Home / แฟนตาซี / The Light and Shadow : เงาทมิฬ / บทที่ 1 การกลับมา

Share

บทที่ 1 การกลับมา

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2024-11-20 14:27:57

ไรอัน อีวานส์ยืนอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอาณาจักรเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ลมเย็นที่พัดผ่านพาเอากลิ่นอายของความทรงจำเก่าๆ กลับมาหาเขา ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขาแฝงด้วยความโศกเศร้าและความหนักอึ้งที่ไม่สามารถลบเลือนออกจากหัวใจได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ภาพในอดีตยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ

ไรอันใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไกลหนีจากเงามืดของอดีต เขาเดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครตามหา แต่ไม่ว่าเขาจะไปไกลแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหนีจากความรู้สึกผิดในใจได้ เมื่อข่าวลือเกี่ยวกับการทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขามาถึงหู ไรอันรู้ทันทีว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป

“ลูเซียส...”

ไรอันเอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทที่กลายเป็นศัตรูออกมาเบาๆ

คำพูดนั้นเหมือนกับการเรียกวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การสืบหาความจริงเกี่ยวกับหมู่บ้านที่ถูกทำลายเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเผชิญหน้ากับลูเซียส คนที่เขาเคยเชื่อใจและรักเหมือนพี่น้อง

ความคิดของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เหตุใดลูเซียสถึงได้กลายเป็นคนที่โหดร้ายเช่นนี้? เขาเคยเป็นคนดี เป็นคนที่มีความกล้าหาญและความยุติธรรม แต่ความมืดที่เข้ามาครอบงำจิตใจของเขาได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไรอันรู้ดีว่าการหาคำตอบเหล่านี้อาจนำพาเขาไปสู่ความเสี่ยง แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน

ไรอันเริ่มเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านที่ถูกทำลาย ดินที่เขาเหยียบย่ำยังคงมีร่องรอยของเถ้าถ่านจากกองไฟที่ลุกลามไปทั่วทุกหนแห่ง เศษซากของบ้านเรือนที่ถูกเผาเหลือเพียงแค่โครงไม้ที่พังทลายไปแล้ว เขาเดินผ่านถนนที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับกลายเป็นถนนที่ไร้ผู้คน ไร้เสียงหัวเราะและเสียงสนทนาที่เคยคุ้นเคย

เมื่อเดินลึกเข้าไปในหมู่บ้าน ไรอันก็พบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาหนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก ศพของชาวบ้านที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้น แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น ไรอันคุกเข่าลงข้างๆ ศพหนึ่ง ใช้มือสัมผัสที่ดินรอบๆ ศพ น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นไว้ไหลลงมาอย่างช้าๆ แม้จะไม่เคยรู้จักชาวบ้านเหล่านี้ แต่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดและการสูญเสียของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง

“ข้าจะหยุดเจ้าให้ได้ ลูเซียส”

ไรอันพึมพำออกมา

ไรอันลุกขึ้นยืนหลังจากดูศพของชาวบ้านคนหนึ่ง หัวใจของเขาหนักอึ้งด้วยความเศร้าและความสิ้นหวัง เขาก้าวเดินต่อไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น ความเงียบสงบที่แผ่ซ่านไปรอบๆ หมู่บ้านทำให้บรรยากาศยิ่งน่าหวาดหวั่น ทุกย่างก้าวของเขารู้สึกราวกับกำลังเดินผ่านฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด

เมื่อไรอันเดินไปถึงบ้านของตน เขาก็หยุดชะงักตรงหน้าประตูบ้าน บ้านที่เขาเคยอยู่ บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนสุข ดอกไม้สีม่วงที่เคยชูช่อเล็กๆสดสวยอยู่ในแปลงริมรั้วบ้าน เวลานี้เหี่ยวเฉา และมีรอยช้ำดำๆปรากฎเต็มไปหมด เมื่อเดินเข้าไปในตัวบ้านกลับมีแต่ความเงียบและความว่างเปล่า เสียงหวีดหวิวของลมพัดผ่านใบหูที่เย็นเฉียบความเย็นยะเยือกของความตายแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ เหลือไว้เพียงความโศกเศร้าที่ไม่มีวันลืม

ไรอันเปิดประตูเข้าไปช้าๆ เสียงบานประตูที่เปิดออกดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับกำลังร้องคร่ำครวญ ทุกอย่างภายในบ้านเงียบสงัด ในตอนนี้เขาได้ยินเพียงเสียงรองเท้าบู๊ตของตัวเอง ไรอันมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ตอนนี้กลับมีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่างแตกและกลิ่นอายของความตายที่ยังคงหลงเหลือ

 เขาเดินไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ลึกที่สุดในบ้าน หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ ราวกับลางบอกเหตุถึงสิ่งที่เขากำลังจะพบ เมื่อเข้าไปในห้องนั้น ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย ร่างของพ่อแม่และน้องสาวของเขานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดที่แห้งกรังสร้างรอยเปื้อนบนพื้นไม้ เผยให้เห็นถึงการต่อสู้และการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของพวกเขา

ไรอันทรุดตัวลงกับพื้นข้างๆ ร่างไร้ชีวิตของครอบครัว น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นไว้อีกครั้งกลับไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มือของเขาสั่นเทาเมื่อเขายื่นออกไปแตะมือของแม่ที่เย็นเฉียบ เขาจับมือของแม่ไว้แน่นราวกับพยายามจะเรียกเธอกลับมา แม้ว่าในใจลึกๆ เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

“ข้าขอโทษ...” เสียงของไรอันเบาและแหบพร่า ราวกับจะขาดใจ “ข้าควรจะอยู่ที่นี่... ข้าควรจะปกป้องพวกท่าน... แต่ข้ากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย...”ความรู้สึกผิดและความสิ้นหวังท่วมท้นจิตใจของเขา หยดน้ำใสๆไหลหยดลงบนมือเย็นชืดของแม่ ไรอันกลั้นสะอื้นและเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆเขาบรรจงเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวของตัวเองเช็ดบนมือแม่อย่างแผ่วเบา เขาไม่สามารถหยุดความคิดที่ว่าถ้าเขาอยู่ที่นี่ บางทีสิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้น การสูญเสียที่เจ็บปวดครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเค้น ความโกรธที่เคยมีต่อชะตากรรมและความแค้นที่เขามีต่อลูเซียสเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความอ่อนล้าและความสิ้นหวังที่แทบจะทำให้เขายอมแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยรู้จัก ทุกคนที่เขาเคยรัก ถูกทำลายลงอย่างไร้ความปรานี ลูเซียส ไนท์ฟอลคนที่เคยเป็นเพื่อนรัก คนที่เขาเคยเชื่อมั่น ตอนนี้กลายเป็นศัตรูที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา

ไรอันกอดร่างของแม่ไว้แนบอก ร่างที่เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้กลับเย็นชืดและไร้วิญญาณ น้ำตาของเขาไหลลงมารวมกับเลือดที่แห้งกรังบนพื้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงลงไปในจิตวิญญาณของเขา“ข้าสัญญา...” ไรอันพูดเบาๆ ขณะที่เขาวางร่างของแม่กลับลงไปอย่างอ่อนโยน “ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับใครอีก ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งลูเซียส... ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

แม้เสียงของเขาจะแผ่วเบา แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไรอันลุกขึ้นยืน และเริ่มค้นหาผู้รอดชีวิตหรือเบาะแสที่จะนำเขาไปสู่ลูเซียส

ขณะที่ไรอันกำลังสำรวจหมู่บ้านอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ มาจากซากปรักหักพังทางซ้ายมือ เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นเงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังพยายามขยับออกมาจากใต้ซากไม้ที่ถล่มทับอยู่ เธอมีผมยาวสีทองอ่อนที่เลอะเทอะด้วยฝุ่นและดิน ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่อาจปิดบังความงดงามของเธอได้ สองแขนบอบบางสั่นระริกขณะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น ร่างกายของเธอบาดเจ็บและอ่อนล้า

ไรอันรีบเข้าไปช่วยหญิงสาวคนนั้นทันที เขายกซากไม้ออกและค่อยๆ พยุงเธอลุกขึ้นยืน หญิงสาวมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ไรอันก็สังเกตเห็นประกายของความมุ่งมั่นในดวงตาสีเขียวมรกตของเธอ

“ขอบคุณ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

“คุณ...เป็นใคร?”

ข้าชื่อไรอัน” เขาตอบอย่างสั้นๆ

“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาคนคนหนึ่ง”

“คุณกำลังตามหา...ลูเซียสใช่ไหม?” หญิงสาวถามขึ้นทันที

แม้เสียงของเธอจะสั่นไหวแต่ก็เต็มไปด้วยความโกรธ “เขาคือคนที่ทำลายหมู่บ้านนี้ เขาคือคนที่ฆ่าครอบครัวของฉัน”

ไรอันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในคำพูดของเธอ เขาไม่อยากยอมรับว่าลูเซียสคือผู้กระทำผิด แต่เขารู้ดีว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่อดีตเพื่อนของเขา

“ใช่ ข้ากำลังตามหาเขา ข้ารู้ว่าเขาคือคนที่ทำเรื่องเลวร้ายนี้และข้าต้องการหยุดเขา”

หญิงสาวมองไรอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธ

“ข้าชื่อลีอา ถ้าท่านต้องการหยุดลูเซียส ข้าจะช่วยด้วย ข้าไม่ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้แน่”

ไรอันพยักหน้าเบาๆ แม้จะยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถปกป้องเธอและหยุดยั้งลูเซียสได้หรือไม่ แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เพียงลำพัง

“ตกลง เราจะร่วมมือกัน”

ทันใดนั้น ไรอันและลีอาก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ที่แว่วมาจากซากปรักหักพังใกล้เคียง ทั้งสองคนหันไปทางต้นเสียง และเมื่อไรอันเดินเข้าไปใกล้ เขาก็พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังกองไม้ เธอดูเหมือนอายุประมาณ 7 ขวบ ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เคยเรียบร้อยบัดนี้กลับยุ่งเหยิง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและฝุ่นดิน แต่ดวงตาสีฟ้าของเธอที่คล้ายคลึงกับของไรอันกลับเปล่งประกายด้วยความหวาดกลัวและความไร้เดียงสา

“ไม่ต้องกลัวนะ” ไรอันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

“ข้ามาช่วยเจ้า”

เด็กหญิงมองไรอันด้วยสายตาที่ไม่แน่ใจ แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เป็นมิตรของเขา เธอก็ยอมให้เขาเข้าใกล้ ไรอันย่อตัวลงและยื่นมือให้เธอ

“ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ข้าและพี่สาวคนนี้จะพาเจ้าไปที่ปลอดภัย” ลีอาเข้ามาช่วยปลอบโยนเด็กหญิงด้วย

”พวกเราจะดูแลเจ้า เจ้าไม่ต้องกลัวอีกแล้ว”

เด็กหญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยอมยื่นมือเล็กๆ ของเธอไปจับมือไรอัน เขายกเธอขึ้นมาอย่างนุ่มนวล แล้วพาเธอออกมาจากซากปรักหักพัง ลีอาหยิบเสื้อคลุมของเธอมาคลุมให้เด็กหญิงเพื่อปกป้องเธอจากลมหนาว

“ข้าชื่ออาเรียน่า” เด็กหญิงพูดเสียงแผ่วเบา

ขณะที่เธอจับเสื้อคลุมของลีอาไว้แน่น

“ข้ากลัว... ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรนะ อาเรียน่า” ไรอันปลอบเธอ

“พวกเราจะไม่ทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ พวกเราจะพาเจ้าไปที่ปลอดภัย”

อาเรียน่าซบหน้าลงกับไหล่ของไรอันอย่างอ่อนแรง เสียงสะอื้นค่อยๆ เบาลงเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยในอ้อมกอดของเขา

ไรอันรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น เด็กคนนี้สูญเสียทุกอย่างไปในพริบตา และตอนนี้เธอมีเพียงพวกเขาสองคนที่จะปกป้องเธอ

ลีอามองดูเด็กหญิงที่หลับใหลไปในอ้อมกอดของไรอันด้วยความรู้สึกปะปนกัน เธอรู้สึกเห็นใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาเรียน่า

แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นในตัวเองที่จะทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งลูเซียส เธอไม่อาจปล่อยให้คนอื่นต้องสูญเสียอย่างที่เธอและอาเรียน่าเคยประสบมา

“เราควรจะรีบออกจากที่นี่ก่อนที่ลูเซียสหรือคนของเขาจะกลับมา” ลีอากล่าวเสียงเบา

เธอจับตาดูรอบๆ หมู่บ้านที่ยังคงเต็มไปด้วยเงามืดที่น่าสะพรึงกลัว

Related chapters

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่

    หลังจากการเดินทางผ่านป่าต้องห้าม ไรอัน ลีอา และอาเรียน่าก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก หมู่บ้านนี้เงียบสงบ เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะปลอดภัยจากอำนาจของเงามืดที่ครอบงำป่ารอบนอก พวกเขารู้สึกถึงความอบอุ่นและเป็นมิตรของชาวบ้านที่ต่างออกมาต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม"พวกท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยล้ากันมาก ข้าขอต้อนรับพวกท่านเข้าสู่หมู่บ้านของเรา" ชายชราผู้หนึ่งกล่าวต้อนรับเขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยจากกาลเวลา แต่สายตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยปัญญาและความเข้าใจ"ข้าคือผู้เฒ่าปราชญ์แห่งหมู่บ้านนี้ เชิญพวกท่านเข้ามาพักผ่อนในบ้านของข้าเถิด"ทั้งสามคนรับคำเชิญอย่างยินดี ผู้เฒ่าปราชญ์พาพวกเขาเข้าไปในบ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆ และวัตถุโบราณ ภายในบ้านมีเตาผิงที่ให้ความอบอุ่นและกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยคลุ้งในอากาศลีอาเดินเข้าไปดูที่ตู้หนังสือทำจากไม้ เธอสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่ง ปกหนังสีน้ำตาล ตรงสันปกเขียนไว้ว่า 'อาณาจักรแอสทารา'“ท่านผู้เฒ่า ข้าขอดูเล่มนี้ได้ไหมคะ”ผู้เฒ่าหันมาตามเสียงเรียก เขามองตามนิ้วมือลีอาที่ชี้ไปยังหนังสือหนาหนักเล่มหน

    Last Updated : 2024-11-20
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่ (1)

    ไรอันตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น"ลูเซียสเคยเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลข้า? ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อน?""เพราะมันเป็นความลับที่ถูกปกปิดไว้อย่างยาวนาน" ผู้เฒ่าปราชญ์ตอบ"ลูเซียสคือพี่น้องร่วมสายเลือดของเจ้า แต่เขาเกิดมาพร้อมกับพลังแห่งเงามืด พลังที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อสมดุลของอาณาจักร ครอบครัวของเจ้าจึงตัดสินใจที่จะปกปิดเรื่องนี้และผลักไสเขาออกไปจากตระกูล"คำพูดของผู้เฒ่าปราชญ์ทำให้ไรอันรู้สึกถึงความสับสนและความเจ็บปวดในใจ เขาไม่เคยรู้ว่าลูเซียสคือพี่น้องร่วมสายเลือด และไม่เคยรู้ว่าตระกูลของเขามีส่วนในการทำให้ลูเซียสกลายเป็นผู้ที่ครอบครองพลังแห่งความมืด"เพราะความแค้นที่ถูกฝังลึกในใจ ลูเซียสจึงหันไปหาพลังแห่งเงามืดและทำสัญญากับมัน เพื่อที่จะใช้พลังนั้นในการล้างแค้นต่อครอบครัวและอาณาจักรที่เขารู้สึกว่าทรยศเขา" ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าวเสริม"แต่พลังนั้นไม่ได้มอบเพียงความแข็งแกร่งให้แก่เขา มันยังได้ครอบครองจิตวิญญาณของเขาด้วย"ลีอาที่ฟังอยู่เงียบๆ ตลอดการสนทนา มองดูไรอันด้วยความเห็นใจ เธอยื่นมือออกไปตบบนหลังมือเขาเบาๆ เธอเข้าใจถึงความรู้สึกที่ต้องพบกับความจริงที่เจ็บปวด แต่เธอเชื่อว่าไรอันจะต้องสามารถก้า

    Last Updated : 2024-11-20
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง

    ระหว่างการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทาย ไรอัน ลีอา เอลเลียต และอาเรียน่าได้พัฒนาความสัมพันธ์และความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ในหมู่พวกเขา ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุดกลับเกิดขึ้นระหว่างไรอันและลีอา ทุกครั้งที่พวกเขาร่วมเผชิญกับอุปสรรค ความใกล้ชิดและความเข้าใจในกันและกันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช้าวันหนึ่ง เมื่อพวกเขาตั้งแคมป์ใกล้ลำธารเล็กๆ ที่น้ำใสสะอาดสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย ลีอากำลังนั่งอยู่ริมลำธารพลางล้างหน้าเบาๆ ส่วนอาเรียน่า ลงไปแหวกว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจไรอันเดินออกไปนั่งเงียบๆเพียงลำพัง ปล่อยให้สองสาวใช้เวลาทำธุระส่วนตัวมือของเขาสัมผัสที่ด้ามดาบอย่างเงียบๆ ขณะที่สายลมพัดเบาๆ ผ่านผิวหน้าของเขา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้มดูเหมือนจะสะท้อนความรู้สึกในใจของเขาเอง ภาพความทรงจำจากอดีตค่อยๆ ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา ราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขานึกถึงลูเซียส เพื่อนรักที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนร่วมรบ แต่เป็นพี่น้องในสนามรบที่มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเกินกว่าคำพูดจะอธิบายได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ไรอันจำได้ว่าเขาก

    Last Updated : 2024-11-21
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 5 ทะเลมรกต

    หลังจากเดินทางผ่านป่าทึบและภูเขาสูง พวกไรอัน ลีอา เอลเลียต อาเรียน่า และเฟนิกซ์ เหยี่ยววายุผู้ซื่อสัตย์ ก็มาถึงจุดหมายปลายทางต่อไปที่แผนที่ของผู้เฒ่าปราชญ์ระบุไว้ นั่นคือ "ทะเลมรกต" พวกเขายืนอยู่บนหน้าผาสูง มองลงไปยังทะเลสีเขียวมรกตที่แผ่กว้างออกไปจนสุดสายตา น้ำทะเลใสดุจคริสตัลที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย ทำให้ทะเลนี้ดูงดงามอย่างไม่ธรรมดา แต่ความงดงามนี้ซ่อนเร้นอันตรายที่พวกเขาไม่คาดคิด"เราต้องข้ามทะเลมรกตนี้เพื่อไปยังที่ซ่อนของลูเซียส" ไรอันกล่าวขณะเปิดแผนที่ดูเส้นทาง "แต่มันไม่ได้บอกว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง"ลีอามองทะเลด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ "ทะเลนี้ดูเงียบสงบเกินไป ข้าว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ"เอลเลียตพยักหน้า "ถูกต้อง ทะเลที่เงียบเกินไปมักซ่อนภัยอันตราย ข้าจะให้เฟนิกซ์สำรวจจากฟ้าก่อน แล้วพวกเราค่อยลงไปข้ามทะเลนี้"เฟนิกซ์รับคำสั่งของเอลเลียตด้วยการกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้าง มันบินวนสำรวจรอบๆ พื้นที่ทะเลมรกต เฟนิกซ์มีสายตาที่เฉียบคมและสามารถมองเห็นได้ไกลหลายกิโลเมตร มันจึงสังเกตเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำสีมรกตนี้"มันมีบางสิ่งอยู่ใต้น้ำ" เอลเลียตพูดขึ้นขณะที่เฟ

    Last Updated : 2024-11-23
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 5 ทะเลมรกต (1)

    เธอรีบเข้าไปประคองให้ไรอันพาไปนั่งพักอยู่ใกล้ๆกับอาเรียน่า เธอเดินออกไปช่วยเอลเลียตต่อสู้ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว กรามขบกันแน่น นึกถึงแผลของไรอันและสีหน้าหวาดกลัวของอาเรียน่า เธอก็รู้ว่าจะอ่อนแอไม่ได้ ในขณะนั้นเองเธอก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวเอง พลังภายในที่ลึกซึ้งซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัวเธอที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จิตใจของลีอาเริ่มเปิดรับเสียงเบาๆ ที่ดังขึ้นจากผืนน้ำ มันเป็นเสียงกระซิบของสัตว์น้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลลึก พวกมันกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ ลีอาตัดสินใจที่จะใช้พลังใหม่ที่เธอเพิ่งค้นพบ เพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เธอหลับตาลงและมุ่งสมาธิไปยังพลังภายในของเธอ"ได้โปรด... ช่วยพวกเราด้วย" ลีอาพูดออกมาด้วยภาษาของสัตว์น้ำที่เธอเพิ่งเข้าใจ เสียงของเธอสื่อถึงความหวังและความมุ่งมั่นที่จะปกป้องพวกพ้องของเธอ "สัตว์ประหลาดนี้เป็นภัยต่อทั้งพวกเราและพวกเจ้า ข้าขอร้องให้พวกเจ้าช่วยเราต่อสู้"เสียงของลีอาส่งสัญญาณออกไปในน้ำทะเล และในไม่ช้า ลีอาก็รู้สึกถึงการต

    Last Updated : 2024-11-24
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 6 ทุ่งละเมอ

    ขณะที่ทะเลมรกตค่อยๆ ห่างออกไปข้างหลัง ไรอัน ลีอา เอลเลียต และอาเรียน่าต่างรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น การเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายเริ่มทิ้งร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้าให้พวกเขา ทุกคนไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่เดินหน้าต่อไปโดยมีความหวังว่าพวกเขาจะได้พักในไม่ช้า ในที่สุดพวกเขาก็ถึงฝั่ง พวกเขาได้พบกับสถานที่แห่งหนึ่งที่มีทุ่งดอกไม้สีสันสวยงามมากมาย สถานที่นี้ถูกปกคลุมด้วยดอกไม้หลากสีที่ชูช่อบานสะพรั่งไปทั่ว ทุ่งดอกไม้นั้นดูเงียบสงบและน่าหลงใหลจนเหมือนภาพวาดที่เต็มไปด้วยสีสันที่สดใส พวกเขาต่างมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจและความยินดี ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหยุดพักหลังจากการเดินทางที่ยากลำบาก “พี่ลีอา ดูนี่สิคะ” อาเรียน่าเรียกเสียงใส พลางจับจูงมือของลีอาให้เดินดูดอกไม้หลากสีเหล่านั้นอย่างร่าเริง ลีอาเดินตามเด็กน้อยพลางยิ้มอ่อน แต่ก็ดีแล้ว เธอชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของเด็กสาวมากกว่าสีหน้าที่เป็นกังวลและหงอยเหงา ส่วนเอลเลียตและไรอันพากันเดินสำรวจทุ่งดอกไม้บริเวณนี้ เพื่อหาที่เหมาะๆทำที่ไว้นอนพัก เอลเลียตปล่อยเฟนิกซ์ให้บินออกหาอ

    Last Updated : 2024-11-26
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 6 ทุ่งละเมอ (1)

    ในที่สุด เมื่อทั้งคู่รวบรวมพลังจิตใจและตระหนักถึงความจริง พวกเขาก็สามารถฉีกห้วงฝันที่ลวงหลอกนั้นออกมาได้ ความจริงเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่พวกเขาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริง เสียงของเอลเลียตยังคงก้องอยู่ในหู "พวกเราต้องไปกำราบลูเซียส... อย่าลืมความตั้งใจของพวกเรา"ไรอัน ลีอา และเอลเลียตต่างพากันหอบหายใจแรง ร่างกายของพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อหลังจากที่ต้องฝ่าฟันห้วงฝันอันลวงตานั้นมาได้ พวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความหนักอึ้งที่ผ่อนคลายลงเมื่อกลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง แต่เมื่อหันไปมองอาเรียน่า พวกเขาพบว่าเธอยังนอนนิ่งอยู่ ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพวกเขา“อาเรียน่า!” ลีอาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอรีบเข้าไปนั่งข้างๆ น้องสาวคนเล็กของพวกเขา หัวใจของเธอเริ่มสั่นไหวเมื่อเห็นว่าอาเรียน่ายังคงติดอยู่ในห้วงฝัน ร่างของเธอไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาของเธอปิดสนิท ราวกับว่าเธอยังจมอยู่ในความปรารถนาที่ไม่อาจหลุดพ้นได้ไรอันและเอลเลียตต่างก็รีบเข้ามาดูอาการของอาเรียน่า "เธอยังไม่ตื่น" เอลเลียตเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือจับที่ไหล่ของเธอเบาๆ หวังว่าเธอจะ

    Last Updated : 2024-11-29
  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 7 กองทัพแห่งราชันย์

    หลังผ่านพ้นทุ่งละเมอที่เกือบทำพวกเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก พวกของไรอันก็เดินทางมาถึงจุดหนึ่งกลางป่าที่ทำให้พวกเขาต้องหยุดชะงัก เสียงก้าวเดินที่ดังกึกก้องจากทิศทางเบื้องหน้าบ่งบอกว่ามีคนจำนวนมากกำลังเคลื่อนที่เข้ามา ลีอา เอลเลียต และอาเรียน่าต่างเตรียมตัวพร้อมรับมือ ด้วยความระมัดระวังที่พวกเขาเคยชินกับการเผชิญหน้าศัตรูทุกเมื่อ แต่เมื่อเห็นกองทัพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า พวกเขากลับต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเหล่าทหารในชุดเกราะสีเงินสว่างเจิดจ้า ปรากฏตัวขึ้นอย่างสง่างาม ธงประจำอาณาจักรแอสทาราปลิวไสวในอากาศ ผืนธงนั้นมีรูปดวงอาทิตย์สีทอง ที่ส่องแสงรอบด้าน ล้อมรอบด้วย ลวดลายเกลียวของธาตุทั้งสี่ (น้ำ ไฟ ดิน ลม) ที่หมุนวนเข้าหากัน สื่อถึงความสมดุลและการทำงานร่วมกันของพลังแห่งธรรมชาติ พื้นหลังของธงเป็น สีฟ้าอ่อน ที่สื่อถึงท้องฟ้าและสันติสุข ธงนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเป็นปึกแผ่นของแอสทารา แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นในการรักษาสมดุลระหว่างพลังที่หลากหลายเพื่อให้เกิดความสงบสุขในอาณาจักร พวกเขาถือดาบที่เปล่งประกายแสงแห่งความยุติธรรม และมีออร่าที่ทรงพลังล้อมรอบตัว พวกทหารเห

    Last Updated : 2024-12-03

Latest chapter

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   ตอนพิเศษ หัวใจทมิฬ

    ลูเซียสยืนนิ่งอยู่ในความมืดที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง ความมืดนี้ไม่ใช่แค่เงาหรือความมืดธรรมดา แต่มันคือพลังที่อยู่ในตัวเขามาตั้งแต่เกิด มันเป็นพลังที่ทำให้เขาถูกตัดสินและขับไล่ออกไปจากครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาเงยหน้าขึ้นมองลีอาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความแค้นที่ถูกฝังลึกในใจมาเนิ่นนาน”ข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น” ลูเซียสเริ่มเล่า น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ทุ้มลึก “ข้าเกิดมาในตระกูลสูงส่งแห่งแอสทารา ข้าเคยมีทุกสิ่งที่เด็กคนหนึ่งต้องการ...มีบ้านที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่ข้าเคารพรัก แต่พวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อพวกเขารู้ว่าข้ามีพลังเงามืดในตัว” ลีอานั่งฟังด้วยความตั้งใจ หัวใจของเธอหนักอึ้งเมื่อได้ยินความเจ็บปวดในคำพูดของเขา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูเซียสต้องทนทุกข์กับอดีตเช่นนี้”ข้าจำได้ชัดเจน ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กแค่ 7 ขวบ ข้าคิดว่าพลังนี้เป็นสิ่งพิเศษ ข้ารู้สึกแตกต่าง แต่ข้ากลับไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงทำให้คนอื่นๆ กลัว ข้าพยายามใช้มันเพื่อแสดงให้พ่อแม่เห็นว่า ข้าสามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่สิ่งที่ข้าได้รับกลับเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรังเกียจ” ลูเซียสหยุดไปช

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทสุดท้าย เงาที่เหลืออยู่

    ชีวิตของไรอันและลีอาเดินหน้าไปสู่ความสงบสุขที่พวกเขาเคยฝันถึง หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและการสูญเสียที่ทำให้หัวใจของพวกเขาต้องบอบช้ำ พวกเขาก็ได้สร้างครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น หมู่บ้านที่เคยถูกครอบงำด้วยเงามืดกลับมาสดใสอีกครั้ง และชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับงานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความยินดีและความหวังลีอาและไรอันมีลูกแฝดชายหญิงที่เปรียบเสมือนดวงดาวสว่างไสวในชีวิตของพวกเขา เด็กทั้งสองคนเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาและความสดใสที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกถึงความหวังและความสุขที่แท้จริง ครอบครัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ไรอันเป็นพ่อที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและปกป้องลูกๆ ด้วยชีวิต ขณะที่ลีอาเป็นแม่ที่อบอุ่นและอ่อนโยน คอยดูแลทุกคนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักในขณะเดียวกัน เอลเลียตและเฟนิกซ์ก็ออกเดินทางไปผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ เพื่อฝึกฝนตนเองและค้นหาความหมายใหม่ในชีวิต พวกเขาเลือกที่จะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ออกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกด้านอาเรียน่าเองก็เลือกทางเดินที่แตกต่างออกไป เธอตัดสินใจออกเดินทาง

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 11 อดีตที่เจ็บปวดและการเริ่มต้นใหม่ (1)

    ลูเซียสหายใจลึก รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกยกออกจากบ่าของเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าความมืดในจิตใจของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและหาความสงบสุขในตัวเองก็มีมากกว่าลีอาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างไรอันก็ยิ้มให้ลูเซียสด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ “ข้ายังเชื่อในตัวเจ้า ลูเซียส ข้ารู้ว่าลึกๆ แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เจ้าก็แค่ต้องการคนที่จะเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างเจ้า”อาเรียน่าก้าวเข้ามาสมทบ “เราเป็นครอบครัว... ครอบครัวที่ยอมรับกันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว”ลูเซียสมองดูพวกเขาทั้งสี่คน น้ำตาที่เก็บกดไว้ตลอดหลายปีเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม เขารู้สึกถึงความโล่งใจและความหวังที่เคยสูญเสียไปนานแล้ว“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ข้าเคยทำ” ลูเซียสกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษที่ข้าเคยเลือกทางที่ผิด และข้าขอโทษที่ข้าพยายามจะทำร้ายพวกเจ้า”“เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลูเซียสและยื่นมือออกไป “สิ่งสำคัญคือเจ้าได้กลับมา และเราจะผ่านทุกสิ่งไปด้วยกัน” ไ

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 11 อดีตที่เจ็บปวดและการเริ่มต้นใหม่

    "ในคืนหนึ่ง... ข้าจำได้ว่าแม่ของข้าไม่ได้มาร่ำลาข้า ข้าเพียงเห็นแผ่นหลังของพ่อที่หันมาเอ่ยคำสุดท้ายกับข้า 'เจ้าต้องไป...เพื่อปกป้องตระกูล' คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวข้าตลอดมา ข้าถูกขับไล่ออกจากบ้าน ถูกส่งไปในป่าลึก โดยไม่มีแม้แต่ใครสักคนที่จะมาอธิบายว่าเหตุใด ข้าเป็นแค่เด็ก แต่ข้ากลับถูกทิ้งไว้ในความมืด โดยไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีความอบอุ่นของครอบครัว" เขาก้มหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น"ตอนที่ข้าจากไป ไรอันยังไม่เกิด พ่อและแม่ของเราคิดว่าเมื่อข้าไม่อยู่แล้ว พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ข้าถูกลบออกจากความทรงจำของครอบครัว...และไรอัน เขาเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา"ลีอาหันไปมองลูเซียสอย่างตกตะลึง เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาก่อน ลูเซียส...พี่น้องร่วมสายเลือดของไรอัน ถูกผลักไสออกจากครอบครัวในวัยเด็ก เพียงเพราะพลังที่เขาไม่ได้เลือกที่จะมี"ข้าเร่ร่อนอยู่ในป่า เดียวดายและเต็มไปด้วยความกลัว ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอย่างไร ข้ารอคอยวันที่ครอบครัวจะมารับข้ากลับ แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง ข้าโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความเกลียดชัง ข้าเรียนรู้ที่จะใช้พ

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (2)

    แต่ลีอากลับก้าวออกมาจากเงามืดนั้นอย่างช้าๆ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าไรอันและอาเรียน่า น้ำตาของเธอไหลลงมาเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากพวกเขา “ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษที่ข้าเคยละทิ้งพวกเจ้า...”ไรอันยิ้มอย่างอ่อนโยนและก้าวเข้ามากอดเธอไว้ “ไม่เป็นไร ลีอา เจ้ากลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตัวอาเรียน่าเริ่มส่องประกายอย่างแรงกล้าอีกครั้ง ลูเซียสรู้สึกถึงพลังที่ถอยห่างจากตัวเขา ความมืดที่เคยทำให้เขาแข็งแกร่งกลับกลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอที่เข้ามาครอบงำ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหวและอ่อนแรงลง “ไม่... ไม่!” ลูเซียสตะโกนด้วยความสิ้นหวัง แต่พลังที่เขาเคยยึดมั่นกลับหายไปทีละน้อย เงามืดที่เคยล้อมรอบตัวเขาเริ่มจางหายไป ราวกับว่ามันถูกดูดกลืนเข้าสู่แสงสว่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ลีอายังคงมองไปทางลูเซียสที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความสับสน ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสารและความเห็นใจสะท้อนถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เธอมีต่อลูเซียส แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจิตในช่วงเวลาที่อยู่กับเขา แต่เธอก็สามารถจดจำทุกเรื่องราวท

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (1)

    พลังเงามืดของลูเซียสถูกต้านทานด้วยบาเรียน้ำของไรอันและแสงสว่างของอาเรียน่า แต่ลูเซียสก็ไม่ยอมแพ้ เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีและปล่อยคลื่นพลังมืดออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงและน่ากลัวกว่าครั้งก่อน มันเป็นพลังที่ถูกหล่อหลอมจากความแค้นและความโดดเดี่ยว คลื่นพลังมืดที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่รุนแรง แต่ยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ลูเซียสไม่มีเจตนาที่จะยอมแพ้หรือยอมให้ใครเข้ามาขวางทางเขาได้อีก เอลเลียตที่เป็นด่านแรกของการป้องกัน ยังคงยืนหยัดไม่ถอย เขาใช้กระบองเหล็กของเขาฟาดลงไปที่พื้นอีกครั้งเพื่อสร้างแรงกระแทกที่พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับพลังเงามืด แต่ความรุนแรงของพลังมืดนั้นกลับทำให้พื้นดินแตกออกเป็นรอยแยก ลมพายุจากพลังมืดกวาดเอาเศษซากและฝุ่นผงขึ้นมาหมุนวนรอบตัวเอลเลียต ทำให้การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว อย่างไรก็ตาม เอลเลียตยังคงยืนอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางของเขา “พวกเจ้ารีบทำสิ่งที่ต้องทำ!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่ยังเต็มไปด้วยพลัง “ข้าจะยืนหยัดตรงนี้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ไรอันรู้ดีว่

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 10 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    ปราสาทร้างที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะยมทูตเต็มไปด้วยความมืดและเงียบสงัด มันเป็นสถานที่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แต่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างให้เป็นที่พำนักของความมืดที่แผ่ขยายจากจิตใจของลูเซียส หมอกหนาที่ปกคลุมรอบๆ ปราสาทนั้นหนาแน่นจนแทบจะบดบังแสงจากดวงจันทร์ แต่ไรอัน เอลเลียต และอาเรียน่าก็ยืนหยัดอยู่หน้าทางเข้าปราสาทอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขามาที่นี่พร้อมกับความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันสั่นคลอน และพลังที่ได้รับการปลุกขึ้นมาใหม่จากการฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขารู้ดีว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิต และมันจะเป็นการตัดสินชะตากรรมของพวกเขา ลีอา และแม้แต่ลูเซียส “ทุกคนพร้อมหรือยัง?” ไรอันถามเสียงต่ำ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปราสาทที่ยืนตระหง่านเบื้องหน้าเอลเลียตพยักหน้ารับ “พร้อมเสมอ ข้าไม่กลัวความมืดอีกต่อไปแล้ว เราจะพานางกลับมา และจะหยุดยั้งลูเซียสให้ได้” อาเรียน่ากำลังมองไปยังปราสาทที่เต็มไปด้วยเงามืด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ข้าเองก็พร้อม พี่ชาย ข้าจะใช้พลังของข้าเพื่อช่วยพวกท่าน ข้าจะไม่ยอมให้ความมืดนี้เอาชนะพวกเราได้” ทั้งสามคนเดินเข้าไป

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (2)

    ผู้เฒ่าปราชญ์ไม่ได้หยุดการฝึกเพียงแค่นั้น เขาตัดสินใจที่จะสอนให้ไรอันและเอลเลียตได้ฝึกฝนการใช้พลังร่วมกัน การผสานพลังของธาตุน้ำและพลังชีวิตของเอลเลียตเพื่อสร้างพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมการฝึกนี้เริ่มจากการเรียนรู้ที่จะปรับพลังของพวกเขาให้สอดคล้องกัน ไรอันต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังน้ำในรูปแบบที่สามารถทำงานร่วมกับพลังแห่งชีวิตของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องปรับพลังของเขาให้สามารถเข้ากับพลังน้ำของไรอันได้ผู้เฒ่าปราชญ์จัดการทดสอบโดยให้พวกเขาร่วมมือกันในการสร้างกำแพงน้ำที่ไม่เพียงแค่ป้องกันศัตรูเท่านั้น แต่ยังสามารถฟื้นฟูพลังงานให้กับพวกเขาในขณะเดียวกันด้วย ไรอันต้องสร้างกระแสน้ำที่ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องอ่อนโยนพอที่จะไม่ทำลายพลังของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องเสริมสร้างพลังน้ำนี้ให้คงทนและเข้มแข็งยิ่งขึ้นการฝึกนี้เป็นความท้าทายที่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจและความเชื่อมั่นในกันและกัน พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจและสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด รู้จักการทำงานร่วมกันในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อพวกเขาสามารถสร้างกำแพงน้ำที่แข็งแกร่งและมีพลังในการฟื้นฟูได้สำเร็จ ผู้เฒ่าปราช

  • The Light and Shadow : เงาทมิฬ   บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (1)

    เอลเลียตมองต้นไม้ใหญ่นั้นด้วยความสงสัย “ข้าจะต้องทำอย่างไร?” “เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของเจ้าโดยไม่ให้มันครอบงำเจ้า” ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าว “เริ่มจากการใช้พลังในการฟื้นฟูร่างกายของเจ้า เจ้าเคยทนทานต่อบาดแผลและพิษ แต่ตอนนี้เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะเร่งกระบวนการฟื้นตัวนั้นให้เร็วขึ้น”ผู้เฒ่าปราชญ์ให้เอลเลียตฝึกฝนการควบคุมการฟื้นฟูของร่างกายโดยใช้สมาธิในการสร้างพลังงานจากภายใน เขาให้เอลเลียตฝึกโดยการเผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้าและบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจากการฝึกอย่างหนัก เอลเลียตต้องเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยพลังงานจากภายในร่างกายของเขาเพื่อรักษาตัวเองในเวลาอันสั้น นอกจากการฟื้นฟูร่างกายแล้ว ผู้เฒ่าปราชญ์ยังสอนเอลเลียตถึงการปลดปล่อยพลังงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการต่อสู้ของเขา เอลเลียตฝึกฝนการใช้กระบองเหล็กของเขาในการโจมตีต้นไม้ใหญ่โดยไม่ทำลายมัน แต่เพื่อฝึกฝนการควบคุมพลังของเขาให้แม่นยำและทรงพลังที่สุด การฝึกนี้ทำให้เอลเลียตได้ค้นพบว่าพลังที่แท้จริงของเขาไม่ใช่เพียงการต้านทานหรือการฟื้นฟู แต่ยังรวมถึงการใช้พลังนั้นในการปก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status