เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...
เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน
"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"
อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุด
หากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะ
ใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !
"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"
ได้ยินแว่วๆ จำได้ว่าเป็นเสียงของหนุ่มหน้าละอ่อนข้างบ้าน ทำเอาปรี๊ดได้แต่เช้าอีกเหมือนกัน ก็นึกว่าเลือกบ้านเช่าทำเลดีสุดในจักรวาลแล้วนะ ยังจะต้องมารบกับบ้านใกล้เรือนเคียงทุกวี่วันเสียอีก
ลำพังรบยังไม่เท่าไหร่ นี่ยังจะหาคุกให้อีกต่างหาก ฆาตกรอะไรที่ไหนกันล่ะหว่า...
ณดล ถามตัวเอง ยกมือขึ้นเกาหัวแกร๊ก ๆ ขณะก้าวเดินออกไปทางหน้าบ้าน แล้วก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าเดิม ๆ ผมเผ้ายับยุ่งเหมือนเดิม จะต่างไปบ้างก็ตรงที่ยืนตาบวมปูดอยู่ตรงหน้านี่ล่ะ
"อ้าว คุณนั่นเอง อะไรอีก ถึงมายืนโวยวายอยู่หน้าบ้านผมแบบนี้ แล้วนั่นอะไร คุณหอบหิ้วอะไรมา"
"อยากรู้ ก็แหกตาดูเอาเองสิ"
เด็กหนุ่มที่อยู่เพียงขอบรั้วไม้เตี้ยๆ กั้นกลางระหว่างกัน แทบจะยื่นส่งห่อผ้าขาว ๆ นั่นให้เขามองเห็นถนัดชัดเจนขึ้น หากเพียงณดลก้มลงมอง เขาก็แทบผงะ ตาสว่างในบัดดลเลยทีเดียว
"เฮ้ย...นี่มัน..เจ้าแมวขโมยเมื่อเช้านี่"
"ก็ใช่ไง...คุณมันคนบาป ชั่วโฉดโหดร้ายที่สุด คิดจะวางยาเบื่อแมว แค่เรื่องมันไปขโมยของกินเนี่ยนะ"
"เฮ้ย ผมเปล่านะ ผมจะวางยามันทำไม คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงผมจะไม่ชอบให้มันมาขโมยปลาปลาทูผมกิน แต่คนอย่างผม ก็ไม่เคยใจบาปขนาดนั้นหรอก"
"คุณไม่ใจบาป แล้วทำไมแมวฉันถึงตายล่ะ"
“ห๊ะ ! ถึงตายเลยเหรอ นี่มันไม่ธรรมตาแล้วนะ เดี๋ยวๆ ปลาทูนั่น ไม่ใช่ของผม"
"เอ้า ! คุณนี่ยังจะไปได้น้ำขุ่น ๆ ปลาทูมันอยู่ในบ้านคุณ คุณยังพูดได้อีกนะว่าไม่ใช่ของคุณ"
"ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ปลาทูนั่น...เอ้อ!มีคนเอามาให้ผม"
"มีคนเอามาให้คุณ...อย่างนั้นเหรอ”
"ใช่ เพื่อนสาวของผมเอง"
“อ้อ ! เหอะ...สมล่ะ ถ้างั้นให้ผมเดานะ คุณนี่คงเจ้าประตูดิน จีบสาวไม่เลือก เขาถึงได้เอาปลาทูแช่แข็งผสมยาพิษมาให้คุณกินแบบนี้ เวรกรรมของเจ้าสีนวลของผมแท้ๆ ที่ต้องมาตายแทนคุณแบบนี้"
พูดจบ น้ำตาลูกผู้ชายก็หลั่งริน ให้ณดลถึงกับสะท้อนใจ เห็นภาพอีกฝ่าย ร้องไห้จนตาบวมปูด ป้ายน้ำตาทิ้งลวกๆ ก็ให้นึกสงสาร ซ้ำยังรู้สึกผิดได้อีก ก่อนทอดถอนใจออกมา เมื่อเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างที่หันหลังจะก้าวเดินจากไป จนเขาแทบกระโจนข้ามรั้วไม้เตี้ยๆ แล้วรีบฉวยข้อมืออีกฝ่ายเอาก่อนอย่างลืมตัว
"เดี๋ยวก่อนสิคุณ...ผม เอ้อ...ผมขอโทษ ผมเสียใจด้วย แต่ผม..."
"คุณก็แค่เสียใจ แต่สำหรับผม มันมากกว่าความเสียใจไม่รู้เท่าไหร่เลยนะ...เจ้าสีนวล มันเป็นเพื่อนที่มีอยู่ของผม ผมเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เสียอีก"
ทอยส์ พูดเพียงเท่านั้น ก็ก้าวเดินจากไป หลังสะบัดมือจากเขา ให้ณดล ได้แต่มองตาม รู้สึกผิด พร้อม ๆ กับรู้สึกเหงาหงอยไปด้วย ให้ตายเถอะ ! ภายในวันเดียว เขาเจอเรื่องอะไรมากมายได้ขนาดนี้นะ อะไรก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสียจริง
ณดล ยืนนิ่งอึ้งอยู่นาน พักหนึ่งเชียวละกว่าที่เขาจะรีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแสนสุภาพ แล้วก้าวเดินผ่านทุ่งหญ้าที่กั้นกลางระหว่างบ้านเขากับบ้านของอีกฝ่ายไป หากปลายคิ้วหนาๆ ของเขาก็อดขมวดมุ่นนิดหนึ่งไม่ได้ เมื่อเห็นรถเก๋งคันงามที่จอดอยู่หน้าบ้านของอีกฝ่าย รถใครวะ !
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็หยุดชะงักไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ลืมความตั้งใจของตัวเอง ที่จะมาปลอบโยนอีกฝ่ายเรื่องเจ้าเหมียวน้อยนั่น และไม่ลืมที่จะเด็ดดอกไม้สวย ๆ หอม ๆ จากหน้าบ้านเขามาด้วย หากเมื่อก้าวพันประตูรั้วเข้าไป เขาก็แทบหยุดกึกอีกครั้งเพราะเสียงทุ้ม ๆ ของชายหนุ่มอีกคนนั่น
"อย่าไร้สาระไปหน่อยเลยน่าคุณ ก็แค่แมวตายตัวเดียว คุณตีโพยตีพายร้องห่มร้องไห้จนผมต้องเสียงานเสียการมาถึงที่นี่ ไม่ไหวเลยนะทอยส์ หัดทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กว่านี้หน่อยดีมั้ย"
ณคล แทบลืมหายใจ อดนึกถึงตอนตัวเองโวยวายไล่ฝ่ายนั้นไม่ได้ เรานี่ก็คงดูร้ายกาจในสายตาเขาไม่ต่างกันเลยนะ ที่สำคัญ การได้ค้นพบว่า ที่เขาหลีกหนีความวุ่นวายของโลกภายนอกมาอยู่ที่นี่ เพราะตัวเขาเอง ไม่อยากอยู่ในโลกที่หลายคนไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น อัลฟ่า เขาก็แค่อัลฟ่าคนหนึ่งบนโลกใบนี้เท่านั้น เพียงแต่เขาไม่คาดฝันเท่านั้น ว่าจะได้มาเจอกับเด็กหนุ่มอีกคน ที่แฟนหนุ่มมาคอยดูแล เด็กหนุ่มคนนั้น ชื่อทอยส์ สินะ
หรือเพราะเหตุนี้ ทอยส์ ถึงเลือกบ้านเช่าที่อยู่ลึกลับ สงบเงียบเรียบง่ายไม่ต่างกัน
"คุณไม่ไหว แล้วผมจะไหวมั้ยล่ะ ผมโทร. เรียกคุณมา เพราะต้องการกำลังใจนะ ไม่ได้ต้องการคำตำหนิด่าว่าสารพัดที่บั่นทอนจิตใจผมแบบนี้”
"ถ้างั้นคุณก็หยุดร้องไห้คร่ำครวญซะทีสิทอยส์ ผมรำคาญ เพราะผมก็ไม่ได้มาเพื่อต้องการฟังเสียงสะอื้นของคุณเหมือนกันนะ"
"รำคาญมากนัก ก็เชิญคุณกลับไปเลยไป ฉันมันงี่เง่าไร้สาระ ไหนจะเหมือนคู่ขาคนอื่นๆ ที่คุณเคยคบ เคยเจอมาล่ะ ถ้ามันจะน่ารำคาญขนาดนั้น เราเลิกๆ กันไปเลยดีมั้ย"
"ผมไม่ได้มาเพื่อขอเลิกกับคุณนะ นี่มันคนละเรื่องกันแล้ว"
"แต่ผมว่ามันเรื่องเดียวกัน เพราะในเมื่อเราไปด้วยกันไม่ได้ ก็อย่าฝืนเพื่อผู้ใหญ่ไปหน่อยเลยพอล คุณกลับไปเถอะ”
"คุณไล่ผมเองนะ จำไว้ด้วย...ผมไม่ได้เป็นคนผิดที่คิดจะก้าวออกไปจากชีวิตของคุณ"
หลังคำประกาศกร้าวท่าทางเอาจริงของอีกฝ่าย ใช่เพียงคำขู่ เพราะณดลเอง ยังกระโดดหลบแทบไม่ทันเมื่อฝ่ายนั้นผลุนผลันออกจากบ้านไป เวลานั้น...เขาทำตัวกลมกลืนกับพุ่มไม้หน้าบ้านนั่นอย่างที่สุด จนแน่ใจว่ารถเก๋งคันนั้นได้ขับผ่านออกไปจากซอยบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาจึงค่อยพ่นลมออกจากปากแรง ๆ อย่างโล่งอกโล่งใจ แล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้าน
ห้วงเวลานั้น เขาพบว่าอีกฝ่ายกำลังขุดหลุมเตรียมฝังเจ้าเหมียวน้อยแสนรักอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ใบหน้าของทอยส์หม่นเศร้า จนเขารู้สึกผิด เป็นเขาคงรู้สึกแย่ที่ต้องมาเจอเรื่องดราม่าสารพัดในเวลามันใกล้กันแบบนี้
"ให้ผมช่วยนะครับ..."
ณดลเอ่ยประโยคนั้นออกมาให้ทอยส์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง และโดยที่ยังไม่ทันได้ให้คำตอบใดๆ จอบในมือของทอยส์ ก็ถูกมือหนาๆ ของใครอีกคนคว้าเอาไปจัดการต่อ โดยไม่รอคำตอบด้วยความลังเลใจหรือประหลาดใจใดๆ สักนิด
"นี่คุณจะตามราวีผมไปถึงไหนนะ”
"ผมราวีคุณที่ไหน ผมตั้งใจเอาดอกไม้มาวางไว้ให้เจ้าเหมียวต่างหาก แต่ในเมื่อคุณยังจัดการสุสานให้มันไม่เสร็จ ผมก็ต้องยื่นมือมาช่วยจริงมั้ย ใจคอจะให้ผมยืนดูดายได้ไง ถึงผมจะไม่ใช่เจ้าของปลาทูตัวจริง ผมก็รู้สึกผิดกับคุณอยู่ดี”
ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น เขาพูดโดยไม่มองหน้า เพราะยังคงใช้จอบฟันดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเห็นว่าหลุมกว้างโตได้ที่แล้ว เขาก็รีบยื่นมือออกไปหาทอยส์
"ส่งเจ้าเหมียวมาให้ผมเถอะคุณ ได้เวลาส่งมันกลับดาวแมวแล้วล่ะ"
ทอยส์ ยื่นส่งร่างเจ้าเหมียวน้อยในห่อผ้าขาวสะอาดให้ ดวงตาที่แห้งผากปราศจากน้ำตา กลับไหลรินลงมาอีกครั้ง
“เดินทางปลอดภัยนะลูก สีนวล”
"เอ้า คุณ เลิกร้องไห้ได้แล้ว คุณเคยได้ยินรึเปล่าที่เขาบอกว่าอย่าให้น้ำตาตกลงในหลุมศพน่ะ เดี๋ยวเจ้าเหมียวมันไม่ไปเกิดนะ"
ความไม่รู้จะปลอบโยนทอยส์ยังไงดี เขาเลยเลือกที่จะปลอบแกมขู่ไปด้วย เผื่อว่าอีกฝ่ายจะหยุดร้องไห้เสียที น้ำตาของทอยส์มันทำเอาเขาใจคอไม่ดีเลย
"ก็ดีสิ ผมจะได้มีมันเป็นเพื่อน ไม่ต้องเหงาแบบนี้"
"คุณเหงาเหรอ"
"งั้นสิ ผมอยู่คนเดียวนะ ผมไม่ได้..."
"ไม่ได้อะไร...อ้อ คุณคงจะพูดว่าไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนอย่างนั้นใช่มั้ย ผมเข้าใจแล้วน่า เพราะตะกี้ ผมก็เห็นแล้วว่าแฟนหนุ่มของคุณ เขาฉุนเฉียวออกไป แต่เดี๋ยวเขาก็ต้องกลับมาใหม่ เชื่อเถอะ เขาคงแค่งอนคุณน่ะ"
อัลฟ่าหนุ่มอย่างณดล พูดไปเรื่อยให้ทอยส์ถึงกับเลิกคิ้วสูงสูง คาดไม่ถึงในสิ่งที่เขาบรรยายออกมาได้ละเอียดลออขนาดนั้น
"อะไรนะ นี่คุณ..แอบฟังผมกับ เอ้อ..พอลคุยกันเหรอ"
"ผมไม่ได้แอบ ผมได้ยินเต็มสองหู ตอนผมเดินเข้ามาต่างหาก จะบอกอะไรให้ แบบนั้นเขาไม่เรียกคุยแล้ว เขาเรียกทะเลาะ เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านขนาดนั้น แต่ก็ช่างเถอะคุณ...เอาเรื่องเจ้าเหมียวก่อนดีมั้ยมันควรสงบสุขได้แล้วละ"
เขาไม่รีรออะไรอีกต่อไปตามเคย นอกจากกลบหน้าดินลงไป ยังใช้จอบกระทุ้งสองสามที จากนั้นเขาก็บรรจงวางดอกไม้ที่เก็บมาตกแต่งอย่างสวยงามให้ทอยส์เผลอมอง แล้วยิ้มอ่อนออกมาได้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกขณะนั้น อย่างน้อย เขาก็ทำให้ทอยส์พอจะลืมความเศร้าไปได้ชั่วขณะนั่นล่ะ
"เออนะ คุณนี่ สงสัยจะเคยเป็นสัปเหร่อเก่าแน่ ๆ"
ณดลทำพิธีกรรมเล็กๆ นั่นเสร็จสิ้นพอดี เขาเงยหน้าขึ้นแล้วถึงกับส่ายหัว ให้กับความคิดของเด็กหนุ่มตรงหน้า
คนอะไรคิดแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ขอประชดหน่อยเถอะ !
"จะบ้าเหรอคุณ ผมก็แค่เรียนศิลปกรรมมาเท่านั้น ไม่ใช่สัปเหร่ออะไรอย่างที่คุณว่าซะหน่อย คุณนี่หัดมองในทางสร้างสรรค์หน่อยไม่ได้หรือนะ"เขาขยับตัวลุกขึ้น เหลียวซ้ายมองขวาหาสายยางที่พอจะเปิดน้ำล้างมือได้บ้าง ขณะที่ทอยส์มองตามอย่างรู้ทัน"อยู่มุมโน้นครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วกัน"ทอยส์บอกกับเขาอย่างนั้นก่อนหมุนตัวไปเปิดน้ำให้ ซึ่งดูเหมือนจะเปิดแรงเกินไปหน่อย สายยางดิ้นไปมา น้ำที่พุ่งแรงทำให้เสื้อผ้าเขาเปียกปอนไปหมด"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ""ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนาจะเอาคืนผมล่ะสิ คนเรานะอุตส่าห์มาช่วยฝังเจ้าเหมียวให้ ยังไม่ได้ยินคำขอบคุณสักคำ""ผมก็ไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากคุณเหมือนกันแหละ ที่เป็นตันเหตุทำให้เจ้าเหมียวของผมตายน่ะ"เริ่มเปิดฉากถกเถียงกันอีกครั้ง หากครั้งนี้ เขาทำหน้าเหมือนนึกได้ เพราะปลาทูตัวนั้นเป็นต้นเหตุให้แมวของทอยส์ต้องจบชีวิตจริงๆ"จริงสิ เพราะมันกินปลาทูของผม ผมต้องสืบให้ได้ ว่าทำไมในปลาทูถึงมีพิษ""พักเรื่องนักสืบของคุณไว้ก่อนเถอะ เสื้อผ้าคุณเปียกขนาดนี้ ผมว่าถอดมันผึ่งแดดเอาไว้ก่อนดีมั้ย เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณแทนการขอบคุณแล้วกัน""อืมม์ ค่อยน่ารักหน่อย"ชายหนุ่มบ่นพึมพ
"มันจะมากไปแล้วนะ ทอยส์""มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่คุณทำกับผม ใครกันแน่ที่ปันใจกัน ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีคนใหม่ซุกไว้ที่ทำไว้ที่ทำงาน รู้ตลอดว่าคุณพาใครอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกินข้าวร้านหรูอยู่เป็นประจำ ผมยอมไม่มีใครซะดีกว่า ที่จะกลายเป็นคนไร้ค่า มีแฟนเห็นแก่ตัวแบบคุณ กลับไปซะเถอะพอล แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ""นี่คุณไล่ผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะทอยส์ ได้ !ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ตามใจคุณเลย ระวังหน่อยแล้วกัน เกิดคุณฮีทขึ้นมา อย่าโทร.ตามผมกลับมาแล้วกัน"ทอยส์ ถึงกับส่ายหน้า พูดไม่ออกกับถ้อยประโยคนั้นของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากบ้านของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ณดลถึงกับสตั๊นไป กับคำพูดประโยคท้ายของหนุ่มพอลนั่นโอเมก้า งั้นเหรอ !ณดลใจหายวาบ สีหน้าเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นทอยส์ทิ้งตัวลงฟุบหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง เขายิ่งพลอยเศร้าไปด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ เลย"ทอยส์ครับ...เอ้อ ผมขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายแบบนี้ คุณเป็นอะไรมากมั้ย""คุณต่างหาก เจ็บมากมั้ย""ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร เจ็บแค่ไหนก็ทนได้"คนบอกทนได้ แทบซู้ดปากเอาเหมือนกัน"ปากคุณแตก เลือดซ
แทบทุกคนหันไปตามเสียง เป็นตาเดียวกัน !หากใครก็คงไม่ตื่นตกใจ เท่าณดลอีกแล้วล่ะ เพราะหนุ่มน้อยคนนั้น ใช่คุ้นเคยแต่เสียง หากเพียงเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็แทบกระโดดกอดหนุ่มน้อยนั่นเลยทีเดียวถ้าทำได้"ทอยส์ !"ไม่ผิดหรอก ทอยส์จริงๆ นั่นล่ะ เขาไม่ได้ฝันไปเลยสักนิด โลกสว่างไสวสดใส กว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าทีเดียว"คุณณดล...""มา ๆ ให้ผมช่วย อย่าเพิ่งถามอะไร รถกำลังจะออกแล้วครับ"ณดลยื่นมือไปรับกระเป๋าใบโตจากทอยส์ ก่อนลุงเวกจะปิดประตูรถ และค่อยเคลื่อนรถออกไปจากที่หมายอย่างช้าๆ แล้วค่อยเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก...ณดลพาเด็กหนุ่มไปนั่งลงตรงที่ว่างไม่ท่างจากเขานัก ก่อนจะจับเอาสัมภาระวางลงบนชั้นเหนือศีรษะให้อีกฝ่ายค่อยคลายกังวล ถอดหมวกออกพัดให้ลมกับตัวเอง"ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณมาเที่ยวทริปนี้ด้วย""ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมเป็นไกด์ เอ้อ ไกด์จำเป็นน่ะ ที่นี่เป็นบริษัททัวร์ของเพื่อนผม แล้วมันติดธุระเลยขอให้ผมมาแทน""ก็ดีนี่ครับ มีรายได้เข้ากระเป๋า""นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับที่ผมได้เจอคุณหรอกนะ ทอยส์"เหมือนจะฟังดูเศร้า หากเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มกลับทำหน้าเข้มๆ ดุ ๆ ใส่อีกฝ่าย ราวกับทอยส์เป็นน้อ
ทำเลดีจัง!ทอยส์ บอกกับตัวเอง เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพัก และพบว่าห้องพักนั้นอยู่ริมสุด และด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขา อากาศดียิ่งกว่าตอนยืนอยู่หน้าท่าเทียบเรือไม่รู้กี่เท่า...แต่จะดีกว่านี้ ถ้าทอยส์ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วเดินไปชมภาพตะวันตกทะเลในยามใกล้ค่ำก่อนมาห้องพัก เสียงของณดล ประกาศกับกรุ๊ปทัวร์อีกว่า ทุกคนต่างมีเวลาก่อนค่ำ ในการพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนไปรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร และสันทนาการก่อกองไฟริมทะเลร่วมกันอีกครั้งในค่ำคืนนั้น พร้อมการแสดงโชว์อีกมากมาย เรียกว่ามากับทริปนี้แล้วไม่เสียหลาย ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ทอยส์บอกกับตัวเองก่อนเปิดประตูเข้าไป อดนึกถึงคำขู่ของขายหนุ่มที่ตะโกนไล่หลังมาไม่ได้"ระวังผีจะหลอกเอา"คนบ้า รู้ว่าอยู่คนเดียว ยังจะมาขู่กันอีกแน่ะ !บ่นไปงั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเปิดม่านรับแสงให้ผ่านเข้ามา เปิดเครื่องปรับ อากาศเบาๆ แล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนลับหายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...หากยังไม่ทันก้าวพันประตูห้องน้ำออกมาดีหรอก ที่เสียงกุกกักดังจากด้านหลังห้องจะดังขึ้น ทอยส์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่กล้าหันกลับไปมอ
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้านนานแล้ว...ทอยส์รู้สึกประหลาดใจ หลายครั้งที่เขาขมวดปลายคิ้วงุนงงสงสัย เสียงอะไรมันดังไม่เลิก ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือในเวลาดีๆ อย่างที่สุด สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบชายหาดตรงระเบียงนั่น เพื่อก้าวเดินออกไปดูให้หายข้องใจหากเพียงก้าวเดินถึงประตูรั้วเท่านั้น เจ้าเหมียวขาวปลอดทั้งตัว ก็แทบจะวิ่งหูกางทางชี้ ขนฟูฟ่องเข้ามาชนน่องขาวๆ ของเขาที่โผล่พันจากกางเกงขาสั้นสบายๆ ในเช้าวันหยุด จนต้องก้มลงมองพร้อม ๆ กับรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่มองประจันหน้าจากภายนอกโฮ่ง...โฮ่ง...เสียงสุนัขตัวเขื่อง เท่าเสียงดังขึ้น ทำเอาปลายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ บ้านรั้วติดกันนั่น ปล่อยขายและให้เช่า จนเกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกก็อดสะดุดกับใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ที่ทำเอาใจเต้นแรกขึ้นมาไม่ได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามดึงใจตัวเองกลับ บอกตัวเองด้วยว่านั่นน่ะ ! ตัวต้นเหตุที่ทำเจ้าเหมียวน้อยของเขาวิ่งขนฟูกลับมาบ้านเชียวนะ"นี่มันอะไรกัน คุณเป็นใคร..มาทำอะไรลั
ทำเลดีจัง!ทอยส์ บอกกับตัวเอง เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพัก และพบว่าห้องพักนั้นอยู่ริมสุด และด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขา อากาศดียิ่งกว่าตอนยืนอยู่หน้าท่าเทียบเรือไม่รู้กี่เท่า...แต่จะดีกว่านี้ ถ้าทอยส์ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วเดินไปชมภาพตะวันตกทะเลในยามใกล้ค่ำก่อนมาห้องพัก เสียงของณดล ประกาศกับกรุ๊ปทัวร์อีกว่า ทุกคนต่างมีเวลาก่อนค่ำ ในการพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนไปรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร และสันทนาการก่อกองไฟริมทะเลร่วมกันอีกครั้งในค่ำคืนนั้น พร้อมการแสดงโชว์อีกมากมาย เรียกว่ามากับทริปนี้แล้วไม่เสียหลาย ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ทอยส์บอกกับตัวเองก่อนเปิดประตูเข้าไป อดนึกถึงคำขู่ของขายหนุ่มที่ตะโกนไล่หลังมาไม่ได้"ระวังผีจะหลอกเอา"คนบ้า รู้ว่าอยู่คนเดียว ยังจะมาขู่กันอีกแน่ะ !บ่นไปงั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเปิดม่านรับแสงให้ผ่านเข้ามา เปิดเครื่องปรับ อากาศเบาๆ แล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนลับหายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...หากยังไม่ทันก้าวพันประตูห้องน้ำออกมาดีหรอก ที่เสียงกุกกักดังจากด้านหลังห้องจะดังขึ้น ทอยส์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่กล้าหันกลับไปมอ
แทบทุกคนหันไปตามเสียง เป็นตาเดียวกัน !หากใครก็คงไม่ตื่นตกใจ เท่าณดลอีกแล้วล่ะ เพราะหนุ่มน้อยคนนั้น ใช่คุ้นเคยแต่เสียง หากเพียงเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็แทบกระโดดกอดหนุ่มน้อยนั่นเลยทีเดียวถ้าทำได้"ทอยส์ !"ไม่ผิดหรอก ทอยส์จริงๆ นั่นล่ะ เขาไม่ได้ฝันไปเลยสักนิด โลกสว่างไสวสดใส กว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าทีเดียว"คุณณดล...""มา ๆ ให้ผมช่วย อย่าเพิ่งถามอะไร รถกำลังจะออกแล้วครับ"ณดลยื่นมือไปรับกระเป๋าใบโตจากทอยส์ ก่อนลุงเวกจะปิดประตูรถ และค่อยเคลื่อนรถออกไปจากที่หมายอย่างช้าๆ แล้วค่อยเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก...ณดลพาเด็กหนุ่มไปนั่งลงตรงที่ว่างไม่ท่างจากเขานัก ก่อนจะจับเอาสัมภาระวางลงบนชั้นเหนือศีรษะให้อีกฝ่ายค่อยคลายกังวล ถอดหมวกออกพัดให้ลมกับตัวเอง"ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณมาเที่ยวทริปนี้ด้วย""ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมเป็นไกด์ เอ้อ ไกด์จำเป็นน่ะ ที่นี่เป็นบริษัททัวร์ของเพื่อนผม แล้วมันติดธุระเลยขอให้ผมมาแทน""ก็ดีนี่ครับ มีรายได้เข้ากระเป๋า""นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับที่ผมได้เจอคุณหรอกนะ ทอยส์"เหมือนจะฟังดูเศร้า หากเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มกลับทำหน้าเข้มๆ ดุ ๆ ใส่อีกฝ่าย ราวกับทอยส์เป็นน้อ
"มันจะมากไปแล้วนะ ทอยส์""มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่คุณทำกับผม ใครกันแน่ที่ปันใจกัน ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีคนใหม่ซุกไว้ที่ทำไว้ที่ทำงาน รู้ตลอดว่าคุณพาใครอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกินข้าวร้านหรูอยู่เป็นประจำ ผมยอมไม่มีใครซะดีกว่า ที่จะกลายเป็นคนไร้ค่า มีแฟนเห็นแก่ตัวแบบคุณ กลับไปซะเถอะพอล แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ""นี่คุณไล่ผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะทอยส์ ได้ !ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ตามใจคุณเลย ระวังหน่อยแล้วกัน เกิดคุณฮีทขึ้นมา อย่าโทร.ตามผมกลับมาแล้วกัน"ทอยส์ ถึงกับส่ายหน้า พูดไม่ออกกับถ้อยประโยคนั้นของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากบ้านของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ณดลถึงกับสตั๊นไป กับคำพูดประโยคท้ายของหนุ่มพอลนั่นโอเมก้า งั้นเหรอ !ณดลใจหายวาบ สีหน้าเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นทอยส์ทิ้งตัวลงฟุบหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง เขายิ่งพลอยเศร้าไปด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ เลย"ทอยส์ครับ...เอ้อ ผมขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายแบบนี้ คุณเป็นอะไรมากมั้ย""คุณต่างหาก เจ็บมากมั้ย""ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร เจ็บแค่ไหนก็ทนได้"คนบอกทนได้ แทบซู้ดปากเอาเหมือนกัน"ปากคุณแตก เลือดซ
"จะบ้าเหรอคุณ ผมก็แค่เรียนศิลปกรรมมาเท่านั้น ไม่ใช่สัปเหร่ออะไรอย่างที่คุณว่าซะหน่อย คุณนี่หัดมองในทางสร้างสรรค์หน่อยไม่ได้หรือนะ"เขาขยับตัวลุกขึ้น เหลียวซ้ายมองขวาหาสายยางที่พอจะเปิดน้ำล้างมือได้บ้าง ขณะที่ทอยส์มองตามอย่างรู้ทัน"อยู่มุมโน้นครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วกัน"ทอยส์บอกกับเขาอย่างนั้นก่อนหมุนตัวไปเปิดน้ำให้ ซึ่งดูเหมือนจะเปิดแรงเกินไปหน่อย สายยางดิ้นไปมา น้ำที่พุ่งแรงทำให้เสื้อผ้าเขาเปียกปอนไปหมด"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ""ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนาจะเอาคืนผมล่ะสิ คนเรานะอุตส่าห์มาช่วยฝังเจ้าเหมียวให้ ยังไม่ได้ยินคำขอบคุณสักคำ""ผมก็ไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากคุณเหมือนกันแหละ ที่เป็นตันเหตุทำให้เจ้าเหมียวของผมตายน่ะ"เริ่มเปิดฉากถกเถียงกันอีกครั้ง หากครั้งนี้ เขาทำหน้าเหมือนนึกได้ เพราะปลาทูตัวนั้นเป็นต้นเหตุให้แมวของทอยส์ต้องจบชีวิตจริงๆ"จริงสิ เพราะมันกินปลาทูของผม ผมต้องสืบให้ได้ ว่าทำไมในปลาทูถึงมีพิษ""พักเรื่องนักสืบของคุณไว้ก่อนเถอะ เสื้อผ้าคุณเปียกขนาดนี้ ผมว่าถอดมันผึ่งแดดเอาไว้ก่อนดีมั้ย เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณแทนการขอบคุณแล้วกัน""อืมม์ ค่อยน่ารักหน่อย"ชายหนุ่มบ่นพึมพ
เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุดหากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"ไ
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้านนานแล้ว...ทอยส์รู้สึกประหลาดใจ หลายครั้งที่เขาขมวดปลายคิ้วงุนงงสงสัย เสียงอะไรมันดังไม่เลิก ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือในเวลาดีๆ อย่างที่สุด สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบชายหาดตรงระเบียงนั่น เพื่อก้าวเดินออกไปดูให้หายข้องใจหากเพียงก้าวเดินถึงประตูรั้วเท่านั้น เจ้าเหมียวขาวปลอดทั้งตัว ก็แทบจะวิ่งหูกางทางชี้ ขนฟูฟ่องเข้ามาชนน่องขาวๆ ของเขาที่โผล่พันจากกางเกงขาสั้นสบายๆ ในเช้าวันหยุด จนต้องก้มลงมองพร้อม ๆ กับรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่มองประจันหน้าจากภายนอกโฮ่ง...โฮ่ง...เสียงสุนัขตัวเขื่อง เท่าเสียงดังขึ้น ทำเอาปลายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ บ้านรั้วติดกันนั่น ปล่อยขายและให้เช่า จนเกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกก็อดสะดุดกับใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ที่ทำเอาใจเต้นแรกขึ้นมาไม่ได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามดึงใจตัวเองกลับ บอกตัวเองด้วยว่านั่นน่ะ ! ตัวต้นเหตุที่ทำเจ้าเหมียวน้อยของเขาวิ่งขนฟูกลับมาบ้านเชียวนะ"นี่มันอะไรกัน คุณเป็นใคร..มาทำอะไรลั