เด็กน้อยถูกตระกูลทอดทิ้ง เพียงเพราะไร้พลังธาตุทั้งที่ความจริงมีเบื้องหลังชั่วร้ายแอบแฝง แต่นางกลับได้รับพรจากสวรรค์ทั้งมีมหาเทพเป็นอาจารย์ แม้แต่สัตว์อสูรในตำนานสุดเก๋ายังยอมเป็นคู่หู ความฮาป่วนกวนล้นจึงบังเกิดไม่รู้จบ จากขยะของตระกูลกลายเป็นธิดาเทพผู้สูงส่ง เมื่อถึงเวลานางจะกลับทวงทุกสิ่งคืนอย่างสาสม กระทั่งจอมอหังการแห่งอาณาจักรยังทำทุกอย่างเพื่อพิชิตหัวใจของนาง
View Moreบทที่ 38/2 เผชิญความตกต่ำ มหาเทพหวงหลงมีสีหน้าปลดปลงยามได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด “เฮ้อ! นี่แหละหนา ที่เรียกว่าเวรกรรม ใครใช้ให้หวังลู่เสียนมีนิสัยหยิ่งยโส แถมปากเสียชอบดูถูกดูแคลนผู้อื่นกัน ฝ่ายชายก็ไม่น้อยหน้า มีนิสัยเสเพลแถมเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นทุนเดิม หากนางรู้ว่าคืนนั้นได้เสียพรหมจรรย์ให้ใคร มีหวังได้อกแตกตายแน่” ”ข้าว่าทั้งคู่เหมาะสมกันออก ผีเน่ากับโลงผุ นรกสร้างสรรค์มาคู่กันโดยแท้” มหาเทพชิงหลงลอยหน้าลอยตาเอ่ยชื่นชม ซึ่งฟังดูแล้วทะแม่งชอบกล “…” มหาเทพหวงหลงและมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ ชิงหลงเจ้าปากร้ายมาก! หากกล่าวว่าวันนี้ ถือเป็นวันวิปโยคของตระกูลหวังก็คงไม่ผิดนัก บรรยากาศภายในจวนกดดันอึมครึม ประหนึ่งพายุลูกใหญ่กำลังตั้งเค้าเตรียมถล่มใส่จวน หมอจี๋เค่อช่วยปฐมพยาบาลหวังเหลียงจนฟื้นคืนสติ จากนั้นก็จากไป ปล่อยให้หวังเหลียงอยู่คนเดียวตามคำขอ …เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าวันนี้มืดครึ้มเต็มไปด้วยเมฆดำ บดบังแสงตะวันจนมิอาจเล็ดลอด ส่งผลให้จิตใจของหลายคนหม่นหมองซึมเศร้า หวังเหลียงยืนอยู่ริมสระบัว เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยน้ำตาเอ่อคลอ ทอดถอนใจให้กับโชคชะตา เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ
บทที่ 38/1 เผชิญกับความตกต่ำ “อาเหลียง หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าจะมาลงไม้ลงมือกับลูกเมียเพราะอนุคนเดียวไม่ได้! พวกเจ้าสองคน มาแก้มัดให้ฮูหยินน้อยแล้วพาไปที่เรือนข้า” ฮูหยินผู้เฒ่าก้าวมายืนขวาง จ้องหน้าบุตรชายเขม็ง ก่อนหันไปบอกสาวใช้ให้แก้มัดเหวินไป๋เหลียน และพาตัวไปยังเรือนฟาหยาง หากหวังเหลียงคิดลงมือกับภรรยาจริง ก็ต้องข้ามศพมารดาอย่างนางไปก่อน หวังเหลียงกัดฟันกรอด ลดมือของตนลง ฝืนข่มกลั้นโทสะไม่ให้ปะทุขณะเอ่ยกับมารดา “ท่านแม่ เหวินไป๋เหลียนฝ่าฝืนคำสั่งข้า กลับลงมาจากวัดโดยพละการ ท่านดูสภาพของนางสิขอรับ ดูได้ที่ไหน” ฮูหยินเฒ่ามองลูกสะใภ้ด้วยสายตาเวทนา เพียงแค่ไม่กี่วันที่ถูกส่งออกไปจากจวน เหวินไป๋เหลียนถึงกับมีสภาพมิต่างจากคนเสียสติ “ก็เพราะสภาพของอาเหลียนเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า ข้าถึงต้องพานางกลับเรือนของข้า และข้าจะไม่ยอมให้เจ้าส่งนางกลับไปอยู่ที่วัดอีก เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าไม่ต้องมาห้าม! แล้วนี่ผู่หมัวมัวหายหัวไปอยู่เสียที่ใด ถึงได้ปล่อยให้เจ้านายอยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงขนาดนี้!” หญิงชราหาได้สนใจสีหน้าของบุตรชายแม้แต่น้อย ยังคงยืนกรานความคิดของตน หวังลู่เสียนร
บทที่ 37/2 ความโกลาหลในจวนตระกูลหวัง เพียงครู่เดียวหมอหลวงก็ตรวจชีพจรของหวังลู่เสียนเสร็จ เอ่ยยืนยันว่านางมีชีพจรของสตรีตั้งครรภ์จริง เมื่อธุระทุกอย่างเสร็จสิ้นหวนกงกง หมอหลวงและองครักษ์ราชวังก็เตรียมยกขบวนกันกลับ แต่ก่อนกลับหวนกงกงได้เอ่ยปาก สั่งห้ามหวังเหลียงมิให้ลงโทษสาวใช้รุนแรง แต่ให้ขายพวกนางออกไปแทน …ราวกับฮ่องเต้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ถึงได้มีคำสั่งให้เขาบอกกับหวังเหลียงเช่นนี้ แม้นว่าหวังเหลียงจะเดือดดาลแค่ไหน แต่ก็มิอาจขัดคำสั่ง เสี่ยวหลีและเสี่ยวลู่ถูกโบยคนละยี่สิบไม้ จากนั้นจึงให้พ่อบ้านขายพวกนางออกไป พ่อค้าทาสที่มารับซื้อ พาสาวใช้ทั้งสองไปส่งยังคฤหาสน์หลังหนึ่งต่อจากนั้น เรือนฝูหรง หวังซีซวนได้ยินข่าวเรื่องของหวังลู่เสียนจากปากเสี่ยวจี่ เด็กหนุ่มตกตะลึงไม่น้อย พลันนึกถึงคำพูดของมารดาเมื่อวันก่อน “ท่านแม่ทราบเรื่องนี้อยู่แล้วอย่างนั้นรึ มิน่านางถึงอารมณ์ดีนัก“ จากนั้นจึงนั่งเดินพลังฝึกฝนตบะต่ออย่างตั้งใจ หม่าฝานที่แอบดูพฤติกรรมของเด็กหนุ่ม ตามคำสั่งของรวี่เยว่อย่างเงียบๆ และผละไปในอีกชั่วอึดใจต่อมา “ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ” ชายหนุ่มแอบรำพึงเสียงเบาด้วยน้ำเสียงชื่
บทที่ 37/1 ความโกลาหลในจวนตระกูลหวัง เสียงของหวังเหลียงดังกึกก้องไปทั้งโถงรับรอง ฮูหยินผู้เฒ่าหันขวับมองบุตรชายด้วยสีหน้าฉงนระคนตกใจ อ้าปากถามในสิ่งที่เพิ่งได้ยินเสียงสั่น “อะ..อาเหลียง เจ้าช่วยพูดอีกทีใหม่ซิ แม่อาจฟังผิดไป “ “ท่านแม่ฟังไม่ผิดหรอกขอรับ หลานสาวตัวดีของท่าน ไม่ได้ท้องกับองค์ชายใหญ่ นางโกหกพวกเรา!” สิ้นคำกล่าวของหวังเหลียง ฮูหยินผู้เฒ่าลมตีขึ้น ตาเหลือกหมดสติคาเก้าอี้ไท่ซือ “ว้าย ฮูหยินผู้เฒ่าหมดสติไปแล้วเจ้าค่ะ” เสียงตกอกตกใจของจูหมัวมัวดังขึ้นตามมา งานนี้เลยเดือดร้อนหมอหลวงให้มาช่วยปฐมพยาบาล หวังลู่เสียนตกตะลึงหน้าซีดเผือด สับสนในถ้อยคำของบิดา ในเมื่อบุรุษที่นางมีความสัมพันธ์ด้วยคืนนั้นคือองค์ชายใหญ่ พ่อของเด็กในท้องย่อมเป็นเขา! จะกลายเป็นคนอื่นไปได้อย่างไร แล้วไฉนบิดาถึงได้กล่าวว่านางพูดปด “ท่านพ่อ ไยกล่าวเช่นนี้เจ้าคะ ลูกตั้งครรภ์กับองค์ชายใหญ่จริงๆ เหตุใดท่านพ่อถึงไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกบอกกับท่านเจ้าคะ ฮึก” หวังลู่เสียนเสียใจที่บิดาไม่เชื่อคำพูดของนาง น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะอาบสองแก้ม ทว่ายังคงยืนกรานเรื่องที่ตนตั้งครรภ์กับหวงฝู่ฮ่าวอวี่หนักแน่น พร้อมทั้งล้วงหยกชิ้
บทที่ 36/2 ความจริง ห้องทรงงาน ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นพระชันษาสี่สิบกลางในชุดคลุมมังกรสีทองน่าเกรงขาม รูปร่างสูงสง่า ใบหน้าหล่อเหลา หนวดเคราตัดแต่งอย่างประณีต นั่งอยู่หลังโต๊ะทรงงาน ทอดตามองหวังเหลียงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ลุกขึ้นเถิดใต้เท้าหวัง” เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากฮ่องเต้ หวังเหลียงจึงได้ขยับกายลุกขึ้น “ขอบพระทัยฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” “ใต้เท้าหวัง ท่านขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพราะมีเรื่องสำคัญต้องกราบทูล เช่นนั้นก็รีบทูลเถิด ฝ่าบาททรงมีราชกิจอีกมากที่ต้องจัดการ” มหาขันทีเชิดคางจิกตาขณะกล่าว เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าหวังเหลียงเท่าใดนัก หวังเหลียงประสานมือไว้ที่หน้าท้องค้อมศีรษะเล็กน้อยยามเอ่ยทูล “เรียนฝ่าบาท เรื่องที่กระหม่อมกำลังจะกราบทูล เกี่ยวพันถึงองค์ชายใหญ่พะย่ะค่ะ” “องค์ชายใหญ่ไปเกี่ยวอะไรด้วย ใต้เท้าหวังรีบพูดให้กระจ่าง!” ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นรับสั่งเสียงเข้ม สุรเสียงดุดัน ถึงจะทรงทราบอยู่ก่อนแล้วทว่าก็อยากลองเชิงอีกฝ่าย เรื่องที่หวังลู่เสียนตั้งครรภ์กับหวงฝู่ฮ่าวอวี่ ถูกถ่ายทอดจากปากของหวังเหลียง ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นสีหน้าเย็นชา ทอดมองขุนนางตรงหน้าด้วยสายตาไม่บ่
บทที่ 36/1 ความเป็นจริง บทกลอนถูกถ่ายทอดไปถึงรวี่เยว่ ดวงตาดอกท้อสีเทาเย็นชา เวลานี้แปรเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ เปล่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ข้ามีความสุขจริงๆ เจ้าค่ะวันนี้ ฮ่ะๆๆ” ชุนอิ่งส่งบุตรชายให้หม่าลั่ว ขยับมานั่งข้างๆ รวี่เยว่ กอบกุมมือนุ่มของหญิงสาว ดวงตารื้นน้ำจากความยินดี “คุณหนู วันที่พวกเรารอคอยใกล้มาถึงแล้วสินะเจ้าคะ” “อีกไม่นานแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ตบหลังมือชุนอิ่งเบาๆ “คุณหนูได้ยินข่าวลือหรือยังเจ้าคะ สาแก่ใจบ่าวยิ่งนัก!” ชุนอิ่งยิ้มสาแก่ใจ เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากบ่าวที่ออกไปซื้อของ รวี่เยว่พยักหน้า นางได้ยินเรื่องราวจากเสี่ยวเฮยมาว แมวลูกสมุนในเมืองหลวง รีบมารายงานองค์ราชันย์ของพวกมันตั้งแต่เช้า สายข่าวเมี้ยวเมี้ยว ทำงานรวดเร็วไม่แพ้คนของนาง จวนตระกูลวั่ง อัครมหาเสนาบดีวั่งเฉาในวัยสี่สิบปลายสีหน้าดำคล้ำ ยามได้ยินข่าวลือที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ แม้นยังไม่ปักใจเชื่อจนกว่าจะได้ยินจากปากขององค์ชายใหญ่ ทว่าข่าวนี้ก็สร้างความกังวลใจให้เขาไม่น้อย วั่งเฉาเหลือบมองบุตรสาว ที่เพิ่งผ่านวัยปักปิ่นเมื่อต้นปีด้วยสายตายากคาดเดา เส้นทางที่เขาตระเตรียมเพื่อนาง ย่อมไม่มีทางให้
บทที่ 35/2 ข่าวใหม่ในเมืองหลวง มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่กราม ออกแรงบีบจนชายชรายอมอ้าปาก ของเหลวรสชาติขมฝาดไหลผ่านลำคอ ความรู้สึกอุ่นร้อนเริ่มระอุในท้อง “เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน!” “พิษเพลิงอสูรสดับปราณของเจ้าอย่างไร” รวี่เยว่นั่งลงบนเก้าอี้ มองเหวินฉานด้วยสายตาเฉยชา ชายชราทั้งหวาดกลัวทั้งโกรธแค้น ทว่ามิอาจตอบโต้ อัคคีนิลกาฬของนาง น่ากลัวเสียยิ่งกว่าคำขู่เข็ญของวั่งเฉา “ท่านฆ่าข้าเสียเถิด อย่าทรมานข้าเลย ข้าขอร้อง” “ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอกนะหมอเหวิน แต่จะปล่อยให้เจ้าแบกรับผลกรรมที่ทำไว้ ส่วนคำแก้ตัวที่บอกว่าถูกวั่งเฉาบังคับจิ๊ๆๆ ใครเชื่อก็โง่เต็มทีแล้ว” รวี่เยว่หยุดกล่าววาจา นั่งมองเหวินฉานที่เริ่มมีอาการทุรนทุราย คล้ายคนกำลังมีไข้สูง มุมปากกระจับยกขึ้นอย่างพึงใจเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่เหลือ “เพราะหากเจ้าถูกบังคับจริง ตระกูลเหวินคงไม่ล่ำซำขึ้นมาในชั่วข้ามคืน บุตรชายคนกลางผู้ไม่เอาอ่าวของเจ้า คงไม่ได้เข้าทำงานในกรมอาลักษณ์ง่ายๆ นั่นยังไม่รวมเรื่องที่เจ้าส่งบุตรีคนเล็กที่เกิดจากอนุคนโปรด ไปเป็นอนุของอัครมหาเสนาบดีวั่งเฉาในปีเดียวกัน นี่คงมิใช่เรื่องบังเอิญกระมัง…ชายคนนั้นคงให้ค่าตอบแทนเจ้าอ
บทที่ 35 ข่าวใหม่ในเมืองหลวง ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ คำกล่าวนี้ไม่เคยเกินจริง… ร่างสูงของฮั่วเอ่อฉีขยับลงจากหลังของอี้หรง ยื่นมือให้รวี่เยว่เกาะกุมทั้งช่วยประคองนางลงจากหลังราชันย์หมาป่าพระจันทร์เงิน “ข้าล่ะไม่เข้าใจพวกมนุษย์จริงๆ จะไปนั่งเบียดกันทำไมมิทราบ บอกให้ไปกับข้าคนนึงก็ไม่ยอม” เสี่ยวเฮยมาวแกล้งเอ่ยเย้า ทำเหมือนไม่เข้าใจจุดประสงค์แท้จริงของฮั่วเฮ่อฉี พรืดดด แค่กๆๆ “คอแห้ง ต้วนคงขอน้ำให้ข้าดื่มหน่อย” อี้หรงหลุดขำ ก่อนจะเฉไฉว่าคอแห้ง เมื่อถูกฮั่วเฮ่อฉีขู่ฟ่อผ่านจิต ‘อยากถูกกัดหูแหว่งหรืออี้หรง!’ มือใหญ่ยังคงกอบกุมมือเล็กไม่ยอมปล่อย ท่าทางอิดออดคล้ายเด็กงอแง ดวงตาสีฟ้าเพ่งพิศใบหน้างามหวานล้ำอย่างหลงใหล เขาไม่อยากแยกจากนางแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ “คืนนี้พี่ชายมีความสุขมาก รวี่เยว่น้อยเล่ามีความสุขหรือไม่” สุ้มเสียงทุ้มต่ำมีเอกลักษณ์ เอ่ยถามโฉมสะคราญอย่างห่วงใย “ข้าเองก็มีความสุขมากเจ้าค่ะพี่ชาย ขอบคุณมากนะเจ้าค่ะ” คืนนี้นางมีความสุขมากจริงๆ นั่นแหละ อาหารที่สั่งมาคราวนี้เลิศรสยิ่งกว่าคราวก่อนเสียอีก รัตติกาลนี้ช่างงดงาม ดวงดาวพร่างพราวเต็มแผ่นฟ้
บทที่ 34/2 ข่าวดีของจวนเสนาธิการ ครั้นฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่อง นางก็แทบลุกขึ้นมาปรบมือ ความหวังว่าหวังลู่เสียนจะกลายเป็นนางหงส์ในอนาคต เริ่มปรากฏให้เห็นกระจ่างชัด หญิงชราโอบไหล่หลานสาว ลูบหัวลูบหลังอย่างเมตตา “ต่อไปเสียนเอ๋อร์ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆรู้หรือไม่ เวลานี้มีสายเลือดของราชวงศ์หวงฝู่ในท้องของเจ้า จะเดินเหินย่อมต้องระวังให้มาก” “เจ้าค่ะท่านย่า” หวังลู่เสียนรับคำหญิงชราอย่างเอียงอาย “อาเหลียง เจ้าต้องรีบกราบทูลเรื่องสำคัญนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ จะรอช้าไม่ได้เด็ดขาด เสียนเอ๋อร์ต้องรีบแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่โดยเร็วก่อนที่ครรภ์จะออก” ยิ่งหวังลู่เสียนได้แต่งเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่เร็วเท่าใด ย่อมเป็นผลดีกับตระกูลหวังเร็วเท่านั้น เพียงแค่คิดว่าต่อไปใครๆ ในเมืองหลวงต่างก็ต้องเกรงใจนาง หญิงชราพลันยืดแผ่นหลังอย่างภูมิใจ “ข้าจะรีบกราบทูลฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้หลังประชุมเช้าขอรับท่านแม่” หวังเหลียงเองก็ตื่นเต้นยินดีไม่แพ้มารดา บรรยากาศในเรือนฟาหยางยามนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น จากที่เคยอึมครึมไปด้วยความตึงเครียด ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างจินตนาการ ถึงอำนาจและวาสนาที่กำลังจะได้รับ คงมีเพียงหวังลู่เ
บทที่ 1 ขอพรกับดาวตก ณ แดนเทพอันศักดิ์สิทธิ์ มหาเทพหวงหลงนั่งหรี่ตาเล็งศิลาเทวะธาตุหลายลูกในกล่องด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ครุ่นคิดว่าจะหยิบศิลาลูกไหนขึ้นมาดีดใส่ศิลาของอีกฝ่ายเพื่อทำแต้มตีเสมอ คู่ต่อสู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามมีใบหน้างดงามราวอิสตรี เอนกายอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน พิงหมอนอิงใบใหญ่บนตั่ง อากัปกิริยาค่อนไปทางเกียจคร้าน มือขาวหมุนจอกสุราดอกท้อหยกพันปี ส่งกลิ่นหอมกรุ่นละมุนไปทั่วสวนลอยฟ้า ณ ตำหนักของมหาเทพหวงหลง ริมฝีปากหยักสีลูกท้อสุกเหยียดยิ้มยียวน เอื้อนเอ่ยเย้ยหยันฝีมือดีดลูกแก้วของสหายรัก "ท่านจะเลือกศิลาอีกนานเท่าใด หวงหลง ข้ารอจนรากจะงอกอยู่แล้ว สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้เสียเถิด ดันทุรังไปก็เปล่าประโยชน์" "เฮอะ! สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ชิงหลง รอบนี้ข้าไม่แพ้เจ้าแน่!" มหาเทพหวงหลงแค่นเสียง ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักดูยุ่งเหยิง ตัดสินใจหยิบก้อนศิลา ซึ่งกำลังเปล่งแสงเรืองรองสีขาวสลับดำออกมาจากกลางกล่องถือไว้ในมือ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายที่มุมปาก "เพ้ย! แบบนี้ขี้โกงกันนี่หวงหลง! ท่านจะเอาศิลาเทวะธาตุลูกนั้นออกมาใช้ไม่ได้นะ!" เสียงคัดค้านของมหาเทพชิงหลงดังขึ้นทันที หล...
Comments