วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฟางเหนียงในวัยสิบหกปีครั้นมาที่ดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้นางอายุสิบแปดหนาวเสียแล้ว
ความงดงามของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นเสียจนจินหมิงเยว่แทบจะกกกอดนางเอาไว้ภายในห้องตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่ารอบตำหนักพันปีจะไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้ หากมิได้รับอนุญาตก็ตาม
“ท่านพี่เจ้าคะ!” เสียงเจื้อยแจ้วของฟางเหนียงดังขึ้น พร้อมการปรากฏกายของนาง ในขณะที่จินหมิงเยว่กำลังฝึกพละกำลังและอาคม
บุรุษตวัดฝ่ามือครั้งหนึ่งพาร่างบอบบางลอยละล่องมานั่งบนตักของตนเอง แล้วฉวยโอกาสหอมแก้มนางไปหนึ่งที
“ว้าย! ท่านพี่! ฮวาอินก็อยู่นะเจ้าคะ”
“เฮ้อ ฮวาอินออกจะชอบที่ข้ากับเจ้าพลอดรักกัน”
“ท่านพี่!!”
เพี๊ยะ!!
ว่าแล้วก็ตีท่อนแขนแกร่งไปหนึ่งทีด้วยความเขินอาย จินหมิงเยว่หัวเราะเสียงดัง ยิ่งได้เห็นพวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อก็ยิ่งอยากแกล้งนาง แต่หากแกล้งไปยิ่งกว่านี้ เดี๋ยวนางจะงอนจนง้อยาก เช่นนั้นยามนี้ก็พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน บุรุษโบกมือไล่ฮวาอิน จากนั้นก็ขโมยจูบหวานๆ จากปากของนาง
“อื้อ!” สองมือเล็กดันแผงอกกำยำของบุรุษให้ถอยห่างจากตัว
มิใช่ว่านางรังเกียจหรือไม่ชอบ หากทว่ายามนี้อยู่ในสวนบุปผาพันปี เป็นที่โล่งแจ้ง แม้ไร้ผู้คนก็ตาม กระนั้นแล้วฟางเหนียงก็ยังคงอับอายอยู่ดี หากจะต้องมากระทำสิ่งใดประเจิดประเจ้อเช่นนี้ จึงพยายามห้ามปรามคนตัวโต ที่เอาแต่รุกรานจูบนางอย่างหื่นกระหายไม่ยอมหยุด
“ท่านพี่ หยุดก่อนเจ้าค่ะ” เมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ฟางเหนียงก็รีบหันหน้าหนีด้วยกลัวว่าจินหมิงเยว่จะบดเคล้าริมฝีปากลงมาอีก แล้วเอ่ยร้องบอกบุรุษ
หากแต่จมูกคมก็เอาแต่สูดดมกลิ่นหอมของนาง ซุกไซร้ซอกคอจนนางรู้สึกจั๊กจี้ไปหมด สายคาดตรงหน้าอกของนางถูกปลดออกอย่างง่ายดาย พร้อมกับอ้อมแขนกระชับร่างบอบบางให้แนบชิดจนแทบบจะหลอมรวมกลายเป็นร่างเดียวกัน
“ท่านพี่!”
“เหนียงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงหอมหวานเช่นนี้ ให้ข้ากินเจ้าทั้งวันทั้งคืนยังได้”
“ทะ ท่านพี่ ช้าก่อนเจ้าค่ะ หยุดก่อน!” ฟางเหนียงพยายามขัดขืน โดยการจับฝ่ามือหยาบของบุรุษเอาไว้ แต่ก็มิอาจสู้แรงของชายชาตรีได้
ลมหายใจของบุรุษนั้นหอบถี่เหลือเกิน อารมณ์ภายในกายของบุรุษนั้นพลุกพล่านยากที่จะควบคุม สงสัยคงถึงช่วงนั้นแล้วกระมัง
พรึ่บ!
ข้าวของบนโต๊ะถูกกวาดออกไป ร่างบางถูกจับกดลงบนพื้นโต๊ะ โดยมีร่างกำยำของจินหมิงเยว่ตามมาทาบทับไม่ห่าง ริมฝีปากระดมจูบอย่างหื่นกระหายและเร่าร้อน ฟางเหนียงเริ่มหายใจไม่ออกกับจูบที่ไม่ต่างจากการสูบวิญญาณ นางกำลังถูกจินหมิงเยว่หว่านล้อมให้ยอมตกเป็นของเขา หากทว่าเมื่อกำลังจะเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสวาบหวามอย่างลืมตัว ก็เห็นผีเสื้อและใบไม้สีขาวพริ้วไหวไปตามสายลม นั่นจึงทำให้นางได้สติ
นางดันแผงอกกว้างออกด้วยกำลังของตนเองจนได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ท่านพี่ หากไม่หยุดข้าจะโกรธแล้วนะเจ้าคะ”
แล้วถ้อยคำขู่นี้ก็ได้ผล จินหมิงเยว่หยุด หากแต่ยังไม่ยอมถอยออกไปง่ายๆ ใบหน้าคมคายซุกลงที่ลำคอระหง ดอมดมกลิ่นสตรีหอมกรุ่นรัญจวนใจ
“แฮ่ก แฮ่ก...”
“ท่านพี่...?”
“ข้าปรารถนาเจ้าเหลือเกิน เหนียงเอ๋อร์ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!”
“มิใช่ว่าข้าไม่ปรารถนา ข้าเองก็ปรารถนาเช่นเดียวกัน หากทว่านี่มันกลางแจ้ง เหนียงเอ๋อร์รู้สึกอายเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพี่เป็นอะไรไปเจ้าคะ? เหตุใดจึงหายใจรุนแรงเช่นนี้?”
“กำลังของข้าเริ่มอ่อนลง”
“เจ้าคะ?”
ยามนั้นเองเส้นผมสีเงินสลวยก็ค่อยๆ ถูกย้อมด้วยสีดำทมิฬ ฟางเหนียงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ผะ ผมของท่านพี่...!”
ใบหน้าคมคายเคลื่อนจากลำคอระหง แล้วครอบครองริมฝีปากของฟางเหนียงอีกครั้ง
คราวนี้มันทั้งอ่อนหวานและอ่อนโยน ราวกับกำลังหลอกล่อให้นางลุ่มหลง
“ท่านพี่ อย่างน้อยก็เข้าห้องก่อนมิได้หรือเจ้าคะ?”
“มิได้ ไม่ทันแล้ว ต่อจากนี้เจ้าต้องปรนนิบัติข้า จนกว่าข้าจะกลับรูปลักษณ์เดิม”
“เจ้าคะ?”
จินหมิงเยว่ไม่ยอมอธิบายเพิ่มเติมให้กับนาง หากแต่ลงมือปลดอาภรณ์ของนาง เผยร่างกายขาวเนียนที่ยังคงมีร่องรอยรักจากเขาที่ได้เอารัดเอาเปรียบนางหลายค่ำคืนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
ร่องรอยพวกนี้ไม่เคยจางหายไปจากกายของนางเลย แม้วันที่มันกำลังจางบุรุษก็ทำซ้ำเพื่อให้มันยังคงอยู่
สัมผัสบุรุษช่างรัญจวนใจนางเหลือเกิน จินหมิงเยว่รู้ดีว่าควรสัมผัสที่ส่วนใดจึงจะทำให้นางยอมจำนนได้ ช่างเป็นจิ้งจอกที่เจ้าเลห์เสียจริง!
...เอาเถิด ข้างนอกก็ข้างนอก อย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาที่นี่ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นข้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน...
นางครุ่นคิดเช่นนั้นก่อนจะปล่อยให้ตนเองปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสของบุรุษ แค่เพียงครุ่นคิดครู่เดียว ร่างกายของนางก็เปล่าเปลือยต่อหน้าของบุรุษเสียแล้ว
ยอดอกของนางถูกครอบครองอย่างจาบจ้วง แรงดูดรุนแรงสร้างความเสียวซ่านให้กับนางเหลือเกิน ฟางเหนียงเงยหน้าขึ้นแล้วอ้าปากร้องครางเสียงกระเส่า ทั้งฝ่ามือและปากกอบกุมทรวงอกของนางราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมัน
ร่างบางแอ่นอกรับปากอุ่นร้อนแล้วโอบกอดใบหน้าคมคายให้แนบชิดกับทรวงอกมากขึ้น ปรานารถให้จินหมิงเยว่กลืนกินไปนางไปทั้งตัว ช่างน่าอายยิ่งนักที่นางกระทำเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้นางยังห้ามปรามบุรุษอยู่เลย
กัด!!
“อ๊ะ!” ยอดอกของนางถูกกัดจนเลือดซึม แล้วก็ถูกริมฝีปากอุ่นดูดทั้งเลือดทั้งยอดอกเข้าปาก จินหมิงเยว่ทำเช่นเดียวกันกับทรวงอกอีกข้าง
สตรีตัวน้อยทั้งเสียวทั้งเจ็บ จนนางสับสนว่าควรห้ามปรามหรืออย่างไรดี แต่ก็ถูกกดให้ยอมจำนนต่อสัมผัสหวานๆ ราวกับกำลังเอาอกเอาใจ ขอโทษกับสิ่งที่กระทำไปเมื่อครู่นี้ โดยการใช้เรียวลิ้นตวัดเลียออย่างอ่อนโยน
ไม่เพียงแต่เรียวลิ้นเท่านั้น แต่เรียวขาของนางก็ถูกจับแยกออกแล้วเกี่ยวที่เอวสอบเอาไว้ข้างหนึ่ง จากนั้นนิ้วแกร่งก็แหวกกลีบกายของนาง รุกรานเข้าไปในช่องรักอย่างอุกอาจ
“อ๊ะ ท่านพี่ เบาๆ เจ้าค่ะ อื้อ!” ฟางเหนียงได้เพียงแต่ส่งเสียงร้องห้ามปรามเท่านั้น จินหมิงเยว่จะหยุดหรือไม่ จะผ่อนแรงตามที่นางร้องขอหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ตัวบุรุษเอง
มือเรียวสัมผัสที่เส้นผมนุ่มสลวยจากสีเงินสว่าง ดูสง่างามราวกับเทพเซียน บัดนี้กลับถูกย้อมให้กลายเป็นสีดำทมิฬ มันช่าง...
..น่าหลงใหลเหลือเกิน...
ท่าทางที่ดุดันที่กำลังร่วมรักกับนาง พร้อมกับเส้นผมนุ่มสลวยสีทมิฬนี้พาเอาหัวใจดวงน้อยของนางสั่นระรัว ท่าทางป่าเถื่อน รุนแรง มันช่าง... น่าหลงใหลเหลือเกิน
“อ่า ท่านพี่...” เรียวขาอ้าออกเพื่อเปิดโอกาสให้บุรุษรุกรานเข้ามาได้ลึกมากกว่าเดิม
จินหมิงเยว่ครางเสียงทุ้มต่ำ เมื่อนางยั่วยวนเปิดโอกาสให้ถึงเพียงนี้ การร่วมรักกันนอกห้องหับก็ช่างกระตุ้นสัญชาตญาณในตัวของจิ้งจอกหนุ่มเหลือเกิน แต่เดิมที่บรรพบุรุษก็ร่วมรักเพื่อสืบสานวงศ์ตระกูลท่ามกลางพงไพรอยู่แล้ว
บุรุษหยัดกายขึ้นแล้วจ้องมองความอวบอิ่มตรงหน้า ดวงตาคมพินิจมองทั่วทั้งเรือนร่างซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรักของเขา ก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ สบประสานดวงตากับเจ้าของเรือนร่างงดงาม ก่อนจะเคลื่อนกายลงไประหว่างขาของนาง ยกเรียวขาขึ้นบาดบ่าโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปจากนางเลย ราวกับว่าจงใจยั่วยวนอย่างไรอย่างนั้น
นิ้วแกร่งแหวกกลีบกายของนางออกเผยบุปผางดงามซึ่งมีเกสรน่าลิ้มลองอยู่ด้านใน ก่อนที่ปลายลิ้นรุกรานที่กลีบกายสตรีทั่วทั้งกลีบ ส่งเข้าไปด้านในแล้วตวัดออกมาด้านนอก สตรีตัวน้อยเด้งสะโพกรับกับปากหยัก อ้าขากว้าง แล้วยื่นฝ่ามือออกไปจิกเรือนผมนุ่มสลวย กดใบหน้าให้ซุกที่กายสตรีแนบแน่น
ฟางเหนียงร้องครางเสียงกระเส่า บิดเร้าร่างกายตามอารมณ์ ปลายลิ้นที่ปาดเลียอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังเอาอกเอาใจ เปลี่ยนจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ต้นขาถูกกดแนบกับพื้นโต๊ะเพื่อให้กลีบกายสตรีอ้าออก จินหมิงเยว่ตวัดเลียน้ำหวานเข้าปาก แล้วดูดจุดอ่อนไหว ละเลงกดปลายลิ้นและสอดแทรกเข้าไปสลับกัน
“อะ อ๊า!!”
ท้ายที่สุดสตรีตัวน้อยก็กระตุกสุขสมในกามารมณ์ เสียงหายใจหอบเหนื่อยและร่างกายเบาโหวง ทว่าอิสตรีรู้ดีว่าของจริงยังไม่เริ่ม จินหมิงเยว่ดูดซดน้ำกามของสตรีตัวน้อยอย่างไม่นึกรังเกียจ ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปด้านในอีกครั้ง
สตรีตัวน้อยครางเสียงหวานเมื่อถูกรุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัว มันจาบจ้วงและดูหื่นกระกาย อีกทั้งยังส่งนิ้วเข้ามาด้านในพร้อมๆ กับใล้ปลายลิ้นบดขยี้จุดอ่อนไหวในกลีบกายสตรี จนในที่สุดร่างบอบบางก็สุขสมไปอีกครั้ง
จินหมิงเยว่ผละออกอย่างนึกเสียดายกับน้ำหวานหยาดเยิ้ม ทว่าต้องเหลือไว้ให้เป็นน้ำหล่อลื่นเพื่อที่นางจะได้ไม่เจ็บปวดเมื่อร่วมรักกับตน สตรีตัวน้อยหยัดกายขึ้นจากโต๊ะก่อนจะกดร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้
“ไหนว่าจะให้เหนียงเอ๋อร์ปรนนิบัติอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 1เครื่องบรรณาการแด่จิ้งจอกเก้าหางร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินเก็บสมุนไพรในป่าลึกชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของเจ้าขนปุกปุยนอนฟุบอยู่ไม่ไกลจากที่นางอยู่มากนัก เด็กน้อยพาตนเองไปใกล้ๆ กับมันก็พบว่าเจ้าก้อนปุกปุยนั้นคือจิ้งจอกตัวน้อย‘หมาน้อย!’แม้ว่านางจะเชื่อว่ามันเป็นหมาน้อยก็ตาม...นางอุ้มจิ้งจอกตัวน้อยหรือหมาน้อยของนางขึ้นมา เห็นว่ามันได้รับบาดเจ็บก็ใช้สมุนไพรที่ตนเองเพิ่งเก็บมา ก่อนจะใช้หินทุบๆ แล้วนำมันไปวางโปะไว้ที่บาดแผลของจิ้งจอกตัวน้อย พร้อมทั้งฉีกแขนเสื้อตนเองแล้วใช้พันที่ท้องของมันเอาไว้ดวงตาใสๆ ของนางมองเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ด้วยความเวทนา อยากจะนำมันไปดูแลเหลือเกิน หากแต่แค่ตัวนางเองก็ลำบากมากพอแล้ว ไม่อยากนำเจ้าสัตว์ตัวน้อยไปทุกข์ยากด้วย อีกอย่างขืนนำจิ้งจอกตัวนี้กลับบ้านไปด้วย มีหวังจากที่จิ้งจอกตัวนี้จะรอดตาย คงถูกตีจนตายต่อหน้าต่อตานางแน่ๆแม้นางจะยังเด็กนัก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้เด็กน้อยเข้าใจโลกที่นางอยู่อย่างถ่องแท้‘เรียบร้อย ข้าต้องไปแล้วนะ’ ด้วยความไร้เดียงสา นางคิดว่าทำแค่นี้จิ้งจอกตัวนั้นคงรอดตายแล้ว ก่อนจะเดินลงจากเขาไป...ดวงตาของ
บทที่ 2จิ้งจอกเก้าหางฟางเหนียงรู้ว่าหากไม่รับถ้วยเหล้านี้ ก็คงถูกป้อนทางปากเหมือนเมื่อครู่อีกเป็นแน่ จึงยื่นมือเล็กๆ สองมือออกไปรับมันมาอย่างไม่เต็มใจ“ข้าคิดว่า... ท่านเป็นคนช่วยเจ้าค่ะ”“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่”“หมายความเช่นไรเจ้าคะ?”“ข้าส่งคนไปจับเจ้า และคนที่ช่วยเจ้าก็คือคนของข้า เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต่างจากข้าช่วยเจ้า เพียงแต่ข้ามิได้ไปช่วยด้วยตนเอง”“อ่า... อย่างไรก็ต้องขอบคุณนะเจ้าคะ” สตรีตัวน้อยกระโดดลงจากเตียง จากนั้นก็ประสานมือแล้วยอบกายคำนับ เท่านั้นยังไม่พอ นางยังก้มหัวลงจรดพื้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย “เหนียงเอ๋อร์เป็นหนี้บุญคุณชีวิตท่านเสียแล้ว หากมีสิ่งใดที่เหนียงเอ๋อร์ตอบแทนท่านได้ โปรดบอกมาเถิดเจ้าค่ะ”“ลุกขึ้น”ฟางเหนียงทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะจ้องมองบุรุษตาปริบๆ ในขณะเดียวกันจินหมิงเยว่หย่อนกายนั่งลงบนเตียงท่าทีสบายๆ“ข้าช่วยเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนในปกครองของข้า คนที่ข้าส่งไปรับเจ้าย่อมรู้ดีว่าหากผู้ใดคิดแตะต้องเจ้า โทษคือตายสถานเดียว”“เจ้าคะ? คะ คนของท่าน?”“ใช่... ชุดนี่” กวาดสายตามองสตรีตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า อาภรณ์พวกนี้มีกลิ่นเครื่องหอม ซึ่งต่างจากกลิ่นกายของฟางเ
บทที่ 3เจ้าสาวจิ้งจอกร่างกายของนางถูกพันธนาการอย่างร้ายกาจ แม้ท่าทีจะนุ่มนวลหากแต่เมื่อนางขยับ กลับมิอาจขยับร่างกายได้ตามใจ ร่างกายของบุรุษไม่ต่างจากหินผา ราวกับนางติดอยู่ในซอกหินไร้หนทางออก“ฮ้า!!” จวบจนเกือบหมดลมหายใจ จิ้งจอกตัวร้ายจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อเปิดโอกาสให้นางสูดลมหายใจเสียงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์ระคนเอ็นดูดังขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนที่อาภรณ์จะถูกปลดออกเผยเรือนร่างขาวผ่องใต้แสงจันทร์เต็มดวง ทว่า… ผิวขาวๆ ราวกับหยกมันแพะกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยแผลจากการถูกทุบตีดวงตาเรียวคมจ้องมองมันอย่างโหดเหี้ยม เผลอออกแรงที่ข้อมือเล็กจนสตรีตัวน้อยสะดุ้งกับความเจ็บปวดนั่น“อ๊ะ!”และนั่นก็เรียกสติของจินหมิงเยว่กลับมา… คลายแรงที่มือออก เผยให้เห็นข้อมือเล็กๆ แดงก่ำจากการถูกบีบเมื่อครู่…เจ้าก็ตัวเล็กถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงถูกทำร้ายไปทั้งตัว?...“ข้าบอกท่านแล้ว ว่าร่างกายของข้ามิได้งดงาม” เสียงหวานเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยร่างกายของสตรีนั้นล้ำค่าไม่ต่างจากพรหมจรรย์ของพวกนาง หากแม้ร่างกายมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยจนเกิดเป็นแผลเป็น เป็นข้ออ้างของการหย่าร้างได้ ในสตรีพรหมจรรย์ก็ทำให้พวกนางมิได้ออกเรือนกับบุรุษ
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา
บทที่ 21รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฟางเหนียงในวัยสิบหกปีครั้นมาที่ดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้นางอายุสิบแปดหนาวเสียแล้วความงดงามของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นเสียจนจินหมิงเยว่แทบจะกกกอดนางเอาไว้ภายในห้องตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่ารอบตำหนักพันปีจะไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้ หากมิได้รับอนุญาตก็ตาม“ท่านพี่เจ้าคะ!” เสียงเจื้อยแจ้วของฟางเหนียงดังขึ้น พร้อมการปรากฏกายของนาง ในขณะที่จินหมิงเยว่กำลังฝึกพละกำลังและอาคมบุรุษตวัดฝ่ามือครั้งหนึ่งพาร่างบอบบางลอยละล่องมานั่งบนตักของตนเอง แล้วฉวยโอกาสหอมแก้มนางไปหนึ่งที“ว้าย! ท่านพี่! ฮวาอินก็อยู่นะเจ้าคะ”“เฮ้อ ฮวาอินออกจะชอบที่ข้ากับเจ้าพลอดรักกัน”“ท่านพี่!!”เพี๊ยะ!!ว่าแล้วก็ตีท่อนแขนแกร่งไปหนึ่งทีด้วยความเขินอาย จินหมิงเยว่หัวเราะเสียงดัง ยิ่งได้เห็นพวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อก็ยิ่งอยากแกล้
บทที่ 20งอน“ลองขย่มข้าสิ”“ตะ แต่ข้าไม่รู้”“ทำแบบนี้”“อ๊ะ!?”ฝ่ามือหยาบยกสะโพกกลมขึ้นแล้วกดลงให้ครอบครองความแข็งแกร่งของตนเอง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างบอบบางฟางเหนียงขยับตามการนำพาของบุรุษ กระทั่งหาจังหวะของตนเองเจอ จินหมิงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงด้วยความมันเขี้วแทนท่วงท่าของนางสร้างความรัญจวนในเหลือเกิน มันเชื่องช้าและละมุนละไม ราวกับจงใจทรมานจินหมิงเยว่ให้ต้องอดทนกับกามารมณ์ เกร็งทั่วทั้งร่างจนเห็นก้อนกล้ามเนื้อชัดเจน อีกทั้งเส้นเลือดยังปูดโปนออกมา“อ่า เหนียงเอ๋อร์ เจ้าช่าง...” บุรุษมิอาจเอื้อนเอ่ยได้อีก เมื่อนางเริ่มขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิได้เข้าสุดออกสุดเหมือนอย่างในครั้งแรก แต่เป็นการกดสะโพกระรัว“อืม” นางครางเสียงหวานแล้วแหงนหน้าขึ้นตามอารมณ์ จินหมิงเยว่ก้ามหน้าลงดูดดื่มกับยอดอกสีหวานเข้าปากอย่างกระหายความรู้สึกวาบหวา
บทที่ 19จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ดวงตาคู่งามเปิดอย่างเชื่องช้า คราวนี้ฟางเหนียงไม่ตกใจอีกแล้วว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สถานที่ที่ไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ นางคงถูกเทพองค์นั้นเรียกตัวมาอีกเป็นแน่นางเตรียมที่จะมองหาตัวของผู้ที่เรียกนางมา แต่ไม่ทันที่จะได้หยัดกายลุกขึ้นเสียด้วยซ้ำ เสียงทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นเหนือหัว“เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ตกใจแล้วหรือ?”ฟางเหนียงหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะหันไปยอบกายคำนับตามมารยาท“คำนับ ท่านเทพเจ้าค่ะ”“อ่า เจ้ารู้แล้วสินะ… รู้ได้อย่างไร หมิงเยว่บอกเจ้าหรือ?”“ท่านพี่ของข้ารู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัวด้วยหรือเจ้าคะ?”“อ่า มิใช่สินะ”ใบหน้าคมคายหม่นลงเล็กน้อย ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับฟางเหนียงดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้จักกันสินะ แต่รู้จักกันด้วยดีหรือร้ายมิอานคาดเดาได้“ท่านเทพ… จุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใดกันแน่?”สตรีตัวน้อยรู้สึกหวาดหวั่นเหลือเกิน หวาดกลัวว
บทที่ 18มิอาจยอมให้นางเสียหายลิ้นสากหลีกหนีเรียวลิ้นของนาง ลิ้นของนางก็ยังตามติดไม่ออก กลายเป็นจูบที่แสนดูดดื่มจนเกิดเสียงน่าอาย เมื่อยามที่ฟางเหนียงยอมแพ้คิดจะถอนริมฝีปากออก จินหมิงเยว่ก็เป็นฝ่ายคว้าท้ายทอยของนางแล้วกดให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็เป็นฝ่ายรุกรานโพรงปากอุ่น ตักตวงความหอมหวานอย่างเร่าร้อน ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เอาแต่หลีกหนีปฏิเสธนางแท้ๆ...จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!!...อดมิได้ที่จะต่อว่าบุรุษในใจที่คิดหลอกนาง แต่ก็ยอมให้บุรุษรุกรานแต่โดยดี เพราะจูบหวานๆ ที่ถูกส่งมอบมามันพาให้ร่างของนางอ่อนระทวย เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบซึ่งราวกับเอาอกเอาใจนาง นางจะยอมให้อภัยจินหมิงเยว่ก็แล้วกันเนิ่นนานกว่าทั้งสองจะถอนริมฝีปากออกจากัน ดวงตาสบประสานกันของหวานซึ้ง คล้ายกับกำลังแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีให้กันและกัน“เอาลูกแก้วคืนไปหรือยังเจ้าคะ?”“ยัง”“อ้าว?”“ข้าฝากไว้กับเจ้า หากข้าบาดเจ็บเจ้าจะได้จู