ยามเช้าของวันใหม่มิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างของต่ออีกครั้ง มิคกี้รู้สึกตัวดึงหมอนข้างโยนลงพื้น แล้วจับขอบกางเกงบริเวณเอวของเกรทดึงเข้ามา หลังจากนั้นเขาก็กอดเกรทไว้อย่างอบอุ่น เกรทร้สึกตัวเมื่อโดนดึงตัวมากอดไว้ เขาแอบดีใจเลยปล่อยให้มิคกี้ได้กอดตามใจ เพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เกรทจึงไม่รีบตื่น อยากนอนให้ต่อกอดนานๆ
“หน่อยอย่าทิ้งเราไปนะ”มิคกี้ละเมอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมา
“หน่อยเหรอ”เกรทพลิกตัวและจับแขนมิคกี้โยนออกไป ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งมองมิคกี้
มิคกี้ค่อยๆลืมตาขึ้นและคนตรงหน้าที่เขาเห็นเป็นเกรท แต่ไม่ใช่หน่อยที่เขาเฝ้าฝันละเมอคิดถึง
“ไม่ใช่หน่อยเหรอ”มิคกี้ตกใจลุกขึ้นนั่งทันที
“ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายเรียกหน่อยอยู่นั่นแหละ นี่ใช่ไหมสาเหตุที่นายไม่ชอบเรา”เกรทเริ่มอารมณ์เสีย
“ใช่ เรารักหน่อย”
“ไอ้ต่อ”เกรทหยิบหมอนตีที่ศีรษะของมิคกี้ไม่ยั้ง
“โอ๊ย ตีเราทำไม หยุดได้แล้วเกรท”มิคกี้เอามือรองหมอนที่เกรทตีไม่ยั้ง
“นายมัน”เกรทวางหมอนลงแล้วจ้องมองหน้ามิคกี้
“นายมานอนที่นี่ได้อย่าไงเกรท”มิคกี้รู้สึกตัวแล้วว่ากลับมาในอดีต เขาจึงสงสัยว่าเกรทมานอนกับเขาได้อย่างไร
“ยังมีหน้ามาถามอีก ก็พ่อกำนันนายนั่นแหละให้เรามาอยู่ด้วย เอ๊ะ พูดเพราะนี่ นายใช่มิคกี้ไหม”เกรทจ้องหน้ามิคกี้ซึ่งเขาก็ไม่เห็นความเปลื่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“ใช่เรามิคกี้ แล้วทำไม สงสัยอะไร”
“นายไม่ใช่ต่อเหรอ”
“จะต่อหรือมิคกี้ก็คนเดียวกันนั่นแหละ”
“อย่ามาโกหกนายเป็นมิคกี้ที่มาอยู่ในร่างต่อใช่ไหม บอกเรามาซะดีๆแล้วตอนนี้ต่อไปไหน”เกรทรู้สึกขนลุกซู่ทันที
“นายพูดอะไร”มิคกี้พยายามกลบเกลื่อนสีหน้า
“ไม่ต้องมาแก้ตัวหรอก เรารู้หมดแล้วต่อก็รู้ว่านายมาอยู่ในร่างของเขา เราน่ะเป็นเพื่อนต่อมาตั้งแต่เด็ก นายไม่ใช่ต่อแน่ๆนายเป็นใครมาบอกมาซะดีๆ”
“ต่อไง”
“ก็บอกไม่เชื่อ นายบอกตามความจริงมา”
มิคกี้นิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไงดี จะพูดความจริงก็กลัวเกรทไม่เชื่อ ถ้าไม่พูดเกรทก็จะถามไม่จบไม่สิ้น
“ถ้าบอกไปนายจะเชื่อเหรอ”
“อ้าว ก็บอกมาก่อนซิ”
“เรามาจากอนาคตยี่สิบปีจากนี้ไป”มิคกี้จ้องมองเกรทว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
“ไม่ใช่หรอก นายน่าจะเป็นผีหรือวิญญาณเร่ร่อนมากกว่า”
“นั่นไงบอกแล้วก็ไม่เชื่อ”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ เราเชื่อแต่ไม่เชื่อว่านายมาจากอนาคต มันมาได้เหรอมีแต่ในหนัง อย่ามาโกหกเลย”เกรทถึงจะบอกไม่เชื่อแต่ใจหนึ่ง เขาก็แอบคิดเหมือนกัน เพราะพฤติกรรมของมิคกี้ และการพูดจากที่ไม่ค่อยเหมือนคนในยุคของเขา
“ก็ได้ แล้วแต่นาย คอยดูต่อตอนกลับมาก่อนก็แล้วกัน ว่ามันจริงไหม”
“ใช่ ต้องรอต่อกลับมาอีกที แล้วเมื่อไรต่อจะกลับมา”
“เราก็ไม่รู้”
“นายไปอยู่ไหนมาช่วงที่ต่ออยู่ที่นี่”เกรทรู้สึกสงสัย เพราะต่อบอกจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“เราก็อยู่ในโลกของเราไง ในอนาคตที่เรามาป่านนี้ต่ออาจจะไปอยู่ก็ได้นะ”
“เหรอ”เกรทยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะเดี๋ยวเราจะไปทำธุระก่อน”ถึงแม้มิคกี้จะเสียใจและกลุ้มใจเรื่องของหน่อย ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นอย่างไร แต่ใจของเขาก็ยังอดเป็นห่วงร่างของหน่อยที่สุกี้อาศัยอยู่ไม่ได้ และเขาแอบหวังลึกๆว่าหน่อยอาจจะกลับมาอยู่ในร่างเดิม ถ้าเกิดในอนาคตหน่อยได้เสียชีวิตลง ซึ่งในตอนนี้เขาก็ไม่รู้ได้เลยว่าหน่อยเป็นตายอย่างไร
“ธุระอะไร”เกรทถาม
“ธุระส่วนตัวนายไม่ต้องรู้หรอก”
“พ่อกำนันของนายสั่งเราไว้ให้ดูแลนายดีๆ ไม่ให้นอกลู่นอกทาง”
“เราไม่ใช่เด็กแล้วนะ เราดูแลตัวเองได้ ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงเรา”
ทันใดที่มิคกี้พูดจบเขาก็เข้าไปอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จเขาจึงรีบไปหาหน่อยที่สุกี้อยู่ในร่างทันที โดยทิ้งให้เกรททำกับข้าวไว้อย่างโดดเดี่ยว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูที่ห้องของหน่อย
“ใครว่ะ”เสียงคุ้นค่อยๆเปิดประตูออกมา
มิคกี้มองชายหนุ่มที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ซึ่งไม่ใช่ใครแต่เป็นจรัญเพื่อนร่วมคณะของเขา และเพื่อนหน่อยสมัยมัธยม
“จรัญนายมาอยู่นี่ได้อย่างไง”มิคกี้ถามด้วยความสงสัยและมีสีหน้าที่ซีดเซียว
“นายมาทำไม”จรัญถามกลับ
“ก็มาหาหน่อยไง”
“เข้ามาซิ”จรัญเดินกลับเข้าไปในห้องโดยมีมิคกี้เดินตาม
เมื่อมิคกี้เข้าไปในห้อง เขาก็เห็นสุกี้ในร่างหน่อยนอนคว่ำห่มผ้าไว้ และหลับสนิทไม่รู้สึกตัว
“นายกับหน่อยมีอะไรกันเหรอ”มิคกี้มองหน้าจรัญด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าซ้ำใจยิ่งนัก
“ใช่ มันเกิดโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เราก็พึ่งรู้ใจตัวเองว่ารักหน่อยนะ”จรัญนั่งลงข้างๆเตียงที่มีสุกี้นอนอยู่
“เหรอ”ความรู้สึกของมิคกี้ตอนนี้หลากหลายอารมณ์จนเขาแยกไม่ออก
“เรารู้นายก็มีใจให้หน่อย แต่เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าหน่อยจะเลือกใคร”จรัญเป็นฝ่ายพูด
“เราไม่ได้ชอบหรอก ถ้านายชอบก็ดูแลหน่อยๆดีๆก็แล้วกัน”
“นายพูดจากใจจริงหรือเปล่า ถ้าใช่เราขอบใจมากนะเพื่อน”
“ไม่เป็นไร”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องของหน่อย ที่มีสุกี้อาศัยอยู่ในร่างทันที
มิคกี้เดินลงบันไดเพื่อไปกดเงินที่หน้ามหาวิทยาลัยด้วยใจทุกข์ระทม ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักสุกี้ในร่างหน่อย แต่ในเมื่อสุกี้มาอยู่ในร่างของหน่อย เขาจึงแอบแบ่งใจไว้ให้ด้วยส่วนหนึ่ง
เมื่อมิคกี้กดเงินที่หน้ามหาวิทยาลัยแล้ว เขาก็รีบมาที่เค้าท์เตอร์ทันที เพื่อที่จะมาเอาทองคืน
“อ้าวมาแล้วเหรอ ป้าก็นึกว่าจะไม่มาเอาคืนซะอีก”ป้าดูแลห้องพักพูดจบก็หยิบทองที่มิคกี้ค้ำประกันห้องสุกี้ไว้
มิคกี้หยิบเงินออกจากในกระเป๋า ซึ่งพอดีกับจำนวนเงินที่ต้องคืน ในขณะเดียวเขาก็คิดไม่ตกว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกต้องหรือไม่ ทำไมเขาต้องทำเช่นนี้เพื่อคนที่เขาไม่ค่อยได้รัก แต่สิ่งที่ให้มิคกี้ทำก็เพราะนั่นคือร่างของหน่อย คนที่เขารักนั่นเอง
“พ่อหนุ่มยืนคิดอะไร”ป้ายื่นทองให้มิคกี้
“เปล่าครับ”มิคกี้ยื่นเงินให้ป้าดูแลห้องพัก
“ป้าอยากจะเตือนนะ ป้าดูแล้วเพื่อนพ่อหนุ่มนี่ร้ายไม่เบานะ เห็นพาเพื่อนมาทำอะไรกันที่ห้องไม่รู้ บางวันก็ซ้ำหน้าบางคนก็แปลกหน้า”
“ขอบคุณป้ามากครับที่เตือน”
“ไม่เป็นไรหรอก ป้าเอ็นดูเอง”
คำพูดของป้าดูแลห้องทำให้มิคกี้เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีก เพราะว่าหน่อยจะเป็นจะตายยังไม่รู้เลย แต่สุกี้ดันมีความสุขกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า มิคกี้ค่อยๆเดินขึ้นบันไดอย่างร่างไร้วิญญาณ เขาเดินเหมือนยังกับคนเบื่อชีวิต จนมาถึงที่ห้องของเขา มิคกี้ก็นั่งลงบนเตียงนอนทันที
เกรทที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่นั้น เขาหันมามองมิคกี้แล้วรู้สึกใจหายวูบ เพราะสีหน้าแววตาของมิคกี้นั้นดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย
“ต่อ เอ่อ มิคกี้เป็นอะไรหน้าตาไม่ค่อยสู้ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่า เป็นอะไรบอกเรามาได้นะ”เกรทลุกขึ้นออกจากโต๊ะคอม แล้วเดินมาหามิคกี้ เขาใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากมิคกี้ ซึ่งตัวก็ไม่ได้ร้อนออกจะเย็นด้วยซ้ำ
“นายหิวข้าวไหม กินข้าวมาหรือยัง ถ้ายังเราต้มยำกุ้งไว้ให้นายด้วยนะ”
เพียงมิคกี้ได้ยินคำว่ากุ้งแค่นั้น ใจของเขาหวนคิดถึงหน่อยขึ้นมาทันที เพราะก่อนที่หน่อยจะได้รับอุบัติเหตุ เขาได้สัญญากับหน่อยไว้ว่าจะพาไปกินกุ้งกัน
“ไม่กินนายกินเหอะ”
“นายเป็นอะไรบอกเรามา ถ้านายไม่อยากให้เราอยู่ด้วย ก็พูดมาตรงๆก็ได้นะ เราไม่ว่าอะไรหรอก เพราะทุกคนก็ต้องมีความเป็นส่วนตัวกันอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น นายไม่เข้าใจเรา แล้วเราก็บอกนายไม่ได้หรอก ถึงบอกนายไปนายก็คงไม่เข้าใจ”
“ทำไมจะไม่เข้าใจ ไม่ว่านายจะเป็นมิคกี้หรือต่อเราพร้อมที่จะช่วยนายนะ”
“ขอบใจนะ แต่เราไม่รู้จะพูดอย่างไง”มิคกี้น้ำตาไหลพราก เพราะเขาคิดถึงหน่อยที่ตอนเขาจากมากำลังปั้มหัวใจอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างไงบ้าง
“มิคกี้”เกรทนั่งลงข้างๆมิคกี้พร้อมโอบไหล่ ส่วนมิคกี้ก็เอียงศีรษะร้องไห้อย่างหนัก
“นายเป็นอะไรเมื่อวานนายยังเป็นอยู่ดีๆเลย”
“คือเรา”มิคกี้สะอึกสะอื้นจนพูดไม่ได้
“ไม่เป็นไร ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกหรอก”เกรทก้มศีรษะมองมิคกี้ และเขาก็เห็นทองและแหวนที่ต่อบอกหายไป
“เมื่อวานต่อบอกทองหายไปนายไปเอามาจากไหน”
“เอ่อ”มิคกี้เลิกซบไหล่ของเกรททันที และรีบปาดน้ำตาทิ้งให้หมดสิ้น
“เรื่องนี้หรือเปล่าที่นายร้องไห้”
“ไม่ใช่เรื่องนี้หรอก ไม่มีอะไรเราแค่เหงาเท่านั้น”
“เราไม่เชื่อหรอกมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
“ไม่มีอะไรหรอก ตักต้มยำกุ้งให้เรากินหน่อย”
“ไหนนายบอกไม่กินล่ะ”
“แต่ตอนนี้เราอยากกินแล้ว”
“ก็ได้”
เกรทค่อยๆเดินและครุ่นคิดว่า มิคกี้มีเรื่องอะไรในใจ ทำไมเขาถึงเปลื่ยนไปไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน ขนาดต่อที่นิ่งๆยังไม่ได้ซึมเศร้าขนาดมิคกี้เลย
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เกรทจึงวางถ้วยต้มยำกุ้งไว้ที่โต๊ะ แล้วรีบเดินไปเปิดประตูห้อง
“อ้าว เกรทมาอยู่กับมิคกี้เหรอ ก็ดีเลยเรายังห่วงอยู่เหมือนกัน”สุชาดายืนยิ้มอยู่หน้าประตูห้อง
“เข้ามาก่อนซิ”
“ไม่เข้าหรอกเดี๋ยวเกิดเรื่องแบบเมื่อวานอีก แล้วมิคกี้เป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีขึ้นทางกาย ส่วนใจเราว่าแย่พอสมควร”เกรทถอนหายใจเฮือกใหญ่
สุชาดาชะโงกหน้าไปมองมิคกี้ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่เกรทพูดไม่ผิดเพี้ยน และอีกสิ่งที่เธอเห็นคือทองที่คอของมิคกี้ เธอจึงยืนนิ่งครุ่นคิดชั่วครู่
“นี่อีกคนยืนคิดอะไร”เกรทถาม
“เอ่อ มิคกี้ไปเอาทองมาตั้งแต่เมื่อไร”
“มิคกี้เอาทองไปทำอะไรเหรอ”เกรทสงสัย
“ก็เอาไปค้ำประกันห้องให้หน่อยนั่นแหละ แต่ก็ดีแล้วเอากลับมา ทีหลังบอกมิคกี้ด้วยอย่าทำแบบนี้อีก หน่อยเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว แค่นี้แหละเรากลับก่อนนะ”ก่อนกลับห้องสุชาดามองมิคกี้แวบหนึ่งแล้วเดินจากไป
เกรทยืนมองมิคกี้ เมื่อรู้ความจริงเป็นเช่นไร แต่มิคกี้ไม่รู้ว่าเกรทได้รู้เรื่องทองแล้ว เพราะเขามัวแต่เหม่อลอย ไม่สนใจสุชาดาที่มาหาแม้แต่น้อย เขาจึงไม่ได้ยินและไม่อยากรับฟังอะไรทั้งนั้น เกรทหยุดมองมิคกี้แล้วไปตักข้าววางข้างๆต้มยำกุ้ง
“มิคกี้มากินข้าวได้แล้ว”
มิคกี้ค่อยๆเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ส่วนเกรทยืนมองมิคกี้อยู่พักหนึ่ง แล้วเขาก็คิดได้ในทันทีว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
“เดี๋ยวเราลงไปข้างล่างก่อนนะ ไปหาซื้อของใช้เล็กๆน้อยๆ”
“ฮือ”มิคกี้พยักหน้า
ในความเป็นจริงแล้ว เกรทไม่ได้ไปหาซื้อของอะไรทั้งสิ้น เขากำลังจะไปหาหน่อยในห้อง เมื่อถึงหน้าห้องของหน่อยเขาก็เคาะประตูรัวๆ
“ใครอีกว่ะเนี่ยขัดจังหวะจริงโว้ย”จรัญออกมาเปิดประตูอีกครั้ง ในสภาพเปลือยท่อนบน
“หน่อยอยู่ไหม”
“อยู่ มาหาทำไม”
เกรทพลักประตูเข้าไปข้างในทันที และภาพตรงหน้าที่เกรทเห็น คือหน่อยเปลือยท่อนบน มีเพียงผ้าห่มคลุมตัวไว้แค่นั้น
“หน่อยนายให้มิคกี้จ่ายค่าห้องให้เหรอ”
“ไมได้ให้จ่ายแต่มิคกี้จ่ายให้เอง”สุกี้ทำหน้านิ่งเฉยมาก
“แล้วทำไมนายไม่จ่ายเอง”
“ไม่มีเงินจ่าย มิคกี้เลยอาสาจ่ายให้ มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
“เราเป็นเพื่อนมิคกี้ เราไม่อยากให้เพื่อนของเราโดนหลอก”เกรทมองไปที่จรัญ
“เราไม่ได้หลอกมิคกี้ แต่มิคกี้เขาเต็มใจช่วยเราเอง”
“ก็นั่นแหละ นายก็น่าจะมีความซื่อสัตย์กับมิคกี้บ้าง”
“อะไรน่ะ ซื่อสัตย์ ทำไมเราต้องซื่อสัตย์กับมิคกี้”
“ก็มิคกี้รักนายนี่”
“เมื่อกี้มิคกี้เข้ามาแล้วบอกว่าไม่ได้รักหน่อย และให้เราดูแลหน่อยให้ดีๆ”จรัญยืนกอดอกมองเกรท
“นายออกไปซะ เราว่านายไปตกลงกับมิคกี้ก่อนดีกว่ามั้ง มาด่าว่าเราจะมีประโยชน์อะไร”สุกี้พูดขึ้น
“เลวทั้งคู่”เกรทมันหน้าทั้งสองแล้วหลับตาเม้มปาก กลั้นหายใจเพื่อระงับความโกรธก่อนที่จะออกจากห้องของหน่อย
เมื่อเกรทได้ออกไปจากห้องของหน่อยแล้ว จรัญจึงขึ้นมาบนเตียงและล้มตัวลงนอนคู่กับสุกี้ในร่างของหน่อย
“หน่อยรู้ไหม ผมพึ่งรู้ใจตัวเองก็เมื่อคืนนี้เองว่าชอบหน่อย”
“เหรอ”สุกี้ไม่ได้ชอบจรัญและไม่รู้จักจรัญด้วย แค่เห็นจรัญหน้าตาดีก็แค่ชวนมาเที่ยวห้องและเผด็จศึก ถึงแม้จรัญจะเล่าความหลังครั้งเก่าก่อนนานแค่ไหน สุกี้ก็ไม่รู้เรื่องและไม่สนใจที่จะฟังด้วยซ้ำ
จรัญนอนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่สุกี้มอบรสรักให้เขาอย่างถึงใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับสัมผัสนี้จรัญจึงติดใจ และใคร่อยากได้อยู่เรื่อยๆ เขายังจำความรู้สึกแรก ที่เขาได้รับรสรักไม่รู้ลืม จรัญจึงคิดถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
ในระหว่างที่เขากำลังนอนคุยกับสุกี้อยู่นั้น สุกี้ก็เอื่อมมือไปจับที่เป้ากางเกงของจรัญและลูบคลำกำขย้ำ
“หน่อยจะทำอะไรเราเพื่อนกันนะ”
“เพื่อนกินเพื่อนมีถมไป”สุกี้ไม่รอช้าปลดตะขอกางเกงของจรัญออกทันที
“อย่าหน่อย”จรัญเอามือปิดไว้
สุกี้ยังไม่หยุดความต้องการ เขาดึงมือของจรัญออก จนเผยเห็นท่อนเอ็นของจรัญ สุกี้จึงรีบก้มลงสัมผัสทันที โดยครอบท่อนเอ็นไว้ในปากของเขาและรูดขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
“อย่าหน่อยเราเพื่อนกัน”จรัญห้ามแต่ปาก แต่มือและร่างกายของเขาไม่เคยคิดที่ต่อต้านอีกแล้ว เพราะความเสียวซ่านนั้นทำให้จรัญอารมณ์เตลิดไปไกลแสนไกล
สุกี้คลายท่อนเอ็นออก และให้จรัญถอดกางเกงออกจนหมด ซึ่งจรัญก็ทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นสุกี้จึงปลดกางเกงของเขาออก แล้วนั่งคร่อมส่วนกลางลำตัวของจรัญโดยหันหลังให้ สุกี้จับท่อนเอ็นจ่อที่ช่องทางรัก และดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที ซึ่งจรัญก็แปลกใจทำไมถึงเข้าง่ายเข้าได้ขนาดนี้
เมื่อท่อนเอ็นของจรัญ อยู่ในช่องทางรักของสุกี้แล้ว สุกี้จึงขย่มขึ้นลงทันทีโดยช่วงแรกเจ็บนิดหน่อย หลังจากนั้นก็กลายเป็นความเสียวซ่านมาแทน ส่วนจรัญนั้นเพียงท่อนเอ็นสัมผัสช่องทางรัก ต่อให้เอาช้างมาฉุดเขาก็ไม่ให้หลุดออกจากไปไหนเด็ดขาด ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของจรัญเขาเลยมีความตื่นเต้นและตื่นตระหนก จึงทำให้เขารู้สึกได้ว่าใกล้ถึงจุดหมาย ด้วยความชำนาญของสุกี้มีมากกว่าหลายเท่า สุกี้จึงขย่มไม่หยุดขึ้นสุดลงสุดเพียงไม่กี่ครั้งน้ำในกายของจรัญก็พุ่งออกมาใส่ช่องทางรักของสุกี้
“อ่า อ่า อ่าส์”จรัญครางอย่างสุดอารมณ์
สุกี้ถอนร่างออกและล้มตัวลงนอนข้างๆจรัญ ส่วนจรัญก็นอนเผยอปากด้วยความเสียวซ่าน พอความเสียวได้จางหายเขาจึงหันมามองสุกี้
“หน่อยทำกับเราแบบนี้นายรักเราใช่ไหม”
“ไม่รู้สิ แต่ชอบไหม”สุกี้แกล้งทำเป็นไขสือ
“ชอบสิ หน่อยรู้ตัวไหมหน่อยทำให้เราได้รู้ใจตัวเอง”จรัญยิ้ม
“เหรอ”
“ใช่ เราก็คิดๆอยู่เหมือนกันนะ ตอนมิคกี้จีบหน่อยเรายังคิดอยู่ว่า ไม่อยากให้มิคกี้จีบหน่อยเลย”
“รู้ใจตัวเองก็ดีแล้ว ดีกว่าไปรู้ตอนแก่ พอถึงตอนนั้นก็ใช้ชีวิตไม่คุ้ม”
ถึงแม้จรัญจะสงสัยความคิดของหน่อย ที่เริ่มแปลกขึ้นทุกวัน แต่ด้วยรสเสน่หาที่สุกี้มอบให้เขาจึงปล่อยผ่านมันไป
“คิดอะไร”สุกี้เห็นจรัญนอนยิ้มเธอจึงสงสัย
“คิดถึงหน่อยนั่นแหละ”
จรัญจึงโอบกอดสุกี้และพรหมจูบทั่วใบหน้าของสุกี้ ส่วนสุกี้ก็ตอบสนองอย่างโดยดีไม่มีอิดอ้อน ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างสุดใจในห้วงอารมณ์ใคร่ร
เกรทสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนเรียกขานชื่อมิคกี้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและแสงไฟได้แยงตาของเขา “มิคกี้ทำพ่อตกใจหมดเลย”พายัพมีท่าโล่งอก “คุณไม่ใช่พ่อผม”ต่อจ้องมองพายัพซึ่งเขาก็คุ้นๆหน้าแต่ก็นึกไม่ออก “พ่อเอง พ่อพายัพ” “พ่อพายัพ อ๋อ คุณเป็นพ่อของพายัพใช่ไหม ถึงว่าซิหน้าเหมือนกัน แล้วผมมาอยู่บ้านลุงได้ไงแล้วพายัพไปไหน”ต่อมองไปรอบๆบริเวณภายในบ้าน ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก “พายัพก็ชื่อพ่อนี่ไง”พายัพมีสีหน้าที่วิตกกังวล “คุณลุงเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย”ต่อเริ่มใจคอไม่ดี “มิคกี้จำพ่อไม่ได้เหรอ พ่อเอง” “ผมชื่อมิคกี้เหรอ ไม่ใช่มั้งมั้งผมชื่อต่อ”ต่อมองหน้าพายัพอย่างใคร่รู้ “ใช่ มิคกี้ลูกพ่อ ต่อไหนพ่อไม่รู้จัก” “แล้วที่นี่มันที่ไหน”ต่อคุร่นคิดหนักขึ้น และคิดไปว่า เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในร่างของมิคกี้ “บ้านพ่อไง จำบ้านเราไม่ได้เหรอ”พายัพงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าของต่อที่มึนงง “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” “ก็ลูกอยู่นี่เป็นลูกพ่อ ไม่อยู่กับพ่อแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” ต่อพยายามปะติปะต่อเรื่องราว ซึ่งก็มีเค้าความเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต่อคิดเพียงว่าแค่สลับ
วันเวลาผ่านไปหลายวันมิคกี้เริ่มที่พอจะทำใจเรื่องหน่อยได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าหน่อยนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะได้กลับในอนาคตอีกครั้งหนึ่ง มิคกี้คิดเรื่องหน่อยกับสุกี้อยู่หลายวัน ในที่สุดมิคกี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว่า ต้องบอกความจริงกับสุกี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนเขาจึงรีบไปหาสุกี้ที่ห้องทันที เพราะถ้ารอนานกว่านี้สุกี้อาจจะเป็นเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพยุคเก้าศูนย์ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูอยู่นานกว่าที่สุกี้จะเปิดประตูออกมา “อ้าว มิคกี้มีอะไร หรือว่า มาทวงเงินแต่เราไม่มีให้นะ” “เราไม่ได้มาทวงเงินหรอก ไม่ต้องใช้หนี้หรอกเราให้สุกี้เลย” “ถ้าไม่ใช่ทวงเงินก็น่าจะมีหาเรา เพราะยังติดใจเราอยู่ใช่ไหม” “ไม่ใช่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปในห้องได้ไหม” “เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรเหรอ”สุกี้มีท่าทีที่สงสัย เพราะสีหน้าของมิคกี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก “คือเรารู้น่ะ ว่าเธอมาจากอนาคต”มิคกี้สังเกตอาการของสุกี้ สุกี้ได้ยินคำพูดของมิคกี้ เขารีบหันหน้ามามองมิคกี้ทันที เพราะเขาสงสัยว่ามิคกี้รู้ได้อย่างไรกัน “
ต่อในร่างมิคกี้ขับรถมาส่งบิวที่สนามฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ได้บอกยูโรว่าจะไม่มา แต่ให้บิวมาแทน เมื่อบิวเข้ามาในสนามฟุตบอลเขาก็เปลื่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฟุตบอลทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปในสนามฟุตบอล บิวสอดสายตามองหายูโรแต่ก็ไม่เห็น เขาจึงนั่งอยู่ข้างสนามมองผู้ชายคนอื่นเล่นฟุตบอล “มาดูผู้ชายเหรอ”ยูโรพูดอยู่ด้านหลัง บิวจึงรีบหันมาทันที “เราจะมาเล่นฟุตบอลกับนายนั่นแหละ วันนี้มิคกี้ไม่มาเพราะต้องหัดเล่นมือถือ” “แค่นี้ก็เชื่อเหรอ” “เชื่อสิ มิคกี้โดนแม่เลี้ยงด่าจนสมองเสื่อมไปแล้ว” “เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วมาที่นี่เล่นบอลเป็นหรือเปล่า” “ไม่เป็น จะให้นายมาสอนให้ไง” “เป็นผู้ชายเสียเปล่า เสียเวลาจริงๆ” “ถ้าเสียเวลาเดี๋ยวเรานั่งดูนายเล่นก็ได้” “ไม่ต้องดูก็ได้ กลับบ้านไปเลย” “เราไม่ได้เอารถมา นายต้องไปส่งเรามิคกี้สั่งใว้” “สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกแล้ว” “ก็ได้เดี๋ยวเรากลับเอง นายไปเล่นฟุตบอลเถอะ” “ไม่ต้อง เดี๋ยวไอ้มิคกี้มันมาต่อว่าเราที่ไม่ดูแลนาย ไอ้มิคกี้มันไม่มาก็ขาดหนึ่งคน นายนั่นแหละต้องลงไปเล่นแทนมิคกี้” “ไม่เอานายต้องสอนเราก่อน”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ “ไม่มีเวลาแล้วลงไ
ช่วงเวลาเย็นของอีกวันหนึ่ง เกรทได้ทำต้มยำกุ้งตามคำขอของมิคกี้ ซึ่งเกรทนั้นดีใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่ามิคกี้ติดใจรสมือในต้มยำกุ้งของเขา “กลิ่นหอมน่ากินดี ฝีมือทำอาหารของนายนี่สุดยอดเลย” “อ้าว ก็แม่เราขายกับข้าวที่ตลาดสด เราช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ นายจำไม่ได้เหรอ นายก็ยังไปกินบ่อยๆเลย” “นายก็เริ่มจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เรามิคกี้นะไม่ใช่ต่อ เราไม่ค่อยรู้เรื่องของนายหรอก” “มีคกี้ที่มาจากอนาคตใช่ไหม แต่คิดอีกทีเราก็เริ่มเชื่อแล้วนะ เพราะพฤติกรรมของนายนั้นจะไม่เหมือนคนยุคนี้เท่าไร” “ตอนนี้นายอาจยังไม่เชื่อเต็มร้อย ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อๆไปนานๆเข้า เดี๋ยวนายก็เชื่อสนิทใจเองนั่นแหละ” “ตอนนี้ต่อไปอยู่ไหนก็ไม่รู้หนอ ตอนนายไปอนาคตครั้งที่แล้วต่อจำอะไรไม่ได้เลยนี่” “เราก็ไม่รู้นะ พอเราไปอนาคตเรื่องราวก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่มีบางคนสลับร่างกันได้นะ” “ใคร”เกรทมีสีหน้าที่งงนิดหน่อย “เปล่า เราว่าบางคนอาจจะสลับกันก็ได้ ป่านนี้ต่อคงอยู่ในร่างของเรา แต่ไม่น่าห่วงหรอกชีวิตเราสบายกว่าเราเยอะ” “เหรอ หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นนะ”เกรทตักต้มยำกุ้งเต็มถ้วยแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ “หอมฟุ้งเ
มิคกี้พลิกร่างสุกี้นอนตะแครง ส่วนตัวของเขาก็ล้มตัวลงนอนตะแครงโดนที่ท่อนเอ็นไม่หลุดจากช่องทางรักของสุกี้ มิคกี้โยกบั้นท้ายอีกครั้งเพื่อให้ท่อนเอ็นเข้าออกที่ช่องทางรัก ส่วนมือของมิคกี้ข้างหนึ่งจับที่เอวของสุกี้ อีกข้างหนึ่งจับบี้ขย้ำเนินอกของสุกี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใบหน้าก็ซุกซอนไซร้ซอกคอของสุกี้ตลอดเวลา จนทำให้สุกี้นั้นใจแท่บละลาย ในรสสวาทครั้งนี้ ที่มิคกี้มอบให้สุกี้นั้นถึงใจเขาอย่างมาก มิคกี้ยังโยกบั้นท้ายไม่หยุด ซอยไม่ยั้งเช่นเดิมไม่เปลื่ยนแปลง ส่วนสุกี้นั้นได้แต่ครางด้วยความเสียวสยิวไม่หยุดหย่อน ยิ่งมิคกี้กระแทกแต่ละครั้ง สุกี้ครางไม่แผ่วเบาปล่อยออกมาจนสุดเสียงไม่ขาดสาย มิคกี้ดันร่างของสุกี้ให้พลิกคว่ำ ส่วนตัวเขาก็นอนทาบทับร่างของสุกี้ไว้ มิคกี้กระดกบั้นท้ายให้ท่อนเอ็นเข้าช่องทางรักของสุกี้ ยิ่งมิคกี้โหมกระแทกหนักขึ้น จึงทำให้ท่อนเอ็นโดนต่อมพิศวาสทุกครั้ง ทำให้สุกี้เสียวทั่วเรือนร่างจนทนไม่ไหว มิคกี้เริ่มมีเสียงกระเส่าเพราะความเสียวที่ท่อนเอ็นเพิ่มทวีคูณ มิคกี้จึงเร่งความเร็วซอยต่อไม่ยั้งรอ รัวถี่ๆเร็วๆด้วยใจที่อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาในท่อนเอ็น ในส่วนของสุกี้โดนมิคกี้กระท
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี