เกรทสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนเรียกขานชื่อมิคกี้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและแสงไฟได้แยงตาของเขา
“มิคกี้ทำพ่อตกใจหมดเลย”พายัพมีท่าโล่งอก
“คุณไม่ใช่พ่อผม”ต่อจ้องมองพายัพซึ่งเขาก็คุ้นๆหน้าแต่ก็นึกไม่ออก
“พ่อเอง พ่อพายัพ”
“พ่อพายัพ อ๋อ คุณเป็นพ่อของพายัพใช่ไหม ถึงว่าซิหน้าเหมือนกัน แล้วผมมาอยู่บ้านลุงได้ไงแล้วพายัพไปไหน”ต่อมองไปรอบๆบริเวณภายในบ้าน ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก
“พายัพก็ชื่อพ่อนี่ไง”พายัพมีสีหน้าที่วิตกกังวล
“คุณลุงเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย”ต่อเริ่มใจคอไม่ดี
“มิคกี้จำพ่อไม่ได้เหรอ พ่อเอง”
“ผมชื่อมิคกี้เหรอ ไม่ใช่มั้งมั้งผมชื่อต่อ”ต่อมองหน้าพายัพอย่างใคร่รู้
“ใช่ มิคกี้ลูกพ่อ ต่อไหนพ่อไม่รู้จัก”
“แล้วที่นี่มันที่ไหน”ต่อคุร่นคิดหนักขึ้น และคิดไปว่า เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในร่างของมิคกี้
“บ้านพ่อไง จำบ้านเราไม่ได้เหรอ”พายัพงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าของต่อที่มึนงง
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“ก็ลูกอยู่นี่เป็นลูกพ่อ ไม่อยู่กับพ่อแล้วจะไปอยู่ที่ไหน”
ต่อพยายามปะติปะต่อเรื่องราว ซึ่งก็มีเค้าความเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต่อคิดเพียงว่าแค่สลับร่างไม่ใช่สลับยุค แต่ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วต่อได้มาอยู่ในโลกอนาคต
“เหรอ แล้วคุณรู้จักต่อไหม”
“ต่อไหน ไม่รู้จัก”
“ต่อลูกกำนันบุญมีไง”
“เราอย่าพึ่งพูดเรื่องนี้กันเลย ฟังพ่อนะแล้วใจเย็นๆ”
“คุณจะพูดเรื่องอะไร”
“คือว่า สุกี้ได้เสียชีวิตแล้ว”
“สุกี้ไหนผมไม่เห็นรู้จักเลย”ต่องงอีก มีชื่อที่ไม่รู้จักโผล่มาทีละคน
“ลูกจำสุกี้ไมได้เหรอ”พายัพงงหนักกว่าต่อหลายเท่าตัว
“ผมไม่รู้จักและก็จำอะไรไม่ได้เลย แล้วเขาเป็นอะไรถึงเสียชีวิต”
“ก็เพราะใครล่ะ ที่ทำให้สุกี้เสียชีวิต”โสภิตาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาล
“ใครล่ะทำ”ต่อมองหน้าโสภิตา
“ไม่ต้องมายอกย้อน แกล้งเป็นเสียสติ”
โสภิตามองต่ออย่างเคืองแค้นและโกรธอย่างที่สุด แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ไปมากกว่านี้
“เอาล่ะเดี๋ยวเย็นนี้เราไปงานศพกันทั้งสามคน อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป อโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน คุณต้องใจเย็นๆนะเพราะคืนนี่แขกคนสำคัญทั้งของผมและของคุณจะมาที่งาน ถ้าอยากจะพูดอะไรก็มาพูดที่บ้าน”
“ไม่ต้องมาบอกฉันหรอก ฉันรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร บอกลูกคุณดีกว่ามั้ง”โสภิตาพูดจบก็เชิดหน้าขึ้นและเดินจากไปทันที
“คนนี้ใคร”ต่อมองหน้าพายัพ
“มิคกี้ลูกจำอะไรไม่ได้จริงๆหรือว่าแกล้ง”
“ลูกจำไม่ได้จริงๆ”
“แม่เลี้ยงลูกไง ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว รีบไปแต่งตัวและไปที่วัดกัน”
ต่อนั่งครุ่นคิดเพราะโสภิตาเขาก็คุ้นหน้า พายัพเขาก็คุ้นหน้า แถมหน้าตาคล้ายเขาอีก เมื่อต่อคิดไปเรื่อยๆเขาก็คิดออกในทันที
“พายัพเพื่อนมิคกี้”
“โสภิตาเพื่อนเกรท”
“ใช่แล้ว”
“ใช่อะไร”พายัพเตรียมจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินต่อบ่นพึมพัม”
“คุณกับโสภิตาเรียนที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาใช่ไหม”
“ใช่ ถามทำไม”
“เรียนปีอะไร”
“นานมากแล้วน่าจะ2538 ถ้าจำไม่ผิดนะ”
“คณะรัฐศาสตร์ใช่ไหม”
“ใช่”
“คุณมีเพื่อนชื่อมิคกี้ด้วยใช่ไหมครับ”
“ใช่ ถามทำไม ไปรู้อะไรมาอีก สลบไปทีย้อนอดีตไปรู้เรื่องราวของพ่อเลยเหรอ”
“แล้วมิคกี้ไปไหนแล้วล่ะครับ”
“พ่อจะไปรู้ได้ไง ตั้งแต่มีเรื่องราวกันพ่อก็เลิกคบ พอเรียนจบก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปคนละทิศละทาง”
“แล้วทำไมคุณตั้งชื่อผมว่ามิคกี้ล่ะครับ ก็ในเมื่อทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ”
“ตอนหนุ่มพ่ออารมณ์หุนหันพลันแล่น แต่พอเป็นผู้ใหญ่พ่อก็เข้าใจอะไรมากขี้น ก็อยากที่จะระลึกถึงเพื่อนรัก”พายัพมีสีหน้าเศร้าลงนิดหน่อยเมื่อนึกถึงอดีต และอยากที่จะลืมไม่อยากจะคิดอะไรต่อจากนี้อีก
ต่อเริ่มต่อจิ๊กชอว์ได้ทีละอย่าง จนเขาแน่ใจแล้วว่าหลงมาในอนาคต ส่วนมิคกี้ก็ย้อนเวลาไปในอดีต ในที่สุดความจริงที่ต่อค้างคาจิตใจก็ได้เปิดเผย
เมื่อต่อไปงานศพของสุกี้ เพียงเขาเห็นภาพหน้าศพ ต่อตกใจสุดขีดนั่นคือหน่อย แต่ทำไมเป็นสุกี้ไปได้ ต่อเริ่มงงและสับสนอีกครั้ง แต่ต่อก็พยายามทำใจให้นิ่ง จนงานเลิกลาและเขากลับมาบ้านและเข้ามาในห้องนอนของมิคกี้
ต่อนั่งครุ่นคิดเรื่องของมิคกี้ เมื่อเขาเห็นทุกอย่างในความเป็นมิคกี้ ต่อจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ว่าทำไมมิคกี้ใช้เงินเกินตัว สาเหตุน่าจะมาจากบ้านรวย ใช้เงินฟุ่มเฟือยเพราะพ่อเป็นเศรษฐีและรัฐมนตรีนี่เอง
งานศพของสุกี้ผ่านไปโดยที่ต่อไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต่อก็ไม่สนใจและเดินหน้าใช้ชีวิตที่ควรจะเป็นในอนาคต ยิ่งเขารู้เรื่องราวของมิคกี้กับสุกี้จากพายัพ ต่อเลยค่อนข้างแน่ใจนี่คือหน่อยและคนที่อยู่ในอดีตคือสุกี้ เหมือนอย่างกับเขาที่สลับร่างและยุคสมัยกับมิคกี้ ถึงกระนั้นต่อก็มีใจสงสารความรักของมิคกี้กับหน่อยอยู่เหมือนกัน และเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามิคกี้รู้ว่าหน่อยเสียชีวิตแล้ว มิคกี้ที่อยู่ในร่างของเขาจะเป็นเช่นไร
วันเวลาผ่านไปหลายวัน ต่อเริ่มปรับตัวเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ แต่ต่อก็ยังอยากที่จะกลับไปในอดีตของเขาอยู่ดี แต่ต่อไม่รู้วิธีจะกลับไปได้อย่างไร เขาจึงได้แต่เฝ้ารอให้มิคกี้เป็นคนสลับตัวกลับมา ส่วนตัวของเขาจะได้กลับไปในอดีตอีกครั้ง
ในโลกอนาคตที่ต่อลำบากใจที่สุด คือการเรียนเอกบริหารธุรกิจปีสาม ในอดีตว่าอยากแล้วแต่นั่นเริ่มต้นเรียนจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในที่นี้มิคกี้ตัวจริงเรียนเกินครึ่งทาง เขาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่ต้องเรียนให้ทันเพื่อน แต่ก็ยังดีที่มีบิวคอยช่วยเหลือไม่ห่าง ในเวลานี้ก็เช่นเดียวกันที่บิวติวเข้มต่ออย่างหนัก
“นายเป็นอะไรของนายมิคกี้ นายออกจะเรียนเก่งนะ พูดตรงๆเรียนเก่งกว่าเราอีก ทำไมนายถึงจำอะไรไม่ได้เลย”
“โดนแม่เลี้ยงตบหัวแล้วด่าทุกวัน ความจำเลยเลอะเลือน”ต่อนั้นไม่ชอบโสภิตาอย่างมากที่หาเรื่องด่าเขาได้ทุกวัน ส่วนตัวเขาก็ทำตัวให้โสภิตาด่าได้ทุกวันเหมือนกัน
“แม่เลี้ยงใจร้ายด้วย เป็นคุณหญิงทำไมนิสัยแบบนี้ สู้แม่สุชาดาของนายไม่ได้ใจดีมาก”
“ใช่ จริงด้วย”ต่อจำได้ในงานศพที่เจอสุชาดา และเธอดูแลต่อเป็นอย่างดี และอีกอย่างที่ต่อจำได้ สุชาดาเป็นแฟนพายัพและเพื่อนหน่อย ซึ่งต่อในเวลานี้เขารู้สึกตัวเองเป็นผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคต
“คิดอะไรอีก คิดถึงสุกี้เหรอ ไหนๆเขาก็จากไปแล้ว นายก็ควรทำใจได้แล้วนะ”
“ไม่ใช่หรอกเราลืมไปแล้ว”
“อ้าว ทำไมลืมง่ายจังเลย”บิวเกาหัวด้วยความมึนงงในพฤติกรรมของมิคกี้
“เย็นนี้นายว่างไหม”ต่อถาม
“ว่าง มีอะไรเหรอ”
“ไอ้ยูโรนี่มันชอบเตะบอล เราก็ไม่เคยไปเตะบอลกับมันหรอก มันก็มาชวนอยู่นั่นแหละ เราเลยอยากที่จะชวนนายไปด้วย”
“ไปสิ”บิวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมเก็บสมุดหนังสือปากกาดินสอยางลบแว่นตา ใส่ไว้ในกระเป่าทันทีและรูดซิปปิดสนิท
“อะไรของนายไม่ปฏิเสธเลยเหรอ”ต่องง
“ปฏิเสธก็บ้าไปแล้ว ก็เราชอบของเรานี่”
“อะไรน่ะ นายชอบผู้ชาย”ต่อมีสีหน้าที่ตกใจ
“มิคกี้อะไรของนายเนี่ย นายก็เป็นแบบเราแต่นายเป็นรุก ส่วนเราเป็นรับเท่านั้นไม่รุก แต่กำลังจะลุกไปหารุก”บิวลุกขึ้นยืนทันที
“นายเคยนอนกับเราไหม”ต่อถามด้วยความกลัวบิวจะเหมือนเกรท
“เคยสิแต่นอนกันสามคน”
“หมู่สามคนเลยเหรอ”ต่อตกใจอย่างมาก
“บ้า หมู่อะไรกัน พวกเรานอนกันเฉยๆ เพื่อนกันทั้งนั้นที่นอนน่ะ นายเป็นอะไรเนี่ย
เปลื่ยนจากไปเตะบอลไปหาหมอดีกว่าไหม”บิวนั่งลงอีกครั้ง
“เราไม่ได้บ้าแบบที่นายคิดหรอก แต่เราไม่อยากเตะบอลนะทำไงดีล่ะ”
“อะไรกัน ตั้งแต่โดนแม่เลี้ยงตบหัวเนี่ย ความจำความชอบหายไปหมดแล้วเหรอ”
“ใช่คุณหญิงมือหนักเป็นบ้าเลยรู้ไหม”
“ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิบอกไปตรงๆ แต่ก็น่าเสียเราอยากไปเห็นหน้ายูโรซักหน่อยก็ยังดี”
“เอาแบบนี้ไหมเดี๋ยวเราให้นายไปเตะบอลกับยูโร ส่วนเราจะกลับบ้านไปหัดเล่นโทรศัพท์มือถือ”
“นายนี่ไปกันใหญ่แล้ว ที่พูดมาน่ะจะให้ทำอย่างไง”
“เอาแบบนี้นะ นายก็อยากเจอยูโรไม่ใช่เหรอ นายก็ไปเล่นบอลแทนเราไง”
“เราเล่นไม่เป็น ยูโรเขาก็ไม่อยากเล่นกับเราหรอก”
“เล่นไม่เป็นก็ให้ยูโรสอน แล้วพอตอนอาบน้ำเปลื่ยนเสื้อผ้า นายคิดดูซินายจะเห็นอะไร”
“อุ๊ย จริงด้วย นายนี่ร้ายกาจเหมือนเดิมเลยนะ แต่ถามหน่อยเผื่อทำใจไว้”
“อะไร”
“ไอ้นั่นของยูโรใหญ่ไหม”บิวอมยิ้มด้วยความอาย
“ใหญ่สิ ขนาดยังไม่โตเต็มที่นะ”
“ก็ได้ เดี๋ยวเราไปแทน นายกลับบ้านไปได้แล้ว”
“ที่นี้ไล่เชียวนะ”ต่ออดขำบิวไม่ได้จริงๆ และได้เริ่มเห็นความน่ารักของบิว แต่ต่อคิดว่ายังสู้เกรทไม่ไ/ด้ เพราะเกรทน่ารักแบบแมนๆ ส่วนบิวน่ารักใสไร้เดียงสา
วันเวลาผ่านไปหลายวันมิคกี้เริ่มที่พอจะทำใจเรื่องหน่อยได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าหน่อยนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะได้กลับในอนาคตอีกครั้งหนึ่ง มิคกี้คิดเรื่องหน่อยกับสุกี้อยู่หลายวัน ในที่สุดมิคกี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว่า ต้องบอกความจริงกับสุกี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนเขาจึงรีบไปหาสุกี้ที่ห้องทันที เพราะถ้ารอนานกว่านี้สุกี้อาจจะเป็นเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพยุคเก้าศูนย์ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูอยู่นานกว่าที่สุกี้จะเปิดประตูออกมา “อ้าว มิคกี้มีอะไร หรือว่า มาทวงเงินแต่เราไม่มีให้นะ” “เราไม่ได้มาทวงเงินหรอก ไม่ต้องใช้หนี้หรอกเราให้สุกี้เลย” “ถ้าไม่ใช่ทวงเงินก็น่าจะมีหาเรา เพราะยังติดใจเราอยู่ใช่ไหม” “ไม่ใช่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปในห้องได้ไหม” “เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรเหรอ”สุกี้มีท่าทีที่สงสัย เพราะสีหน้าของมิคกี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก “คือเรารู้น่ะ ว่าเธอมาจากอนาคต”มิคกี้สังเกตอาการของสุกี้ สุกี้ได้ยินคำพูดของมิคกี้ เขารีบหันหน้ามามองมิคกี้ทันที เพราะเขาสงสัยว่ามิคกี้รู้ได้อย่างไรกัน “
ต่อในร่างมิคกี้ขับรถมาส่งบิวที่สนามฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ได้บอกยูโรว่าจะไม่มา แต่ให้บิวมาแทน เมื่อบิวเข้ามาในสนามฟุตบอลเขาก็เปลื่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฟุตบอลทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปในสนามฟุตบอล บิวสอดสายตามองหายูโรแต่ก็ไม่เห็น เขาจึงนั่งอยู่ข้างสนามมองผู้ชายคนอื่นเล่นฟุตบอล “มาดูผู้ชายเหรอ”ยูโรพูดอยู่ด้านหลัง บิวจึงรีบหันมาทันที “เราจะมาเล่นฟุตบอลกับนายนั่นแหละ วันนี้มิคกี้ไม่มาเพราะต้องหัดเล่นมือถือ” “แค่นี้ก็เชื่อเหรอ” “เชื่อสิ มิคกี้โดนแม่เลี้ยงด่าจนสมองเสื่อมไปแล้ว” “เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วมาที่นี่เล่นบอลเป็นหรือเปล่า” “ไม่เป็น จะให้นายมาสอนให้ไง” “เป็นผู้ชายเสียเปล่า เสียเวลาจริงๆ” “ถ้าเสียเวลาเดี๋ยวเรานั่งดูนายเล่นก็ได้” “ไม่ต้องดูก็ได้ กลับบ้านไปเลย” “เราไม่ได้เอารถมา นายต้องไปส่งเรามิคกี้สั่งใว้” “สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกแล้ว” “ก็ได้เดี๋ยวเรากลับเอง นายไปเล่นฟุตบอลเถอะ” “ไม่ต้อง เดี๋ยวไอ้มิคกี้มันมาต่อว่าเราที่ไม่ดูแลนาย ไอ้มิคกี้มันไม่มาก็ขาดหนึ่งคน นายนั่นแหละต้องลงไปเล่นแทนมิคกี้” “ไม่เอานายต้องสอนเราก่อน”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ “ไม่มีเวลาแล้วลงไ
ช่วงเวลาเย็นของอีกวันหนึ่ง เกรทได้ทำต้มยำกุ้งตามคำขอของมิคกี้ ซึ่งเกรทนั้นดีใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่ามิคกี้ติดใจรสมือในต้มยำกุ้งของเขา “กลิ่นหอมน่ากินดี ฝีมือทำอาหารของนายนี่สุดยอดเลย” “อ้าว ก็แม่เราขายกับข้าวที่ตลาดสด เราช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ นายจำไม่ได้เหรอ นายก็ยังไปกินบ่อยๆเลย” “นายก็เริ่มจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เรามิคกี้นะไม่ใช่ต่อ เราไม่ค่อยรู้เรื่องของนายหรอก” “มีคกี้ที่มาจากอนาคตใช่ไหม แต่คิดอีกทีเราก็เริ่มเชื่อแล้วนะ เพราะพฤติกรรมของนายนั้นจะไม่เหมือนคนยุคนี้เท่าไร” “ตอนนี้นายอาจยังไม่เชื่อเต็มร้อย ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อๆไปนานๆเข้า เดี๋ยวนายก็เชื่อสนิทใจเองนั่นแหละ” “ตอนนี้ต่อไปอยู่ไหนก็ไม่รู้หนอ ตอนนายไปอนาคตครั้งที่แล้วต่อจำอะไรไม่ได้เลยนี่” “เราก็ไม่รู้นะ พอเราไปอนาคตเรื่องราวก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่มีบางคนสลับร่างกันได้นะ” “ใคร”เกรทมีสีหน้าที่งงนิดหน่อย “เปล่า เราว่าบางคนอาจจะสลับกันก็ได้ ป่านนี้ต่อคงอยู่ในร่างของเรา แต่ไม่น่าห่วงหรอกชีวิตเราสบายกว่าเราเยอะ” “เหรอ หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นนะ”เกรทตักต้มยำกุ้งเต็มถ้วยแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ “หอมฟุ้งเ
มิคกี้พลิกร่างสุกี้นอนตะแครง ส่วนตัวของเขาก็ล้มตัวลงนอนตะแครงโดนที่ท่อนเอ็นไม่หลุดจากช่องทางรักของสุกี้ มิคกี้โยกบั้นท้ายอีกครั้งเพื่อให้ท่อนเอ็นเข้าออกที่ช่องทางรัก ส่วนมือของมิคกี้ข้างหนึ่งจับที่เอวของสุกี้ อีกข้างหนึ่งจับบี้ขย้ำเนินอกของสุกี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใบหน้าก็ซุกซอนไซร้ซอกคอของสุกี้ตลอดเวลา จนทำให้สุกี้นั้นใจแท่บละลาย ในรสสวาทครั้งนี้ ที่มิคกี้มอบให้สุกี้นั้นถึงใจเขาอย่างมาก มิคกี้ยังโยกบั้นท้ายไม่หยุด ซอยไม่ยั้งเช่นเดิมไม่เปลื่ยนแปลง ส่วนสุกี้นั้นได้แต่ครางด้วยความเสียวสยิวไม่หยุดหย่อน ยิ่งมิคกี้กระแทกแต่ละครั้ง สุกี้ครางไม่แผ่วเบาปล่อยออกมาจนสุดเสียงไม่ขาดสาย มิคกี้ดันร่างของสุกี้ให้พลิกคว่ำ ส่วนตัวเขาก็นอนทาบทับร่างของสุกี้ไว้ มิคกี้กระดกบั้นท้ายให้ท่อนเอ็นเข้าช่องทางรักของสุกี้ ยิ่งมิคกี้โหมกระแทกหนักขึ้น จึงทำให้ท่อนเอ็นโดนต่อมพิศวาสทุกครั้ง ทำให้สุกี้เสียวทั่วเรือนร่างจนทนไม่ไหว มิคกี้เริ่มมีเสียงกระเส่าเพราะความเสียวที่ท่อนเอ็นเพิ่มทวีคูณ มิคกี้จึงเร่งความเร็วซอยต่อไม่ยั้งรอ รัวถี่ๆเร็วๆด้วยใจที่อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาในท่อนเอ็น ในส่วนของสุกี้โดนมิคกี้กระท
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว