาเอบะมากพอที่จะเดินทางต่อไปด้วยทั้งคู่เริ่มเดินไปตามทางที่แผนที่นำทาง ท่ามกลางความมืดที่ดูเหมือนจะกลืนกินทุกอย่างรอบตัว ความเงียบในตอนกลางคืนทำให้ทุกอย่างดูน่ากลัวกว่าเดิม ทุกย่างก้าวของพวกเขาดูเหมือนจะใกล้กับบางสิ่งที่อันตรายมากขึ้นในไม่ช้า ทั้งคู่เดินมาถึงป่าทึบที่ถูกแสดงในแผนที่ เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ราวกับเสียงกระซิบเตือนบางอย่าง หลินหลินรู้สึกถึงความเย็นที่แปลกประหลาด มันเหมือนมีบางสิ่งคอยจับตามองพวกเขาอยู่จากในความมืด"ฉันรู้สึกแปล
เสียงปืนยังคงดังก้องอยู่รอบป่า ซาเอบะยิงสกัดกลุ่มชายชุดดำขณะที่เขาพยายามเคลื่อนตัวไปข้างหน้า กระสุนของเขาเริ่มเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบังคับให้เขาคิดหาทางหนีออกจากวงล้อมนี้ให้ได้ขณะนั้นหลินหลินหลบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา เธอได้ยินเสียงปืนและเสียงฝีเท้าของชายชุดดำที่ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ความกลัวกัดกินหัวใจเธอ แต่เธอกลับต้องคุมสติให้ดีที่สุด เธอรู้ดีว่าการตื่นตระหนกจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกซาเอบะเล็งยิงอีกครั้ง เขาล้มชายชุดดำลงได้หนึ่งคน แต่มีอีกหลายคนที่ยังตามมาไม่หยุด “เราต้องหนีเดี๋ยวนี้!” เขาคิดอย่างรวดเร็ว ขณะที่มองหาทางหนีที่หลงเหลืออยู่“ไปทางนี้!” เสียงตะโกนของหลินหลินดังขึ้นจากด้านหลัง เธอชี้ไปที่ทางเล็ก ๆ ที่มองไม่ค่อยชัดเจนในป่าทึบ ซาเอบะหันไปมองก่อนจะตัดสินใจตามเธอ ทั้งคู่รีบวิ่งผ่านความมืดไปด้วยกัน แม้จะเหนื่อยล้าและบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีเวลาให้หยุดพักขณะที่พวกเขาวิ่งฝ่าความมืดและความหวาดกลัว เสียงฝีเท้าของกลุ่มชายชุดดำยังคงไล่ตามไม่หยุด ซาเอบะมองไปที่หลินหลินซึ่งวิ่งข้าง ๆ เขาด้วยความตั้งใจ แม้
น้ำเย็นเฉียบที่กระแทกตัวพวกเขาทำให้ซาเอบะและหลินหลินช็อกไปชั่วขณะ ทั้งคู่ถูกพัดลงไปตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ซาเอบะพยายามคว้าหลินหลินไว้ไม่ให้ไหลไปไกลกว่านี้ พวกเขาต้องต่อสู้กับกระแสน้ำที่แรงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้“จับมือฉันไว้!” ซาเอบะตะโกนท่ามกลางเสียงน้ำเชี่ยวกราก เขาคว้ามือหลินหลินแน่น ขณะที่พยายามพยุงตัวขึ้นจากน้ำ กระแสน้ำพัดพาพวกเขาลงไปตามแม่น้ำที่เต็มไปด้วยโขดหินขรุขระ หินบางก้อนแทบจะบาดผิวพวกเขาเป็นแผลแต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรงหลังจากต่อสู้กับกระแสน้ำอยู่พักใหญ่ ในที่สุดทั้งคู่ก็ถูกพัดมาที่ตลิ่งน้ำ พวกเขาคลานขึ้นฝั่งด้วยความเหนื่อยล้า หลินหลินหายใจหอบ เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้หายใจเต็มปอดตั้งแต่เริ่มหนีมา เธอนั่งลงบนพื้นดินชื้นที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้และหญ้าเปียก ขณะที่ซาเอบะนั่งเงียบ มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง“เรารอดแล้วใช่ไหม?” หลินหลินถามเสียงสั่น ขณะที่ยังคงมองไปที่ซาเอบะอย่างหวังคำตอบที่ดีซาเอบะหันมามองเธอ สายตาที่เคยอ่อนโยนกลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ยังไม่รอดดีนัก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แม้จะพ้นจากน้ำมาได้ แต่เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่จุดจบขอ
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับความเงียบสงบของป่า ท่ามกลางเสียงนกร้องและใบไม้ไหวในสายลม หลินหลินตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่าหลับไปเมื่อไร เธอหันมองซาเอบะที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เขามองออกไปยังป่าราวกับกำลังวางแผนบางอย่างในหัว"คุณตื่นนานแล้วเหรอ?" หลินหลินถามพลางนั่งลงข้าง ๆ เขา"ใช่ ฉันตื่นตั้งแต่เช้าตรู่" ซาเอบะตอบ เขามองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "วันนี้เราจะเริ่มตอบโต้พวกมันบ้างแล้ว"หลินหลินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "เราจะทำยังไง? คุณบอกว่าพวกมันมีทั้งจำนวนและอาวุธที่เหนือกว่าเรา"ซาเอบะยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ใช่ มันก็จริงที่พวกมันมีมากกว่าเรา แต่เรามีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง""อะไรเหรอ?""เราอยู่ในป่าแห่งนี้มาหลายวันแล้ว เรารู้จักพื้นที่นี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ" ซาเอบะชี้ไปยังเส้นทางที่ซ่อนอยู่ลึกในป่า "พวกมันอาจจะเก่งในเมือง แต่ในป่าแห่งนี้ เราคือผู้ล่า"หลินหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง "แล้วแผนคืออะไร?""เราจะเริ่มด้วยการทำให้พวกมันสับสนและหลงทาง" ซาเอบะอธิบาย "เราจะสร้างกับดักและทำลายเสบียงของพวกมัน ทำให้พวกมันเริ่มอ่อนแรง จากนั้นค่อยหาจังหวะโจมตี"หลินหลินรู้สึกถึงความกล้าหาญที่ซ
เสียงการต่อสู้ยังดังก้องอยู่ในอากาศ ขณะที่ซาเอบะเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้ทักษะการต่อสู้ที่ชำนาญเพื่อเอาชนะศัตรูที่ไม่รู้ตัว ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องหลินหลินและทำให้พวกมันจ่ายค่าเสียหายสำหรับทุกสิ่งที่ทำกับพวกเขาหลินหลินมองดูอยู่ที่มุมหนึ่งของพื้นที่ต่อสู้ เธอรู้สึกถึงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นภายใน แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากคอยจับตามองซาเอบะอย่างระมัดระวัง ในขณะที่เขาต่อสู้กับศัตรูทีละคน หลินหลินก็เริ่มเข้าใจถึงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นที่อยู่ในตัวเขา“ฉันต้องทำอะไรบางอย่าง” หลินหลินคิดในใจ ขณะที่มองเห็นว่าซาเอบะเริ่มถูกศัตรูล้อมรอบในขณะที่เขาต่อสู้ หลินหลินก็หาทางที่จะเข้าไปช่วย เธอรู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ซาเอบะอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ เธอจึงตัดสินใจใช้ทักษะการต่อสู้ของเธอที่ฝึกฝนมาจากการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยเธอเลือกใช้ความเงียบและความรวดเร็วเป็นอาวุธ โดยพยายามเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็น เธอใช้ต้นไม้เป็นที่กำบังแล้วเริ่มลอบเข้าไปใกล้ศัตรูที่กำลังรุมซาเอบะ“ฉันต้องเข้าไปช่วยเขา!” หลินหลินตัดสินใจ เธอพยายามควบคุมความกลัวและมุ่งมั่นที
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ