สุกี้สัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างหิวกระหายและชำนาญ เขาใช้ลิ้นตวัดรอยหยักจนสร้างความเสียวซ่านให้มิคกี้อย่างท่วมท้น สุกี้ทั้งอมและดูดท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างสุดกำลัง เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำจนสุดโคลนอมจนเกือบถึงคอหอย และรูดขึ้นสุดปลายจนเกือบหลุด สุกี้ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง และเน้นส่วนปลายของมิคกี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดไวต่อสัมผัสของชายหนุ่มทุกคน
มิคกี้ทนความเสียวซ่านแท่บไม่ไหว จนเขาต้องครางออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สุกี้ยังไม่ยอมหยุด เขาได้ถอนจากท่อนเอ็นของมิคกี้มาเล่นพวงสวรรค์ที่ห้อยยานอยู่ สุกี้อมทั้งพวงและค่อยๆดูดอย่างช้าๆจนพวงสวรรค์เต็งตึงกลมสวย เมื่ออมจึงหนำใจของสุกี้ หลังจากนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเผยเห็นนมชมพู แต่มิคกี้เห็นเพียงแวบเดียวเพราะสุกี้รีบหันหลังให้มิคกี้ เพื่อคร่อมส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ที่นอนหงายอยู่
มิคกี้มองแผ่นหลังที่ขาวใสของสุกี้ จนถึงบั้นท้ายที่กลมเต็งตึงนวลผ่อง เขาเห็นสุกี้จับท่อนเอ็นและจ่อที่ช่องทางรักและดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที หลังจากนั้นสุกี้ก็ขย่มบั้นท้ายขึ้นลงอย่างช้าๆและเริ่มเร็วขึ้นในเวลาต่อมา
“อ่า โอว์ อูว์”เสียงของสุกี้ร้องออกมาด้วยความเสียวซ่าน
มิคกี้เสียวเกินห้ามใจ เขาไม่สามารถที่จะทนต่อไปได้ มิคกี้จึงเสยท่อนเอ็นขึ้นบนทันที ส่วนสุกี้ก็หยุดกะทันหันเพื่อให้มิคกี้ได้เสยขึ้นมา จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นลั่นห้อง
“พับ พับ พับ”
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มิคกี้ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับชาย แม้แต่กับหญิงเขาก็ไม่เคยมี มิคกี้จึงรู้สึกตื่นเต้นประหม่าพอสมควร จนเกือบจะทำให้เขื่อนแตก เขาจึงหยุดกะทันหันและพยุงร่างลุกขึ้นเพื่อเปลื่ยนท่าจะได้เสร็จช้าลง
สุกี้ยิ่งรู้งานจึงโน้มตัวไปข้างหน้าและคุกเข่าโก้งโคงทันที จนทำให้ท่อนเอ็นของมิคกี้หลุดออก มิคกี้ลุกนั่งคุกเข่าจับท่อนเอ็นจ่อที่ช่องทางรักและดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที หลังจากนั้นมิคกี้โยกบั้นท้าย ให้ท่อนเอ็นของเขาเข้าออกภายในช่องทางรักของสุกี้ที่หลวมพอสมควร แต่เขาก็ไม่แปลกใจเพราะมิคกี้คิดว่าน้องชายของเขาไม่ได้ใหญ่มาก
มิคกี้ซอยถี่ขึ้นแต่เป็นจังหวะเขาไม่กล้าที่จะรัวเพราะกลัวเสร็จเร็วเกินไป มิคกี้โยกบั้นท้ายเรื่อยๆ ดึงท่อนเอ็นเข้าออกในจังหวะที่พอดี ซึ่งสร้างความพึ่งพอใจให้สุกี้พอสมควร เพราะนอนกจากไม่เจ็บยังเสียวถึงใจอย่างที่ต้องการ
มิคกี้เริ่มเร่งความเร็วและซอยถี่ขึ้น เพราะเขารู้สึกอยากจะเสร็จให้เร็วไว เพระมิคกี้เริ่มทนความเสียวสะท้านท่อนเอ็นไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงซอยถี่ยิบจนสุกี้โยกตัวไปข้างหน้าด้วยความแรงกระแทก แต่สุกี้ก็ตั้งรับไม่ถอยรอน้ำในกายของมิคกี้เข้ามาในช่องทางรัก ซึ่งในเวลาไม่นานมิคกี้ก็ทะลักน้ำในกายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่มิคกี้ก็ยังไม่หยุดซอยบั้นท้ายของสุกี้ จนน้ำในกายออกมาหมดสิ้นเขาจึงหยุดทันที และถอนท่อนเอ็นออกพร้อมกับดึงร่างของสุกี้นอนหงายข้างกายเขา มิคกี้โอบกอดสุกี้อย่างหลวมๆและก้มลงหอมแก้มอย่างนุ่มนวล
“ในที่สุดผมก็มีวันนี้”มิคกี้ยังเสียวท่อนเอ็นอยู่และยังไม่ยอมหลับใหล
“เหรอ ครั้งแรกใช่ไหม”
“ใช่โอเคไหม”
“ครั้งแรกก็ทำได้ดีทีเดียว”สุกี้ยิ้มนิดเดียวให้มิคกี้
“ครั้งแรกของหน่อยทำไมชำนาญจัง”มิคกี้จ้องมองหน่อย
“โอ๊ย อายุเกินสิบแปดแล้วจะมาครั้งแรกได้ไง”
“ถึงว่า”มิคกี้เริ่มสงสัยแล้วว่านี่ใช่หน่อยจริงหรือเปล่า เพราะหน่อยจะเป็นคนขึ้อายมากและจะไม่มีวันพูดจาเช่นนี้เป็นอันขาด
“ถ้าอยากได้ต่ออีกก็ได้นะ ยังแข็งอยู่เลย”สุกี้จับท่อนเอ็นของมิคกี้เล่น
“ถ้าอมให้ก็ได้”มิคกี้ยังติดใจลีลารักที่สุกี้มอบให้ไม่หาย
“ติดใจซิท่า”
“แต่ทำไมหน่อยไม่เศร้าเลยล่ะ”มิคกี้กรอกตาไปมาด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องเศร้า ก็สบายดีนี่ วันๆไม่ต้องทำอะไรได้แต่เรียนหนังสือ และกลับห้องมาเจอหนุ่มหล่อ”
“แต่เมื่อครู่ก่อนที่เรามาจากที่นี่ พึ่งทะเลาะกับพ่อและแม่กันมา เรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนนี่”
“เพ้อเจ้ออะไรอีก หมดสนุกแล้ว”สุกี้เลิกจับท่อนเอ็นของมิคกี้และลุกขึ้นแต่งตัวทันที
“กลับห้องไปได้แล้ว”สุกี้หยิบเสื้อผ้าของมิคกี้มาวางไว้ใกล้ๆ
“หน่อยเป็นอะไร นายไม่ใช่หน่อยแน่ๆแต่เป็นสุกี้ใช่ไหม”มิคกี้ลุกขึ้นนั่งทันที
“จะหน่อยจะสุกี้ก็คนเดียวกันนั่นแหละ นายนี่เรื่องมากจริงๆเสร็จแล้วก็น่าจะจบจะมาต่อความยาวสาวความยืดทำไมว่าเราเป็นใครมาจากไหนแค่สนุกแค่นั้นก็น่าจะจบ”
“ทำไมหน่อยพูดแบบนี้ คนรักกันเขาไม่พูดจากันลักษณะนี้หรอก”
“รักกันตอนนี้ พึ่งเจอหน้ากันไม่กี่วันนี่เอง นายนี่หลงตัวเองไม่ใช่เล่นเลยนะ คิดว่าตัวเองหล่ออยู่คนเดียวหรือไง ทั้งมหาวิทยาลัยหล่อกว่านายมีตั้งเยอะ เราจะมาเสียเวลากับผู้ชายคนเดียวทำไม แต่อย่างว่าหนอผู้ชายยุคเก้าศูนย์น่ากินทั้งนั้นเลย ดิบๆแบบนี้แหละเราชอบ”สุกี้ยิ้มและเคลิ้มไปในตัว
“จริงด้วยนายคือสุกี้แล้วหน่อยไปไหน”มิคกี้ตื่นตระหนกและกังวลใจเป็นอย่างมาก
“นายเป็นอะไร เดี๋ยวหน่อยเดี่ยวสุกี้ บอกให้ก็ได้เราคือสุกี้ไม่ใช่หน่อยหรอก จะได้ไม่ต้องมาพร่ำเพ้อพรรณา ช่างไร้สาระเสียจริงๆ”
“หน่อย”มิคกี้หน้าตาซีดเซียวมองซ้ายมองขวา
สุกี้มองมิคกี้ด้วยความสงสัยว่าเป็นอะไร ถึงสีหน้าได้ซีดเซียวขนาดนี้ แต่เขาดันมองข้ามไปว่ามิคกี้น่าจะอยู่ในโลกอนาคตกับเขาด้วย ส่วนมิคกี้ถึงจะรู้แล้วว่าคนที่เขาหลับนอนด้วยไม่ใช่หน่อยแต่เป็นสุกี้ที่สลับร่างมาในอดีต
“เอ้า นั่งเป็นใบ้ไปได้ ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับห้องไปได้แล้ว”สุกี้รู้สึกหงุดหงิดเพราะทีแรกนั้นมิคกี้หล่อเร้าใจ ลีลารักก็ใช้ได้แต่ดันเพี้ยนในความคิดของเขา
มิคกี้ได้สติด้วยเสียงแหลมๆของสุกี้เขาจึงลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าทันที และหันมามองสุกี้ด้วยใจที่แตกสลาย ถึงใบหน้าคนตรงหน้าจะเหมือนหน่อย แต่ในภายไม่ใช่หน่อย จึงทำให้มิคกี้มีสองความรู้สึกที่แตกต่าง ด้วยจิตใจของมิคกี้ตอนนี้เขายังคิดถึงหน่อย ถวิลหากลัวว่าหน่อยจะเป็นอันตรายในโลกอนาคต มิคกี้พลางคิดไปว่าทำไมตัวเขายังมาในอดีตได้ แต่ทำไมหน่อยไม่มาด้วย นั่นแสดงว่าหน่อยอาจอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะไปไหนมาไหนได้ มิคกี้ยิ่งคิดยิ่งกลุ้มใจและเครียดอย่างหนักหน่วง
“เป็นอะไร”สุกี้เขามาเขย่าแขนของมิคกี้
“เปล่า”มิคกี้พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องของหน่อยทันที
มิคกี้เดินออกจาห้องของหน่อยมาถึงตรงบันได้ทางลง เขาก็ได้เห็นสุชาดากับพายัพเดินเคียงคู่กันมา พอประจันหน้ากันเขาก็ได้กลิ่นเบียร์ฟุ้งจากพายัพและสุชาดา
“อ้าวมิคกี้ ห้องนายอยู่ข้างล่างไม่ใช่เหรอ นี่ก็ดึกแล้วขึ้นมาหาใคร”พายัพพูดขึ้น
“จะมาใครล่ะถ้าไม่ใช่หน่อย”สุชาดาอมยิ้ม
“อ่อ เข้าใจแหละ”พายัพพยักหน้า
“ไปไหนกันมากลิ่นเบียร์หึ่งเลย”มิคกี้มองหน้าทั้งสอง
“ไปเที่ยวผับมา”พายัพพูดขึ้น
“ไปกันสองคนนี่นะ”มิคกี้มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ใช่”พายัพพยักหน้า
“แล้วทำไมนายยังไม่กลับบ้าน”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยพอใจพายัพที่ทำตัวแบบนี้
“ที่นายยังไม่กลับห้องเรายังไม่ว่านายเลย ถ้าเราไม่กลับบ้านก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะนายไม่ใช่พ่อเรา ”ด้วยความเมาและขัดเคืองในอารมณ์ที่มิคกี้ยืนขวางทางเขา
“พายัพพูดกับเพื่อนดีๆหน่อย มิคกี้อย่าโกรธพายัพเลย เขาก็เป็นแบบนี้แหละปากไม่ค่อยดี”สุชาดามีสีหน้าที่จริงใจมาก
“ถอยไป”พายัพดันร่างของมิคกี้ออกห่างและกระซิบข้างหูของมิคกี้
“เสร็จแล้วจะไปหาที่ห้องนะจะเล่าให้ฟัง แต่คืนของตัวก่อนนะเพื่อนยาก”พายัพตบที่บ่าของมิคกี้และเดินไปยังห้องสุชาดา
มิคกี้มองตามด้วยหัวใจที่แบ่งเป็นสองส่วน เห็นด้วยกับรักครั้งนี้และแอบเสียดายโสภิตา เพราะถ้าพายัพแต่งงานกับโสภิตาก็จะไม่เกิดการหย่าร้าง นั่นเท่ากับจะไม่มีปัญหาระหว่างเขากับหน่อยอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วมิคกี้ไม่รู้จะแก้หนทางนี้อย่างได้อย่างไร
เช้าวันใหม่มิคกี้ไปเรียนแต่เช้า เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้หลับนอนซักเท่าไร เพราะมัวคิดแต่เรื่องของหน่อยที่ไม่ตามเขามาในอดีต มิคกี้จึงกลัวว่าหน่อยจะเป็นอะไรมากจนที่เขาจะรับได้ ถ้าได้รับรู้ความจริง ยิ่งเมื่อคืนเจอพายัพกับสุชาดาพ่อกับแม่ของเขาในอดีต ที่มีความสัมพันธ์เกินเลยกันไปแล้ว ยิ่งทำให้มิคกี้เครียดหนักขึ้นกว่าเดิม
“มิคกี้”พายัพเรียกเพราะเห็นมิคกี้นั่งนิ่งๆ
“มีอะไร”
“เราต้องถามนายมากว่าเป็นอะไร ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องของที่นายชอบหน่อย อันนั้นมันก็เรื่องของนายไม่เกี่ยวกับเรา แต่นายก็ยังเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิม ไม่ต้องอายหรอกเพื่อน”
“คือ เราไม่ได้อาย แต่เราไม่สามารถบอกนายได้”มิคกี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่านายชอบเรา อย่าคิดเช่นนั้นนะ ถ้านายคิดแบบนั้นเลิกคบเป็นเพื่อนแน่”พายัพเริ่มใจคอไม่ดี
“บ้า นายเป็นเพื่อนเป็นพ่อเรา ใครจะไปคิดอย่างนั้น”
“เพื่อนก็พอ อย่าพึ่งเป็นพ่อเลยแก่ไป นายนี่แปลกจะเอาเราเป็นพ่อให้ได้”
“เมื่อคืนนายกับสุชาดา”มิคกี้อ้ำอึ่ง
“ก็เหมือนนายกับหน่อยนั่นแหละ”พายัพหัวเราะ
“คุยอะไรกัน”จรัญเพื่อนของหน่อยกับสุชาดาในสมัยมัธยม แต่มาเรียนคณะรัฐาศาสตร์ ได้ยินคำว่าหน่อย สุชาดาเขาจึงรีบเดินมาทันที
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก”พายัพพูดขึ้นทันที
“ยังจะมาเปล่าอีกก็ได้ยินอยู่ว่าหน่อยกับสุชาดา”จรัญนั่งลงข้างๆมิคกี้และมองหน้ามิคกี้กับพายัพสลับไปสลับมา
“อ่อ ก็มิคกี้มันบอกว่าชอบหน่อยจะจีบดีไหม”พายัพพูดขึ้น
“ทุกวันนี้ยังไม่ได้จีบอยู่อีกเหรอ เห็นมองตาเยิ้มทุกวันที่ได้เจอ”จรัญมองหน้ามิคกี้ แต่มิคกี้นิ่งเฉยเพราะเขารู้ว่าในตอนนี้หน่อยได้หายแล้ว แต่เป็นสุกี้ที่มาอยู่แทนในร่างของหน่อย
“อ้าวนายรู้เหรอ”พายัพแอบขำตัวเอง
“แล้วยังรู้อีกว่านายก็จีบสุชาดาอยู่ แต่บางครั้งก็ไปหาโสภิตาที่คณะอักษรศาสตร์ สำหรับมิคกี้ไม่เป็นไรเพราะมีหน่อยคนเดียว แต่นายนั่นแหละตัวปัญหาเลือกเอาสักคน ขืนนายยังจับปลาสองมือ ระวังจะอดไม่ได้สักคนคอยดูนะ”จรัญมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจในตัวของพายัพ เพราะถึงอย่างไรสุชาดาก็เป็นเพื่อนของเขา
“นายก็ เราก็รักสุชาดานั่นแหละ ส่วนโสภิตาพ่อกับแม่เราอยากให้คบ เราก็ไปหาให้พ่อแม่สบายใจแค่นั้น แต่จริงๆแล้วเรารักสุชาดา”
“ให้มันแน่นะ”
“แน่ซะยิ่งกว่าแซ่แป้งอีก เอาเป็นว่าเย็นนี้เราไปเที่ยวกันไหมเดี๋ยวมิคกี้เลี้ยง”
“หึ ทำไมต้องเป็นเราทุกที”มิคกี้หันมามองพายัพ
“ก็นายไม่ได้เลี้ยงพวกเราหลายวันแล้ว ชวนไปไหนก็ไม่ได้ไปอยู่แต่ในห้อง ตอนแรกนึกว่าจะเป็นนางห้องซะแล้ว”
“นั่นไม่ใช่เราเป็นต่อ”มิคกี้เผลอพูดขึ้นมา
“เอาอีกแล้วเดี๋ยวต่อเดี๋ยวมิคกี้สรุปจะให้เรียกว่าอะไรเนี่ย”พายัพเกาหัว
“มิคกี้”
“มิคกี้ก็มิคกี้ ไม่รู้ว่าใครตั้งชื่อให้ไม่ดูเบ้าหน้าลูกตัวเองเลย”พายัพหัวเราะร่วน
“พ่อนั่นแหละ”
“โอ้ เราขอโทษนะไม่ได้ทันคิด อย่าโกรธเราเลย เราไมได้ตั้งใจ ที่ว่าพ่อของนาย”
“เราก็อยากเห็นเบ้าหน้าลูกนายเหมือนกันจะเป็นอย่างไง ก็หน้านายกับเรายังคล้ายกัน ถ้านายมีลูกก็คงไม่ต่างกันหรอก นายดูหน้าเราไว้ ลูกนายจะหน้าเหมือนเรานั่นแหละ”
“โกรธจริงด้วย”พายัพมองมิคกี้ตาค้าง
“จะว่าไปนายสองคนถ้าบอกเป็นพี่น้องกันเราก็เชื่อนะ”จรัญมองหน้าทั้งสองแล้วอมยิ้ม
มิคกี้คิดในใจพ่อของเขานี่ปากคอเลาะร้ายมากตอนหนุ่มๆ แต่ทำไมพอแก่ตัวลงถึงเป็นหนูเชื่องๆตัวหนึ่งตอนอยู่กับโสภิตา ส่วนตอนอยู่กับสุชาดามิคกี้คิดไม่ออกว่าเป็นอย่างไร เพราะเขาไม่ได้สัมผัสในช่วงเวลานั้น
ในช่วงเวลานี้มิคกี้ไม่มีจิตใจที่อยากจะไปเที่ยวไหน เพราะเขายังกังวลใจเกี่ยวกับหน่อยที่เขาไม่ทราบว่าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มิคกี้จึงปฏิเสธที่จะไปเที่ยวสังสรรค์เกี่ยวเพื่อนฝูง ในระหว่างที่เดินทางกลับห้องพักนั้น มิคกี้พลันเห็นเกรทได้อยู่คนเดียว เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาเกรทในทันที “เกรท จะกลับบ้านเหรอ” “ฮือ”เกรทพยักหน้าและเดินต่อ “ไปห้องเราไหม เราเหงาๆกลุ้มใจอยากหาเพื่อนคุย” “ไม่ไปไม่ว่าง” “นายเป็นอะไรดูเย็นชากับเราจังเลย” “นายน่าจะรู้ดี”เกรทก็รู้สึกแปลกใจว่าวันนี้ต่อเปลื่ยนไป เขาไม่รู้เลยว่ามิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างนี้อีกครั้ง “เรื่องอะไรเราไม่เข้าใจ”มิคกี้มีสีหน้าที่มึนงง “ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เราไม่มีอะไรจะคุยกันนาย ต่างคนต่างอยู่นายเป็นคนบอกเองนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องทักกัน” มิคกี้ยืนนิ่งคิดหาคำตอบ ซี่งมิคกี้คิดว่าน่าจะมาจากต่อเป็นแน่ คงจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย มิคกี้จึงอยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบสิ้น “ไปคุยกันที่ห้อง มีอะไรเคลียร์กันที่โน้นเลย” “เคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ” “นั่นมันต่อที่เคลียร์กับนาย แต่เรามิคกี้ไม่รู้เรื่องด้วย” “นายเป็
ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที “เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้ “ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี “เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม “มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน “เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้” “นายว่าอย่างงั้น
เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่” “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง” “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก” “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้ เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ” “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ” “เรื่องอะไร” “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ” “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ
ต่อตัวจริงได้กลับมาแต่กลับมาพร้อมกับรอยฟกซ้ำจากหมัดของพายัพ วันนี้เป็นวันเสาร์ถือเป็นความโชคดีของเขา ที่ไม่ต้องไปเรียนเพราะร้สึกปวดที่ใบหน้า แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาหาทองและแหวนไม่เจอ ต่อค้นจนทั่วห้องและนั่งครุ่นคิดอยู่นานแต่เขาก็นึกไม่ออก ในระหว่างที่ต่อกำลังนึกว่าทองของเขาหายไปไหน เกรทเพื่อนเคยรักก็มาเคาะประตูตามคำเชิญชวนของมิคกี้ในร่างต่อ และพ่อกำนันของต่อที่บอกให้เกรทมาอยู่เป็นเพื่อน ต่อค่อยๆเดินไปเปิดประตูเพียงเขาเห็นหน้าเกรทยืนยิ้ม ต่อทำหน้าบึ้งใส่ทันทีและจะรีบปิดประตู “เดี๋ยวก่อน”เกรทดันประตูเข้าไป “มามีอะไร” “ก่อนที่จะถามเรา ขอเราถามก่อนหน้านายไปโดนอะไรมา”เกรทมีสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างมาก “ไม่ต้องถาม ไม่ต้องรู้สักเรื่องจะได้ไหม กูบอกไม่ให้มึงมาแล้วมึงจะมาทำไมอีก” “ถามพ่อกำนันดูซิ” “เรื่องอะไร เกี่ยวอะไรกับพ่อของกู”ต่อมีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อกำนันของนาย ไปหาพ่อของเราให้เรามาอยู่กับนาย บอกให้มาคุมความประพฤติของนาย” “ถึงว่าขนเสื้อผ้ามาเต็มหมด ของกินน่ะซื้อมาทำไมกูไม่ให้มึงอยู่หรอก” “อ้าว ก็นายบอกเราเองนี่ให้มาได้ มาทำอะไรกินกัน เราซื้อมาเต็มเลย ไหนๆเรากับนายอยู่
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมามิคกี้ได้แต่ติดตามข่าวของหน่อยในร่างสุกี้ เขาไม่สามารถที่จะไปเยื่อมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มิคกี้จึงอยู่แต่ในบ้านของสุชาดาอย่างเหงาเศร้าซึม จนกระทั่งเมื่อทราบข่าวว่าสุกี้ได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ออกมาในสภาพที่เป็นเจ้าชายนิทรา นั่นก็เท่ากับสร้างความเจ็บซ้ำในใจของมิคกี้หนักขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในระหว่างที่มิคกี้นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับสุชาดา คนขับรถของพายัพก็ได้เข้ามาหารับมิคกี้ตามคำสั่งของพายัพ “คุณมิคกี้คุณพ่อให้มารับครับ”คนขับรถพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านสุชาดา “จะมารับได้ไงไม่เห็นโทรมาบอกก่อน ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ คิดจะมารับก็มาอย่างนั้นเหรอ”สุชาดามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอย่างมาก “อันนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีครับ ผมแค่มาตามคำสั่งที่ท่านรัฐมนตรีให้มารับคุณมิคกี้” “แม่ครับ ผมอยากกลับไปอยู่กับพ่อครับ แต่ไม่ใช่เพราะอยากสบายนะครับ คือ ผมอยากที่จะไปดูแลหน่อย เอ่อ สุกี้ล่ะครับ”มิคกี้มีแววตาที่ขอร้องสุชาดา “ให้มันได้อย่างนี้ซิ ในเมื่ออยากไปก็ไปแม่ไม่บังคับหรอก ถ้าไปที่โน้นมีปัญหาอะไร บอกแม่มาเลยนะเดี๋ยวแม่จะลุยเอง” “ครับแม่” มิคกี้รู้ส
ยามเช้าของวันใหม่มิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างของต่ออีกครั้ง มิคกี้รู้สึกตัวดึงหมอนข้างโยนลงพื้น แล้วจับขอบกางเกงบริเวณเอวของเกรทดึงเข้ามา หลังจากนั้นเขาก็กอดเกรทไว้อย่างอบอุ่น เกรทร้สึกตัวเมื่อโดนดึงตัวมากอดไว้ เขาแอบดีใจเลยปล่อยให้มิคกี้ได้กอดตามใจ เพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เกรทจึงไม่รีบตื่น อยากนอนให้ต่อกอดนานๆ “หน่อยอย่าทิ้งเราไปนะ”มิคกี้ละเมอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “หน่อยเหรอ”เกรทพลิกตัวและจับแขนมิคกี้โยนออกไป ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งมองมิคกี้ มิคกี้ค่อยๆลืมตาขึ้นและคนตรงหน้าที่เขาเห็นเป็นเกรท แต่ไม่ใช่หน่อยที่เขาเฝ้าฝันละเมอคิดถึง “ไม่ใช่หน่อยเหรอ”มิคกี้ตกใจลุกขึ้นนั่งทันที “ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายเรียกหน่อยอยู่นั่นแหละ นี่ใช่ไหมสาเหตุที่นายไม่ชอบเรา”เกรทเริ่มอารมณ์เสีย “ใช่ เรารักหน่อย” “ไอ้ต่อ”เกรทหยิบหมอนตีที่ศีรษะของมิคกี้ไม่ยั้ง “โอ๊ย ตีเราทำไม หยุดได้แล้วเกรท”มิคกี้เอามือรองหมอนที่เกรทตีไม่ยั้ง “นายมัน”เกรทวางหมอนลงแล้วจ้องมองหน้ามิคกี้ “นายมานอนที่นี่ได้อย่าไงเกรท”มิคกี้รู้สึกตัวแล้วว่ากลับมาในอดีต เขาจึงสงสัยว่าเกรทมานอนกับเขาได้อย่างไร “ยังมีหน้าม
เกรทสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนเรียกขานชื่อมิคกี้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและแสงไฟได้แยงตาของเขา “มิคกี้ทำพ่อตกใจหมดเลย”พายัพมีท่าโล่งอก “คุณไม่ใช่พ่อผม”ต่อจ้องมองพายัพซึ่งเขาก็คุ้นๆหน้าแต่ก็นึกไม่ออก “พ่อเอง พ่อพายัพ” “พ่อพายัพ อ๋อ คุณเป็นพ่อของพายัพใช่ไหม ถึงว่าซิหน้าเหมือนกัน แล้วผมมาอยู่บ้านลุงได้ไงแล้วพายัพไปไหน”ต่อมองไปรอบๆบริเวณภายในบ้าน ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก “พายัพก็ชื่อพ่อนี่ไง”พายัพมีสีหน้าที่วิตกกังวล “คุณลุงเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย”ต่อเริ่มใจคอไม่ดี “มิคกี้จำพ่อไม่ได้เหรอ พ่อเอง” “ผมชื่อมิคกี้เหรอ ไม่ใช่มั้งมั้งผมชื่อต่อ”ต่อมองหน้าพายัพอย่างใคร่รู้ “ใช่ มิคกี้ลูกพ่อ ต่อไหนพ่อไม่รู้จัก” “แล้วที่นี่มันที่ไหน”ต่อคุร่นคิดหนักขึ้น และคิดไปว่า เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในร่างของมิคกี้ “บ้านพ่อไง จำบ้านเราไม่ได้เหรอ”พายัพงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าของต่อที่มึนงง “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” “ก็ลูกอยู่นี่เป็นลูกพ่อ ไม่อยู่กับพ่อแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” ต่อพยายามปะติปะต่อเรื่องราว ซึ่งก็มีเค้าความเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต่อคิดเพียงว่าแค่สลับ
วันเวลาผ่านไปหลายวันมิคกี้เริ่มที่พอจะทำใจเรื่องหน่อยได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าหน่อยนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะได้กลับในอนาคตอีกครั้งหนึ่ง มิคกี้คิดเรื่องหน่อยกับสุกี้อยู่หลายวัน ในที่สุดมิคกี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว่า ต้องบอกความจริงกับสุกี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนเขาจึงรีบไปหาสุกี้ที่ห้องทันที เพราะถ้ารอนานกว่านี้สุกี้อาจจะเป็นเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพยุคเก้าศูนย์ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูอยู่นานกว่าที่สุกี้จะเปิดประตูออกมา “อ้าว มิคกี้มีอะไร หรือว่า มาทวงเงินแต่เราไม่มีให้นะ” “เราไม่ได้มาทวงเงินหรอก ไม่ต้องใช้หนี้หรอกเราให้สุกี้เลย” “ถ้าไม่ใช่ทวงเงินก็น่าจะมีหาเรา เพราะยังติดใจเราอยู่ใช่ไหม” “ไม่ใช่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปในห้องได้ไหม” “เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรเหรอ”สุกี้มีท่าทีที่สงสัย เพราะสีหน้าของมิคกี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก “คือเรารู้น่ะ ว่าเธอมาจากอนาคต”มิคกี้สังเกตอาการของสุกี้ สุกี้ได้ยินคำพูดของมิคกี้ เขารีบหันหน้ามามองมิคกี้ทันที เพราะเขาสงสัยว่ามิคกี้รู้ได้อย่างไรกัน “