หากแต่ก่อนหน้านั้นก็ถูกมือของฮวาอินทะลวงกลางอกจนทะลุไปอีกด้านเสียก่อน
“เฮือก!!” ฟางเหนียงเห็นช่วงเวลานั้นพอดิบพอดี ราวกับทรวงสวรรค์กลั่นแกล้งให้นางหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้มากกว่าเดิม!!
สองขาอ่อนเรี่ยวแรง มองภาพฮวาอินจัดการกับศพของพวกเดียวกันไม่วางตา นางมิได้อยากมองหากแต่มิอาจบังคับสายตาได้
พรึ่บ!
ผ้าคลุมผืนหนึ่งถูกตวัดโอบคลุมรอบกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนที่ร่างบอบบางจะถูกโอบอุ้มขึ้นมาจากพื้น ฮวาอินคำนับประมุขสูงสุดของเผ่าจิ้งจอก บุรุษปรายตามองร่างไร้วิญญาณของปีศาจจิ้งจอกซึ่งมีไอดำลอยออกมาจากกาย เขาใช้ปลายนิ้วชี้ไปที่ร่างนั้นก่อนที่ไอดำจะสลายหายไป ส่งสายตาโหดเหี้ยมแทนคำสั่งแล้วพานางกลับไปยังตำหนักพันปี
เมื่อเข้ามาในห้อง บุรุษก็ดึงผ้าคลุมออกสบสายตากับสตรีตัวน้อยซึ่งนั่งตัวสั่นระริกอยู่บนเตียง
“ท่าน… ประมุข” เสียงที่เคยหวานกลับถูกเอ่ยออกมาอย่างแหบแห้ง
“ท่านประมุขหรือ? ค่ำคืนวสันต์ไม่อยู่ในหัวของเจ้าเลยหรืออย่างไร?” จินหมิงเยว่โน้มกายเข้าไปใกล้ หากแต่ท่าทางของนางกลับดูหวาดกลัว คล้ายกับย้อนเวลากลับไปวันแรกที่ได้พบกัน “หากไม่เรียกท่านพี่ ก็เรียกข้าว่าท่านสามี ลืมไปแล้วหรือ?”
“เหตุใดจิ้งจอกตนนั้นจึงทำร้ายข้าเจ้าคะ?”
ดวงตาคู่งามสั่นระริก ช่างน่าขันยิ่งนักที่นางเอ่ยถามเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ภายในใจนางเองนั้นมีคำตอบอยู่แล้ว ทว่าที่ถามก็เพื่อยืนยันคำตอบของตนเอง…
“เพราะเจ้าคือมนุษย์” เสียงของบุรุษก้องอยู่ภายในหัวของนาง
ทั้งที่มนุษย์ส่งอิสตรีมาบรรณาการ แต่ก็ยังถูกปีศาจพวกนี้เกลียดชังอย่างนั้นหรือ สตรีก่อนหน้านี้จะมีชะตากรรมโหดร้ายถึงเพียงใดกัน!?
“เหตุใด…”
“ที่นี่คือเผ่าจิ้งจอก ดินแดนจิ้งจอก มนุษย์มิได้รับอนุญาตให้เข้ามา”
“แต่สตรีถูกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการให้ท่านทุกปีนี่เจ้าคะ?”
“นั่นก็แค่สร้างความหวาดกลัวให้มนุษย์ผู้งมงาย ครั้นอดีตมนุษย์บุกรุกเข้ามาแล้วขโมยบุปผาพันปีของข้าไป คนแล้วคนเล่า การตักเตือนด้วยวาจาไม่เคยใช้ได้ผล ข้าจึงออกอุบาย”
“โดยการให้ส่งสตรีมาเป็นบรรณาการ!?”
“ใช่”
“สตรีพวกนั้น…?”
“เจ้าอยากรู้จริงๆ หรือ?”
“…!!”
แววตาบุรุษแข็งกร้าวและดุดัน ฟางเหนียงเสียวสันหลังวูบ ความหวาดกลัวเกาะกุมทั้งจิตใจ ร่างกายหนักอึ้งราวกับแบกของหนักไว้บนหลังเล็กๆ ทั้งสองข้างเมื่อได้รู้ความจริง
“ทะ ท่าน… สังหารพวกนางหรือ…?”
“ใช่”
“เฮือก!!” คราวนี้ฟางเหนียงมิอาจอดกลั้นความหวาดหวั่นของตนเองได้อีกต่อไป
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนางกรีดร้องเสียงดัง ร่างบอบบางข้ามไปอีกฝั่งของเตียงแล้วหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต!!
อยู่มิได้แล้ว หากนางอยู่ต่ออีกแม้แต่หนึ่งจิบน้ำชาเดียว อาจจะโดนจับกินก็เป็นได้ สตรีตัวน้อยหลับหูหลับตาวิ่งเข้าไปในป่าเพื่อหวังอำพรางตัว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่น
...อย่าตามมานะ อย่าตามมา!...
ผลั่ก!
เท้าน้อยๆ ของนางสะดุดกับก้อนหินจนล้มหน้าคะมำ ฟางเหนียงรีบหยัดกายลุกขึ้นแล้ววิ่งต่ออย่างไม่คิดชีวิต!
ตลอดมานางใช้ชีวิตอย่างไม่โลภมาก ถูกกดขี่ข่มเหงจากฮูหยินใหม่ของบิดาและน้องสาวต่างมารดา แม้จะถูกเฆี่ยนตีแทบทุกวัน หากแต่นางก็ทำได้แค่เพียงอดทน เพื่อรอวันที่นางจะได้เป็นอิสระหรือแต่งออกเรือนไป
กระทั่งมีคำทำนายให้ส่งนางไปเป็นเครื่องบรรณาการของจิ้งจอก ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเจาะจงเอาสตรีนางใดเลย ฟางเหนียงเป็นเพียงบุตรสาวขุนนางขั้นต่ำ เบื้องบนจึงรีบส่งสินบนอ้างว่าเป็นสินสอด แล้วพาตัวนางส่งเป็นเครื่องบรรณาการ
มิวายเกือบจะถูกบุรุษที่พานางมาส่งข่มเหง เมื่อได้ก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนจิ้งจอก นางคิดเสมอว่าหากอยู่อย่างสงบเสงี่ยมก็คงมีชีวิตอยู่ไปได้ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เหตุใดทรวงสวรรค์จึงไม่เมตตานางบ้างเลย
เป็นอีกครั้งที่ฟางเหนียงสะดุดล้มหน้าคะมำจนเนื้อตัวถลอก สตรีตัวน้อยร่ำไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจสรวงสวรรค์ คราวนี้นางก็พยายามหยัดกายขึ้นอีกครั้ง หากแต่ข้อเท้าของนางผิดรูปไปเสียแล้ว แม้แต่จะยืนด้วยเท้าของตนเองในยามนี้ยังทำมิได้
“หากพวกท่านเกลียดชังข้าถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงต้องให้ข้าเกิดมาด้วยเจ้าคะ?” สตรีตัวน้อยเงยหน้าขึ้นฟ้า เอ่ยตัดพ้อกับสรวงสวรรค์อย่างหมดกำลังใจ หากจิ้งจอกตัวร้ายตามมา ไม่สิ หากมีสัตว์ป่าตัวใหญ่สักตัวนางคงได้จบชีวิตเป็นแน่
“ฮึก ฮือ!”
ในอีกทางหนึ่งนั้นจินหมิงเยว่มองตามแผ่นหลังเล็กๆ ที่วิ่งออกไป ฮวาอินได้บังอาจเอ่ยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ปล่อยนางไปจะดีหรือเจ้าคะ?”
“... ให้นางไปสงบสติอารมณ์เสียหน่อย ถึงอย่างไรที่หมู่บ้านก็ไม่ต้อนรับเครื่องบรรณาการที่หนีกลับหรอก”
บุรุษโบกมือไล่ฮวาอิน ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงบนเตียง พลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต ทุกชาติภพนางเป็นสตรีขี้ขลาด หวาดกลัวแม้กระทั่งกระต่ายน้อยตาแดง เมื่อครู่นี้บุรุษตั้งใจเอ่ยออกไปตามความจริง แม้จะรู้ว่านางจะต้องหวาดกลัวเป็นแน่ก็ตาม
หากแต่จินหมิงเยว่ไม่คิดที่จะปิดบังนาง ที่ปล่อยนางไปก็เพื่อให้นางสงบจิตใจของตนเอง และให้นางได้ประสบพบเจอกับความเป็นจริงด้วยตนเองว่า ไม่มีทางที่นางจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้ หากตนไม่อนุญาต!!
จินหมิงเยว่อยู่มานานถึงสี่พันปี มีอิทธิฤทธิ์แกร่งกล้ากว่าจิ้งจอกตัวใด แม้จะมีความสนใจในมนุษย์ แต่ก็แสนเกลียดชังในตัวมนุษย์ด้วยเช่นกัน หากมิใช่ว่านางเคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ บุรุษก็คงไม่คิดตามหานางเพื่อตอบแทนบุญคุณเป็นแน่ ทว่าหลายครั้งหลายครานางอายุสั้นเหลือเกิน ทุกครั้งนางจะถูกทารุณจนตาย บุรุษมิอาจไปช่วยนางได้เลย
‘แม้ท่านจะแข็งแกร่ง แต่หากท่านบาดเจ็บข้าก็คงเศร้าใจเป็นแน่’
ถ้อยคำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของบุรุษ ความทรงจำย้อนหลังไปหลายร้อยปี ถ้อยคำเป็นห่วงเป็นใยของแม่นางน้อยวัยเยาว์
ยามนั้นเองกลิ่นคาวเลือดลอยตามสายลม จินหมิงเยว่กลับคืนสู่ร่างเดิม ร่างของจิ้งจอกเก้าหางขนสีเงินตัวใหญ่ แล้วกระโจนออกไปนอกหน้าต่าง ตามกลิ่นเลือดซึ่งสายลมพัดพามาอย่างรีบร้อน กลิ่นเลือดเช่นนี้เป็นกลิ่นเลือดของฟางเหนียงไม่ผิดแน่!
ความเร็วของจิ้งจอกเก้าหางนั้นรวดเร็วราวสายลม ไม่นานก็มาถึงจุดที่เกิดเหตุ งูตัวหนึ่งกำลังกระโจนเข้าหาฟางเหนียง!
กรอด!!
...อสรพิษมันลักลอบเข้ามาในเขตของข้าได้อย่างไร!?...
จินหมิงเยว่ในร่างของจิ้งจอกสีเงินรีบกระโจนเข้าไปกัดคอของมัน ก่อนที่งูตัวนั้นจะเข้าถึงตัวฟางเหนียง สตรีตัวน้อยกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ดวงตากลมปิดสนิท ร่างสั่นระริก นางมิอาจขยับได้นอกจากคลานจนหัวเข่าและมือจนมาถึงข้อศอกถลอกไปหมด
ทว่ากลับไร้ความเจ็บปวด จึงลืมตาขึ้นดูอย่างกล้าๆ กลัวๆ เห็นว่าจิ้งจอกสีเงินตัวใหญ่กำลังต่อสู้กับงูตัวนั้น จิ้งจอกสีเงินท่าทางสง่างาม น่าเกรงขาม ขนาดตัวของมันใหญ่กว่าจิ้งจอกธรรมดาถึงสามเท่า ฟางเหนียงไม่เคยเห็นจิ้งจอกที่ตัวใหญ่เช่นนี้มาก่อน จึงได้แต่มองตาค้าง อีกทั้งหางทั้งเก้าของมันยังโบกสะบัดราวกับมีชีวิต
กว่าจะรู้ตัวจิ้งจอกตัวนั้นก็ฉีกกระชากเนื้องูจนขาดเป็นสองท่อน กลิ่นคาวเลือด และกลิ่นสาปของงูลอยคลุ้งจนนางแทบอาเจียน
มันช่าง... โหดร้ายเหลือเกิน
“อึก!” อาหารที่กินเข้าไปขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ภายนัยน์ดวงตากลมสะท้องฉากการต่อสู้อันดุเดือด
แม้ว่างูตัวนั้นจะตัวเล็กกว่าจิ้งจอก หากแต่มันก็ร้ายกาจเอาเรื่อง แม้จะเจ็บปางตายแต่ก็ยังดิ้นรนต่อสู้ พลันสตรีตัวน้อยเห็นภาพตนเองซ้อนทับกับเจ้างูตัวนั้น
“อ้วก!!”
อาหารที่กินมาตั้งแต่เช้าถูกปล่อยออกมาทางปากจนหมด สถานการณ์ยามนี้ช่างโหดร้ายกับนางเหลือเกิน สภาพของงูตัวนั้นในยามนี้ ราวกับทำนายถึงอนาคตของนาง
เมื่อการต่อสู้นั้นจบลง จิ้งจอกตัวนั้นก็กลายร่างเป็นมนุษย์ ดวงตาคู่สบประสานกันนิ่งงัน ฟางเหนียงมิอาจคาดเดาความรู้สึกของจินหมิงเยว่ได้เลยว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ การที่ย่างกรายเข้ามาหานางเช่นนี้ คงมิใช่ว่านางเป็นรายต่อไปหรอกหรือ?
“ยะ อย่า... อย่าเข้ามานะ”
ฟางเหนียงไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะคลานหนี แต่นางยังอยากมีชีวิตรอด ขอแค่เพียงมีชีวิตรอดเท่านั้น นางไม่เคยโลภมากเลยแม้แต่น้อย หรือเพียงเพราะนางวางแผนคิดหนีแต่โชคชะตาของนางไม่อนุญาตอย่างนั้นหรือ เหตุใดโชคชะตาของนางจึงอาภัพเช่นนี้!
สตรีตัวน้อยได้แค่คิดอย่างว้าวุ่นใจ จินหมิงเยว่ยืนมองนางด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะช้อนร่างบอบบางขึ้นสู่อ้อมแขน ไม่นึกรังเกียจสภาพของนางที่เพิ่งอาเจียนออกไปเลยแม้แต่น้อย
ส่วนฟางเหนียงเองก็ไม่คิดแม้แต่จะขัดขืน นางได้แต่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมภายในอ้อมแขนของบุรุษ กระทั่งมาถึงตำหนักพันปี จินหมิงเยว่ลงมืออาบน้ำให้กับนางด้วยตนเอง แม้ว่านางจะร้องโวยวายเพียงใดก็ตาม ท้ายที่สุดก็ต้องยอมจำนน
ร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผลถลอก และที่ขามีรอยเขี้ยวของงูแบบถากๆ หากไม่สังเกตก็คงไม่รู้ หลังจากนั้นบุรุษก็โอบอุ้มร่างบอบบางขึ้นจากน้ำทั้งๆ ที่ร่างเปล่าเปลือย นางทั้งดิ้นทั้งร้องด้วยความอับอาย จินหมิงเยว่พานางวางลงบนเก้าอี้ ก่อนจะนำผ้ามาเช็ดตัวให้ ทำราวกับนางเป็นเพียงทารกที่มิอาจช่วยเหลือตนเองได้
“ข้าทำเองได้”
“อย่าคิดหนี”
“…!?”
“สถานะของเจ้าในยามนี้คือฮูหยินประมุข ปีศาจทุกตนย่อมเพ่งเล็งเจ้า”
บทที่ 8ความรักทำให้ข้าดูโง่เขลาหมับ!“ว้าย! ทะ ท่านพี่ ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ!?”บุรุษย่อกายลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของนาง เรียวขาของนางถูกยกขึ้นสูง ก่อนที่บุรุษจะก้มหน้าลงไปแล้วใช้เรียวลิ้นปาดเลียบาดแผลจากงูพิษ“อึก!” ความเจ็บปวดบริเวณนั้นทำเอาสตรีตัวน้อยสะดุ้ง นางพยายามจะดึงขาหนีหากแต่มิอาจทำได้ดั่งใจ ยิ่งถูกเรียวลิ้นนั่นสัมผัสนางยิ่งเจ็บปวดเหตุใดบุรุษจึงต้องทรมานนางด้วย!!ทว่าไม่นานบุรุษก็ดึงใบหน้าออก ช่างน่าแปลกนักที่บริเวณนั้นกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย ทั้งที่ครั้นก่อนหน้านางรู้สึกปวดหนึบแปลกๆ เมื่อกดสายตามองดูก็เห็นว่าบาดแผลที่ตรงนั้นหายไปแล้ว นางจำได้ว่าเคยมีแผลอยู่ตรงนี้นี่!“ท่านพี่… รักษาให้ข้าหรือเจ้าคะ?”“ถือว่าความหวาดกลัวยังไม่ยึดครองสมองน้อยๆ ของเจ้า”“…?”“มา ข้าจะช่วยแต่งตัว”“ข้าทำเองได้เจ้าค่ะ” นางกอดตน
บทที่ 9นางเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง“ขออภัยฮูหยินประมุข แต่ข้าน้อยขอบังอาจถาม... ฮูหยินประมุขมาที่นี่ทำไมหรือเจ้าคะ?”“ข้าอยากทำอาหาร”“หากอยากกินอะไรบอกข้าน้อยได้ ข้าน้อยจะนำมาบอกกับคนครัว ฮูหยินประมุขไม่เห็นต้องมาเองเลยเจ้าค่ะ”การมาถึงห้องครัวด้วยตนเองของผู้เป็นนาย สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับคนครัว เนื่องจากห้องครัวเป็นสถานที่ไร้ซึ่งความสนใจ หากทำอาหารออกมาดีก็ดีไป แต่หากทำอาหารออกมาไม่ดีนอกจากจะโดนตำหนิแล้ว บางคนอาจจะบุกมาถึงห้องครัวเฉกเช่นฟางเหนียง ซึ่งเรื่องนี้ฟางเหนียงรู้ดีอยู่แล้วจึงได้เอ่ยออกไปว่า“ข้าอยากทำอาหารด้วยตนเอง ข้าอยากปรนนิบัติท่านประมุขของพวกเจ้า” สตรีตัวน้อยเอ่ยออกไปเช่นนั้น ฮวาอินถึงกับสะดุ้งแม่นางผู้นี้คล้ายกับเฉลียวฉลาด รู้วิธีการเอาตัวรอด หากแต่ในเรื่องเช่นนี้กลับโง่เขลายิ่งนัก แน่นอนว่าเรื่องที่ฟางเหนียงเอ่ยเรียกจินหมิงเยว่ต่อหน้าธารกำนัลว่าท่านประมุขอย่างห่างเหินเช่นนี้ จะต้องถึงหูของบุรุษเป
บทที่ 10อยากจับกิน“เขาน่ากลัว” นางพึมพำเสียงเบา ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก ในเมื่อจินหมิงเยว่อนุญาตให้นางไปที่ใดก็ได้ตามที่ต้องการ เช่นนั้นนางก็ขอสำรวจรอบตำหนักเสียหน่อยเถิดเพื่อหาทางหนีทีไล่เอาไว้ด้วย เผื่อสักวันหนึ่งจินหมิงเยว่เลิกสนใจในตัวนาง นางจะได้หนีออกไปมีชีวิตเป็นของตนเอง ในยามนั้นคิดว่าจินหมิงเยว่คงไม่ไล่ตามนางแล้ว ทว่ายามนี้ต้องคอยเอาอกเอาใจบุรุษไปก่อน เพราะถึงหนีไปตอนนี้ก็ถูกจับกลับมาอยู่ดี“เจ้าแนะนำตำหนักให้ข้าหน่อยสิ”“ตำหนักพันปีข้าน้อยพอรู้คร่าวๆ มิได้รู้ลึกเจ้าค่ะ เนื่องจากที่นี่แม้แต่ปีศาจจิ้งจอกด้วยกันยังเข้ามายาก มีเพียงผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นเจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไร ข้าแค่อยากรู้คร่าวๆ ว่าตรงไหนอยู่ตรงไหนเท่านั้น อ้อ ว่าแต่ ที่นี่มีห้อวหนังสือหรือไม่?”“มีเจ้าค่ะ ท่านประมุขค่อนข้างชื่นชอบหนังสือ อีกทั้งยังเป็นผู้คัดลอกอักษรเหล่านั้นด้วยตนเอง ว่ากันว่าห้องหนังสือภายในตำหนักพันปี
บทที่ 11ตัวตนของบุรุษปริศนา“ทำได้สิ พวกมนุษย์กล่าวขานพวกข้าอยู่หลายสิ่ง ตัวแทนแห่งการบำเพ็ญเพียร ตัวแทนแห่งความพยายาม ตัวแทนแห่งพลังอำนาจ และ... ตัวแทนแห่งตัณหาราคะ” จงใจจดจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่งาม แล้วค่อยๆ โน้มหน้าไปใกล้ๆ จนปลายจมูกสัมผัสกัน “ตัวข้านั้นเป็นทั้งหมด ที่เหล่ามนุษย์ขนานนาม”“ตะ แต่แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน[1]นะเจ้าคะ”“ไม่ลองแล้วจะรู้หรือ ไม่แน่แตงดิบๆ อาจจะถูกปากกว่าที่คิดก็ได้”...ท่านช่าง... เจ้าเล่ห์สมกับเป็นจิ้งจอกจริงๆ...“หึ!” จินหมิงเยว่หัวเราะเสียงเบาก็จะละออกจากร่างบอบบาง “แต่อย่างไรแตงหวานๆ ก็อร่อย เช่นนั้นข้าจะรอให้แตงหวานก่อนก็ได้”ฟางเหนียงรีบหยัดกายลุกขึ้นจ้องมองบุรุษด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงหยุด นางคิดว่าบุรุษจะขืนใจนางแม้นางไม่ยินยอมเป็นแน่...“ทว่าลูกแก้วที่อยู่กับเจ้านั้นสำคัญกับข้า อย่างน้อยทุกเจ็ดวันก็มาให้ข้าได้เติมพลังจาก
บทที่ 12เติมพลังเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ รินรดแผ่วเบา หนังสือที่อยู่ในมือร่วงหล่นลง โชคดีที่เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มคว้าหนังสือเล่มนั้นเอาไว้ ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว ในณะที่ดวงตาเรียวคมจ้องมองดวงตาคู่งามนิ่งไม่ยอมละสายตา“ทะ ท่านพี่ ข้าตกใจหมด”“ตกใจเรื่องอะไร เว้นเสียแต่ว่าเจ้ากระทำความผิด”“เหนียยงเอ๋อร์กำลังอ่านหนังสือเพลินๆ ท่านพี่เข้ามามิให้สุ้มมิให้เสียงก็ต้องตกใจสิเจ้าคะ”“หากเจ้ามาหาข้าแล้วแกล้งกระโดดกอดคอข้า สาบานเลยว่าข้าไม่มีทางตกใจ” บุรุษว่าพลางยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์สตรีตัวน้อยถอนหายใจแล้วยื่นมือออกไปคว้าหนังสือที่อยู่ในมือของบุรุษ แต่อีกฝ่ายกลับขยับหนี ฟางเหนียงเหลือบสายตามองบุรุษอีกหน แล้วส่งสายตาดุๆ ใส่ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าหนังสือ ทว่าจินหมิงเยว่ก็ยังกระทำแบบเดิม“ท่านพี่!”คราวนี้จินหมิงเยว่เหลือบสายตาอ่านชื่อหนังสือบนหน้าปก ซึ่งล้วนแล้วแต่
บทที่ 13ข้าปรารถนาเจ้าอย่างสุดหัวใจ“เจ้าค่ะ” นางตอบรับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เดิมทีฟางเหนียงก็ไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะรู้สึกผิดที่ครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกเอาไว้ ทั้งๆ ที่มันควรจะอยู่กับเจ้าของหากทว่าข้อเท้าของนางยังเป็นรอยช้ำสีเข้มอยู่เลย นางขอโลภมากและเห็นแก่ตัว ครอบครองมันนานอีกคงไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียเจ้าตัวก็อนุญาตนางแล้วรอบนี้จูบที่เคยหวานปานมธุรสกลับถูกบดขยี้ลงมาอย่างเร่าร้อน ฟางเหนียงรู้สึกตกใจจนสะดุ้ง หากถอยหลังหนีได้นางคงถอยไปแล้ว แต่ร่างของนางกลับถูกดันชิดกับชั้นหนังสือน่ะสิ จึงไม่มีโอกาสให้นางได้ถอยห่างเลยแม้แต่น้อย ยิ่งบุรุษกดริมฝีปากลงมา ก็ยิ่งเป็นการเปิดปากของนางให้อ้าออก เพื่อที่จินหมิงเยว่จะได้รุกรานเข้ามาได้อย่างลึกซึ้งมากกว่าเดิม“อื้อ” แม้รสจูบนั้นจะมิได้หวานซาบซ่าอย่างที่นางชื่นชอบ แต่รสจูบเช่นนี้กลับเร่งเร้าให้หัวใจของนางเต้นระรัวได้ดี ฟางเหนียงเผลอไผลไปกับสัมผัสของบุรษ ฝ่ามือหนาเริ่มซุกซน เฟ้นฟ้อนไปทั่วทั้งเรือนร่างของนางกระทั่งถ
บทที่ 14ทั้งโง่เขลาและดื้อรั้น“ช้าก่อนเจ้าค่ะ ช้าก่อน!”ทันทีที่สารถีเห็นคนงามก็หยุดรถม้าลงแล้วมองนางด้วยความฉงนใจ สภาพของนางดูสะอาดสะอ้านเกินกว่าคนที่หลงทาง อีกทั้งยังดูมีเรี่ยวมีแรงราวกับเพิ่งกินอิ่ม…ใบหน้านี้คุ้นเคยอย่างไรบอกไม่ถูก?...“ข้าขอติดรถท่านไปลงที่หมู่บ้านได้หรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าหลงป่าหรือ?”“เจ้าค่ะ ข้าออกมาตามหากระต่ายป่าที่ข้าเลี้ยงเอาไว้ แต่คลาดกับมัน มารู้ตัวอีกทีก็อยู่กลางป่าเสียแล้ว”“ขึ้นมาสิ ข้าจะพาไปส่งที่หมู่บ้าน”“ขอบคุณเจ้าค่ะ!!” ฟางเหนียงเอ่ยพลางยิ้มกว้าง กำลังจะเดินขึ้นรถม้าทว่าสารถีผู้นั้นก็เอ่ยเรียกนางเอาไว้เสียก่อน“ช้าก่อน เจ้า… ฟางเหนียง!?”“เจ้าคะ? ท่านรู้จักข้าด้วยหรือเจ้าคะ?”พลันโทสะก็ครอบงำบุรุษผู้นี้แล้วกระโดดเข้าจู่โจมฟางเหนียง!!
บทที่ 15ยินยอม“กลับกับข้าเถิด”สตรีตัวน้อยพยักหน้า ถึงอย่างไรนางก็ต้องกลับกับเขาอยู่แล้ว ไม่มีทางปล่อยให้ผู้ที่บาดเจ็บเพราะความดื้อรั้นของตัวเองกลับไปเพียงคนเดียวเป็นแน่“เดินไหวหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าประคองข้าหน่อยได้หรือไม่?” บุรุษใช้โอกาสออดอ้อนนางอย่างเจ้าเล่ห์ หากไม่ถือโอกาสนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าจะมีโอกาสออดอ้อนนางอีกเมื่อใดแม้บาดแผลจะลึก แต่ตนเป็นปีศาจจิ้งจอก บาดแผลจากสิ่งของมนุษย์อีกทั้งยังไร้พิษ ตราบใดที่มีลูกแก้วจิ้งจอกอยู่ข้างกาย ร่างกายก็สามารถฟื้นคืนสภาพได้อย่างรวดเร็ว“เจ้าค่ะ”เมื่อกลับมายังตำหนักพันปี ฟางเหนียงก็เตรียมที่จะออกไปหาฮวาอิน สำหรับนางแล้วปีศาจด้วยกันย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไรกับบาดแผล อีกอย่างนางมาอยู่ที่นี่ก็ได้รับแต่การปรนนิบัติ จึงไม่รู้ว่าข้าวของเครื่องใช้นั้นอยู่ที่ใดบ้าง แต่กลับถูกจินหมิงเยว่คว้าท่อนแขนเอาไว้เสียก่อน“เจ้าจะไปที่ใด?
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา
บทที่ 21รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฟางเหนียงในวัยสิบหกปีครั้นมาที่ดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้นางอายุสิบแปดหนาวเสียแล้วความงดงามของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นเสียจนจินหมิงเยว่แทบจะกกกอดนางเอาไว้ภายในห้องตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่ารอบตำหนักพันปีจะไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้ หากมิได้รับอนุญาตก็ตาม“ท่านพี่เจ้าคะ!” เสียงเจื้อยแจ้วของฟางเหนียงดังขึ้น พร้อมการปรากฏกายของนาง ในขณะที่จินหมิงเยว่กำลังฝึกพละกำลังและอาคมบุรุษตวัดฝ่ามือครั้งหนึ่งพาร่างบอบบางลอยละล่องมานั่งบนตักของตนเอง แล้วฉวยโอกาสหอมแก้มนางไปหนึ่งที“ว้าย! ท่านพี่! ฮวาอินก็อยู่นะเจ้าคะ”“เฮ้อ ฮวาอินออกจะชอบที่ข้ากับเจ้าพลอดรักกัน”“ท่านพี่!!”เพี๊ยะ!!ว่าแล้วก็ตีท่อนแขนแกร่งไปหนึ่งทีด้วยความเขินอาย จินหมิงเยว่หัวเราะเสียงดัง ยิ่งได้เห็นพวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อก็ยิ่งอยากแกล้
บทที่ 20งอน“ลองขย่มข้าสิ”“ตะ แต่ข้าไม่รู้”“ทำแบบนี้”“อ๊ะ!?”ฝ่ามือหยาบยกสะโพกกลมขึ้นแล้วกดลงให้ครอบครองความแข็งแกร่งของตนเอง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างบอบบางฟางเหนียงขยับตามการนำพาของบุรุษ กระทั่งหาจังหวะของตนเองเจอ จินหมิงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงด้วยความมันเขี้วแทนท่วงท่าของนางสร้างความรัญจวนในเหลือเกิน มันเชื่องช้าและละมุนละไม ราวกับจงใจทรมานจินหมิงเยว่ให้ต้องอดทนกับกามารมณ์ เกร็งทั่วทั้งร่างจนเห็นก้อนกล้ามเนื้อชัดเจน อีกทั้งเส้นเลือดยังปูดโปนออกมา“อ่า เหนียงเอ๋อร์ เจ้าช่าง...” บุรุษมิอาจเอื้อนเอ่ยได้อีก เมื่อนางเริ่มขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิได้เข้าสุดออกสุดเหมือนอย่างในครั้งแรก แต่เป็นการกดสะโพกระรัว“อืม” นางครางเสียงหวานแล้วแหงนหน้าขึ้นตามอารมณ์ จินหมิงเยว่ก้ามหน้าลงดูดดื่มกับยอดอกสีหวานเข้าปากอย่างกระหายความรู้สึกวาบหวา
บทที่ 19จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ดวงตาคู่งามเปิดอย่างเชื่องช้า คราวนี้ฟางเหนียงไม่ตกใจอีกแล้วว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สถานที่ที่ไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ นางคงถูกเทพองค์นั้นเรียกตัวมาอีกเป็นแน่นางเตรียมที่จะมองหาตัวของผู้ที่เรียกนางมา แต่ไม่ทันที่จะได้หยัดกายลุกขึ้นเสียด้วยซ้ำ เสียงทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นเหนือหัว“เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ตกใจแล้วหรือ?”ฟางเหนียงหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะหันไปยอบกายคำนับตามมารยาท“คำนับ ท่านเทพเจ้าค่ะ”“อ่า เจ้ารู้แล้วสินะ… รู้ได้อย่างไร หมิงเยว่บอกเจ้าหรือ?”“ท่านพี่ของข้ารู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัวด้วยหรือเจ้าคะ?”“อ่า มิใช่สินะ”ใบหน้าคมคายหม่นลงเล็กน้อย ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับฟางเหนียงดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้จักกันสินะ แต่รู้จักกันด้วยดีหรือร้ายมิอานคาดเดาได้“ท่านเทพ… จุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใดกันแน่?”สตรีตัวน้อยรู้สึกหวาดหวั่นเหลือเกิน หวาดกลัวว
บทที่ 18มิอาจยอมให้นางเสียหายลิ้นสากหลีกหนีเรียวลิ้นของนาง ลิ้นของนางก็ยังตามติดไม่ออก กลายเป็นจูบที่แสนดูดดื่มจนเกิดเสียงน่าอาย เมื่อยามที่ฟางเหนียงยอมแพ้คิดจะถอนริมฝีปากออก จินหมิงเยว่ก็เป็นฝ่ายคว้าท้ายทอยของนางแล้วกดให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็เป็นฝ่ายรุกรานโพรงปากอุ่น ตักตวงความหอมหวานอย่างเร่าร้อน ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เอาแต่หลีกหนีปฏิเสธนางแท้ๆ...จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!!...อดมิได้ที่จะต่อว่าบุรุษในใจที่คิดหลอกนาง แต่ก็ยอมให้บุรุษรุกรานแต่โดยดี เพราะจูบหวานๆ ที่ถูกส่งมอบมามันพาให้ร่างของนางอ่อนระทวย เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบซึ่งราวกับเอาอกเอาใจนาง นางจะยอมให้อภัยจินหมิงเยว่ก็แล้วกันเนิ่นนานกว่าทั้งสองจะถอนริมฝีปากออกจากัน ดวงตาสบประสานกันของหวานซึ้ง คล้ายกับกำลังแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีให้กันและกัน“เอาลูกแก้วคืนไปหรือยังเจ้าคะ?”“ยัง”“อ้าว?”“ข้าฝากไว้กับเจ้า หากข้าบาดเจ็บเจ้าจะได้จู