ลูเซียสหายใจลึก รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกยกออกจากบ่าของเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าความมืดในจิตใจของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและหาความสงบสุขในตัวเองก็มีมากกว่าลีอาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างไรอันก็ยิ้มให้ลูเซียสด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ “ข้ายังเชื่อในตัวเจ้า ลูเซียส ข้ารู้ว่าลึกๆ แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เจ้าก็แค่ต้องการคนที่จะเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างเจ้า”อาเรียน่าก้าวเข้ามาสมทบ “เราเป็นครอบครัว... ครอบครัวที่ยอมรับกันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว”ลูเซียสมองดูพวกเขาทั้งสี่คน น้ำตาที่เก็บกดไว้ตลอดหลายปีเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม เขารู้สึกถึงความโล่งใจและความหวังที่เคยสูญเสียไปนานแล้ว“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ข้าเคยทำ” ลูเซียสกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษที่ข้าเคยเลือกทางที่ผิด และข้าขอโทษที่ข้าพยายามจะทำร้ายพวกเจ้า”“เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลูเซียสและยื่นมือออกไป “สิ่งสำคัญคือเจ้าได้กลับมา และเราจะผ่านทุกสิ่งไปด้วยกัน” ไ
ชีวิตของไรอันและลีอาเดินหน้าไปสู่ความสงบสุขที่พวกเขาเคยฝันถึง หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและการสูญเสียที่ทำให้หัวใจของพวกเขาต้องบอบช้ำ พวกเขาก็ได้สร้างครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น หมู่บ้านที่เคยถูกครอบงำด้วยเงามืดกลับมาสดใสอีกครั้ง และชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับงานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความยินดีและความหวังลีอาและไรอันมีลูกแฝดชายหญิงที่เปรียบเสมือนดวงดาวสว่างไสวในชีวิตของพวกเขา เด็กทั้งสองคนเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาและความสดใสที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกถึงความหวังและความสุขที่แท้จริง ครอบครัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ไรอันเป็นพ่อที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและปกป้องลูกๆ ด้วยชีวิต ขณะที่ลีอาเป็นแม่ที่อบอุ่นและอ่อนโยน คอยดูแลทุกคนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักในขณะเดียวกัน เอลเลียตและเฟนิกซ์ก็ออกเดินทางไปผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ เพื่อฝึกฝนตนเองและค้นหาความหมายใหม่ในชีวิต พวกเขาเลือกที่จะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ออกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกด้านอาเรียน่าเองก็เลือกทางเดินที่แตกต่างออกไป เธอตัดสินใจออกเดินทาง
เสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน เลือดไหลนองตามพื้นดิน ความตายค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วทุกมุม ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้หาพ่อแม่ด้วยความหวาดกลัว บ้างก็กอดศพของพ่อแม่ไว้แน่น ร้องไห้ปานจะขาดใจ ฝันร้ายในค่ำคืนนี้กลายเป็นความจริงที่ไม่มีใครสามารถหลีกหนีได้ท่ามกลางเสียงโศกเศร้า ฝีเท้าแผ่วเบาคู่หนึ่งเหยียบย่างเข้ามาที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งดูมีฐานะดีกว่าบ้านอื่นๆ รอบข้างตัวบ้านใหญ่โตและโอ่อ่า ประดับประดาไปด้วยของล้ำค่า แต่บรรยากาศรอบข้างกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดและหวาดหวั่น ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวก้าวออกมาด้วยท่าทางแข็งกร้าว เขามองไปยังผู้มาเยือนที่ยืนอยู่ท่ามกลางเงามืด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธ“เจ้าเป็นใคร!?” เขาตะคอกถามอย่างดุดัน พยายามปกป้องครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังเขาชายสวมหมวกคลุมยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลิกหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เขาเคยรู้จักดี ใบหน้าที่เขาเคยทอดทิ้ง“ลูเซียส!” ชายวัยกลางคนอุทานออกมาอย่างตกใจระคนหวาดกลัว เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกลูเซียสแสยะยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและความเคียดแค้น“จำข้าได้แล้
หลังออกจากหมู่บ้านมา พวกเขาทั้งสามเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เพียงหวังให้ออกห่างจากหมู่บ้านให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเขายิ่งเดินยิ่งเห็นต้นไม้เบียดชิดกันแน่นขนัดมากขึ้น จนตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นแสงอาทิตย์แล้ว ดูคล้ายกับว่าเป็นเวลาพลบค่ำ มากกว่าจะเป็นยามกลางวัน ไรอันและลีอากับอาเรียน่าเดินลึกเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยไม่รู้ตัว อากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลิ่นดินหอมเข้าจมูก ความชื้นแฉะของพื้นดินทำให้พวกเขาต้องเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้นเมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ที่มีแต่ความมืดครึ้ม เสียงของธรรมชาติที่เคยสดใสกลับเงียบงัน ราวกับว่าป่าทั้งป่าอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งลี้ลับ ดินที่พวกเขาเหยียบย่ำเย็นชืด บนพื้นมีรากไม้อยู่มากมายมองเผินๆเหมือนงูที่เลื้อยพันกันไปมา สอดสลับทับกันป่ายขวาป่ายซ้าย”ป่านี้ไม่เหมือนที่ใดๆ ที่ข้าเคยเห็นมา” ลีอาพูดขึ้น เธอเหลียวมองไปรอบตัว อย่างระแวดระวัง“ข้ารู้สึกว่ามันไม่เป็นมิตรเลย””ลูเซียสคงจะใช้พลังเงามืดครอบคลุมที่นี่ไว้” ไรอันตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเช่นเคยแม้เขาจะพยายามรักษาความสงบ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เสียงแ
ไรอัน อีวานส์ยืนอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอาณาจักรเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ลมเย็นที่พัดผ่านพาเอากลิ่นอายของความทรงจำเก่าๆ กลับมาหาเขา ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขาแฝงด้วยความโศกเศร้าและความหนักอึ้งที่ไม่สามารถลบเลือนออกจากหัวใจได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ภาพในอดีตยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอไรอันใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไกลหนีจากเงามืดของอดีต เขาเดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครตามหา แต่ไม่ว่าเขาจะไปไกลแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหนีจากความรู้สึกผิดในใจได้ เมื่อข่าวลือเกี่ยวกับการทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขามาถึงหู ไรอันรู้ทันทีว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป“ลูเซียส...”ไรอันเอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทที่กลายเป็นศัตรูออกมาเบาๆคำพูดนั้นเหมือนกับการเรียกวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การสืบหาความจริงเกี่ยวกับหมู่บ้านที่ถูกทำลายเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเผชิญหน้ากับลูเซียส คนที่เขาเคยเชื่อใจและรักเหมือนพี่น้องความคิดของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เหตุใดลูเซียสถึงได้กลายเป็นคนที่โหดร้ายเช่นนี้? เขาเคยเป็นคนด
หลังจากการเดินทางผ่านป่าต้องห้าม ไรอัน ลีอา และอาเรียน่าก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก หมู่บ้านนี้เงียบสงบ เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะปลอดภัยจากอำนาจของเงามืดที่ครอบงำป่ารอบนอก พวกเขารู้สึกถึงความอบอุ่นและเป็นมิตรของชาวบ้านที่ต่างออกมาต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม"พวกท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยล้ากันมาก ข้าขอต้อนรับพวกท่านเข้าสู่หมู่บ้านของเรา" ชายชราผู้หนึ่งกล่าวต้อนรับเขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยจากกาลเวลา แต่สายตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยปัญญาและความเข้าใจ"ข้าคือผู้เฒ่าปราชญ์แห่งหมู่บ้านนี้ เชิญพวกท่านเข้ามาพักผ่อนในบ้านของข้าเถิด"ทั้งสามคนรับคำเชิญอย่างยินดี ผู้เฒ่าปราชญ์พาพวกเขาเข้าไปในบ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆ และวัตถุโบราณ ภายในบ้านมีเตาผิงที่ให้ความอบอุ่นและกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยคลุ้งในอากาศลีอาเดินเข้าไปดูที่ตู้หนังสือทำจากไม้ เธอสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่ง ปกหนังสีน้ำตาล ตรงสันปกเขียนไว้ว่า 'อาณาจักรแอสทารา'“ท่านผู้เฒ่า ข้าขอดูเล่มนี้ได้ไหมคะ”ผู้เฒ่าหันมาตามเสียงเรียก เขามองตามนิ้วมือลีอาที่ชี้ไปยังหนังสือหนาหนักเล่มหน
ไรอันตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น"ลูเซียสเคยเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลข้า? ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อน?""เพราะมันเป็นความลับที่ถูกปกปิดไว้อย่างยาวนาน" ผู้เฒ่าปราชญ์ตอบ"ลูเซียสคือพี่น้องร่วมสายเลือดของเจ้า แต่เขาเกิดมาพร้อมกับพลังแห่งเงามืด พลังที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อสมดุลของอาณาจักร ครอบครัวของเจ้าจึงตัดสินใจที่จะปกปิดเรื่องนี้และผลักไสเขาออกไปจากตระกูล"คำพูดของผู้เฒ่าปราชญ์ทำให้ไรอันรู้สึกถึงความสับสนและความเจ็บปวดในใจ เขาไม่เคยรู้ว่าลูเซียสคือพี่น้องร่วมสายเลือด และไม่เคยรู้ว่าตระกูลของเขามีส่วนในการทำให้ลูเซียสกลายเป็นผู้ที่ครอบครองพลังแห่งความมืด"เพราะความแค้นที่ถูกฝังลึกในใจ ลูเซียสจึงหันไปหาพลังแห่งเงามืดและทำสัญญากับมัน เพื่อที่จะใช้พลังนั้นในการล้างแค้นต่อครอบครัวและอาณาจักรที่เขารู้สึกว่าทรยศเขา" ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าวเสริม"แต่พลังนั้นไม่ได้มอบเพียงความแข็งแกร่งให้แก่เขา มันยังได้ครอบครองจิตวิญญาณของเขาด้วย"ลีอาที่ฟังอยู่เงียบๆ ตลอดการสนทนา มองดูไรอันด้วยความเห็นใจ เธอยื่นมือออกไปตบบนหลังมือเขาเบาๆ เธอเข้าใจถึงความรู้สึกที่ต้องพบกับความจริงที่เจ็บปวด แต่เธอเชื่อว่าไรอันจะต้องสามารถก้า
ระหว่างการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทาย ไรอัน ลีอา เอลเลียต และอาเรียน่าได้พัฒนาความสัมพันธ์และความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ในหมู่พวกเขา ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุดกลับเกิดขึ้นระหว่างไรอันและลีอา ทุกครั้งที่พวกเขาร่วมเผชิญกับอุปสรรค ความใกล้ชิดและความเข้าใจในกันและกันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช้าวันหนึ่ง เมื่อพวกเขาตั้งแคมป์ใกล้ลำธารเล็กๆ ที่น้ำใสสะอาดสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย ลีอากำลังนั่งอยู่ริมลำธารพลางล้างหน้าเบาๆ ส่วนอาเรียน่า ลงไปแหวกว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจไรอันเดินออกไปนั่งเงียบๆเพียงลำพัง ปล่อยให้สองสาวใช้เวลาทำธุระส่วนตัวมือของเขาสัมผัสที่ด้ามดาบอย่างเงียบๆ ขณะที่สายลมพัดเบาๆ ผ่านผิวหน้าของเขา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้มดูเหมือนจะสะท้อนความรู้สึกในใจของเขาเอง ภาพความทรงจำจากอดีตค่อยๆ ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา ราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขานึกถึงลูเซียส เพื่อนรักที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนร่วมรบ แต่เป็นพี่น้องในสนามรบที่มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเกินกว่าคำพูดจะอธิบายได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ไรอันจำได้ว่าเขาก
ชีวิตของไรอันและลีอาเดินหน้าไปสู่ความสงบสุขที่พวกเขาเคยฝันถึง หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและการสูญเสียที่ทำให้หัวใจของพวกเขาต้องบอบช้ำ พวกเขาก็ได้สร้างครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น หมู่บ้านที่เคยถูกครอบงำด้วยเงามืดกลับมาสดใสอีกครั้ง และชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับงานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความยินดีและความหวังลีอาและไรอันมีลูกแฝดชายหญิงที่เปรียบเสมือนดวงดาวสว่างไสวในชีวิตของพวกเขา เด็กทั้งสองคนเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาและความสดใสที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกถึงความหวังและความสุขที่แท้จริง ครอบครัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ไรอันเป็นพ่อที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและปกป้องลูกๆ ด้วยชีวิต ขณะที่ลีอาเป็นแม่ที่อบอุ่นและอ่อนโยน คอยดูแลทุกคนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักในขณะเดียวกัน เอลเลียตและเฟนิกซ์ก็ออกเดินทางไปผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ เพื่อฝึกฝนตนเองและค้นหาความหมายใหม่ในชีวิต พวกเขาเลือกที่จะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ออกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกด้านอาเรียน่าเองก็เลือกทางเดินที่แตกต่างออกไป เธอตัดสินใจออกเดินทาง
ลูเซียสหายใจลึก รู้สึกถึงน้ำหนักที่ถูกยกออกจากบ่าของเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าความมืดในจิตใจของเขายังคงหลงเหลืออยู่ แต่ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและหาความสงบสุขในตัวเองก็มีมากกว่าลีอาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างไรอันก็ยิ้มให้ลูเซียสด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ “ข้ายังเชื่อในตัวเจ้า ลูเซียส ข้ารู้ว่าลึกๆ แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เจ้าก็แค่ต้องการคนที่จะเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างเจ้า”อาเรียน่าก้าวเข้ามาสมทบ “เราเป็นครอบครัว... ครอบครัวที่ยอมรับกันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว”ลูเซียสมองดูพวกเขาทั้งสี่คน น้ำตาที่เก็บกดไว้ตลอดหลายปีเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม เขารู้สึกถึงความโล่งใจและความหวังที่เคยสูญเสียไปนานแล้ว“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ข้าเคยทำ” ลูเซียสกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษที่ข้าเคยเลือกทางที่ผิด และข้าขอโทษที่ข้าพยายามจะทำร้ายพวกเจ้า”“เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาใกล้ลูเซียสและยื่นมือออกไป “สิ่งสำคัญคือเจ้าได้กลับมา และเราจะผ่านทุกสิ่งไปด้วยกัน” ไ
"ในคืนหนึ่ง... ข้าจำได้ว่าแม่ของข้าไม่ได้มาร่ำลาข้า ข้าเพียงเห็นแผ่นหลังของพ่อที่หันมาเอ่ยคำสุดท้ายกับข้า 'เจ้าต้องไป...เพื่อปกป้องตระกูล' คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวข้าตลอดมา ข้าถูกขับไล่ออกจากบ้าน ถูกส่งไปในป่าลึก โดยไม่มีแม้แต่ใครสักคนที่จะมาอธิบายว่าเหตุใด ข้าเป็นแค่เด็ก แต่ข้ากลับถูกทิ้งไว้ในความมืด โดยไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีความอบอุ่นของครอบครัว" เขาก้มหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น"ตอนที่ข้าจากไป ไรอันยังไม่เกิด พ่อและแม่ของเราคิดว่าเมื่อข้าไม่อยู่แล้ว พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ข้าถูกลบออกจากความทรงจำของครอบครัว...และไรอัน เขาเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา"ลีอาหันไปมองลูเซียสอย่างตกตะลึง เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาก่อน ลูเซียส...พี่น้องร่วมสายเลือดของไรอัน ถูกผลักไสออกจากครอบครัวในวัยเด็ก เพียงเพราะพลังที่เขาไม่ได้เลือกที่จะมี"ข้าเร่ร่อนอยู่ในป่า เดียวดายและเต็มไปด้วยความกลัว ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอย่างไร ข้ารอคอยวันที่ครอบครัวจะมารับข้ากลับ แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง ข้าโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความเกลียดชัง ข้าเรียนรู้ที่จะใช้พ
แต่ลีอากลับก้าวออกมาจากเงามืดนั้นอย่างช้าๆ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าไรอันและอาเรียน่า น้ำตาของเธอไหลลงมาเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากพวกเขา “ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษที่ข้าเคยละทิ้งพวกเจ้า...”ไรอันยิ้มอย่างอ่อนโยนและก้าวเข้ามากอดเธอไว้ “ไม่เป็นไร ลีอา เจ้ากลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตัวอาเรียน่าเริ่มส่องประกายอย่างแรงกล้าอีกครั้ง ลูเซียสรู้สึกถึงพลังที่ถอยห่างจากตัวเขา ความมืดที่เคยทำให้เขาแข็งแกร่งกลับกลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอที่เข้ามาครอบงำ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหวและอ่อนแรงลง “ไม่... ไม่!” ลูเซียสตะโกนด้วยความสิ้นหวัง แต่พลังที่เขาเคยยึดมั่นกลับหายไปทีละน้อย เงามืดที่เคยล้อมรอบตัวเขาเริ่มจางหายไป ราวกับว่ามันถูกดูดกลืนเข้าสู่แสงสว่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ลีอายังคงมองไปทางลูเซียสที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความสับสน ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสารและความเห็นใจสะท้อนถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เธอมีต่อลูเซียส แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจิตในช่วงเวลาที่อยู่กับเขา แต่เธอก็สามารถจดจำทุกเรื่องราวท
พลังเงามืดของลูเซียสถูกต้านทานด้วยบาเรียน้ำของไรอันและแสงสว่างของอาเรียน่า แต่ลูเซียสก็ไม่ยอมแพ้ เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีและปล่อยคลื่นพลังมืดออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงและน่ากลัวกว่าครั้งก่อน มันเป็นพลังที่ถูกหล่อหลอมจากความแค้นและความโดดเดี่ยว คลื่นพลังมืดที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่รุนแรง แต่ยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ลูเซียสไม่มีเจตนาที่จะยอมแพ้หรือยอมให้ใครเข้ามาขวางทางเขาได้อีก เอลเลียตที่เป็นด่านแรกของการป้องกัน ยังคงยืนหยัดไม่ถอย เขาใช้กระบองเหล็กของเขาฟาดลงไปที่พื้นอีกครั้งเพื่อสร้างแรงกระแทกที่พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับพลังเงามืด แต่ความรุนแรงของพลังมืดนั้นกลับทำให้พื้นดินแตกออกเป็นรอยแยก ลมพายุจากพลังมืดกวาดเอาเศษซากและฝุ่นผงขึ้นมาหมุนวนรอบตัวเอลเลียต ทำให้การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว อย่างไรก็ตาม เอลเลียตยังคงยืนอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางของเขา “พวกเจ้ารีบทำสิ่งที่ต้องทำ!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่ยังเต็มไปด้วยพลัง “ข้าจะยืนหยัดตรงนี้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ไรอันรู้ดีว่
ปราสาทร้างที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะยมทูตเต็มไปด้วยความมืดและเงียบสงัด มันเป็นสถานที่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แต่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างให้เป็นที่พำนักของความมืดที่แผ่ขยายจากจิตใจของลูเซียส หมอกหนาที่ปกคลุมรอบๆ ปราสาทนั้นหนาแน่นจนแทบจะบดบังแสงจากดวงจันทร์ แต่ไรอัน เอลเลียต และอาเรียน่าก็ยืนหยัดอยู่หน้าทางเข้าปราสาทอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขามาที่นี่พร้อมกับความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันสั่นคลอน และพลังที่ได้รับการปลุกขึ้นมาใหม่จากการฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขารู้ดีว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิต และมันจะเป็นการตัดสินชะตากรรมของพวกเขา ลีอา และแม้แต่ลูเซียส “ทุกคนพร้อมหรือยัง?” ไรอันถามเสียงต่ำ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปราสาทที่ยืนตระหง่านเบื้องหน้าเอลเลียตพยักหน้ารับ “พร้อมเสมอ ข้าไม่กลัวความมืดอีกต่อไปแล้ว เราจะพานางกลับมา และจะหยุดยั้งลูเซียสให้ได้” อาเรียน่ากำลังมองไปยังปราสาทที่เต็มไปด้วยเงามืด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ข้าเองก็พร้อม พี่ชาย ข้าจะใช้พลังของข้าเพื่อช่วยพวกท่าน ข้าจะไม่ยอมให้ความมืดนี้เอาชนะพวกเราได้” ทั้งสามคนเดินเข้าไป
ผู้เฒ่าปราชญ์ไม่ได้หยุดการฝึกเพียงแค่นั้น เขาตัดสินใจที่จะสอนให้ไรอันและเอลเลียตได้ฝึกฝนการใช้พลังร่วมกัน การผสานพลังของธาตุน้ำและพลังชีวิตของเอลเลียตเพื่อสร้างพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมการฝึกนี้เริ่มจากการเรียนรู้ที่จะปรับพลังของพวกเขาให้สอดคล้องกัน ไรอันต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังน้ำในรูปแบบที่สามารถทำงานร่วมกับพลังแห่งชีวิตของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องปรับพลังของเขาให้สามารถเข้ากับพลังน้ำของไรอันได้ผู้เฒ่าปราชญ์จัดการทดสอบโดยให้พวกเขาร่วมมือกันในการสร้างกำแพงน้ำที่ไม่เพียงแค่ป้องกันศัตรูเท่านั้น แต่ยังสามารถฟื้นฟูพลังงานให้กับพวกเขาในขณะเดียวกันด้วย ไรอันต้องสร้างกระแสน้ำที่ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องอ่อนโยนพอที่จะไม่ทำลายพลังของเอลเลียต ขณะที่เอลเลียตก็ต้องเสริมสร้างพลังน้ำนี้ให้คงทนและเข้มแข็งยิ่งขึ้นการฝึกนี้เป็นความท้าทายที่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจและความเชื่อมั่นในกันและกัน พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจและสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด รู้จักการทำงานร่วมกันในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อพวกเขาสามารถสร้างกำแพงน้ำที่แข็งแกร่งและมีพลังในการฟื้นฟูได้สำเร็จ ผู้เฒ่าปราช
เอลเลียตมองต้นไม้ใหญ่นั้นด้วยความสงสัย “ข้าจะต้องทำอย่างไร?” “เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของเจ้าโดยไม่ให้มันครอบงำเจ้า” ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าว “เริ่มจากการใช้พลังในการฟื้นฟูร่างกายของเจ้า เจ้าเคยทนทานต่อบาดแผลและพิษ แต่ตอนนี้เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะเร่งกระบวนการฟื้นตัวนั้นให้เร็วขึ้น”ผู้เฒ่าปราชญ์ให้เอลเลียตฝึกฝนการควบคุมการฟื้นฟูของร่างกายโดยใช้สมาธิในการสร้างพลังงานจากภายใน เขาให้เอลเลียตฝึกโดยการเผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้าและบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจากการฝึกอย่างหนัก เอลเลียตต้องเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยพลังงานจากภายในร่างกายของเขาเพื่อรักษาตัวเองในเวลาอันสั้น นอกจากการฟื้นฟูร่างกายแล้ว ผู้เฒ่าปราชญ์ยังสอนเอลเลียตถึงการปลดปล่อยพลังงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการต่อสู้ของเขา เอลเลียตฝึกฝนการใช้กระบองเหล็กของเขาในการโจมตีต้นไม้ใหญ่โดยไม่ทำลายมัน แต่เพื่อฝึกฝนการควบคุมพลังของเขาให้แม่นยำและทรงพลังที่สุด การฝึกนี้ทำให้เอลเลียตได้ค้นพบว่าพลังที่แท้จริงของเขาไม่ใช่เพียงการต้านทานหรือการฟื้นฟู แต่ยังรวมถึงการใช้พลังนั้นในการปก
การสูญเสียลีอาและแม่ทัพอาร์เดนไปเป็นเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจของไรอันอย่างรุนแรง เขารู้สึกเหมือนว่าทุกสิ่งที่เขาพยายามปกป้องได้พังทลายลงต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดที่ตามมานั้นทำให้เขารู้สึกท้อแท้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขาตระหนักว่าพลังที่แท้จริงของเขานั้นอาจไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงการควบคุมธาตุน้ำเท่านั้นหลังจากหนีรอดออกมาจากเกาะยมทูต ไรอัน เอลเลียต และอาเรียน่าตัดสินใจที่จะพักฟื้นร่างกายและจิตใจในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลจากอำนาจของลูเซียส ในหมู่บ้านนี้ พวกเขาได้พบกับผู้เฒ่าปราชญ์อีกครั้ง ซึ่งต้อนรับพวกเขาด้วยความอบอุ่นและให้ที่พักพิงเพื่อให้พวกเขาสามารถฟื้นฟูพลังได้“ข้าเห็นแววตาของเจ้าไรอัน” ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าวขณะนั่งจ้องมองไรอันที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา “เจ้าไม่ได้พ่ายแพ้ เจ้าแค่กำลังค้นพบตัวเอง”ไรอันมองผู้เฒ่าปราชญ์ด้วยความสับสน “แต่ข้าสูญเสียลีอาไป ข้าไม่สามารถปกป้องเธอได้ ส่วนสหายร่วมรบข้าก็ยังเสียเขาไป ข้ารู้สึกว่าข้าอ่อนแอเหลือเกิน”ผู้เฒ่าปราชญ์ยิ้มอ่อนโยน “บางครั้งการสูญเสียคือบทเรียนที่สำคัญที่สุด มันไม่ใช่ความแข็งแกร่งภายนอกที่เจ้าไม่เคยรู้จัก แต่เป็นพลั