เซย์—อีนิกม่าผู้มีพลังเปลี่ยนโชคชะตา ไคลน์—เจ้าชายผู้เคยยิ่งใหญ่...จนวันที่เขาพ่ายต่อสัมผัสจากคนที่ควรต่ำต้อยกว่า รักครั้งนี้จะไม่หยุดแค่ “การล่า” แต่มันจะเขียนกฎใหม่ให้ทั้งโลกต้องคุกเข่า
Lihat lebih banyakราชสภา กลางวัน เสียงก้องภายในหอประชุมกดดันยิ่งกว่าลมพายุ เสียงกระซิบกระซาบมากมายดังอยู่ทั่วห้อง ไม่มีใครนั่งนิ่ง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทุกสิ่งกำลังเปลี่ยนไป “ราชาอัลฟ่าสิ้นพระแล้วจริงเหรอ?” “ว่าแต่ องค์ชายไคลน์ ยังมีชีวิตอยู่จริงรึเปล่า?” “บุตรของพระชายาจะขึ้นนั่งบัลลังก์?” ผ่านไปหนึ่งปี เซย์กับไคลน์เร้นกายซ่อนตัวจากโลกภายนอกเพิ่มรวบรวมกำลังที่จะทำศึกครั้งใหญ่ ค่ำคืนหนึ่งในปลายฤดูใบไม้ผลิ ภายในห้องนอนที่เรียบง่าย กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้แห้งลอยตลบอยู่กลางอากาศ แสงจากตะเกียงน้ำมันสะท้อนบนผิวเนียนของคนสองคนที่นอนแนบกันใต้ผ้าห่มสีอุ่น เซย์ซุกหน้าลงกับแผงอกของไคลน์ ฟังเสียงหัวใจเต้นสม่ำเสมอของอีกฝ่าย แขนของไคลน์โอบรัดเขาไว้ราวกับกลัวจะหลุดหาย “เจ้าหลับแล้วหรือยัง” เซย์กระซิบเสียงนุ่ม “…ยัง” เสียงตอบกลับอู้อี้ แต่มีรอยยิ้มปนอยู่ เซย์เลื่อนนิ้วขึ้นมาวาดวนบนอกไคลน์เป็นวงกลมเล็ก ๆ ก่อนจะพูดเสียงเบาแต่เจือจงใจ “เจ้าเคยบอกว่า อยากมีลูกอีกคน…ถ้าโลกปลอดภัยพอ” ไคลน์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะชันกายลุกขึ้นนั่งมองทารกน้อยที่นอนหลับอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ข้างเขา ก่อนจะหันไปมองคนที
สายลมในรุ่งเช้าพัดปะทะร่างกายของไคลน์ที่นอนหลับอยู่บนเตียง ไคลน์ตื่นจากนิทรา เส้นผมเปียกชื้นเพราะเหงื่อ แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะฮีท...แต่เพราะฝันร้าย เขาตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่เขาไม่เคยรู้จัก “ข้าจะปกป้องท่านไม่วางอะไรจะเกิดขึ้น” เซย์พูดไว้เมื่อคืน ขณะโอบเขาไว้ในอ้อมแขน และไคลน์...เชื่อทุกคำของเขา ห้องบัญชาการลับของคาลิกซ์ “ทุกอย่างพร้อม” “ทหารจะบุกวังเก่าเวลาค่ำ…ทำเหมือนเป็นการ 'กวาดล้างกบฏกลุ่มลัทธิอีนิกม่า'” คาลิกซ์ยกยิ้ม “และเมื่อองค์รัชทายาท...บังเอิญอยู่ในนั้น” ขุนนางข้างกายกลืนน้ำลาย “ท่านแน่ใจหรือไม่ ว่าจะไม่มีใครรอด?” “ไม่จำเป็นต้องไม่มีใครรอด” “และต้องไม่มีใคร ‘กล้าพูดชื่อของไคลน์’ อีกต่อไป” พระราชวังลับกลางป่า ไคลน์ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินไปโอบกอดไคลน์จากด้านหลัง เซย์ถือแผนที่เมืองในมือก่อนจะวางมันลงโต๊ะ เขาวางหมุดเล็ก ๆ ไว้ตรง "ประตูใต้ดินฝั่งตะวันตก" “ถ้าหากข้าตายที่นี่...คือทางหนีสุดท้าย ถ้าทุกอย่างผิดพลาด เจ้าจะพาลูกของเราหนีไปทางนี้” ไคลน์ตวัดมือปัดแผนที่ “ไม่ ข้าไม่หนีอีกแล้ว” เซย์เงียบครู่หนึ่ง ก่อนกลับตัวมากอดไคลน์ “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ไคลน์” ไ
ภายในห้องประชุมชั้นสูงของราชสภา อากาศเย็นจัดกว่าทุกวัน คาลิกซ์นั่งนิ่งอยู่หัวโต๊ะ ชายหนุ่มผู้สง่างาม วางท่าทรงพลังในชุดคลุมอัลฟ่าสีดำล้วน ปักสัญลักษณ์พิเศษที่แปลกตา...เพราะมันไม่เคยมีในเครื่องแบบของราชวงศ์มาก่อน มันคือ "ตราสภาเงา" — กลุ่มขุนนางหัวรุนแรงที่เริ่มเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน “ข่าวลือกระจายแล้ว…” “ข้าหวังว่า...สภาทุกคนจะพร้อมเลือกผู้นำที่ คู่ควรกับบัลลังก์โดยแท้จริง” ประโยคนั้นทิ้งไว้ในอากาศราวกับหมอกพิษ ขุนนางบางคนเริ่มกระซิบ บางคนหลุบตา แต่ไม่มีใครกล้าพูดตรง ๆ คาลิกซ์เป็นบุตรของพระชายา แต่ทว่าไคลน์เป็นบุตรของพระราชินี แต่ทว่าไม่มีใครกล้ายืนยันว่า “ไคลน์” ยังเป็นอัลฟ่าอยู่ ตัดกลับมา ในวังส่วนตัวของไคลน์ ไคลน์นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้หน้าต่าง มือกำรายงานสภาแน่นพอ ๆ กับร่างกายที่ยังไม่หายร้อนจากอาการ “ฮีทที่ยังไม่จาง” เซย์ยืนอยู่ข้างหลัง เงียบ แต่จับตามองทุกอย่าง “เจ้าคิดว่าเขาจะทำอะไรต่อจากนี้” ไคลน์เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า เซย์ตอบนิ่ง ๆ “คาลิกซ์ไม่ใช่เด็กขี้อิจฉา เขาคือหมากตัวสำคัญของกลุ่มที่ไม่อยากเห็นโลกเปลี่ยน...และเจ้าคือภัยคุกคามที่เดินได้” “เ
กลิ่นกำยานราชสภาจางลงไปแล้ว แต่ในหัวของไคลน์ยังดังก้องอยู่ "เจ้าได้รับการคัดเลือกเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์แห่งอัลฟ่า..." "...โดยอำนาจสูงสุดจากสายเลือดและชัยชนะ" คำประกาศนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบสนิท ก่อนเสียงตบมือแผ่ว ๆ จะเริ่มขึ้นจากเหล่าขุนนางที่ไม่มีทางเลือก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ไคลน์หวั่นใจเท่ากับคนสนิทที่อยู่ตรงหน้า คาลิกซ์ ยืนอยู่อย่างสงบรอยยิ้มที่มุมปากคือความนิ่งเฉยของคนที่ ราวกับเขาไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิด ในคืนนั้น... ไฟในหัวใจไคลน์ปะทุอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ด้วยความดีใจจากตำแหน่ง ร่างกายเขากำลัง “ฮีท” ไม่ใช่เพียงความร้อนที่เคยรู้จักแต่เป็นไฟที่แผดเผาจากข้างใน กระตุ้นความโหยหาที่ไม่อาจควบคุมได้ ทั้งเหงื่อ ทั้งลมหายใจ ทั้งหัวใจที่เต้นรัว เขาทิ้งร่างลงบนเตียง เหงื่อไหลซึมทั่วแผ่นหลัง เสียงหอบพร่าก้องอยู่ในห้องบรรทม "ข้าไม่ใช่โอเมก้า...แต่ร่างกายข้ากำลังจะเผาข้าทั้งหมดเป็นเพราะเขา..." ประตูเปิดออก เซย์ก้าวเข้ามาเงียบ ๆ เหมือนรู้ว่านี่คือค่ำคืนที่ไคลน์ “จะเรียกหา” เขาไม่พูดอะไร แค่เดินมานั่งขอบเตียง สบตาคนที่ครั้งหนึ่งเคยแนบชิดกัน "เจ้ามาทำไม" "ถ้าข้าไม่มา เจ้าจะคลุ้มค
ภายในห้องบรรทมที่เงียบสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมเทียนที่สาดแสงสั่นไหวสะท้อนเงาอ่อนบนผนังหินเย็น ไคลน์ยืนพิงกรอบหน้าต่าง มือกำแน่น เขายังไม่อาจมองเซย์ตรง ๆ ได้ หลังจากร่างกายเริ่มแปรเปลี่ยนไปตามวิถีที่เขาไม่อาจควบคุม "เจ้ายังหนีไม่ได้สินะ เจ้าชายของข้า..." เสียงทุ้มนุ่มของเซย์ดังขึ้นจากด้านหลัง แผ่วเบาแต่ราวกับคมมีดที่กรีดกลางอกไคลน์ ฝ่ามือร้อนจัดของเซย์แตะลงบนต้นคอไคลน์ก่อนจะลูบลงช้า ๆ ตามแนวสันหลัง ความอ่อนไหวซ่อนอยู่ในทุกจังหวะสัมผัสนั้น ไม่รีบร้อน ไม่เร่งเร้า แต่ทำให้เจ้าชายที่เคยแข็งแกร่งสะดุดลมหายใจตัวเอง "ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงยอมให้ข้าเข้ามาได้ขนาดนี้" เซย์กระซิบ พลางกดจูบลงบนบ่าของเขา "แต่ข้าจะไม่ถอย" ไคลน์หันขวับมา ดวงตาสั่นไหว แววตาแข็งกร้าวที่เคยมีเหลือเพียงเปลวไฟแปลกประหลาดที่ปะทุอยู่ใต้ความลังเล เขาควรจะผลักไส ควรจะหนีไปจากสิ่งนี้ แต่กลับยืนนิ่ง ให้เซย์เข้ามาแนบชิดจนไร้ช่องว่าง "เจ้า... ทำให้ข้าเป็นแบบนี้" เสียงของไคลน์แหบพร่า มือของเขาจับไหล่เซย์ไว้แน่นแต่ไม่ใช่เพื่อผลักออก เซย์เลื่อนมือขึ้น ประคองใบหน้าไคลน์เอาไว้ แววตาของเขานุ่มลึกแต่แรงกล้า ริมฝีปากเขาแตะริมฝ
เซย์กดร่างไคลน์ลงบนเตียง เสียงโซ่ข้างเตียงกระทบกันเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกับหัวใจของเจ้าชายที่เต้นแรงจนแทบระเบิด “เจ้าบอกว่าเกลียดข้า…” เซย์กระซิบ พลางลากปลายนิ้วช้า ๆ ลงมาบนแผ่นอกของอีกฝ่าย “…แต่หัวใจเจ้ากลับเต้นแรงทุกครั้งที่ข้าแตะต้อง” ไคลน์หอบหายใจถี่ ราวกับกำลังต่อสู้กับพายุในตัวเอง มือเขาดันอกของเซย์ไว้ แต่แรงดันกลับอ่อนยวบไม่ต่างจากคนยอมแพ้ “อย่าแกล้งฝืนอีกเลย...” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบแนบใบหู ก่อนริมฝีปากของเซย์จะเลื่อนลงไล้ลำคอของเขาอย่างจงใจ ไคลน์สะดุ้ง ร่างสั่นไหว เปลือกตาหลุบลงอย่างหมดหนทาง เขาเคยคิดว่าตนเป็นผู้ควบคุม เป็นอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ แต่ตอนนี้...กลับรู้สึกเหมือนแค่คนที่ถูก ปราบจนเชื่อง เซย์จัดร่างของไคลน์ให้นั่งคร่อมบนตักตัวเอง มือข้างหนึ่งโอบสะโพกแน่น อีกข้างประคองท้ายทอยให้ก้มหน้าลงมารับจูบ เสียงหอบของไคลน์ดังก้องในห้อง เงาสะท้อนในดวงตาของเขาไม่ใช่เหมือนเดิม แต่เต็มไปด้วยความโหยหาที่ไม่อาจดับได้ “ข้า...ข้าไม่เข้าใจว่าทำไม…” “เพราะร่างเจ้ากำลังโหยหาข้า” เซย์กระซิบ พร้อมจงใจบดเบียดสะโพกเข้าหาเขาอย่างลึกซึ้งราวกับจะย้ำในสิ่งที่เขาพูด “อึก…!” ไคลน์กัดฟั
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นไปตามทางเดินหินเย็นเฉียบของยอดปราสาท ร่างสูงในชุดคลุมเจ้าชายเดินตรงมาที่ห้องลับที่เขาสั่งให้เปลี่ยนจากห้องลับส่วนตัวของเขาให้กลายเป็นห้องที่เอาไว้ขังเซย์ให้อยู่ใกล้ตัว ภายในห้องแคบที่ไร้หน้าต่าง มีเพียงแสงเทียนวูบไหวจากเชิงเทียนเงิน และเตียงไม้ขนาดใหญ่หัวเตียงติดโซ่ตรวนที่ใช้สำหรับตรึงข้อมือของเซย์ไว้ และตรงนั้น...บนเตียงกว้างที่ปูผ้าไหมสีแดง สีที่ไคลน์คิดว่ามันเหมาะสมกับร่างขาว ๆ ของเซย์ เซย์นั่งอยู่ พิงหมอนนุ่มในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย แววตาเย้ายวนจ้องกลับมาราวกับรู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไร ไคลน์กลืนน้ำลาย ฝ่ามือเขาเหงื่อซึม ทั้งที่นี่หนาวยะเยือก “ข้า...แค่มาดูว่าเจ้าตายหรือยัง” เขาเอ่ยเสียงต่ำ ทั้งที่ตัวเองเปิดประตูเข้ามาที่นี่คืนแล้วคืนเล่า เซย์ยิ้มบาง เอียงคออย่างยั่วเย้า “แต่เจ้าก็มาทุกคืนเลยนี่…เจ้าเป็นห่วงว่าข้าจะตาย....หรือเจ้าติดใจสัมผัสข้ากันแน่?” ไคลน์ชะงัก ร่างกายเขาร้อนวูบตั้งแต่สายตากระทบผิวขาวเนียนของเซย์ที่เผยให้เห็นเนื้อหนังเกินควร เสื้อผ้าหลุดจากไหล่ ลำคอมีรอยแดงจางๆ ที่ไคลน์เป็นคนกระทำไว้เมื่อคืนก่อน เขาอยากดึงคอเสื้อนั้นขึ้นปิดเพื่อลบเลื
คืนแล้วคืนเล่าที่ไคลน์ไม่เคยกลับไปนอนที่เตียงของตัวเองเลย ดูเหมือนว่าเสียงโซ่เหล็กกระทบกับหัวเตียงอย่างเบา ๆ มันจะกลายเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยไปเสียแล้ว เมื่อไคลน์เอนตัวลงบนเตียงกว้าง เสียงของโซ่ตรวนก็จะยิ่งเคาะกันดังขึ้น โดยที่ไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขายอมถอยหลังให้เซย์นำ แต่ไม่ทันที่ไคลน์จะได้กระจ่างแจ้งในการหาคำตอบเขาก็ถูกรบกวนจนเสียสมาธิซะแล้ว ริมฝีปากของเซย์แตะที่ลำคอของเขา เบา ๆ ริมฝีปากนุ่ม ๆ ลมหายใจร้อน ๆ และความรุนแรงในแบบที่เจ้าชายไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาทั้งดูดดึงขบกัดจนไคลน์สั่นสะท้านไปทั้งตัว “อืม…” ไคลน์เผลอหลุดเสียงต่ำอย่างไม่ตั้งใจ เซย์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ “เสียงแบบนี้…ข้าคิดถึงเหลือเกิน” แล้วเขาก็ไล้ปลายจมูกลงมาตามแนวสันไหล่ หยุดที่กระดูกไหปลาร้า และกดจูบลงไปช้า ๆ อีกครั้ง และ อีกครั้ง มือของเขาเลื่อนเข้าไปใต้เสื้อคลุมของไคลน์ ปลายนิ้วร้อนลากผ่านอกแน่นด้วยจังหวะเชื่องช้า แต่มั่นคง ไคลน์บิดตัวเล็กน้อย ความรู้สึกประหลาดที่กำลังเล่นงานเขาในช่วงนี้ยิ่งเหมือนถูกจุดขึ้นทุกครั้งที่เซย์แตะต้อง ริมฝีปากร้อนผ่าวขบเม้มเข้าที่จุกสีหวานและดูดดึงจนแก้มตอบ เซย์ไม่เร
กลิ่นหอมจางๆ ในห้องทรงงานลอยตลบอยู่ในอากาศ มันไม่ใช่น้ำหอม ไม่ใช่กลิ่นจากยาใด แต่มันคือกลิ่นเฉพาะตัวของคนคนหนึ่งที่ไคลน์ไม่อาจลืมได้เลย เซย์... ไคลน์หยัดลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ ตัว มองหาร่างของใครบางคนที่มั่นใจว่าถูกล่ามโซ่ไว้กับหัวเตียงด้วยคำสั่งของเขาเอง ริมฝีปากหยักเม้มแน่น ขณะที่ดวงตาคมไปสะดุดกับเซย์ที่เดินเข้ามาหาไคลน์ใกล้กับโต๊ะทำงาน ก่อนจะปลดเปลื้องผ้าคลุมตัวออกเผยให้เห็นร่างบางที่เกือบจะเปลือยเปล่าต้องแสงจันทร์มันเป็นภาพที่งดงามและล่อลวงจนเขาไม่อาจละสายตาไปจากเรือนร่างนั้นได้ร่างที่เคยรู้สึกว่า 'เป็นเจ้าของ' แต่กลับถูกควบคุมจนหมดสิ้น "ข้าต้องการท่าน" ไคลน์สะดุ้งตัวตื่นและพบว่าตัวเองทำงานจนเผลอหลับไป ความรุ่มร้อนในกายแผดเผาเขาจนเจ้าชายต้องเร่งฝีเท้ากลับไปยังห้องลับที่เขาซ่อนเซย์เอาไว้จากสายตาที่หื่นกระหายของอัลฟ่าในวัง ทันทีที่ห้องลับเปิดออกไคลน์กลับไม่พบเซย์บนเตียงทั้งที่มั่นใจว่าเขาล่ามเซย์ไว้ด้วยโซ่ที่เหล่าโอเมก้าแพ้ทาง เขาหายไป เขาหายไปไหน ไคลน์ร้อนใจรีบเดินเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นเองไคลน์ก็ถูกใครบางคนเข้ามาประชิดจากทางด้านหลังและถูกจับกดลงบนเตียง “เจ้า…ทำอะไรกับข้า”
เมืองโอเมก้า เขตชายแดนแห่งจักรวรรดิอาเรส สถานที่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าทาส ความลับ และราคะ สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านตรอกซอกซอยแคบ ๆ ข้างตลาดลับที่ถูกปิดบังจากสายตาของคนทั่วไป ชายหนุ่มผมยาวสีเงินแวววาวในชุดคลุมยาวสีดำก้าวเดินอย่างสงบ เขามีใบหน้าหวานจนแทบไม่สมกับท่าทีเยือกเย็นของดวงตาเทาเข้มราวปรอทนั่น เขาชื่อ “เซย์” สิ่งมีชีวิตหายากที่เรียกว่า "อีนิกม่า" สิ่งมีชีวิตที่แทบจะสูญหายไปจากหน้าประวัติศาตร์เพราะประชากรนั่นเหลือน้อยลงทุกที เซย์ คือราชาของชาวอีนิกม่าสายเลือดบริสุทธิ์สายตรง เขามาที่นี่ไม่ใช่ในฐานะผู้ล่า แต่เขาก็ไม่ใช่เหยื่อ เขาคือผู้กอบกู้เผ่าพันธุ์อีนิกม่า เซย์ต้องการจะมีทายาทสืบสายเลือดของตัวเองและฟื้นคืนจักวรรดิอีนิกม่ากลับมาอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าเขาก็ยังไม่สามารถตามหาผู้ที่มีความเหมาะคู่ควรที่จะให้กำเนิดลูกๆ ของเขาได้เสียที แต่ค่ำคืนนี้...โชคชะตาดูจะเข้าข้างเขา เสียงเกือกม้าดังกระหึ่มพร้อมแสงคบไฟนับร้อยเคลื่อนพลมาจากทางเหนือ ผู้คนแตกตื่น พ่อค้าทาสฉุดกระชากโซ่ที่ใช้ล่ามคอทาสโอเมก้าที่ถูกจับเอาขายในตลาด ขบวนทหารในชุดเกราะแดงทองแหวกกลางฝูงชนด้วยท่าทีโอหัง ...
Komen