เมื่อมิคกี้มาถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงโสภิตาแม่ของเขานั่งรอยอยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับพายัพพ่อของเขาซึ่งเป็นรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคนชายหนุ่มรุ่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา
“มิคกี้มานี่หน่อย”คุณหญิงโสภิตาปราดสายตามองมิคกี้ จนมิคกี้ไม่กล้าปฏิเสธที่จะเดินเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับแม่”
“นั่งลงก่อนซิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้”
“ครับแม่”มิคกี้นั่งลงๆข้างๆพ่อของเขา
“เดี๋ยวแม่จะแนะนำเพื่อนแม่ให้รู้จักนะ นี่อาเกรท เพื่อนร่วมรุ่นของแม่คณะอักษรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา”
“หวัดดีครับอา”เพียงมิคกี้หันไปมองหน้าเกรทเขาถึงกับตกใจ เพราะทั้งชื่อและหน้าคุ้นมาก มิคกี้จึงคิดย้อนหลังก่อนหน้าที่เขาสลบไป ทั้งชื่อและหน้าตานั่นคือเกรทชัดๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูมีอายุขึ้น แต่เค้าโครงหน้ายังเหมือนเกรทตอนหนุ่ม ที่เขาพึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมิคกี้คิดว่าเป็นความฝัน
“หน้าตาเหมือน โสภิตา มากเลย ส่วนรูปร่างสูงใหญ่ได้พ่อแน่ๆ”เกรทยิ้มให้มิคกี้ ซึ่งมิคกี้ก็ยิ้มตอบ
“ขอบคุณครับ แต่ผมคุ้นหน้าคุณอามากเลย”
“อาจจะเห็นในรูปก็ได้นะ เพราะอากับคุณแม่มิคกี้ก็ถ่ายรูปด้วยกันบ่อยๆ”
“ผมว่าเห็นในฝันตอนอาหนุ่มๆ”
“มิคกี้”คุณหญิงโสภิตาเสียงเข้ม
“คุณอารู้จักคนชื่อต่อไหมครับ”
“ใช่ต่อลูกกำนันบุญมีหรือเปล่า ถ้าใช่เพื่อนสนิทอาตั้งแต่วัยเด็กเลยนะ”
“ตอนนี้คนชื่อต่อทำอะไรอยู่ครับ”มิคกี้รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่คิดแม้แต่น้อยเลยว่าย้อนเวลาไปยุคเก้าศูนย์ เขาคิดเพียงแต่เป็นความฝันแค่นั้น
“เป็นเกษตรกรที่บ้านเขานั่นแหละ ตอนนี้เขาก็มากรุงเทพกับอานะ แล้วมิคกี้ไปรู้จักเขาได้อย่างไงล่ะ”
“ฝันครับ แต่ฝันเหมือนจริงมาก ถ้าอาว่างพาผมไปหาคนชื่อต่อได้ไหมครับ”
“เกรท อย่าไปฟังมิคกี้มันพูดเลย เดี๋ยวนี้มันเพี้ยนหนักมาก จนฉันนี่ปวดหัวอยู่ทุกวัน”คุณหญิงโสภิตาพูด
“ผมไม่ได้เพี้ยนนะแม่”
“ไม่เพี้ยนแน่นะ”รัฐมนตรีพายัพพูดเสียงเข้ม
“ครับพ่อ”
“อย่าไปดุแกเลย ช่างมันเถอะ แกก็ถามตามภาษาเด็ก แต่จะว่าไปมิคกี้ก็หน้าตาเหมือนต่อตอนหนุ่มเหมือนกันนะ”เกรทมองมิคกี้อีกครั้งอย่างชัดๆ
“มีแต่คนพูดแบบนี้”มิคกี้เผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฮ่ะ”สามเสียงประสานกันด้วยความประหลาดใจกับคำพูดของมิคกี้
“ไม่มีอะไรครับ แล้วคนชื่อต่อได้เรียนหนังสือไหมครับ”มิคกี้ยิ้มแห้งๆ
“ไม่ได้เรียนนะ ตอนแรกกะจะเรียนรัฐศาสตร์แต่เปลื่ยนใจ อยากทำเกษตรอะไรของแกนั่นแหละ คนนี้มีความเป็นตัวตนสูง เอ่อ อาจำได้แล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาไม่ให้เรียกต่อนะ ให้เรียกมิคกี้ชื่อเหมือนน้องมิคกี้เลย นิสัยก็เปลื่ยนไปพอสมควร แต่ก็เป็นแค่วันเดียวเอง”
“คนนั้นมิคกี้เองนั่นแหละ”
“เพ้อเจ้อ อย่าไปกวนอาเกรทเขาเลย”พายัพทนไม่ไหวที่มิคกี้ถามโน้นถามนี่เกรท
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับอาเยอะเลย ถ้าอายังไม่รีบกลับบ้านวันหลังเราคุยกันนะครับ”
“ได้สิ”เกรทยิ้ม
“มิคกี้”เสียงคุณหญิงโสภิตาดังขึ้น พร้อมด้วยสายตาพิฆาต จนมิคกี้หยุดถาม
“อย่าไปว่ามิคกี้เลย เราก็คุยถูกคอกับมิคกี้นะ เราไม่มีลูกไงได้คุยกับมิคกี้ก็เหมือนได้คุยกับลูก”
“คุณอาไม่มีภรรยาเหรอครับ”
“มิคกี้ เสียมารยาท”เสียงพายัพเข้มพร้อมที่จะจัดการมิคกี้
“ครับพ่อ”
“ถ้าง่วงก็ไปนอนซะ”คุณหญิงโสภิตาพูด
“ครับ เดี๋ยวจะไปนอนก็ได้”มิคกี้ลุกขึ้นยืนและมองหน้าเกรทอีกครั้ง ก่อนที่เขาเดินจากไปท่ามกลางความคิดที่สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก
เมื่อมิคกี้ขึ้นมาบนห้องนอน เขาก็รีบอาบน้ำทันที หลังจากนั้นก็มานอนเล่นมือถือบนเตียงนอน เขาเปิดแกลอรี่ดูภาพที่เขาบันทึกไว้เรื่อยๆจนมาเจอคนที่เขาเคยรักมากๆเป็นภาพคู่กันที่ถ่ายบนเตียงนอน เขายังจำวันเก่าๆที่มีบอมบอมคนเคยรักเก่า อยู่ในเหตุการณ์ได้ทุกเรื่องราว ในระหว่างที่เขากำลังมองรูปอดีตคนเคยรัก เสียงไลน์ก็ดังขึ้นจนทำให้มิคกี้ได้สติ เขาจึงเปิดดูได้ไลน์ซึ่งเป็นของยูโรที่ส่งมา
“หลับหรือยัง”
“ยัง มีอะไรเหรอ”
“คิดถึงนายว่ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า พึ่งจากกันเมื่อกี้นี้เอง”
“ไม่รู้เป็นอะไร จะนอนทีไรหน้านายก็โผล่ขึ้นมาทุกที”
“นายเป็นหนักมากเลยนะ จู่จู่จะมาคิดถึงกัน มันไม่ใช่เรื่องแล้วนะ”
“ทำไมจะไม่ใช่เรื่อง มันเป็นเรื่องราวที่เราคิดถึงนาย”
“ที่ส่งไลน์มามีแค่นี้เหรอ”
“ทำไม จะคุยเล่นกับนายบ้างไม่ได้เหรอ ก็นายน่ะไม่ค่อยเข้าไปเล่นฟุตบอล นานๆไปทีเพื่อนก็คิดถึงซิ”
“เมื่อกี้ก็พึ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเราเรียนหนักไง ไม่ค่อยมีเวลาหรอก”
“เราก็เรียนหนักยังมีเวลาเลย นายต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้นายต้องไปเล่นฟุตบอลนะ”
“ก็ได้ถ้าไม่ได้ติดธุระอะไร”
“ก็ดี พรุ่งนี้เจอกัน”
“โอเค”
“หลับฝันดี”
เมื่อมิคกี้กดวางโทรศัพท์มือถือ เขาก็นอนครุ่นคิดเรื่องราวของเกรท เพราะเป็นความบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความฝันหรือความจริง ถ้าเป็นความฝันก็ไม่น่าจะฝันได้เหมือนจริงซะขนาดนั้น มิคกี้คิดวนไปวนมาจนเขาหลับไปในที่สุด
…………………………………………………………………………………………………..
หลังเลิกเรียนมิคกี้มาเล่นฟุตบอลตามนัดที่รับปากยูโรไว้ เมื่อทั้งสองเล่นฟุตบอลเสร็จก็เข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำนักกีฬา รวมทั้งนักฟุตบอลคนอื่นๆก็แก้ผ้าล่อนจ้อนอาบน้ำกันทุกคน ในระหว่างที่อาบน้ำมิคกี้ก็รู้สึกได้ว่ายูโรจะมาอาบน้ำใกล้ๆ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนต่างคนต่างอาบแท่บจะไม่ได้คุยกัน แต่ในครั้งนี้ยูโรก็มาแปลก มาอาบน้ำใกล้ๆเขาจนตัวแท่บติดกัน
“อาบน้ำเสร็จแล้วไปไหนหรือเปล่า”ยูโรถาม
“ไม่ได้ไปไหนนะ กลับบ้านเลยนายล่ะ”
“ก็ไม่ได้ไปไหนนะ แต่อยากชวนนายไปกินข้าวด้วยกัน ไปไหม”ยูโรมองเรือนร่างของมิคกี้ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ และส่วนกลางลำตัวของมิคกี้
“ก็ได้ เราก็เริ่มรู้สึกหิวข้าวอยู่พอดี”
“ไปกินที่ไหนดี แต่เราชอบกินข้างทางนะ”
“เหรอ ก็ดีเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยได้ไปกินแบบนั้นเลย”
“ถ้าไปกินแล้วนายจะติดใจแน่นอน”ยูโรยังไม่เลิกมองส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ จนมิคกี้สังเหตเห็น
“นายมองอะไรของเรานักหนาเนี่ย ของนายก็มีทำไมไม่มองเข้าไป”
“เอ่อ เปล่ามอง แค่คุยกับนายแล้วสายตามันเลื่อนผ่านไปเห็น”
“ก็เห็นอยู่ว่าจ้องขนาดนั้น”
“ไม่ได้จ้องนายเลย ตาฝาดแล้วแหละ อย่ามาใส่ร้ายเพื่อนนะ”
“ใส่ร้ายซะที่ไหน จ้องจนนึกอยากว่าอยากจะกิน”
“ให้กินไหมล่ะ”ยูโรยิ้ม
“นายมันบ้าไปแล้ว”
“ไม่ได้บ้า ถ้านายอยากให้กินเราก็กินของนายได้นะ”
“พูดอะไรไม่อายบ้างคนเยอะแยะ”
“ตรงนี้ไม่มีคนไม่มีใครได้ยินหรอก”ยูโรแกล้งเดินไปใกล้ๆมิคกี้
“ออกไปห่างๆเลยนะ อย่ามายุ่งกับของเรา ดูไอ้นั่นของนายดีๆเหอะ มันเริ่มแข็งแล้วน่ะอายเขาไหม”มิคกี้อดขำไม่ได้
“อู้”ยูโรตกใจเพราะท่อนเอ็นของเขากำลังจะขยายใหญ่ ยูโรจึงเอามือปิดไว้แล้วรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพักกาย
มิคกี้หัวเราะน้อยๆพร้อมอมยิ้ม เพราะขำยูโรที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งยูโรทำให้เขาหายเครียดไปบ้างพอสมควร แต่เขาก็กลับมาคิดถึงเกรทในความฝันอีกครั้ง และคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาหยอกล้อกับเกรท ซึ่งเขาก็แน่ใจว่าไม่ได้รักเกรท แต่ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะตีเนียนเป็นต่อ และมิคกี้รู้สึกเหงาๆพอดี และกำลังมีความต้องการเรื่องกามารมณ์ จึงเผลอกายเผลอใจคิดทำเรื่องอย่างว่าลงไป แต่กับยูโรมีความเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไรหนัก พอยูโรรุกเขาหนัก มิคกี้จึงไม่ทันตั้งตัวตั้งรับความรู้สึกนั้นได้ เขาจึงยังรู้สึกเฉยๆกลับยูโร
เมื่อยูโรกับมิคกี้หาที่จอดรถได้เรียบร้อย ยูโรจึงพามิคกี้มาที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง ซึ่งเป็นครั้งที่สองที่ได้มากิน ครั้งแรกก็ช่วงที่หลงไปในอดีตที่เขาได้กินอหารตามสั่ง แต่ที่นั่นยังเป็นในร้านอาหารแต่อยู่ข้างทาง
ยูโรได้พามิคกี้มาร้านอาหารข้างทางที่ไม่ได้หรู ซึ่งหน้าร้านก็เป็นเพียงรถเข็นธรรดา อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ไม่ได้มีการตกแต่งแต่ประการใด ซึ่งร้านนี้ยูโรมากินเป็นประจำ ครอบครัวของยูโรก็ไม่ได้รวยอะไรเลย พ่อและแม่ของยูโรเป็นพียงแค่ข้าราชการประจำ ไม่ได้ร่ำรวยแบบพ่อแม่ของมิคกี้ ยูโรจึงใช้ชีวิตง่ายๆแบบชาวบ้านทั่วไป
“นายนั่งก่อนเลยนะ เดี๋ยวเราไปตักน้ำมาให้”
มิคกี้มองยูโรยืนอยู่ที่วางน้ำดื่มฟรี มิคกี้เห็นยูโรหยิบแก้วมาสองใบ และนำน้ำแข็งใส่แก้ว และกดก๊อกน้ำจากระติกใส่จนเต็ม แล้วนำมาให้เขาส่วนอีกแก้วของยูโรเอง
“น้ำเป็นขวดไม่มีเหรอ”มิคกี้ไม่กล้าดื่มเท่าไร
“ไม่มีหรอก ถ้านายไม่กล้าดื่มเดี๋ยวเราเดินไปซื้อให้”
“ไม่ต้องหรอกเราดื่มได้”
“สั่งอะไรดี”
“มีอะไรบ้างล่ะ”มิคกี้ถาม
“ก็อาหารตามสั่งทั่วๆไปนั่นแหละ กระเพราไข่ดาว ข้าวผัด คะน้าหมูกรอบ ก็ประมาณนี้แหละ”
“ถ้างั้นเราเอากระเพราหมูไม่เผ็ดไข่ดาวนะ”
“โอเค รออยู่นี่แหละ”ยูโรเดินไปที่รถเข็นที่คนขายกำลังวุ่นกับทำอาหาร
มิคกี้นั่งมองไปรอบๆบริเวณที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง และพลันไปเห็นเกรทเพื่อนแม่ของเขา กำลังเดินมาทางเขาพอดี
“อาเกรท”มิคกี้เรียกเสียงดังพร้อมกวักมือเรียก
เมื่อเกรทเดินมาถึง มิคกี้ถึงกับตกใจ เพราะคนที่อยู่ข้างๆเกรทเหมือนตัวเขาเอง ในวัยที่เป็นผู้ใหญ่ มิคกี้คิดว่าน่าจะเป็นต่อที่เขาเคยฝันว่าเป็นตัวเอง ยิ่งมิคกี้มองยิ่งทำให้เขาตะลึง ทันใดนั้นเองกิ่งไม้แห้งๆขนาดเล็กที่อยู่เหนือศีรษะมิคกี้ล่วงหล่นมาใส่ศีรษะของเขา หลังจากนั้นมิคกี้ก็สลบหลับไหล
มิคกี้สะลืมสะลืออยู่บนหัวบันได้บ้านของกำนันบุญมี ตอนนี้เขารู้สึกมึนๆงงและสับสนเสียงของผู้คนบนบ้าน พอมิคกี้ลืมตาก็เห็นกำนันบุญมียืนอยู่ตรงหน้า “ไอ้ต่อมึงจะไปสอบไหม ถ้าไม่สอบสิ่งที่มึงขอกูจะยืดคืนให้หมด ไม่ต้องเอาสักอย่างกูอุตส่าห์ตามใจมึงทุกสิ่งที่มึงอยากได้” “สอบอะไร”มิคกี้มึนงงและเริ่มที่จะจำได้นิดหน่อย “สอบเข้ามหาวิทยาลัยไง มึงรับปากกูแล้วว่าจะสอบ แล้วมึงมาเปลื่ยนใจได้อย่างไง” “อ๋อ ก็ไปสอบไงไปเลย เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”มิคกี้กำลังจะเดินเข้าห้อง เพราะเขาเริ่มที่จะจำความต่างๆได้แล้ว “ไม่ต้องไปเลย กูให้ไอ้ไก่เตรียมไว้มึงหมดแล้ว” “ถ้างั้นไปได้เลย แล้วไปอย่างไงล่ะพ่อ” “เดี๋ยวกูจะให้อามึงไปด้วย” “อาไหน”มิคกี้งง “ก็อานกของมึงไง ทำเป็นจำไม่ได้ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว” “ถ้างั้นก็ไปเลย”มิคกี้เอ่ยขึ้นแบบงง “โชคดีนะต่อ” จันทราเดินเขามาใกล้ๆมิคกี้เพื่ออวยพร “ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้จันทราและหันไปไหว้กำนันบุญมี “รีบไปอย่ามัวลีลากูเห็นแล้วรำคาญลูกตา”พ่อกำนันพูดขึ้น “ครับ กำนันบุญมี”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็รีบลงบันได้ไปในทันที “ไอ้ต่อ ถึงกูจะเป็นกำนันกูก็เป็นพ่อมึงนะ”กำนันตะ
ด้วยความที่มิคกี้อยู่ในโลกของอนาคตมาก่อน จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้มิคกี้สอบติดอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ เป็นที่แน่นอนกำนันบุญมีดีใจยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ป่าวประกาศไปสิบตำบล จนไปถึงนายอำเภอที่กำนันบุญมีสังกัดอยู่ ในวันที่มิคกี้ในร่างต่อต้องไปเรียนที่กรุงเทพ เป็นวันที่กำนันดีใจอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กำนันเศร้าใจอย่างยวดยิ่ง เพราะต้องจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอันเป็นที่รัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายตัวจริง พอถึงวันที่ต้องจากกันกำนันอดคิดถึงลูกชายไม่ได้ ถึงแม้มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างต่อจะทำตัวเหยียบดินไม่ถึงพื้น แต่มีดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำนันยกทั้งใจให้ลูกชายไม่แท้อย่างหมดหน้าตัก “มึงไปเรียนก็ตั้งใจเรียนให้จบตามกำหนด ปิดเทอมก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะ”กำนันมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ครับพ่อกำนัน” “เอ็งไม่อยู่แม่คงคิดถึงเอ็งมากเลยไอ้ต่อ แม่ตำน้ำพริกแมงดาไปให้เอ็งด้วยนะ คราวนี้แม่ตำแบบไม่เผ็ด เพราะเอ็งไม่กินเผ็ดแล้วนี่”จันทรามีสีหน้าที่เศร้าลงไม่แพ้กำนันบุญมี “ครับแม่” “พ่อว่ามึงน่าจะอยู่หอในดีกว่าไหม”สาเหตุที่กำนันอย
เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร “มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน “ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก” “ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก” “ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง” “ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย” “อะไรล่ะ” “ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท “เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง” “เป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ” “ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” “ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง” “จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านาย
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ
มิคกี้นอนกอดเกรทจนหลับไปในที่สุด ส่วนเกรทกว่าจะหลับก็ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะหลับลงนั้น เขาดันศีรษะของมิคคกี้ออกจากซอกคอของเขา แต่เขาผลักแรงไปหน่อยจนไปกระแทกที่หัวเตียง เกรทไม่ได้ทันสังเกตและสนใจเพราะเขาง่วงนอนพอสมควร สักพักเขาก็หลับตามมิคกี้ไปในที่สุด ช่วงใกล้แจ้งเกรทรู้สึกปวดฉี่เขาจึงลุกเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงรีบออกมาเพื่อที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะห้องของมิคกี้นั้นอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยเท่าไร เพียงเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เขาจึงอยากจะใช้เวลานอนพักให้นานเท่าที่สุดจะนานได้ เมื่อเกรทเดินมาถึงที่เตียงและขึ้นไปบนเตียงนอน เขาก็เห็นมิคกี้ที่นอนเปลือยกายท่อนบนไม่ได้ห่มผ้า เขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของมิคกี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ เพราะตุงนูนเป็นคลื่น และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เกรทจึงจ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะเห็นจนหมดแล้ว แต่เกรทไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ซึ่งในช่วงเวลานี้มิคกี้ได้นอนหลับ เขาจึงถือโอกาสอยากทำในสิ่งที่มิคกี้ให้เขาทำ เกรทค่อยๆสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่ตุง เขาถึงกับสะดุ้งเพราะทั้งแข็งและใหญ่พอสมควร เกรทจึงเลื่อนมือไปที่ข
มิคกี้นอนสลบอยู่ที่ร้านอาหาร หลังจากกิ่งล่วงหล่นใส่ศีรษะของเขา ยูโรพยุงร่างของมิ คกี้มานั่งที่โต๊ะ ยูโรเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้งเขาจึงเริ่มได้สติกลับมาและลืมตาขึ้น “เราเป็นอะไรไป”มิคกี้ยังมึนงง “กิ่งไม้หล่นใส่หัวนายไง” “ไม่น่าใช่ เมื่อคือเรายังนอนที่ห้องอยู่เลย นอนกับเกรท”มิคกี้ขยับศีรษะไปมา “เกรทไหน นายมากับเรา” “เหรอ เดี๋ยวขอเวลาคิดหน่อยนะ”พอมิคกี้ได้สติเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลับมายังในยุคปัจจุบัน “ว่าไงจำได้หรือยัง”ยูโรมองหน้าของเกรทด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง “จำได้แล้ว แต่เราคงไม่กินข้าวแล้วนะ ไม่มีอารมณ์กินเจ็บหัวจังเลย”มิคกี้ใช้มือลูบที่ศีรษะของเขา “ฮือ ไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยมา ดูนายท่าจะแย่มากวันนี้ ขับรถกลับบ้านไหวไหม” “ไหว” “ถ้างั้นเดี๋ยวเราขับรถตามนายไปก็แล้วกันนะ” “ขอบใจมาก” ยูโรพยุงร่างของมิคกี้และเดินไปที่รถของมิคกี้ ยูโรยืนมองมิคกี้เข้าไปในรถและขับรถออกไป ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในรถของตัวเองและขับรถตามมิคกี้ไปอย่างด้วยความเป็นห่วง มิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้าน เมื่อยูโรเห็นมิคกี้ขับรถกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงขับกลับไปที่บ้านของเขาทันที ม