ยามมีคนประคอง ราศีของเซียวจือฮว่ายิ่งดีสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ร่างขาวนวลอ้อนแอ้นบอบบางอรชร ก้าวย่างทีละน้อย ให้ความรู้สึกบอบบางจนแทบจะล้มไปตามลมเมื่อสาวใช้เงยหน้าขึ้นเห็นว่าฉู่เชียนหลียังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้สักนิดราวกับมองไม่เห็นก็อดโมโหไม่ได้พระชายานี่ตาบอด ไม่รู้จักออกมาต้อนรับสักหน่อยรึ?“พี่หญิง...” เซียวจือฮว่าเดินเข้ามาเห็นว่าฉู่เชียนหลีกำลังกินซาลาเปา ที่พำนักผุพังก็รู้สึกปวดใจจนตาแดงก่ำขึ้นทันที “เหตุได้ท่านจึงอยู่ในสถานที่ชนิดนี้ นี่หาใช่ที่สำหรับคนอยู่...”“ไว้ข้ากลับไปจะต้องบอกกับเฉินสักหน่อย”น้ำเสียงนั้น ถ้อยคำเช่นนั้น ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิงของจวนแห่งนี้ ส่วนฉู่เชียนหลีก็เป็นแค่เด็กสาวบ้านป่าผู้หนึ่งเท่านั้นฉู่เชียนหลีปรายตามองนางเรียบๆ กัดซาลาเปาคำหนึ่ง “ เจ้ามาทำไม?”เมื่อสตรีผู้นี้ปรากฏตัว แน่นอนว่าต้องไม่ได้มาด้วยเจตนาดีก่อนนี้ เจ้าของเดิมของร่างนี้รักใคร่เฉินหวังอย่างล้ำลึก แต่เมื่อใดที่เซียวจือฮว่า ปรากฏตัว พอนางทำตาแดงๆ คราวหนึ่ง เบะปากคราวหนึ่ง ไม่ก็หลั่งน้ำตาครึ่งหยด ถ้านางไม่ถูกถีบกระเด็น ก็ถูกทุบตีอย่างทารุณยกหนึ่งพอเสร็จเรื่อง สตร
“ข้าจงใจผลักเอง” ฉู่เชียนหลีพูดต่อว่า “ข้าริษยาที่น้องเซียวเป็นที่รัก ไม่ใช่แค่ผลักนาง ยังอยากจะทุบตีนางด้วย เพราะรักกลายเป็นแค้น ไม่ว่าเรื่องใดก็ทำออกมาได้ทั้งสิ้น”เซียวจือฮว่าได้ยินคำก็หัวเราะเย็นอยู่ในใจแต่ไรมาท่านอ๋องก็รังเกียจสตรีขี้อิจฉาใจคับแคบเป็นที่สุด นี่เจ้ากลับโง่พูดออกมา เตรียมตัวถูกหย่าเสียเถิด ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินจะต้องเป็นของนางในไม่ช้าก็เร็วเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้วกระบี่ของตนนางอยากจะไปให้พ้นจากจวนอ๋องเฉินจนแทบทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่เขาจะไม่ให้นางได้สมหวังเสียอย่าง“ในเมื่อรู้ผิดแล้ว ยังไม่รีบ…”หย่ากับนางเสีย?“ขอบคุณท่านอ๋อง!” ฉู่เชียนหลีดีใจจนเผลอหลุดปากเฟิงเย่เสวียนมองนางคราวหนึ่งด้วยปรายสายตายะเยือก“ยังไม่รีบไปคุกเข่าสำนึกผิดที่เรือนหานเฟิงอีก? คุกเข่าจนกว่าจือฮว่าจะยกโทษให้เจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”เซียวจือฮว่าชะงักอยู่น้อยๆ เปลี่ยนจากหย่ามาเป็นคุกเข่าเช่นนั้นรึ?ช่างเถิดอีกสักครู่ ดวงตะวันก็จะออกมาแล้ว ความร้อนในฤดูร้อนรุนแรงหนักหนา หากฉู่เชียนหลีต้องคุกเข่าอยู่กลางตะวันแผดเผาสักสี่ห้าชั่วยาม ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเกือบตายฉู่เชียนหลีจ้องชายห
“จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนบอกกับนางว่าวันนี้ข้าจะกลับไปเยี่ยมนาง ข้าจะเป็นลูกสาวกตัญญูที่รู้ความ ข้าไม่สามารถไม่รักษาคำพูด!” ฉู่เชียนหลีสะอื้นกัดผ้าเช็ดหน้า ท่าทางราวกับคิดถึงบ้านอย่างมากในความเป็นจริง หนังศีรษะของนางโดนแดดเผาจนแทบปริแตกแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางต้องขาดน้ำตายแน่เฟิงเย่เสวียนกุมความคิดของนางไว้หมดแล้ว พอดีกับตอนนี้เขาก็มีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ฉู่เชียนหลีมักจะมาป้วนเปี้ยนตรงหน้าเขา จิตใจไม่สามารถสงบ จึงมีความกรุณาเป็นพิเศษ “เช่นนั้นก็กลับ…”ฟิ้ว…พูดไม่ทันขาดคำ สายลมพัดผ่าน คนหายไปแล้วไม่มีแม้กระทั่งคำขอบคุณเลยหรือ? ผู้หญิงไร้มโนธรรมคนนี้!จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ราชสำนักในปัจจุบันแบ่งออกเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ตระกูลฉู่คืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ฐานะทางครอบครัวมั่งคั่ง เป็นชนชั้นสูงชั้นหนึ่งในเมืองหลวง เพียงแต่ ครอบครัวเช่นนี้กลับให้กำเนิดบุตรสาวหน้าตาอัปลักษณ์ไร้ความงามคนหนึ่ง กลายเป็นที่ขบขันของประชาชน ยิ่งมีคนวิจารณ์ว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆหลายปีมานี้ คุณหนูอัปลักษณ์ไม่ได้รับความโปรดปราน และยังใช้กลอุบายแต่งเข้าจวนอ๋องเฉิน เป็นที่
นางอันเอ่ยปากกล่าว “เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือนแล้ว หนึ่งไม่ได้รับความโปรดปราน สองไม่ได้รับอำนาจ สามไม่ได้รับทรัพย์สิน สี่ไม่ได้รับข่าวที่เป็นประโยชน์ นั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉิน ไม่กลัวผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ?”กระทั่งนางยังรู้สึกขายหน้าเลยมองดูใบหน้าที่อัปลักษณ์ของฉู่เชียนหลี่ ขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าจำเป็นต้องทำให้ได้หนึ่งเรื่อง จึงจะสามารถทำประโยชน์ให้จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่”ต้องได้รับอำนาจหรือไม่ก็มีอิทธิพล“แล้วก็เดือนหน้าเป็นวันแต่งงานของพี่หญิงเจ้าแล้ว เจ้าไปหาทางจัดการเรื่องสินเจ้าสาวมาให้นางด้วย ยิ่งเยอะยิ่งดี” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวของนางเหมือนออกคำสั่งเสียมากกว่าฉู่เชียนหลี่ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกพี่หญิงจะแต่งงาน จะอย่างไรก็ไม่ถึงคราวที่นางต้องซื้อสินเจ้าสาวกระมัง“น้องหญิงสี่ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ…” ฉู่เจียวเจียวจับมือทั้งสองข้างนาง หลุบตาทั้งคู่ลงอย่างตำหนิตนเอง “เป็นเพราะข้าไม่เอาไหน ไม่สามารถได้รับความสำคัญจากท่านพ่อ ทำให้ตำแหน่งของพวกเราสามแม่ลูกในจวนกระอักกระอ่วนยิ่งนัก”นางอันเป็นอนุภรรยา ข้างบนยังมีฮูหยินข่มอยู่คุณหนูใหญ่ที่กำเนิดฮูหยินให
ฉู่เชียนหลีกินข้าว เที่ยวผู้ชาย ฟังคำซุบซิบของชาวบ้าน และเดินตลาดครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดสองมือไพล่หลังเดินกลับจวนอ๋องเฉินอย่างสบายใจ ราวกับชายชราที่มีอายุมากแล้วเมื่อเหล่าคนรับใช้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ที่มีปาน ตกใจจนเดินเลี่ยงสามส่วนยามดึกยามราตรีในจวนดั่งวารี แสงเทียนล้นเหลือ สายลมอ่อนตีหน้า เงาต้นไม้กวัดแกว่ง สงบสุขสำราญทันใดนั้นเสียงจืดชืดของผู้ชายก็ดังขึ้นกลางอากาศ ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน“ไปไหนมา”ฉู่เชียนหลีหันกลับมา ก็มองเห็นเงาอันสูงศักดิ์ร่างหนึ่งเดินออกมาจากยามราตรีที่มืดสลัวอย่างเชื่องช้า ชายคนนั้นเดินทวนแสงเข้ามา เงาร่างยาวที่ถูกสะท้อนกระทบลงบนร่างกายของนาง ทำให้นางมองไม่เห็นใบหน้าของเขารู้สึกเพียงดวงตาสีดำคู่นั้นลึกล้ำมาก มองไม่เห็นก้นบึ้ง“กลับบ้านแม่”ตอนออกจากบ้านก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ?นายบกพร่องทางสติปัญญาเหรอ?นายหูหนวกเหรอ?นายปัญญาอ่อนเหรอ?แววตาเฟิงเย่เสวียนครึ้มลง เดินผ่านข้างกายนาง แล้วหยุดอยู่ตรงระหว่างไหล่ที่เฉียดผ่านหันหน้า โน้มตัว ริมฝีปากบางเฉียดผ่านติ่งหูของนาง“ตัวหอมเช่นนี้เลยหรือ?” น้ำเสียงแหบแห้งฉู่เชียนหลีตกใจจนร่างเกร็ง พริบตาที่ริมฝีปา
อะไรนะ!ดวงตาฉู่เชียนหลีเบิกกว้างทันที ดวงตาทั้งสองลูกแทบหลุดออกจากเบ้า“นี่พระชายาดีใจหรือ?” เฟิงเย่เสวียนชำเลืองนางแวบนาง เก็บอาการตกใจกับตะลึงงันของนางไว้ในสายตา พลันมีแววเจตนาร้ายแล่นผ่านดวงตาอย่างเร็วฉู่เชียนหลีอยากร้องไห้จริงๆดีใจแม่เจ้าสิ!เสียงออดอ้อนร่างอรชรอย่างเซียวจือฮว่าเจ้าไม่เอา แต่จะเอานางที่อัปลักษณ์ไร้ความงาม เจ้าบ้านนี่ตาบอดหรืออย่างไร ของแปลกเช่นนี้ก็กล้าเอาอุจจาระที่สุนัขก็ไม่กิน แต่เขากลับกินเก่งยิ่งกว่าสุนัขด่าทอในใจ สีหน้าแสร้งปลื้มปีติอย่างคาดไม่ถึง “หา จริงหรือ จริงหรือ ความสุขมากะทันหันเกินไป ข้าอึ้งไปชั่วขณะ ข้าจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ จะได้ปรนนิบัติท่านอ๋องได้ดียิ่งขึ้น!”พูดจบก็สับขาวิ่งทันทีเพิ่งพุ่งออกไปครึ่งก้าว ปกคอเสื้อด้านหลังก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าไว้“ไม่เป็นไร ข้าชอบรสชาติดั้งเดิม”เชี่ย!ชอบของแปลกอย่างนี้เลย!ไม่ให้นางอาบน้ำ แล้วนางจะหาโอกาสหนีได้อย่างไรไม่ทันได้คิดมาก เฟิงเย่เสวียนได้เข้าใกล้นางแล้ว นางเซถอยหลังอย่างตื่นตระหนกหนึ่งก้าว ล้มก้นทิ่มนั่งลงบนหินภูเขาจำลองก้อนหนึ่ง เฟิงเย่เสวียนถือโอกาสนี้โน้มตัวเข้าไป แขนทั้งสองข้าง
เฟิงเย่เสวียนได้ยินคำพูดนี้ การเคลื่อนไหวหยุดชะงักในพริบตา เขาปล่อยฉู่เชียนหลีและตามสาวใช้ออกไปอย่างเร่งรีบก่อนออกไป สาวใช้หันมาจ้องเขม็งฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง‘ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้ไม่เคยได้รับความโปรดปรานหรืออย่างไร? ตะโกนเสียเสียงดังเช่นนั้น โชคดีที่หูนางดีจึงได้ยิน ไม่เช่นนั้น ความโปรดปรานเพียงผู้เดียวที่เป็นของพระชายารองก็จะถูกนางแย่งไปแล้ว’ฉู่เชียนหลีหล่นลงพื้น ก้มหัวใจที่เต้นตุบๆ ของตนเองไว้ อีกแค่ห้าก้าวก็จะถึงเตียงแล้ว…ตกใจแทบตายนางตกใจมากจริงๆ!นางใช้มือและเท้าดันร่างกายลุกขึ้น วิ่งกลับเรือนโทรมๆ อย่างเร็ว นางหยิบผ้าห่อของผืนหนึ่งออกจากตู้ กางไว้บนโต๊ะ นำแจกันถ้วยชา ปิ่นปักผมเครื่องประดับใส่เข้าไปทั้งหมด“คุณหนู เหตุใดจึงเพิ่งกลับมาเจ้าคะ ท่านหิว…”นอกประตู เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางที่กำลังเก็บของของคุณหนู ก็ตะลึงงันครู่หนึ่งนี่คือ…“ข้าจะไปจากสถานที่นี่! ข้าจะไปจากจวนอ๋อง!” ฉู่เชียนหลีพลางห่อของ พลางกัดฟันกล่าว “ข้าไม่อยากอยู่สถานที่บ้าบอแห่งนี้แม้แต่ครู่เดียว”เยว่เอ๋อร์ตกใจมาก “ไม่ได้เจ้านะคุณหนู!”ฮ่องเต้เป็นคนพระราชทานการแต่งงานครั้งนี้ หากคุณหน
เรือนหมิงเยว่ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างวิจิตรอ่อนโยน ร่างแสนอ่อนเพลียของเซียวจือฮว่านอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือซีดขาวไปสามส่วน ไม่มีสีเลือด ลมหายใจค่อนข้างกระชั้น“เฉิน ทำให้ท่านต้อง... แค่ก... เป็นห่วง... รบกวนท่านทำงาน... แค่ก...”นางรู้จักฉอเลาะบุรุษท่าทางแสนทรมานเพราะขืนสะกดอาการไอเอาไว้แต่ยังคงคำนึงถึงบุรุษเช่นนั้นทำเอาคนสงสารยิ่งเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างเตียงกุมมือเล็กๆ ที่ค่อนข้างเย็นของนางเอาไว้ กล่าวเสียงหนักว่า “จือฮว่า ข้าจะต้องหายาดีมารักษาเจ้าให้ได้ ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเพราะข้า เจ้าจึงต้องทุกข์ทรมาน”“แค่ก...ไม่...” นางส่ายหน้าอย่างอ่อนแรงพลางจับจ้องดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรักลึกล้ำไม่ทรยศของเขา“ปีนั้น หากฮว่าเอ๋อร์มิได้ช่วยท่านอ๋องเอาไว้ ยามนี้ก็จะไม่ได้มีวาสนาได้แต่งงานกับท่านอ๋อง... แค่ก กลับเป็นฮว่าเอ๋อร์ที่ร่างกายอ่อนแอ ทำให้ท่านอ๋องเป็นห่วงเปล่าๆ ให้ท่านอ๋องพลอยต้องลำบาก...แค่ก...”เพียงแค่ไม่กี่ประโยค นางก็ทั้งหอบทั้งไอไม่หยุด ท่าทางเช่นนั้น ดั่งต้นหยางหลิวโบกไหวท่ามกลางสายลมเฟิงเย่เสวียนเอื้อมมือไปช่วยสอดชายผ้าห่มเข้าใต้ตัวนางเซียวจือฮว่า
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา