เช้าวันต่อมา ทิวาก็ยังคงเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองไม่กล้าออกจากห้อง เพราะกำลังสับสน และมีอาการเขินอายเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่อยู่ดี ๆภาคินก็มาสารภาพว่าชอบเขา มีหนามซ้ำยังจูบเขาอีกด้วย ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น ทำให้ทิวาที่กำลังครุ่นคิดอยู่หลุดออกจากภวังค์มีอาการสะดุ้งเล็กน้อย “มึงเป็นอะไรไอ้วา ตื่นหรือยัง ออกมากินข้าวได้แล้ว” ภาคินเคาะประตูเรียกคนที่เขาเพิ่งจะสารภาพรักไปเมื่อคืน และคงจะมีอาการกระวนกระวายอยู่ภายในห้องอยู่ตอนนี้ “เออๆๆ เสร็จแล้ว ๆกำลังออกไป เร่งจังเลย” ทิวาบ่นอุบก่อนจะเปิดประตูห้อง และเดินมานั่ง ที่โต๊ะอาหารฝั่งตรงข้ามกับภาคิน คนที่เพิ่งจะสารภาพรักและจูบเขาไปเมื่อคืน “กูทำแซนด์วิชไปให้มึงอ่ะ แดกซะเดี๋ยวกูพาออกไปข้างนอก” ภาคินบอกกับทิวาพร้อมกับเลื่อนจานแซนด์วิชที่เขาเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆ ให้กับคนตรงหน้า “อะไรของเขาวะ เมื่อคืนเพิ่งจะสารภาพรัก บอกว่าชอบเรา ตอนนี้กับมีอาการหน้าตึง แถมพูดจากระโชกโฮกฮากใส่เราเหมือนเดิมอีก” ทิวาคิดในใจพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่าย ด้วยความสงสัย “มึงจ้องหน้ากูทำไม สงสัยอะไรก็ถามกูสิ” ภาคินถามคนตรงหน้าเสียงดุ
หลังจากที่ทานไอศกรีมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วภาคิน ก็พาทิวาไปดูหนังต่อ ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในโรงหนัง ภาคิน
EP 13คุณดีนจอมสร้างเรื่อง วันนี้ภาคินก็ขับรถมาส่งคนรักของเขา ที่หน้าตึกคณะบริหารเหมือนเช่นทุกวัน ซึ่งกลายเป็นภาพชินตาของผู้ที่ได้พบเห็นไปแล้ว เพราะภาคินจะทำหน้าที่เป็นสารถีคอยขับรถรับส่งทิวาตั้งแต่ที่ทั้งคู่ยั
“อ้าวเฮ้ย!!
แวะหาอะไรแดกก่อน แล้วค่อยเข้าห้องแล้วกันนะ” ภาคินบอกกับแฟนเด็กของเขา ในขณะที่ทั้งคู่นั่งรถออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยกัน “(…..)” ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ ของคนที่ช่างพูดช่างจาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มีเพียงใบหน้าที่บู
ภาคินขับรถพาทิวามายังที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากคอนโดพวกเขามากนัก บรรยากาศภายวัดดูเงียบสงบร่มเย็นผู้คนไม่พลุกพล่าน ภาคินจูงมือทิวาเดินเข้าไปภายกุฏิ พร้อมกับหิ้วของที่เขาเตรียมมาด้วย เดินเข้าไปด้วยกัน
ด้านของภาคินเอง หลังจากที่ขับรถออกมาจากคอนโด เขาก็ตรงดิ่งไปหานทีและพีระเพื่อนสนิทของเขาตามที่นัดหมายทันที เมื่อมาถึงต่างก็พากันแบ่งหน้าที่ และตระเวนซื้อของของตัวเองที่ได้รับผิดชอบ ก่อนจะมารวมตัวกันที่คอนโดของภาคินอีกครั้ง หลังจากกลับ
มสงสัย ว่าทำไมดึกดื่นป่านนี้ ภาคินยังไม่อะไรต้องคุยกับเขาอีกหรือ เขาจึงรีบเดินไปเปิดประตูโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวนุ่งพันเอวเอาไว้อยู่ เพียงแค่นั้น เมื่อภาคินเห็นภาพตรงหน้าถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆลงคออย่างยากลำบาก และพยายามข่มอารมณ์ที่มีอยู่ภายในของตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก “มีอะไรอีกเหรอพี่คิน ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีก”
ช่วงเย็นของวันงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในบ้านสวนของภาคินและทิวาก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเองน่ารักและอบอุ่น อาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้และเครื่องดื่มมากมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้รองรับสำหรับทุกคน แต่ละแต่งกายกันมาในชุดสบาย ๆ เข้ามาร่วมในงาน ต่างพากันดื่มกินร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ภาคินก็ยังคอยบริการหยิบนั่นตักนี่ให้ทิวาไม่ขาดตกบกพร่อง จนเพื่อน ๆต่างพากันเอ่ยปากแซวว่าเป็นคนคลั่งรัก และกลัเมีย แต่ภาคินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคลั่งรักอย่างที่เพื่อนเขาแซวจริง ๆ หลังจากที่ปาร์ตี้ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มจะดึกแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนส่วนวัยรุ่นที่เหลือก็ยังคงปาร์ตี้กันต่อ และวันนี้พวกเขาทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์นอนข้างนอกด้วยกันทั้งหมด เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศและรับอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน บรรยากาศท้องทุ่งและต้นไม้ที่เขียวขจีพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามราตรี สร้างความสงบภายในจิตใจพร้อมด้วยกลิ่นอายของความสดชื่นจากธรรมชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาที่เหนื่อยจากงานปาร์ตี้แล้วพากันมานั่งพักที่มุม ๆหนึ่งของสวนถึงกับพากันหายใจสูดเอากลิ่นอ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวตัวเอง รวมถึงภาคินและทิวาด้วย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านของพวกเขาเองเรียบร้อยแล้ว ทั้ง2ครอบครัวกำลังช่วยกันจัดสถานที่และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้สำหรับเลี้ยงฉลองสำหรับคืนนี้ เพราะงานเลี้ยงวันนี้บรรดาเพื่อน ๆของทิวาและภาคินจะเดินทางมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย “อ้าว!!!น้องวาตื่นแล้วเหรอลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ กว่าจะมาถึงก็ดึก ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหล่ะลูก” แม่จูนแม่ของทิวาเอ่ยท้วงลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้นเมื่อเธอหันไปเจอทิวาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาจากข้างบนบ้านมาหาเธอ “มันชินครับแม่ อีพี่คินปลุกวาตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน จนร่างกายเริ่มปรับตัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วอีกอย่างวาก็อยากตื่นมาอยู่กับพ่อกับแม่ด้วยไงครับ” ทิวาบอกกับแม่ของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีออดอ้อน “ขี้อ้อนตลอดเลยนะเราเนี่ย หิวไหมลูก แม่ทำของโปรดของน้องวาไว้ให้อยู่ในครัว ไปกินสิลูก” แม่จูนบอกกับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อ่อนโยน “คุณแม่ใจดีแล้วก็น่ารักกับวาตลอดเลย
ตอนนี้เคนตะเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในคอนโดของดีนคนรักของเขา เพราะเขากำลังเครียดและคิดไม่ตก เนื่องจากเรื่องที่เขากำลังแอบคบหาดูใจกันกับดีน ถูกมือดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ จนตอนนี้กลายเป็นข้าวใหญ่โต ทำให้ดีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเป็นวงกว้าง “
หลังจากที่นทีและไรวินขับรถออกไปแล้ว ทิวาก็เอาของที่เขาถือมาไปเก็บที่ท้ายรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเพื่อตั้งท่าจะขึ้นรถของภาคินด้านคนขับ เพื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์รอภาคินที่กำลังคุยธุระกับโค้ชโจ้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่ทิวาจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไทม์ก็เดินตรงดิ่งมาหาทิวาพร้อมกับดึงที่ข้อมือของทิวาเอาไว้ จนทิวาเองเซถลาจนเกือบจะล้ม
ตอนนี้ภาคิน ได้ขึ้นเป็นนักศึกษาปี4 และทิวาก็ขยับมาเป็นนักศึกษาปี 2
นับตั้งแต่วันที่ภาคินได้ตัดสินใจบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทิวาให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้และพวกท่านก็อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ภาคินก็ย้ายตัวเองไปนอนห้องเดียวกับทิวาทุกคืน และแน่นอนว่าในบางคืนพวกเขา
หลังจากที่นั่งชั่งใจอยู่พักใหญ่ภาคินก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิวา ให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดที่ทรยศ ความไว้ใจของ พ่อกับแม่ของเขาเอง หรือแม้กระทั่งพ่อกับแม่ของทิวา ในเมื่อเขาทำผิดเขาก็ควรจะยอมรับผิด ดีกว่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รู้ภายหลัง แล้วรู้สึกผิดหวัง
เช้าวันต่อมาภาคินกับทิวายังคงนอนกอดกันกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนเดียวกัน และก็ยังคงหลับไหลด้วยความอ่อนเพลีย เนื่องจากพวกเขาใช
มสงสัย ว่าทำไมดึกดื่นป่านนี้ ภาคินยังไม่อะไรต้องคุยกับเขาอีกหรือ เขาจึงรีบเดินไปเปิดประตูโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวนุ่งพันเอวเอาไว้อยู่ เพียงแค่นั้น เมื่อภาคินเห็นภาพตรงหน้าถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆลงคออย่างยากลำบาก และพยายามข่มอารมณ์ที่มีอยู่ภายในของตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก “มีอะไรอีกเหรอพี่คิน ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีก”