ยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
“...!”
จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนาง
สตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว
...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...
“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”
...สรวงสวรรค์หรือ!?...
ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?
“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!
เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใดพวกเขาจึงต้องการตัวข้า?”
“เจ้าไม่ต้องสนใจ”
จินหมิงเยว่ไม่คิดที่จะอธิบายสิ่งใดให้กับนางเลยแม้แต่น้อย จะให้บอกกับนางได้อย่างไรว่าพวกมันมาพาตัวนางไป เพื่อให้นางเผชิญหน้ากับความตาย!!
ฉึก!!
“กรี๊ด!!”
ยามนั้นเองจินหมิงเยว่ก็ถูกโจมตีด้วยทัณฑ์สวรรค์จนกระอักเลือด สองแขนยังคงโอบร่างบอบบางแนบชิด พยายามปกป้องนางอย่างถึงที่สุด ในขณะเดียวกันนั้นหลี่ตงหยางถูกทำให้หมดสติไปแล้ว แม้จะทำผิดกฎหากแต่เป็นถึงโอรสสวรรค์โดยแท้จริง จึงให้ความสำคัญมิอาจทำร้ายได้ ก่อนที่องครักษ์จะแยกฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ออกจากกัน
“ท่านพี่!!”
“อึก เหนียงเอ๋อร์..!!” สองมือที่ยังคงจับกุมเอาไว้ ไม่มีผู้ใดยอมปล่อย ในขณะที่ร่างของฟางเหนียงถูกลากออกไปไม่ถนอมนางเลยแม้แต่น้อย และแล้วมือของทั้งคู่ก็หลุดออกจากักนจนในที่สุด
ฟางเหนียงถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขามิอาจทำสิ่งใดได้
“เหนียงเอ๋อร์!!!”
ณ แดนสวรรค์
ฟางเหนียงนั่งตัวสั่นระริกอยู่ตรงหน้าของเทพผู้สูงสุด เทพผู้ซึ่งดูแลทุกอย่างบนโลกใบนี้…
สถานที่ไม่คุ้นเคย และผู้คนที่ไม่คุ้นหน้า รวมถึงสายตาที่จับจ้องมองมาล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวนาง เหตุใดผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสวรรค์พวกนี้จึงอคติต่อนางนัก ฟางเหนียงได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ นางเป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งเท่านั้น
“มิได้เจอกันนาน ลูกของข้า”
“…?”
“เจ้าคงจะสับสน เพราะความทรงจำทั้งหมดถูกลบออกไป เหลือเพียงความทรงจำของชาติภพนี้… ก่อนที่เจ้าจะไปเผชิญด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์ เจ้าคือธิดาสวรรค์ จื่อหยาง”
ชาติกำเนิดที่ไม่เคยร่วมรู้มาก่อน ทั้งในอดีตชาติใดๆ กระทั่งภพชาตินี้ทำให้นางตกใจไม่น้อย
…ขะ ข้าเคยเป็น เทพบนสวรรค์หรือ?...
“สวัสดีเจ้าได้กระทำผิดร้ายแรงสังหารพี่สาวของเจ้าด้วยความอิจฉาริษยา!” ดวงตาของผู้อาวุโส หากแต่ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์แข็งกร้าวขึ้น แววตาที่มองฟางเหนียงนั้นไร้ความรักใคร่ “ข้าจึงลงโทษเจ้าให้เผชิญกับด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์ สี่ภพสี่ชาติ… ภพชาตินี้เป็นภพชาติสุดท้าย แต่เจ้ากลับฝืนโชคชะตาเสียแล้ว”
…สะ สังหารหรือ ข้าเคยสังหารผู้อื่นหรือ!?...
ความจริงที่ได้ยินช่างโหดร้ายต่อความเหนียงผู้ใช้ชีวิตมาอย่างมีคุณธรรมยิ่งนัก หากแต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของนางเป็นถึงเทพสูงสุด ไม่มีเหตุผลให้เทพผู้นั้นจะต้องโกหกนาง ซึ่งเป็นเพียงสตรีชาวมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
เช่นนั้นหากโชคชะตาของนางถูกกำหนดมาแล้ว แต่กลับถูกเปลี่ยนแปลงไป เช่นนั้นแล้วแต่เดิมทีโชคชะตาของนางเป็นอย่างไร?
“ชะ โชคชะตาของข้า แท้จริงแล้วเป็นเช่นไรหรือเจ้าคะ?”
“หึ… ถูกทรมานจนตายก่อนอายุสิบหก ซึ่งเป็นอายุของพี่สาวเจ้าที่เจ้าสังการไปอย่างไรเล่า!”
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบกับความโหดเหี้ยมของเทพองค์นี้ เทพผู้ซึ่งอ้างตนเองว่าเป็นบิดาของนาง สำหรับฟางเหนียงแล้วเทพสูงสุดผู้นี้ไม่ต่างไปจากมนุษย์เลยด้วยซ้ำ และสำหรับนางแล้วเทพผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก
หากว่ากันตามจริงก็เป็นตัวนางในอดีตที่โหดร้ายสังหารพี่น้องของตนเอง…
“ในเมื่อเรื่องราวมันกลายมาเป็นเช่นนี้ ข้าก็ต้องลงโทษเจ้า มีให้ผู้ใดเป็นเยี่ยงอย่าง”
ร่างบอบบางนั่งตัวสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น นางไม่ใช่คนโง่จึงรู้ดีว่ากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด ถึงแม้ว่าภายในหัวกำลังสับสนวุ่นวายกับความคิดต่างๆ ก็ตาม
“โทษทัณฑ์ของเจ้าคือ… ลงทัณฑ์ด้วยสายฟ้าหนึ่งพันสาย”
“ท่านพ่อ!! นั่นมัน… ไม่มากเกินไปหรือ!?” หลี่ตงหยางเอ่ยด้วยความเป็นห่วง เดิมทีแล้วบุรุษผู้นี้เชื่อว่าทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของฟางเหนียง หรือน้องสาวของตน
มีผู้ใส่ร้ายนางว่าสังหารพี่น้อง หากทว่าด้วยไร้หลักฐานและมีผู้เห็นนางอยู่ในเหตุการณ์ จึงกลายเป็นว่านางคือผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ในเมื่อถ้อยคำของนางมิอาจหนักแน่นพอที่จะเป็นการแก้ต่างให้ตนเองได้ นางจึงกลายเป็นผู้สังหารพี่น้องของตนเอง
“ยามนี้จื่อหยางเป็นเพียงมนุษย์ สายฟ้าแค่เพียงสามสายก็อาจทำให้นางตายได้เลยนะขอรับ ท่านพ่อ!!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฟางเหนียงก็ยิ่งหวาดหวั่น นางเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ย่อมรักตัวกลัวตายเป็นธรรมดา
“เช่นนั้นก็ตายไปเสีย เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้ว”
ไม่น่าเชื่อว่านั่นจะเป็นด้วยคำของบิดาผู้ให้กำเนิดนาง เป็นถ้อยคำของทวยเทพองค์สูงสุดของแดนสวรรค์
“เหนียงเอ๋อร์!! เหนียงเอ๋อร์!!”
ยามนั้นเองเสียงของจินหมิงเยว่ก็ช่วยให้นางใจชื้นขึ้นมา สตรีตัวน้อยหยัดกายขึ้นแล้วรีบวิ่งไปหาบุรุษด้วยความดีใจ
“ท่านพี่ ฮึก ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้ากลัว ฮือ!!” ฟางเหนียงเอ่ยด้วยความหวาดหวั่น
นางกลัวเหลือเกิน ทั้งกลัวตาย และกลัวการแยกจาก ดวงตาคู่งามแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง สองมือพยายามเอื้อมออกไปหาบุรุษ แต่ก็ถูกองครักษ์แดนสวรรค์กักตัวไว้
ทางด้านของจินหมิงเยว่ก็เช่นกัน พยายามฝ่าองครักษ์สวรรค์เพื่อเข้าไปหานาง ยิ่งนางร่ำไห้ร้องขอให้ตนเองช่วย บุรุษยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน
“เหนียงเอ๋อร์ อย่าได้กังวล อย่าได้กลัว ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะต้องช่วยเจ้าแน่นอน!”
“ท่านพี่ ข้ากลัว ช่วยข้าด้วย ฮือ!”
“ปล่อยข้า! ปล่อย! ข้าบอกให้ปล่อยข้า! เหนียงเอ๋อร์! ข้าจะช่วยเจ้า อย่ากลัว อย่าร้องไห้!!”
จินหมิงเยว่พยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม หากแต่ด้วยกำลังของบุรุษนั้นแสนยากเย็นเหลือเกิน อีกทั้งร่างกายยังได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เมื่อครั้นก่อนหน้านี้ ได้แต่มองตามฟางเหนียง ที่ถูกพาตัวไป
ร่างบางถูกจับโยนไปยังกลางอากาศ สตรีตัวน้อยกรีดร้องเสียงหลงหากแต่ร่างของนางกลับมิได้ตกลงไปเบื้องล่าง ทว่าเสียงของท้องฟ้าจากเบื้องบนก็ทำให้นางหวาดหวั่นไม่น้อย มันคือทัณฑ์สายฟ้าหนึ่งพันสายที่นางต้องโทษ!
เปรี้ยง!!
ทัณฑ์สายฟ้าแรกถูกฟาดลงที่กลางหลังของนาง สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับสตรีตัวน้อยเหลือเกิน
“กรี๊ด!!”
เสียงกรีดร้องของนางบาดลึกเข้าไปในหัวใจของจินหมิงเยว่ จิ้งจอกหนุ่มพยายามที่จะเข้าไปช่วย หากทว่ายามนี้ตนเองไร้ลูกแก้วจิ้งจอกช่วยเสริมพลัง อีกทั้งยังโดนพลังสวรรค์ ยิ่งออกแรงร่างกายยิ่งทรุด
“เหนียงเอ๋อร์!!”
หลี่ตงหยางได้แต่ก้มหน้านิ่ง แม้ว่าตนเองจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนาง ทว่ารู้ดีว่าหากเข้าไปขวางมีแต่จะทำให้ฟางเหนียงได้รับโทษหนักขึ้น
“เจ้ากล้ามากเจ้าปีศาจ ที่บังอาจขึ้นมาบนแดนสวรรค์ อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของนาง ดูเสีย นั่นคือโทษทัณฑ์ที่นางต้องโดนเพราะเจ้า!”
เสียงของฟางเหนียงยังคงดังต่อเนื่องพร้อมกับเสียงของสายฟ้าสายที่สอง สตรีตัวน้อยกระอักเลือด พร้อมกันนั้นเลือดไหลออกมาจากดวงตาและหู จินหมิงเยว่เจ็บปวดใจเหลือเกิน ยามนี้บุรุษรับรู้ถึงความน่ากลัวของการฝืนโชคชะตาแล้ว ที่นางต้องมาโดนเช่นนี้เป็นเพราะบุรุษ เป็นเพราะเขา...
ทว่าบุรุษผู้มองคนที่รักจากไปชาติแล้วชาติเล่า ขุดหลุมฝังร่างของนางทุกชาติภพเรื่อยมา มันช่างทรมานเหลือเกิน... เหตุใดสวรรค์จึงได้โหดร้ายกับนางเช่นนี้
“ข้าขอโทษ ฮึก ข้าขอโทษ เหนียงเออร์ เป็นเพราะข้า!”
บุรุษเอาแต่พร่ำโทษตนเอง...
“หลังจากจบโทษทัณฑ์ของนาง ข้าจะพิจารณาโทษของเจ้า”
จินหมิงเยว่ทรุดกายลงพื้นด้วยท่าทางยอมจำนน ยามนั้นเองเมื่อองครักษ์ต่างลดการป้องกันลง เมื่อเห็นว่าจินหมิงเยว่สงบลงแล้ว ทว่า...
พรึ่บ!
บุรุษกระโดดเข้าไปในการลงทัณฑ์รับสายฟ้าแทนนาง!!
เปรี้ยง!!
“ทะ ท่าน...พี่”
สองแขนแกร่งโอบร่างบอบบางเข้าซุกที่แผงอกกว้าง กดใบหน้าของนางให้แนบแน่นแล้วก้มหน้าลงจูบหนักๆ ที่เรือนผมนุ่มสลวย
“อย่ากลัว ข้าอยู่นี่แล้ว”
“ท่านพี่... เหตุใดสวรรค์จึงโหดร้ายต่อข้าเหลือเกินเจ้าคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางเคยคิดว่าสวรรค์นั้นเป็นธรรมมาตลอด เคยศรัทธา หากทว่าเหตุใดนางจึงโดนกระทำเช่นนี้ “อ่า เพราะข้าเคยสังหารพี่น้องตนเองหรือเจ้าคะ นั่นสิ...”
“ไม่เป็นไร... เจ้ามีแค่ข้าก็พอ ดีหรือไม่”
“ข้า... ข้ากลัวว่าข้าจะไม่รอด”
ดวงหน้าหวานซุกเข้าที่แผงอกกว้าง ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวด ทั้งหัวใจและร่างกายของนาง
“อย่าได้ห่วง... ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ทั้งแดนสวรรค์มองการกระทำที่โง่เขลาของปีศาจจิ้งจอกตนนี้ หากไม่หาเรื่องใส่ตนเองก็คงไม่พบกับจุดจบเช่นนี้ แม้เป็นเทพเองหากโดนทัณฑ์สวรรค์ก็อาจถึงตายได้ นี่นับเป็นโทษทัณฑ์ที่ร้ายแรงที่สุด หากแต่บ้างก็ว่าเห็นสมควรแล้ว เพราะการบิดเบือนโชคชะตานั้นสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างดั่งผีเสื้อกระพือปีก
จินหมิงเยว่รับทัณฑ์สวรรค์ทั้งหนึ่งพันสายแทนฟางเหนียง และในที่สุดร่างของทั้งคู่ก็ถูกปล่อยให้ร่วงหล่นลงสู่พื้นพสุธา
เทพสูงสุดตวัดมือก่อเกิดเป็นลมโอบรอบร่างของธิดาและปีศาจจิ้งจอก นำไปส่งยังตำหนักพันปี ถึงอย่างไรก็เป็นธิดาของตนเองจะมิให้มีความรักความผูกพันธ์ได้อย่างไร
ผิดก็ว่าไปตามผิด เป็นถึงเทพสูงสุดมิอาจอลุ่มอล่วยให้แม้แต่บุตรของตนเอง หากจื่อหยางมิได้สังหารพี่น้อง หรือนางผู้นั้นไม่ตาย ก็คงไม่ลงโทษจื่อหยางให้ไปรับด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์ เวียนว่ายตายเกิดจนกว่าจะครบ
การมีอำนาจอยู่ในมือล้วนแล้วเป็นดาบสองคม...
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 1เครื่องบรรณาการแด่จิ้งจอกเก้าหางร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินเก็บสมุนไพรในป่าลึกชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของเจ้าขนปุกปุยนอนฟุบอยู่ไม่ไกลจากที่นางอยู่มากนัก เด็กน้อยพาตนเองไปใกล้ๆ กับมันก็พบว่าเจ้าก้อนปุกปุยนั้นคือจิ้งจอกตัวน้อย‘หมาน้อย!’แม้ว่านางจะเชื่อว่ามันเป็นหมาน้อยก็ตาม...นางอุ้มจิ้งจอกตัวน้อยหรือหมาน้อยของนางขึ้นมา เห็นว่ามันได้รับบาดเจ็บก็ใช้สมุนไพรที่ตนเองเพิ่งเก็บมา ก่อนจะใช้หินทุบๆ แล้วนำมันไปวางโปะไว้ที่บาดแผลของจิ้งจอกตัวน้อย พร้อมทั้งฉีกแขนเสื้อตนเองแล้วใช้พันที่ท้องของมันเอาไว้ดวงตาใสๆ ของนางมองเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ด้วยความเวทนา อยากจะนำมันไปดูแลเหลือเกิน หากแต่แค่ตัวนางเองก็ลำบากมากพอแล้ว ไม่อยากนำเจ้าสัตว์ตัวน้อยไปทุกข์ยากด้วย อีกอย่างขืนนำจิ้งจอกตัวนี้กลับบ้านไปด้วย มีหวังจากที่จิ้งจอกตัวนี้จะรอดตาย คงถูกตีจนตายต่อหน้าต่อตานางแน่ๆแม้นางจะยังเด็กนัก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้เด็กน้อยเข้าใจโลกที่นางอยู่อย่างถ่องแท้‘เรียบร้อย ข้าต้องไปแล้วนะ’ ด้วยความไร้เดียงสา นางคิดว่าทำแค่นี้จิ้งจอกตัวนั้นคงรอดตายแล้ว ก่อนจะเดินลงจากเขาไป...ดวงตาของ
บทที่ 2จิ้งจอกเก้าหางฟางเหนียงรู้ว่าหากไม่รับถ้วยเหล้านี้ ก็คงถูกป้อนทางปากเหมือนเมื่อครู่อีกเป็นแน่ จึงยื่นมือเล็กๆ สองมือออกไปรับมันมาอย่างไม่เต็มใจ“ข้าคิดว่า... ท่านเป็นคนช่วยเจ้าค่ะ”“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่”“หมายความเช่นไรเจ้าคะ?”“ข้าส่งคนไปจับเจ้า และคนที่ช่วยเจ้าก็คือคนของข้า เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต่างจากข้าช่วยเจ้า เพียงแต่ข้ามิได้ไปช่วยด้วยตนเอง”“อ่า... อย่างไรก็ต้องขอบคุณนะเจ้าคะ” สตรีตัวน้อยกระโดดลงจากเตียง จากนั้นก็ประสานมือแล้วยอบกายคำนับ เท่านั้นยังไม่พอ นางยังก้มหัวลงจรดพื้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย “เหนียงเอ๋อร์เป็นหนี้บุญคุณชีวิตท่านเสียแล้ว หากมีสิ่งใดที่เหนียงเอ๋อร์ตอบแทนท่านได้ โปรดบอกมาเถิดเจ้าค่ะ”“ลุกขึ้น”ฟางเหนียงทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะจ้องมองบุรุษตาปริบๆ ในขณะเดียวกันจินหมิงเยว่หย่อนกายนั่งลงบนเตียงท่าทีสบายๆ“ข้าช่วยเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนในปกครองของข้า คนที่ข้าส่งไปรับเจ้าย่อมรู้ดีว่าหากผู้ใดคิดแตะต้องเจ้า โทษคือตายสถานเดียว”“เจ้าคะ? คะ คนของท่าน?”“ใช่... ชุดนี่” กวาดสายตามองสตรีตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า อาภรณ์พวกนี้มีกลิ่นเครื่องหอม ซึ่งต่างจากกลิ่นกายของฟางเ
บทที่ 3เจ้าสาวจิ้งจอกร่างกายของนางถูกพันธนาการอย่างร้ายกาจ แม้ท่าทีจะนุ่มนวลหากแต่เมื่อนางขยับ กลับมิอาจขยับร่างกายได้ตามใจ ร่างกายของบุรุษไม่ต่างจากหินผา ราวกับนางติดอยู่ในซอกหินไร้หนทางออก“ฮ้า!!” จวบจนเกือบหมดลมหายใจ จิ้งจอกตัวร้ายจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อเปิดโอกาสให้นางสูดลมหายใจเสียงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์ระคนเอ็นดูดังขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนที่อาภรณ์จะถูกปลดออกเผยเรือนร่างขาวผ่องใต้แสงจันทร์เต็มดวง ทว่า… ผิวขาวๆ ราวกับหยกมันแพะกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยแผลจากการถูกทุบตีดวงตาเรียวคมจ้องมองมันอย่างโหดเหี้ยม เผลอออกแรงที่ข้อมือเล็กจนสตรีตัวน้อยสะดุ้งกับความเจ็บปวดนั่น“อ๊ะ!”และนั่นก็เรียกสติของจินหมิงเยว่กลับมา… คลายแรงที่มือออก เผยให้เห็นข้อมือเล็กๆ แดงก่ำจากการถูกบีบเมื่อครู่…เจ้าก็ตัวเล็กถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงถูกทำร้ายไปทั้งตัว?...“ข้าบอกท่านแล้ว ว่าร่างกายของข้ามิได้งดงาม” เสียงหวานเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยร่างกายของสตรีนั้นล้ำค่าไม่ต่างจากพรหมจรรย์ของพวกนาง หากแม้ร่างกายมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยจนเกิดเป็นแผลเป็น เป็นข้ออ้างของการหย่าร้างได้ ในสตรีพรหมจรรย์ก็ทำให้พวกนางมิได้ออกเรือนกับบุรุษ
บทที่ 4เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก“ทะ ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ หืม?” บุรุษไม่เอ่ยเพียงอย่างเดียว ยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเองอย่างจงใจ“ขะ ข้าไม่แน่ใจ...”“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”“ข้า ข้าคิดว่าท่านจะทำให้ข้าเป็นภรรยาของท่าน”“เจ้าเข้าใจถูก”“แล้วเหตุใดจึงต้องให้ข้าอ้าขาเช่นนี้เจ้าคะ”“หึหึ เรื่องนี้เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”บุรุษหยั่งเชิงสตรีตัวน้อย แม้นางจะเพิ่งอายุสิบหกปีในวันนี้ หากแต่สงสัยเสียจริงว่าในเรื่องธรรมชาติของการสืบพันธ์ นางไม่รู้จริงๆ หรือ?“ไม่รู้เจ้าค่ะ” ทว่าคำตอบกลับเป็นเสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย และนัยน์ตากลมแสนใสซื่อ“อ่า เจ้านี่ช่าง... ไร้เดียงสาเสียจริง เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้อง ‘ทำให้เจ้ารู้’ หลายอย่างเลยล่ะ”“ข้ายินดีรับก
บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่
บทที่ 5ริมฝีปากงดงามค่ำคืนวสันต์อันเร่าร้อนผ่านพ้นไป เสียงนกขับขานเป็นบทเพลงแรกในยามเช้า ปลุกให้บุรุษและสตรีในห้องหอนอนตื่นจากห้วงแห่งนิทรา ทว่ามีเพียงจินหมิงเยว่ที่ลืมตาตื่นขึ้นอย่างสดชื่น เอียงใบหน้าพินิจสตรีในอ้อมแขนที่สลบระหว่างบทรักเมื่อคืนนี้ ก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากเนียนแนบแน่นทว่าร่างกายร้อนผ่าวทำเอาจินหมิงเยว่สะดุ้งเล็กน้อย…เหตุใดร่างกายของนางจึงร้อนเป็นไฟเช่นนี้?...“เหนียงเอ๋อร์?” มือหนาตบลงบนหัวไหล่เล็กเบาๆ เพื่อปลุกให้นางตื่น หากแต่สตรีตัวน้อยยังคงหลับตาพริ้มเมื่อคืนนางก็สลบคาเตียง เช้าวันนี้นางตัวร้อนผ่าว มันคืออาการอะไรกันแน่? เหตุใดมนุษย์จึงมีร่างกายที่ซับซ้อนเช่นนี้?จินหมิงเยว่คือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ซึ่งบำเพ็ญเพียรมานานถึงพันปี ตลอดพันปีไม่เคยป่วยไข้เฉกเช่นมนุษย์ ถึงแม้ว่าในเผ่าพันธุ์เดียวกันจะมีอาการเจ็บป่วย หากแต่บุรุษซึ่งปลีกวิเวกฝึกฝนตนหลงลืมมันไปนานเหลือเกิน จึงมิอาจรับรู้เลยว่าอาการนี้คืออาการป่วยไข้ร
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา
บทที่ 21รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฟางเหนียงในวัยสิบหกปีครั้นมาที่ดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้นางอายุสิบแปดหนาวเสียแล้วความงดงามของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นเสียจนจินหมิงเยว่แทบจะกกกอดนางเอาไว้ภายในห้องตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่ารอบตำหนักพันปีจะไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้ หากมิได้รับอนุญาตก็ตาม“ท่านพี่เจ้าคะ!” เสียงเจื้อยแจ้วของฟางเหนียงดังขึ้น พร้อมการปรากฏกายของนาง ในขณะที่จินหมิงเยว่กำลังฝึกพละกำลังและอาคมบุรุษตวัดฝ่ามือครั้งหนึ่งพาร่างบอบบางลอยละล่องมานั่งบนตักของตนเอง แล้วฉวยโอกาสหอมแก้มนางไปหนึ่งที“ว้าย! ท่านพี่! ฮวาอินก็อยู่นะเจ้าคะ”“เฮ้อ ฮวาอินออกจะชอบที่ข้ากับเจ้าพลอดรักกัน”“ท่านพี่!!”เพี๊ยะ!!ว่าแล้วก็ตีท่อนแขนแกร่งไปหนึ่งทีด้วยความเขินอาย จินหมิงเยว่หัวเราะเสียงดัง ยิ่งได้เห็นพวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อก็ยิ่งอยากแกล้
บทที่ 20งอน“ลองขย่มข้าสิ”“ตะ แต่ข้าไม่รู้”“ทำแบบนี้”“อ๊ะ!?”ฝ่ามือหยาบยกสะโพกกลมขึ้นแล้วกดลงให้ครอบครองความแข็งแกร่งของตนเอง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างบอบบางฟางเหนียงขยับตามการนำพาของบุรุษ กระทั่งหาจังหวะของตนเองเจอ จินหมิงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงด้วยความมันเขี้วแทนท่วงท่าของนางสร้างความรัญจวนในเหลือเกิน มันเชื่องช้าและละมุนละไม ราวกับจงใจทรมานจินหมิงเยว่ให้ต้องอดทนกับกามารมณ์ เกร็งทั่วทั้งร่างจนเห็นก้อนกล้ามเนื้อชัดเจน อีกทั้งเส้นเลือดยังปูดโปนออกมา“อ่า เหนียงเอ๋อร์ เจ้าช่าง...” บุรุษมิอาจเอื้อนเอ่ยได้อีก เมื่อนางเริ่มขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิได้เข้าสุดออกสุดเหมือนอย่างในครั้งแรก แต่เป็นการกดสะโพกระรัว“อืม” นางครางเสียงหวานแล้วแหงนหน้าขึ้นตามอารมณ์ จินหมิงเยว่ก้ามหน้าลงดูดดื่มกับยอดอกสีหวานเข้าปากอย่างกระหายความรู้สึกวาบหวา
บทที่ 19จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ดวงตาคู่งามเปิดอย่างเชื่องช้า คราวนี้ฟางเหนียงไม่ตกใจอีกแล้วว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สถานที่ที่ไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ นางคงถูกเทพองค์นั้นเรียกตัวมาอีกเป็นแน่นางเตรียมที่จะมองหาตัวของผู้ที่เรียกนางมา แต่ไม่ทันที่จะได้หยัดกายลุกขึ้นเสียด้วยซ้ำ เสียงทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นเหนือหัว“เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ตกใจแล้วหรือ?”ฟางเหนียงหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะหันไปยอบกายคำนับตามมารยาท“คำนับ ท่านเทพเจ้าค่ะ”“อ่า เจ้ารู้แล้วสินะ… รู้ได้อย่างไร หมิงเยว่บอกเจ้าหรือ?”“ท่านพี่ของข้ารู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัวด้วยหรือเจ้าคะ?”“อ่า มิใช่สินะ”ใบหน้าคมคายหม่นลงเล็กน้อย ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับฟางเหนียงดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้จักกันสินะ แต่รู้จักกันด้วยดีหรือร้ายมิอานคาดเดาได้“ท่านเทพ… จุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใดกันแน่?”สตรีตัวน้อยรู้สึกหวาดหวั่นเหลือเกิน หวาดกลัวว
บทที่ 18มิอาจยอมให้นางเสียหายลิ้นสากหลีกหนีเรียวลิ้นของนาง ลิ้นของนางก็ยังตามติดไม่ออก กลายเป็นจูบที่แสนดูดดื่มจนเกิดเสียงน่าอาย เมื่อยามที่ฟางเหนียงยอมแพ้คิดจะถอนริมฝีปากออก จินหมิงเยว่ก็เป็นฝ่ายคว้าท้ายทอยของนางแล้วกดให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็เป็นฝ่ายรุกรานโพรงปากอุ่น ตักตวงความหอมหวานอย่างเร่าร้อน ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เอาแต่หลีกหนีปฏิเสธนางแท้ๆ...จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!!...อดมิได้ที่จะต่อว่าบุรุษในใจที่คิดหลอกนาง แต่ก็ยอมให้บุรุษรุกรานแต่โดยดี เพราะจูบหวานๆ ที่ถูกส่งมอบมามันพาให้ร่างของนางอ่อนระทวย เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบซึ่งราวกับเอาอกเอาใจนาง นางจะยอมให้อภัยจินหมิงเยว่ก็แล้วกันเนิ่นนานกว่าทั้งสองจะถอนริมฝีปากออกจากัน ดวงตาสบประสานกันของหวานซึ้ง คล้ายกับกำลังแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีให้กันและกัน“เอาลูกแก้วคืนไปหรือยังเจ้าคะ?”“ยัง”“อ้าว?”“ข้าฝากไว้กับเจ้า หากข้าบาดเจ็บเจ้าจะได้จู