"จะบ้าเหรอคุณ ผมก็แค่เรียนศิลปกรรมมาเท่านั้น ไม่ใช่สัปเหร่ออะไรอย่างที่คุณว่าซะหน่อย คุณนี่หัดมองในทางสร้างสรรค์หน่อยไม่ได้หรือนะ"
เขาขยับตัวลุกขึ้น เหลียวซ้ายมองขวาหาสายยางที่พอจะเปิดน้ำล้างมือได้บ้าง ขณะที่ทอยส์มองตามอย่างรู้ทัน
"อยู่มุมโน้นครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วกัน"
ทอยส์บอกกับเขาอย่างนั้นก่อนหมุนตัวไปเปิดน้ำให้ ซึ่งดูเหมือนจะเปิดแรงเกินไปหน่อย สายยางดิ้นไปมา น้ำที่พุ่งแรงทำให้เสื้อผ้าเขาเปียกปอนไปหมด
"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนาจะเอาคืนผมล่ะสิ คนเรานะอุตส่าห์มาช่วยฝังเจ้าเหมียวให้ ยังไม่ได้ยินคำขอบคุณสักคำ"
"ผมก็ไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากคุณเหมือนกันแหละ ที่เป็นตันเหตุทำให้เจ้าเหมียวของผมตายน่ะ"
เริ่มเปิดฉากถกเถียงกันอีกครั้ง หากครั้งนี้ เขาทำหน้าเหมือนนึกได้ เพราะปลาทูตัวนั้นเป็นต้นเหตุให้แมวของทอยส์ต้องจบชีวิตจริงๆ
"จริงสิ เพราะมันกินปลาทูของผม ผมต้องสืบให้ได้ ว่าทำไมในปลาทูถึงมีพิษ"
"พักเรื่องนักสืบของคุณไว้ก่อนเถอะ เสื้อผ้าคุณเปียกขนาดนี้ ผมว่าถอดมันผึ่งแดดเอาไว้ก่อนดีมั้ย เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณแทนการขอบคุณแล้วกัน"
"อืมม์ ค่อยน่ารักหน่อย"
ชายหนุ่มบ่นพึมพำ หากถึงอย่างนั้น ทอยส์ ก็ได้ยินชัดเจนอยู่ดี
"ผมได้ยินนะ"
"ครับ...ก็อยากให้ได้ยิน ขอบคุณครับ"
เป็นครั้งแรกที่ทอยส์ได้ยินคำขอบคุณจากเขา ก่อนที่เขาเตรียมจะถอดเสื้อออก หากอีกฝ่ายจะไม่โวยวายขึ้นก่อน
"เฮ้...เดี๋ยวก่อนสิคุณ ไปถอดในบ้านโน่น มาถอดอะไรตรงนี้ ประเจิดประเจ้อพิลึก เดี๋ยวผมเอาผ้าเช็ดตัวให้คุณเช็ดผมด้วย"
"โอเค. ผมถือว่านี่เป็นคำชวนนะ"
"ครับ...เชิญในบ้านดีกว่า"
ทอยส์ผายมือเชื้อเชิญ ให้ชายหนุ่มยิ้มปากกว้างโชว์ฟันขาวเป็นระเบียบอย่างน่าหมั่นไส้ นี่ถ้าไม่ติดว่าอุตส่าห์มาช่วยขุดหลุมฝังศพเจ้าสีนวลให้ อย่าหวังว่าเขาจะยอมมาเดินตามต้อย ๆ แบบนี้เลย ขณะเดียวกัน ระหว่างทางเดิน เขาก็อดมองไปรอบๆ บ้านของอีกฝ่ายไม่ได้
เออนะ...เห็นห้าวๆ กร้าวๆ แถมปากไวราวกับกรรไกรแบบนั้น แต่จัดบ้านได้ น่ารักดีวุ้ย !
"คุณแต่งบ้านได้น่ารักดีนะ"
"ขอบคุณที่ชม แต่จะดีกว่านี้ ถ้าคุณจะเลือกที่นั่งตามสบาย มากกว่าเดินสำรวจ ไม่ต้องมาทำตัวเป็นนักสืบที่บ้านผมหรอก"
"ผมขอโทษ ก็แค่นิยมชมชอบน่ะ ว่าแต่...นี่บ้านคุณจริงๆ เลยมั้ย"
"เอ้า...ถ้าไม่ใช่บ้านผม แล้วจะเป็นบ้านใครล่ะ คุณนี่ถามพิลึก"
"ไม่ใช่สิคุณ อย่างนี้นะ ผมหมายความว่า บ้านที่คุณอยู่มาตั้งแต่เด็ก สมบัติตกทอดจากพ่อแม่หรือว่า บ้านเช่า ทำนองนี้น่ะ"
"อ้าว...แล้วนี่คุณไม่ได้อยู่แถวนี้รึไง"
"เปล่า...ผมไม่ได้เกิดที่นี่ด้วยซ้ำ แต่ผมมาเรียนที่นี่ พอเรียนจบ ผมก็เลยเช่าบ้านแถวนี้ เพราะทำเลใกล้กับที่ทำงานผมน่ะ"
"อ้อ..."
"อ้อ อะไรกัน นี่ผมถามคุณ แต่ผมยังไม่ได้คำตอบเลยนะ คุณชิงถามผมขึ้นมาซะงั้น"
"ก็ผมสงสัยนี่นา."
"คุณก็นักสืบไม่แพ้ผมล่ะงั้น"
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาในเวลานั้น ให้ทอยส์ได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ระบายบนใบหน้าที่แทบจะหม่นเศร้าตั้งแต่รู้ตัวว่าสูญเสียเจ้าสีนวลไป
"ผมดีใจนะที่ทำให้คุณยิ้มได้ ตกลงจะตอบได้ยัง เรื่องบ้าน"
"บ้านผมเอง พ่อซื้อให้แม่ แม่ก็เลี้ยงผมที่บ้านหลังนี้จน เอ้อ...ท่านเสียน่ะ ผมเลยอยู่คนเดียว"
"น่ากลัวมาก"
"อะไรน่ากลัว"
"การอยู่บ้านคนเดียวในสมัยนี้ไง"
"คุณก็อยู่คนเดียวเหมือนกัน หรือไม่จริง"
"ก็จริง แต่ผมเป็นมีไอ้โด่งเป็นเพื่อนนะคุณ หมามันไม่ทิ้งเจ้านายง่ายๆ หรอก"
"แล้วไงล่ะ หมาตายก่อนเจ้านายไม่ได้รึไง แมวผมยังตายก่อนเจ้านายเลย แต่จะว่าไป ถ้าเจ้าสีนวลมันไม่ขโมยปลามากิน ผมว่าคุณนั่นล่ะ คงได้เป็นศพตายขึ้นอืดในบ้านคนเดียวไปแล้ว”
"เออ...ก็จริง เฮ้ย คุณอย่ามาแช่งผมน่า ไม่เอาแล้วผมหนาว ขอถอดเสื้อก่อนนะ"
"เชิญตามสบายเลยคุณ เดี๋ยวผมไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ก่อนแล้วกัน”
ทอยส์ บอกอีกฝ่าย พร้อมกับหมุนตัวลับหายไป กลับมาอีกทีพร้อมผ้าเช็ดตัวใหม่เอี่ยม ทั้งสะอาด ทั้งหอมกรุ่น ที่เขาฉวยไปคลุมไหล่เอาไว้
"หอมจัง"
"นี่คุณ..."
"ผมหมายถึงผ้าเช็ดตัวหอม คุณคิดถึงไปถึงอะไร"
อีกครั้งที่ชายหนุ่มยิ้มยั่ว ก่อนทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาภายในบ้าน เช็ดผมที่เปียกของตัวเองเบา ๆ ขณะที่ทอยส์ ลอบมองแล้วถอนใจ เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ก็ขยับตัวอีก
"เดี๋ยวสิคุณ แล้วจะไปไหนอีก"
"ไปชงกาแฟให้คุณไง"
"เออนะ ผมลืมเลย โอ.เค. งั้นไปได้ครับ"
"ไปได้...นี่คุณ นี่มันบ้านผมนะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง ให้ฉันไป หรือให้ฉันอยู่กันเนี่ย"
"โทษที ผมลืมไป นึกว่าบ้านตัวเอง"
อีกครั้งที่ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าเก้อเขิน จนทอยส์ได้แต่ส่ายหน้า เออนะ..มิตรภาพนี่ บางทีมันก็เกิดขึ้นได้ในเวลาอันสั้นจริง ๆ อย่างน้อย มันก็ทำให้อีกฝ่ายเผลอยิ้มออกมาได้หลายครั้งในเวลาอันใกล้เคียงกันเชียวล่ะ
...
ลับหลังทอยส์ ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนคว้ากระดาษกับดินสอมาวาดภาพของทอยส์เหยียดยิ้มกับเจ้าเหมียวที่หมอบอยู่ไม่ห่างเล่น ๆ อย่างชำนิชำนาญ เมื่อทอยส์กลับมาอีกครั้งพร้อมแก้วกาแฟในมือ ภาพตรงหน้าจึงทำให้เธออดทึ่งไม่ได้
"นี่อย่าบอกนะว่าฝีมือคุณ"
เธอหยิบภาพนั้นขึ้นมาดู ขณะที่วางแก้วกาแฟลง
"งั้นสิ มีผมคนเดียวตรงนี้ จะเป็นฝีมือใครได้ล่ะ"
"สวยจัง ลายเส้นกริบเลย"
"เชื่อยังล่ะว่าผมเป็นอาร์ติส ไม่ใช่สัปเหร่อ"
"ผมก็ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าไม่เชื่อ"
"นี่แบบรีบๆ นะคุณ เอาไว้ว่างๆ ผมจะวาดให้สวยกว่านี้อีก"
ณดลบอกกับทอยส์อย่างนั้น ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข รอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจของเขา แน่ล่ะ...ความรู้สึกบางอย่าง มันอาจถูกเก็บเอาไว้ภายในส่วนลึกสุดของหัวใจ ทากเมื่อใดก็ตามที่มันพร้อมจะเปิดเผย ดวงตาทั้งคู่ ก็มักเป็นที่แรกที่แทนคำตอบและความหมายต่างๆ ได้ดีเสมอ...
"ไม่มีวันหน้าหรือวันไหนอีกแล้วมั้ง ไอ้หน้าจืด นายนี่ มันก็แมวขโมยจริง ๆ !"
เสียงประกาศกร้าวที่ดังขึ้นแทบจะทำให้ทั้งณดล และทอยส์เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน หากยังไม่ทันจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาทักท้วง หมัดที่กำแน่นของอีกฝ่ายก็แทบพุ่งใส่หน้าณดล โดยไม่สนใจอะไรต่อไปอีกจนหน้าเขาสะบัดไปตามแรง
"อะไรกันพอล อย่ามาทำตัวเป็นนักเลงอันธพาลในบ้านผมแบบนี้นะ"
"อ้อ ให้ท้ายมัน นี่มันคงมาลอบรัก ลอบกินคุณตลอดสินะ เวลาผมไม่มาหาคุณ ทำไม ขาดมันไม่ได้เลยงั้นเหรอทอยส์ นี่ถ้าผมไม่ย้อนกลับมา ผมจะรู้มั้ยว่าถูกสวมเขาตลอดเวลาน่ะ"
พลั่กกกก...
เสียงหมัดที่กำแน่นอยู่ก่อนหน้านี้เหมือนพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ กลับอัดตรงเข้าใส่หน้าของผู้มาใหม่อย่างพอล จนแทบเซไปหลายก้าว
แน่ล่ะ...มันแรงจนเขาหน้าชา จากนั้นความเจ็บปวดก็ตามมาจนเขาต้องยกมือลูบแก้มกับริมฝีปากหนาๆ ของตัวเองด้วยความเจ็บปวด
ไม่หรอก...เขาไม่ได้ฝันไป คนที่เขารักอย่างทอยส์ เหวี่ยงหมัดตรงใส่เขาเต็มแรงต่อหน้าชายอื่นจริงๆ บ้าชะมัด !
"มันจะมากไปแล้วนะ ทอยส์""มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่คุณทำกับผม ใครกันแน่ที่ปันใจกัน ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีคนใหม่ซุกไว้ที่ทำไว้ที่ทำงาน รู้ตลอดว่าคุณพาใครอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกินข้าวร้านหรูอยู่เป็นประจำ ผมยอมไม่มีใครซะดีกว่า ที่จะกลายเป็นคนไร้ค่า มีแฟนเห็นแก่ตัวแบบคุณ กลับไปซะเถอะพอล แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ""นี่คุณไล่ผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะทอยส์ ได้ !ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ตามใจคุณเลย ระวังหน่อยแล้วกัน เกิดคุณฮีทขึ้นมา อย่าโทร.ตามผมกลับมาแล้วกัน"ทอยส์ ถึงกับส่ายหน้า พูดไม่ออกกับถ้อยประโยคนั้นของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากบ้านของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ณดลถึงกับสตั๊นไป กับคำพูดประโยคท้ายของหนุ่มพอลนั่นโอเมก้า งั้นเหรอ !ณดลใจหายวาบ สีหน้าเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นทอยส์ทิ้งตัวลงฟุบหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง เขายิ่งพลอยเศร้าไปด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ เลย"ทอยส์ครับ...เอ้อ ผมขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายแบบนี้ คุณเป็นอะไรมากมั้ย""คุณต่างหาก เจ็บมากมั้ย""ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร เจ็บแค่ไหนก็ทนได้"คนบอกทนได้ แทบซู้ดปากเอาเหมือนกัน"ปากคุณแตก เลือดซ
แทบทุกคนหันไปตามเสียง เป็นตาเดียวกัน !หากใครก็คงไม่ตื่นตกใจ เท่าณดลอีกแล้วล่ะ เพราะหนุ่มน้อยคนนั้น ใช่คุ้นเคยแต่เสียง หากเพียงเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็แทบกระโดดกอดหนุ่มน้อยนั่นเลยทีเดียวถ้าทำได้"ทอยส์ !"ไม่ผิดหรอก ทอยส์จริงๆ นั่นล่ะ เขาไม่ได้ฝันไปเลยสักนิด โลกสว่างไสวสดใส กว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าทีเดียว"คุณณดล...""มา ๆ ให้ผมช่วย อย่าเพิ่งถามอะไร รถกำลังจะออกแล้วครับ"ณดลยื่นมือไปรับกระเป๋าใบโตจากทอยส์ ก่อนลุงเวกจะปิดประตูรถ และค่อยเคลื่อนรถออกไปจากที่หมายอย่างช้าๆ แล้วค่อยเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก...ณดลพาเด็กหนุ่มไปนั่งลงตรงที่ว่างไม่ท่างจากเขานัก ก่อนจะจับเอาสัมภาระวางลงบนชั้นเหนือศีรษะให้อีกฝ่ายค่อยคลายกังวล ถอดหมวกออกพัดให้ลมกับตัวเอง"ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณมาเที่ยวทริปนี้ด้วย""ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมเป็นไกด์ เอ้อ ไกด์จำเป็นน่ะ ที่นี่เป็นบริษัททัวร์ของเพื่อนผม แล้วมันติดธุระเลยขอให้ผมมาแทน""ก็ดีนี่ครับ มีรายได้เข้ากระเป๋า""นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับที่ผมได้เจอคุณหรอกนะ ทอยส์"เหมือนจะฟังดูเศร้า หากเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มกลับทำหน้าเข้มๆ ดุ ๆ ใส่อีกฝ่าย ราวกับทอยส์เป็นน้อ
ทำเลดีจัง!ทอยส์ บอกกับตัวเอง เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพัก และพบว่าห้องพักนั้นอยู่ริมสุด และด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขา อากาศดียิ่งกว่าตอนยืนอยู่หน้าท่าเทียบเรือไม่รู้กี่เท่า...แต่จะดีกว่านี้ ถ้าทอยส์ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วเดินไปชมภาพตะวันตกทะเลในยามใกล้ค่ำก่อนมาห้องพัก เสียงของณดล ประกาศกับกรุ๊ปทัวร์อีกว่า ทุกคนต่างมีเวลาก่อนค่ำ ในการพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนไปรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร และสันทนาการก่อกองไฟริมทะเลร่วมกันอีกครั้งในค่ำคืนนั้น พร้อมการแสดงโชว์อีกมากมาย เรียกว่ามากับทริปนี้แล้วไม่เสียหลาย ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ทอยส์บอกกับตัวเองก่อนเปิดประตูเข้าไป อดนึกถึงคำขู่ของขายหนุ่มที่ตะโกนไล่หลังมาไม่ได้"ระวังผีจะหลอกเอา"คนบ้า รู้ว่าอยู่คนเดียว ยังจะมาขู่กันอีกแน่ะ !บ่นไปงั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเปิดม่านรับแสงให้ผ่านเข้ามา เปิดเครื่องปรับ อากาศเบาๆ แล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนลับหายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...หากยังไม่ทันก้าวพันประตูห้องน้ำออกมาดีหรอก ที่เสียงกุกกักดังจากด้านหลังห้องจะดังขึ้น ทอยส์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่กล้าหันกลับไปมอ
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้านนานแล้ว...ทอยส์รู้สึกประหลาดใจ หลายครั้งที่เขาขมวดปลายคิ้วงุนงงสงสัย เสียงอะไรมันดังไม่เลิก ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือในเวลาดีๆ อย่างที่สุด สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบชายหาดตรงระเบียงนั่น เพื่อก้าวเดินออกไปดูให้หายข้องใจหากเพียงก้าวเดินถึงประตูรั้วเท่านั้น เจ้าเหมียวขาวปลอดทั้งตัว ก็แทบจะวิ่งหูกางทางชี้ ขนฟูฟ่องเข้ามาชนน่องขาวๆ ของเขาที่โผล่พันจากกางเกงขาสั้นสบายๆ ในเช้าวันหยุด จนต้องก้มลงมองพร้อม ๆ กับรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่มองประจันหน้าจากภายนอกโฮ่ง...โฮ่ง...เสียงสุนัขตัวเขื่อง เท่าเสียงดังขึ้น ทำเอาปลายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ บ้านรั้วติดกันนั่น ปล่อยขายและให้เช่า จนเกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกก็อดสะดุดกับใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ที่ทำเอาใจเต้นแรกขึ้นมาไม่ได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามดึงใจตัวเองกลับ บอกตัวเองด้วยว่านั่นน่ะ ! ตัวต้นเหตุที่ทำเจ้าเหมียวน้อยของเขาวิ่งขนฟูกลับมาบ้านเชียวนะ"นี่มันอะไรกัน คุณเป็นใคร..มาทำอะไรลั
เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุดหากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"ไ
ทำเลดีจัง!ทอยส์ บอกกับตัวเอง เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพัก และพบว่าห้องพักนั้นอยู่ริมสุด และด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขา อากาศดียิ่งกว่าตอนยืนอยู่หน้าท่าเทียบเรือไม่รู้กี่เท่า...แต่จะดีกว่านี้ ถ้าทอยส์ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วเดินไปชมภาพตะวันตกทะเลในยามใกล้ค่ำก่อนมาห้องพัก เสียงของณดล ประกาศกับกรุ๊ปทัวร์อีกว่า ทุกคนต่างมีเวลาก่อนค่ำ ในการพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนไปรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร และสันทนาการก่อกองไฟริมทะเลร่วมกันอีกครั้งในค่ำคืนนั้น พร้อมการแสดงโชว์อีกมากมาย เรียกว่ามากับทริปนี้แล้วไม่เสียหลาย ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ทอยส์บอกกับตัวเองก่อนเปิดประตูเข้าไป อดนึกถึงคำขู่ของขายหนุ่มที่ตะโกนไล่หลังมาไม่ได้"ระวังผีจะหลอกเอา"คนบ้า รู้ว่าอยู่คนเดียว ยังจะมาขู่กันอีกแน่ะ !บ่นไปงั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเปิดม่านรับแสงให้ผ่านเข้ามา เปิดเครื่องปรับ อากาศเบาๆ แล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนลับหายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...หากยังไม่ทันก้าวพันประตูห้องน้ำออกมาดีหรอก ที่เสียงกุกกักดังจากด้านหลังห้องจะดังขึ้น ทอยส์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่กล้าหันกลับไปมอ
แทบทุกคนหันไปตามเสียง เป็นตาเดียวกัน !หากใครก็คงไม่ตื่นตกใจ เท่าณดลอีกแล้วล่ะ เพราะหนุ่มน้อยคนนั้น ใช่คุ้นเคยแต่เสียง หากเพียงเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็แทบกระโดดกอดหนุ่มน้อยนั่นเลยทีเดียวถ้าทำได้"ทอยส์ !"ไม่ผิดหรอก ทอยส์จริงๆ นั่นล่ะ เขาไม่ได้ฝันไปเลยสักนิด โลกสว่างไสวสดใส กว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าทีเดียว"คุณณดล...""มา ๆ ให้ผมช่วย อย่าเพิ่งถามอะไร รถกำลังจะออกแล้วครับ"ณดลยื่นมือไปรับกระเป๋าใบโตจากทอยส์ ก่อนลุงเวกจะปิดประตูรถ และค่อยเคลื่อนรถออกไปจากที่หมายอย่างช้าๆ แล้วค่อยเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก...ณดลพาเด็กหนุ่มไปนั่งลงตรงที่ว่างไม่ท่างจากเขานัก ก่อนจะจับเอาสัมภาระวางลงบนชั้นเหนือศีรษะให้อีกฝ่ายค่อยคลายกังวล ถอดหมวกออกพัดให้ลมกับตัวเอง"ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณมาเที่ยวทริปนี้ด้วย""ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมเป็นไกด์ เอ้อ ไกด์จำเป็นน่ะ ที่นี่เป็นบริษัททัวร์ของเพื่อนผม แล้วมันติดธุระเลยขอให้ผมมาแทน""ก็ดีนี่ครับ มีรายได้เข้ากระเป๋า""นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับที่ผมได้เจอคุณหรอกนะ ทอยส์"เหมือนจะฟังดูเศร้า หากเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มกลับทำหน้าเข้มๆ ดุ ๆ ใส่อีกฝ่าย ราวกับทอยส์เป็นน้อ
"มันจะมากไปแล้วนะ ทอยส์""มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่คุณทำกับผม ใครกันแน่ที่ปันใจกัน ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีคนใหม่ซุกไว้ที่ทำไว้ที่ทำงาน รู้ตลอดว่าคุณพาใครอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกินข้าวร้านหรูอยู่เป็นประจำ ผมยอมไม่มีใครซะดีกว่า ที่จะกลายเป็นคนไร้ค่า มีแฟนเห็นแก่ตัวแบบคุณ กลับไปซะเถอะพอล แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ""นี่คุณไล่ผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะทอยส์ ได้ !ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ตามใจคุณเลย ระวังหน่อยแล้วกัน เกิดคุณฮีทขึ้นมา อย่าโทร.ตามผมกลับมาแล้วกัน"ทอยส์ ถึงกับส่ายหน้า พูดไม่ออกกับถ้อยประโยคนั้นของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากบ้านของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ณดลถึงกับสตั๊นไป กับคำพูดประโยคท้ายของหนุ่มพอลนั่นโอเมก้า งั้นเหรอ !ณดลใจหายวาบ สีหน้าเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นทอยส์ทิ้งตัวลงฟุบหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง เขายิ่งพลอยเศร้าไปด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ เลย"ทอยส์ครับ...เอ้อ ผมขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายแบบนี้ คุณเป็นอะไรมากมั้ย""คุณต่างหาก เจ็บมากมั้ย""ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร เจ็บแค่ไหนก็ทนได้"คนบอกทนได้ แทบซู้ดปากเอาเหมือนกัน"ปากคุณแตก เลือดซ
"จะบ้าเหรอคุณ ผมก็แค่เรียนศิลปกรรมมาเท่านั้น ไม่ใช่สัปเหร่ออะไรอย่างที่คุณว่าซะหน่อย คุณนี่หัดมองในทางสร้างสรรค์หน่อยไม่ได้หรือนะ"เขาขยับตัวลุกขึ้น เหลียวซ้ายมองขวาหาสายยางที่พอจะเปิดน้ำล้างมือได้บ้าง ขณะที่ทอยส์มองตามอย่างรู้ทัน"อยู่มุมโน้นครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วกัน"ทอยส์บอกกับเขาอย่างนั้นก่อนหมุนตัวไปเปิดน้ำให้ ซึ่งดูเหมือนจะเปิดแรงเกินไปหน่อย สายยางดิ้นไปมา น้ำที่พุ่งแรงทำให้เสื้อผ้าเขาเปียกปอนไปหมด"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ""ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนาจะเอาคืนผมล่ะสิ คนเรานะอุตส่าห์มาช่วยฝังเจ้าเหมียวให้ ยังไม่ได้ยินคำขอบคุณสักคำ""ผมก็ไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากคุณเหมือนกันแหละ ที่เป็นตันเหตุทำให้เจ้าเหมียวของผมตายน่ะ"เริ่มเปิดฉากถกเถียงกันอีกครั้ง หากครั้งนี้ เขาทำหน้าเหมือนนึกได้ เพราะปลาทูตัวนั้นเป็นต้นเหตุให้แมวของทอยส์ต้องจบชีวิตจริงๆ"จริงสิ เพราะมันกินปลาทูของผม ผมต้องสืบให้ได้ ว่าทำไมในปลาทูถึงมีพิษ""พักเรื่องนักสืบของคุณไว้ก่อนเถอะ เสื้อผ้าคุณเปียกขนาดนี้ ผมว่าถอดมันผึ่งแดดเอาไว้ก่อนดีมั้ย เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณแทนการขอบคุณแล้วกัน""อืมม์ ค่อยน่ารักหน่อย"ชายหนุ่มบ่นพึมพ
เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุดหากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"ไ
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้านนานแล้ว...ทอยส์รู้สึกประหลาดใจ หลายครั้งที่เขาขมวดปลายคิ้วงุนงงสงสัย เสียงอะไรมันดังไม่เลิก ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือในเวลาดีๆ อย่างที่สุด สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบชายหาดตรงระเบียงนั่น เพื่อก้าวเดินออกไปดูให้หายข้องใจหากเพียงก้าวเดินถึงประตูรั้วเท่านั้น เจ้าเหมียวขาวปลอดทั้งตัว ก็แทบจะวิ่งหูกางทางชี้ ขนฟูฟ่องเข้ามาชนน่องขาวๆ ของเขาที่โผล่พันจากกางเกงขาสั้นสบายๆ ในเช้าวันหยุด จนต้องก้มลงมองพร้อม ๆ กับรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่มองประจันหน้าจากภายนอกโฮ่ง...โฮ่ง...เสียงสุนัขตัวเขื่อง เท่าเสียงดังขึ้น ทำเอาปลายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ บ้านรั้วติดกันนั่น ปล่อยขายและให้เช่า จนเกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกก็อดสะดุดกับใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ที่ทำเอาใจเต้นแรกขึ้นมาไม่ได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามดึงใจตัวเองกลับ บอกตัวเองด้วยว่านั่นน่ะ ! ตัวต้นเหตุที่ทำเจ้าเหมียวน้อยของเขาวิ่งขนฟูกลับมาบ้านเชียวนะ"นี่มันอะไรกัน คุณเป็นใคร..มาทำอะไรลั