เมื่อ ณคล ชายหนุ่มผู้หาความสงบสุขด้วยการเช่าบ้านในทำเลที่เงียบสงบ ได้พบกับหนุ่มน้อยน่ารัก อย่างทอยส์ เจ้าของแมวน้อยที่แอบไปขโมยปลาที่บ้านเขากินในเช้าวันหนึ่ง การพบกันครั้งนั้น..เหมือนจะเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย และสับสน... หากอีกหลายครั้งที่ความบังเอิญ นำพาทั้งคู่ไปพบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง จนนำไปสู่ความรัก ในก้นบึ้งหัวใจอย่างเงียบงัน
View Moreทำเลดีจัง!ทอยส์ บอกกับตัวเอง เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพัก และพบว่าห้องพักนั้นอยู่ริมสุด และด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขา อากาศดียิ่งกว่าตอนยืนอยู่หน้าท่าเทียบเรือไม่รู้กี่เท่า...แต่จะดีกว่านี้ ถ้าทอยส์ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วเดินไปชมภาพตะวันตกทะเลในยามใกล้ค่ำก่อนมาห้องพัก เสียงของณดล ประกาศกับกรุ๊ปทัวร์อีกว่า ทุกคนต่างมีเวลาก่อนค่ำ ในการพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนไปรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร และสันทนาการก่อกองไฟริมทะเลร่วมกันอีกครั้งในค่ำคืนนั้น พร้อมการแสดงโชว์อีกมากมาย เรียกว่ามากับทริปนี้แล้วไม่เสียหลาย ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ทอยส์บอกกับตัวเองก่อนเปิดประตูเข้าไป อดนึกถึงคำขู่ของขายหนุ่มที่ตะโกนไล่หลังมาไม่ได้"ระวังผีจะหลอกเอา"คนบ้า รู้ว่าอยู่คนเดียว ยังจะมาขู่กันอีกแน่ะ !บ่นไปงั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเปิดม่านรับแสงให้ผ่านเข้ามา เปิดเครื่องปรับ อากาศเบาๆ แล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนลับหายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...หากยังไม่ทันก้าวพันประตูห้องน้ำออกมาดีหรอก ที่เสียงกุกกักดังจากด้านหลังห้องจะดังขึ้น ทอยส์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่กล้าหันกลับไปมอ
แทบทุกคนหันไปตามเสียง เป็นตาเดียวกัน !หากใครก็คงไม่ตื่นตกใจ เท่าณดลอีกแล้วล่ะ เพราะหนุ่มน้อยคนนั้น ใช่คุ้นเคยแต่เสียง หากเพียงเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็แทบกระโดดกอดหนุ่มน้อยนั่นเลยทีเดียวถ้าทำได้"ทอยส์ !"ไม่ผิดหรอก ทอยส์จริงๆ นั่นล่ะ เขาไม่ได้ฝันไปเลยสักนิด โลกสว่างไสวสดใส กว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าทีเดียว"คุณณดล...""มา ๆ ให้ผมช่วย อย่าเพิ่งถามอะไร รถกำลังจะออกแล้วครับ"ณดลยื่นมือไปรับกระเป๋าใบโตจากทอยส์ ก่อนลุงเวกจะปิดประตูรถ และค่อยเคลื่อนรถออกไปจากที่หมายอย่างช้าๆ แล้วค่อยเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก...ณดลพาเด็กหนุ่มไปนั่งลงตรงที่ว่างไม่ท่างจากเขานัก ก่อนจะจับเอาสัมภาระวางลงบนชั้นเหนือศีรษะให้อีกฝ่ายค่อยคลายกังวล ถอดหมวกออกพัดให้ลมกับตัวเอง"ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณมาเที่ยวทริปนี้ด้วย""ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมเป็นไกด์ เอ้อ ไกด์จำเป็นน่ะ ที่นี่เป็นบริษัททัวร์ของเพื่อนผม แล้วมันติดธุระเลยขอให้ผมมาแทน""ก็ดีนี่ครับ มีรายได้เข้ากระเป๋า""นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับที่ผมได้เจอคุณหรอกนะ ทอยส์"เหมือนจะฟังดูเศร้า หากเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มกลับทำหน้าเข้มๆ ดุ ๆ ใส่อีกฝ่าย ราวกับทอยส์เป็นน้อ
"มันจะมากไปแล้วนะ ทอยส์""มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่คุณทำกับผม ใครกันแน่ที่ปันใจกัน ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีคนใหม่ซุกไว้ที่ทำไว้ที่ทำงาน รู้ตลอดว่าคุณพาใครอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกินข้าวร้านหรูอยู่เป็นประจำ ผมยอมไม่มีใครซะดีกว่า ที่จะกลายเป็นคนไร้ค่า มีแฟนเห็นแก่ตัวแบบคุณ กลับไปซะเถอะพอล แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ""นี่คุณไล่ผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะทอยส์ ได้ !ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ตามใจคุณเลย ระวังหน่อยแล้วกัน เกิดคุณฮีทขึ้นมา อย่าโทร.ตามผมกลับมาแล้วกัน"ทอยส์ ถึงกับส่ายหน้า พูดไม่ออกกับถ้อยประโยคนั้นของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากบ้านของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ณดลถึงกับสตั๊นไป กับคำพูดประโยคท้ายของหนุ่มพอลนั่นโอเมก้า งั้นเหรอ !ณดลใจหายวาบ สีหน้าเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นทอยส์ทิ้งตัวลงฟุบหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง เขายิ่งพลอยเศร้าไปด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ เลย"ทอยส์ครับ...เอ้อ ผมขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายแบบนี้ คุณเป็นอะไรมากมั้ย""คุณต่างหาก เจ็บมากมั้ย""ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร เจ็บแค่ไหนก็ทนได้"คนบอกทนได้ แทบซู้ดปากเอาเหมือนกัน"ปากคุณแตก เลือดซ
"จะบ้าเหรอคุณ ผมก็แค่เรียนศิลปกรรมมาเท่านั้น ไม่ใช่สัปเหร่ออะไรอย่างที่คุณว่าซะหน่อย คุณนี่หัดมองในทางสร้างสรรค์หน่อยไม่ได้หรือนะ"เขาขยับตัวลุกขึ้น เหลียวซ้ายมองขวาหาสายยางที่พอจะเปิดน้ำล้างมือได้บ้าง ขณะที่ทอยส์มองตามอย่างรู้ทัน"อยู่มุมโน้นครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วกัน"ทอยส์บอกกับเขาอย่างนั้นก่อนหมุนตัวไปเปิดน้ำให้ ซึ่งดูเหมือนจะเปิดแรงเกินไปหน่อย สายยางดิ้นไปมา น้ำที่พุ่งแรงทำให้เสื้อผ้าเขาเปียกปอนไปหมด"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ""ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนาจะเอาคืนผมล่ะสิ คนเรานะอุตส่าห์มาช่วยฝังเจ้าเหมียวให้ ยังไม่ได้ยินคำขอบคุณสักคำ""ผมก็ไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากคุณเหมือนกันแหละ ที่เป็นตันเหตุทำให้เจ้าเหมียวของผมตายน่ะ"เริ่มเปิดฉากถกเถียงกันอีกครั้ง หากครั้งนี้ เขาทำหน้าเหมือนนึกได้ เพราะปลาทูตัวนั้นเป็นต้นเหตุให้แมวของทอยส์ต้องจบชีวิตจริงๆ"จริงสิ เพราะมันกินปลาทูของผม ผมต้องสืบให้ได้ ว่าทำไมในปลาทูถึงมีพิษ""พักเรื่องนักสืบของคุณไว้ก่อนเถอะ เสื้อผ้าคุณเปียกขนาดนี้ ผมว่าถอดมันผึ่งแดดเอาไว้ก่อนดีมั้ย เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณแทนการขอบคุณแล้วกัน""อืมม์ ค่อยน่ารักหน่อย"ชายหนุ่มบ่นพึมพ
เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุดหากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"ไ
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้านนานแล้ว...ทอยส์รู้สึกประหลาดใจ หลายครั้งที่เขาขมวดปลายคิ้วงุนงงสงสัย เสียงอะไรมันดังไม่เลิก ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือในเวลาดีๆ อย่างที่สุด สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบชายหาดตรงระเบียงนั่น เพื่อก้าวเดินออกไปดูให้หายข้องใจหากเพียงก้าวเดินถึงประตูรั้วเท่านั้น เจ้าเหมียวขาวปลอดทั้งตัว ก็แทบจะวิ่งหูกางทางชี้ ขนฟูฟ่องเข้ามาชนน่องขาวๆ ของเขาที่โผล่พันจากกางเกงขาสั้นสบายๆ ในเช้าวันหยุด จนต้องก้มลงมองพร้อม ๆ กับรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่มองประจันหน้าจากภายนอกโฮ่ง...โฮ่ง...เสียงสุนัขตัวเขื่อง เท่าเสียงดังขึ้น ทำเอาปลายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ บ้านรั้วติดกันนั่น ปล่อยขายและให้เช่า จนเกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกก็อดสะดุดกับใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ที่ทำเอาใจเต้นแรกขึ้นมาไม่ได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามดึงใจตัวเองกลับ บอกตัวเองด้วยว่านั่นน่ะ ! ตัวต้นเหตุที่ทำเจ้าเหมียวน้อยของเขาวิ่งขนฟูกลับมาบ้านเชียวนะ"นี่มันอะไรกัน คุณเป็นใคร..มาทำอะไรลั
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้านนานแล้ว...ทอยส์รู้สึกประหลาดใจ หลายครั้งที่เขาขมวดปลายคิ้วงุนงงสงสัย เสียงอะไรมันดังไม่เลิก ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือในเวลาดีๆ อย่างที่สุด สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบชายหาดตรงระเบียงนั่น เพื่อก้าวเดินออกไปดูให้หายข้องใจหากเพียงก้าวเดินถึงประตูรั้วเท่านั้น เจ้าเหมียวขาวปลอดทั้งตัว ก็แทบจะวิ่งหูกางทางชี้ ขนฟูฟ่องเข้ามาชนน่องขาวๆ ของเขาที่โผล่พันจากกางเกงขาสั้นสบายๆ ในเช้าวันหยุด จนต้องก้มลงมองพร้อม ๆ กับรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่มองประจันหน้าจากภายนอกโฮ่ง...โฮ่ง...เสียงสุนัขตัวเขื่อง เท่าเสียงดังขึ้น ทำเอาปลายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ บ้านรั้วติดกันนั่น ปล่อยขายและให้เช่า จนเกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกก็อดสะดุดกับใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ที่ทำเอาใจเต้นแรกขึ้นมาไม่ได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามดึงใจตัวเองกลับ บอกตัวเองด้วยว่านั่นน่ะ ! ตัวต้นเหตุที่ทำเจ้าเหมียวน้อยของเขาวิ่งขนฟูกลับมาบ้านเชียวนะ"นี่มันอะไรกัน คุณเป็นใคร..มาทำอะไรลั
Comments