“ผู้ชายคนนั้นพลาดไปแล้ว... ของคุณน่ากินออกอย่างนี้ เป็นผมคงอดใจไม่ไหวแน่ๆ” เขาพูดพลางเลียริมฝีปาก ก่อนจะฝังใบหน้าลงไปจูบฟัดกลีบเนื้อสาวตรงหน้าอย่างหื่นกระหาย “อื๊อ... ” อรทัยดิ้นเล็กน้อย พยายามดันศีรษะของเขาเอาไว้ หากความเสียวซ่านที่มีมากกว่าก็ทำให้ต้องยอมแบะอ้าให้เขาเชยชมเอาตามแต่ใจ “ปล่อยให้ผมกินเถอะนะครับ... ไม่ต้องกลัว ของคุณหอมดีจัง... ผมชอบที่สุด กลิ่นคาวเนื้อสดสะอาดแบบนี้กระตุ้นอารมณ์ดีนัก”
Lihat lebih banyakตะวันช้อนสายตามองหน้าเธอ เหมือนเด็กที่จ้องมองผู้ใหญ่ จากนั้นก็กล่าวเบาๆ “รู้ไหมว่าพี่ไม่เหมือนคนอื่นๆที่ผมเคยเจอ” เขาชม อมยิ้ม มองเธอ แต่เปลี่ยนมาใช้สายตาแบบหนุ่มมองสาว และมันทำให้รำเพยรู้สึกเหมือนเป็นสาวแรกรุ่นที่เริ่มออกเดทครั้งแรก กับชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า “พี่ดูพิสดารมากใช่ไหม...ในสายตาเธอ” น้ำเสียงปนหัวเราะ………. “มีอะไรบางอย่างในตัวพี่...มันทำให้ผมรู้สึกสบายใจ รู้สึกอยากคุยกับพี่ อยากรับรู้เรื่องของพี่มากกว่านี้”“บางเรื่องเกี่ยวกับพี่…รู้แล้วเธออาจจะไม่สบายใจ” รำเพยเอ่ยเป็นนัย“สามีพี่ล่ะ” ตะวันย่นหน้าผาก อยากรู้“พี่เลิกกับสามีแล้ว” “พี่มีลูกกับเขาหรือเปล่า” “มีลูกสาวคนนึง อายุคงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ” “ผมถามอะไรอีกอย่างได้ไหม...” ตะวันหยุดคิดนิดนึง เหมือนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะถามนั้น จะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเธอเกินไปหรือเปล่า…..“ได้สิ!...ถึงขั้นนี้แล้ว พี่คงไม่มีความลับกับเธอ”“ทำไมพี่เลิกกับสามี” “เขานอกใจพี่...หลายครั้งหลายคราว”“ครั้งนี้…พี่เลยเอาคืนบ้าง”“เปล่า…ค
เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงโทรศัพท์ของรำเพยดังขึ้น เธอรีบรั้งมือชายหนุ่มที่ยังเอกเขนก พิรี้พิไรเหมือนไม่อยากลุกไปจากเตียง ให้รีบไปอาบน้ำ จากนั้นเธอก็รีบก้าวไปกดรับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเรียกอยู่ในกระเป๋าถือของเธอที่วางอยู่บนหลังตู้เย็น “แม่อยู่ไหนคะ” ต้นสายถาม เป็นเสียงของแอนนา “เอ่อ...ม..ม..แม่ออกมากับเพื่อนน่ะ” คนเป็นแม่ตกใจจนน้ำเสียงตะกุกตะกัก ลูกสาวได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปี นอกจากดูละครหลังข่าว ถักโครเช แล้วนอนอ่านนิยายโรมานซ์ ก็ไม่เคยเห็นแม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่ไหน “เพื่อนที่ไหนคะ?” น้ำเสียงของแอนนาเต็มไปด้วยความดีใจปนสงสัย ที่รำเพยออกมาเปิดหูเปิดตา หลังจากเอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัวจนต้องไปรักษาอาการซึมเศร้าอยู่พักใหญ่“เพื่อนเก่าแม่จ้ะ...บอกไปหนูก็ไม่รู้จักอยู่ดี” เธอเสเพื่อไม่ให้ลูกสงสัย “ดีแล้วค่ะแม่ หนูดีใจที่แม่ออกไปเจอผู้เจอคนบ้าง ว่าแต่คืนนี้หนูไม่กลับนะ ไปนอนคอนโดค่ะ” “จ้ะ…” รำเพยตอบเพียงสั้นๆ กลัวลูกสาวซักไซร้ “ว่าแต่ตอนนี้ตีสองแล้วนะแม่” ลูกสาวเตือน รำเพยพลิกหลังมือขึ้นมองนาฬิกา “ตายจริ
ไวต่อความรู้สึก ทำให้เธอเผลอลู่ไหล่ บิดเรือนกายเบาๆ ลูบแขนตัวเองไปมาด้วยความลืมตัว “เชื่อแล้ว…ว่าเป็นครั้งแรกของพี่” มีความภาคภูมิใจอยู่ในน้ำเสียงที่กล่าวออกมา จากนั้นเขาก็ขยับออกมาพินิจดวงหน้าสวยที่เผยสู่แสงไฟ ยามที่เธอทอดร่างลงกลางเตียงนอนอย่างว่าง่าย รั้งลำคอบึนหนาของเขาให้พรมจูบไปตามลาดไหล่ เขาละเลงริมฝีปากลงไปอย่างหิวกระหาย จากนั้นจึงค่อยๆกระซิบตอบจนริมฝีปากชิดใบหู เล็มเลียเหมือนจงใจแกล้ง “พี่สวยเหลือเกิน”“เธอกำลังจะทำให้พี่ขาดใจ” ลมหายใจของรำเพยพ่นพรูออกมาพร้อมกับคำพูดรำเพยพ่นลมหายใจออกมาพร้อมคำพูด “พี่ชอบผมใช่ไหม” “ใช่…ชอบมาก” หล่อนแอบยิ้มท้ายประโยค “พี่ยิ้มสวย...ผมชอบ” “สวยแค่รอยยิ้มหรือ?” รำเพยทำเสียงเหมือนสาวแรกรุ่น “อยากฟังผมพูดตรงๆไหม” “อยาก” ตอบพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม ตะวันแกล้งกัดนิ้วเธอเบาๆ “พี่สวยมาก ไม่น่าเชื่อว่ายังมีสามีหน้าโง่ที่ไหนปล่อยให้พี่ต้องมาใช้บริการผม” “ช่างเถอะ...ในที่แบบนี้ อย่าเอ่ยถึงใครอื่นอีกเลย” เธอดึงเขากลับมาสู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ถ้าพี่รู้สึกผิด...เราเปลี่ยนใจ ไม่ต้องทำก็ได้นะครับ” เขากล่าวเสียงเรียบ เสนอทางเลือกให้เธอ บอกให้เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนฉวยโอกาส เขาอยากให้มันเป็นไปด้วยความสมัครใจมากกว่า “จะเสียเวลาเธอ” “ไม่เป็นไรครับ” “อุตส่าห์นั่งแท็กซี่มาไกล ไหนจะต้องตากฝนจนเปียกปอน” เธอทำน้ำเสียงเห็นใจ “ช่างเถอะ...ถ้าพี่ไม่อยากทำ” “รู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่อยาก” “เห็นพี่ลังเล” “เปล่าลังเล...การที่พี่ใจกล้ามานั่งอยู่ในห้องที่ลับหูลับตาคนแบบนี้ เพราะพี่ตัดสินใจดีแล้วในสิ่งที่ทำ” เธอยังคงยืนยันถึงเจตนารมย์อันแน่วแน่ ว่าจะใช้บริการเขา“มันไม่เกี่ยวกับกล้าหรือไม่กล้า…แต่มันเป็นเรื่องของการยอมรับ พี่ยอมรับได้ใช่ไหม ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ตลอดไป และพี่ต้องยอมรับมันได้”“เคยมีคนที่มาแล้วเปลี่ยนใจด้วยหรือ” รำเพยทำน้ำเสียงอยากรู้“มีครับ”“แต่พี่คิดดีแล้ว…” เธอยืนยัน “ได้คุยกันก่อนก็ดีเหมือนกัน” “แล้วปกติ เธอไม่ค่อยได้คุยกับลูกค้าเลยหรือ” รำเพยย่นหน้าผาก “บางคนมีเวลาน้อย พอเจอหน้ากันก็ไม่พูดพล่ามท
“เอ่อ เดี๋ยวก็ได้...” เธอยื้อ ชายหนุ่มหันมาทำหน้าฉงน “ผมกลัวพี่จะเหม็นเหงื่อ” เขาให้เหตุผล เพราะเพิ่งฝ่าฝนมาหมาดๆ “ไม่เหม็นหรอก” เธอส่ายหน้ามันทำให้ตะวันย้อนระลึกไปถึงลูกค้าคนหนึ่งที่เคยเจอ เธอไม่ชอบให้เขาอาบน้ำ ให้เหตุผลว่ากลิ่นเหงื่อกลิ่นกายของหนุ่มๆ มันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก เธอสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าเบื่อหน่ายกลิ่นน้ำหอมแห้งๆของสามีแก่ๆ และตะวันเดาเอาว่ารำเพยอาจรู้สึกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้น “ตามใจพี่ครับ…ผมยังไงก็ได้” น้ำเสียงที่ตอบออกมาอย่างตามใจลูกค้า สมกับเป็นผู้ให้บริการ เขาคิดในใจว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร คนเรามีความชอบที่แตกต่างกัน “เอ่อ...พี่ชอบแบบไหนครับ” เขาถาม แม้จะตรงไปตรงมา แต่ดูจากความตั้งใจในน้ำเสียงก็เชื่อได้ว่าคงอยากบริการเธอให้ดีที่สุดรำเพยรู้สึกถึงเลือดในกายตัวเองที่ฉีดแรง ตอนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ก็ไม่รู้สึกถึงความต้องการเท่าไรนัก ทว่าเมื่อได้มาอยู่ในบรรยากาศจริง รูป รส กลิ่น เสียง คำพูดของหนุ่มแปลกหน้ากลับมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอขึ้นมารุนแรง“เอ่อ!...ย..ย..ยังไงดีล่ะ” รำเพยเค้นคำพูดออ
เหนือริมฝีปากและคางมีไรหนวดเคราเขียวๆระบายเอาไว้ ขนคิ้วเป็นแพดกหนา มีความอบอุ่นอยู่ในดวงตาสีนิลประกายรำเพยอดเสียดายอนาคตของเขาขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่น่ามายึดอาชีพนี้“ข้างนอกฝนกำลังตกหนักครับ” เขาชวนเธอคุย “พี่รู้…” เธอตอบเรียบๆ พยายามรักษาระดับน้ำเสียงไม่ให้ดูตื่นเต้นจนเกินไป ที่รู้ว่าฝนตกก็เพราะเธอเพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขาได้ไม่นาน ซึ่งตอนนั้นฝนก็ลงหนักแล้ว แม้ตอนที่กำลังคุยกัน ฝนก็ยังเปาะเปะ พิรี้พิไรไม่ขาดสาย “เอ่อ…” รำเพยเก้ๆกังๆ ไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอะไรก่อนชายหนุ่มดึงบุหรี่หนึ่งมวนออกมาจากซอง คาบไว้ด้วยริมฝีปาก เสยผมหนึ่งที ค่อยๆตะแคงใบหน้าจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็คอย่างใจเย็น รู้สึกแปลกใจที่เห็นความประหม่าในแววตาของผู้หญิงตรงหน้า“ผมชื่อตะวันนะครับ จำได้ว่าบอกไปแล้ว ตอนที่แชทกัน แต่พี่อาจจะลืม”“ค่ะ” บางจังหวะเธอก็พูดแทบจะนับคำ “ทำตัวตามสบายนะครับ ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ต้องรีบร้อน” เขากล่าวยิ้มๆ ให้กำลังใจเธอ เหมือนรู้เท่าทันอาการตื่นเต้นของรำเพย“ขอพี่อาบน้ำเดี๋ยวนะ” เธอว่า“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็ก้าวไปทรุดกายรอบนโชฟาร์รำเพยพาร่างหายลับเข้าไปในห้องน้ำ ครู่สั้นๆก็กลับออกมาใ
ไหนก็เหมือนๆกัน แลเห็นม่านผ้าใบสีเทาทึบแบ่งกั้นเป็นสัดส่วน ขณะนั้นมีรถเก๋งยี่ห้อหรูคันหนึ่ง กำลังเคลื่อนเข้าไปในช่องจอดที่เตรียมเอาไว้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าขับรถเข้าไปจอดด้านในได้ และทันทีที่ไฟท้ายวาบสว่างขึ้นจากการแตะเบรค เมื่อท้ายรถผ่านพ้นแนวม่าน บริกรชายที่ฉายไฟเป็นสัญญาณก็รูดม่านปิดฉับ มันไม่เหมือนการปิดม่านเวทีเพื่อจบฉาก ทว่ามันปิดเพื่อให้ละครชีวิตอีกฉากได้ดำเนินไปสู่บทบาทอันมีการร่วมประเวณีเป็นสาระสำคัญตะวันเดินเข้าไปเอง เพราะไม่ได้มาด้วยพาหนะส่วนตัวเหมือนลูกค้ารายอื่นๆของโรงแรม ตรงเข้าไปหาบริกรที่กำลังทำท่าว่าจะเข้ามาหาเขาเช่นกันพูดคุยกันสองสามคำ จากนั้นบริกรหนุ่มก็เดินนำหน้าไปยังห้องซึ่งอยู่เกือบถึงด้านในสุด ส่งตะวันซึ่งเป็นลูกค้ารายล่าสุดจนถึงหน้าห้อง ทว่าก่อนจะเดินจากมา ก็ไม่ลืมหันกลับมาบอก“ถ้าจะเรียกแท็กซี่ บุหรี่ เหล้า เบียร์ หรืออยากได้อะไรพิเศษ สั่งได้นะครับ” บริกรพูดได้คล่องแคล่ว ชัดถ้อยชัดคำ ราวกับว่าได้พูดประโยคนี้วันละหลายๆครั้งจนขึ้นใจ“ครับ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ จากนั้นก็หลบเข้าหลังม่านผ้าใบสีเทาทึบ เมื่อเห็นชัดแล้วว่าหมายเลขที่หน้าห้อง ตรงกับที่เธ
“พี่อยู่แถวไหน ปีที่แล้วบ้านพี่ท่วมไหม” ตะวันถาม“อยู่แถวรังรังสิต ท่วมไม่เหลือ ท่วมถึงชั้นสองโน่น”“เดือดร้อนกันไปทั่ว ปีนี้ขออย่าให้เจอเหมือนคราวก่อน” ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ผ่านมา“จริง…ทุกวันนี้ก็ทำมาหากินยาก รถแท็กซี่ก็เยอะขึ้นทุกวัน ไม่เชื่อคุณลองสังเกตดูสิ ตอนรถติดไฟแดง มีแต่แท็กซี่ทั้งนั้น ติดยาวเหยียด คุณเห็นไหม ตอนนี้มีรถแท็กซี่ออกมาสารพัดสี ทั้งที่ถนนก็แทบไม่มีให้วิ่ง ผู้โดยสารก็ต้องแย่งชิง รายได้มันไม่แน่นอนเหมือนก่อน ผมต้องเลี้ยงลูกอีกสามคน กำลังกินกำลังนอนทั้งนั้น” โชเฟอร์สาธยายยืดยาว“ลูกดกนะ…ว่าแต่ลูกสามเมียสี่หรือเปล่าพี่” ตะวันกระเซ้าไปตามประสาผู้ชาย“โอ๊ย…ได้ยังงั้นก็ดีสิคุณ แค่เมียคนเดียว ตอนนี้ก็แทบเลี้ยงกันไม่ไหว” คนขับตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะอาจเป็นเพราะในขณะนั้นเป็นเวลาดึกสงัด นานๆจึงจะเห็นแสงไฟจากรถคันอื่น สาดสวนมาจากอีกฟากฝั่งถนน ทำให้คืนนั้นไม่เปลี่ยวเหงาจนเกินไปสำหรับชายหนุ่มที่นั่งมาคนเดียว“นัดสาวเอาไว้ละสิท่า” โชเฟอร์อมยิ้มเหมือนรู้ทัน ใครที่ไปใช้บริการสถานที่แห่งนั้น…ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ“ครับ” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ“ไกลหน่อย…แต่เงียบด
คนประมาณอาวุธประจำกายออกมาเป็นเซนติเมตร เป็นนิ้ว ชัดเจน หวังให้เป็นจุดขาย เช่นเดียวกับผู้หญิงที่บอกถึงขนาดทรวงอกและและความอวบขาวเร้าใจของเนื้อหนังมังสา ต่างยกเอามาอวดอ้างประชัน ข้อความเหล่านั้นเยอะมากจนน่าตกใจ รำเพยลองคลิกหน้าต่อไปเพื่อคนห้าข้อความเก่าๆที่โพสต์ในวันก่อนๆ ได้อีกหลายสิบหน้า ทว่าส่วนที่อัพเดทจะอยู่หน้าแรกสุด รำเพยไม่เคยเข้ามาในเวปนี้มาก่อนเลยในชีวิต เธอมองว่ามันเป็นเรื่องน่าละอาย กับการซื้อขายที่เกิดขึ้นอย่างโจ๋งครึ่มและเปิดเผยเช่นนี้ ซึ่งตอนนั้นเธอคิดเพียงว่าจะมีสักกี่รายที่เข้ามาเพื่อซื้อขายกันจริงๆ จะมีกี่รายที่ปิดการซื้อขายได้จากหน้าเวปไซต์แห่งนี้ คิดว่าคงเป็นการโพสต์เล่นๆ ทำไปด้วยความสนุกหรือคึกคะนองมากกว่าจะหวังผลจริงจัง รำเพยกวาดสายตาสำรวจคร่าวๆไปที่ข้อความเหล่านั้น พลันสายตาไปสะดุดเข้ากับข้อความหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ ‘อายุ 25 สุภาพ เข้ม หล่อล่ำ ผิวคล้ำ ทำทุกอย่างถึงใจ หุ่นนักกีฬา รักษาความลับระหว่างกัน กรุงเทพฯ ปริมณฑล สนใจคลิก’ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอคลิกไปที่โพสต์นั้น คงไม่ใช่เพราะข้อความที่บอกว่า ‘ทำทุกอย่างถึงใจ’หรือว่าใช่!...? รำเพยรู้สึ
“แลกรักสลับสวาท”คำเตือนก่อนอ่านโปรดใช้วิจารณญาณก่อนดาวน์โหลด ‘กาสะลอง’ เป็นนามปากกาที่ใช้สำหรับเขียนนวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ขับเคลื่อนด้วยตัณหาราคะและเซ็กส์ร้อนแรงทั้งเรื่อง นักอ่านท่านใดที่ไม่ชื่นชอบอีโรติกแบบแรงถึงใจ โปรดกรุณาหลีกเลี่ยง แม้แต่การดาวน์โหลดตัวอย่างมาอ่าน เพราะว่าเนื้อหากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของนิยายเรื่องนี้เป็นฉากเลิฟซีนล้วนๆ หากนักอ่านท่านใดที่ชื่นชอบนิยายแนวนี้... ขอจงมีแต่ความสุขซาบซ่านสำราญอารมณ์ในการอ่าน ด้วยความเคารพนักอ่านสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น “แลกรักสลับสวาท”ชายผู้ประสบปัญหาเกี่ยวกับ ‘เรื่องบนเตียง’ จนทำให้ชีวิตคู่ระหว่างเขากับภรรยาต้องล่มสลาย ได้กล่าวเอาไว้ว่า “Women say that size doesn’t matter but I have yet to meet a woman that owns a 3 inch vibrator”ซึ่งแปลได้ว่า... ผู้หญิงพูดว่าขนาดไม่สำคัญ... แต่ผมก็ยังไม่เคย...
Komen