ในฐานะของหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งที่ต้องการช่วยเหลือคนที่มีใจให้ เมื่อแรกสบตาเขายอมรับว่ามันคือความรู้สึกอันฉาบฉวย แต่เพราะเขาไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น พันตำรวจโท พดุงกิตติ์ ชยธาดา จึงเต็มใจจะยอมมอบเงินและเวลาอันมีค่าเพื่อจีบนายสถานีตัวเล็กให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอันแสนวิเศษในชีวิต แต่อดีตตำรวจภูธรจากพิษณุโลกคนนี้กลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วพระนครอันใครต่อใครต่างก็เชื่อว่ามีเพียงความเจริญรุ่งเรืองกลับแฝงไปด้วยมุมอื่น ๆ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เห็น ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับได้มารู้ทีหลังว่าแท้จริงแล้วน้องแผน นอกเหนือไปจากงานนายสถานีอันได้ช่วยเหลือเหล่าผู้โดยสาร และงานเสริม ณ ร้านกินดื่มย่านสีเทา ยังมีอีกหนึ่งงานซึ่งซ่อนไว้เบื้องหลัง "เฮียอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าผมหาเงินใช้หนี้ให้พ่อยังไง" พูน ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กับภาพอันเย้ายวนตรงหน้า กายเล็กบดเบียดเข้าหาอย่างออกรสออกชาติ ปลายนิ้วที่เขาปรารถนาจะได้สัมผัสอย่างทะนุถนอม กำลังลูบไล้ไปตามแผ่นหลังและกรอบเข็มขัดเงินเงาด้วยความเร่งเร้า "ผมถ่างขาให้แล้ว เฮียก็รีบถอดกางเกงสิ"
ดูเพิ่มเติมปกติคนเขามักเมาน้ำเหล้า แต่คนอย่างไอ้พูนที่รอน้องน้อยทำงานเสร็จขอเมาน้ำตาลไปก่อน ด้วยเหตุนั้นเองเขาจึงสลัดภาพนายตำรวจกระโดดขึ้นเวทีสวมบทนักร้องหนุ่ม อวดพลังเสียงลดความหวานในกระแสเลือดให้พร้อมเจอหน้าน้องแผนแสงสีในร้านถูกปรับอารมณ์เพื่อให้สอดคล้องกับแผ่นเพลงที่เล่นอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ผ้าแพรปลิวไสวตามลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาตามช่องหน้าต่างบานเกล็ดเกื้อหนุนเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มอันไพเราะผู้คนในร้านสุราลัยต่างมองชายผู้ถือครองเวทีกุมไมโครโฟนขาตั้งสีเงินเงาด้วยความสนใจหลากหลายจุดประสงค์กันไป บ้างก็เคยได้รับฟังบทเพลงลูกค้าท่านนี้มาแล้ว บ้างก็เป็นครั้งแรก แต่ปัจจุบันมีคนเข้าไปถามชื่อแซ่นักร้องกับผู้จัดการถึงห้าคนทั้งที่เพลงแรกยังไม่จบ‘เพลิงไหม้ที่ลามป่ายังมีเวลาที่จะดับได้ แต่เพลิงรักมันดับไม่ไหวก็ด้วยหัวใจของฉันนั้นมั่นคง~♪’ราวกับสายน้ำ คล้ายว่ากำลังถูกพัดพาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แผนคิดว่าคนอื่นคงจะคิดและหลงเสน่ห์ไปแบบนั้น ในทางกลับกันตัวเขาซึ่งเคยเห็นภาพนี้มาแล้วไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษ...เขาคิดว่าตัวเองเป
แผนเช้านี้ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็ง และเป็นที่รักที่เอ็นดูของเหล่าลุงป้าน้าอาในสถานี ทว่าคนเหล่านั้นไม่รู้เสียแล้วว่าเขากำลังอึดอัดขนาดไหน จากที่หนักอึ้งเป็นทุนเดิมเพราะปัญหาชีวิต ตอนนี้กลายเป็นต้องมากังวลสายตาของนายตำรวจคนนั้น‘ตำรวจคนนี้ไม่พบใครในห้อง...’ต่อให้จะพูดมาเช่นนั้น ความหวาดระแวงก็ยังไม่คลายหายไป ตรงข้ามกับพี่ตำรวจที่ทำประหนึ่งไม่เคยมีเรื่องราวใด ๆ เกิดขึ้น ยังคงซื้อขนมของทานเล่นมาให้พร้อมหยอดมุกเห่ย ๆ ตามฉบับคนหน้าหนา ทว่าเขาซึ่งไม่กล้าพอจะออกไปสู้หน้าได้แต่ฝากพี่ดาไปบอกว่าต่อจากนี้ไม่ต้องเอาอะไรมาให้แล้ว กระนั้นด้วยวาทศิลป์ของตำรวจเสียงเหน่อนั่น ย่อมเกลี้ยกล่อมพี่ดาจนขนมพวกนั้นตกมาถึงมือเขาในที่สุด แถมถ้าไม่กินก็จะเสียดายอีก สุดท้ายเขาต้องปันเวลามาเอามันลงท้องทุกครั้งไปด้วงเองหลังลาพาหลานไปฟังบรรยาย ไม่นานก็มาลาไปเยี่ยมมารดาอีก ถึงนี่จะเป็นปกติของทุกปีก็ตามทีเถอะ แต่สภาพร่อแร่แบบนั้นไม่รู้จะไปเลือดกำเดาไหลอีกหรือเปล่า เพราะล่าสุดก็ทำเอาเขาตกใจเหมือนกันแผนหยุดความคิดสะระตะเอาไว้แค่ตรงนั้น เนื่องจากรถไฟเกิดปัญหาเขาจึงต้องรีบว
แม้ในคืนวันนี้จะไม่ใช่เวรของรองผู้กำกับ ทว่างานที่ต้องสะสางก็ยังมี ดังนั้นหลังอาสาขับรถพาน้องน้อยไปส่ง ณ ที่ทำงานพิเศษเขาจึงต้องมาอาเจียนก่อน!อุตส่าห์หลงเชื่อว่าหากเป็นคนขับจะไม่เมาจึงให้เพื่อนที่ทำงานสอนให้ตอนว่าง ๆ สิบยี่สิบนาทีแรกน่ะไม่เป็นอะไรหรอก แต่วันนี้พอต้องขับล่อเป็นชั่วโมง กลายเป็นว่าเครื่องรวนต้องลงมานั่งพักในสน.เสียอย่างนั้น เกือบจะเท่อยู่แล้วเชียว!ยังพอมีเวลาเหลือก่อนออกปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้เมื่อตอนเช้า พูนจึงขอเพื่อนมางีบสักครึ่งชั่วโมงเพื่อเอาแรงและแก้อาการเมา ปกติเวลานี้ที่ต่างจังหวัดทุกบ้านต้องปิดไฟปิดหน้าต่างเข้านอนกันหมดแล้ว แต่ยังมีประชาชนบางคนเข้ามาร้องทุกข์อยู่เลยงานในวันนี้คือการออกไปควบคุมตัวทนายรัญชน์ ที่ไม่ยอมมายืนยันหรือปฏิเสธข้อกล่าวหายังโรงพักทั้งที่พวกเขาเดินเรื่องส่งหมายเรียกไปยังบ้านหลักแล้ว ซึ่งคนเป็นทนายไม่ควรจะพลาดเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ ทว่าช่างปะไร ในเมื่อเลยกำหนดมาแล้วพวกเขาก็ต้องทำตามขั้นตอนพูนพอจะเคลิ้มหลับเข้าจริงแต่พอนึกเรื่องไอ้คุณรัญชน์ขึ้นมาทีไรก็ชวนให้อารมณ์เสีย สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างน้อ
‘เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าเธอตกลง คราวหน้าเอาเครื่องแบบมาเปลี่ยนก็แล้วกัน’ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่หนี้พนันท่วมหัว เขาถูกบอกมาอย่างนั้นเพราะยังไม่สามารถให้คำตอบเรื่องผูกปิ่นโตได้ในทันที คุณรัญชน์เองก็คงอยากเล่นสนุกบนความทุกข์ของเขาจึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมา ก็รู้อยู่แท้ ๆ ว่าคนอย่างเขาคงพูดคำว่าตกลงออกมาได้ยากแม้มีคำตอบในใจชัดเจนแล้วก็ตามมาจนค่ำคืนนี้ซึ่งเขาขอตัวมาจัดแจงร่างกายตัวเองในห้องน้ำตามเคย รวมไปถึงการปลดป้ายชื่อสีดำออกจากเครื่องแบบนายสถานี เพราะเขาไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามารู้ชื่อนามสกุลจริง เพราะแค่ให้รู้ที่อยู่บ้านไปนั่นก็มากเกินพอแล้วแผนรีบอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้งให้ทุกส่วนสะอาดไร้ซึ่งกลิ่นเหงื่อไคลจากงานบริกร แผนแต่งตัวไปก็ได้แต่กัดฟันข่มใจตัวเองถ้าเขาตอบตกลงไปเสียเนิ่น ๆ คงไม่ต้องมาทำอะไรที่ชวนให้รู้สึกถูกย่ำยีศักดิ์ศรีแบบนี้ทั้งที่ไม่ต้องการให้ใครมารู้แท้ ๆ ...กิ๊บดำซึ่งวางพักไว้บนอ่างล้างหน้าถูกหยิบขึ้นเหน็บไรผมที่ปรกหน้าผาก กระดุมสีกากีเดียวกับเสื้อผ้าถูกจัดอยู่ในรังดุมเรียบร้อย แผนมองสภาพตัวเองในกระจกบานหรูอย่างนึ
“ตอนนี้หมอฉีดยาลดไข้ให้แล้วดังนั้นคาดว่าอาการจะกลับมาทรงตัวภายในหนึ่งชั่วโมง แต่ความดันคนไข้ต่ำมาก ดังนั้นต่อจากนี้ช่วยดูเรื่องอาหารการกินให้ครบห้าหมู่ด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ...”พูนโล่งอกได้ในระดับหนึ่งที่เจ้าน้องไม่เข้าขั้นวิกฤต ว่าแล้วก็ส่งมือไปดึงม่านกั้นให้ความเป็นส่วนตัว ลากเก้าอี้กลมมานั่งดูอาการข้างเตียงคนไข้ตั้งแต่มาถึงน้องแผนเจ้าก็ผิวหน้าซีดเผือดตัวเย็นเฉียบ แน่นอนว่าเป็นเพราะวิ่งตากฝนมาตลอดทางกระนั้นต่อให้จะเข้ามาอยู่ที่ร่ม นอนหลับตาอยู่บนเตียงเฉย ๆ แต่เรียวคิ้วนั้นยังคงขมวดมุ่น หอบหายใจติด ๆ ขัด ๆ มือไม้สั่นไปหมดพูนไม่เคยมีโอกาสได้รู้เลยว่าบนบ่าเล็ก ๆ นั่นแท้จริงแล้วกำลังแบกอะไรอยู่กันแน่ สิ่งที่เปิดเผยก็มีเพียงหน้าที่ในฐานะเสาหลักของครอบครัวที่ต้องดูแลพ่อกับน้องสาว การทำได้เพียงมองทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าในสลัมแห่งนั้นสามารถเกิดอะไรขึ้นมาได้บ้างมันตรงข้ามกับความเป็นเขาอย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันเขาเองก็มีความกลัว กลัวว่าหากแสดงความเป็นห่วงมากจนเกินไปอีกฝ่ายจะหนีหาย มันอาจเป็นการคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว และสายตาคู่นั้น ทุกครั้งที่
เขาเข็นตัวเองสอบไล่ระดับมาจนถึงชั้นประถมชั้นปีที่ ๕ ก็ตัดสินใจหยุดการเรียนในโรงเรียนและหันมาสมัครเข้าอาชีวะที่ค่าเรียนถูกกว่าจากคำนินทาของคุณครู แต่เขาไม่สนใจ เพราะเพียงแค่ได้ยินว่าหากเรียนจบแล้วจะมีงานทำทันทีก็เข้าทางเขาแล้วเขาไม่ได้มีความฝันเป็นอาชีพตำรวจอันสูงส่งเหมือนพี่ชาย เพียงแต่ต้องการงานที่เป็นหลักแหล่ง ไม่จำเป็นต้องสวมชุดสีกากีทำงานอันทรงเกียรติอุทิศเพื่อประชาชนอะไรทำนองนั้น เขาอยากได้มาแค่เงินเดือนที่สูงพอโดยอยู่ภายใต้ต้นทุนที่มีและไม่เกี่ยงซึ่งวิธีการเสียงเครื่องยนต์ดังแซ่ซ้องไปทั่วโรงช่าง แผนในชุดเสื้อกล้ามเปื้อนคราบน้ำมันกับกางเกงขากว้างตัวเก่งก้มหน้าก้มตาเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์หลังจากเรียนเสร็จ มาอยู่ที่นี่อะไร ๆ ดูจะเอื้ออำนวยให้เขาออกไปทำงาน และก็มีเพื่อนหลายคนที่เป็นดังเช่นตัวเขา เว้นเสียแต่หนึ่งหน่วยซึ่งมาจากบ้านข้าราชการฐานะดีซึ่งจะกลายมาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา“มึงอยากเป็นนายสถานี? ทำไมวะ”แผนถามเพื่อนด้วงที่นั่งทำงานอยู่ฝั่งตรงข้าม เจ้าตัวเป็นคนร่างใหญ่ไหล่กว้างผิวสีน้ำผึ้ง ถึงจะหน้าดุไปหน่อยแต่เมื่อได้ทำความร
อดีตมักหอมหวานเสมอเมื่อตัวเองในวัยผู้ใหญ่หวนกลับไปมอง รอยยิ้มที่ได้มาประดับใบหน้ามันง่ายเพียงแค่ลืมตาขึ้นมาในทุกเช้าจากกลิ่นหอมของหม้อน้ำแกงของป่าในกระต๊อบหลังเล็ก ณ จังหวัดในแถบภาคเหนือเสียงวัตถุธรรมชาติกระทบเสียดสีมาจากที่ไกลตา รอบบ้านรายล้อมไปด้วยลานหญ้าแห้ง รั้วไม้ผุพังก่อนจะเป็นเรือนถัดไป อาณาเขตที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ เพียงพอสำหรับครอบครัวสี่คนซึ่งย้ายหนีมาจากพระนครอันวุ่นวายบิดาของเขาอดีตเคยเป็นคนลากรถอยู่แถวสถานีรถไฟ คอยรับส่งลูกค้าทำงานได้เงินวันละ ๒-๓ บาท รับงานคนหนึ่งประมาณ ๑๐-๑๕ สตางค์ขึ้นอยู่กับระยะทาง หรือบางวันหากได้ราคาดี คนเยอะหน่อยจะตกวันละ ๕ บาทเลยเชียว ทว่าหนทางการใช้ชีวิตต้องมาติดขัดเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่พ่อไปเสพสมชั่วครั้งชั่วคราวกลับให้กำเนิดบุตรในสายเลือดถึงสองคนต่อให้บิดาจะยอมรับและเผชิญหน้าจากผลของการกระทำ เจ้าของบ้านตัวจริงอย่างคุณปู่กลับไม่ยอมให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ขึ้นชื่อว่ามีลูกกับกะหรี่ในซ่อง ขับไล่ไสส่งต่าง ๆ นานาจนสุดท้ายบิดาจึงขอแยกทางจากบ้านหลังเดิม ก้าวขาพาตัวเขาและพี่ชายในวัยทารกไปยังต่างจังหวัดซึ่งเป็นบ้านเกิด
“พี่เทียบจ๊ะ คิดยังไงกับคนที่ลูกจะพามาเหรอจ๊ะ?”อำพันขณะจัดจานบนโต๊ะรอลูกพูนไปรับน้องนายสถานีมาร่วมมื้อเย็นด้วยกันก็ถามคนเป็นสามี เพราะส่วนตัวแล้วเขาไม่มีอคติกับคนที่ลูกจะพามาเลยสักนิด กลับมองว่าเป็นเด็กที่น่ารักเสียด้วยซ้ำ“ขอดูก่อน”“ฮ่า ๆ พี่ละก็ เก๊กไปได้”ปะป๊าคนสวยละมือจากจานมาคล้องคอกอดคนเป็นพี่ ป้อนแววตาใสแป๋วอย่างคนรู้ทัน พี่เทียบวันนั้นยังแอบดีใจอยู่เลยที่ลูกจะได้มีความหวังเรื่องความรักเสียบ้าง เพราะก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าการหาใครสักคนมาใช้ชีวิตร่วมกันมันยากเย็นแค่ไหน“ถ้ารู้แล้วจะถามพี่ทำไมล่ะฮึ?”ว่าแล้วก็ยกตัวศรีภรรยาขึ้นอุ้มด้วยความมันเขี้ยว ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักคล้ายว่าได้แกล้งเขาแล้วนั้นยิ่งน่าหยิกแก้มเสียจริง คิดแล้วก็จัดการฝังจมูกหอมหน้าแก้มอิ่มเสียเต็มคราบ ต่อให้จะอายุเยอะขึ้นมามากแล้วแต่เขาก็ยังมั่นใจในพละกำลังของแขนตัวเองที่ลากเข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวมาหลายสิบปีอำพันยิ้มกว้างคลอเคลียสามีระหว่างลูกชายไม่อยู่ คิดแล้วก็มีความสุขเหลือเกินหากจะได้มีว่าที่ลูกชายอีกคนเข้ามาเพิ่ม ทว่าจู่ ๆ เขาก็ดันนึกอะไ
นายตำรวจผดุงกิตติ์เดินกลับมาสน.เพื่อเปลี่ยนเครื่องแบบไปลงพื้นที่พร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขและกำลังใจอันล้นเอ่อ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่ลึก ๆ รู้สึกว่าน้องแผนพูดคุยกับเขามากขึ้นมานิดหนึ่งพูนเดินนำหน้าเหล่าเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องหน้าใหม่เอี่ยมมาลงสนาม เอาเข้าจริง ที่ไอ้ไกรมันบอกให้เขาลงพื้นที่โดยด่วนก็เพราะจะเอาข้อมูลส่งขึ้นไปยืมแรงเด็ก ๆ พวกนี้ผนวกกับระยะเวลาการส่งไปรษณีย์ให้เอกสารเดินทางอีกนาน กลายเป็นว่าจากคดีที่เขาเข้าใจว่ารีบอยู่นั่นเองกลับไม่ค่อยมีอะไรคืบหน้าเพราะต้องรอลูกเดียว มาวันนี้เขาจะได้ลงมือทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียทีตำรวจในสน.พระนครแค่ชาวบ้านที่เข้ามาน้องทุกข์รายวันก็หนักแล้ว ไหนจะแบ่งกลุ่มซุ่มจัดการคดีที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจอันคุกรุ่น“พันโทครับ ให้ผมจั-“อย่าพึ่ง ใจเย็น ๆ พ่อหนุ่ม”พูนรู้สึกว่าตั้งแต่เข้ามาในซอยต้องพูดปรามเหล่าเด็กไฟแรงเกือบจะสิบรอบได้แล้วมั้ง แต่ก็พอเข้าใจ เห็นคนทำผิดกันโต้ง ๆตรงหน้ามือไม้ตำรวจมันคงสั่นเป็นธรรมดา ทำเอานึกถึงตัวเองตอนเริ่มงานในฐานะตำรวจสืบสวนใหม่ ๆ เช
1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือเรื่องราวซึ่งเป็นเพียงจินตนาการ3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน)4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึง สิ่งเสพติด/อบายมุข, การพนัน, ความรุนแรง, การข่มขู่, คำหยาบคาย, นายเอกมีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นนอกเหนือไปจากพระเอก, ฉากล่อแหลมทางเพศ และฉากโจ่งแจ้งทางเพศ (Anal sex, Bare breaking, Blowjob, Clothed sex, Cum drinking, Hand job, Semi-Outdoor, Vanilla)โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ความคิดเห็น