"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ"
"ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"
ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน
"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ"
"ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ"
"แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้"
"ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"
เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!
"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"
คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ นั่นเอง ให้หญิงสาวถึงกับอึ้งไป
"นี่คุณ อย่าบอกนะว่าเราจะไปมอเตอร์ไซค์กัน"
"งั้นสิคุณ ไปตลาดใกล้ๆ แค่นี้ต้องประหยัด แล้วอีกอย่างรถเยอะๆ แบบนี้ มอเตอร์ไซค์นี่ล่ะเวิร์คสุดแล้ว อ่ะ สวมหมวกกันน็อคก่อน ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้วนะ"
ชายหนุ่มแจกแจงพร้อมส่งหมวกกันน็อกสวมให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนทันไปสวมของตัวเองบ้างแล้วขึ้นคร่อมรถ ติดเครื่องก่อนหันมามองหญิงสาวที่ยังดูลังเลใจ
"เอ้า ! คุณ เรียบร้อยแล้ว ก็โดดขึ้นมาเลยเร็ว ขืนช้า ตลาดวายหมดนะคุณ"
เขาขู่แกมสำทับ ให้หญิงสาวจำต้องต้องก้าวขึ้นไปซ้อนท้ายรถ และโอบรอบเอวชายหนุ่มเอาไว้แทบไม่ทันหลังมอเตอร์ไซค์กระชากตัวทะยานไปข้างหน้ารวดเร็วนั้น ดีนะที่เธอสวมหมวกตามที่เขาส่งให้ ไม่อย่างนั้นละก็ ผมคงจะปลิวไสวไปตีหน้าเขาแน่ ๆ ทีเดียว...
บนเส้นทางอันยาวไกล...
แต่กลับดูใกล้ก็เพราะชายหนุ่มขับรถได้เร็ว กับเส้นทางลัดที่เขาซอกแซกพาเธอเข้าไปนั่นอีกต่างหากที่ทำให้เพียงไม่นานนักทั้งคู่ก็ไปถึงหน้าตลาดเขตเล็กๆ ที่ชายหนุ่มจอดรถให้เธอค่อยก้าวลงไปโดยไม่ลืมเก็บหมวกเรียบร้อย แล้วก็อดยิ้มขันไม่ได้เมื่อหันมามองใบหน้าที่เหงื่อผุดพราวเหนือหน้าผากมนนั่น
"ร้อนล่ะสิ ผมพาคุณมาทรมานรึเปล่าเนี่ย"
พันษาออกปากถาม โดยไม่หวังคำตอบมากนัก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ามาซับเหงื่อให้กับเธอ
"ขอบคุณนะคะ แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ร้อนน่ะ"
"เราต่างติดอยู่กับห้องแอร์มากเกินไปไงคุณ เอาน่า คนเราต้องอดทนมั่ง ไม่งั้นจะอยู่บนโลกร้อนทุกวันนี้ได้ยังไง จริงมั้ยคุณ"
จากนั้น เขาก็แทบฉวยข้อมือเล็กๆ ของหญิงสาวให้ก้าวตามเข้าไปในตลาดสดนั่น เลือกซื้อผัก และเนื้อไก่ หมูตามต้องการ ด้วยท่าทางชำนิชำนาญเสียจนหญิงสาวอดประหลาดใจไม่ได้
เออนะ ก็ออกจะเป็นคุณหนูไม่ต่างไปจากเธอสักเท่าไหร่ แต่ตรงข้ามกลับทำอาหารได้หลากหลายชนิดจนเธอแอบทึ่งไม่ได้
"ไงคุณ ตะลึงตึงๆ ไปเลยล่ะสิ"
"เรื่องปกติค่ะ ใครจะคิดผู้ชายอย่างคุณจะหยิบจับอะไรได้คล่องแคล่วขนาดนี้"
"ก็เพราะคุณคอยดูถูกผมอยู่ในใจล่ะสิ ถึงได้ต้องคอยคาดไม่ถึงอยู่ร่ำไปแบบนี้น่ะ เอาน่า ถือว่าคุณโชคดีแล้วกัน ที่มีผมเป็นคนดูแลแบบนี้ ดีมั้ย"
"ไม่รู้สิ ฉันยังให้คำตอบคุณไม่ไม่ได้หรอกนะ มันไวเกินไปน่ะ"
หญิงสาวพูดเรียบเรื่อยเหมือนแกล้ง หัวเราะเบาๆ ออกมา มีแต่เขาเท่านั้นที่หัวเราะไม่ออก
เฮ้อ ไม่รู้สิน่า ว่าเมื่อไหร่จะชนะใจเธอได้เต็มร้อยเสียที!
...
กลับสู่คอนโดหรูกลางกรุงอีกครั้ง...
ห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำราวกับสวรรค์ทีเดียว เนื่องจากอากาศข้างนอกที่ร้อนจนสุดฤทธิ์นั่น ผ้าเช็ดหน้าผืนที่ชายหนุ่มซับเหงื่อให้ยังติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ให้เธอเผลอยิ้มออกมาได้ การเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างในชีวิตเข้ามา ก็ทำให้เรามีความสุข และอิ่มเอมได้ไม่ยากเลยนะ
"ยิ้มอะไรคุณ"
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงเมื่อหันไปเห็นหญิงสาวที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้องนั่นยิ้มกริ่ม
"ก็ ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย ทำไมล่ะ ฉันยิ้มไม่ได้หรือไง"
"ยิ้มได้ แต่ผมแค่สงสัยว่ายิ้มอะไร ถ้าไม่ได้ขำอะไรผมก็แล้วไปเถอะ"
"ชิ ฉันจะขำอะไรคุณล่ะ คุณไม่ใช่ตัวตลกเสียหน่อย”
ประโยคนั้นของเธอ ทำให้เขาเป็นฝ่ายยิ้มออกมาบ้าง ก่อนหันไปสวมเอี๊ยมกันเปื้อนแล้วเตรียมอุปกรณ์ในการทำกับข้าวเงียบๆ หันไปอีกที หญิงสาวนอนหลับสบายเหยียดยาวอยู่บนโซฟานั่นไปแล้ว
เออนะ หลับง่ายหลับดายเป็นเด็กๆ ไปได้สิน่า ยายคุณหนูมาตา!
เหมือนจะบ่นกับตัวเอง ก่อนยกจานอาหารสองสามอย่างไปวางที่โต๊ะอาหาร ถอดเอี๊ยมแล้วทิ้งสารพัดอุปกรณ์ไว้ในอ่างล้างจานนั่น บอกตัวเอง ค่อยเก็บล้างทีเดียวแล้วกัน สรุปเช่นนั้นก่อนหันไปทางหญิงสาว เห็นยังคงหลับสบายเขาก็เดินเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสลัดกลิ่นพ่อครัวหัวป่าออกไปบ้าง...
กลิ่นหอมจากอาหารบนโต๊ะโชยมาเตะจมูกอย่างจัง…
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มาตาลืมตาตื่นขึ้นมาได้เท่ากับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นจนต้องลุกขึ้น งัวเงียไปเปิดประตูกว้างออก แล้วก็แทบกระพุ่มมือไหว้ ตาหูสว่างแทบไม่ทัน
"สวัสดีค่ะ คุณแม่"
"เชิญค่ะ"
"ถึงเธอไม่เชิญ ฉันก็เข้าอยู่แล้ว นี่มันคอนโดลูกชายฉัน แล้วนี่พ่อตัวดีอยู่ไหน"
"เอ้อ..."
ไม่รู้จะตอบว่าไงดี ก็คนเพิ่งตื่นนี่นา แต่โชคดีหรอก ที่พันษาก้าวออกมาจากห้องนอนพอดี หลังได้ยินเสียงดังโขมงของแม่ที่เขาจำได้แม่นยำ
"ผมอยู่นี่ครับแม่ สวัสดีครับ วันนี้แม่มาถึงคอนโดผมได้เลยนะ"
"งั้นสิยะ ถ้าไม่มาเงียบๆ ฉันจะรู้มั้ยว่าเธอสองคนสุมหัวกันหลอกลวงอะไรฉันอยู่หรือเปล่า"
"โธ่ แม่ครับ ผมจะหลอกแม่ทำไม ไม่เชื่อดูอาหารสิครับ เต็มโต๊ะแบบนี้ สำหรับสองคนสามชีวิต เอ้อ ผมหมายถึง ลูกในท้องของเราด้วยน่ะครับ"
เนียนมากๆ เลยนะ เนียนจนหญิงสาวดูเก้ ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลยเชียวล่ะ ได้แต่รีบออกปาก ขอซิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ขอเวลาไปตั้งสติหน่อยก่อนท่าจะดีกว่านี้แน่ !
"เอ้อ เชิญคุณแม่คุยกับคุณพันษาไปก่อนนะคะ"
"เดี๋ยว เธอจะไปไหน"
"ขอมาตาไปอาบน้ำสักนิดนะคะ"
"ถ้างั้นก็เร็วๆ เข้าล่ะ ธุระของฉัน มันเกี่ยวกับเธอด้วย”
"เอ่อ...ค่ะ ๆ"
"ไม่ต้องกลัวนะมาตา ผมอยู่ข้าง ๆ คุณเสมอ"
พันษาบีบมือหญิงสาวเบาๆ ราวให้กำลังใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวไป
"นี่ ฉันได้ยินนะยะ แม่ไม่ใช่หมานะตาพันษาจะได้จ้องจะกัดเมียแกน่ะ"
"เอ้อ ผมก็ไม่ได้ว่าอย่างนั้นสักหน่อยนี่ครับ ผมว่าคุณแม่นั่งพักให้สบายใจหายเหนื่อยก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำผลไม้เย็นๆ มาให้ดื่มก่อน"
พันษาหมุนตัวกลับไปบ้าง แต่ก็ไม่นานนักที่เขากลับมาพร้อมด้วยแก้วน้ำผลไม้ในมือ
"น้ำองุ่นครับแม่"
"ขอบใจย่ะ แล้วนี่ เมียเราโอ้กอ้ากบ้างมั้ย"
"ไม่หรอกครับ เธอไม่ค่อยแพ้น่ะ อาหารก็ทานได้เยอะ ถ้าคุณแม่ไม่รีบไปไหน ทานมื้อเย็นกับเราก่อนสิครับ"
"โอย ไม่เอาหรอกย่ะ ฉันขี้เกียจไปแย่งหลานในท้องกินด้วยอีกคน !"
แน่ะ ยอมรับแล้วสินะว่าเป็นหลาน ลองได้พูดเต็มปากเต็มคำแบบนี้ล่ะก็ แบบนี้ค่อยทำให้เขายิ้มออกมาได้อย่างโล่งใจไปหน่อย เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังเถอะ!
บอกกับตัวเองก่อนนั่งลงข้างๆ แม่ และหลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็ก้าวออกมานั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามนั่นอย่างเตรียมพร้อมมาเต็มที่
ได้ไปขจัดความหวาดหวั่นใจออกไปได้บ้างเมื่อครู่ก่อน พร้อมรบแล้วนะมาตา !
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้านนานแล้ว...ทอยส์รู้สึกประหลาดใจ หลายครั้งที่เขาขมวดปลายคิ้วงุนงงสงสัย เสียงอะไรมันดังไม่เลิก ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือในเวลาดีๆ อย่างที่สุด สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบชายหาดตรงระเบียงนั่น เพื่อก้าวเดินออกไปดูให้หายข้องใจหากเพียงก้าวเดินถึงประตูรั้วเท่านั้น เจ้าเหมียวขาวปลอดทั้งตัว ก็แทบจะวิ่งหูกางทางชี้ ขนฟูฟ่องเข้ามาชนน่องขาวๆ ของเขาที่โผล่พันจากกางเกงขาสั้นสบายๆ ในเช้าวันหยุด จนต้องก้มลงมองพร้อม ๆ กับรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่มองประจันหน้าจากภายนอกโฮ่ง...โฮ่ง...เสียงสุนัขตัวเขื่อง เท่าเสียงดังขึ้น ทำเอาปลายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ บ้านรั้วติดกันนั่น ปล่อยขายและให้เช่า จนเกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกก็อดสะดุดกับใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสัน ที่ทำเอาใจเต้นแรกขึ้นมาไม่ได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามดึงใจตัวเองกลับ บอกตัวเองด้วยว่านั่นน่ะ ! ตัวต้นเหตุที่ทำเจ้าเหมียวน้อยของเขาวิ่งขนฟูกลับมาบ้านเชียวนะ"นี่มันอะไรกัน คุณเป็นใคร..มาทำอะไรลั
เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุดหากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"ไ
"จะบ้าเหรอคุณ ผมก็แค่เรียนศิลปกรรมมาเท่านั้น ไม่ใช่สัปเหร่ออะไรอย่างที่คุณว่าซะหน่อย คุณนี่หัดมองในทางสร้างสรรค์หน่อยไม่ได้หรือนะ"เขาขยับตัวลุกขึ้น เหลียวซ้ายมองขวาหาสายยางที่พอจะเปิดน้ำล้างมือได้บ้าง ขณะที่ทอยส์มองตามอย่างรู้ทัน"อยู่มุมโน้นครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วกัน"ทอยส์บอกกับเขาอย่างนั้นก่อนหมุนตัวไปเปิดน้ำให้ ซึ่งดูเหมือนจะเปิดแรงเกินไปหน่อย สายยางดิ้นไปมา น้ำที่พุ่งแรงทำให้เสื้อผ้าเขาเปียกปอนไปหมด"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ""ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนาจะเอาคืนผมล่ะสิ คนเรานะอุตส่าห์มาช่วยฝังเจ้าเหมียวให้ ยังไม่ได้ยินคำขอบคุณสักคำ""ผมก็ไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากคุณเหมือนกันแหละ ที่เป็นตันเหตุทำให้เจ้าเหมียวของผมตายน่ะ"เริ่มเปิดฉากถกเถียงกันอีกครั้ง หากครั้งนี้ เขาทำหน้าเหมือนนึกได้ เพราะปลาทูตัวนั้นเป็นต้นเหตุให้แมวของทอยส์ต้องจบชีวิตจริงๆ"จริงสิ เพราะมันกินปลาทูของผม ผมต้องสืบให้ได้ ว่าทำไมในปลาทูถึงมีพิษ""พักเรื่องนักสืบของคุณไว้ก่อนเถอะ เสื้อผ้าคุณเปียกขนาดนี้ ผมว่าถอดมันผึ่งแดดเอาไว้ก่อนดีมั้ย เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณแทนการขอบคุณแล้วกัน""อืมม์ ค่อยน่ารักหน่อย"ชายหนุ่มบ่นพึมพ
"มันจะมากไปแล้วนะ ทอยส์""มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่คุณทำกับผม ใครกันแน่ที่ปันใจกัน ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีคนใหม่ซุกไว้ที่ทำไว้ที่ทำงาน รู้ตลอดว่าคุณพาใครอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกินข้าวร้านหรูอยู่เป็นประจำ ผมยอมไม่มีใครซะดีกว่า ที่จะกลายเป็นคนไร้ค่า มีแฟนเห็นแก่ตัวแบบคุณ กลับไปซะเถอะพอล แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ""นี่คุณไล่ผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะทอยส์ ได้ !ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ตามใจคุณเลย ระวังหน่อยแล้วกัน เกิดคุณฮีทขึ้นมา อย่าโทร.ตามผมกลับมาแล้วกัน"ทอยส์ ถึงกับส่ายหน้า พูดไม่ออกกับถ้อยประโยคนั้นของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากบ้านของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ณดลถึงกับสตั๊นไป กับคำพูดประโยคท้ายของหนุ่มพอลนั่นโอเมก้า งั้นเหรอ !ณดลใจหายวาบ สีหน้าเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นทอยส์ทิ้งตัวลงฟุบหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง เขายิ่งพลอยเศร้าไปด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ เลย"ทอยส์ครับ...เอ้อ ผมขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายแบบนี้ คุณเป็นอะไรมากมั้ย""คุณต่างหาก เจ็บมากมั้ย""ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร เจ็บแค่ไหนก็ทนได้"คนบอกทนได้ แทบซู้ดปากเอาเหมือนกัน"ปากคุณแตก เลือดซ
แทบทุกคนหันไปตามเสียง เป็นตาเดียวกัน !หากใครก็คงไม่ตื่นตกใจ เท่าณดลอีกแล้วล่ะ เพราะหนุ่มน้อยคนนั้น ใช่คุ้นเคยแต่เสียง หากเพียงเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็แทบกระโดดกอดหนุ่มน้อยนั่นเลยทีเดียวถ้าทำได้"ทอยส์ !"ไม่ผิดหรอก ทอยส์จริงๆ นั่นล่ะ เขาไม่ได้ฝันไปเลยสักนิด โลกสว่างไสวสดใส กว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าทีเดียว"คุณณดล...""มา ๆ ให้ผมช่วย อย่าเพิ่งถามอะไร รถกำลังจะออกแล้วครับ"ณดลยื่นมือไปรับกระเป๋าใบโตจากทอยส์ ก่อนลุงเวกจะปิดประตูรถ และค่อยเคลื่อนรถออกไปจากที่หมายอย่างช้าๆ แล้วค่อยเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก...ณดลพาเด็กหนุ่มไปนั่งลงตรงที่ว่างไม่ท่างจากเขานัก ก่อนจะจับเอาสัมภาระวางลงบนชั้นเหนือศีรษะให้อีกฝ่ายค่อยคลายกังวล ถอดหมวกออกพัดให้ลมกับตัวเอง"ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณมาเที่ยวทริปนี้ด้วย""ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมเป็นไกด์ เอ้อ ไกด์จำเป็นน่ะ ที่นี่เป็นบริษัททัวร์ของเพื่อนผม แล้วมันติดธุระเลยขอให้ผมมาแทน""ก็ดีนี่ครับ มีรายได้เข้ากระเป๋า""นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับที่ผมได้เจอคุณหรอกนะ ทอยส์"เหมือนจะฟังดูเศร้า หากเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มกลับทำหน้าเข้มๆ ดุ ๆ ใส่อีกฝ่าย ราวกับทอยส์เป็นน้อ
ทำเลดีจัง!ทอยส์ บอกกับตัวเอง เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพัก และพบว่าห้องพักนั้นอยู่ริมสุด และด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขา อากาศดียิ่งกว่าตอนยืนอยู่หน้าท่าเทียบเรือไม่รู้กี่เท่า...แต่จะดีกว่านี้ ถ้าทอยส์ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วเดินไปชมภาพตะวันตกทะเลในยามใกล้ค่ำก่อนมาห้องพัก เสียงของณดล ประกาศกับกรุ๊ปทัวร์อีกว่า ทุกคนต่างมีเวลาก่อนค่ำ ในการพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนไปรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร และสันทนาการก่อกองไฟริมทะเลร่วมกันอีกครั้งในค่ำคืนนั้น พร้อมการแสดงโชว์อีกมากมาย เรียกว่ามากับทริปนี้แล้วไม่เสียหลาย ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ทอยส์บอกกับตัวเองก่อนเปิดประตูเข้าไป อดนึกถึงคำขู่ของขายหนุ่มที่ตะโกนไล่หลังมาไม่ได้"ระวังผีจะหลอกเอา"คนบ้า รู้ว่าอยู่คนเดียว ยังจะมาขู่กันอีกแน่ะ !บ่นไปงั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเปิดม่านรับแสงให้ผ่านเข้ามา เปิดเครื่องปรับ อากาศเบาๆ แล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนลับหายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...หากยังไม่ทันก้าวพันประตูห้องน้ำออกมาดีหรอก ที่เสียงกุกกักดังจากด้านหลังห้องจะดังขึ้น ทอยส์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่กล้าหันกลับไปมอ
หลังอาหารมื้อค่ำ...หลังสันทนาการ หลังเสียงเพลง และกองไฟที่ลุกโชนดับลง บรรดาลูกทัวร์ ต่างก็พากันกลับไปห้องเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย มีเพียงชายหนุ่มอย่างณดลเท่านั้น สมัครใจเป็นไกด์ส่วนตัวเพื่อพาเด็กหนุ่มขี้เหงาวายร้ายอย่างทอยส์ ไปเดินชมทะเลยามค่ำ ค่ำคืนที่เขาบอกกับทอยส์ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนว่า…"แล้วคุณจะรู้ว่าทะเลกลางคืนก็มีความงดงามซ่อนอยู่ แม้ว่าจะดูสวยแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ""เหมือนคุณมั้ยครับ ไอ้แปลกๆ นี่""ผมดูแปลกในสายตาคุณเหรอทอยส์ แต่ต่อให้แปลกแค่ไหน ผมก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายใครนะ ถ้าคน ๆ นั้นไม่สมัครใจ”"ผมรู้...ถ้าคุณคิดจะทำร้ายผม คุณคงทำไปตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้วล่ะ จริงมั้ย"ทอยส์ ระบายยิ้มอ่อนๆ ท่ามกลางเสียงคลื่น และลมทะเลที่พัดอื้ออึง ตามจังหวะของมัน ความอบอุ่นใจ ไม่รู้ว่าพรั่งพรูมาจากไหนจนทำให้ทอยส์คลายกังวลใจสารพัดลงไปได้บ้าง"ตอนแรกผมนึกว่า ผมจะรู้ใจคุณคนเดียวซะอีก ที่ไหนได้ คุณก็รู้ใจผมเหมือนกันนะ โอ.เค.ผมยอมแพ้ เราเดินไปนอนดูดาวตรงนั้นกันดีมั้ย ที่นั่นมีเตียงผ้าใบอยู่สองตัวพอดี""มันพอดี เพราะมีคนเอามาวางไว้ต่างหาก !""คุณนี่รู้ทันผมไปซะทุกเรื่อง""ผมไม่ใช่คนโง่นี่ครับ”
"บ้าสิ...ใครเขาจะคิดไม่ซื่อกับคุณ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”"โอ.เค. ไม่หลงตัวเอง แต่ผมหลงคุณจนหัวปักหัวปำไปแล้ว จะไงล่ะ"อีกครั้งที่เขาเป็นฝ่ายพลิกตัวเข้าหาอีกฝ่าย สองมือยังเกาะกุมมือของทอยส์เอาไว้แนบแน่น"นี่ อย่าแม้แต่จะคิดนะดล ผมไม่สนุกด้วย""แล้วนึกว่าผมสนุกนักรึไง อยู่ ๆ ก็โดนชกหน้าไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ไม่รู้ล่ะ คุณต้องชดใช้ให้ผม”ณดล กระซิบข้างหูทอยส์ ก่อนก้มลงประทับริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากบางแห้งผากหากอบอุ่นจนร้อนของอีกฝ่าย ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนทอยส์เองไม่อาจทัดทานได้ทัน ก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากออก แล้วโดดลงจากเตียงรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกชกปากเข้าให้อีก เพราะรู้ว่าอีกฝ่าย นอกจากปากไวแล้ว มือยังไวจัดได้อีก"เราหายกันแล้วนะ คุณพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราจะไปดำน้ำดูปะการังกัน ฝันดีครับ"คนบอกฝันดี เผ่นไปถึงประตูแล้ว แถมยังยกมือส่งจูบให้ทอยส์ก่อนกดล็อกและปิดประตูแน่นหนา ให้ทอยส์ถึงกับใช้ปลายนิ้วสั่นระริกลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ อยู่เพียงลำพังเหอะ คงฝันดีตายล่ะ เจอรสจูบของนายเข้าไปชนิดไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ !…เช้าวันใหม่...กรุ๊ปทัวร์ของณดล ถูกพาลงเรือไปดำน้ำดูปะการังตามแพลนที่วางไว้
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ""ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ""ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ""แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้""ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที
อีกครั้งที่ทอยส์เฝ้าแต่คิดวกไปวนมา สมองของเขามันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย...สับสน ว้าวุ่นจนค่อยๆ ฟุบหน้าลงกับท่อนแขนของอีกฝ่าย และเผลอหลับนิ่งไปในท่านั้น...ขณะเดียวกันณดลกลับค่อยๆ หรี่ตาลืมขึ้น พอเห็นว่าเด็กหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว เขาก็แอบยิ้ม นึกถึงคำพูดมากมายที่อีกฝ่ายพร่ำพูดสารพัดเพราะนึกว่าเขาหลับ จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว !แบบนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด ถึงจะโดนยิงบาดเจ็บก็ถือว่าคุ้มเชียวล่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ใจคนที่เขาแสนรักอย่างทอยส์!ณดลบอกตัวเองในใจ แล้วปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง หากการหลับครั้งนี้ เขาหลับตาลงอย่างสุขใจ ไร้กังวลจริงๆ"คุณคะ...คุณคะ"เสียงเรียกเบาๆ นั่นทำให้ทอยส์ขยับตัว พร้อมกับลืมตาขึ้นมองตามเสียงเรียกนั่น ด้วยความหวาคระแวง และพบว่าพยาบาลสาวเตรียมอุปกรณ์ในการเช็ดตัวชายหนุ่มมาครบมือ"ได้เวลาเช็ดตัวให้คนไข้แล้วค่ะ""ครับ...ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวสักครู่ รบกวนฝากคุณพยาบาลด้วยนะครับ""ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อีกไม่นานคนไข้ก็ฟื้นค่ะ”พยาบาลสาว บอกกับทอยส์ราวกับให้กำลังใจ ขณะที่ทอยส์หมุนตัวกลับออกไปจากห้องพักฟื้นพิเศษนั่นเงียบๆ กำลังคิดว่านอกจากกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ยังค
"หนาวเหรอทอยส์""ก็คุณเปิดขนาดนี้ ผมคงร้อนหรอกมั้ง"ทอยส์ โวยใส่ให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ"ผมขอโทษ ก็ใครจะคิดว่าคุณขี้หนาว เห็นเมื่อคืน...เหงื่องี้โทรมตัวเชียว”"หยุดนะ หุบปากของคุณไปเลย""ก็ได้ๆ ไม่พูดก็ได้ คุณนี่ เผด็จการชะมัด โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี"ชายหนุ่มยังไม่วายบ่น แต่เห็นบ่นๆ อย่างนั้น เขาก็เอื้อมมือไปเบาแอร์ให้ในระดับหนึ่งอยู่ดี จวบจนถึงหน้าบ้านของทอยส์นั่นล่ะ ที่เขาก้าวนำลงไปก่อนเพื่อเปิดประตูรถให้ โดยไม่ทันสังเกตสักนิดว่ามีใครบางคนดับบุหรี่อย่างรวดเร็ว และบดขยี้ด้วยรองเท้าหนาๆ อย่างขัดใจเต็มทีกับภาพที่เห็นเบื้องหน้านั่น"ไงทอยส์...ท่าทางจะสำเริงสำราญกันมาน่าดูชมเลยสินะ ไปปฏิบัติธรรมถึงไหนถึงกันมาเหรอครับ"แค่เพียงวางกระเป้าใบโตของทอยส์ไว้ตรงหน้าบ้าน เพื่อรอให้เธอไขประตูรั้วเท่านั้น ที่ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนจะโผล่พรวดออกมาจากจุดมีดอับมุมหนึ่งนั่น"พอล !""ใช่ ผมเอง ก็ยังดีนะที่คุณยังจำผมได้ ไอ้ผมก็นึกว่า คุณจะลืมไปแล้วว่าความหวานชื่นระหว่างเรามันเป็นยังไง"พอลน่าจะดื่มมาบ้างก่อนหน้านี้ ทอยส์ได้กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งเมื่อเขาก้าวตรงมายังร่างบางของทอยส์ที่แทบถอยหลังไปหลายก้าว
"คุณงดงามที่สุดเลยทอยส์!"ณดลพึมพำขณะกัมลงพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังสะท้านของอีกฝ่าย...ก่อนพลิกตัวทอยส์กลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง เพื่อครอบครองปากลงบนริมฝีปากอบอุ่นของทอยส์ ดื่มด่ำราวคนหิวกระหาย มือข้างหนึ่งนวดเฟ้นฐานอกเต็มไม้เต็มมืออย่างเมามัน ก่อให้เกิดความเสียวกระสันจนทอยส์แทบแหงนหน้ารับ พร้อมกอดบ่าณดลเอาไว้แน่น รู้สึกได้ถึงปลายเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อของเขา ก่อนเสียงร้องครวญครางด้วยความสุข จะดังแข่งกับเสียงฟ้าที่ครางครืนห่างออกไปณดล ค่อยเลื่อนใบหน้าต่ำลง หลังจากนวดเฟ้นแผงอกของอีกฝ่ายที่สะท้านสะท้อนขึ้นลง ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาและทอยส์ ที่ประสานกันด้วยความซ่านเสียวเกินจะทน ก่อนทุกอย่างจะจบลงเมื่อทอยส์ถูกโอบรัดเอาไว้แน่นราวกับสุนัขติดเป้ง เนิ่นนานจนแทบลืมหายใจ !"คุณช่างน่ารักเหลือเกินครับทอยส์""อืมม์..""ขอบคุณ สำหรับความหอมหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัวของคุณนะ ยอดรักของผม"ณดลได้แต่ครางพึมพำแทบไม่ได้ศัพท์ โอบร่างของทอยส์เอาไว้อย่างแสนรัก เมื่อแสงเทียนค่อยมอดดับลง และแสงไฟที่ดับไปอย่างยาวนานก็ยังไม่มา ห้องทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยความมืดมิด มีเพียงเสียงลมหายใจที่หอบแรงของทั้งคู่เท่านั้นที่แท
"ฝนเบาลงหน่อยแล้ว เดี๋ยวผมไปต้มมาม่ารองท้องก่อนนะ ไม่งั้นน้ำในกระติกมันเย็นละก็ อดกันทั้งคู่แน่"หลังประโยคนั้น ณดลพยายามขยับตัวลุกขึ้น หากทอยส์เองก็ลุกตามด้วยรวดเร็ว"ผมไปด้วย ให้ผมไปช่วยคุณนะ""ทอยส์ นี่ยังกลัวอยู่อีกเหรอ""กลัวสิ หรือคุณไม่กลัว""ผมไม่กลัว เพราะผมไม่เคยสาบานกับใคร""ผมก็ไม่เคยสาบาน"เด็กหนุ่มโต้ทันควัน หากสองมือของเขาก็แทบจะโอบกอดณดลเอาไว้จากทางด้านหลังรวดเร็วหลังฟ้าดังเปรี้ยงลงมาอีกรอบ ในเวลาที่ณดลกำลังจะก้าวเดินต่อไป"ผมจะเชื่อได้มั้ยเนี่ย แค่คุณบอกไม่เคยสาบานยังเปรี้ยงปร้างลงมาถี่ขนาดนี้ ไปๆ คุณ ถ้ากลัว ตามผมมาก็ได้"ไม่ต้องเชื้อเชิญหรอก เวลานั้นทอยส์แทบไม่อยากปล่อยท่อนแขนยาวๆ ของตัวเอง ออกจากเอวของณดลอยู่แล้ว ไม่อยากห่างเขาสักนาทีเดียวเลยเหอะ !"ผมมีต้มยำกุ้ง กับบะหมี่หมูสับ คุณจะทานอะไร""อะไรก็ได้ ใส่ๆ ไปเถอะคุณ ผมไม่ได้หิวนักหรอก"คนบอกไม่หิว แทบจะมีเสียงท้องร้องจ๊อก ๆ ให้ได้ยินในท่ามกลางความมืด และเงียบชั่วขณะนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมา"ผมเชื่อคุณมากเลย...โอ.เค. ช่วยจุดเทียนให้ผมหน่อยนะ หรือไม่ก็แค่เอามือของคุณออกจากเอวผม แล้วมาถือเทียนให้ผมหน่อย"ทอยส์แทบละร่
"จริงๆ แล้ว บ่ายนี้เราต้องเดินทางออกจากเกาะถึงฝั่งกันนะครับ แต่มีอุปสรรคนิดหน่อยเพราะทางฝั่งรายงานมาว่า พายุจะเข้าบ่ายนี้ และเราไม่ควรออกเรือฝ่าพายุไปอย่างเด็ดขาด ค่ำคืนนี้ เราจะงดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เอาไว้ก่อน ขอให้ทุกท่าน พักผ่อนตามอัธยาศัยหลังอาหารมื้อเย็น ไม่ควรออกจากห้องพัก จนกว่าพายุจะสงบขอบคุณทุกท่านครับ"หลังดำน้ำขึ้นมาได้ไม่นาน เสียงประกาศตามสายไปทั่วทุกห้องพักก็ดังกระหึ่ม...บางคนกำลังเตรียมเก็บสัมภาระก็ถึงกับหยุดชะงักไปได้ทีเดียว โดยเฉพาะทอยส์ เพราะหลังเสียงประกาศก้องไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ให้เธอชะงักมือที่พับผ้าอยู่นั่น แล้วขยับตัวก้าวเดินไปเปิดประตูกว้างออก และพบว่าเป็นเจ้าของเสียงประกาศเมื่อครู่ก่อนนั้น"คุณณดล...""คุณเก็บของเรียบร้อยยัง""ยังครับ ก็นั่งพับเก็บอยู่ ไม่ต้องรีบแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงก็ยังออกจากเกาะไม่ได้นี่ คุณเพิ่งประกาศออกไป ผมได้ยินอยู่”ทอยส์ ย้อนถาม ขณะที่ชายหนุ่มถือวิสาสะเข้าไปในห้องของเธอ แถมยังช่วยพับผ้ากองโตนั่นหน้าตาเฉยอีกด้วย"คนอื่นไม่รีบก็ได้ แต่คุณไม่รีบไม่ได้ เพราะห้องคุณอยู่ใกล้ทะเลมากกว่าห้องอื่น เป็นจุดที่อันตรายที่สุด""อะไรนะครั
"บ้าสิ...ใครเขาจะคิดไม่ซื่อกับคุณ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”"โอ.เค. ไม่หลงตัวเอง แต่ผมหลงคุณจนหัวปักหัวปำไปแล้ว จะไงล่ะ"อีกครั้งที่เขาเป็นฝ่ายพลิกตัวเข้าหาอีกฝ่าย สองมือยังเกาะกุมมือของทอยส์เอาไว้แนบแน่น"นี่ อย่าแม้แต่จะคิดนะดล ผมไม่สนุกด้วย""แล้วนึกว่าผมสนุกนักรึไง อยู่ ๆ ก็โดนชกหน้าไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ไม่รู้ล่ะ คุณต้องชดใช้ให้ผม”ณดล กระซิบข้างหูทอยส์ ก่อนก้มลงประทับริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากบางแห้งผากหากอบอุ่นจนร้อนของอีกฝ่าย ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนทอยส์เองไม่อาจทัดทานได้ทัน ก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากออก แล้วโดดลงจากเตียงรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกชกปากเข้าให้อีก เพราะรู้ว่าอีกฝ่าย นอกจากปากไวแล้ว มือยังไวจัดได้อีก"เราหายกันแล้วนะ คุณพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราจะไปดำน้ำดูปะการังกัน ฝันดีครับ"คนบอกฝันดี เผ่นไปถึงประตูแล้ว แถมยังยกมือส่งจูบให้ทอยส์ก่อนกดล็อกและปิดประตูแน่นหนา ให้ทอยส์ถึงกับใช้ปลายนิ้วสั่นระริกลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ อยู่เพียงลำพังเหอะ คงฝันดีตายล่ะ เจอรสจูบของนายเข้าไปชนิดไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ !…เช้าวันใหม่...กรุ๊ปทัวร์ของณดล ถูกพาลงเรือไปดำน้ำดูปะการังตามแพลนที่วางไว้
หลังอาหารมื้อค่ำ...หลังสันทนาการ หลังเสียงเพลง และกองไฟที่ลุกโชนดับลง บรรดาลูกทัวร์ ต่างก็พากันกลับไปห้องเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย มีเพียงชายหนุ่มอย่างณดลเท่านั้น สมัครใจเป็นไกด์ส่วนตัวเพื่อพาเด็กหนุ่มขี้เหงาวายร้ายอย่างทอยส์ ไปเดินชมทะเลยามค่ำ ค่ำคืนที่เขาบอกกับทอยส์ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนว่า…"แล้วคุณจะรู้ว่าทะเลกลางคืนก็มีความงดงามซ่อนอยู่ แม้ว่าจะดูสวยแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ""เหมือนคุณมั้ยครับ ไอ้แปลกๆ นี่""ผมดูแปลกในสายตาคุณเหรอทอยส์ แต่ต่อให้แปลกแค่ไหน ผมก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายใครนะ ถ้าคน ๆ นั้นไม่สมัครใจ”"ผมรู้...ถ้าคุณคิดจะทำร้ายผม คุณคงทำไปตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้วล่ะ จริงมั้ย"ทอยส์ ระบายยิ้มอ่อนๆ ท่ามกลางเสียงคลื่น และลมทะเลที่พัดอื้ออึง ตามจังหวะของมัน ความอบอุ่นใจ ไม่รู้ว่าพรั่งพรูมาจากไหนจนทำให้ทอยส์คลายกังวลใจสารพัดลงไปได้บ้าง"ตอนแรกผมนึกว่า ผมจะรู้ใจคุณคนเดียวซะอีก ที่ไหนได้ คุณก็รู้ใจผมเหมือนกันนะ โอ.เค.ผมยอมแพ้ เราเดินไปนอนดูดาวตรงนั้นกันดีมั้ย ที่นั่นมีเตียงผ้าใบอยู่สองตัวพอดี""มันพอดี เพราะมีคนเอามาวางไว้ต่างหาก !""คุณนี่รู้ทันผมไปซะทุกเรื่อง""ผมไม่ใช่คนโง่นี่ครับ”
ทำเลดีจัง!ทอยส์ บอกกับตัวเอง เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพัก และพบว่าห้องพักนั้นอยู่ริมสุด และด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขา อากาศดียิ่งกว่าตอนยืนอยู่หน้าท่าเทียบเรือไม่รู้กี่เท่า...แต่จะดีกว่านี้ ถ้าทอยส์ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วเดินไปชมภาพตะวันตกทะเลในยามใกล้ค่ำก่อนมาห้องพัก เสียงของณดล ประกาศกับกรุ๊ปทัวร์อีกว่า ทุกคนต่างมีเวลาก่อนค่ำ ในการพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนไปรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร และสันทนาการก่อกองไฟริมทะเลร่วมกันอีกครั้งในค่ำคืนนั้น พร้อมการแสดงโชว์อีกมากมาย เรียกว่ามากับทริปนี้แล้วไม่เสียหลาย ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ทอยส์บอกกับตัวเองก่อนเปิดประตูเข้าไป อดนึกถึงคำขู่ของขายหนุ่มที่ตะโกนไล่หลังมาไม่ได้"ระวังผีจะหลอกเอา"คนบ้า รู้ว่าอยู่คนเดียว ยังจะมาขู่กันอีกแน่ะ !บ่นไปงั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเปิดม่านรับแสงให้ผ่านเข้ามา เปิดเครื่องปรับ อากาศเบาๆ แล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนลับหายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...หากยังไม่ทันก้าวพันประตูห้องน้ำออกมาดีหรอก ที่เสียงกุกกักดังจากด้านหลังห้องจะดังขึ้น ทอยส์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่กล้าหันกลับไปมอ