ดวงตาคู่งามเปิดอย่างเชื่องช้า คราวนี้ฟางเหนียงไม่ตกใจอีกแล้วว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สถานที่ที่ไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ นางคงถูกเทพองค์นั้นเรียกตัวมาอีกเป็นแน่
นางเตรียมที่จะมองหาตัวของผู้ที่เรียกนางมา แต่ไม่ทันที่จะได้หยัดกายลุกขึ้นเสียด้วยซ้ำ เสียงทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นเหนือหัว
“เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ตกใจแล้วหรือ?”
ฟางเหนียงหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะหันไปยอบกายคำนับตามมารยาท
“คำนับ ท่านเทพเจ้าค่ะ”
“อ่า เจ้ารู้แล้วสินะ… รู้ได้อย่างไร หมิงเยว่บอกเจ้าหรือ?”
“ท่านพี่ของข้ารู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัวด้วยหรือเจ้าคะ?”
“อ่า มิใช่สินะ”
ใบหน้าคมคายหม่นลงเล็กน้อย ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับฟางเหนียง
ดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้จักกันสินะ แต่รู้จักกันด้วยดีหรือร้ายมิอานคาดเดาได้
“ท่านเทพ… จุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใดกันแน่?”
สตรีตัวน้อยรู้สึกหวาดหวั่นเหลือเกิน หวาดกลัวว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของโดยเทพองค์นี้จะเป็นลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ภายในตัวของนาง
ทั้งนี้คือการคาดเดาของนางล้วนๆ เทพองค์นี้คล้ายกับมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับจินหมิงเยว่ หากมิใช่เช่นนั้นก็คงไปหาบุรุษที่ตำหนักพันปีได้ มิใช่ว่าแอบดึงดวงจิตของนางออกมาเช่นนี้
“อยากได้กังวลไปเลย ข้าผู้นี้อยู่ข้างพวกเจ้า โชคดียิ่งนักที่เจ้ายังคงอ่อนโยนเฉกเช่นเดิม หากแต่ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะไม่คืบหน้าเป็นแน่ หากไม่เดินหน้ากระทำสิ่งใดไปมากกว่านี้”
“ท่านเทพ การที่ท่านลงมายุ่งเกี่ยวกับโชคชะตาของมนุษย์โลกนั้นมิใช่สิ่งต้องห้ามหรอกหรือเจ้าคะ”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วอย่างไรเล่า ว่าข้ากำลังหลบหลีกดวงตาสวรรค์”
“ท่านมีความสัมพันธ์อันใดท่านพี่ของข้ากันแน่เจ้าคะ?”
“สหายเก่าน่ะ”
“และเหตุใดจึงไม่ไปเจอสหายเก่าล่ะเจ้าคะ เหตุใดจึงต้องเรียกข้ามาแทน?”
“เจ้าช่างขี้สงสัยเสียจริง ไม่ว่าชาติภพใดเจ้าก็ยังขี้สงสัย ข้าล่ะเบื่อจริงๆ เจ้าไปดูเอาเองดีกว่าว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าเรียกเจ้ามา อย่างที่เจ้าเอ่ยไปเมื่อครู่นี้… เทพอย่างข้าไม่ควรยุ่งกับโชคชะตาของมนุษย์”
บุรุษซึ่งฟางเหนียงเชื่อว่าเป็นเทพสะบัดมือคล้ายกับไล่นาง พลันร่างกายคล้ายกับถูกลมจากการสะบัดมือนั่นถูกพักล่องลอยออกไปไกล
“กรี๊ด!!” ด้วยความตกใจนางจึงกรีดร้องเสียงหลง มารู้สึกตัวอีกทีนางก็มาอยู่ในสถานที่อันไม่คุ้นเคยเสียแล้ว
ดวงตาคู่งามกวาดสายตามองไปรอบด้าน ยามนั้นเองร่างกายของนางก็ขยับทั้งๆ ที่นางมิได้สั่งการ!
...เกิดอะไรขึ้นกับข้า!?...
“ท่านพี่ รอนานหรือไม่เจ้าคะ!” ริมฝีปากของฟางเหนียงขยับเอ่ยเรียกบุรุษผู้หนึ่งซึ่งนางคุ้นเคยดีเหลือเกิน บุรุษผู้นั้นก็คือ
จินหมิงเยว่!
รูปร่างหน้าตานั้นไม่ต่างไปจากเดิมเลยสักนิด จะแตกต่างก็เพียง... ใบหน้าในยามนี้ดูสดใสกว่าที่นางเคยเห็นหลายส่วน
สายตาที่จ้องมองเจ้าของร่างที่ฟางเหนียงสวมร่างอยู่นั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัดอัดแน่นอยู่ในนั้น
“ไม่เลย ขอแค่เจ้ามา” บุรุษว่าพลางเผยรอยยิ้มกว้าง สตรีตัวน้อยหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย แล้วพวกเขาก็พูดคุยกันอยู่นานกระทั่งฟ้ามืด
เป็นเช่นนี้อยู่หลายวัน โดยที่ทุกครั้งที่กลับบ้านไปไม่น่าสตรีผู้นี้จะทำดีถึงเพียงใดก็ถูกทุบตีจนบาดเจ็บเรื่อยไป
ทว่าเช้าวันต่อมาก็ทำงานเฉกเช่นเดิม เมื่อถึงช่วงบ่ายก็จะเข้าไปในป่าเพื่อพบเจอกับจินหมิงเยว่
“พรุ่งนี้เจ้าจะอายุสิบหกหนาวแล้วใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลางแบ่งหมั่นโถวป้อนให้กับบุรุษ
“เช่นนั้นข้าขอเจ้าแต่งงานได้หรือยัง?”
“เจ้าคะ?”
หมั่นโถวร่วงหล่นลงพื้น สตรีตัวน้อยรีบก้มลงเก็บแล้วนำมาปัดฝุ่นออกอย่างนึกเสียดาย จินหมิงเยว่คว้าหมั่นโถสนั่นเก็บใส่ถุง ก่อนจะจับสองมือเล็กๆ ไปกอบกุมเอาไว้ แล้วคุกเข่าลงบนพื้น ในขณะที่สตรีตัวน้อยนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่
“ทะ ท่านพี่ ระวังจะเปื้อนนะเจ้าคะ”
“เจ้าคงไม่คิดว่าจะแต่งงานกับบุรุษอื่นหรอกนะ?”
บุรุษใช้ดวงตาออดอ้อนนางอย่างที่เคยทำมาตลอด สื่อถึงความจริงใจทุกส่วนที่มีให้กับนาง
“มะ ไม่ ข้า ข้า...”
นางดีใจจนพูดไม่ออกกระนั้นก็ยังอดกังวลถึงเรื่องสถานะทางครอบครัวมิได้
ทว่า... ใช่ว่าจินหมิงเยว่จะไม่รู้ เพราะนางเคยเล่าให้ฟัง แต่บุรุษก็ยังคงเอ่ยขอนางแต่งงานเช่นนี้ มันช่างมีความสุขเหลือเกิน
“อย่าร้อง... ข้าอยากแต่งงานกับเจ้าจริงๆ เจ้าจะแต่งงานกับข้าได้หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งสองพลอดรักกันอย่างหวานซึ้ง ตกลงกันว่าอีกไม่กี่วันบุรุษจะไปสู่ขอนางตามธรรมเนียม ทว่าเมื่อวันนั้นมาถึงสตรีตัวน้อยกลับเหลือเพียงร่างไร้ชีวิต!
“เฮือก!!”
เป็นอีกครั้งที่ฟางเหนียงสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ครั้นก่อนหน้านี้ที่นางเผลอหลับคาอ่างอาบน้ำ นั่นก็เพราะเทพเบื้องบนผู้นั้นเรียกนางไป ทำเอาคราวนี้นางเก็บเอามาฝัน
ฟางเหนียงมั่นใจว่านั่นจะต้องเป็นภพชาติหนึ่งของนางกับจินหมิงเยว่เป็นแน่ อาจจะด้วยความที่คล้ายกับว่านางย้อนเวลากลับไปอยู่ในร่างของตนเองในภพอดีต
ความรู้สึกทั้งรักทั้งเศร้าเสียใจก็ตามติดนางมาด้วย และยังทำให้นางเปิดใจมองจินหมิงเยว่ได้มากขึ้น ที่เทพผู้นั้นเอ่ยว่าอยู่ข้างนางและจินหมิงเยว่นั้นเป็นความจริงหรอกหรือ
แล้วเหตุใดจึงต้องช่วยพวกเขามากถึงเพียงนี้ ถึงขั้นหลีกเลี่ยงดวงตาสวรรค์ ฝืนกฎแห่งลิขิต เพื่อช่วยพวกนาง เป็นเพราะจินหมิงเยว่คือสหายเก่าจริงๆ น่ะหรือ?
ฟางเหนียงหยัดกายลุกขึ้น โดยมีฮวาอินซึ่งรับรู้ถึงการตื่นนอนของนางเข้ามาช่วยอาบน้ำ
“ท่านพี่ล่ะ?” ขณะที่ฮวาอินกำลังนวดผ่อนคลายให้กับนาง ฟางเหนียงจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
เมื่อคืนนี้นางเผลอหลับไป คิดว่าเมื่อตื่นขึ้นมาจะเจอกับจินหมิงเยว่เสียอีก แต่ข้างกายกลับว่างเปล่าอีกทั้งยังเย็นเฉียบ บ่งบอกว่าคนข้างกายลุกออกจากเตียงไปนานแล้ว หรืออาจจะมิได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืน...
มีหลายสิ่งที่นางอยากถามเหลือเกิน...
กึด!
“อ๊ะ!”
“โทษที เจ็บหรือ?” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัว ฟางเหนียงลืมตาขึ้นก็เห็นว่าจินหมิงเยว่กำลังนวดผ่อนคลายให้กับนาง
“ทะ ท่านพี่!?”
จุ๊บ!
“เจ้าช่างน่ากินเหลือเกิน” บุรุษขโมยจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างจงใจยั่วยวนนาง
“ไปที่ใดมาเจ้าคะ?” สตรีตัวน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอน เนื่องจากบุรุษหายหน้าหายตาไปนานโดยไม่บอกไม่กล่าวนางก่อน จนบางครั้งนางเผลอคิดว่าบุรุษไม่สนใจนางแล้ว
“เข้ามีเรื่องต้องจัดการน่ะ”
ขณะที่เอ่ยอยู่ จินหมิงเยว่ก็ถอดอาภรณ์ของตนเองออก เผยร่างกายกำยำได้สัดส่วน แม้ฟางเหนียงจะเห็นมาแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะชิน นางยังคงเขินอายที่ได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของบุรุษ
“ท่านพี่ จะทำอะไรเจ้าคะ?”
“อาบน้ำกับเจ้า”
“ให้เหนียงเอ๋อร์อาบเสร็จก่อนสิเจ้าคะ”
“ก็ข้าอยากอาบกับเจ้านี่”
จินหมิงเยว่ถอดอาภรณ์จนร่างกายเปล่าเปลือย แก่นกายแข็งแรงตรงกลางลำตัวนั้นเด้นตระหง่านเหลือเกิน ยามนี้ขนาดของมันยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่าใดนัก กระนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันใหญ่โตอยู่ดี นางกดหน้าลงมองน้ำซึ่งกระเพื่อมตามกรขยับตัวของบุรุษ
หมับ!
“ว้าย! ท่านพี่!”
ตุบ!
ฝ่ามือเล็กทุบแผงอกกว้างไปหนึ่งที เมื่ออยู่ดีๆ บุรุษก็คว้าร่างของนางขึ้นไปนั่งบนตัก อีกทั้งยังเป็นท่วงท่าที่จับนางอ้าขาโอบรอบลำตัวของบุรุษ ส่วนล่างจนเสียดสีกันพาให้รู้สึกวาบหวาม
“ข้าหิว”
“เช่นนั้นก็ไปบอกฮวาอินสิเจ้าคะ”
“ข้ามิได้หิวข้าว เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าหิวอะไร”
“จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!”
“เรื่องนี้เจ้าเองก็รู้อยู่แล้วนี่” บุรุษเอ่ยพลางยิ้มกว้าง ดวงตาจ้องมองผิวขาวๆ ที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ภายในน้ำเองก็เห็นผิวใสๆ อยู่บ้าง บุรุษกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอด้วยความหื่นกระหาย
“วันก่อนเพิ่งทำไปเองนะเจ้าคะ”
“นั่นมันวันก่อน เจ้าไม่รู้หรือว่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง สามารถสานสัมพันธ์กับสตรีได้หลายรอบในคืนเดียว หากเจ้าไม่หลับไปก่อนข้าคงได้กินเจ้าข้ามวันข้ามคืนเป็นแน่”
ซุก!
“อ๊ะ ท่านพี่ อย่าเจ้าค่ะ ให้ข้าได้พักบ้าง”
“เจ้าพักไปหนึ่งวันแล้วนี่”
“จะให้ข้าพักวันเว้นวันหรือเจ้าคะ!”
“อาฮะ มิเช่นนั้นก็เอาทุกวันๆ”
“ท่านพี่ ท่านเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะเจ้าคะ เป็นจิ้งจอกแต่ไม่เห็นจะต้องเจ้าเล่ห์เลยนี่เจ้าคะ”
“เจ้าเองก็เช่นกัน เป็นฟางเหนียงแต่ไม่เห็นจะต้องมีกลิ่นหอมเย้ายวนข้าถึงเพียงนี้เลย”
ไม่เอ่ยเปล่ายกร่างของนางขึ้งสูง ให้ทรวงอกโผล่พ้นน้ำก่อนจะซุกจมูกคมเข้าที่ตรงกลางระหว่างเต้าอวบอิ่มทั้งสอง พร้อมทั้งสูดกลิ่นหอมหวานของสตรีตัวน้อยอย่างย่ามใจ
“อ่า หอมเหลือเกิน” ไม่เพียงเท่านั้น ยังอ้าปากดูดเนื้อขาวๆ เข้าปากอย่างจาบจ้วง
“อื้อ!”
นางถดถอยกายหลีกหนีปากอุ่นๆ แต่ก็ถูกดูดจนเนื้อแทบหลุดติดปาก เอวบางถูกบุรุษโอบกระชับ เปิดโอกาสให้ปากอุ่นๆ ครอบครองยอดอกเข้าปากอย่างย่ามใจ
“อึก อื้อ!”
แล้วฟางเหนียงก็ถูกจิ้งจอกเก้าหางแสนเจ้าเล่ห์ล่อลวงให้หลงมัวเมาในอารมณ์แห่งราคะอีกครั้ง
ปากอุ่นๆ ดูดดื่มยอดอกของนาง ทั้งตวัดเลีย และดูดดึง อีกทั้งยังออกแรงขบเม้มแรงๆ จนนางเสียวกระสันไปทั่วทั้งร่าง เผลอเอนกายไปด้านหลัง โดยมีแขนแกร่งช่วยประคองเอาไว้ แอ่นอกรับปากอุ่นๆ อย่างรัญจวนใจ
ทั้งที่นางมีเรื่องต้องถามจินหมิงเยว่มากมายแท้ๆ หากแต่กลับถูกล่อลวงให้อยู่ในห้วงแห่งราคะเสียได้ สัมผัสของบุรุษยากเกินต้านทานเสียด้วยสิ
เช่นนี้แล้วจะให้นางหลุดออกจากห้วงแห่งราคะนี้ได้อย่างไร ทั้งรูปร่างหน้าตาไม่เป็นรองผู้ใด อีกทั้งยังเป็นถึงประมุขดินแดนปีศาจจิ้งจอก มิหนำซ้ำลีลาการมอบความรักให้กับนางยังวาบหวามชวนฝัน รู้ไปเสียหมดว่าต้องสัมผัสตรงส่วนใดจึงจะสร้างความเสียวซ่านให้กับนาง
“อือ ท่านพี่”
“ชอบหรือไม่?”
“เจ้าค่ะ ชอบ ฮ้า!”
ในขณะที่ปากหยักดูดกลืนยอดอกอย่างหื่นกระหายอยู่นั้น นิ้วแกร่งก็สอดแทรกเข้าไปในช่องรักสุดนิ้ว ทำเอาสตรีตัวร้องร้องครางเสียงหลง แล้วเกร็งไปทั่วทั้งร่าง
“อื้อ ท่านพี่”
“ชู่ว ใจเย็นๆ”
นิ้วแกร่งสอดเข้าและออกอย่างเชื่องช้า สะโพกกลมขยับตามจังหวะนิ้วของบุรุษ ทำเอาจินหมิงเยว่ครางเสียงกระเส่ากับการขย่มนิ้วของนาง หากนางขย่มที่ท่อนเอ็นของตนจนรู้สึกดีเช่นไรกันหนอ
“อ่า เหนียงเอ๋อร์ ข้าไม่ไหวแล้ว” จินหมิงเยว่กัดฟันกรอด ก่อนจะดึงนนิ้วออกจากช่งอรัก แล้วจับร่างบอบบางให้นั่งลงบนท่อนเอ็นแข็งแกร่งของตนเอง
“อื้อ!!”
“อ่า เหนียงเอ๋อร์ เจ้าตอดข้ารุนแรงเหลือกิน”
“อึก อ๊ะ ละ ลึกมาก...!”
บทที่ 20งอน“ลองขย่มข้าสิ”“ตะ แต่ข้าไม่รู้”“ทำแบบนี้”“อ๊ะ!?”ฝ่ามือหยาบยกสะโพกกลมขึ้นแล้วกดลงให้ครอบครองความแข็งแกร่งของตนเอง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างบอบบางฟางเหนียงขยับตามการนำพาของบุรุษ กระทั่งหาจังหวะของตนเองเจอ จินหมิงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงด้วยความมันเขี้วแทนท่วงท่าของนางสร้างความรัญจวนในเหลือเกิน มันเชื่องช้าและละมุนละไม ราวกับจงใจทรมานจินหมิงเยว่ให้ต้องอดทนกับกามารมณ์ เกร็งทั่วทั้งร่างจนเห็นก้อนกล้ามเนื้อชัดเจน อีกทั้งเส้นเลือดยังปูดโปนออกมา“อ่า เหนียงเอ๋อร์ เจ้าช่าง...” บุรุษมิอาจเอื้อนเอ่ยได้อีก เมื่อนางเริ่มขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิได้เข้าสุดออกสุดเหมือนอย่างในครั้งแรก แต่เป็นการกดสะโพกระรัว“อืม” นางครางเสียงหวานแล้วแหงนหน้าขึ้นตามอารมณ์ จินหมิงเยว่ก้ามหน้าลงดูดดื่มกับยอดอกสีหวานเข้าปากอย่างกระหายความรู้สึกวาบหวา
บทที่ 21รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฟางเหนียงในวัยสิบหกปีครั้นมาที่ดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้นางอายุสิบแปดหนาวเสียแล้วความงดงามของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นเสียจนจินหมิงเยว่แทบจะกกกอดนางเอาไว้ภายในห้องตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่ารอบตำหนักพันปีจะไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้ หากมิได้รับอนุญาตก็ตาม“ท่านพี่เจ้าคะ!” เสียงเจื้อยแจ้วของฟางเหนียงดังขึ้น พร้อมการปรากฏกายของนาง ในขณะที่จินหมิงเยว่กำลังฝึกพละกำลังและอาคมบุรุษตวัดฝ่ามือครั้งหนึ่งพาร่างบอบบางลอยละล่องมานั่งบนตักของตนเอง แล้วฉวยโอกาสหอมแก้มนางไปหนึ่งที“ว้าย! ท่านพี่! ฮวาอินก็อยู่นะเจ้าคะ”“เฮ้อ ฮวาอินออกจะชอบที่ข้ากับเจ้าพลอดรักกัน”“ท่านพี่!!”เพี๊ยะ!!ว่าแล้วก็ตีท่อนแขนแกร่งไปหนึ่งทีด้วยความเขินอาย จินหมิงเยว่หัวเราะเสียงดัง ยิ่งได้เห็นพวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อก็ยิ่งอยากแกล้
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 1เครื่องบรรณาการแด่จิ้งจอกเก้าหางร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินเก็บสมุนไพรในป่าลึกชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของเจ้าขนปุกปุยนอนฟุบอยู่ไม่ไกลจากที่นางอยู่มากนัก เด็กน้อยพาตนเองไปใกล้ๆ กับมันก็พบว่าเจ้าก้อนปุกปุยนั้นคือจิ้งจอกตัวน้อย‘หมาน้อย!’แม้ว่านางจะเชื่อว่ามันเป็นหมาน้อยก็ตาม...นางอุ้มจิ้งจอกตัวน้อยหรือหมาน้อยของนางขึ้นมา เห็นว่ามันได้รับบาดเจ็บก็ใช้สมุนไพรที่ตนเองเพิ่งเก็บมา ก่อนจะใช้หินทุบๆ แล้วนำมันไปวางโปะไว้ที่บาดแผลของจิ้งจอกตัวน้อย พร้อมทั้งฉีกแขนเสื้อตนเองแล้วใช้พันที่ท้องของมันเอาไว้ดวงตาใสๆ ของนางมองเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ด้วยความเวทนา อยากจะนำมันไปดูแลเหลือเกิน หากแต่แค่ตัวนางเองก็ลำบากมากพอแล้ว ไม่อยากนำเจ้าสัตว์ตัวน้อยไปทุกข์ยากด้วย อีกอย่างขืนนำจิ้งจอกตัวนี้กลับบ้านไปด้วย มีหวังจากที่จิ้งจอกตัวนี้จะรอดตาย คงถูกตีจนตายต่อหน้าต่อตานางแน่ๆแม้นางจะยังเด็กนัก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้เด็กน้อยเข้าใจโลกที่นางอยู่อย่างถ่องแท้‘เรียบร้อย ข้าต้องไปแล้วนะ’ ด้วยความไร้เดียงสา นางคิดว่าทำแค่นี้จิ้งจอกตัวนั้นคงรอดตายแล้ว ก่อนจะเดินลงจากเขาไป...ดวงตาของ
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา
บทที่ 21รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฟางเหนียงในวัยสิบหกปีครั้นมาที่ดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้นางอายุสิบแปดหนาวเสียแล้วความงดงามของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นเสียจนจินหมิงเยว่แทบจะกกกอดนางเอาไว้ภายในห้องตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่ารอบตำหนักพันปีจะไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้ หากมิได้รับอนุญาตก็ตาม“ท่านพี่เจ้าคะ!” เสียงเจื้อยแจ้วของฟางเหนียงดังขึ้น พร้อมการปรากฏกายของนาง ในขณะที่จินหมิงเยว่กำลังฝึกพละกำลังและอาคมบุรุษตวัดฝ่ามือครั้งหนึ่งพาร่างบอบบางลอยละล่องมานั่งบนตักของตนเอง แล้วฉวยโอกาสหอมแก้มนางไปหนึ่งที“ว้าย! ท่านพี่! ฮวาอินก็อยู่นะเจ้าคะ”“เฮ้อ ฮวาอินออกจะชอบที่ข้ากับเจ้าพลอดรักกัน”“ท่านพี่!!”เพี๊ยะ!!ว่าแล้วก็ตีท่อนแขนแกร่งไปหนึ่งทีด้วยความเขินอาย จินหมิงเยว่หัวเราะเสียงดัง ยิ่งได้เห็นพวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อก็ยิ่งอยากแกล้
บทที่ 20งอน“ลองขย่มข้าสิ”“ตะ แต่ข้าไม่รู้”“ทำแบบนี้”“อ๊ะ!?”ฝ่ามือหยาบยกสะโพกกลมขึ้นแล้วกดลงให้ครอบครองความแข็งแกร่งของตนเอง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างบอบบางฟางเหนียงขยับตามการนำพาของบุรุษ กระทั่งหาจังหวะของตนเองเจอ จินหมิงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงด้วยความมันเขี้วแทนท่วงท่าของนางสร้างความรัญจวนในเหลือเกิน มันเชื่องช้าและละมุนละไม ราวกับจงใจทรมานจินหมิงเยว่ให้ต้องอดทนกับกามารมณ์ เกร็งทั่วทั้งร่างจนเห็นก้อนกล้ามเนื้อชัดเจน อีกทั้งเส้นเลือดยังปูดโปนออกมา“อ่า เหนียงเอ๋อร์ เจ้าช่าง...” บุรุษมิอาจเอื้อนเอ่ยได้อีก เมื่อนางเริ่มขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิได้เข้าสุดออกสุดเหมือนอย่างในครั้งแรก แต่เป็นการกดสะโพกระรัว“อืม” นางครางเสียงหวานแล้วแหงนหน้าขึ้นตามอารมณ์ จินหมิงเยว่ก้ามหน้าลงดูดดื่มกับยอดอกสีหวานเข้าปากอย่างกระหายความรู้สึกวาบหวา
บทที่ 19จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ดวงตาคู่งามเปิดอย่างเชื่องช้า คราวนี้ฟางเหนียงไม่ตกใจอีกแล้วว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สถานที่ที่ไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ นางคงถูกเทพองค์นั้นเรียกตัวมาอีกเป็นแน่นางเตรียมที่จะมองหาตัวของผู้ที่เรียกนางมา แต่ไม่ทันที่จะได้หยัดกายลุกขึ้นเสียด้วยซ้ำ เสียงทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นเหนือหัว“เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ตกใจแล้วหรือ?”ฟางเหนียงหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะหันไปยอบกายคำนับตามมารยาท“คำนับ ท่านเทพเจ้าค่ะ”“อ่า เจ้ารู้แล้วสินะ… รู้ได้อย่างไร หมิงเยว่บอกเจ้าหรือ?”“ท่านพี่ของข้ารู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัวด้วยหรือเจ้าคะ?”“อ่า มิใช่สินะ”ใบหน้าคมคายหม่นลงเล็กน้อย ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับฟางเหนียงดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้จักกันสินะ แต่รู้จักกันด้วยดีหรือร้ายมิอานคาดเดาได้“ท่านเทพ… จุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใดกันแน่?”สตรีตัวน้อยรู้สึกหวาดหวั่นเหลือเกิน หวาดกลัวว
บทที่ 18มิอาจยอมให้นางเสียหายลิ้นสากหลีกหนีเรียวลิ้นของนาง ลิ้นของนางก็ยังตามติดไม่ออก กลายเป็นจูบที่แสนดูดดื่มจนเกิดเสียงน่าอาย เมื่อยามที่ฟางเหนียงยอมแพ้คิดจะถอนริมฝีปากออก จินหมิงเยว่ก็เป็นฝ่ายคว้าท้ายทอยของนางแล้วกดให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็เป็นฝ่ายรุกรานโพรงปากอุ่น ตักตวงความหอมหวานอย่างเร่าร้อน ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เอาแต่หลีกหนีปฏิเสธนางแท้ๆ...จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!!...อดมิได้ที่จะต่อว่าบุรุษในใจที่คิดหลอกนาง แต่ก็ยอมให้บุรุษรุกรานแต่โดยดี เพราะจูบหวานๆ ที่ถูกส่งมอบมามันพาให้ร่างของนางอ่อนระทวย เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบซึ่งราวกับเอาอกเอาใจนาง นางจะยอมให้อภัยจินหมิงเยว่ก็แล้วกันเนิ่นนานกว่าทั้งสองจะถอนริมฝีปากออกจากัน ดวงตาสบประสานกันของหวานซึ้ง คล้ายกับกำลังแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีให้กันและกัน“เอาลูกแก้วคืนไปหรือยังเจ้าคะ?”“ยัง”“อ้าว?”“ข้าฝากไว้กับเจ้า หากข้าบาดเจ็บเจ้าจะได้จู