"เพิ่มงานเข้าไปอีกทุกตำแหน่งว่างจนกว่าหมอนั้นจะยอมออกไปจากที่นี่!เป็นแค่ลูกจนๆของคนขับรถ กล้าดีอย่างไรถึงมาเป็นคู่หมั่นของฉัน!เพื่อทำตามพินัยกรรม เพื่อโรงแรม!ได้แต่มันต้องรับน้องกันหน่อย... หึหึ"
view moreวาเลนไทน์...ผมเซทท์ ผู้ที่ใครต่างก็คิดว่า ผมเป็นคนเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล และไร้หัวใจ เอาจริงๆ มันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง ผมออกจะเชื่อฟัง น่ารักน่าเอ็นดู อีกทั้งยังน่าสงสาร ไม่เชื่อก็ลองถามสุดที่รักของผมดูสิครับ!เอาล่ะ! เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้เป็นวันครบรอบสามปีของเรา ซึ่งตรงกับวันแห่งความรักซะด้วย ใครหลายคน ก็คงต่างคาดหวังว่าจะได้รับของขวัญจากคนรัก แบบว่า..'โรแมนติก' ซึ่งไม่ใช่คนผมอย่างแน่นอน เพราะผมเกลียดอะไรทำนองนี้..."คิดอะไรอยู่?" มือบางโอบร่างสูงโปร่งเอาไว้อย่างทะนุถนอม "เปล่า ทำไมเลิกงานเร็วจัง?" น้ำเสียงนิ่งเฉยแต่แฝงด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้อีกคนเลิกคิ้วสูงขึ้น "เป็นอะไรหรือเปล่า?" "เปล่า?""วันนี้เตรียมอะไรให้กินเหรอ..." นับวันผมยิ่งกลายเป็นพ่อบ้าน เพราะถูกสั่งกักบริเวณ สามเดือน ข้อหา 'ไล่พนักงานอย่างไร้เหตุผล' แน่นอนครับ ผมเป็นคนรักเมีย ก็ต้องเชื่อฟังเมียเป็นธรรมดา โคตรมีความสุขอย่างที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อน "ลืมอะไรไหม?...วันนี้ไม่มีมื้อเย็นเหรอครับ!" มือเรียวคลายออกด้วยความสงสัย แต่ยังคงเผยยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยอย่างมีเลคนัยเจ้าตัวเล็กชอบเอาแต่ใจมีเรื่องมาให้ผมตื
ผม ชาไทย หลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งงานของเรา ช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของเราทั้งคู่ ถึงจะวุ่นวายไปหน่อย เนื่องจากทีมงานในห้องครัว จัดการแสดงชุดใหญ่ในครานั้น เป็นฉากที่ทุกคนต่างสนุกสนานไปกับการเต้นรำ แต่ทว่ามีใครบางคนพัดตกลงไปในสระน้ำ ช่างสร้างความประทับใจให้ผมยิ่งนัก เพราะเสียงเฮฮา หัวเราะ และรอยยิ้มของชื่นชมยินดี มันยังคงดังก้องอยู่ภายในความทรงจำของเราต้องขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าเชฟคนใหม่ คือ เชฟเชียมป์ ผู้สุขุม ละเอียดรอบคอบ เขาได้คว้ารางวัล หัวหน้าเชฟชั้นเยี่ยมในประเทศ มาฝากให้กับโรงแรม ไม่เสียแรงที่เขามาทำหน้าที่แทนเชฟหวัง ซึ่งตอนนี้นอนกินข้าวแดงอยู่ในคุก ด้วยข้อหายักยอกเงินนับล้าน สร้างความเสียหายให้โรงแรมนับสิบสถานที่ ช่างใช้พรสวรรค์ที่ผิดวิธีสิ้นดี ทุกคนยังคงทำหน้าที่เหมือนเช่นทุกวัน และเขาเองก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป "เลขา""ค่ะ ท่านประธาน""ไล่พนักงานเสิร์ฟอาหารออกไปซะ!!""ข้อหาค่ะท่าน""แอบมองผม""เอ๊ะ!!!""ล้อเล่น...ก็คนมันหล่ออะ เน๊าะ ช่วยไม่ได้จริงๆ "ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างสุขใจ พร้อมมองแหวนสีเงินที่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยแววตาเปล่งประกาย ทำให้เลขาสาวอด
~กวิน~บางเรื่องราวที่ดี เราควรเก็บมันไว้ในใจ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปนานเพียงใด ก็ยังเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนมันออกไปจากใจ ได้เลยสักคราเมื่อ 10 ปีก่อนยามเช้าที่สดใส ท้องฟ้าเป็นสีคราม แสงอาทิตย์ที่อบอุ่น เป็นอีกวันที่ผมต้องไปรับเพื่อนชาย ตัวแสบ ที่เอาแต่ใจจนเกินจะเยียวยา หน้าที่ของผม คือคอยเคียงข้างกันและกัน ตามสัญญาที่ให้ไว้ ในฐานะเพื่อนสนิท"สวัสดีครับคุณท่าน" ผมพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยใจที่เคารพยิ่ง เพราะท่านผมถึงได้เรียนโรงเรียนดัง ถึงผมจะเป็นเด็กกำพร้า แม้จะมีย่าคอยดูแลเพียงผู้เดียว แต่คุณอาทิตย์ ก็ไม่เคยแสดงท่าทีดูแคลนผมเลยสักครั้ง "มาทานอาหารเช้าด้วยกันสิ" เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ขอบคุณมากครับ แต่ผมทานมาแล้วครับท่าน" "ไม่เป็นไรๆ ไว้คราวหน้าละกัน" เขายิ้มกว้างให้ผม"เซทท์ลงมาหรือยังครับ""มาแล้วน่ะ สงสัยแอบไปกินข้าวในครัวอีกแล้ว" "จริงๆ เลยเพื่อนคนนี้ ขอตัวก่อนครับท่าน""อืมๆ อ๋อ...ไปซะ ยังไม่ได้แนะนำน้องชายของเซทท์เลย" เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะทานอาหารเช้าแต่เพียงลำพัง กวินมุ่งตรงไปยังห้องครัวด้านหลังบ้าน แต่ทว่าสายตาไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่พุ่มไม้ ในสวน ชายหนุ่มไม่ร
ชาไทยลืมตาตื่นด้วยความอ่อนเพลีย รู้สึกระบมไปทั้งตัว แม้ตนจะขอร้องอ้อนวอนเพียงใด ก็ไร้ประโยชน์ ไม่รู้เขาผู้นี้ไปเอาเรี่ยวแรงกำลังภายใน มาจากไหนกัน ถึงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ ทั้งที่ตนแทบจะสลบลงไปเสียให้ได้ ชายหนุ่มประคับประคองตนเอง มุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ด้วยร่างที่เปลือยเปล่า เห็นได้ชัดถึงรอยประทับความใคร่ที่แดงก่ำ ไปทั่วร่างกาย โดยริมฝีปากหนาของเขาผู้นั้น คงเป็นเพราะอยากแสดงความเป็นจ้าวข้าวเจ้าของหรือไง เสียงน้ำดังขึ้นนานนับชั่วโมง ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวออกมา ด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวบริสุทธิ์ "ต้องรีบกลับบ้าน ก่อนที่เขาจะกลับมา" น้ำเสียงแผ่วเบาได้เปล่งออกมา ภายใต้ความรู้สึกเหนื่อยหน่าย ชายหนุ่มสวมใส่เสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้อย่างประณีต"รู้ใจเหมือนกันนิ" ชายหนุ่มยิ้มย่อง พลันสายตาสะดุดเข้ากับซองเอกสารสีน้ำตาล ที่ตั้งบนโต๊ะทำงานของผู้ที่กระทำตนเอง ความอยากรู้อยากเห็นมันทำให้ตนเปิดดูทันที แววตาเบิกโตด้วยความตกตะลึง เมื่อพบว่ามันคือ เอกสารการถอนหมั้น ที่จัดเตรียมไว้ให้ทนายดำเนินการ"เขายอมทิ้งโรงแรม เพื่อจะถอนหมั้นเราเลยเหรอ" น้ำใสเริ่มเอ่อล้นออกมาด้วยความทุกข์ระทม ราวกับโดนมีดนับร้อย
~เซทท์~สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...ภายใต้จิตใจที่หยาบกระด้างอย่างผม ไม่คิดเลยว่า การรอคอยใครสักคน มันช่างทรมานใจมากถึงเพียงนี้ ห้องทำงาน"เซทท์ เข้ามาซิ!"ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นในขณะที่ตนเหลือบมองลูกชาย วัย 12 ปี ที่ยืนเก้ๆ กังๆ คลายเหมือนมีอะไรขับข้องใจ"พ่อครับ ทำอย่างไร? ผมถึงจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่ชอบครับ""....." ไร้ซึ่งคำตอบ พ่อลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่าง จดจ้องไปยังเบื้องล่างที่สนามหญ้าหน้าบ้าน มองเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ด้วยแววตาเอ็นดู ที่เล่นสนุกสนานกับสุนัขตัวโปรดของตน ภายใต้การดูแลของนายเก่ง ที่เป็นทั้งคนขับรถและเพื่อนรักของตน ภายในใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิม"พ่อครับ""หยุดคิดเรื่องเหลวไหลไร้สาระได้แล้ว ไปเรียนพิเศษซะ" "......" เด็กน้อยมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใส เพราะเป็นเช่นนี้กับตนทุกครั้ง น้ำเสียงเย็นชา ไร้ความรู้สึกนั้น เปรียบเสมือนลูกศรที่ถูกยิงปักตรงกลางใจครั้งแล้วครั้งเล่า โดยผู้ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นพ่อ ชีวิตของผมถูกขีดเส้นใต้ไว้เสมอว่า ทุกอย่างรอบตัวต้อง เพอเฟ๊ค ไม่มีตำหนิ ข้อบกพร่องใดที่สร้างความอับอายให้แก่ วงค์ตระกูล หรือหากเส
"เกลียดผมนัก ก็อย่ามาเจอหน้ากันสิครับ" แววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใส บ่งบอกถึงความทรมานที่ต้องเอ่ยคำนี้ออกมา "นายคิดว่าฉันอยากเจอนายนักหรือไง? ดูสภาพตัวเองซะบ้าง!!" ทำไมยิ่งพูดเขาถึงทรมานหัวใจเช่นนี้ พูดเพื่ออะไรกันเซทท์"ครับ ผมรู้ดีว่าผมมีสภาพเป็นอย่างไร? งั้นท่านประธาน ช่วยเซ็นใบรับผลการฝึกงานให้ผมหน่อยนะ ผมจะได้ไปจากที่นี่ไม่ต้องเจอกันอีก ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีครับท่านประธาน" แววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใสแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่แสนเย็นชา ในทันที หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ชาไทยเร่งฝีเท้าออกจากลิฟต์ไป หากเขาพินหลังกลับมามองสักนิด คงจะได้เห็นสีหน้าของเขาผู้นั้น ที่ซีดเผือดเพราะสิ่งที่ตนหวาดกลัวที่สุดมันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว "โธ่โว้ย...!!" ชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง ก่อนที่ตนจะย่างก้าวออกจากลิฟต์มุ่งตรงไปยังชาไทย ที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมองกลับมา ความคิดไม่ดีได้เริ่มก่อตัวขึ้น อีกมันเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตนดื่ม ความรุ่มร้อนดั่งเปลวเพลิงเริ่มลุกโชนอย่างต่อเนื่อง เกินจะยับยั้งชั่งใจได้อีกต่อไป"มานี่!"น้ำเสียงดุดันทำให้อีกคนพินหลังกลับมาด้วยความตกใจ "ฮ๊ะ!" ยังไม่ทันที่ตนจะระ
"เช็ดให้สะอาด ย้ำว่าทุกชิ้น ไม่อย่างนั้นนายฝึกงานไม่ผ่าน เชอะ!! งานแค่นี้ ไม่ระคายเคืองขนหน้าเข่งหรอกครับ" ผู้ที่กำลังบ่นไปทำงานไปอย่างชาไทย ไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งกำลังตรงดิ่งมายังตน"อ๊ะ แฮ็ม!""ไม่ได้พูดอะไรเลยคุณเซทท์..." ชาไทยอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทำเอาบุคคลหนึ่งหัวเราะขึ้นมา ด้วยความเอ็นดู"ฮ่าฮ่าฮ่า ขวัญอ่อนเหมือนเดิมนะเรา" น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ชาไทยพินหลังมองไปยังที่มา"พี่เชน!!!" ชายหนุ่มกระโดดกอดเขาผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆ ของตน ด้วยความคิดถึง นานเท่าไหร่แล้วที่เขาทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน..."คิดถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ฮึ!""ที่สุดเลยครับ" แววตาพร้อมสีหน้าที่ออดอ้อนของชาไทยทำเอา เชน พิทักษ์เมฆา ยิ้มกว้างอย่างจนตาปิด เด็กน้อยในวันนั้นกลายเป็นหนุ่มน้อยในวันนี้เสียแล้ว หากเซทท์รู้จะเป็นอย่างไร เรื่องมันคงง่ายขึ้นกว่าตอนนี้ไหม"โดนทำโทษอยู่หรือไง นักศึกษา" คำแซวที่เอ่ยขึ้นทำให้คนฟังหลบยิ้มลงทันที"ไม่ใช่ซะหน่อย โดนแกล้งมากกว่า เห็นทีพี่เชนต้องออกโรง เพื่อปกป้องน้องชายคนนี้แล้วละครับ" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชาไทยทำเอาเชนส่ายหน้าเพราะความกะล่อนของหนุ่มน้อยผู้นี้เสียจริง"มันแน่อยู่แ
ค่ำคืนที่เงียบสงบ บนท้องถนนมีผู้คนสัญจรอันน้อยนิด แสงไฟสลัวที่ส่องแสงสว่าง ให้มองเห็นเส้นทางข้างหน้า หากแต่ว่าบรรยากาศช่างครึ้มฟ้าครึ้มฝนช่างเป็นใจ ในยามนี้ชายหนุ่มยังคงเดินทางเท้าอยู่เพียงลำพัง ด้วยท่าทีที่เหม่อเลย เพราะใจนั้นไม่อยู่กลับเนื้อกลับตัวเสียแล้ว ทั้งที่ไมากี่ย่างก้าวก็จะถึงบ้าน ยังดีที่ยังพอมีสติรับรู้ได้ว่าเบื้องหน้าตน คือบ้านตนเอง บ้านในอดีตที่เคยอยู่พร้อมหน้ากันอย่างอบอุ่น ประตูรั้วถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ชาไทยเดินตรงดิ่งเข้าบ้าน โดยที่ไม่ทันได้ปิดประตูรั้วให้เรียบร้อย หากชายหนุ่มลองหันกลับไปมองด้านหลังสักนิด จะพบว่าผู้เป็นพ่อกำลังยืนมองตน ด้วยแววตาที่เป็นห่วง "กลับมาแล้วครับ" น้ำเสียงเอ่ยขึ้นเพียงแผ่วเบา ไม่ทันสนใจสายตาคู่หนึ่งที่เป็นกังวลใจ มองลูกชายที่เดินเข้าห้องไป อย่างคนไร้สติ "ย..ยังไม่ทานข้าวเลย เฮ่อ..." พ่อเก่งรีบนั่งลงอย่างช้าๆ ก่อนจะครุ่นคิดอะไรในใจ สายตามองไปนอกบ้าน ประตูรั้วที่เปิดอ้าไว้ ทำให้ตนลุกขึ้นเดินไปปิดมัน แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีรถที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีแล่นผ่านไป"เฮ่อ!...เราทำเกินไปหรือเปล่านะ?" พ่อเก่งบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ แววตาแปรเปลี่ยน
ชาไทยกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไร้ซึ่งวี่แววผู้เข้าพัก สายลมที่พัดผ่านเข้ามาทางระเบียงห้อง เผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยของใครบางคน กำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้า ชายหนุ่มยิ้มร่าออกมาอย่างลืมตัว รีบเร่งฝีเท้าแต่ทว่ากลับโดนโอบกอดไว้จากด้านหลัง ใบหน้าเรียวยาวของใครผู้หนึ่งที่ตนไม่คุ้นเคย เงาของผู้นั้นสะท้อนผ่านประตูกระจกดำ หน้าระเบียงที่มองเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง เหตุใดเชฟเชียมป์ถึงกระทำเช่นนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ตนหวาดหวั่นใจยิ่งกว่า คือ ร่างสูงโปร่ง ที่ยืนสง่าผ่าเผย เลิกคิ้วสูง ยืนกอดอกครุ่นคิดอะไรในใจ มองมาด้วยสายตาที่แสนเย็นชานั้นคาดเดาได้ว่า เขาผู้นั้นกำลังด่าทอตนเองเป็นแน่"ขอโทษ พี่กลัวว่านายไม่เป็นอะไร" เสียงที่คุ้นหู เรียกสติชายหนุ่มให้กลับคืน ก่อนที่ตนจะรีบสลัดแขนหนาของเขาผู้นั้นออก "พี่หมายถึงอะไรครับ?" น้ำเสียงสั่นเคลือ ของชาไทยทำเอาชายหนุ่มใจหายขึ้นมา เพราะตนได้แสดงความรู้สึกเกินสถานะของตน มันเกิดจากความโลภครอบครองเขาผู้นี้ แววตาชายหนุ่มเหลือบมองไปยังผู้ยืนตรงระเบียงห้อง เขารับรู้ได้ว่า แววตาคู่นั้นขุ่นเคืองใจมากแค่ไหน แต่ตนเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เพราะรู
"ไม่ผ่าน ไล่เธอออกไปซะ" "ครับท่านประธาน" "ฉันโดยไล่ออกเหรอเนี่ย ฮื้อๆ ขอโทษค่ะ ท่านประธาน ฮื้อๆ ทำไงดี เธอฉันผิดอะไร อึก!" พนักงานสาวสวยยืนมองตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างงุนงง โอบกอดเพื่อนสาวด้วยความผิดหวังและเสียใจ โดยไม่ทราบสาเหตุว่าตนทำผิดอะไร เลขาส่วนตัวมองพนักงานสาวที่ถูกไล่ออกเพียงเพราะแต่งตัวไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของโรงแรมที่ระบุไว้ในข้อ 56 ว่า 'ห้ามทาเล็บมือสีแดง'เพราะท่านประธานไม่ชอบ! "ขอโทษนะครับ เล็บสีแดง อืม!" "ฮื้อๆ คุณเลขาช่วยด้วยซิคะ" หล่อนทำสีหน้าออดอ้อนเรียกร้องความสงสารแต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะ แต่เป็นครั้งที่ร้อย หากพนักงานไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ปฏิบัติตนนอกกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้แม้แต่นิดเดียวก็มีโทษที่ร้ายแรง คือการไล่ออก ก็แค่น้ำจิ้มเท่านั้นเพราะของจริงมีอีกเยอะที่ต้องยอมรับมัน พนักงานทุกคนต้องท่องเอาไว้เลยว่ากฎเหล็กของที่แห่งนี้คือ 'ท่านประธาน' "ทนได้ทน ทนไม่ได้ก็ไปซะ"เซทท์พูดขึ้นกับตัวเองโดยไม่สนใจไยดีพนักงานหญิงคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว "คุณเซทท์ครับ วันนี้มีประชุมบ่ายโมงตรงกับห้างเซ็นทรัลเพรชตินั่มครับ" "อืม"ผู้ชายที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอก...
Mga Comments