ด้วยอารมณ์โทสะที่ท่วมท้นภายใต้ความหื่นกระหายที่คืบคลานเข้ามาอย่างไร้เหตุผล มันได้ปลุกสัญชาตญาณนักล่า ให้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง หลังจากหลับใหลไปนานแสนนาน ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในครานั้น แม้ว่าความรู้สึกส่วนลึกภายในใจกำลังขัดแย้งกัน แต่สุดท้ายแล้วเซทท์ก็เลือกที่จะลิ้มรสน้ำชาไทย อยากรู้นักว่ารสชาตินั้นจะเป็นเช่นไรกัน ชายหนุ่มตึงแขนสองข้างไว้ด้วยแววตาแสนจะเย็นชา ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้"จ...จะ นายกำลังจะทำอะไรนะ!" ชาไทยรับรู้ได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตน สองเท้าค่อยขยับหนีอย่างเชื่องช้า"เดี๋ยวก็รู้" เสียงกระซิบอันแผ่วเบาทำให้หัวใจดวงนี้หวาดหวั่นอย่างไม่เคยเป็น ก่อนที่ร่างอันบางเบาจะถูกผู้เป็นนายอุ้มด้วยแขนแกร่งแววตาคู่น้อยเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง ที่จู่ๆตัวเองก็ถูกพาดกับไหล่กว้างได้อย่างง่ายดาย "คุณเซทท์ ปล่อยผมเถอะ!คุณจะทำอะไรกันแน่..." น้ำเสียงที่สั่นเครือราวกับลูกนก ไม่อาจจะยับยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีนี้ได้เลย ตุ๊บ!!ร่างบางถูกโยนลงบนเตียงนุ่มด้วยแรงอันหนักหน่วง รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่นหลังของตน"อะไรวะเนี่ย..." น้ำเสียงเบ่งออกมาเมื่อร่างกายถูกกะแทรกกั
อากาศยามเช้าที่สดใส หลังจากที่ผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนระหว่างเขาทั้งคู่ เซทท์ผู้ซึ่งเสร็จกิจสมดั่งใจหมายปอง กลับทิ้งผมไว้ให้นอนเดียวดายภายในห้องนอน เสมือนว่าเรื่องราวระหว่างเราในคืนนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น "อีกสองสามวัน นายถึงจะกลับไปทำงานได้" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล พร้อมรอยยิ้มกว้างถึงตาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบหุบยิ้มลงทันที เมื่อสัมผัสได้ว่าในห้องนั้นไม่ได้แค่พวกเขาสองคน "มองอะไร ไปได้แล้ว" เสียงสูงที่ส่อพิรุธมากขึ้นทำให้อีกคนยิ่งสงสัยว่าพลาดเรื่องราวอะไรไป "ครับนาย เชอะ! ต้องมีอะไรแน่นอน" กวินเหลือบมามองชาไทยก่อนยิ้มแป้นให้เขาอย่างสดใส ประตูปิดลง เหมือนยกภูเขาออกจากอก "เฮ่อ..." เสียงถอนหายใจดังขึ้น ก่อนที่สายตาจะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ในใจ ว่าตนต้องหลบหนีออกไปที่นี่ก่อนฟ้าจะมืดเมื่อได้โอกาสเขาก็ตรงดิ่งไปยังประตูที่อยู่เบื้องหน้าตนเพียงไม่กี่ก้าว รอยยิ้มสดใสฝุดขึ้นมา ดวงด้วยความสุขท่วมท้น เมื่อคิดว่าตนได้เป็นอิสระจากเขา มโนภาพถึงการเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่า หนีออกไปจากวงจรอันโหดร้าย จากผู้ที่ขึ้นชื่อ ว่าเป็นคู่หมั้นตน แม้ว่าจะเสียทั้งตัวและเวลาไป แต่ก็ยัง
ทางด้านคฤหาสน์หลังใหญ่ มีลูกน้องมากหน้าหลายตาต่างยืนเฝ้ายาม ที่น่าตระหนกตกใจยิ่งไปกว่านั้น คือพวกเขาเหล่านั้น ต่างเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ใครกันนะที่มีอิทธิพลกับเหล่าตำรวจได้ถึงเพียงนี้ "เป็นไงครับ คุณนักสืบพอใจไหม" น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วสงบเยือกเย็น เผยให้เห็นบุรุษผู้นั้นที่สวมชุดสูตรสีแดงสด ราวกับเลือด "จะมีใคร ที่รู้ใจผมดีเท่ากับคุณหลุยได้อีกละครับ ฮ่าฮ่า" เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้น เมื่อเขาสำรวจเงินในกระเป๋า พร้อมปิดมันลงต่อหน้าผู้ที่ฉีกยิ้มตรงมุมปากอย่างเอือมระอา ก่อนจะปิดกระเป๋าลง พร้อมลุกขึ้นยืน ก้มหัวเล็กน้อย"จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน" นักสืบผู้นั้นพูดขึ้นก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง"ถุ้ย!! พวกหมารับใช้ แค่ใช้เงินนิดหน่อย ก็เชื่องซะไม่มี น่าเบื่อ.." หลุยพูดขึ้นก่อนจะเอนพิงตนบนโซฟาหรู ด้วยความเหนื่อยหน่าย "คุณหลุยครับ ที่ให้ผมสืบได้เรื่องแล้วครับ" ลูกน้องคนสนิทยื่นซองสีน้ำตาลให้เขา ภายในมีภาพถ่ายมากมาย "ฉันหาจุดอ่อนแกเจอแล้ว..." ก่อนจะวางภาพถ่ายของชาไทยลงบนโต๊ะ เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างมีเลคนัย หลุยได้ย้อนนึกภาพในอดีตที่แสนจะเจ็บปวด เมื่อตนสูญเสียแม่อันเป็นที่รัก อีกท
ศาลาสีขาวดูสะอาดตาที่ตั้งสง่าใกล้ริมแม่น้ำ เสียงเรือแล่นผ่านไปมา แต่กลับไม่ส่งผลต่อผู้ที่นั่งเหม่อลอย แหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ ภายในใจนั้นคงล่องลอยไปไกล สุดห้วงคำนึงถึงเหตุการณ์ร้ายที่ตนพบเจอ แม้ว่าการกระทำทั้งหมดคือความจริงใจที่ตนมอบให้ แต่เหมือนว่า เขาผู้นั้นไม่เคยจดจำตนเองได้เลย แม้สักเสี้ยววินาทีเดียว"โอ๊ย!! " เสียงเด็กน้อย ใบหน้าขาวผ่อง ราวกับเด็กผู้หญิงบวกกับผมที่ยาวประบ่า ทำให้ผู้ที่พบเจอต่างคิดว่า เขาคือ เด็กผู้หญิง ล้อรถจักรยานยังคงหมุนติ้วๆ พร้อมเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเด็กอื่นๆ ที่ไม่ชอบตน "สมน้ำหน้า! ฮ่าฮ่า " กลุ่มเด็กรีบปั่นจักรยานออกไป ทิ้งไว้เพียงเขาที่ก้มมองบาดแผลตรงฝ่ามือ "เลือดออก ต้องห้ามเลือดไว้ก่อน..." เด็กหนุ่มที่ดูโตกว่าเขามาก ปฐมพยาบาลบาดแผลด้วยการนำผ้าเช็ดหน้าสีดำของตน มาห้ามเลือดให้เขา ภายใต้ความเงียบสงบของทั้งคู่"ขอบคุณฮ่ะพี่..." เด็กน้อยหน้าจิ้มลิ้ม พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม สายตายังคงจ้องมองเด็กชายที่ทำแผลให้ตน ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ "........""นี้ฮะผ้าเช็ดหน้าของผม...แลกกันนะ"รอยยิ้มที่สดใส พร้อมแววตาไร้เดียงสา ทำเอาเด็กชายตะลึงอยู
บรรยากาศที่แสนจะตึงเครียดไปเสียหมด มีเพียงเซทท์ยังคงเดินวนเวียนไปมาด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย เพราะกังวลว่าหากทำการล่าช้าไปมากกว่านี้ คนที่จะเสียใจไปตลอดชีวิต ก็คือเขา แม้จะไม่มีแผนการใดๆ ต่อให้ต้องแลกมาด้วยชีวิต เขาก็จะไม่ยอมให้ชาไทยเป็นอันตรายไปมากกว่านี้แน่ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นพรวดออกไป ทำเอากวิน และกายวิทย์ตกตะลึงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อน ก่อนจะรีบช่วยกันฉุดรั้งเขาไว้ได้ทันท่วงที"ปล่อยซิวะ ฉันจะไปช่วยชาไทย" เขาตะโกนออกมาด้วยอารมณ์ที่ปะทุราวกับดอกไม้ไฟ ที่กระจัดกระจายอย่างไร้ทิศทางเกินจะควบคุม เมื่อพบว่าช่วงขาตนนั้นถูกรวบรัดไว้ด้วยสองแขนของเจ้ากวิน เพื่อนเจ้าเล่ห์ของตน"ใจเย็นๆ ก่อนสิเพื่อน พวกเราจะบุ่มบ่ามไม่ได้ เกิดนายเป็นอะไรอีกคน ฉันจะทำอย่างไร " กวินพูดด้วยเหตุผล เพียงหวังเพื่อนรักจะรับฟังและสงบสติลงสักหน่อย"ใช่ๆ กวินมันพูดถูก เกิดนายเป็นอะไรไป แล้วฉันจะอยู่อย่างไง" กายวิทย์เสริมทันที หากพี่เชนไม่โทรหาตน ป่านี้ตนคงไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเซทท์ แม้จะรู้ว่าตนไม่สามารถเป็นคนในใจของเขาได้เลยก็ตาม"อั้ยนี่...ยังไม่หยุดคิดเกินเพื่อนอีกนะ เดี๋ยวจบเรื่อง นายเป็นคนต่อไป" ก
ความกว้างของคฤหาสน์บวกกับห้องมากมายที่สลับซับซ้อน ทำให้เซทท์ต้องเสียเวลาเดินสำรวจเพื่อค้นหาชาไทย อีกทั้งลูกน้องที่แน่นหนาคอยเดินล่าตระเวน ยามวิกาลเช่นนี้ก็ยังมิวายมีลูกร้องยืนเฝ้าอีกแม้ว่าเซทท์จะแอบซุ่มโจมตีปิดจ๊อบไปบ้างแล้ว แต่คนนับสิบทำให้เขาเสียเวลาเข้าไปอีก ทางด้านหลุยเองก็เริ่มจะระแคะระคายใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ทว่าเขายิ้มตรงมุมปากเพียงเล็กน้อยอย่างมีเลขนัย"นายเอาไปหมอนั่นมา แล้วตามฉันไปห้องใต้ดิน""ครับนาย" ก่อนที่เขาจะเดินลงไปทำยังห้องใต้ดินที่กว้างขวางพอสมควร "มึงต้องตายทั้งเป็น เหมือนที่ฉันต้องเจอ อั้ยเซทท์!!.."หลุยพูดขึ้น ฉายแววตาดุดันดั่งเปลวเพลิง ทุกครั้งที่ตนนึกถึงอดีต อดีตที่แสนจะเจ็บปวด ยิ่งเวลานานเท่าไหร่ยิ่งฝังลึกลงไปในใจเท่านั้น ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงภาพเด็กน้อยวัยเพียง 7 ขวบ กำลังโอบกอดเอกสารสำคัญที่ได้จากผู้เป็นแม่ ผู้ซึ่งนอนซมด้วยพิษไข้ และโรคร้ายภายในบ้านเช่าเล็กๆ เขาวิ่งตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ตนคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี เพียงหวังว่าสิ่งนี้ที่ได้รับมอบหมายมาสามารถช่วยชีวิตแม่ของตนได้ เท้าเล็กๆยังคงย้ำเท้าสุดกำลัง มุ่งหน้าไปตามถนนเปลี่ยวๆ ไร้เสียงสว่าง
"ทำไม นาญา ทำไมทำกับพี่แบบนี้ ฮ่ะ! ฮื้อๆ..อยู่ใกล้แค่นี้เอง ทำไม? ฉันมันโง่เอง นาญา ตื่นขึ้นมาพูดกับพี่ก่อนสิ นาญา อึก..ฮื้อฮื้อ พี่ขอโทษ... พี่ขอโทษ...ฮื้อๆๆ""ไม่ใช่ความผิดของนายหรอกอาทิตย์ " เวลานี้เก่งทำได้เพียงปลอบโยนเพื่อนรักด้วยคำพูดเท่านั้น ก่อนหันกลับไปมองเด็กน้อยที่นั่งก้มหน้า แม้น้ำตาจะไหลอาบแก้มมากเพียงใด แต่ที่กลับไร้เสียงสะอื้นออกมาให้ใครได้ยิน"มาเถอะหนูน้อย..อาเลี้ยงดูนายเองนะ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน" เก่งโอบกอดเด็กน้อยด้วยความสงสารอย่างสุดใจ ไม่รู้เลยว่าภายในของเด็กน้อยตอนนี้มีแต่บาดแผล และความขุ่นเคืองใจ ต่ออาทิตย์ เพื่อนรักของตนเอง มันเริ่มก่อตัวเป็นแค้นที่ฝังลึกลงไปเสียแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขา ก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลพิทักษ์เมฆาโดยปริยาย ภายใต้การเลี้ยงดูของอาทิตย์ พ่อที่ทิ้งเขาและแม่ไปใช้ชีวิตที่สุขสบาย พร้อมพี่ชายอีกสามคน ต่างจากเขาและแม่ที่ถูกทิ้งให้ลำบากตรากตรำ แต่เพียงลำพัง หากอาทิตย์รับผิดชอบครอบครัวเขาสักนิด แม่ก็คงไม่มาตายแบบนี้ หากวันนั้นไม่มีงานวันเกิดของเซทท์เกิดขึ้น หากเขาให้ความสำคัญกับตนสักนิด ก็คงมาทันเวลา แม่
"อั้ยวิน!!""เรียกพี่สิครับ เดียวตีเลย""รนหาที่ตายนักนะ!." น้ำเสียงดุดันตะโกนออกไป เปลวไฟปะทุขึ้นภายในใจ เมื่อหลุยพบว่าชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ใช่ชาไทย แต่กับกลายเป็น 'กวิน' ชายหนุ่มเพียงผู้เดียวที่กล้ากวนประสาทตนได้ถึงเพียงนี้"ฮ่าฮ่า...ทำไงได้ละ มันไม่มีทางเลือกนะ" ชายหนุ่มยิ้มจนตาปิด เพื่อแก้เขิน และกวนโอ๊ยชายหนุ่มตรงหน้า"สถานการณ์เช่นนี้ ยังคิดจะมาตลกอีก ช่างรนหาที่ตายชัดๆ" หลุยขบกรามแน่น "พี่ว่าเราคุยดีดีกันได้นะ อย่างไรพี่ก็เป็นเพื่อนพี่ชายเรานะ ฮึ!" กวินทำสีหน้าอ้อนวอน "ดี!!!" หลุยทำสัญญาณให้ลูกน้องปิดจ๊อบเขาซะ"เด็กดื้อ!!! อุ๊บ.." ชายหนุ่มตะโกนออกไปอย่างเผลอตัว "ผมอยู่นี่!! " ชาไทยปรากฏตัวขึ้น ชายหนุ่มเดินออกมาจากด้านหลังของผู้เป็นพ่อ สวมเสื้อยืดสีขาว และกางเกงยีน ไม่ทันระวังตัว ใครบางคนวิ่งเข้ามาตน พร้อมรอยยิ้มกว้างจนแก้มปริ ก่อน กระชากร่างสูงเพรียวมาโอบกอดไว้ ด้วยความคลั่งรักเมียตนเอง โดยไม่แคร์สายตาทุกคู่ ที่จับจองมายังเขาทั้งสอง ก็คนมันรัก เกินจะหักห้ามใจได้อีกต่อไป"อะไรของคุณเซทท์ ผมยังไม่หายโกรธเลยนะ""พี่ยอมให้ลงโทษทั้งตัว และใจเลยครับ..." เซทท์กระซิบเบาๆ อย่างกับเด็กน
วาเลนไทน์...ผมเซทท์ ผู้ที่ใครต่างก็คิดว่า ผมเป็นคนเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล และไร้หัวใจ เอาจริงๆ มันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง ผมออกจะเชื่อฟัง น่ารักน่าเอ็นดู อีกทั้งยังน่าสงสาร ไม่เชื่อก็ลองถามสุดที่รักของผมดูสิครับ!เอาล่ะ! เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้เป็นวันครบรอบสามปีของเรา ซึ่งตรงกับวันแห่งความรักซะด้วย ใครหลายคน ก็คงต่างคาดหวังว่าจะได้รับของขวัญจากคนรัก แบบว่า..'โรแมนติก' ซึ่งไม่ใช่คนผมอย่างแน่นอน เพราะผมเกลียดอะไรทำนองนี้..."คิดอะไรอยู่?" มือบางโอบร่างสูงโปร่งเอาไว้อย่างทะนุถนอม "เปล่า ทำไมเลิกงานเร็วจัง?" น้ำเสียงนิ่งเฉยแต่แฝงด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้อีกคนเลิกคิ้วสูงขึ้น "เป็นอะไรหรือเปล่า?" "เปล่า?""วันนี้เตรียมอะไรให้กินเหรอ..." นับวันผมยิ่งกลายเป็นพ่อบ้าน เพราะถูกสั่งกักบริเวณ สามเดือน ข้อหา 'ไล่พนักงานอย่างไร้เหตุผล' แน่นอนครับ ผมเป็นคนรักเมีย ก็ต้องเชื่อฟังเมียเป็นธรรมดา โคตรมีความสุขอย่างที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อน "ลืมอะไรไหม?...วันนี้ไม่มีมื้อเย็นเหรอครับ!" มือเรียวคลายออกด้วยความสงสัย แต่ยังคงเผยยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยอย่างมีเลคนัยเจ้าตัวเล็กชอบเอาแต่ใจมีเรื่องมาให้ผมตื
ผม ชาไทย หลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งงานของเรา ช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของเราทั้งคู่ ถึงจะวุ่นวายไปหน่อย เนื่องจากทีมงานในห้องครัว จัดการแสดงชุดใหญ่ในครานั้น เป็นฉากที่ทุกคนต่างสนุกสนานไปกับการเต้นรำ แต่ทว่ามีใครบางคนพัดตกลงไปในสระน้ำ ช่างสร้างความประทับใจให้ผมยิ่งนัก เพราะเสียงเฮฮา หัวเราะ และรอยยิ้มของชื่นชมยินดี มันยังคงดังก้องอยู่ภายในความทรงจำของเราต้องขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าเชฟคนใหม่ คือ เชฟเชียมป์ ผู้สุขุม ละเอียดรอบคอบ เขาได้คว้ารางวัล หัวหน้าเชฟชั้นเยี่ยมในประเทศ มาฝากให้กับโรงแรม ไม่เสียแรงที่เขามาทำหน้าที่แทนเชฟหวัง ซึ่งตอนนี้นอนกินข้าวแดงอยู่ในคุก ด้วยข้อหายักยอกเงินนับล้าน สร้างความเสียหายให้โรงแรมนับสิบสถานที่ ช่างใช้พรสวรรค์ที่ผิดวิธีสิ้นดี ทุกคนยังคงทำหน้าที่เหมือนเช่นทุกวัน และเขาเองก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป "เลขา""ค่ะ ท่านประธาน""ไล่พนักงานเสิร์ฟอาหารออกไปซะ!!""ข้อหาค่ะท่าน""แอบมองผม""เอ๊ะ!!!""ล้อเล่น...ก็คนมันหล่ออะ เน๊าะ ช่วยไม่ได้จริงๆ "ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างสุขใจ พร้อมมองแหวนสีเงินที่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยแววตาเปล่งประกาย ทำให้เลขาสาวอด
~กวิน~บางเรื่องราวที่ดี เราควรเก็บมันไว้ในใจ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปนานเพียงใด ก็ยังเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนมันออกไปจากใจ ได้เลยสักคราเมื่อ 10 ปีก่อนยามเช้าที่สดใส ท้องฟ้าเป็นสีคราม แสงอาทิตย์ที่อบอุ่น เป็นอีกวันที่ผมต้องไปรับเพื่อนชาย ตัวแสบ ที่เอาแต่ใจจนเกินจะเยียวยา หน้าที่ของผม คือคอยเคียงข้างกันและกัน ตามสัญญาที่ให้ไว้ ในฐานะเพื่อนสนิท"สวัสดีครับคุณท่าน" ผมพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยใจที่เคารพยิ่ง เพราะท่านผมถึงได้เรียนโรงเรียนดัง ถึงผมจะเป็นเด็กกำพร้า แม้จะมีย่าคอยดูแลเพียงผู้เดียว แต่คุณอาทิตย์ ก็ไม่เคยแสดงท่าทีดูแคลนผมเลยสักครั้ง "มาทานอาหารเช้าด้วยกันสิ" เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ขอบคุณมากครับ แต่ผมทานมาแล้วครับท่าน" "ไม่เป็นไรๆ ไว้คราวหน้าละกัน" เขายิ้มกว้างให้ผม"เซทท์ลงมาหรือยังครับ""มาแล้วน่ะ สงสัยแอบไปกินข้าวในครัวอีกแล้ว" "จริงๆ เลยเพื่อนคนนี้ ขอตัวก่อนครับท่าน""อืมๆ อ๋อ...ไปซะ ยังไม่ได้แนะนำน้องชายของเซทท์เลย" เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะทานอาหารเช้าแต่เพียงลำพัง กวินมุ่งตรงไปยังห้องครัวด้านหลังบ้าน แต่ทว่าสายตาไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่พุ่มไม้ ในสวน ชายหนุ่มไม่ร
ชาไทยลืมตาตื่นด้วยความอ่อนเพลีย รู้สึกระบมไปทั้งตัว แม้ตนจะขอร้องอ้อนวอนเพียงใด ก็ไร้ประโยชน์ ไม่รู้เขาผู้นี้ไปเอาเรี่ยวแรงกำลังภายใน มาจากไหนกัน ถึงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ ทั้งที่ตนแทบจะสลบลงไปเสียให้ได้ ชายหนุ่มประคับประคองตนเอง มุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ด้วยร่างที่เปลือยเปล่า เห็นได้ชัดถึงรอยประทับความใคร่ที่แดงก่ำ ไปทั่วร่างกาย โดยริมฝีปากหนาของเขาผู้นั้น คงเป็นเพราะอยากแสดงความเป็นจ้าวข้าวเจ้าของหรือไง เสียงน้ำดังขึ้นนานนับชั่วโมง ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวออกมา ด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวบริสุทธิ์ "ต้องรีบกลับบ้าน ก่อนที่เขาจะกลับมา" น้ำเสียงแผ่วเบาได้เปล่งออกมา ภายใต้ความรู้สึกเหนื่อยหน่าย ชายหนุ่มสวมใส่เสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้อย่างประณีต"รู้ใจเหมือนกันนิ" ชายหนุ่มยิ้มย่อง พลันสายตาสะดุดเข้ากับซองเอกสารสีน้ำตาล ที่ตั้งบนโต๊ะทำงานของผู้ที่กระทำตนเอง ความอยากรู้อยากเห็นมันทำให้ตนเปิดดูทันที แววตาเบิกโตด้วยความตกตะลึง เมื่อพบว่ามันคือ เอกสารการถอนหมั้น ที่จัดเตรียมไว้ให้ทนายดำเนินการ"เขายอมทิ้งโรงแรม เพื่อจะถอนหมั้นเราเลยเหรอ" น้ำใสเริ่มเอ่อล้นออกมาด้วยความทุกข์ระทม ราวกับโดนมีดนับร้อย
~เซทท์~สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...ภายใต้จิตใจที่หยาบกระด้างอย่างผม ไม่คิดเลยว่า การรอคอยใครสักคน มันช่างทรมานใจมากถึงเพียงนี้ ห้องทำงาน"เซทท์ เข้ามาซิ!"ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นในขณะที่ตนเหลือบมองลูกชาย วัย 12 ปี ที่ยืนเก้ๆ กังๆ คลายเหมือนมีอะไรขับข้องใจ"พ่อครับ ทำอย่างไร? ผมถึงจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่ชอบครับ""....." ไร้ซึ่งคำตอบ พ่อลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่าง จดจ้องไปยังเบื้องล่างที่สนามหญ้าหน้าบ้าน มองเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ด้วยแววตาเอ็นดู ที่เล่นสนุกสนานกับสุนัขตัวโปรดของตน ภายใต้การดูแลของนายเก่ง ที่เป็นทั้งคนขับรถและเพื่อนรักของตน ภายในใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิม"พ่อครับ""หยุดคิดเรื่องเหลวไหลไร้สาระได้แล้ว ไปเรียนพิเศษซะ" "......" เด็กน้อยมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใส เพราะเป็นเช่นนี้กับตนทุกครั้ง น้ำเสียงเย็นชา ไร้ความรู้สึกนั้น เปรียบเสมือนลูกศรที่ถูกยิงปักตรงกลางใจครั้งแล้วครั้งเล่า โดยผู้ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นพ่อ ชีวิตของผมถูกขีดเส้นใต้ไว้เสมอว่า ทุกอย่างรอบตัวต้อง เพอเฟ๊ค ไม่มีตำหนิ ข้อบกพร่องใดที่สร้างความอับอายให้แก่ วงค์ตระกูล หรือหากเส
"เกลียดผมนัก ก็อย่ามาเจอหน้ากันสิครับ" แววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใส บ่งบอกถึงความทรมานที่ต้องเอ่ยคำนี้ออกมา "นายคิดว่าฉันอยากเจอนายนักหรือไง? ดูสภาพตัวเองซะบ้าง!!" ทำไมยิ่งพูดเขาถึงทรมานหัวใจเช่นนี้ พูดเพื่ออะไรกันเซทท์"ครับ ผมรู้ดีว่าผมมีสภาพเป็นอย่างไร? งั้นท่านประธาน ช่วยเซ็นใบรับผลการฝึกงานให้ผมหน่อยนะ ผมจะได้ไปจากที่นี่ไม่ต้องเจอกันอีก ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีครับท่านประธาน" แววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใสแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่แสนเย็นชา ในทันที หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ชาไทยเร่งฝีเท้าออกจากลิฟต์ไป หากเขาพินหลังกลับมามองสักนิด คงจะได้เห็นสีหน้าของเขาผู้นั้น ที่ซีดเผือดเพราะสิ่งที่ตนหวาดกลัวที่สุดมันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว "โธ่โว้ย...!!" ชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง ก่อนที่ตนจะย่างก้าวออกจากลิฟต์มุ่งตรงไปยังชาไทย ที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมองกลับมา ความคิดไม่ดีได้เริ่มก่อตัวขึ้น อีกมันเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตนดื่ม ความรุ่มร้อนดั่งเปลวเพลิงเริ่มลุกโชนอย่างต่อเนื่อง เกินจะยับยั้งชั่งใจได้อีกต่อไป"มานี่!"น้ำเสียงดุดันทำให้อีกคนพินหลังกลับมาด้วยความตกใจ "ฮ๊ะ!" ยังไม่ทันที่ตนจะระ
"เช็ดให้สะอาด ย้ำว่าทุกชิ้น ไม่อย่างนั้นนายฝึกงานไม่ผ่าน เชอะ!! งานแค่นี้ ไม่ระคายเคืองขนหน้าเข่งหรอกครับ" ผู้ที่กำลังบ่นไปทำงานไปอย่างชาไทย ไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งกำลังตรงดิ่งมายังตน"อ๊ะ แฮ็ม!""ไม่ได้พูดอะไรเลยคุณเซทท์..." ชาไทยอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทำเอาบุคคลหนึ่งหัวเราะขึ้นมา ด้วยความเอ็นดู"ฮ่าฮ่าฮ่า ขวัญอ่อนเหมือนเดิมนะเรา" น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ชาไทยพินหลังมองไปยังที่มา"พี่เชน!!!" ชายหนุ่มกระโดดกอดเขาผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆ ของตน ด้วยความคิดถึง นานเท่าไหร่แล้วที่เขาทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน..."คิดถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ฮึ!""ที่สุดเลยครับ" แววตาพร้อมสีหน้าที่ออดอ้อนของชาไทยทำเอา เชน พิทักษ์เมฆา ยิ้มกว้างอย่างจนตาปิด เด็กน้อยในวันนั้นกลายเป็นหนุ่มน้อยในวันนี้เสียแล้ว หากเซทท์รู้จะเป็นอย่างไร เรื่องมันคงง่ายขึ้นกว่าตอนนี้ไหม"โดนทำโทษอยู่หรือไง นักศึกษา" คำแซวที่เอ่ยขึ้นทำให้คนฟังหลบยิ้มลงทันที"ไม่ใช่ซะหน่อย โดนแกล้งมากกว่า เห็นทีพี่เชนต้องออกโรง เพื่อปกป้องน้องชายคนนี้แล้วละครับ" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชาไทยทำเอาเชนส่ายหน้าเพราะความกะล่อนของหนุ่มน้อยผู้นี้เสียจริง"มันแน่อยู่แ
ค่ำคืนที่เงียบสงบ บนท้องถนนมีผู้คนสัญจรอันน้อยนิด แสงไฟสลัวที่ส่องแสงสว่าง ให้มองเห็นเส้นทางข้างหน้า หากแต่ว่าบรรยากาศช่างครึ้มฟ้าครึ้มฝนช่างเป็นใจ ในยามนี้ชายหนุ่มยังคงเดินทางเท้าอยู่เพียงลำพัง ด้วยท่าทีที่เหม่อเลย เพราะใจนั้นไม่อยู่กลับเนื้อกลับตัวเสียแล้ว ทั้งที่ไมากี่ย่างก้าวก็จะถึงบ้าน ยังดีที่ยังพอมีสติรับรู้ได้ว่าเบื้องหน้าตน คือบ้านตนเอง บ้านในอดีตที่เคยอยู่พร้อมหน้ากันอย่างอบอุ่น ประตูรั้วถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ชาไทยเดินตรงดิ่งเข้าบ้าน โดยที่ไม่ทันได้ปิดประตูรั้วให้เรียบร้อย หากชายหนุ่มลองหันกลับไปมองด้านหลังสักนิด จะพบว่าผู้เป็นพ่อกำลังยืนมองตน ด้วยแววตาที่เป็นห่วง "กลับมาแล้วครับ" น้ำเสียงเอ่ยขึ้นเพียงแผ่วเบา ไม่ทันสนใจสายตาคู่หนึ่งที่เป็นกังวลใจ มองลูกชายที่เดินเข้าห้องไป อย่างคนไร้สติ "ย..ยังไม่ทานข้าวเลย เฮ่อ..." พ่อเก่งรีบนั่งลงอย่างช้าๆ ก่อนจะครุ่นคิดอะไรในใจ สายตามองไปนอกบ้าน ประตูรั้วที่เปิดอ้าไว้ ทำให้ตนลุกขึ้นเดินไปปิดมัน แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีรถที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีแล่นผ่านไป"เฮ่อ!...เราทำเกินไปหรือเปล่านะ?" พ่อเก่งบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ แววตาแปรเปลี่ยน
ชาไทยกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไร้ซึ่งวี่แววผู้เข้าพัก สายลมที่พัดผ่านเข้ามาทางระเบียงห้อง เผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยของใครบางคน กำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้า ชายหนุ่มยิ้มร่าออกมาอย่างลืมตัว รีบเร่งฝีเท้าแต่ทว่ากลับโดนโอบกอดไว้จากด้านหลัง ใบหน้าเรียวยาวของใครผู้หนึ่งที่ตนไม่คุ้นเคย เงาของผู้นั้นสะท้อนผ่านประตูกระจกดำ หน้าระเบียงที่มองเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง เหตุใดเชฟเชียมป์ถึงกระทำเช่นนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ตนหวาดหวั่นใจยิ่งกว่า คือ ร่างสูงโปร่ง ที่ยืนสง่าผ่าเผย เลิกคิ้วสูง ยืนกอดอกครุ่นคิดอะไรในใจ มองมาด้วยสายตาที่แสนเย็นชานั้นคาดเดาได้ว่า เขาผู้นั้นกำลังด่าทอตนเองเป็นแน่"ขอโทษ พี่กลัวว่านายไม่เป็นอะไร" เสียงที่คุ้นหู เรียกสติชายหนุ่มให้กลับคืน ก่อนที่ตนจะรีบสลัดแขนหนาของเขาผู้นั้นออก "พี่หมายถึงอะไรครับ?" น้ำเสียงสั่นเคลือ ของชาไทยทำเอาชายหนุ่มใจหายขึ้นมา เพราะตนได้แสดงความรู้สึกเกินสถานะของตน มันเกิดจากความโลภครอบครองเขาผู้นี้ แววตาชายหนุ่มเหลือบมองไปยังผู้ยืนตรงระเบียงห้อง เขารับรู้ได้ว่า แววตาคู่นั้นขุ่นเคืองใจมากแค่ไหน แต่ตนเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เพราะรู