แชร์

ความจริงที่ซ่อนอยู่

  เกรทสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนเรียกขานชื่อมิคกี้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและแสงไฟได้แยงตาของเขา

  “มิคกี้ทำพ่อตกใจหมดเลย”พายัพมีท่าโล่งอก

  “คุณไม่ใช่พ่อผม”ต่อจ้องมองพายัพซึ่งเขาก็คุ้นๆหน้าแต่ก็นึกไม่ออก

  “พ่อเอง พ่อพายัพ”

  “พ่อพายัพ อ๋อ คุณเป็นพ่อของพายัพใช่ไหม ถึงว่าซิหน้าเหมือนกัน แล้วผมมาอยู่บ้านลุงได้ไงแล้วพายัพไปไหน”ต่อมองไปรอบๆบริเวณภายในบ้าน ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก

  “พายัพก็ชื่อพ่อนี่ไง”พายัพมีสีหน้าที่วิตกกังวล

  “คุณลุงเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย”ต่อเริ่มใจคอไม่ดี

  “มิคกี้จำพ่อไม่ได้เหรอ พ่อเอง”

  “ผมชื่อมิคกี้เหรอ ไม่ใช่มั้งมั้งผมชื่อต่อ”ต่อมองหน้าพายัพอย่างใคร่รู้

  “ใช่ มิคกี้ลูกพ่อ ต่อไหนพ่อไม่รู้จัก”

  “แล้วที่นี่มันที่ไหน”ต่อคุร่นคิดหนักขึ้น และคิดไปว่า เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในร่างของมิคกี้

  “บ้านพ่อไง จำบ้านเราไม่ได้เหรอ”พายัพงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าของต่อที่มึนงง

  “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง”

  “ก็ลูกอยู่นี่เป็นลูกพ่อ ไม่อยู่กับพ่อแล้วจะไปอยู่ที่ไหน”

  ต่อพยายามปะติปะต่อเรื่องราว ซึ่งก็มีเค้าความเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต่อคิดเพียงว่าแค่สลับร่างไม่ใช่สลับยุค แต่ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วต่อได้มาอยู่ในโลกอนาคต

  “เหรอ แล้วคุณรู้จักต่อไหม”

  “ต่อไหน ไม่รู้จัก”

  “ต่อลูกกำนันบุญมีไง”

  “เราอย่าพึ่งพูดเรื่องนี้กันเลย ฟังพ่อนะแล้วใจเย็นๆ”

  “คุณจะพูดเรื่องอะไร”

  “คือว่า สุกี้ได้เสียชีวิตแล้ว”

  “สุกี้ไหนผมไม่เห็นรู้จักเลย”ต่องงอีก มีชื่อที่ไม่รู้จักโผล่มาทีละคน

  “ลูกจำสุกี้ไมได้เหรอ”พายัพงงหนักกว่าต่อหลายเท่าตัว

  “ผมไม่รู้จักและก็จำอะไรไม่ได้เลย แล้วเขาเป็นอะไรถึงเสียชีวิต”

  “ก็เพราะใครล่ะ ที่ทำให้สุกี้เสียชีวิต”โสภิตาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาล

  “ใครล่ะทำ”ต่อมองหน้าโสภิตา

  “ไม่ต้องมายอกย้อน แกล้งเป็นเสียสติ”

  โสภิตามองต่ออย่างเคืองแค้นและโกรธอย่างที่สุด แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ไปมากกว่านี้

  “เอาล่ะเดี๋ยวเย็นนี้เราไปงานศพกันทั้งสามคน อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป อโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน คุณต้องใจเย็นๆนะเพราะคืนนี่แขกคนสำคัญทั้งของผมและของคุณจะมาที่งาน ถ้าอยากจะพูดอะไรก็มาพูดที่บ้าน”

  “ไม่ต้องมาบอกฉันหรอก ฉันรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร บอกลูกคุณดีกว่ามั้ง”โสภิตาพูดจบก็เชิดหน้าขึ้นและเดินจากไปทันที

  “คนนี้ใคร”ต่อมองหน้าพายัพ

  “มิคกี้ลูกจำอะไรไม่ได้จริงๆหรือว่าแกล้ง”

  “ลูกจำไม่ได้จริงๆ”

  “แม่เลี้ยงลูกไง ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว รีบไปแต่งตัวและไปที่วัดกัน”

  ต่อนั่งครุ่นคิดเพราะโสภิตาเขาก็คุ้นหน้า พายัพเขาก็คุ้นหน้า แถมหน้าตาคล้ายเขาอีก เมื่อต่อคิดไปเรื่อยๆเขาก็คิดออกในทันที

  “พายัพเพื่อนมิคกี้”

  “โสภิตาเพื่อนเกรท”

  “ใช่แล้ว”

  “ใช่อะไร”พายัพเตรียมจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินต่อบ่นพึมพัม”

  “คุณกับโสภิตาเรียนที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาใช่ไหม”

  “ใช่ ถามทำไม”

  “เรียนปีอะไร”

  “นานมากแล้วน่าจะ2538 ถ้าจำไม่ผิดนะ”

  “คณะรัฐศาสตร์ใช่ไหม”

  “ใช่”

  “คุณมีเพื่อนชื่อมิคกี้ด้วยใช่ไหมครับ”

  “ใช่ ถามทำไม ไปรู้อะไรมาอีก สลบไปทีย้อนอดีตไปรู้เรื่องราวของพ่อเลยเหรอ”

  “แล้วมิคกี้ไปไหนแล้วล่ะครับ”

  “พ่อจะไปรู้ได้ไง ตั้งแต่มีเรื่องราวกันพ่อก็เลิกคบ พอเรียนจบก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปคนละทิศละทาง”

  “แล้วทำไมคุณตั้งชื่อผมว่ามิคกี้ล่ะครับ ก็ในเมื่อทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ”

  “ตอนหนุ่มพ่ออารมณ์หุนหันพลันแล่น แต่พอเป็นผู้ใหญ่พ่อก็เข้าใจอะไรมากขี้น ก็อยากที่จะระลึกถึงเพื่อนรัก”พายัพมีสีหน้าเศร้าลงนิดหน่อยเมื่อนึกถึงอดีต และอยากที่จะลืมไม่อยากจะคิดอะไรต่อจากนี้อีก

  ต่อเริ่มต่อจิ๊กชอว์ได้ทีละอย่าง จนเขาแน่ใจแล้วว่าหลงมาในอนาคต ส่วนมิคกี้ก็ย้อนเวลาไปในอดีต ในที่สุดความจริงที่ต่อค้างคาจิตใจก็ได้เปิดเผย

  เมื่อต่อไปงานศพของสุกี้ เพียงเขาเห็นภาพหน้าศพ ต่อตกใจสุดขีดนั่นคือหน่อย แต่ทำไมเป็นสุกี้ไปได้ ต่อเริ่มงงและสับสนอีกครั้ง แต่ต่อก็พยายามทำใจให้นิ่ง จนงานเลิกลาและเขากลับมาบ้านและเข้ามาในห้องนอนของมิคกี้

  ต่อนั่งครุ่นคิดเรื่องของมิคกี้ เมื่อเขาเห็นทุกอย่างในความเป็นมิคกี้ ต่อจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ว่าทำไมมิคกี้ใช้เงินเกินตัว สาเหตุน่าจะมาจากบ้านรวย ใช้เงินฟุ่มเฟือยเพราะพ่อเป็นเศรษฐีและรัฐมนตรีนี่เอง

  งานศพของสุกี้ผ่านไปโดยที่ต่อไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต่อก็ไม่สนใจและเดินหน้าใช้ชีวิตที่ควรจะเป็นในอนาคต ยิ่งเขารู้เรื่องราวของมิคกี้กับสุกี้จากพายัพ ต่อเลยค่อนข้างแน่ใจนี่คือหน่อยและคนที่อยู่ในอดีตคือสุกี้ เหมือนอย่างกับเขาที่สลับร่างและยุคสมัยกับมิคกี้ ถึงกระนั้นต่อก็มีใจสงสารความรักของมิคกี้กับหน่อยอยู่เหมือนกัน และเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามิคกี้รู้ว่าหน่อยเสียชีวิตแล้ว มิคกี้ที่อยู่ในร่างของเขาจะเป็นเช่นไร

  วันเวลาผ่านไปหลายวัน ต่อเริ่มปรับตัวเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ แต่ต่อก็ยังอยากที่จะกลับไปในอดีตของเขาอยู่ดี แต่ต่อไม่รู้วิธีจะกลับไปได้อย่างไร เขาจึงได้แต่เฝ้ารอให้มิคกี้เป็นคนสลับตัวกลับมา ส่วนตัวของเขาจะได้กลับไปในอดีตอีกครั้ง

  ในโลกอนาคตที่ต่อลำบากใจที่สุด คือการเรียนเอกบริหารธุรกิจปีสาม ในอดีตว่าอยากแล้วแต่นั่นเริ่มต้นเรียนจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในที่นี้มิคกี้ตัวจริงเรียนเกินครึ่งทาง เขาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่ต้องเรียนให้ทันเพื่อน แต่ก็ยังดีที่มีบิวคอยช่วยเหลือไม่ห่าง ในเวลานี้ก็เช่นเดียวกันที่บิวติวเข้มต่ออย่างหนัก

  “นายเป็นอะไรของนายมิคกี้ นายออกจะเรียนเก่งนะ พูดตรงๆเรียนเก่งกว่าเราอีก ทำไมนายถึงจำอะไรไม่ได้เลย”

  “โดนแม่เลี้ยงตบหัวแล้วด่าทุกวัน ความจำเลยเลอะเลือน”ต่อนั้นไม่ชอบโสภิตาอย่างมากที่หาเรื่องด่าเขาได้ทุกวัน ส่วนตัวเขาก็ทำตัวให้โสภิตาด่าได้ทุกวันเหมือนกัน

  “แม่เลี้ยงใจร้ายด้วย เป็นคุณหญิงทำไมนิสัยแบบนี้ สู้แม่สุชาดาของนายไม่ได้ใจดีมาก”

  “ใช่ จริงด้วย”ต่อจำได้ในงานศพที่เจอสุชาดา และเธอดูแลต่อเป็นอย่างดี และอีกอย่างที่ต่อจำได้ สุชาดาเป็นแฟนพายัพและเพื่อนหน่อย ซึ่งต่อในเวลานี้เขารู้สึกตัวเองเป็นผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคต

  “คิดอะไรอีก คิดถึงสุกี้เหรอ ไหนๆเขาก็จากไปแล้ว นายก็ควรทำใจได้แล้วนะ”

  “ไม่ใช่หรอกเราลืมไปแล้ว”

  “อ้าว ทำไมลืมง่ายจังเลย”บิวเกาหัวด้วยความมึนงงในพฤติกรรมของมิคกี้

  “เย็นนี้นายว่างไหม”ต่อถาม

  “ว่าง มีอะไรเหรอ”

  “ไอ้ยูโรนี่มันชอบเตะบอล เราก็ไม่เคยไปเตะบอลกับมันหรอก มันก็มาชวนอยู่นั่นแหละ เราเลยอยากที่จะชวนนายไปด้วย”

  “ไปสิ”บิวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมเก็บสมุดหนังสือปากกาดินสอยางลบแว่นตา ใส่ไว้ในกระเป่าทันทีและรูดซิปปิดสนิท

  “อะไรของนายไม่ปฏิเสธเลยเหรอ”ต่องง

  “ปฏิเสธก็บ้าไปแล้ว ก็เราชอบของเรานี่”

  “อะไรน่ะ นายชอบผู้ชาย”ต่อมีสีหน้าที่ตกใจ

  “มิคกี้อะไรของนายเนี่ย นายก็เป็นแบบเราแต่นายเป็นรุก ส่วนเราเป็นรับเท่านั้นไม่รุก แต่กำลังจะลุกไปหารุก”บิวลุกขึ้นยืนทันที

  “นายเคยนอนกับเราไหม”ต่อถามด้วยความกลัวบิวจะเหมือนเกรท

  “เคยสิแต่นอนกันสามคน”

  “หมู่สามคนเลยเหรอ”ต่อตกใจอย่างมาก

  “บ้า หมู่อะไรกัน พวกเรานอนกันเฉยๆ เพื่อนกันทั้งนั้นที่นอนน่ะ นายเป็นอะไรเนี่ย   

 เปลื่ยนจากไปเตะบอลไปหาหมอดีกว่าไหม”บิวนั่งลงอีกครั้ง

  “เราไม่ได้บ้าแบบที่นายคิดหรอก แต่เราไม่อยากเตะบอลนะทำไงดีล่ะ”

  “อะไรกัน ตั้งแต่โดนแม่เลี้ยงตบหัวเนี่ย ความจำความชอบหายไปหมดแล้วเหรอ”

  “ใช่คุณหญิงมือหนักเป็นบ้าเลยรู้ไหม”

  “ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิบอกไปตรงๆ แต่ก็น่าเสียเราอยากไปเห็นหน้ายูโรซักหน่อยก็ยังดี”

  “เอาแบบนี้ไหมเดี๋ยวเราให้นายไปเตะบอลกับยูโร ส่วนเราจะกลับบ้านไปหัดเล่นโทรศัพท์มือถือ”

  “นายนี่ไปกันใหญ่แล้ว ที่พูดมาน่ะจะให้ทำอย่างไง”

  “เอาแบบนี้นะ นายก็อยากเจอยูโรไม่ใช่เหรอ นายก็ไปเล่นบอลแทนเราไง”

  “เราเล่นไม่เป็น ยูโรเขาก็ไม่อยากเล่นกับเราหรอก”

  “เล่นไม่เป็นก็ให้ยูโรสอน แล้วพอตอนอาบน้ำเปลื่ยนเสื้อผ้า นายคิดดูซินายจะเห็นอะไร”

  “อุ๊ย จริงด้วย นายนี่ร้ายกาจเหมือนเดิมเลยนะ แต่ถามหน่อยเผื่อทำใจไว้”

  “อะไร”

  “ไอ้นั่นของยูโรใหญ่ไหม”บิวอมยิ้มด้วยความอาย

  “ใหญ่สิ ขนาดยังไม่โตเต็มที่นะ”

  “ก็ได้ เดี๋ยวเราไปแทน นายกลับบ้านไปได้แล้ว”

  “ที่นี้ไล่เชียวนะ”ต่ออดขำบิวไม่ได้จริงๆ และได้เริ่มเห็นความน่ารักของบิว แต่ต่อคิดว่ายังสู้เกรทไม่ไ/ด้ เพราะเกรทน่ารักแบบแมนๆ ส่วนบิวน่ารักใสไร้เดียงสา

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status