Home / แฟนตาซี / The Light and Shadow : เงาทมิฬ / บทที่ 2 ป่าต้องห้าม

Share

บทที่ 2 ป่าต้องห้าม

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2024-11-20 14:27:25

หลังออกจากหมู่บ้านมา พวกเขาทั้งสามเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เพียงหวังให้ออกห่างจากหมู่บ้านให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเขายิ่งเดินยิ่งเห็นต้นไม้เบียดชิดกันแน่นขนัดมากขึ้น จนตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นแสงอาทิตย์แล้ว ดูคล้ายกับว่าเป็นเวลาพลบค่ำ มากกว่าจะเป็นยามกลางวัน ไรอันและลีอากับอาเรียน่าเดินลึกเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยไม่รู้ตัว อากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลิ่นดินหอมเข้าจมูก ความชื้นแฉะของพื้นดินทำให้พวกเขาต้องเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น

เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ที่มีแต่ความมืดครึ้ม เสียงของธรรมชาติที่เคยสดใสกลับเงียบงัน ราวกับว่าป่าทั้งป่าอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งลี้ลับ ดินที่พวกเขาเหยียบย่ำเย็นชืด บนพื้นมีรากไม้อยู่มากมายมองเผินๆเหมือนงูที่เลื้อยพันกันไปมา สอดสลับทับกันป่ายขวาป่ายซ้าย

”ป่านี้ไม่เหมือนที่ใดๆ ที่ข้าเคยเห็นมา” ลีอาพูดขึ้น เธอเหลียวมองไปรอบตัว อย่างระแวดระวัง

“ข้ารู้สึกว่ามันไม่เป็นมิตรเลย”

”ลูเซียสคงจะใช้พลังเงามืดครอบคลุมที่นี่ไว้” ไรอันตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเช่นเคย

แม้เขาจะพยายามรักษาความสงบ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้

ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เสียงแปลกๆ เริ่มดังขึ้นจากทุกทิศทาง เสียงกรอบแกรบของกิ่งไม้ที่หักและเสียงกระซิบแปลกประหลาดที่ดูเหมือนจะเกิดจากเงามืดรอบตัว ไรอันยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลีอาและอาเรียน่าหยุดเดินและเงียบฟัง พวกเขารู้ว่าในป่านี้มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรถูกปลุกขึ้นมา

“ระวังตัว” ไรอันกระซิบบอก

ลีอาพยักหน้าอย่างเข้าใจ อาเรียน่าซึ่งถูกไรอันอุ้มอยู่กอดคอเขาแน่น ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เด็กน้อยเหลียวมองไปรอบๆ แต่ก็เห็นเพียงต้นไม้หนาทึบและเงามืดสลัวราง เงาเหล่านั้นรูปร่างคล้ายสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่ค่อยๆคีบคลานออกมาโอบล้อมพวกเขาไว้ แต่เด็กน้อยก็พยายามไม่ร้องไห้ออกมา ทำเพียงโอบรอบคอของไรอันแน่นขึ้น

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเจ้าเอง เจ้าเชื่อพี่ไหม”

“ข้าเชื่อค่ะ พี่ชายและพี่สาวต้องปกป้องข้าได้แน่” เด็กน้อยมองสบตากับไรอันด้วยความเชื่อมั่นและน้ำเสียงอันอบอุ่นของเขาช่วยลดทอนความหวาดกลัวของเธอลง

ในขณะที่ทั้งหมดยังไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้น เงามืดหนาทึบคล้ายรากไม้ก็พุ่งออกมาจากพื้นดินและพันรอบขาของไรอัน มันกระชากเขาจนล้มลง ลีอาตกใจและรีบยกมือขึ้นเพื่อเรียกพลังแห่งธรรมชาติมาช่วย แต่เงามืดนั้นกลับต้านทานพลังของเธอได้ และเริ่มพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสาม

ไรอันรู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้มันจู่โจมพวกเขาได้ เขาจึงรวบรวมสมาธิและปล่อยพลังน้ำออกมาจากฝ่ามือ น้ำไหลออกมาราวกับสายน้ำจากแม่น้ำใหญ่ มันหมุนวนรอบตัวไรอันก่อนที่จะพุ่งเข้าชนเงามืดอย่างแรง เงามืดนั้นสั่นสะท้านและคลายการยึดเกาะรอบขาของเขาออก

“คุ้มครองนางด้วย!” ไรอันบอกกับลีอา ในขณะที่เขาส่งตัวอารีน่าให้

เมื่อเขาลุกขึ้นและยืนเผชิญหน้ากับเงามืดที่ยังคงพุ่งเข้ามา เขาปลดปล่อยพลังธาตุน้ำออกมาเป็นคลื่นยักษ์กระแทกเข้าใส่เงามืด เงานั้นกระเด็นไปไกลหลายเมตร เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หนี

ลีอารีบก้มตัวลงอุ้มอาเรียน่ามาแนบอก และวิ่งตามไรอันไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาวิ่งผ่านพุ่มไม้หนาทึบและรากไม้ที่ยื่นออกมาขวางทาง แม้พลังแห่งธาตุน้ำของไรอันจะช่วยกันเงามืดไว้ได้แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น พวกเขารู้ดีว่าต้องรีบหาทางออกจากป่านี้ก่อนที่พลังของลูเซียสจะเข้าควบคุมทุกสิ่ง

ขณะที่พวกเขาวิ่งผ่านแนวต้นไม้ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ไรอันเห็นลำธารเล็กๆ ที่ไหลอยู่ด้านหน้า ไรอันยิ้มกริ่ม เขาตัดสินใจที่จะใช้มันเพื่อหยุดยั้งเงามืด ไรอันเรียกพลังแห่งธาตุน้ำอีกครั้ง น้ำในลำธารเริ่มหมุนวนและพุ่งขึ้นมาสูงจนกลายเป็นกำแพงน้ำสูงที่ล้อมรอบพวกเขาทั้งสาม

เงามืดที่ตามหลังมาหยุดชะงักเมื่อเจอกับกำแพงน้ำ มันพยายามเจาะทะลุเข้าไปแต่ก็ถูกพลังน้ำดูดซับไว้ ไรอันใช้โอกาสนี้พาทั้งสองคนข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะปลอดภัยกว่าเมื่อพวกเขาข้ามลำธารได้สำเร็จ ไรอันก็ปล่อยกำแพงน้ำลง เงามืดนั้นถูกน้ำซัดกลับไปยังป่าลึก มันส่งเสียงคำรามเบาๆ ก่อนจะหายไปในความมืด

“ขอบใจท่านจริงๆ” ลีอาพูดอย่างเหนื่อยล้าแต่เต็มไปด้วยความโล่งอก เธอกอดอาเรียน่าแน่น เด็กหญิงตัวน้อยหลับตาอยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างไร้เรี่ยวแรง

“เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน ต้องหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยกว่านี้” ไรอันกล่าวพร้อมกับมองไปรอบๆ

แม้ว่าพวกเขาจะข้ามลำธารมาได้แล้ว แต่เขารู้ดีว่าอันตรายในป่าต้องห้ามนี้ยังไม่จบลง

พวกเขาเริ่มเดินต่อไปอีกครั้ง ลึกเข้าไปในป่าที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายเหมือนในตอนแรก แต่ไรอันยังคงไม่ประมาท เขารู้ดีว่าลูเซียสยังคงเฝ้าติดตามพวกเขาผ่านเงามืด และมันอาจโจมตีอีกครั้งในเวลาใดก็ได้

หลังจากที่พวกเขาเดินทางมาได้สักระยะ ลีอาที่กำลังพยายามเปิดทางผ่านพุ่มไม้หนาทึบก็สะดุดเข้ากับรากไม้ที่ยื่นออกมาโดยไม่ทันระวัง เธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้ข้อเท้าของเธอพลิก ไรอันรีบเข้ามาช่วยพยุงเธอขึ้นมา แต่ลีอารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากข้อเท้าของเธอ

“เจ้าต้องนั่งพักก่อน” ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย

เขาประคองลีอาไปนั่งลงที่ใต้ร่มไม้ที่ใกล้ที่สุด

“ข้าจะดูแผลให้”

“ข้าไม่เป็นไร” ลีอาพูดพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บปวด

แต่ไรอันสังเกตเห็นคิ้วเธอขมวดแน่นและรู้ว่าเธอฝืนตัวเองมากเพียงใด

“เจ้าไม่ต้องแกล้งแข็งแกร่ง ลีอา พวกเราต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้าหากเราจะปกป้องอาเรียน่า”

ไรอันยืนยันคำเดิม พร้อมกับตรวจดูข้อเท้าของเธอซึ่งบวมเล็กน้อย

อาเรียน่าซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วง

“พี่สาวไม่เป็นไรใช่ไหม?” เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยเสียงใสไร้เดียงสา

เธอยื่นดอกไม้เล็กๆ ที่เธอพบระหว่างทางให้ลีอา

“นี่ค่ะ พี่สาวจะหายเร็วขึ้นถ้าพี่รับมันไว้”

ลีอายิ้มออกมาทั้งน้ำตา เธอรับดอกไม้จากอาเรียน่าและกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหันมามองไรอันที่กำลังใช้ผ้าพันแผลมัดข้อเท้าของเธออย่างระมัดระวัง

“ขอบคุณนะไรอัน ข้า...ไม่เคยมีใครดูแลข้าแบบนี้มาก่อน”

ไรอันไม่ตอบ แต่ยิ้มบางๆ ในใจเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง มันคันยุบยิบในหัวใจขณะที่มองใบหน้าด้านข้างของลีอา ไรอันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั่งยิ้มอยู่

พวกเขาพักอยู่ใต้ร่มไม้จนลีอารู้สึกดีขึ้นพอที่จะเดินต่อได้ แม้จะยังมีอาการเจ็บอยูบ้าง แต่เธอก็สามารถก้าวเดินต่อไปได้ด้วยความช่วยเหลือของไรอัน เขาใช้มือซ้ายโอบประคองเอวเล็กของหญิงสาว

“ขอโทษด้วย ล่วงเกินเจ้าแล้ว”ไรอันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ลีอาเอียงคอมองใบหน้าด้านข้างของไรอัน และเห็นใบหูของเขาเป็นสีแดงก่ำ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

“ช่วยไม่ได้นี่ ประคองข้าให้ดีๆแล้วกัน” ลีอาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมแก้มที่ซับสีเลือด ใบหน้าร้อนผ่าว ตั้งแต่เกิดมานอกจากท่านพ่อ ยังไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาใกล้ชิดเธอขนาดนี้มาก่อน เธอยื่นมือขวาไปโอบรอบคอของไรอัน และค่อยๆเดินกะโผลกกะเผลกไปตลอดทาง

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อพวกเขาเดินต่อไปไม่นาน สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของป่าก็ปรากฏตัวขึ้น มันคือหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีดำสนิท ขนหยาบหนาลุกชัน ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองพวกเขาอย่างดุร้าย มันแสยะเขี้ยวขาวและส่งเสียงขู่ออกมา ทำท่าเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ ไรอันไม่รอช้ารีบดึงดาบออกมาทันที แต่ก็ยังช้าเกินไป เมื่อหมาป่านั้นพุ่งเข้ามาโจมตีเขาก่อนที่เขาจะทันได้เงื้อมือ

หมาป่ากระแทกไรอันลงกับพื้น ทำให้ดาบของเขากระเด็นหลุดจากมือออกไป

“อั่ก” หลังของเขาไถลไปกับพื้น

ลีอารีบใช้พลังของเธอเรียกหนามแหลมออกมาจากพื้นดินเพื่อต่อสู้กับหมาป่า แต่หมาป่าตัวนั้นกลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเกินกว่าจะรับมือได้ อาเรียน่าที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพวกเขาเริ่มร้องไห้ออกมา แต่ไรอันไม่สามารถลุกขึ้นมาปกป้องเธอได้เพราะบาดแผลที่เกิดจากการโจมตีของหมาป่า

ในขณะที่หมาป่าก้าวย่างเข้ามาใกล้ไรอันมากขึ้นมันแสยะเขี้ยวและเตรียมจะฝังเขี้ยวลงบนตัวของไรอันอยู่นั้นแล้ว

ทันใดนั้น ลีอาก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเรียกไม้เลื้อยออกมาพันรอบขาหมาป่าทำให้มันล้มลงและตรึงมันไว้ เธอรีบเข้าไปหยิบดาบของไรอันและโยนให้เขา “เร็วเข้า! มันกำลังจะหลุดออกมาแล้ว!”

ไรอันคว้าดาบมาและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาใช้ดาบแทงไปที่หมาป่า สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องดังลั่น

“บรู๊วววววว” ก่อนจะสลายกลายเป็นเงามืดที่ค่อยๆ จางหายไป

หลังจากนั้น ไรอันนั่งลงหอบเหนื่อย ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากบาดแผลที่เขาได้รับ แม้จะไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่มันก็ทำให้เขาเสียเลือดไม่น้อย ลีอารีบเข้ามาประคองเขาไว้

“เราต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่แน่ว่าหมาป่าตัวอื่นอาจได้ยินเสียงของเจ้าตัวนี้และตามมาก็ได้”ไรอันกัดฟันพูดและอดกลั้นต่อความเจ็บปวดจากบาดแผล

ทั้งสามเดินทางต่อไปจนได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง เธอประคองไรอัน และพาเขาเข้าไปพักในถ้ำเพื่อจะได้ทำการรักษาให้เขา

เธอบอกให้เขาถอดเสื้อออก ไรอันรู้สึกเจ็บแผลจึงต้องให้ลีอาช่วยถอดให้ หลังจากถอดออกหมดแล้วลีอารู้สึกใบหน้าผ่าวร้อน เมื่อสายตาเจอกับรูปกายของชายหนุ่ม ไล่มาตั้งแต่แผงอกเปล่าเปลือยนั้น ลงมาถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง เรียบเรื่อยไปถึงสะดือ และ ณ จุดนั้นมีขนบางๆไล่ลงไปและหายลับไปตรงที่กางเกงปิดทับ เธอรีบเสมองไปทางอื่น

“หึๆ” ไรอันหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ

“แผลของข้าอยู่ที่แผ่นหลังนะ” เขาพูดพลางค่อยๆขยับมานั่งหันหลังให้ลีอา

เธอค่อยๆหันกลับมา สลัดความเขินอายและความคิดอื่นๆออกไปและเริ่มลงมือใช้พลังรักษาให้เขา

อาเรียน่ามองดูพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“พี่ชายจะหายดีไหมคะ?” อาเรียน่าถามไรอันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ และจับมือเขาไว้แน่น ไรอันมองหน้าเด็กหญิงเล็กๆ คนนี้ที่แม้จะกลัวแต่ก็พยายามให้กำลังใจเขา เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น

“ข้าจะไม่เป็นไร เจ้าก็ต้องเข้มแข็งเหมือนกันนะอาเรียน่า”

เด็กหญิงพยักหน้าแล้วล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอออกมา เธอหยิบขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่เหลืออยู่ในกระเป๋าแล้วยื่นให้ไรอัน

“นี่ค่ะ พี่ชายต้องกินนะ จะได้มีแรงต่อไป”

ไรอันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขารับขนมปังจากเธอและกัดกิน แม้ขนมปังจะแข็งและเย็น แต่ความอ่อนโยนและความใส่ใจของอาเรียน่าทำให้มันกลายเป็นมื้ออาหารที่อบอุ่นที่สุดที่เขาเคยได้รับ

หลังจากทำแผลเสร็จ ไรอันจึงออกไปล่าสัตว์เพื่อนำมาทำอาหารให้ลีอาและอาเรียน่า

“ท่านระวังตัวด้วย” ลีอาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

“พี่ชายต้องรีบกลับมาไวๆนะคะ” อารีน่าพูดพร้อมเข้าไปกอดแขนไรอันเขย่าเบาๆ

“ได้ ข้าจะรีบไปรีบกลับ พวกเจ้าหลบอยู่ในนี้ให้ดี ได้ยินเสียงอะไรก็อย่าออกไปเด็ดขาด” ไรอันกำชับ

จากนั้นเขาก็ออกไปอย่างเร่งร้อน แต่ก็ระมัดระวังไม่นานไรอันก็กลับมาพร้อมกระต่ายป่าสองตัวที่จัเดารถลกหนังและชำแหละมาจากในป่าแล้วเขาจัดการนำมันมาเสียบไม้และย่างกับไฟ

ทั้งสามนั่งล้อมรอบกองไฟ และกินไปเงียบๆ แต่ละคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง

หลังจากมื้ออาหารก็ได้เวลาพักผ่อน ลีอากับอาเรียน่าช่วยกันหาหญ้าแห้งเท่าที่จะหาได้มากองสุมกัน และวางใบไม้ทับไว้ ขนาดพอให้นอนได้ทั้งสามคน

ขณะกำลังจัดแจงที่นอนอยู่นั้น ลีอาก็ร่ายเวทย์เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษไม่ให้มารบกวน

ไรอันเลือกนอนทางซ้าย ขณะที่ลีอากำลังลังเลว่าจะนอนอย่างไร อาเรียน่าก็ดึงมือลีอาให้นอนลงข้างไรอัน และตัวเธอเองก็มุดเข้าไปนอนแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่

“อื้มมม อบอุ่นดีจังเลย” อาเรียน่าพูดอย่างมีความสุขพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“แต่จะอบอุ่นกว่านี้ถ้าหากว่า…” เด็กน้อยพูดพลางจับมือไรอันและมือของลีอาให้จับกันไว้ พาดลงตรงลำตัวของเธอ แต่ลีอาชักมือออก

“เอ่อ…ข้าว่าไม่ค่อยเหมาะกระมัง”เธอพูดในขณะที่สายตาเผอิญไปสบกับไรอันที่มองมาพอดี

อาเรียน่าก้มหน้าลง เปล่งเสียงแผ่วเบาสั่นเครือออกมา “ข้าขอโทษที่ทำให้พี่ลีอาไม่สบายใจ แต่ข้าแค่คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ เวลานอนพวกท่านจะนอนกอดกันและกอดข้าไว้” น้ำตาเด็กน้อยหยดลงมาเป็นสาย

ใจของลีอาอ่อนยวบ เธอก็นึกถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่มีพวกเขาแล้ว อาเรียน่าอายุเพียงแค่นี้ จะทุกข์ใจขนาดไหนหนอ

เช่นเดียวกับไรอัน เขาเศร้าใจอย่างยิ่ง ภาพของคนที่นอนตายเกลื่อนกลาดและซากปรักหักพังย้อนขึ้นมาให้เห็น เขาสลัดภาพเหล่านั้นออกไป และหันไปเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อย

“วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ชายจะพาไปเล่นน้ำตก” เชาพูดพลางขยิบตาให้ลีอา

“นั่นสินะ พรุ่งนี้พีสาวก็จะพาเธอไปเก็บดอกไม้สวยๆด้วยล่ะ” ลีอายิ้มอย่างเอาใจ

อาเรียน่าหยุดร้องไห้ทันใด และหันมาส่งยิ้มสดใสให้กับพวกเขา

“สัญญานะคะ” เด็กน้อยยื่นนิัวก้อยเล็กๆออกมา

“จ๊ะ สัญญา” ลีฮาเกี่ยวก้อยกับอาเรียน่า และหันไปทำท่าให้ไรอันทำด้วย

คนตัวโตทำหน้าปูเลี่ยนๆ แต่ก็จำใจยื่นนิ้วออกมาเกี่ยวก้อยกับเด็กน้อย ทำให้อาเรียน่ายิ้มทั้งปากทั้งตา

ในที่สุด ลีอาก็จำต้องนอนโดยให้ไรอันจับมือตน ส่วนอาเรียน่านอนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ไรอันสอดนิ้วมือประสานกับมือเธอ ทำให้เธอสะดุ้งจะชักมือกลับ

“ชู่ว มือจะได้ไม่หลุดจากกันไง” ไรอันกระซิบ

ลีฮาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เขาประสานนิ้วมือเกาะเกี่ยวกับมือนุ่มของเธอไว้อย่างนั้น ทั้งสามหลับไปในท่านั้นเอง

ภายนอกถ้ำอันอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักนั้น ปรากฎเงาร่างสายหนึ่ง มองเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบงัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 1 การกลับมา

    ไรอัน อีวานส์ยืนอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอาณาจักรเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ลมเย็นที่พัดผ่านพาเอากลิ่นอายของความทรงจำเก่าๆ กลับมาหาเขา ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขาแฝงด้วยความโศกเศร้าและความหนักอึ้งที่ไม่สามารถลบเลือนออกจากหัวใจได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ภาพในอดีตยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอไรอันใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไกลหนีจากเงามืดของอดีต เขาเดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครตามหา แต่ไม่ว่าเขาจะไปไกลแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหนีจากความรู้สึกผิดในใจได้ เมื่อข่าวลือเกี่ยวกับการทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขามาถึงหู ไรอันรู้ทันทีว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป“ลูเซียส...”ไรอันเอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทที่กลายเป็นศัตรูออกมาเบาๆคำพูดนั้นเหมือนกับการเรียกวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การสืบหาความจริงเกี่ยวกับหมู่บ้านที่ถูกทำลายเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเผชิญหน้ากับลูเซียส คนที่เขาเคยเชื่อใจและรักเหมือนพี่น้องความคิดของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เหตุใดลูเซียสถึงได้กลายเป็นคนที่โหดร้ายเช่นนี้? เขาเคยเป็นคนด

    Last Updated : 2024-11-20
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่

    หลังจากการเดินทางผ่านป่าต้องห้าม ไรอัน ลีอา และอาเรียน่าก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก หมู่บ้านนี้เงียบสงบ เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะปลอดภัยจากอำนาจของเงามืดที่ครอบงำป่ารอบนอก พวกเขารู้สึกถึงความอบอุ่นและเป็นมิตรของชาวบ้านที่ต่างออกมาต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม"พวกท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยล้ากันมาก ข้าขอต้อนรับพวกท่านเข้าสู่หมู่บ้านของเรา" ชายชราผู้หนึ่งกล่าวต้อนรับเขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยจากกาลเวลา แต่สายตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยปัญญาและความเข้าใจ"ข้าคือผู้เฒ่าปราชญ์แห่งหมู่บ้านนี้ เชิญพวกท่านเข้ามาพักผ่อนในบ้านของข้าเถิด"ทั้งสามคนรับคำเชิญอย่างยินดี ผู้เฒ่าปราชญ์พาพวกเขาเข้าไปในบ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆ และวัตถุโบราณ ภายในบ้านมีเตาผิงที่ให้ความอบอุ่นและกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยคลุ้งในอากาศลีอาเดินเข้าไปดูที่ตู้หนังสือทำจากไม้ เธอสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่ง ปกหนังสีน้ำตาล ตรงสันปกเขียนไว้ว่า 'อาณาจักรแอสทารา'“ท่านผู้เฒ่า ข้าขอดูเล่มนี้ได้ไหมคะ”ผู้เฒ่าหันมาตามเสียงเรียก เขามองตามนิ้วมือลีอาที่ชี้ไปยังหนังสือหนาหนักเล่มหน

    Last Updated : 2024-11-20
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่ (1)

    ไรอันตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น"ลูเซียสเคยเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลข้า? ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อน?""เพราะมันเป็นความลับที่ถูกปกปิดไว้อย่างยาวนาน" ผู้เฒ่าปราชญ์ตอบ"ลูเซียสคือพี่น้องร่วมสายเลือดของเจ้า แต่เขาเกิดมาพร้อมกับพลังแห่งเงามืด พลังที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อสมดุลของอาณาจักร ครอบครัวของเจ้าจึงตัดสินใจที่จะปกปิดเรื่องนี้และผลักไสเขาออกไปจากตระกูล"คำพูดของผู้เฒ่าปราชญ์ทำให้ไรอันรู้สึกถึงความสับสนและความเจ็บปวดในใจ เขาไม่เคยรู้ว่าลูเซียสคือพี่น้องร่วมสายเลือด และไม่เคยรู้ว่าตระกูลของเขามีส่วนในการทำให้ลูเซียสกลายเป็นผู้ที่ครอบครองพลังแห่งความมืด"เพราะความแค้นที่ถูกฝังลึกในใจ ลูเซียสจึงหันไปหาพลังแห่งเงามืดและทำสัญญากับมัน เพื่อที่จะใช้พลังนั้นในการล้างแค้นต่อครอบครัวและอาณาจักรที่เขารู้สึกว่าทรยศเขา" ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าวเสริม"แต่พลังนั้นไม่ได้มอบเพียงความแข็งแกร่งให้แก่เขา มันยังได้ครอบครองจิตวิญญาณของเขาด้วย"ลีอาที่ฟังอยู่เงียบๆ ตลอดการสนทนา มองดูไรอันด้วยความเห็นใจ เธอยื่นมือออกไปตบบนหลังมือเขาเบาๆ เธอเข้าใจถึงความรู้สึกที่ต้องพบกับความจริงที่เจ็บปวด แต่เธอเชื่อว่าไรอันจะต้องสามารถก้า

    Last Updated : 2024-11-20
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง

    ระหว่างการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทาย ไรอัน ลีอา เอลเลียต และอาเรียน่าได้พัฒนาความสัมพันธ์และความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ในหมู่พวกเขา ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุดกลับเกิดขึ้นระหว่างไรอันและลีอา ทุกครั้งที่พวกเขาร่วมเผชิญกับอุปสรรค ความใกล้ชิดและความเข้าใจในกันและกันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช้าวันหนึ่ง เมื่อพวกเขาตั้งแคมป์ใกล้ลำธารเล็กๆ ที่น้ำใสสะอาดสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย ลีอากำลังนั่งอยู่ริมลำธารพลางล้างหน้าเบาๆ ส่วนอาเรียน่า ลงไปแหวกว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจไรอันเดินออกไปนั่งเงียบๆเพียงลำพัง ปล่อยให้สองสาวใช้เวลาทำธุระส่วนตัวมือของเขาสัมผัสที่ด้ามดาบอย่างเงียบๆ ขณะที่สายลมพัดเบาๆ ผ่านผิวหน้าของเขา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้มดูเหมือนจะสะท้อนความรู้สึกในใจของเขาเอง ภาพความทรงจำจากอดีตค่อยๆ ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา ราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขานึกถึงลูเซียส เพื่อนรักที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนร่วมรบ แต่เป็นพี่น้องในสนามรบที่มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเกินกว่าคำพูดจะอธิบายได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ไรอันจำได้ว่าเขาก

    Last Updated : 2024-11-21
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 5 ทะเลมรกต

    หลังจากเดินทางผ่านป่าทึบและภูเขาสูง พวกไรอัน ลีอา เอลเลียต อาเรียน่า และเฟนิกซ์ เหยี่ยววายุผู้ซื่อสัตย์ ก็มาถึงจุดหมายปลายทางต่อไปที่แผนที่ของผู้เฒ่าปราชญ์ระบุไว้ นั่นคือ "ทะเลมรกต" พวกเขายืนอยู่บนหน้าผาสูง มองลงไปยังทะเลสีเขียวมรกตที่แผ่กว้างออกไปจนสุดสายตา น้ำทะเลใสดุจคริสตัลที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย ทำให้ทะเลนี้ดูงดงามอย่างไม่ธรรมดา แต่ความงดงามนี้ซ่อนเร้นอันตรายที่พวกเขาไม่คาดคิด"เราต้องข้ามทะเลมรกตนี้เพื่อไปยังที่ซ่อนของลูเซียส" ไรอันกล่าวขณะเปิดแผนที่ดูเส้นทาง "แต่มันไม่ได้บอกว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง"ลีอามองทะเลด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ "ทะเลนี้ดูเงียบสงบเกินไป ข้าว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ"เอลเลียตพยักหน้า "ถูกต้อง ทะเลที่เงียบเกินไปมักซ่อนภัยอันตราย ข้าจะให้เฟนิกซ์สำรวจจากฟ้าก่อน แล้วพวกเราค่อยลงไปข้ามทะเลนี้"เฟนิกซ์รับคำสั่งของเอลเลียตด้วยการกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้าง มันบินวนสำรวจรอบๆ พื้นที่ทะเลมรกต เฟนิกซ์มีสายตาที่เฉียบคมและสามารถมองเห็นได้ไกลหลายกิโลเมตร มันจึงสังเกตเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำสีมรกตนี้"มันมีบางสิ่งอยู่ใต้น้ำ" เอลเลียตพูดขึ้นขณะที่เฟ

    Last Updated : 2024-11-23
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 5 ทะเลมรกต (1)

    เธอรีบเข้าไปประคองให้ไรอันพาไปนั่งพักอยู่ใกล้ๆกับอาเรียน่า เธอเดินออกไปช่วยเอลเลียตต่อสู้ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว กรามขบกันแน่น นึกถึงแผลของไรอันและสีหน้าหวาดกลัวของอาเรียน่า เธอก็รู้ว่าจะอ่อนแอไม่ได้ ในขณะนั้นเองเธอก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวเอง พลังภายในที่ลึกซึ้งซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัวเธอที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จิตใจของลีอาเริ่มเปิดรับเสียงเบาๆ ที่ดังขึ้นจากผืนน้ำ มันเป็นเสียงกระซิบของสัตว์น้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลลึก พวกมันกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ ลีอาตัดสินใจที่จะใช้พลังใหม่ที่เธอเพิ่งค้นพบ เพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เธอหลับตาลงและมุ่งสมาธิไปยังพลังภายในของเธอ"ได้โปรด... ช่วยพวกเราด้วย" ลีอาพูดออกมาด้วยภาษาของสัตว์น้ำที่เธอเพิ่งเข้าใจ เสียงของเธอสื่อถึงความหวังและความมุ่งมั่นที่จะปกป้องพวกพ้องของเธอ "สัตว์ประหลาดนี้เป็นภัยต่อทั้งพวกเราและพวกเจ้า ข้าขอร้องให้พวกเจ้าช่วยเราต่อสู้"เสียงของลีอาส่งสัญญาณออกไปในน้ำทะเล และในไม่ช้า ลีอาก็รู้สึกถึงการต

    Last Updated : 2024-11-24
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 6 ทุ่งละเมอ

    ขณะที่ทะเลมรกตค่อยๆ ห่างออกไปข้างหลัง ไรอัน ลีอา เอลเลียต และอาเรียน่าต่างรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น การเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายเริ่มทิ้งร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้าให้พวกเขา ทุกคนไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่เดินหน้าต่อไปโดยมีความหวังว่าพวกเขาจะได้พักในไม่ช้า ในที่สุดพวกเขาก็ถึงฝั่ง พวกเขาได้พบกับสถานที่แห่งหนึ่งที่มีทุ่งดอกไม้สีสันสวยงามมากมาย สถานที่นี้ถูกปกคลุมด้วยดอกไม้หลากสีที่ชูช่อบานสะพรั่งไปทั่ว ทุ่งดอกไม้นั้นดูเงียบสงบและน่าหลงใหลจนเหมือนภาพวาดที่เต็มไปด้วยสีสันที่สดใส พวกเขาต่างมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจและความยินดี ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหยุดพักหลังจากการเดินทางที่ยากลำบาก “พี่ลีอา ดูนี่สิคะ” อาเรียน่าเรียกเสียงใส พลางจับจูงมือของลีอาให้เดินดูดอกไม้หลากสีเหล่านั้นอย่างร่าเริง ลีอาเดินตามเด็กน้อยพลางยิ้มอ่อน แต่ก็ดีแล้ว เธอชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของเด็กสาวมากกว่าสีหน้าที่เป็นกังวลและหงอยเหงา ส่วนเอลเลียตและไรอันพากันเดินสำรวจทุ่งดอกไม้บริเวณนี้ เพื่อหาที่เหมาะๆทำที่ไว้นอนพัก เอลเลียตปล่อยเฟนิกซ์ให้บินออกหาอ

    Last Updated : 2024-11-26
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 6 ทุ่งละเมอ (1)

    ในที่สุด เมื่อทั้งคู่รวบรวมพลังจิตใจและตระหนักถึงความจริง พวกเขาก็สามารถฉีกห้วงฝันที่ลวงหลอกนั้นออกมาได้ ความจริงเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่พวกเขาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริง เสียงของเอลเลียตยังคงก้องอยู่ในหู "พวกเราต้องไปกำราบลูเซียส... อย่าลืมความตั้งใจของพวกเรา"ไรอัน ลีอา และเอลเลียตต่างพากันหอบหายใจแรง ร่างกายของพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อหลังจากที่ต้องฝ่าฟันห้วงฝันอันลวงตานั้นมาได้ พวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความหนักอึ้งที่ผ่อนคลายลงเมื่อกลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง แต่เมื่อหันไปมองอาเรียน่า พวกเขาพบว่าเธอยังนอนนิ่งอยู่ ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพวกเขา“อาเรียน่า!” ลีอาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอรีบเข้าไปนั่งข้างๆ น้องสาวคนเล็กของพวกเขา หัวใจของเธอเริ่มสั่นไหวเมื่อเห็นว่าอาเรียน่ายังคงติดอยู่ในห้วงฝัน ร่างของเธอไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาของเธอปิดสนิท ราวกับว่าเธอยังจมอยู่ในความปรารถนาที่ไม่อาจหลุดพ้นได้ไรอันและเอลเลียตต่างก็รีบเข้ามาดูอาการของอาเรียน่า "เธอยังไม่ตื่น" เอลเลียตเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือจับที่ไหล่ของเธอเบาๆ หวังว่าเธอจะ

    Last Updated : 2024-11-29

Latest chapter

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   ตอนพิเศษ หัวใจทมิฬ

    ลูเซียสยืนนิ่งอยู่ในความมืดที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง ความมืดนี้ไม่ใช่แค่เงาหรือความมืดธรรมดา แต่มันคือพลังที่อยู่ในตัวเขามาตั้งแต่เกิด มันเป็นพลังที่ทำให้เขาถูกตัดสินและขับไล่ออกไปจากครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาเงยหน้าขึ้นมองลีอาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความแค้นที่ถูกฝังลึกในใจมาเนิ่นนาน”ข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น” ลูเซียสเริ่มเล่า น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ทุ้มลึก “ข้าเกิดมาในตระกูลสูงส่งแห่งแอสทารา ข้าเคยมีทุกสิ่งที่เด็กคนหนึ่งต้องการ...มีบ้านที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่ข้าเคารพรัก แต่พวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อพวกเขารู้ว่าข้ามีพลังเงามืดในตัว” ลีอานั่งฟังด้วยความตั้งใจ หัวใจของเธอหนักอึ้งเมื่อได้ยินความเจ็บปวดในคำพูดของเขา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูเซียสต้องทนทุกข์กับอดีตเช่นนี้”ข้าจำได้ชัดเจน ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กแค่ 7 ขวบ ข้าคิดว่าพลังนี้เป็นสิ่งพิเศษ ข้ารู้สึกแตกต่าง แต่ข้ากลับไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงทำให้คนอื่นๆ กลัว ข้าพยายามใช้มันเพื่อแสดงให้พ่อแม่เห็นว่า ข้าสามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่สิ่งที่ข้าได้รับกลับเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรังเกียจ” ลูเซียสหยุดไปช

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทสุดท้าย เงาที่เหลืออยู่

    ชีวิตของไรอันและลีอาเดินหน้าไปสู่ความสงบสุขที่พวกเขาเคยฝันถึง หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและการสูญเสียที่ทำให้หัวใจของพวกเขาต้องบอบช้ำ พวกเขาก็ได้สร้างครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น หมู่บ้านที่เคยถูกครอบงำด้วยเงามืดกลับมาสดใสอีกครั้ง และชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับงานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความยินดีและความหวังลีอาและไรอันมีลูกแฝดชายหญิงที่เปรียบเสมือนดวงดาวสว่างไสวในชีวิตของพวกเขา เด็กทั้งสองคนเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาและความสดใสที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกถึงความหวังและความสุขที่แท้จริง ครอบครัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ไรอันเป็นพ่อที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและปกป้องลูกๆ ด้วยชีวิต ขณะที่ลีอาเป็นแม่ที่อบอุ่นและอ่อนโยน คอยดูแลทุกคนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักในขณะเดียวกัน เอลเลียตและเฟนิกซ์ก็ออกเดินทางไปผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ เพื่อฝึกฝนตนเองและค้นหาความหมายใหม่ในชีวิต พวกเขาเลือกที่จะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ออกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกด้านอาเรียน่าเองก็เลือกทางเดินที่แตกต่างออกไป เธอตัดสินใจออกเดินทาง

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 11 อดีตที่เจ็บปวดและการเริ่มต้นใหม่ (1)

    ลูเซียสหายใจลึก รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกยกออกจากบ่าของเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าความมืดในจิตใจของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและหาความสงบสุขในตัวเองก็มีมากกว่าลีอาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างไรอันก็ยิ้มให้ลูเซียสด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ “ข้ายังเชื่อในตัวเจ้า ลูเซียส ข้ารู้ว่าลึกๆ แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เจ้าก็แค่ต้องการคนที่จะเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างเจ้า”อาเรียน่าก้าวเข้ามาสมทบ “เราเป็นครอบครัว... ครอบครัวที่ยอมรับกันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว”ลูเซียสมองดูพวกเขาทั้งสี่คน น้ำตาที่เก็บกดไว้ตลอดหลายปีเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม เขารู้สึกถึงความโล่งใจและความหวังที่เคยสูญเสียไปนานแล้ว“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ข้าเคยทำ” ลูเซียสกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษที่ข้าเคยเลือกทางที่ผิด และข้าขอโทษที่ข้าพยายามจะทำร้ายพวกเจ้า”“เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลูเซียสและยื่นมือออกไป “สิ่งสำคัญคือเจ้าได้กลับมา และเราจะผ่านทุกสิ่งไปด้วยกัน” ไ

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 11 อดีตที่เจ็บปวดและการเริ่มต้นใหม่

    "ในคืนหนึ่ง... ข้าจำได้ว่าแม่ของข้าไม่ได้มาร่ำลาข้า ข้าเพียงเห็นแผ่นหลังของพ่อที่หันมาเอ่ยคำสุดท้ายกับข้า 'เจ้าต้องไป...เพื่อปกป้องตระกูล' คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวข้าตลอดมา ข้าถูกขับไล่ออกจากบ้าน ถูกส่งไปในป่าลึก โดยไม่มีแม้แต่ใครสักคนที่จะมาอธิบายว่าเหตุใด ข้าเป็นแค่เด็ก แต่ข้ากลับถูกทิ้งไว้ในความมืด โดยไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีความอบอุ่นของครอบครัว" เขาก้มหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น"ตอนที่ข้าจากไป ไรอันยังไม่เกิด พ่อและแม่ของเราคิดว่าเมื่อข้าไม่อยู่แล้ว พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ข้าถูกลบออกจากความทรงจำของครอบครัว...และไรอัน เขาเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา"ลีอาหันไปมองลูเซียสอย่างตกตะลึง เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาก่อน ลูเซียส...พี่น้องร่วมสายเลือดของไรอัน ถูกผลักไสออกจากครอบครัวในวัยเด็ก เพียงเพราะพลังที่เขาไม่ได้เลือกที่จะมี"ข้าเร่ร่อนอยู่ในป่า เดียวดายและเต็มไปด้วยความกลัว ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอย่างไร ข้ารอคอยวันที่ครอบครัวจะมารับข้ากลับ แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง ข้าโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความเกลียดชัง ข้าเรียนรู้ที่จะใช้พ

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (2)

    แต่ลีอากลับก้าวออกมาจากเงามืดนั้นอย่างช้าๆ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าไรอันและอาเรียน่า น้ำตาของเธอไหลลงมาเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากพวกเขา “ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษที่ข้าเคยละทิ้งพวกเจ้า...”ไรอันยิ้มอย่างอ่อนโยนและก้าวเข้ามากอดเธอไว้ “ไม่เป็นไร ลีอา เจ้ากลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตัวอาเรียน่าเริ่มส่องประกายอย่างแรงกล้าอีกครั้ง ลูเซียสรู้สึกถึงพลังที่ถอยห่างจากตัวเขา ความมืดที่เคยทำให้เขาแข็งแกร่งกลับกลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอที่เข้ามาครอบงำ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหวและอ่อนแรงลง “ไม่... ไม่!” ลูเซียสตะโกนด้วยความสิ้นหวัง แต่พลังที่เขาเคยยึดมั่นกลับหายไปทีละน้อย เงามืดที่เคยล้อมรอบตัวเขาเริ่มจางหายไป ราวกับว่ามันถูกดูดกลืนเข้าสู่แสงสว่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ลีอายังคงมองไปทางลูเซียสที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความสับสน ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสารและความเห็นใจสะท้อนถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เธอมีต่อลูเซียส แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจิตในช่วงเวลาที่อยู่กับเขา แต่เธอก็สามารถจดจำทุกเรื่องราวท

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (1)

    พลังเงามืดของลูเซียสถูกต้านทานด้วยบาเรียน้ำของไรอันและแสงสว่างของอาเรียน่า แต่ลูเซียสก็ไม่ยอมแพ้ เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีและปล่อยคลื่นพลังมืดออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงและน่ากลัวกว่าครั้งก่อน มันเป็นพลังที่ถูกหล่อหลอมจากความแค้นและความโดดเดี่ยว คลื่นพลังมืดที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่รุนแรง แต่ยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ลูเซียสไม่มีเจตนาที่จะยอมแพ้หรือยอมให้ใครเข้ามาขวางทางเขาได้อีก เอลเลียตที่เป็นด่านแรกของการป้องกัน ยังคงยืนหยัดไม่ถอย เขาใช้กระบองเหล็กของเขาฟาดลงไปที่พื้นอีกครั้งเพื่อสร้างแรงกระแทกที่พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับพลังเงามืด แต่ความรุนแรงของพลังมืดนั้นกลับทำให้พื้นดินแตกออกเป็นรอยแยก ลมพายุจากพลังมืดกวาดเอาเศษซากและฝุ่นผงขึ้นมาหมุนวนรอบตัวเอลเลียต ทำให้การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว อย่างไรก็ตาม เอลเลียตยังคงยืนอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางของเขา “พวกเจ้ารีบทำสิ่งที่ต้องทำ!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่ยังเต็มไปด้วยพลัง “ข้าจะยืนหยัดตรงนี้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ไรอันรู้ดีว่

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    ปราสาทร้างที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะยมทูตเต็มไปด้วยความมืดและเงียบสงัด มันเป็นสถานที่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แต่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างให้เป็นที่พำนักของความมืดที่แผ่ขยายจากจิตใจของลูเซียส หมอกหนาที่ปกคลุมรอบๆ ปราสาทนั้นหนาแน่นจนแทบจะบดบังแสงจากดวงจันทร์ แต่ไรอัน เอลเลียต และอาเรียน่าก็ยืนหยัดอยู่หน้าทางเข้าปราสาทอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขามาที่นี่พร้อมกับความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันสั่นคลอน และพลังที่ได้รับการปลุกขึ้นมาใหม่จากการฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขารู้ดีว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิต และมันจะเป็นการตัดสินชะตากรรมของพวกเขา ลีอา และแม้แต่ลูเซียส “ทุกคนพร้อมหรือยัง?” ไรอันถามเสียงต่ำ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปราสาทที่ยืนตระหง่านเบื้องหน้าเอลเลียตพยักหน้ารับ “พร้อมเสมอ ข้าไม่กลัวความมืดอีกต่อไปแล้ว เราจะพานางกลับมา และจะหยุดยั้งลูเซียสให้ได้” อาเรียน่ากำลังมองไปยังปราสาทที่เต็มไปด้วยเงามืด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ข้าเองก็พร้อม พี่ชาย ข้าจะใช้พลังของข้าเพื่อช่วยพวกท่าน ข้าจะไม่ยอมให้ความมืดนี้เอาชนะพวกเราได้” ทั้งสามคนเดินเข้าไป

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (2)

    ผู้เฒ่าปราชญ์ไม่ได้หยุดการฝึกเพียงแค่นั้น เขาตัดสินใจที่จะสอนให้ไรอันและเอลเลียตได้ฝึกฝนการใช้พลังร่วมกัน การผสานพลังของธาตุน้ำและพลังชีวิตของเอลเลียตเพื่อสร้างพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมการฝึกนี้เริ่มจากการเรียนรู้ที่จะปรับพลังของพวกเขาให้สอดคล้องกัน ไรอันต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังน้ำในรูปแบบที่สามารถทำงานร่วมกับพลังแห่งชีวิตของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องปรับพลังของเขาให้สามารถเข้ากับพลังน้ำของไรอันได้ผู้เฒ่าปราชญ์จัดการทดสอบโดยให้พวกเขาร่วมมือกันในการสร้างกำแพงน้ำที่ไม่เพียงแค่ป้องกันศัตรูเท่านั้น แต่ยังสามารถฟื้นฟูพลังงานให้กับพวกเขาในขณะเดียวกันด้วย ไรอันต้องสร้างกระแสน้ำที่ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องอ่อนโยนพอที่จะไม่ทำลายพลังของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องเสริมสร้างพลังน้ำนี้ให้คงทนและเข้มแข็งยิ่งขึ้นการฝึกนี้เป็นความท้าทายที่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจและความเชื่อมั่นในกันและกัน พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจและสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด รู้จักการทำงานร่วมกันในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อพวกเขาสามารถสร้างกำแพงน้ำที่แข็งแกร่งและมีพลังในการฟื้นฟูได้สำเร็จ ผู้เฒ่าปราช

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (1)

    เอลเลียตมองต้นไม้ใหญ่นั้นด้วยความสงสัย “ข้าจะต้องทำอย่างไร?” “เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของเจ้าโดยไม่ให้มันครอบงำเจ้า” ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าว “เริ่มจากการใช้พลังในการฟื้นฟูร่างกายของเจ้า เจ้าเคยทนทานต่อบาดแผลและพิษ แต่ตอนนี้เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะเร่งกระบวนการฟื้นตัวนั้นให้เร็วขึ้น”ผู้เฒ่าปราชญ์ให้เอลเลียตฝึกฝนการควบคุมการฟื้นฟูของร่างกายโดยใช้สมาธิในการสร้างพลังงานจากภายใน เขาให้เอลเลียตฝึกโดยการเผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้าและบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจากการฝึกอย่างหนัก เอลเลียตต้องเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยพลังงานจากภายในร่างกายของเขาเพื่อรักษาตัวเองในเวลาอันสั้น นอกจากการฟื้นฟูร่างกายแล้ว ผู้เฒ่าปราชญ์ยังสอนเอลเลียตถึงการปลดปล่อยพลังงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการต่อสู้ของเขา เอลเลียตฝึกฝนการใช้กระบองเหล็กของเขาในการโจมตีต้นไม้ใหญ่โดยไม่ทำลายมัน แต่เพื่อฝึกฝนการควบคุมพลังของเขาให้แม่นยำและทรงพลังที่สุด การฝึกนี้ทำให้เอลเลียตได้ค้นพบว่าพลังที่แท้จริงของเขาไม่ใช่เพียงการต้านทานหรือการฟื้นฟู แต่ยังรวมถึงการใช้พลังนั้นในการปก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status