เช้าวันถัดมา ทิวาก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยเหมือนกับทุกวัน แต่วันนี้กับมีหน้าตาบูดบึ้ง ไม่มองหน้า ไม่สนใจ ไม่พูดไม่จา กับคนที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย จนภาคินเองก็เริ่มจะอึดอัดทนไม่ไหวกับอาการของคนตรงหน้า
“กูขอโทษ” ภาคินพูดออกมาอย่างลอยๆ ในขณะที่เขากับทิวากำลังนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันอยู่
“ขอโทษอะไร ขอโทษใคร”ทิวาถามภาคินออกไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ก็ขอโทษมึงนั่นแหละ ขอโทษที่กูหงุดหงิดใส่มึงเมื่อวาน” ภาคินพูดขอโทษคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด
“แล้วพี่ไปหงุดหงิดอะไรมา แล้วทำไมต้องมาลงที่วาด้วย วายังไม่ได้ทำอะไรเลย วาไม่ใช่กระโถนนะ ที่พี่ไปหงุดหงิดกับคนอื่นมา แล้วมาลงที่วาแบบนี้” ทิวาถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงน้อยใจปนโมโห
“กูก็หงุดหงิดมึงนั่นแหละ”
“หงุดหงิดวาเหรอ หงุดหงิดวาเรื่องอะไร วาไปทำอะไรให้”
“ก็มึงเอาแต่สนใจคนอื่น ชมคนอื่นต่อหน้ากู กูก็ต้องหงุดหงิดไหมวะ”
“วาชมใคร เคนตะเหรอ ก็มันเป็นเพื่อนวา วาชมมันก็ไม่เห็นจะแปลก พี่คินนั่นแหละเป็นอะไร อยู่ดี ๆก็มาหงุดหงิดใส่วา แล้วยังจะมาโทษว่าเป็นความผิดของวาอีก”
“เออ..กูผิดเองกูขี้หงุดหงิด กูขอโทษ สายแล้วไปเรียนได้แล้ว” พูดจบภาคินก็ลุกออกจากโต๊ะอาหารเอาจานตัวเองไปเก็บที่อ่างล้างจานแล้วก็เดินออกจากห้องไป
“อะไรของเขาวะ นี่คือขอโทษแล้วเหรอ แล้วยังมาโทษว่าหงุดหงิดเพราะเราอีก อีพี่คินเอาแต่ใจ” ทิวาบ่นออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินเอาจานไปเก็บแล้วก็เดินออกจากห้องตามคนขี้หงุดหงิดที่เดินล่วงหน้าออกไปก่อนหน้านี้แล้วเพื่อไปเรียนด้วยกัน
หลังจากที่ภาคินขับรถมาส่งทิวาที่มหาวิทยาลัย ทิวาก็เปิดประตูรถและเดินออกไปด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง โดยกล่าวลาหรือขอบคุณหรือแม้กระทั่งจะมองหน้าคนที่ขับรถมาส่งเขาแม้แต่น้อย ซึ่งหลังจากที่เห็นอาการของอีกฝ่ายอย่างนั้น ภาคินก็เริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะขับรถออกไปด้วยความหงุดหงิด“มึงเป็นอะไรวะไอ้วา หน้าบูดเป็นตูดแต่เช้าเลย” โอโซนเอ่ยทักเพื่อนรักของเขาขึ้นทันทีที่เขาเดินมาถึงในห้องที่พวกเขาจะใช้เรียนในเช้านี้
“ก็ไอ้พี่คินหน่ะสิ ไม่รู้ไปหงุดหงิดอะไร พาลไปทั่ว พอกูถามก็บอกว่าเป็นเพราะกู ทั้ง ๆที่กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด” ทิวาเล่าให้เพื่อนฟังถึงเรื่องราวระหว่างเขากับภาคินด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“แล้วเขาได้บอกมึงไหมวะ ว่าเขาหงุดหงิดใส่มึง เรื่องอะไร” เคนตะที่นั่งอยู่ข้าง ๆเอ่ยถามเพื่อน
“เขาบอกว่ากู เอาแต่สนใจมึงชมมึง ไม่สนใจเขา มึงว่ามันแปลกไหมวะ”
“กูว่าพี่คินหึงมึงเรื่องกู” เคนตะออกความเห็น
“หึงกูเรื่องมึงเนี่ยนะ มึงจะบ้าเหรอ เขาจะมาหึงกูกับมึงทำไม ก็มึงเป็นเพื่อนกู กูชมมึงก็ไม่แปลก แล้วเขาก็เป็นพี่กูไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อยเขาจะมาหึงทำไมวะ”
เมื่อได้ยินคำว่าเพื่อนออกมาจากปากของทิวาอย่างชัดเจน สีหน้าเคนตะก็มีอาการผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด เพราะเขารู้ตัวดี ว่าทิวาคงไม่ได้คิดอะไรกับเขามากเกินคำว่าเพื่อนอย่างแน่นอน“พี่ชายข้างบ้าน ก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆไหมหล่ะมึง ถ้าเขาจะชอบมึง หรือหึงมึง มันก็ไม่แปลก”
“มึงก็พูดไปเรื่อยไอ้โอโซน คนอย่างอีพี่คินเนี่ยนะจะมาชอบกู เดี๋ยวก็บ่น เดี๋ยวก็ด่า เดี๋ยวก็หงุดหงิดใส่กู แถมที่บ้านพวกเรายังพูดกรอกหูกูกับพี่คินตลอดว่าเป็นพี่น้องกันอีก มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
ทิวาตอบเพื่อนเขาออกไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจเขาเองก็กำลังตบตีกับความคิดของตัวเองอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะเถียงโอโซนออกไปอย่างนั้นว่าภาคิน ไม่ได้หึงเขา และคงไม่มีวันจะชอบคนอย่างเขา เพราะพวกเขาทั้งคู่ถูกปลูกฝังให้เป็นพี่น้องกัน มาโดยตลอด และในใจลึก ๆของเขาเองก็แอบมีความรู้สึก ดีให้กับภาคินอยู่ไม่น้อย“มึงเป็นอะไรวะไอ้คิน ทำหน้าอย่างกับคนไม่ได้ขี้มาเป็นอาทิตย์อย่างนั้นแหละ” พีระเอ่ยทักเพื่อนเขาขึ้นทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงในห้องเรียนแล้วเห็นอาการของเพื่อนรักของเขาที่กำลังนั่งหน้าเครียดอยู่
“ปากมึงเหรอนั่นหน่ะไอ้พี วอนตีนกูแต่เช้าเลยนะมึง” ภาคินตอบกลับเพื่อนของเขาด้วยความหงุดหงิด
“เอ้า!! ไอ้นี่กูก็แค่ถามมึงดี ๆ ตกลงมันเป็นอะไรวะได้ที”เมื่อเห็นว่าถามภาคินแล้วไม่ตอบพีระจึงหันไปถามนทีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นทีก็ทำได้เพียงแค่ยักไหล่ เป็นการบอกนัย ๆว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้สาเหตุของอาการที่ภาคินเป็นอยู่เหมือนกัน
“พวกมึงว่ากูควรจะทำยังไงดีวะ” หลังจากที่พีระและนทีไม่ได้สนใจกับอาการของภาคินแล้ว แต่อยู่ ดี ๆภาคินก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“อะไรของมึงวะไอ้คิน ตอนพวกกูถามก็ไม่ตอบ แต่พอพวกกูไม่สนใจก็อยากจะปรึกษาซะงั้น ตกลงมึงจะเอายังไงกันแน่วะ” นทีบ่นเพื่อนรักของเขา
“ถ้ามึงอยากให้กูกับไอ้ทีช่วย มึงก็ต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกกูฟังก่อน ว่าพวกมึงอยากให้พวกกูช่วยอะไร”
หลังจากได้ยินเพื่อนทั้งสองคนพูดแบบนั้น ภาคินก็มีอาการลังเลครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดระหว่างเขากับทิวาให้เพื่อนอีกสองคนฟังอย่างละเอียด“งั้นมึงต้องถามตัวมึงเองก่อน ว่ามึงหงุดหงิดน้องมันเพราะอะไร” นทีบอกกับภาคิน
“ก็กูไม่ชอบ ที่มันพูดถึงคนอื่น แล้วก็ชมคนอื่น จนออกหน้าออกตา ต่อหน้ากู”
“งั้นแสดงว่ามึงหึงน้องมัน” พีระกล่าวเสริม
“จะเป็นไปได้ยังไงวะ กูกับไอ้วาเป็นพี่น้องกัน กูจะไปหึงมันได้ยังไง”
“แต่ไม่ใช่น้องชายแท้ ๆไหมมึง น้องวาเป็นแค่น้องชายข้างบ้าน ที่พ่อกับแม่ของน้องเขากับพ่อแม่มึง ฝากให้มึงดูแล แล้วก็เอาความคิดพี่ชายน้องชายใส่หัวมึงกับน้องมาตั้งแต่เด็ก ๆ”
“จริงอย่างที่ไอ้ทีมันพูดนะเว้ยไอ้คิน มึงลองกลับไปคิดดูดี ๆ ว่ามึงรู้สึกยังไงกับน้องมันกันแน่ แล้วมึงก็จะได้คำตอบมึงเชื่อกู” พีระบอกกับภาคิน พร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบา ๆ เป็นการเตือนสติ
หลังจากที่ได้ฟังคำตอบของเพื่อนของเขา ภาคินก็เอาแต่คิดเรื่องระหว่างเขากับทิวาตลอดวัน จนตกเย็นเขาก็ยังทำหน้าที่เดิมนั่นคือไปรับทิวากลับคอนโดพร้อมกัน ทั้ง ๆ ที่วันนี้ ช่วงบ่ายเขาไม่มีเรียน แต่ก็ยังรอรับอีกฝ่ายกลับพร้อมกันเหมือนเช่นทุก ๆวัน ทิวาเองก็เช่นกัน เขาเองก็เอาแต่คิดทบทวนเรื่องระหว่างเขาและภาคินตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ที่เขาเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเคนตะและโอโซน แล้วคำพูดของโอโซนกับเคนตะก็ผุดขึ้นมาในหัว ตอกย้ำเขาว่า ภาคินรู้สึกดีกับเขา และหึงเขาที่ชื่นชมคนอื่นว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ต่อหน้าเขา ทิวามัวคิดเรื่องนี้จนเดินมาถึงที่หน้าตึก ก็เห็นภาคิน ยืนรอที่รถที่จอดอยู่ที่เดิมอยู่เหมือนทุก ๆ วัน เขาจึงพยายามสลัดความคิดในหัวออกก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วก็เดินขึ้นรถออกไปกับภาคินเพื่อกลับคอนโด************************************************************************************************************
วันนี้บรรยากาศที่ชมรมบาสเกตบอลแตกต่างจากทุกครั้งเพราะมีผู้คนมากมายคับคั่ง เต็มไปด้วยสาวน้อยสาวใหญ่สาวแท้สาวเทียม และหนุ่ม ๆมากหน้าหลายตา เข้ามาจับจองที่นั่งภายในชมรมจนเต็มอัฒจันทร์ไปหมด เพราะวันนี้ที่ชมรมบาสเกตบอล มีการแข่งขันกระชับมิตรระหว่างทีมของภาคินกับทีมของมหาวิทยาลัยอื่น ภาคิน พีระ และนที ก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงเหมือนเช่นเคย และครั้งนี้ เคนตะ ก็ได้รับโอกาส ในการลงสนามเป็นตัวจริงอีกด้วย และแน่นอนว่าทิวาและโอโซนที่อยู่หน่วยสวัสดิการ ก็ต้องมานั่งอยู่ข้างสนาม เพื่อคอยดูแลนักกีฬาด้วย อาจารย์โจ้หรือโค้ชโจ้ ที่เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และเป็นโค้ชให้กับทีมของภาคิน ก็ได้เรียกสมาชิกทุกคนเข้ามาประชุม พร้อมกับสอน และวางแผนเกมก่อนการแข่งขัน และอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างสนามคือไรวิน ก็มานั่งเชียร์คนรักของเขาอยู่ข้างๆกับโอโซน และทิวาด้วยเช่นกัน เพราะเขาเองก็อยู่ชมรมนี้เช่นกัน แต่อยู่ในฝ่ายสวัสดิการ เหมือนกับทิวาและโอโซน “วันนี้คนเยอะจังเลยนะครับพี่วิน” ทิวาคุยกับไรวินด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ตื่นเต้น “มันก็ต้องเยอะหนะสิ ก็ทีมบาสลงแข่งทั้งที ใครๆก็ต้องอยากมาดู เพราะพวกเขาได้ขึ้นชื่อว่าเ
หลังจากเกมส์การแข่งขันจบทุกคนต่างก็พากันเก็บของเก็บอุปกรณ์ แต่จู่ๆ ไทม์ก็เดินลงมากับเพื่อนแล้วตรงดิ่งมาหาทิวาที่กำลังเก็บสัมภาระอยู่ “สวัสดีครับน้องทิวา” ทิวาที่กำลังเก็บของอยู่เงยขึ้นมองหน้าผู้ชายที่เขามาทักเขาด้วยความสงสัย ว่าเขาเป็นใคร แล้วผู้ชายคนนี้รู้จักเขาได้ยังไง และเท่าที่จำได้เขาน่าจะไม่เคยรู้จักผู้ชายตรงหน้ามาก่อน “สวัสดีครับ พี่เป็นใครครับ แล้วรู้จักผมได้ยังไง” “พี่ชื่อไทม์ครับ เรียนอยู่ปี 3 แล้ว พี่อยู่คณะวิทยาศาสตร์”ไทม์แนะนำตัวเองพร้อมกับยิ้มหวานเยิ้มส่งไปที่ทิวา “อ๋อครับ” ทิวาตอบเพียงสั้น ๆ แล้วก็ก้มลงเก็บ สัมภาระตัวเองต่อ “พี่ชอบน้องวานคะรับ พี่จีบน้องวาได้ไหมครับ” ในขณะที่ทิวากำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่ อยู่ดี ๆไทม์ก็โพล่งคำพูดออกมา ทำให้ทิวาถึงกับสะดุ้งตกใจ “พี่ว่าอะไรนะครับ” ทิวาถามไทม์ออกไปด้วยความตกใจอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “พี่บอกว่า พี่ชอบน้องทิวา พี่จะขอจีบน้องทิวาได้ไหมครับ” ไทม์ยิ้มออกมา พร้อมก็บอกอีกฝ่ายออกไป “ไม่ได้!! ห้ามจีบ!!”ยังไม่ทันที่ทิวจะได้ตอบอะไร อยู่ ๆภาคินก็เดินหน้าตึงออกมา พร้อมกับกอดคอทิวาเอาไว้ แล้วก็พูดสวนกลับไปที่ไทม์เสียงเข้มท
เช้าวันต่อมา ทิวาก็ยังคงเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองไม่กล้าออกจากห้อง เพราะกำลังสับสน และมีอาการเขินอายเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่อยู่ดี ๆภาคินก็มาสารภาพว่าชอบเขา มีหนามซ้ำยังจูบเขาอีกด้วย ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น ทำให้ทิวาที่กำลังครุ่นคิดอยู่หลุดออกจากภวังค์มีอาการสะดุ้งเล็กน้อย “มึงเป็นอะไรไอ้วา ตื่นหรือยัง ออกมากินข้าวได้แล้ว” ภาคินเคาะประตูเรียกคนที่เขาเพิ่งจะสารภาพรักไปเมื่อคืน และคงจะมีอาการกระวนกระวายอยู่ภายในห้องอยู่ตอนนี้ “เออๆๆ เสร็จแล้ว ๆกำลังออกไป เร่งจังเลย” ทิวาบ่นอุบก่อนจะเปิดประตูห้อง และเดินมานั่ง ที่โต๊ะอาหารฝั่งตรงข้ามกับภาคิน คนที่เพิ่งจะสารภาพรักและจูบเขาไปเมื่อคืน “กูทำแซนด์วิชไปให้มึงอ่ะ แดกซะเดี๋ยวกูพาออกไปข้างนอก” ภาคินบอกกับทิวาพร้อมกับเลื่อนจานแซนด์วิชที่เขาเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆ ให้กับคนตรงหน้า “อะไรของเขาวะ เมื่อคืนเพิ่งจะสารภาพรัก บอกว่าชอบเรา ตอนนี้กับมีอาการหน้าตึง แถมพูดจากระโชกโฮกฮากใส่เราเหมือนเดิมอีก” ทิวาคิดในใจพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่าย ด้วยความสงสัย “มึงจ้องหน้ากูทำไม สงสัยอะไรก็ถามกูสิ” ภาคินถามคนตรงหน้าเสียงดุ
หลังจากที่ทานไอศกรีมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วภาคิน ก็พาทิวาไปดูหนังต่อ ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในโรงหนัง ภาคิน
EP 13คุณดีนจอมสร้างเรื่อง วันนี้ภาคินก็ขับรถมาส่งคนรักของเขา ที่หน้าตึกคณะบริหารเหมือนเช่นทุกวัน ซึ่งกลายเป็นภาพชินตาของผู้ที่ได้พบเห็นไปแล้ว เพราะภาคินจะทำหน้าที่เป็นสารถีคอยขับรถรับส่งทิวาตั้งแต่ที่ทั้งคู่ยั
“อ้าวเฮ้ย!!
แวะหาอะไรแดกก่อน แล้วค่อยเข้าห้องแล้วกันนะ” ภาคินบอกกับแฟนเด็กของเขา ในขณะที่ทั้งคู่นั่งรถออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยกัน “(…..)” ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ ของคนที่ช่างพูดช่างจาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มีเพียงใบหน้าที่บู
ภาคินขับรถพาทิวามายังที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากคอนโดพวกเขามากนัก บรรยากาศภายวัดดูเงียบสงบร่มเย็นผู้คนไม่พลุกพล่าน ภาคินจูงมือทิวาเดินเข้าไปภายกุฏิ พร้อมกับหิ้วของที่เขาเตรียมมาด้วย เดินเข้าไปด้วยกัน
ช่วงเย็นของวันงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในบ้านสวนของภาคินและทิวาก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเองน่ารักและอบอุ่น อาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้และเครื่องดื่มมากมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้รองรับสำหรับทุกคน แต่ละแต่งกายกันมาในชุดสบาย ๆ เข้ามาร่วมในงาน ต่างพากันดื่มกินร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ภาคินก็ยังคอยบริการหยิบนั่นตักนี่ให้ทิวาไม่ขาดตกบกพร่อง จนเพื่อน ๆต่างพากันเอ่ยปากแซวว่าเป็นคนคลั่งรัก และกลัเมีย แต่ภาคินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคลั่งรักอย่างที่เพื่อนเขาแซวจริง ๆ หลังจากที่ปาร์ตี้ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มจะดึกแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนส่วนวัยรุ่นที่เหลือก็ยังคงปาร์ตี้กันต่อ และวันนี้พวกเขาทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์นอนข้างนอกด้วยกันทั้งหมด เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศและรับอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน บรรยากาศท้องทุ่งและต้นไม้ที่เขียวขจีพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามราตรี สร้างความสงบภายในจิตใจพร้อมด้วยกลิ่นอายของความสดชื่นจากธรรมชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาที่เหนื่อยจากงานปาร์ตี้แล้วพากันมานั่งพักที่มุม ๆหนึ่งของสวนถึงกับพากันหายใจสูดเอากลิ่นอ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวตัวเอง รวมถึงภาคินและทิวาด้วย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านของพวกเขาเองเรียบร้อยแล้ว ทั้ง2ครอบครัวกำลังช่วยกันจัดสถานที่และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้สำหรับเลี้ยงฉลองสำหรับคืนนี้ เพราะงานเลี้ยงวันนี้บรรดาเพื่อน ๆของทิวาและภาคินจะเดินทางมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย “อ้าว!!!น้องวาตื่นแล้วเหรอลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ กว่าจะมาถึงก็ดึก ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหล่ะลูก” แม่จูนแม่ของทิวาเอ่ยท้วงลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้นเมื่อเธอหันไปเจอทิวาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาจากข้างบนบ้านมาหาเธอ “มันชินครับแม่ อีพี่คินปลุกวาตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน จนร่างกายเริ่มปรับตัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วอีกอย่างวาก็อยากตื่นมาอยู่กับพ่อกับแม่ด้วยไงครับ” ทิวาบอกกับแม่ของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีออดอ้อน “ขี้อ้อนตลอดเลยนะเราเนี่ย หิวไหมลูก แม่ทำของโปรดของน้องวาไว้ให้อยู่ในครัว ไปกินสิลูก” แม่จูนบอกกับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อ่อนโยน “คุณแม่ใจดีแล้วก็น่ารักกับวาตลอดเลย
ตอนนี้เคนตะเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในคอนโดของดีนคนรักของเขา เพราะเขากำลังเครียดและคิดไม่ตก เนื่องจากเรื่องที่เขากำลังแอบคบหาดูใจกันกับดีน ถูกมือดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ จนตอนนี้กลายเป็นข้าวใหญ่โต ทำให้ดีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเป็นวงกว้าง “
หลังจากที่นทีและไรวินขับรถออกไปแล้ว ทิวาก็เอาของที่เขาถือมาไปเก็บที่ท้ายรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเพื่อตั้งท่าจะขึ้นรถของภาคินด้านคนขับ เพื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์รอภาคินที่กำลังคุยธุระกับโค้ชโจ้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่ทิวาจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไทม์ก็เดินตรงดิ่งมาหาทิวาพร้อมกับดึงที่ข้อมือของทิวาเอาไว้ จนทิวาเองเซถลาจนเกือบจะล้ม
ตอนนี้ภาคิน ได้ขึ้นเป็นนักศึกษาปี4 และทิวาก็ขยับมาเป็นนักศึกษาปี 2
นับตั้งแต่วันที่ภาคินได้ตัดสินใจบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทิวาให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้และพวกท่านก็อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ภาคินก็ย้ายตัวเองไปนอนห้องเดียวกับทิวาทุกคืน และแน่นอนว่าในบางคืนพวกเขา
หลังจากที่นั่งชั่งใจอยู่พักใหญ่ภาคินก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิวา ให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดที่ทรยศ ความไว้ใจของ พ่อกับแม่ของเขาเอง หรือแม้กระทั่งพ่อกับแม่ของทิวา ในเมื่อเขาทำผิดเขาก็ควรจะยอมรับผิด ดีกว่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รู้ภายหลัง แล้วรู้สึกผิดหวัง
เช้าวันต่อมาภาคินกับทิวายังคงนอนกอดกันกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนเดียวกัน และก็ยังคงหลับไหลด้วยความอ่อนเพลีย เนื่องจากพวกเขาใช
มสงสัย ว่าทำไมดึกดื่นป่านนี้ ภาคินยังไม่อะไรต้องคุยกับเขาอีกหรือ เขาจึงรีบเดินไปเปิดประตูโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวนุ่งพันเอวเอาไว้อยู่ เพียงแค่นั้น เมื่อภาคินเห็นภาพตรงหน้าถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆลงคออย่างยากลำบาก และพยายามข่มอารมณ์ที่มีอยู่ภายในของตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก “มีอะไรอีกเหรอพี่คิน ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีก”