มิคกี้นอนสลบอยู่ที่ร้านอาหาร หลังจากกิ่งล่วงหล่นใส่ศีรษะของเขา ยูโรพยุงร่างของมิ คกี้มานั่งที่โต๊ะ ยูโรเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้งเขาจึงเริ่มได้สติกลับมาและลืมตาขึ้น
“เราเป็นอะไรไป”มิคกี้ยังมึนงง
“กิ่งไม้หล่นใส่หัวนายไง”
“ไม่น่าใช่ เมื่อคือเรายังนอนที่ห้องอยู่เลย นอนกับเกรท”มิคกี้ขยับศีรษะไปมา
“เกรทไหน นายมากับเรา”
“เหรอ เดี๋ยวขอเวลาคิดหน่อยนะ”พอมิคกี้ได้สติเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลับมายังในยุคปัจจุบัน
“ว่าไงจำได้หรือยัง”ยูโรมองหน้าของเกรทด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง
“จำได้แล้ว แต่เราคงไม่กินข้าวแล้วนะ ไม่มีอารมณ์กินเจ็บหัวจังเลย”มิคกี้ใช้มือลูบที่ศีรษะของเขา
“ฮือ ไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยมา ดูนายท่าจะแย่มากวันนี้ ขับรถกลับบ้านไหวไหม”
“ไหว”
“ถ้างั้นเดี๋ยวเราขับรถตามนายไปก็แล้วกันนะ”
“ขอบใจมาก”
ยูโรพยุงร่างของมิคกี้และเดินไปที่รถของมิคกี้ ยูโรยืนมองมิคกี้เข้าไปในรถและขับรถออกไป ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในรถของตัวเองและขับรถตามมิคกี้ไปอย่างด้วยความเป็นห่วง
มิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้าน เมื่อยูโรเห็นมิคกี้ขับรถกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงขับกลับไปที่บ้านของเขาทันที
มิคกี้เดินเข้ามาภายในบ้าน เขาคิดคำต่างที่จะมาแก้ตัวกับแม่ของเขาคุณหญิงโสภิตา แต่เมื่อเขามาถึงในห้องรับแขก มิคกี้เห็นเพียงแต่พายัพพ่อของเขา และผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่รุ่นราวราวคราวเดี๋ยวกับคุณหญิงแม่ของเขา
“มิคกี้มานี่มาหาพ่อก่อน”พายัพกวักมือเรียกมิคกี้ ส่วนมิคกี้ก็เข้ามานั่งด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร และแม่ของเขาคุณหญิงโสภิตาหายไปไหน
“พ่อกับแม่มีเรื่องจะบอก พ่อกับแม่จะหย่ากัน”พายัพพูดเสียงราบเรียบ
“ใช่ แม่ก็ตัดสินใจแล้วเหมือนกัน”
“คุณเป็นใคร คุณไม่ใช่แม่ผม”มิคกี้มีสีหน้าที่ตื่นตระหนก
“มิคกี้ ทำไมพูดจากับแม่แบบนี้”สุชาดาเอ่ยขึ้น
“คุณไม่ใช่แม่ผมจริงๆนี่ แม่ผม คุณหญิงโสภิตาต่างหาก”
“พายัพ คุณมันเลวมาก เกลี่ยกล่อมลูกไม่ให้ยอมรับแม่แท้ๆของตัวเอง”สุชาดานั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“มิคกี้ ลูกพูดกับแม่อย่างงั้นได้อย่างไร แล้วเรื่องคุณหญิงโสภิตาจะมาเป็นแม่ใหม่ของลูก ไปเอามาจากไหน”พายัพมีน้ำเสียงที่ดุดันพอสมควร
“อะไรกัน แม่ผมชื่อโสภิตา คุณเป็นไรแม่อ้างว่าเป็นแม่ผม”มิคกี้มีท่าทีขึงขัง
“แม่ไง สุชาดา แม่ของมิคกี้ แม่อุ้มท้องมิคกี้มาตั้งเก้าเดือน ทำไมมิคกี้เห็นคนอื่นดีกว่าแม่ตัวเองได้ไง”สุชาดาสะอื้นไห้ต่อ
“ไม่จริง”มิคกี้ส่ายหน้า
“ทำไมจะไม่จริง มิคกี้เป็นอะไรไปลูก ถึงจำแม่ไม่ได้นี่แม่แท้ๆนะ ส่วนโสภิตาอนาคตแม่เลี้ยงลูก”สุชาดาหันหน้ามามองพายัพ
“พ่อเล่นตลกอะไรกับลูก”
“พ่อกับแม่ไม่ใช่เด็กๆจะมาเล่นตลกกับลูกได้ไง ดูดีๆนั่นแม่สุชาดาของลูก”
มิคกี้มองหน้าสุชาดาชัดๆอีกครั้ง แล้วเขาก็จำได้ทันทีว่านี่คือสุชาดา เพื่อนร่วมห้องพักของเขานั่นเอง ที่ก่อนเข้าจะกลับมาในอนาคตพายัพได้ตามติดสุชาดาพอสมควร
“ไม่จริง”มิคกี้รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องทันที เพราะเขายังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
“มิคกี้ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”พายัพตะโกนตามเสียงดัง
“ปล่อยแกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับลูกเอง”
“แต่ ลูกต้องอยู่กับผม”พายัพเสียงเข้ม
“ได้ ฉันก็ให้อยู่กับคุณนั่นแหละ ที่ฉันไม่เอาลูกไป ไม่ใช่เพราะฉันไม่รักลูก แต่คุณฐานะดีกว่าฉัน ถ้าลูกอยู่กับคุณมันมีอนาคตที่ดีกว่าอยู่แล้ว”
“ขอบใจมากนะที่คุณเข้าใจผม”
“ฉันก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ในเมื่อเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ แล้วจะอยู่ด้วยกันทำไม ฉันไม่ชอบงานสังคมเข้าหาคุณหญิงคุณนายบ้าบอนั่น ฉันชอบชีวิตอิสระ ไม่งั้นฉันไม่แยกอยู่กับคุณมาตั้งหลายปีหรอก และมันก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องแยกกันจริงๆ เพราะอีกหน่อยคุณอาจได้ตำแหน่งใหญ่โตกว่านี้ ฉันรับไม่ได้ที่จะต้องปั้นหน้าปั้นตาในสังคมชั้นสูงของคุณ”
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ ที่ไม่สามารถทำตามที่คุณอยากได้”
“ฉันเข้าใจ ฉันยังไม่สามารถที่ทำตามใจคุณได้เลย”
“ผมยังจำได้ไม่ลืมเลยนะ ที่เราเริ่มคบกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย”พายัพพูดขึ้น
“ฉันไม่อยากจำ พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้วนะ ฉันขอตัว”
สุชาดาขึ้นไปบนห้องด้วยใจที่ปวดร้าว เธอนั้นยังรักพายัพอยู่เหมือนเติม แต่เธอไม่สามารถที่จะทิ้งชีวิตที่อิสระมาเป็นภริยาท่านรัฐมนตรีได้ เพราะตำแหน่งคุณหญิงเธอไม่ต้องการและเธอคิดว่าไม่สามารถทำได้ ข้อสำคัญเธออยากอยู่อย่างสงบเรียบง่าย ไม่ชอบเข้าสังคมที่มีผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน
ถึงแม้เธอบอกกับพายัพว่าไม่อยากจำอดีต แต่เธอก็ไม่สามารถลืมอดีตได้ ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอนั้นได้คบกับพายัพจนเรียนจบ หลังจากนั้นเธอก็พลาดท้องกับพายัพ ถึงแม้พ่อแม่ของพายัพจะขอแค่ลูกไม่ต้องการตัวเธอ แต่สุชาดาก็ไม่ยอม รวมทั้งพายัพด้วยเช่นกัน ทั้งคู่ฝ่าฝันอุปสรรคของครอบครัวจนได้แต่งงาน แต่ชีวิตคู่ของทั้งสองก็ลุ่มๆดอนๆมาตลอด เพราะญาติทางฝ่ายพายัพไม่ชอบเธอ เพราะครอบครัวของสุชาดานั้นพื้นเพธรรมดาเกินไป
มิคกี้นั่งลงบนเตียงด้วยความเศร้าสร้อย และไม่อยากยอมรับความจริงว่าสุชาดาคือแม่ของเขา มิคกี้ถึงกับเครียดจนรู้สึกปวดศีรษะ เขาจึงไปหยิบยาแก้ปวดมากินและล้มตัวลงนอน ด้วยใจที่ร้าวราน เพราะสิ่งที่เขากลัวมันได้เกิดขึ้น มิคกี้พลางคิดไปว่าในช่วงเวลาที่เขากลับมายังอนาคต ในส่วนอดีตพายัพกับสุชาดาคงสานสัมพันธ์กลายเป็นความรัก และแต่งงานกันจนมีลูกเกิดมาเป็นเขา
มิคกี้พยายามหลับตาและข่มใจให้หลับ เพื่อที่จะได้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น และอยากจะย้อนเวลากลับไปเพื่อเจอแม่ของเขาในวัยสาว ซึ่งมิคกี้ก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่เขาจะหลับลงได้ แต่เขาแค่หลับไม่ได้กลับไปในอดีตที่อย่างเขาคิดไว้
“มิคกี้ มิคกี้ มิคกี้” สุชาดาเคาะประตูเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้ง
มิคกี้เริ่มได้สติลืมตาขึ้นแบบสะลีมสะลือ เขาจึงค่อยๆลุกลงจากเตียงและไปเปิดประตูดูว่าเป็นใครมาเรียกเขา
“คุณ”มิคกี้เงยหน้ามองสุชาดา
“แม่เข้าไปได้ไหม”
“ได้”มิคกี้พูดห้วนๆและเดินไปนั่งที่ขอบเตียง ส่วนสุชาดาก็นั่งลงข้างๆมิคกี้
“แม่รู้นะว่าลูกทำใจไม่ได้ ที่พ่อกับแม่ต้องเลิกกัน แต่ลูกก็น่าเข้าใจแม่นะ เพราะพ่อกับแม่นั้นเข้ากันไมได้ ไหนจะครอบครัวฝ่ายพ่อก็ไม่ชอบแม่มิคกี้ก็รู้ข้อนี้ดี ที่แม่ทนมาถึงป่านนี้ก็เพื่อลูก แม่รอให้มิคกี้โตแล้วค่อยจากไป”
“คุณ ไม่ได้รักพ่อเหรอ”
“รักสิ แต่ทำไงได้ ในเมื่อความคิดของเราไม่ตรงกัน”
“ในเมื่อไม่ตรงกัน แล้วแต่งงานกันทำไม”
“มันเป็นความรักของหนุ่มสาว มันไม่มีเหตุผลหรอก ลูกก็น่าจะเข้าใจข้อนี้ดี เพราะลูกก็อยู่ในวัยเดียวกับพ่อแม่ในอดีต แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิดไว้หรอก”
“คุณจะไปแล้วเหรอ”
“ใช่ แม่จะไปแล้ว ถ้ามีอะไรโทรหาแม่ได้นะ”
“คุณไปอยู่ที่ไหน”
“แม่ซื้อบ้านจัดสรรไว้หลังหนึ่งมีสามห้อง ของมิคกี้ห้องหนึ่งถ้ามิคกี้ไปหาแม่จะได้นอนที่นั่น”
“แล้วทำไมคุณไม่เอาผมไปด้วย”มิคกี้มองหน้าสุชาดา
“ไปกับแม่ลูกก็ไม่มีอนาคตเท่าอยู่กับพ่อหรอก แม่อยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี เป็นลูกรัฐมนตรี อยู่ในสังคมที่ดี”
“ครับ”มิคกี้ก้มหน้าลง เพราะเขารู้ว่าสุชาดานั้นไม่ได้มาจากฐานที่ร่ำรวยมากนัก แค่พอมีกินมีใช้
“โกรธแม่เหรอ ถึงไม่เรียกว่าแม่ เรียกแต่คุณ”สุชาดน้ำตาไหลพรากออกมาในทันที
“เปล่าครับ คือ”มิคกี้ถึงแม้จะไม่ชอบสุชาดาในอดีต แต่ในเมื่อปัจจุบันสุชาดาได้เป็นแม่ของเขาแล้ว เขาจึงไม่อาจที่จะปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกเฉยๆ
“แม่ไปแล้วนะ ถ้าไงแม่จะไปหาที่มาหวิทยาลัยบ่อยๆ”
“ครับ”
“แม่ขอกอดหน่อย”
สุชาดาโอบกอดมิคกี้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลเอ่อนองแก้มทั้งสอง ส่วนมิคกี้รู้สึกแปลกๆใจหายเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำใจกอดสุชาดากลับได้ สักพักสุชาดาก็คลายกอดจากมิคกี้
“คราวนี้แม่ไปจริงๆแล้วนะ”
สุชาดากลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไปมากกว่านี้ หลังจากนี้เธอก็หันหลังให้มิคกี้และก้าวเท้าออกในประตูไป ด้วยใจที่ปวดร้าวเพราะลูกชายสุดที่รักของเธอนั้นเย็นชาจนเธอรับไม่ได้
มิคกี้ก้มหน้าด้วยความเศร้า เพราะความรู้สึกผูกพันเริ่มเข้ามาทีละน้อย จนใจของมิคกี้สั่นหวั่นไหว เขาพลันคิดได้ว่าเก็บอัลบั้มรูปไว้ มิคกี้จึงลุกขึ้นไปเปิดตู้ใต้ทีวีและหยิบอัลบั้มรูปออกมาดู ซึ่งรูปที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่โสภิตาแต่เป็นสุชาดาที่ท้องโต และรูปของเขาในวัยเด็กกับสุชาดาทุกใบ จนโตเป็นหนุ่มและมีรูปของพายัพมาร่วมเฟรมบ้าง แต่ยังน้อยกว่ารูปสุชาดา
“แม่”มิคกี้เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆห้อง เขาก็เห็นรูปสุชาดากอดเขาในวัยหนุ่ม มิคกี้ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นและคิดถึงสุชาดาทันที มิคกี้ใจหายไม่อยากให้สุชาดาจากไป เพราะภาพเก่าได้เข้ามาในความคิดของมากมาย ทั้งทีเขาไม่มีความจำและความรู้สึกกับสุชาดามาก่อน มิคกี้เริ่มใจคอไม่ดีเขาจึงรีบออกจากห้อง และลงบันได้ไปในทันแล้วมองหาสุชาดาผู้เป็นแม่ แต่ก็ไม่เห็นได้ยินแต่เสียงรถที่สตาร์ทดังอยู่
“แม่”มิคกี้ตะโกนเสียงดังวิ่งออกไปที่ประตูบ้าน และเขากำลังเห็นรถของสุชาดาแล่นออกไป
“แม่”มิคกี้วิ่งตามไปในทันที แต่ก็ไม่ทันเพราะสุชาดาขับรถออกไปที่ถนนแล้ว
“จับมิคกี้ไว้”พายัพตะโกนให้ยามจับตัวมิคกี้ไว้ เพราะพายัพสังเกตเห็นว่ามิคกี้นั้นเริ่มสติหลุด
“มิคกี้ฟังพ่อนะ ถึงแม่เขาจะไปอยู่ที่อื่น แต่มิคกี้ยังไปหาแม่ได้ตลอดเวลา จะไปนอนด้วยหรือไปเที่ยวพ่อก็ไม่ว่า”
“แล้วทำไมพ่อเลิกกับแม่ล่ะ”
“มันเรื่องของผู้ใหญ่ลูกไม่เข้าใจหรอก สักวันลูกจะเข้าใจเองว่าบางเรื่องมันไม่สามารถที่จะทำตามใจได้หรอก”
“ผมไม่เข้าใจ พ่อใจร้าย พ่อเจ้าชู้ จีบสาวทีเดียวสองคน ทั้งแม่สุชาดา แม่โสภิตา”
“ไอ้มิคกี้ จะมากไปแล้ว ไปเอาเรื่องนี้มาจากนี้”
“ผมรู้ก็แล้วกัน พ่อไม่รักใครจริงนอกจากตัวเอง”
“นี่พ่อนะ พูดกับพ่ออย่างนี้เลยเหรอ”
“ก็มันเรื่องจริงนี่”
“ไม่ต้องพูดอีก ขึ้นไปแต่งตัวแล้วก็ไปเรียนได้แล้ว”
พายัพมองหน้ามิคกี้แวบหนึ่งด้วยความสงสัย หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปภายในบ้าน ด้วยความคิดที่สับสน และมึนงงกับมิคกี้ลุกชายอันสุดที่รัก ทำไมถึงเปลื่ยนไปยังกับคนละคน
ต่อกำลังเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อที่จะกลับบ้านของเขา แต่ต่อใส่เสื้อผ้าลงกระเป๋ายังไม่หมด เสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขี้น ต่อจึงเดินไปรับด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร “ฮัลโหล” “ไอ้ต่อ มึงเรียนเป็นไงบ้าง”กำนันบุญมีถามไถ่ “ผมจะกลับบ้านแล้วไม่อยากเรียน” “ไอ้ต่อ ถ้ามึงจะกลับมาบ้านไม่ต้องกลับมา มึงไปอยู่ที่อื่นเลยกูหมดเงินหมดทองกับมึงไปตั้งเท่าไร” “ผมไม่อยากเรียนนี่” “ถ้ามึงไม่อยากเรียนแล้วไปสมัครสอบทำไม” “ผมไม่ได้ไปสอบใครก็ไม่รู้ที่ไปสอบ” “ไอ้ต่อมึงอย่ามาแก้ตัวหน้าด้านๆก็มึงนั่นแหละ เอาล่ะมึงอยู่ที่นั่นไม่ต้องกลับมาจนกว่าจะปิดเทอม ถ้ามึงกลับมาไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ ตัดขาดกันตั้งแต่วันนี้มึงจะเลือกเอาอะไร” “พ่อ บังคับผมอีกแล้ว” “กูไมได้บังคับกูหวังดีกับมึง” “ก็ได้”ต่อรับปากส่งๆไปอย่างนั้น “ดีมาก เดี๋ยวพ่อจะโทรมาหาเป็นระยะๆแค่นี้แหละ” ต่อนั่งลงอย่างหงุดหงิด เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เรียนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปบ้านของเขาได้ ต่อจึงนั่งนิ่งด้วยความสงสัยว่า ทำไมเขาจึงไม่รู้เลยว่ามาสอบมาเรียนที่นี่ และก่อนหน้านี้เขาไปอยู่ไหนมา ต่
หลายวันผ่านมามิคกี้ก็ไปเรียนตามปกติ หลังจากนั้นก็เป็นเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสนิทคนใหม่ยูโร แต่ด้วยวันนี้มิคกี้ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวกับยูโรต่อได้ เพราะพ่อขอ งเขาได้นัดให้มิคกี้กลับมาบ้าน ในระหว่างที่ทั้งสองอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ “วันนี้ไปไหนกันต่อดีไหม”ยูโรที่อาบน้ำอยู่ข้างมิคกี้พูดขึ้น “ไปไม่ได้ พ่อเราให้กลับไปบ้านมีเรื่องจะคุยด้วย” “ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ แต่เราเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อกับแม่นายหย่ากัน เราก็ไม่กล้าพูดกลัวนายเสียใจ นี่ก็หลายวันแล้วเราเลยพูดให้กำลังใจนาย” “ขอบใจนายมากนะ”มิคกี้ขยับมือจะเกาหลังแต่ก็เกาไม่ถึง “คันเหรอเดี๋ยวเราเกาให้”ยูโรเดินไปข้างหลัง แต่ดันมองบั้นท้ายของมิคกี้ “ตรงนี้ใช่ไหม” “เอ่อๆใช่” ยูโรเกาหลังให้มิคกี้อย่างเต็มใจพร้อมมองบั้นท้ายและอยากสัมผัส และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ท่อนเอ็นของยูโรเริ่มขยายใหญ่ขึ้น “พอแล้วขอบใจมาก” “ฮือ”ยูโรเดินมาอาบน้ำตามเดิม และพยายามที่หักห้ามใจไม่ให้คิดอะไรเพราะท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่ขึ้น “พรุ่งนี้นายว่างมั้ย เราไปเที่ยวกลางคืนกัน”มิคกี้หันไปมองยูโร เขาถึงกับตกใจ เพราะท่อนเอ็นของยูโรขยายใหญ่ขึ้น “อุ๊ย ล้างสบู่นาน
วันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้งซึ่งทุกครั้งมิคกี้ในร่างของต่อจะไปด้วยไม่มีพลาด และเป็นเจ้ามือตลอดไม่เคยขาด แต่ครั้งนี้ต่อตัวจริงกลับมาจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเที่ยวสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง ต่อนั้นเป็นคนเรียบง่ายมีโลกส่วนตัวสูง เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้ที่เขาทนเรียนก็เพราะกำนันบุญมีขู่ไว้ และอีกอย่างเขารู้สึกเสียดายผืนนาที่พ่อของเขาขายส่งมาเรียน ต่อจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนต่อไปให้จบ ในวันนี้เขาจึงนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือ ทำรายงานใครชวนไปไหนก็ไม่ไป การไปเที่ยวในครั้งนี้จึงมีเพียง พายัพกับสุชาดาและสุกี้ในร่างหน่อยที่กำลังเพลิดเพลินยุคอดีต ในส่วนของเกรทนั้นไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ค่อยได้สนิทกับกลุ่มนี้เท่าไร ยกเว้นมิคกี้และต่อที่อยู่ในร่างเดียวกัน ช่วงเวลาที่ต่ออ่านหนังสือยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครกันที่มาหาเขา ต่อจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร “มาทำไม”ต่อพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของเกรท “กูก็ไม่อยากมาหรอก แต่กูลืมของไว้ที่ห้องมึง”เกรทเปลื่ยนสรพพนามทันที เลิกใช้คำสุภาพเพราะต่อคนนี้กลับมาเหมือนเดิม “เข้ามา”ต่อเดินนำมาและนั่งลงบนเตียงน
หลังจากที่ทั้งสี่ มิคกี้ หน่อย ยูโร และบิว ได้กินหมูกระทะเสร็จเรียบร้อย จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ในส่วนของยูโรและบิวได้ขับรถกลับไปคนละคัน ส่วนมิคกี้กับหน่อยได้กลับมาด้วยกันเช่นเคย ในระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านนั้น มิคกี้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะได้ใกล้ชิดหน่อยที่เริ่มรักจนหมดใจ ส่วนหน่อยนั้นก็แท่บไม่แตกต่างกันเทใจให้มิคกี้จนไม่มีเหลือให้ใคร ด้วยความรักทั้งสองที่มีให้กันอย่างเหลือล้น จึงทำให้ความรู้สึกที่อยากสัมผัสเรือนกายซึ่งกันมีอย่างเต็มพิกัด เมื่อมาถึงบ้านทั้งสองไม่เห็นรถพายัพกับโสภิตา มิคกี้ตัวต้นคิดและอารมณ์ถวิลครุกรุ่นในวัยหนุ่มพลุกพล่านขึ้นมา เขาจึงอยากจะชวนหน่อยพากันชิวหาในรสรัก แต่หน่อยนั้นยังกล้าๆกลัวๆด้วยหลายสาเหตุจึงยังไม่อยากที่จะทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ เขาจึงลังเลและนั่งลงบนโซฟา “ทำไม่ไม่ไปในห้องนอนล่ะ”มิคกี้ถามและนั่งลงตาม “อิ่ม แน่นท้องนั่งสักพัก” “จริงด้วย หน่อยกินเยอะจนผิดสังเกต” “บ้านหน่อยไม่ได้รวยเหมือนมิคกี้กับสุกี้ไง ถ้าเกิดหน่อยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว หน่อยก็คงไม่มีโอกาสได้กินอีก” “เอ่อ ถ้าได้กลับไปในอดีตนั่นเหรอ ไม่เป็นหรอกเดี๋ยวเราก็ไปซื้อมาทำกินกัน
สุกี้สัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างหิวกระหายและชำนาญ เขาใช้ลิ้นตวัดรอยหยักจนสร้างความเสียวซ่านให้มิคกี้อย่างท่วมท้น สุกี้ทั้งอมและดูดท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างสุดกำลัง เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำจนสุดโคลนอมจนเกือบถึงคอหอย และรูดขึ้นสุดปลายจนเกือบหลุด สุกี้ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง และเน้นส่วนปลายของมิคกี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดไวต่อสัมผัสของชายหนุ่มทุกคน มิคกี้ทนความเสียวซ่านแท่บไม่ไหว จนเขาต้องครางออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สุกี้ยังไม่ยอมหยุด เขาได้ถอนจากท่อนเอ็นของมิคกี้มาเล่นพวงสวรรค์ที่ห้อยยานอยู่ สุกี้อมทั้งพวงและค่อยๆดูดอย่างช้าๆจนพวงสวรรค์เต็งตึงกลมสวย เมื่ออมจึงหนำใจของสุกี้ หลังจากนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเผยเห็นนมชมพู แต่มิคกี้เห็นเพียงแวบเดียวเพราะสุกี้รีบหันหลังให้มิคกี้ เพื่อคร่อมส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ที่นอนหงายอยู่ มิคกี้มองแผ่นหลังที่ขาวใสของสุกี้ จนถึงบั้นท้ายที่กลมเต็งตึงนวลผ่อง เขาเห็นสุกี้จับท่อนเอ็นและจ่อที่ช่องทางรักและดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที หลังจากนั้นสุกี้ก็ขย่มบั้นท้ายขึ้นลงอย่างช้าๆและเริ่มเร็วขึ้นในเวลาต่อมา “อ่า โอว์ อูว์”เสียงของสุกี้ร้องออกมาด้วยความเสี
ในช่วงเวลานี้มิคกี้ไม่มีจิตใจที่อยากจะไปเที่ยวไหน เพราะเขายังกังวลใจเกี่ยวกับหน่อยที่เขาไม่ทราบว่าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มิคกี้จึงปฏิเสธที่จะไปเที่ยวสังสรรค์เกี่ยวเพื่อนฝูง ในระหว่างที่เดินทางกลับห้องพักนั้น มิคกี้พลันเห็นเกรทได้อยู่คนเดียว เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาเกรทในทันที “เกรท จะกลับบ้านเหรอ” “ฮือ”เกรทพยักหน้าและเดินต่อ “ไปห้องเราไหม เราเหงาๆกลุ้มใจอยากหาเพื่อนคุย” “ไม่ไปไม่ว่าง” “นายเป็นอะไรดูเย็นชากับเราจังเลย” “นายน่าจะรู้ดี”เกรทก็รู้สึกแปลกใจว่าวันนี้ต่อเปลื่ยนไป เขาไม่รู้เลยว่ามิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างนี้อีกครั้ง “เรื่องอะไรเราไม่เข้าใจ”มิคกี้มีสีหน้าที่มึนงง “ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เราไม่มีอะไรจะคุยกันนาย ต่างคนต่างอยู่นายเป็นคนบอกเองนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องทักกัน” มิคกี้ยืนนิ่งคิดหาคำตอบ ซี่งมิคกี้คิดว่าน่าจะมาจากต่อเป็นแน่ คงจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย มิคกี้จึงอยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบสิ้น “ไปคุยกันที่ห้อง มีอะไรเคลียร์กันที่โน้นเลย” “เคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ” “นั่นมันต่อที่เคลียร์กับนาย แต่เรามิคกี้ไม่รู้เรื่องด้วย” “นายเป็
ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที “เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้ “ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี “เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม “มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน “เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้” “นายว่าอย่างงั้น
เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่” “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง” “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก” “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้ เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ” “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ” “เรื่องอะไร” “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ” “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ