ณ.ที่บ้านของทิวา วันนี้พ่อแม่ของภาคินและพ่อแม่ของทิวากำลังนั่งคุยปรึกษากันอยู่ภายในบ้าน เพราะวันนี้ ทิวาจะต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัย และต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันกับภาคินที่คอนโดในกรุงเทพฯ ทำให้พวกเขาเป็นห่วงทิวากันเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วทิวาไม่เคยเดินทางไกล หรือไปอยู่ที่ไหนไกลหูไกลตาพ่อกับแม่ของเขาเลยสักครั้ง “น้องวา ไปอยู่กับพี่คินเขา อย่าดื้อนะครับลูก ต้องเชื่อฟังพี่คินเขา คิดซะว่าพี่เขาเป็นพี่ชาย ของวานะครับลูก” พ่อตูนบอกกับลูกชายเพียงคนเดียวของเขาพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนไปให้ “ห้ามดื้อกับพี่เขานะคะลูกน้องวา เป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่เขานะครับ อาฝากน้องวาด้วยนะลูกพี่คิน คิดซะว่าน้องวาเป็นน้องชายของพี่คินอีกคนนะครับ ถ้าน้องดื้อก็จัดการได้เลย อาอนุญาต” แม่จูน บอกกับลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ก่อนจะหันไปคุยกับ ลูกชายของเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับฝ่าฝังลูกชายของตัวเอง “โธ!!พ่อครับแม่ครับ วาโตแล้วนะครับ ดูแลตัวเองได้ และอีกอย่างคำว่าพี่ชายน้องชาย ก็พูดกรอกหูทุกวัน จนวาจำขึ้นใจได้แล้วครับ” ทิวาที่นั่งอยู่ กับพ่อกับแม่ของเขา บ่นอย่างกะปอดกะแปดออกมา “เด็กคนนี้นี่ ยอกย้อนเก่งนัก เดี๋ยวเถอะ”
หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วภาคินก็พาทิวาลงมาหาอะไรง่าย ทานกันที่ร้านประจำของเขา ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของพวกเขามากนัก ร้านนี้เป็นร้านอาหารตามสั่งทั่วไป ที่มีเมนูหลากหลายให้ทุกคนได้เลือก อีกทั้งรสชาติยังอร่อย ได้เยอะราคาไม่แพง จึงทำให้นักศึกษาหรือคนทั่วไปมาทานที่ร้านนี้ค่อนข้างมาก “มึงจะแดกอะไร เดี๋ยวกูจะได้สั่งทีเดียว”ภาคินเอ่ยถามอีกฝ่ายที่เอาแต่นั่งมองบรรยากาศรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นกับภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “พี่คินกินอะไร วาก็กินแบบนั้นแหละ”ทิวาตอบอีกฝ่ายออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจมองเขาเพราะตัวเขาเองกำลังตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบข้างที่ได้เห็น “เออ!!เอางั้นก็ได้ มึงพูดเองนะว่าจะกินเหมือนกูกินไม่ได้ก็อย่ามาร้องแล้วกัน” พูดจบภาคินก็เขียนเมนูใส่กระดาษก่อนจะนำกระดาษที่เขาเขียนไปส่งให้พนักงานในร้านแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม “ไอ้คิน!!” พีระที่เป็นเพื่อนสนิทของภาคินเอ่ยตะโกนเรียกเพื่อนรักของเขาด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของคนทั้งคู่ แล้วก็รีบนั่งลงข้าง ๆ ภาคินโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องเชิญ “อ้าว!!!ไอ้พีมึงมาได้ไงวะแล้วนี่มึงมาคนเดียวเหรอ” ภาคินเอ่ยทักทายเพื่อนของเขา “เออ กูพึ่งกลับ
เช้านี้ ทิวารีบตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน เพราะวันนี้เปิดเรียนเป็นวันแรก แต่เขากำลังมีปัญหากับการผูกเนกไทเพราะไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถผูกมันได้สักที ทั้ง ๆที่เมื่อวานนี้ทั้งวันเขาก็พยายามดูคลิปวิธีการผูกตั้งหลายรอบ แต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี ก๊อก ๆๆ เสียงเคาะประตูจากทางด้านนอก ทำให้ทิวาเดินหน้ายุ่งพร้อมกับเนกไทที่พันเป็นปมยุ่งเหยิง เดินมาเปิดประตูห้อง “มึงมัวทำอะไรอยู่วะ นี่มันกี่โมงแล้ว ไปเรียนวันแรกก็จะสายเลยหรือไง” ภาคินบ่นทิวาทันทีหลังจากที่เจ้าของห้องเปิดประตูออก “อย่าบ่นมากได้ไหมหล่ะ ก็รีบอยู่ ไม่เห็นเหรอ”ทิวาตอบภาคินหน้ายุ่งพร้อมกับก้มหน้าก้มตาพยายามผูกเนกไทของตัวเองอยู่ที่ตอนนี้เป็นปมหลายปมจนมองแทบไม่ออกว่าเคยเป็นเนกไทมาก่อน “แล้วนี่มึงทำอะไรของมึง เนกไทเขาผูกกันแบบนี้เหรอ อย่าบอกนะว่ามึงผูกไม่เป็น”ภาคินถามคนตรงหน้าพร้อมจับดูเนกไทที่ผูกไว้ที่คอพลิกไปพลิกมา “ก็ใช่หนะสิ ผูกไม่เป็น ถ้าผูกเป็นมันจะมีสภาพแบบนี้เหรอ”ทิวาบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด “แล้วก็ไม่บอกมานี่จะสอนผูก” พูดจบภาคินก็ดันทิวาเข้าไปในห้องนอน ตรงไปที่กระจก พร้อมกับจ้องมองหน้าอีกฝ่ายอย่าง
ด้านของภาคินที่ตอนนี้ เขาคือนักศึกษาปี 4 ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ อย่างเต็มตัว และนอกจากที่เขาจะเป็นนักศึกษาที่เรียนเก่ง หน้าตาดีรูปร่างดีแล้ว เขายังเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลตัวแทนของมหาวิทยาลัยอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้เขาเป็นหนุ่มฮอต ที่ใครต่อใคร ต่างก็หมายปองอยากจะได้เขาแทบจะครึ่งมหาวิทยาลัย “พรุ่งนี้น้องปีหนึ่งมันต้องเลือกชมรมใช่ไหมวะ แล้วน้องวาของกู จะมาเลือกชมรมบาสเหมือนพวกเราไหมวะ”พี่ระเอ่ยถาม เพื่อนของเขาที่ไหนอยู่ข้างๆ “ไอ้สัส!! กูบอกแล้วไง ว่าไม่ให้ยุ่งกับน้องกู” ภาคินบอกกับเพื่อนรักเขาเอาออกไปอย่างเบื่อหน่าย “ไอ้เหี้ยคิน ทำไมมึงต้องห่วงน้องขนาดนั้นวะ หรือว่ามึงจะหวงน้องไม่แดกเอง” นทีเอ่ยแซวเพื่อน “แดกเองพ่องมึงสิ กูแค่ไม่อยากให้น้องกู ต้องมาเจอกับพวกนรกอย่างมึงเนี่ย” “มึงว่าพวกกูเป็นนรก แต่น้องวาอาจจะบอกว่ากูเป็นสวรรค์ก็ได้นะเว้ย” พีระบอกกับเพื่อน พร้อมกับทำท่าทางมั่นอกมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ “น้องกูก็ต้องอยู่ชมรมเดียวกันกับกูสิวะ แต่กูบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าห้ามพวกมึงจีบน้องกู ไม่อย่างนั้นพวกมึงโดนตีนกูแน่” ภาคินบอกกับเพื่อนทั้งสองคนของเขาเสียงเข้ม พร้อมกับยกเท้า 1 ข้างขึ้นมาโชว์เพื่
วันนี้หลังจากเลิกเรียน ทิวาและเพื่อน ๆก็เข้ามาร่วมกิจกรรมภายในชมรม เคนตะได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาของทีม เนื่องจากเขามีพื้นฐานและเคยเป็นนักกีฬาเก่าจากโรงเรียนเดิมมาก่อน ส่วนทิวากับโอโซนได้อยู่แผนกสวัสดิการเนื่องจากพวกเขาทั้งคู่เล่นไม่เป็นและไม่มีพื้นฐานทางด้านนี้เลย “หน้าระรื่นเลยนะโอโซน ได้เข้ามาอยู่ในชมรมบาสอย่างที่หวัง”ทิวาเอ่ยแซวเพื่อนขึ้น เมื่อเห็นอาการกระดี๊กระด๊าระริกระรี้ออกหน้าออกตาอย่างเห็นได้ชัด “ของมันแน่อยู่แล้ว มึงดูสิวา มีแต่คนหล่อ ๆทั้งนั้น ชมรมบาสเป็นศูนย์รวมของคนหล่อเลยนะมึง ใคร ๆก็อยากจะเข้า ดีนะที่นี่เขามีกฎไม่รับชะนี ไม่งั้น คงวุ่นวายตายเลย” “เออนั่นสิ กูว่าจะถามพี่คินก็ลืมเลยว่าทำไมเขาถึงไม่รับผู้หญิงเข้าชมรม” “เอ้า!! นี่มึงไม่รู้เหรอวา เสียชื่อน้องชายประธานชมรมจริง ๆ มานี่กูจะเล่าให้ฟัง” หลังจากพูดแขวะเพื่อนจบโอโซนก็เริ่มเล่าเรื่องที่เป็นสาเหตุให้มีกฎห้ามรับผู้หญิงเข้าชมรมให้เพื่อนรักของเขาฟังทันที เพราะเมื่อก่อนที่ยังไม่มีกฎแบบนี้ ภายในชมรมก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายสมัครเข้ามาภายในชมรม แล้วก็เกิดเรื่องชู้สาวหึงหวงทะเลาะตบตีกันภายในชมรมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
วันนี้ทั้ง ๆที่เป็นวันหยุดแท้ ๆแต่นทีกลับตื่นแต่เช้า พร้อมกับนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกภายในคอนโดของเขาเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ ไรวินที่พึ่งจะตื่นแล้วเดินออกมาจากห้องนอนเห็นอาการแฟนหนุ่มของตัวเองจึงเอ่ยทักขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ทีเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเครียด ๆ ไม่สมกับเป็นทีเลยนะ”ไรวินเอ่ยถามแฟนหนุ่มของเขาก่อนจะเดินมานั่งลงข้าง ๆ พร้อมพิงซบที่อกแกร่งของอีกฝ่าย “ทีมีเรื่องที่บ้านให้คิดนิดหน่อย แล้วทำไมวันนี้วินตื่นเร็วจัง วันหยุดทั้งทีไม่นอนต่ออีกหน่อย” “ก็วินตื่นมาแล้วไม่เห็นที นึกว่าทีหายไปไหนก็เลยออกมาดู แล้วตกลงทีมีเรื่องเครียดอะไรเหรอ บอกวินได้ไหม เผื่อวินจะช่วยได้”ไรวินถามแฟนหนุ่มของเขาด้วยความเป็นห่วง นทีถอนหายใจยาวอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทางบ้านของตัวเองให้คนรักของเขาฟัง ว่าป๋าของเขาแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่เขาเสียไปในตอนที่เขาอายุได้แค่2ขวบก่อนจะมีลูกชายอีกคนแต่เขาก็ไม่เคยคิดรังเกียจภรรยาใหม่และลูกใหม่ของป๋าเขาเลย เพราะแม่เลี้ยงของเขาเลี้ยงดูเขามาอย่างดี ไม่เคยลำเอียงหรือทำให้เขารู้สึกขาดความรัก มีแต่ป๋าของเขาที่มักจะพูดแต่เรื่องเดิม ๆ นั่นคือต
วันนี้ที่คณะบริหารธุรกิจมีการคัดเลือกน้องปี1เพื่อเข้าประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย ทิวาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนของคณะเพื่อประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย แต่เขากลับปฏิเสธ และให้เหตุผลว่า ตัวเขาเองไม่เหมาะสม และเสนอเคนตะแทน และเมื่อทุกคนพิจารณากันดี ๆแล้ว จึงยอมรับข้อเสนอของทิวาเพราะเคนตะเอง ก็เป็นหนุ่มตี๋ ผิวขาวรูปร่างดีสูงโปร่ง ยิ้มเก่งอารมณ์ดี น่าจะเหมาะกับการประกวดครั้งนี้ ซึ่งเคนตะเองก็ได้แต่ชี้หน้าคาดโทษเพื่อนรักของเขา เพราะนอกจากที่ทิวาจะเสนอชื่อเขาแล้ว โอโซนยังเป็นฝ่ายสนับสนุน ให้รุ่นพี่ทั้งหมดพร้อมกับเพื่อน ๆ ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เขาประกวดอีกด้วย ส่วนทิวากับโอโซน ก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ “พวกมึงสองคนเนี่ยนะ ผลักภาระให้กูอีกแล้ว โดยเฉพาะมึงไอ้วา เขาเสนอชื่อมึงแล้วแท้ ๆ เสือกโยนมาให้กูซะงั้น” เคนตะบ่นเพื่อนของเขาทันทีที่เดินเข้ามานั่งด้วยกัน ด้วยอาการเคืองนิดๆ “เอาน่าไอ้เคนตะ ไอ้วามันไม่มั่นใจ แล้วมันก็ไม่กล้า กูว่ามึงนั่นแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว เชื่อกู” โอโซน บอกกับเพื่อนรักของเขา “มึงด้วย ไอ้โอโซน เห็นดีเห็นงาม กับไอ้วา พูดนั่นพูดนี่ จนรุ่นพี่เลือกกูจนได้ จริงๆกูน่าจะเส
เช้าวันถัดมา ทิวาก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยเหมือนกับทุกวัน แต่วันนี้กับมีหน้าตาบูดบึ้ง ไม่มองหน้า ไม่สนใจ ไม่พูดไม่จา กับคนที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย จนภาคินเองก็เริ่มจะอึดอัดทนไม่ไหวกับอาการของคนตรงหน้า “กูขอโทษ” ภาคินพูดออกมาอย่างลอยๆ ในขณะที่เขากับทิวากำลังนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันอยู่ “ขอโทษอะไร ขอโทษใคร”ทิวาถามภาคินออกไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ก็ขอโทษมึงนั่นแหละ ขอโทษที่กูหงุดหงิดใส่มึงเมื่อวาน” ภาคินพูดขอโทษคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด “แล้วพี่ไปหงุดหงิดอะไรมา แล้วทำไมต้องมาลงที่วาด้วย วายังไม่ได้ทำอะไรเลย วาไม่ใช่กระโถนนะ ที่พี่ไปหงุดหงิดกับคนอื่นมา แล้วมาลงที่วาแบบนี้” ทิวาถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงน้อยใจปนโมโห “กูก็หงุดหงิดมึงนั่นแหละ” “หงุดหงิดวาเหรอ หงุดหงิดวาเรื่องอะไร วาไปทำอะไรให้” “ก็มึงเอาแต่สนใจคนอื่น ชมคนอื่นต่อหน้ากู กูก็ต้องหงุดหงิดไหมวะ” “วาชมใคร เคนตะเหรอ ก็มันเป็นเพื่อนวา วาชมมันก็ไม่เห็นจะแปลก พี่คินนั่นแหละเป็นอะไร อยู่ดี ๆก็มาหงุดหงิดใส่วา แล้วยังจะมาโทษว่าเป็นความผิดของวาอีก” “เออ..กูผิดเองกูขี้หงุดหงิด กูขอโทษ สา
ช่วงเย็นของวันงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในบ้านสวนของภาคินและทิวาก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเองน่ารักและอบอุ่น อาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้และเครื่องดื่มมากมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้รองรับสำหรับทุกคน แต่ละแต่งกายกันมาในชุดสบาย ๆ เข้ามาร่วมในงาน ต่างพากันดื่มกินร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ภาคินก็ยังคอยบริการหยิบนั่นตักนี่ให้ทิวาไม่ขาดตกบกพร่อง จนเพื่อน ๆต่างพากันเอ่ยปากแซวว่าเป็นคนคลั่งรัก และกลัเมีย แต่ภาคินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคลั่งรักอย่างที่เพื่อนเขาแซวจริง ๆ หลังจากที่ปาร์ตี้ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มจะดึกแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนส่วนวัยรุ่นที่เหลือก็ยังคงปาร์ตี้กันต่อ และวันนี้พวกเขาทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์นอนข้างนอกด้วยกันทั้งหมด เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศและรับอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน บรรยากาศท้องทุ่งและต้นไม้ที่เขียวขจีพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามราตรี สร้างความสงบภายในจิตใจพร้อมด้วยกลิ่นอายของความสดชื่นจากธรรมชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาที่เหนื่อยจากงานปาร์ตี้แล้วพากันมานั่งพักที่มุม ๆหนึ่งของสวนถึงกับพากันหายใจสูดเอากลิ่นอ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวตัวเอง รวมถึงภาคินและทิวาด้วย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านของพวกเขาเองเรียบร้อยแล้ว ทั้ง2ครอบครัวกำลังช่วยกันจัดสถานที่และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้สำหรับเลี้ยงฉลองสำหรับคืนนี้ เพราะงานเลี้ยงวันนี้บรรดาเพื่อน ๆของทิวาและภาคินจะเดินทางมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย “อ้าว!!!น้องวาตื่นแล้วเหรอลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ กว่าจะมาถึงก็ดึก ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหล่ะลูก” แม่จูนแม่ของทิวาเอ่ยท้วงลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้นเมื่อเธอหันไปเจอทิวาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาจากข้างบนบ้านมาหาเธอ “มันชินครับแม่ อีพี่คินปลุกวาตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน จนร่างกายเริ่มปรับตัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วอีกอย่างวาก็อยากตื่นมาอยู่กับพ่อกับแม่ด้วยไงครับ” ทิวาบอกกับแม่ของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีออดอ้อน “ขี้อ้อนตลอดเลยนะเราเนี่ย หิวไหมลูก แม่ทำของโปรดของน้องวาไว้ให้อยู่ในครัว ไปกินสิลูก” แม่จูนบอกกับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อ่อนโยน “คุณแม่ใจดีแล้วก็น่ารักกับวาตลอดเลย
ตอนนี้เคนตะเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในคอนโดของดีนคนรักของเขา เพราะเขากำลังเครียดและคิดไม่ตก เนื่องจากเรื่องที่เขากำลังแอบคบหาดูใจกันกับดีน ถูกมือดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ จนตอนนี้กลายเป็นข้าวใหญ่โต ทำให้ดีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเป็นวงกว้าง “
หลังจากที่นทีและไรวินขับรถออกไปแล้ว ทิวาก็เอาของที่เขาถือมาไปเก็บที่ท้ายรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเพื่อตั้งท่าจะขึ้นรถของภาคินด้านคนขับ เพื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์รอภาคินที่กำลังคุยธุระกับโค้ชโจ้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่ทิวาจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไทม์ก็เดินตรงดิ่งมาหาทิวาพร้อมกับดึงที่ข้อมือของทิวาเอาไว้ จนทิวาเองเซถลาจนเกือบจะล้ม
ตอนนี้ภาคิน ได้ขึ้นเป็นนักศึกษาปี4 และทิวาก็ขยับมาเป็นนักศึกษาปี 2
นับตั้งแต่วันที่ภาคินได้ตัดสินใจบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทิวาให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้และพวกท่านก็อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ภาคินก็ย้ายตัวเองไปนอนห้องเดียวกับทิวาทุกคืน และแน่นอนว่าในบางคืนพวกเขา
หลังจากที่นั่งชั่งใจอยู่พักใหญ่ภาคินก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิวา ให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดที่ทรยศ ความไว้ใจของ พ่อกับแม่ของเขาเอง หรือแม้กระทั่งพ่อกับแม่ของทิวา ในเมื่อเขาทำผิดเขาก็ควรจะยอมรับผิด ดีกว่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รู้ภายหลัง แล้วรู้สึกผิดหวัง
เช้าวันต่อมาภาคินกับทิวายังคงนอนกอดกันกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนเดียวกัน และก็ยังคงหลับไหลด้วยความอ่อนเพลีย เนื่องจากพวกเขาใช
มสงสัย ว่าทำไมดึกดื่นป่านนี้ ภาคินยังไม่อะไรต้องคุยกับเขาอีกหรือ เขาจึงรีบเดินไปเปิดประตูโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวนุ่งพันเอวเอาไว้อยู่ เพียงแค่นั้น เมื่อภาคินเห็นภาพตรงหน้าถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆลงคออย่างยากลำบาก และพยายามข่มอารมณ์ที่มีอยู่ภายในของตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก “มีอะไรอีกเหรอพี่คิน ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีก”