ในอาณาจักรที่ความมืดและแสงสว่างต่างต่อสู้กันเพื่อครองอำนาจ ไรอัน อีวานส์ ชายหนุ่มผู้มีพลังควบคุมธาตุน้ำ ได้ละทิ้งหน้าที่นักรบของตระกูลเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับอดีตและพลังที่เขามี ในขณะที่เขาพยายามวิ่งหนีจากความรู้สึกผิดที่ละทิ้งหน้าที่ ไรอันได้พบกับลีอา เซเรน่า หญิงสาวผู้มีพลังสื่อสารกับธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวัง ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างไรอันและลีอาไม่ได้เกิดขึ้นง่ายดาย ทั้งสองต้องเผชิญกับอุปสรรคจากลูเซียส ไนท์ฟอล อดีตเพื่อนสนิทของไรอันที่ตอนนี้กลายเป็นศัตรูผู้ทรงพลัง ลูเซียสมีพลังเงามืดที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่ง และความแค้นที่เก็บซ่อนไว้ในใจทำให้เขามุ่งมั่นที่จะใช้พลังนี้ในทางที่ชั่วร้าย เมื่อหมู่บ้านของลีอาถูกทำลาย ไรอันและลีอาตัดสินใจร่วมเดินทางด้วยกันเพื่อหยุดยั้งลูเซียสและค้นหาความหมายที่แท้จริงของพลังที่พวกเขามี ระหว่างการเดินทาง ไรอันต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดในอดีตและความกลัวที่จะสูญเสียคนที่เขารัก ขณะที่ลีอาพยายามดิ้นรนเพื่อค้นพบความจริงเกี่ยวกับพลังของเธอและแก้แค้นให้กับครอบครัว แต่เมื่อไรอันได้เผชิญหน้ากับลูเซียส เขากลับพบว่าความมืดที่ลูเซียสได้รับนั้นเกิดจากการทรยศและความเจ็บปวดในอดีต ไรอันเริ่มตระหนักว่าเป้าหมายของเขาไม่ควรเป็นการล้างแค้นเพียงอย่างเดียว แต่ควรเป็นการเยียวยาและนำพาความสงบสุขกลับคืนสู่จิตใจของตัวเองและผู้อื่น ไรอันและลีอาจะสามารถเอาชนะความมืดและนำทางลูเซียสกลับสู่แสงสว่างได้หรือไม่? ความรักของพวกเขาจะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ไปได้หรือเปล่า? เรื่องราวของความรัก การเสียสละ และการค้นหาความหมายที่แท้จริงในชีวิตกำลังจะเริ่มต้นขึ้นใน "The Light and Shadow : เงาทมิฬ"
View Moreลูเซียสหายใจลึก รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกยกออกจากบ่าของเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าความมืดในจิตใจของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและหาความสงบสุขในตัวเองก็มีมากกว่าลีอาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างไรอันก็ยิ้มให้ลูเซียสด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ “ข้ายังเชื่อในตัวเจ้า ลูเซียส ข้ารู้ว่าลึกๆ แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เจ้าก็แค่ต้องการคนที่จะเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างเจ้า”อาเรียน่าก้าวเข้ามาสมทบ “เราเป็นครอบครัว... ครอบครัวที่ยอมรับกันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว”ลูเซียสมองดูพวกเขาทั้งสี่คน น้ำตาที่เก็บกดไว้ตลอดหลายปีเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม เขารู้สึกถึงความโล่งใจและความหวังที่เคยสูญเสียไปนานแล้ว“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ข้าเคยทำ” ลูเซียสกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษที่ข้าเคยเลือกทางที่ผิด และข้าขอโทษที่ข้าพยายามจะทำร้ายพวกเจ้า”“เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลูเซียสและยื่นมือออกไป “สิ่งสำคัญคือเจ้าได้กลับมา และเราจะผ่านทุกสิ่งไปด้วยกัน” ไ
"ในคืนหนึ่ง... ข้าจำได้ว่าแม่ของข้าไม่ได้มาร่ำลาข้า ข้าเพียงเห็นแผ่นหลังของพ่อที่หันมาเอ่ยคำสุดท้ายกับข้า 'เจ้าต้องไป...เพื่อปกป้องตระกูล' คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวข้าตลอดมา ข้าถูกขับไล่ออกจากบ้าน ถูกส่งไปในป่าลึก โดยไม่มีแม้แต่ใครสักคนที่จะมาอธิบายว่าเหตุใด ข้าเป็นแค่เด็ก แต่ข้ากลับถูกทิ้งไว้ในความมืด โดยไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีความอบอุ่นของครอบครัว" เขาก้มหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น"ตอนที่ข้าจากไป ไรอันยังไม่เกิด พ่อและแม่ของเราคิดว่าเมื่อข้าไม่อยู่แล้ว พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ข้าถูกลบออกจากความทรงจำของครอบครัว...และไรอัน เขาเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา"ลีอาหันไปมองลูเซียสอย่างตกตะลึง เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาก่อน ลูเซียส...พี่น้องร่วมสายเลือดของไรอัน ถูกผลักไสออกจากครอบครัวในวัยเด็ก เพียงเพราะพลังที่เขาไม่ได้เลือกที่จะมี"ข้าเร่ร่อนอยู่ในป่า เดียวดายและเต็มไปด้วยความกลัว ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอย่างไร ข้ารอคอยวันที่ครอบครัวจะมารับข้ากลับ แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง ข้าโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความเกลียดชัง ข้าเรียนรู้ที่จะใช้พ
แต่ลีอากลับก้าวออกมาจากเงามืดนั้นอย่างช้าๆ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าไรอันและอาเรียน่า น้ำตาของเธอไหลลงมาเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากพวกเขา “ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษที่ข้าเคยละทิ้งพวกเจ้า...”ไรอันยิ้มอย่างอ่อนโยนและก้าวเข้ามากอดเธอไว้ “ไม่เป็นไร ลีอา เจ้ากลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตัวอาเรียน่าเริ่มส่องประกายอย่างแรงกล้าอีกครั้ง ลูเซียสรู้สึกถึงพลังที่ถอยห่างจากตัวเขา ความมืดที่เคยทำให้เขาแข็งแกร่งกลับกลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอที่เข้ามาครอบงำ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหวและอ่อนแรงลง “ไม่... ไม่!” ลูเซียสตะโกนด้วยความสิ้นหวัง แต่พลังที่เขาเคยยึดมั่นกลับหายไปทีละน้อย เงามืดที่เคยล้อมรอบตัวเขาเริ่มจางหายไป ราวกับว่ามันถูกดูดกลืนเข้าสู่แสงสว่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ลีอายังคงมองไปทางลูเซียสที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความสับสน ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสารและความเห็นใจสะท้อนถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เธอมีต่อลูเซียส แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจิตในช่วงเวลาที่อยู่กับเขา แต่เธอก็สามารถจดจำทุกเรื่องราวท
พลังเงามืดของลูเซียสถูกต้านทานด้วยบาเรียน้ำของไรอันและแสงสว่างของอาเรียน่า แต่ลูเซียสก็ไม่ยอมแพ้ เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีและปล่อยคลื่นพลังมืดออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงและน่ากลัวกว่าครั้งก่อน มันเป็นพลังที่ถูกหล่อหลอมจากความแค้นและความโดดเดี่ยว คลื่นพลังมืดที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่รุนแรง แต่ยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ลูเซียสไม่มีเจตนาที่จะยอมแพ้หรือยอมให้ใครเข้ามาขวางทางเขาได้อีก เอลเลียตที่เป็นด่านแรกของการป้องกัน ยังคงยืนหยัดไม่ถอย เขาใช้กระบองเหล็กของเขาฟาดลงไปที่พื้นอีกครั้งเพื่อสร้างแรงกระแทกที่พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับพลังเงามืด แต่ความรุนแรงของพลังมืดนั้นกลับทำให้พื้นดินแตกออกเป็นรอยแยก ลมพายุจากพลังมืดกวาดเอาเศษซากและฝุ่นผงขึ้นมาหมุนวนรอบตัวเอลเลียต ทำให้การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว อย่างไรก็ตาม เอลเลียตยังคงยืนอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางของเขา “พวกเจ้ารีบทำสิ่งที่ต้องทำ!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่ยังเต็มไปด้วยพลัง “ข้าจะยืนหยัดตรงนี้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ไรอันรู้ดีว่
ปราสาทร้างที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะยมทูตเต็มไปด้วยความมืดและเงียบสงัด มันเป็นสถานที่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แต่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างให้เป็นที่พำนักของความมืดที่แผ่ขยายจากจิตใจของลูเซียส หมอกหนาที่ปกคลุมรอบๆ ปราสาทนั้นหนาแน่นจนแทบจะบดบังแสงจากดวงจันทร์ แต่ไรอัน เอลเลียต และอาเรียน่าก็ยืนหยัดอยู่หน้าทางเข้าปราสาทอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขามาที่นี่พร้อมกับความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันสั่นคลอน และพลังที่ได้รับการปลุกขึ้นมาใหม่จากการฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขารู้ดีว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิต และมันจะเป็นการตัดสินชะตากรรมของพวกเขา ลีอา และแม้แต่ลูเซียส “ทุกคนพร้อมหรือยัง?” ไรอันถามเสียงต่ำ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปราสาทที่ยืนตระหง่านเบื้องหน้าเอลเลียตพยักหน้ารับ “พร้อมเสมอ ข้าไม่กลัวความมืดอีกต่อไปแล้ว เราจะพานางกลับมา และจะหยุดยั้งลูเซียสให้ได้” อาเรียน่ากำลังมองไปยังปราสาทที่เต็มไปด้วยเงามืด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ข้าเองก็พร้อม พี่ชาย ข้าจะใช้พลังของข้าเพื่อช่วยพวกท่าน ข้าจะไม่ยอมให้ความมืดนี้เอาชนะพวกเราได้” ทั้งสามคนเดินเข้าไป
ผู้เฒ่าปราชญ์ไม่ได้หยุดการฝึกเพียงแค่นั้น เขาตัดสินใจที่จะสอนให้ไรอันและเอลเลียตได้ฝึกฝนการใช้พลังร่วมกัน การผสานพลังของธาตุน้ำและพลังชีวิตของเอลเลียตเพื่อสร้างพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมการฝึกนี้เริ่มจากการเรียนรู้ที่จะปรับพลังของพวกเขาให้สอดคล้องกัน ไรอันต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังน้ำในรูปแบบที่สามารถทำงานร่วมกับพลังแห่งชีวิตของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องปรับพลังของเขาให้สามารถเข้ากับพลังน้ำของไรอันได้ผู้เฒ่าปราชญ์จัดการทดสอบโดยให้พวกเขาร่วมมือกันในการสร้างกำแพงน้ำที่ไม่เพียงแค่ป้องกันศัตรูเท่านั้น แต่ยังสามารถฟื้นฟูพลังงานให้กับพวกเขาในขณะเดียวกันด้วย ไรอันต้องสร้างกระแสน้ำที่ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องอ่อนโยนพอที่จะไม่ทำลายพลังของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องเสริมสร้างพลังน้ำนี้ให้คงทนและเข้มแข็งยิ่งขึ้นการฝึกนี้เป็นความท้าทายที่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจและความเชื่อมั่นในกันและกัน พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจและสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด รู้จักการทำงานร่วมกันในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อพวกเขาสามารถสร้างกำแพงน้ำที่แข็งแกร่งและมีพลังในการฟื้นฟูได้สำเร็จ ผู้เฒ่าปราช
เอลเลียตมองต้นไม้ใหญ่นั้นด้วยความสงสัย “ข้าจะต้องทำอย่างไร?” “เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของเจ้าโดยไม่ให้มันครอบงำเจ้า” ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าว “เริ่มจากการใช้พลังในการฟื้นฟูร่างกายของเจ้า เจ้าเคยทนทานต่อบาดแผลและพิษ แต่ตอนนี้เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะเร่งกระบวนการฟื้นตัวนั้นให้เร็วขึ้น”ผู้เฒ่าปราชญ์ให้เอลเลียตฝึกฝนการควบคุมการฟื้นฟูของร่างกายโดยใช้สมาธิในการสร้างพลังงานจากภายใน เขาให้เอลเลียตฝึกโดยการเผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้าและบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจากการฝึกอย่างหนัก เอลเลียตต้องเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยพลังงานจากภายในร่างกายของเขาเพื่อรักษาตัวเองในเวลาอันสั้น นอกจากการฟื้นฟูร่างกายแล้ว ผู้เฒ่าปราชญ์ยังสอนเอลเลียตถึงการปลดปล่อยพลังงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการต่อสู้ของเขา เอลเลียตฝึกฝนการใช้กระบองเหล็กของเขาในการโจมตีต้นไม้ใหญ่โดยไม่ทำลายมัน แต่เพื่อฝึกฝนการควบคุมพลังของเขาให้แม่นยำและทรงพลังที่สุด การฝึกนี้ทำให้เอลเลียตได้ค้นพบว่าพลังที่แท้จริงของเขาไม่ใช่เพียงการต้านทานหรือการฟื้นฟู แต่ยังรวมถึงการใช้พลังนั้นในการปก
การสูญเสียลีอาและแม่ทัพอาร์เดนไปเป็นเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจของไรอันอย่างรุนแรง เขารู้สึกเหมือนว่าทุกสิ่งที่เขาพยายามปกป้องได้พังทลายลงต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดที่ตามมานั้นทำให้เขารู้สึกท้อแท้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขาตระหนักว่าพลังที่แท้จริงของเขานั้นอาจไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงการควบคุมธาตุน้ำเท่านั้นหลังจากหนีรอดออกมาจากเกาะยมทูต ไรอัน เอลเลียต และอาเรียน่าตัดสินใจที่จะพักฟื้นร่างกายและจิตใจในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลจากอำนาจของลูเซียส ในหมู่บ้านนี้ พวกเขาได้พบกับผู้เฒ่าปราชญ์อีกครั้ง ซึ่งต้อนรับพวกเขาด้วยความอบอุ่นและให้ที่พักพิงเพื่อให้พวกเขาสามารถฟื้นฟูพลังได้“ข้าเห็นแววตาของเจ้าไรอัน” ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าวขณะนั่งจ้องมองไรอันที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา “เจ้าไม่ได้พ่ายแพ้ เจ้าแค่กำลังค้นพบตัวเอง”ไรอันมองผู้เฒ่าปราชญ์ด้วยความสับสน “แต่ข้าสูญเสียลีอาไป ข้าไม่สามารถปกป้องเธอได้ ส่วนสหายร่วมรบข้าก็ยังเสียเขาไป ข้ารู้สึกว่าข้าอ่อนแอเหลือเกิน”ผู้เฒ่าปราชญ์ยิ้มอ่อนโยน “บางครั้งการสูญเสียคือบทเรียนที่สำคัญที่สุด มันไม่ใช่ความแข็งแกร่งภายนอกที่เจ้าไม่เคยรู้จัก แต่เป็นพลั
โดยไม่ทันให้พวกไรอันได้ตั้งตัว ลูเซียสก็ปล่อยพลังเงามืดที่ทวีความแข็งแกร่งออกมา คลื่นพลังมืดนั้นพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว ไรอันรีบเรียกพลังธาตุน้ำของเขาขึ้นมาเพื่อต้านทาน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังความมืดอันแข็งแกร่งของลูเซียส ไรอันไม่อาจรับมือได้ ลีอารีบเข้ามาช่วยด้วยการเรียกพลังแห่งธรรมชาติ เธอสร้างกำแพงเถาวัลย์ขึ้นมาปกป้องพวกเขา แต่เถาวัลย์เหล่านั้นถูกพลังมืดของลูเซียสฉีกขาดไปอย่างง่ายดาย การโจมตีของลูเซียสยังคงไม่หยุด เขาปล่อยพลังมืดอีกครั้ง คราวนี้พุ่งตรงเข้าใส่ไรอันอย่างเต็มแรง ไรอันพยายามต้านทานแต่พลังมืดนั้นแทรกซึมเข้ามาในร่างของเขา เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ท่วมท้นและพลังที่ถูกดึงออกไปจากตัวเขา “ไรอัน!” ลีอาร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ถูกพลังมืดของลูเซียสกันออกไป เอลเลียตพยายามเข้ามาสมทบ เขาใช้กระบองเหล็กฟาดเข้าไปที่ลูเซียส แต่ลูเซียสก็สามารถป้องกันและสวนกลับได้อย่างรวดเร็ว พลังมืดของลูเซียสทำให้เอลเลียตต้องถอยไปหลายก้าว แม้ว่าเขาจะทนทานต่อการบาดเจ็บและพิษ แต่พลังของลูเซียสก็รุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ในขณะนี้ ไรอันถูกพลังมืดโจมตีอย่างหนักจนล
เสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน เลือดไหลนองตามพื้นดิน ความตายค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วทุกมุม ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้หาพ่อแม่ด้วยความหวาดกลัว บ้างก็กอดศพของพ่อแม่ไว้แน่น ร้องไห้ปานจะขาดใจ ฝันร้ายในค่ำคืนนี้กลายเป็นความจริงที่ไม่มีใครสามารถหลีกหนีได้ท่ามกลางเสียงโศกเศร้า ฝีเท้าแผ่วเบาคู่หนึ่งเหยียบย่างเข้ามาที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งดูมีฐานะดีกว่าบ้านอื่นๆ รอบข้างตัวบ้านใหญ่โตและโอ่อ่า ประดับประดาไปด้วยของล้ำค่า แต่บรรยากาศรอบข้างกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดและหวาดหวั่น ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวก้าวออกมาด้วยท่าทางแข็งกร้าว เขามองไปยังผู้มาเยือนที่ยืนอยู่ท่ามกลางเงามืด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธ“เจ้าเป็นใคร!?” เขาตะคอกถามอย่างดุดัน พยายามปกป้องครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังเขาชายสวมหมวกคลุมยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลิกหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เขาเคยรู้จักดี ใบหน้าที่เขาเคยทอดทิ้ง“ลูเซียส!” ชายวัยกลางคนอุทานออกมาอย่างตกใจระคนหวาดกลัว เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกลูเซียสแสยะยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและความเคียดแค้น“จำข้าได้แล้...
Comments