เมื่อถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กจนโต ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน แต่คนทั้งคู่กลับอยากที่เป็นมากกว่านั้น แล้วมันจะสามารถเป็นไปได้ไหม ต้องมาลุ้นเอาใจช่วยพี่คินกับน้องวาด้วยนะคะ
View Moreณ.ที่บ้านของทิวา
วันนี้พ่อแม่ของภาคินและพ่อแม่ของทิวากำลังนั่งคุยปรึกษากันอยู่ภายในบ้าน เพราะวันนี้ ทิวาจะต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัย และต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันกับภาคินที่คอนโดในกรุงเทพฯ ทำให้พวกเขาเป็นห่วงทิวากันเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วทิวาไม่เคยเดินทางไกล หรือไปอยู่ที่ไหนไกลหูไกลตาพ่อกับแม่ของเขาเลยสักครั้ง“น้องวา ไปอยู่กับพี่คินเขา อย่าดื้อนะครับลูก ต้องเชื่อฟังพี่คินเขา คิดซะว่าพี่เขาเป็นพี่ชาย ของวานะครับลูก” พ่อตูนบอกกับลูกชายเพียงคนเดียวของเขาพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนไปให้
“ห้ามดื้อกับพี่เขานะคะลูกน้องวา เป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่เขานะครับ อาฝากน้องวาด้วยนะลูกพี่คิน คิดซะว่าน้องวาเป็นน้องชายของพี่คินอีกคนนะครับ ถ้าน้องดื้อก็จัดการได้เลย อาอนุญาต” แม่จูน บอกกับลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ก่อนจะหันไปคุยกับ ลูกชายของเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับฝ่าฝังลูกชายของตัวเอง
“โธ!!พ่อครับแม่ครับ วาโตแล้วนะครับ ดูแลตัวเองได้ และอีกอย่างคำว่าพี่ชายน้องชาย ก็พูดกรอกหูทุกวัน จนวาจำขึ้นใจได้แล้วครับ” ทิวาที่นั่งอยู่ กับพ่อกับแม่ของเขา บ่นอย่างกะปอดกะแปดออกมา
“เด็กคนนี้นี่ ยอกย้อนเก่งนัก เดี๋ยวเถอะ” แม่จูนดุลูกชายเพียงคนเดียวของเธอเสียงเขียว
“ไม่เอาน่าจูน เธออย่าดุ น้องวานักเลย น้องวายังเด็ก ค่อยๆสอนไป” แม่ออย แม่ของภาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ บอกกับเพื่อนของเธอซึ่งเป็นแม่ของทิวา
“นั่นสิมีเจ้าคินช่วยดูไม่เป็นไรหรอกน่า แกเองก็ช่วยดูน้องด้วยนะเจ้าคินเพราะยังไงน้องวาก็เท่ากับเป็นน้องของ แกอีกคน” พ่อมิตร พ่อของภาคินจะเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงครับ วาก็เหมือนกับน้องผม ผมจะดูแลน้องให้ดีครับ” ภาคิน บอกกับทุกคน พร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ
“เชอะ!!!คำก็น้องสองคำก็น้อง น้องๆๆๆๆๆ” ทิวาบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด
“มึงเป็นอะไรไอ้วา พูดเหมือนไม่พอใจกู กูไปทำอะไรให้มึงไม่พอใจอีก”ภาคินถามคนตัวเล็กที่กำลังนั่งหน้างออยู่ฝั่งตรงข้ามเขาด้วยความขัดใจ
“เปล่าไม่ได้เป็นอะไร วาเป็นแค่น้องจะกล้าไม่พอใจคนที่เป็นพี่ได้ยังไงกัน”ทิวายังคงพูดจาประชดประชันภาคินด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองไม่เลิก
“กวนตีนนะมึง นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้องเป็นนุ่งนะโดนกูเตะไปนานแล้ว”ภาคินบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด “คิน!!อย่าดุน้อง เดี๋ยวเถอะนะเรานี่”แม่ออยดุภาคินเสียงเขียว
“ก็แม่ดูมันดิ แม่บอกแต่ให้ผมเห็นมันเป็นน้อง แล้วมันเคยเห็นผมเป็นพี่มันไหมหล่ะ”ภาคินบ่นออกมาอย่างขัดใจ
“วาก็เหมือนกัน เลิกพูดจากประชดประชันพี่คินเขาได้แล้ว นิสัยไม่ดีนะเราเนี่ย”พ่อตูนดุลูกชาย เพียงคนเดียวของเขาที่ทำนิสัยไม่ดีใส่คนเป็นพี่
“ชิ!! น่าเบื่อชะมัด”ทิวานั่งกอดอกบ่นออกมาอย่างขัดใจ
ทั้งหมดนั่งคุยกันอยู่สักพัก ก็ได้เวลาที่ ภาคินทิวา ต้องเดินทางแล้ว เพราะว่าจะเดินทางถึงก็ใช้เวลาค่อนข้างนานพวกเขาจึงใช้เวลาร่ำลากันอยู่นานสองนานทิวากอดลาพ่อกับแม่ด้วยไปหน้าที่เศร้าสร้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรก ที่เขาต้องเดินทางไกล และอยู่ห่างกับพ่อกับแม่ของเขามันจึงทำให้เขารู้สึกใจหายกับการร่ำลาครั้งนี้เอามากๆ จนแทบไม่อยากจะล้มเลิกความคิดที่จะไปเรียนต่อ“ไว้ว่าง ๆพ่อกับแม่จะขึ้นไปหานะ ตั้งใจเรียนนะน้องวาลูกรักของแม่” แม่จูนบอกกับลูกชายเพียงคนเดียวก่อนจะกอดลากันอีกครั้ง
“ครับ วาจะตั้งใจเรียน ปิดเทอมเมื่อไหร่ วาจะรีบกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่นะครับ”
พูดจบทั้งสามพ่อแม่ลูกก็กอดร่ำลากันอีกครั้ง ก่อนที่ทิวาจะเดินไปขึ้นรถที่ตอนนี้ภาคินนั่งรออยู่บนรถประจำคนขับเรียบร้อยแล้ว หลังจากขึ้นรถเรียบร้อยแล้วทั้งหมดก็กล่าวลากันอีกครั้ง ก่อนที่ภาคินจะขับรถยนต์คู่ใจที่มีคนตัวเล็กนั่งคู่มาด้วย ซึ่งปกติแล้วทิวาจะมีใบหน้าที่สุดใสยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่วันนี้กลับมีใบหน้าเศร้าสร้อย ไม่ยิ้มสดใสเหมือนกับทุกครั้ง เอาแต่เหม่อมองออกไปที่ข้างทาง ภาคินรู้ดีว่าสาเหตุที่คนที่นั่งข้าง ๆเขามีอาการแบบนี้เป็นเพราะอะไร เพราะตัวเขาเองก็เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเมื่อตอนที่เขาต้องจากครอบครัวเพื่อเขามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในช่วงแรก ๆ แต่เพื่ออนาคตเขาก็ต้องอดทน แต่เมื่อเข้าสู่สังคมมีเพื่อนใหม่มีคนรู้จักใหม่ ๆ เขาก็ปรับตัวได้ และเขาหวังว่าน้องชายข้างบ้านที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาตอนนี้จะทำแบบนั้นได้เช่นกันทั้งภาคินและทิวาใช้เวลาเดินทางประมาณ3-4 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงคอนโดที่พวกเขาต้องอาศัยอยู่ด้วยกัน ทิวาก็ยังคงมีใบหน้าที่เศร้าสร้อยไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม ภาคินก็ได้แต่ถอนใจ ก่อนจะพาอีกฝ่ายขึ้นลิฟต์และตรงไปยังห้องพักในคอนโดของพวกเขาทั้งคู่“ห้องนอนของกูอยู่ทางนี้ ส่วนของมึงอยู่ทางนั้นนะ เอาข้าวของไปเก็บได้เลย ส่วนทางนั้นเป็นครัว แล้วก็โต๊ะกินข้าว” เมื่อเข้ามาถึงในห้องภาคินก็อธิบายห้องต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายที่ยังคงยืนทำหน้างงอยู่ข้างเขาพร้อมกับมองไปรอบ ๆห้องตามที่เขาบอก
“ของเยอะขนาดนี้ พี่ก็ต้องช่วยยกด้วยสิ วายกคนเดียวไม่ไหวหรอก” หลังจากที่ฟังภาคินพูดจบ ทิวา ก็บอกกับอีกฝ่าย พร้อมกับเริ่มทยอยขนของใช้ส่วนตัวของตัวเองเข้าห้องที่อีกฝ่ายจัดไว้ให้
“ไอ้เด็กนี่” ภาคินพูดออกมาได้เพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินไปช่วยอีกฝ่ายขนของใช้ส่วนตัว ที่ไม่รู้ว่าจะขนอะไรมามากมายจนแทบจะไม่มีที่เก็บเดินตามเจ้าตัวเข้าไปเก็บไว้ภายในห้องนอนของอีกฝ่ายให้เรียบร้อย
ทิวาใช้เวลาเก็บของใช้ส่วนตัวจำนวนมากที่ขนมาจากบ้านอยู่นานกว่าจะเก็บเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาให้ภาคินนั่งดูทีวีอยู่กลางนั่งด้วยความหิว เพราะตอนนี้ก็เริ่มจะค่ำแล้ว เพราะเขามัวแต่เก็บของจนไม่มีเวลาจะทานอาหารกลางวัน“พี่คิน วาหิว พาไปกินข้าวหน่อย”
“อยากกินอะไรหล่ะ เดี๋ยวพาไปกิน” ภาคินที่นั่งดูทีวีหันมาถามอีกฝ่าย
“อะไรก็ได้ วากินได้หมดแหละ ตอนนี้หิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว”
“งั้นก็ไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวพาไปหาอะไรง่าย ๆ แถวนี้กิน”
“ชุดนี้ก็ได้ ทำไมต้องเปลี่ยน” ทิวาถามอีกฝ่ายพร้อมกับก้มมองชุดของตัวเองด้วยความสงสัย
“มึงดูชุดที่มึงใส่ด้วย กางเกงขาสั้นขนาดนี้ มึงจะไปอ่อยใคร กูบอกให้ไปเปลี่ยนก็รีบไปเปลี่ยน” ภาวินดุน้องชายข้างบ้านของเขาอย่างหงุดหงิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปเปลี่ยนตามที่เขาบอก เพราะโดนเขาดุ
จะไม่ให้เขาไล่ทิวาให้ไปเปลี่ยนได้ยังไงเพราะชุดที่อีกฝ่ายใส่มันเป็นกางเกงขาสั้นจู๋ ที่เผยให้เห็นเรียวขาเล็ก ๆขาว ๆของอีกฝ่าย ขนาดว่าตัวเขาเองที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เห็นแล้วยังกลืนน้ำลาย นับประสาอะไรกับคนแถวนี้ ที่มีแต่พวกนักศึกษา ถ้าเขาพาทิวาลงไปสภาพนี้มีหวังได้มองกันตาเป็นมันแน่ ๆ*******************************************************************************************
ช่วงเย็นของวันงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในบ้านสวนของภาคินและทิวาก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเองน่ารักและอบอุ่น อาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้และเครื่องดื่มมากมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้รองรับสำหรับทุกคน แต่ละแต่งกายกันมาในชุดสบาย ๆ เข้ามาร่วมในงาน ต่างพากันดื่มกินร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ภาคินก็ยังคอยบริการหยิบนั่นตักนี่ให้ทิวาไม่ขาดตกบกพร่อง จนเพื่อน ๆต่างพากันเอ่ยปากแซวว่าเป็นคนคลั่งรัก และกลัเมีย แต่ภาคินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคลั่งรักอย่างที่เพื่อนเขาแซวจริง ๆ หลังจากที่ปาร์ตี้ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มจะดึกแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนส่วนวัยรุ่นที่เหลือก็ยังคงปาร์ตี้กันต่อ และวันนี้พวกเขาทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์นอนข้างนอกด้วยกันทั้งหมด เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศและรับอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน บรรยากาศท้องทุ่งและต้นไม้ที่เขียวขจีพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามราตรี สร้างความสงบภายในจิตใจพร้อมด้วยกลิ่นอายของความสดชื่นจากธรรมชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาที่เหนื่อยจากงานปาร์ตี้แล้วพากันมานั่งพักที่มุม ๆหนึ่งของสวนถึงกับพากันหายใจสูดเอากลิ่นอ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวตัวเอง รวมถึงภาคินและทิวาด้วย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านของพวกเขาเองเรียบร้อยแล้ว ทั้ง2ครอบครัวกำลังช่วยกันจัดสถานที่และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้สำหรับเลี้ยงฉลองสำหรับคืนนี้ เพราะงานเลี้ยงวันนี้บรรดาเพื่อน ๆของทิวาและภาคินจะเดินทางมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย “อ้าว!!!น้องวาตื่นแล้วเหรอลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ กว่าจะมาถึงก็ดึก ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหล่ะลูก” แม่จูนแม่ของทิวาเอ่ยท้วงลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้นเมื่อเธอหันไปเจอทิวาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาจากข้างบนบ้านมาหาเธอ “มันชินครับแม่ อีพี่คินปลุกวาตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน จนร่างกายเริ่มปรับตัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วอีกอย่างวาก็อยากตื่นมาอยู่กับพ่อกับแม่ด้วยไงครับ” ทิวาบอกกับแม่ของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีออดอ้อน “ขี้อ้อนตลอดเลยนะเราเนี่ย หิวไหมลูก แม่ทำของโปรดของน้องวาไว้ให้อยู่ในครัว ไปกินสิลูก” แม่จูนบอกกับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อ่อนโยน “คุณแม่ใจดีแล้วก็น่ารักกับวาตลอดเลย
ตอนนี้เคนตะเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในคอนโดของดีนคนรักของเขา เพราะเขากำลังเครียดและคิดไม่ตก เนื่องจากเรื่องที่เขากำลังแอบคบหาดูใจกันกับดีน ถูกมือดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ จนตอนนี้กลายเป็นข้าวใหญ่โต ทำให้ดีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเป็นวงกว้าง “
หลังจากที่นทีและไรวินขับรถออกไปแล้ว ทิวาก็เอาของที่เขาถือมาไปเก็บที่ท้ายรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเพื่อตั้งท่าจะขึ้นรถของภาคินด้านคนขับ เพื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์รอภาคินที่กำลังคุยธุระกับโค้ชโจ้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่ทิวาจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไทม์ก็เดินตรงดิ่งมาหาทิวาพร้อมกับดึงที่ข้อมือของทิวาเอาไว้ จนทิวาเองเซถลาจนเกือบจะล้ม
ตอนนี้ภาคิน ได้ขึ้นเป็นนักศึกษาปี4 และทิวาก็ขยับมาเป็นนักศึกษาปี 2
นับตั้งแต่วันที่ภาคินได้ตัดสินใจบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทิวาให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้และพวกท่านก็อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ภาคินก็ย้ายตัวเองไปนอนห้องเดียวกับทิวาทุกคืน และแน่นอนว่าในบางคืนพวกเขา
หลังจากที่นั่งชั่งใจอยู่พักใหญ่ภาคินก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิวา ให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดที่ทรยศ ความไว้ใจของ พ่อกับแม่ของเขาเอง หรือแม้กระทั่งพ่อกับแม่ของทิวา ในเมื่อเขาทำผิดเขาก็ควรจะยอมรับผิด ดีกว่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รู้ภายหลัง แล้วรู้สึกผิดหวัง
เช้าวันต่อมาภาคินกับทิวายังคงนอนกอดกันกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนเดียวกัน และก็ยังคงหลับไหลด้วยความอ่อนเพลีย เนื่องจากพวกเขาใช
มสงสัย ว่าทำไมดึกดื่นป่านนี้ ภาคินยังไม่อะไรต้องคุยกับเขาอีกหรือ เขาจึงรีบเดินไปเปิดประตูโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวนุ่งพันเอวเอาไว้อยู่ เพียงแค่นั้น เมื่อภาคินเห็นภาพตรงหน้าถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆลงคออย่างยากลำบาก และพยายามข่มอารมณ์ที่มีอยู่ภายในของตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก “มีอะไรอีกเหรอพี่คิน ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีก”
Comments