ในฐานะของหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งที่ต้องการช่วยเหลือคนที่มีใจให้ เมื่อแรกสบตาเขายอมรับว่ามันคือความรู้สึกอันฉาบฉวย แต่เพราะเขาไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น พันตำรวจโท พดุงกิตติ์ ชยธาดา จึงเต็มใจจะยอมมอบเงินและเวลาอันมีค่าเพื่อจีบนายสถานีตัวเล็กให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอันแสนวิเศษในชีวิต แต่อดีตตำรวจภูธรจากพิษณุโลกคนนี้กลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วพระนครอันใครต่อใครต่างก็เชื่อว่ามีเพียงความเจริญรุ่งเรืองกลับแฝงไปด้วยมุมอื่น ๆ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เห็น ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับได้มารู้ทีหลังว่าแท้จริงแล้วน้องแผน นอกเหนือไปจากงานนายสถานีอันได้ช่วยเหลือเหล่าผู้โดยสาร และงานเสริม ณ ร้านกินดื่มย่านสีเทา ยังมีอีกหนึ่งงานซึ่งซ่อนไว้เบื้องหลัง "เฮียอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าผมหาเงินใช้หนี้ให้พ่อยังไง" พูน ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กับภาพอันเย้ายวนตรงหน้า กายเล็กบดเบียดเข้าหาอย่างออกรสออกชาติ ปลายนิ้วที่เขาปรารถนาจะได้สัมผัสอย่างทะนุถนอม กำลังลูบไล้ไปตามแผ่นหลังและกรอบเข็มขัดเงินเงาด้วยความเร่งเร้า "ผมถ่างขาให้แล้ว เฮียก็รีบถอดกางเกงสิ"
View More“พี่...ขอโทษจริง ๆ ครับ”“ไม่ให้อภัย”แผนกล่าวขึ้นด้วยเสียงสะลึมสะลือเหล่มองพี่ตำรวจในชุดไปรเวทเดินถือถาดอาหารเช้าเข้ามาในห้องหลังเห็นว่าเขาตื่น เมื่อคืนหลังจากจบบนเตียงลงไปเข้าห้องน้ำรอบที่สี่ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็ดันบ้าจี้ยอมพี่ไปหมดเสียทุกอย่างจนร่างกายสลบเหมือดทันทีเมื่อเอาหัวลงหมอนดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขาพอดีไม่เช่นนั้นเขาได้โดนหักเงินเดือนเพราะไปทำงานสายแน่ ๆ เพราะแค่ตื่นก็ปาไปจะสิบโมงแล้ว“แต่ถ้ามาทาให้จะยกโทษให้ก็ได้”“จริงเหรอ!?”พี่พูนกล่าวด้วยความดีใจรีบจัดแจงวางมื้อเช้าของน้องแผนไว้ยังโต๊ะข้างเตียง รีบหาหยูกยามาตระเตรียมไว้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเขาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ตีห้าที่ทุกคนอยู่กันเต็มบ้านและลงไปอาบน้ำในสภาพนี้จะเป็นเช่นไรแค่บนเตียงก็ทำเขาแทบทรุดไปต่อในห้องน้ำยิ่งไปกันใหญ่ เป็นคนบ้าพลังอะไรขนาดนี้ ทำเอานึกถึงไอ้ความดุดันที่เจ้าแตงเคยพูดเลยเชียว หากจะแม่นขนาดนี้ดูท่าเด็กคนนั้นน่าจะไปเป็นหมอดูได้นะนี่“จะไปอาบน้ำเหรอครับ ให้พี่ช่วยอุ้ม-“ไม่ให้อุ้มแล้ว!”“
“เพียงวันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง?”“พี่วิภาให้ลองทำข้อสอบชุดเก่าอย่างเดียวแล้วจ้ะ”ยามกลางคืนเป็นเพียงเวลาเดียวที่พี่ชายอย่างเขาจะได้สนทนาถามไถ่น้องสาวอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งเพียงโตเป็นสาวเรื่องที่ชายหญิงจะคุยได้ก็น้อยลง ไหนสาวเจ้ายังสุขุมขึ้นเป็นเท่าตัวจากแต่เดิมมีอะไรไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยมักจะเอามาเล่าสู่กันฟังเสมอ“แล้วครูเขาเอาข้อสอบมาจากไหนเหรอ?”“เห็นว่าขออาจารย์เก่ามาน่ะจ้ะ”“ของ่ายกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“เห็นว่าสมัยก่อนพี่วิภาสนิทกับอาจารย์น่ะจ้ะ”แผนนั่งช่วยน้องพับผ้าไปก็คิดตาม พี่วิภาแกเองก็สดใสร่าเริงเป็นทุนเดิม การเข้าหาอาจารย์ที่ตนเองเคยเป็นศิษย์เก่าแล้วนั้นคงไม่เป็นการยากอะไรส่วนเรื่องในบ้านดูเหมือนเพียงจะชอบที่เขาย้ายตัวออกไปนอนห้องพี่พูน ไม่ใช่แค่ชอบที่ได้มีห้องนอนส่วนตัว แต่สาวเจ้าบอกว่าชอบเวลาเห็นพี่ชายสองคนเดินออกมาจากห้องด้วยกัน สมแล้วที่เคยอวยให้เขารีบคบหา รีบย้ายบ้านมาไว ๆ“ฉันไปนอนก่อนนะจ๊ะ”“อื้อ เดี๋ยวตรงนี้พี่เอาไปเก็บเองนะ”“จ้ะ ฝันดีล่วงหน้านะจ๊ะ”หากเป็นที่บ้
‘จันทร์หน้าพี่ต้องออกต่างจังหวัดลงพื้นที่นะครับ กลับน่าจะอีกเดือนสองเดือนเลย’‘อื้อ ไปทำงานสู้ ๆ นะ’เขากล่าวให้กำลังใจออกไปเช่นนั้นในกลางคืนขณะพวกเขากำลังจะเข้านอน จู่ ๆ พี่พูนมาบอกกันแบบนี้ทำเอาเขาใจหายจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เหมือนกัน นึกว่าของพวกนี้ทางการต้องแจ้งให้เตรียมตัวเป็นเดือนเสียอีก แต่เรื่องขโมยขโจรแบบนี้เป็นที่รู้กันดีว่าต้องรีบสะสางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แผนเดินกลับเข้าห้องนอนมาด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวพิกล สงสัยคงเป็นเพราะเวลาสามย่างสี่ทุ่มแบบนี้จะมีพี่พูนเดินไปเดินมาไม่ก็จัดแจงเตียงนอนอยู่ ว่าแล้วนายสถานีในชุดนอนท่อนบนยาวจรดต้นขาก็เดินละจากตู้เสื้อผ้ามาตรวจทานสัมภาระสำหรับการทำงานในวันรุ่งก่อนจะดับตะเกียงหัวเตียงเตรียมตัวนอนในตอนที่พูดให้กำลังใจพี่พูน ใจจริงเขาไม่อยากให้พี่เจ้าไปที่ไหนไกลหรือนานหลักเดือนเลยเสียด้วยซ้ำ อยากให้พี่ยังคงอยู่ในสายตาตลอดเพราะตอนนี้แค่ได้มองเห็นก็ชวนให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาแล้ว แต่เขารู้ดีว่านั่นคือความเห็นแก่ตัว ตำรวจถือเป็นของหลวงจำต้องทำหน้าที่ปกป้องช่วยเหลือประชาชนโดยในบางครั้งอาจต้องแลกมา
เย็นวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้น ไม่ใช่กับตัวเขา ไม่ใช่กับเพียง และไม่ใช่กับครอบครัวพี่พูน แต่เป็นไอ้ด้วงที่ดันโชคร้ายเดินไปเจอนักโทษหลบหนีเข้าจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาในสภาพสะบักสะบอมไม่ได้สติ ดังนั้นตัวเขาจึงขอพี่ว่าจะไปรอดูอาการไอ้ด้วงในโรงพยาบาลก่อน แต่คนอย่างพี่พูนย่อมเดินตามหลังมาด้วยอยู่แล้วที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไกรวิชญ์พี่ชายไอ้ด้วงวิ่งหอบร่างพามา ต่อให้เขาจะเคยมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนแต่คราวนั้นเขาหาได้สังเกตอะไรมากมาย มาคราวนี้ระหว่างรอดูอาการเพื่อนสนิทเขาก็ได้รับการบริการให้ข้อมูลจากพยาบาลเป็นอย่างดี จนได้มานั่งรอข้างกับพี่ชายไอ้ด้วงที่เลือดเปื้อนเสื้อเปื้อนตัวเต็มไปหมดทั้งยังตัวเปียกปอนเพราะวิ่งตากฝนมา ไม่อยากนึกเลยว่าก่อนหน้าที่ไอ้ด้วงจะมาที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น แผนนั่งรอไปเรื่อย ๆ จนเกือบชั่วโมงแต่คุณหมอก็ไม่มีท่าทีจะออกมาพร้อมคำตอบ ยิ่งทำคนเป็นเพื่อนอย่างเขารู้สึกใจไม่ดีเข้าไปใหญ่‘แผนครับ วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม’พูนซึ่งเห็นน้องนายสถานีแววตาสั่นไหวอยู่ไม่เป็นสุขก็เข้าใจหัวอกคนเป็นเพื่อน แต่นี่มันดึกแล้วรวมไปถึงตัวของน้องด้ว
หากมีครั้งแรกแล้วย่อมมีครั้งที่สองตามมาก่อนมันจะลามไปยังครั้งที่สามสี่ห้าและกลายเป็นกิจวัตรในที่สุด การหลับนอนในห้องของพี่พูนก็เช่นกัน โดยครั้งที่สองเขาหลงเชื่อว่าพี่ตำรวจกลับมาไข้ขึ้นตัวร้อนจึงพลอยได้นอนด้วยกัน ก่อนที่ครั้งที่สามพี่พูนจะมากล่าวขอโทษที่หลอกกันก่อนจะขอเขานอนด้วยอีกคืนตรง ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าพี่พูนจะขอทุกคืน และเขาเองก็โอนอ่อนตามในทุกค่ำคืนเช่นกันทว่าเมื่อคืนนั้นทำเอาเขาอยากจะขนย้ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกลับไปกบดานอยู่ห้องน้องสาวเมื่อจู่ ๆ พี่เจ้าก็ดันละเมอเรื่องลามก กอดเขาอยู่ดี ๆ ดันล้วงมือจับนู่นจับนี่ไปทั่วจนเสื้อเอยอะไรเอยหลุดลุ่ยจนคล้ายเรื่องราวอย่างว่าเข้าไปทุกที คราวจะแกะออกก็ไม่ได้เพราะก็รู้กันอยู่ว่าผู้ชายคนนี้แรงเยอะขนาดไหน ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องตะโกนปลุกพี่ขึ้นมาดูผลงานตัวเองที่ทำเขาเกือบนอนไม่หลับต่อให้จะไม่มีปากเสียงแต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี แถมตื่นมายังบอกอีกว่า ‘ขอโทษครับ พี่ฝันดีไปหน่อย’ เขารู้ว่ายังไม่หายเมาดีจากที่ดื่มมากกับเพื่อนจะมีคิดเรื่องพิเรนทร์และบอกกล่าวมาอย่างเถรตรงบ้างนั้นไม่แปลก แต่เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าไ
ยามราตรีคืนนี้ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากสถานบันเทิงและร้านอาหารเครื่องดื่มรอบข้าง ทว่าเพียงแค่แผนเดินถัดมาอีกซอยเสียงพูดคุยครึกครื้นต่างกลายเป็นความสงบเงียบคลอไปกับสายลมเย็นซึ่งพัดพาเหล่าใบไม้แห้งผ่านร่างไปนายสถานีในบทบาทผู้จัดการร้านสุราเปิดกระเป๋าขึ้นตรวจสอบเงินในซองอย่างอารมณ์ดี ในช่วงรอยต่อระหว่างหน้าที่บริกรกับผู้จัดการร้านแม้จะเหนื่อยกายยกเครื่องแก้วหนัก เหนื่อยใจกับความครัดเคร่งละเอียดถี่ถ้วนกับตัวเลขบนหน้ากระดาษทว่าผลที่ได้รับกลับสมน้ำสมเนื้อเมื่อลุงเจ้าของร้านเริ่มให้ความไว้วางใจหลังจากการตรวจบัญชีประเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดแล้ว ดังนั้นเขาต้องการใช้วันว่างอย่างเต็มที่โดยไม่ให้งานใด ๆ เข้ามาแทรก ยิ่งมีแรงใจจากการมองเงินก้อนวันนี้แล้วยิ่งชื่นใจดังนั้นสมุดบัญชีใหม่ที่ได้มา ทำให้เสร็จภายในคืนนี้เลยเสียดีกว่า ผู้จัดการบอกเขาด้วยว่าหากทำได้ดีต่อไปแบบนี้จะแบ่งสัดส่วนกำไรให้ ถึงไม่ได้มากมาย แต่เมื่อนำมารวมกันตลอดทั้งเดือนมันก็ใกล้แตะเลขเงินเดือนนายสถานีซึ่งเขาพอใจแล้ว*แกร๊ก* เดินคิดเรื่องราวผาสุกที่เกิดขึ้นไป ๆ มา ๆ ก็เดินถึงบ้านเส
แผนเมื่อตั้งสติเสร็จจึงตัดสินใจเดินเข้าสถานี ในวันนี้สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เช้าเลย มีหวังถ้ามัวแต่คิดเรื่องพี่พูนคงไม่เป็นอันทำงานกันพอดีเนื่องจากหลายวันมานี้เขารับจ้างกับคุณปู่นายสถานีที่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล ถึงจะเป็นไม่กี่นาทีแต่เขาสามารถมาสายได้นิดหน่อยเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ก็เห็นพี่ ๆ นั่งพูดคุยบ้างก็ทำหน้าที่ขายตั๋วในช่องตัวเอง เห็นว่าตำรวจมากันแล้วสงสัยจะไปนั่งประจำอยู่จุดอื่นกระมัง“สวัสดีตอนเช้าครับพี่”น้องเล็กกล่าวทักทายพี่ ๆ ด้วยความสดใส ทำตัวให้ดูมีชีวิตชีวาเข้าไว้ทักคนอื่น ๆ คุยไปคุยมาเดี๋ยวเรื่องพี่พูนก็ออกไปจากหัวเองนั่นแหละ“จ้ะ สวัสดีจ้ะ สามีพี่ซื้อข้าวหลามมาฝากเราเอาไปกินสิ”“ขอบคุณคร้าบ”แผนกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจัดแจงวางของ ปลดผ้าพันคอเสื้อกันหนาวพาดไว้กับเบาะเสร็จสรรพก่อนจะหย่อนก้นลงมานั่งข้างเพื่อนด้วงที่วันนี้ก็ยังมีบรรยากาศอึมครึมรายล้อมอยู่เหมือนเดิม เอื้อมมือหยิบกระบอกไม้ไผ่สั้นในกล่องใจกลางโต๊ะมามอง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนคนสนิทไม่ให้เฉาจนเกินไป“ด้วง เอ็งได้กินไปรึยัง อร่
“ไหนบอกจะไม่ตามผม”“นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันแค่มาหาที่สูบบุหรี่”รัญชน์ว่าแล้วก็แสดงกล่องพกบุหรี่ไฟแช็กก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า เพราะไหน ๆ นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญแล้วใช้มันให้พอเป็นประโยชน์สักหน่อยก็แล้วกัน“กำลังจะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่เป็นไรครับ”“เธอก็รู้ว่าแถวบ้านเธอมันอันตรายจะตายไป”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ส่งคนสะกดรอยตามเขาแล้วจริง ๆ จึงไม่ทราบว่าตอนนี้เขาย้ายบ้านไปอยู่กับคนอื่นแล้ว แต่มาทำแบบนี้ทั้งที่ไม่มีพันธะต่อกันอย่างไรเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี“ผมอยู่ได้มาตั้งนาน ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจ”“ฉันแค่อยากจะขอโทษ”“ถ้ามีอะไรก็คุยกันตรงนี้เถอะครับ ผมไม่อยากถูกเข้าใจผิด”“ยังไงเธอก็จะเลือกตำรวจคนนั้นเหรอ?”“ผมเคยตอบคำถามนี้ไปแล้วนะครับ”คล้ายว่าคุณรัญชน์จะไม่พอใจกับคำตอบ สงสัยที่บอกว่ารักคงจะมีส่วนจริงอยู่นิดหน่อย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาแต่พูดเกลี้ยกล่อมเขาแบบนี้ทุกครั้งที่พบหน้าหรอก“ถ้าเธอเลิก-“คุณรัญชน์ครับ”ตัวเขาอาจจะเป็นฝ่ายผิดที่คิดจะยกเลิ
เพราะตอนนี้ที่สำนักงานตำรวจพระนครขาดผู้กำกับ ภาระงานส่วนใหญ่ของลูกพี่ไกรวิชญ์ถึงตกมาอยู่ในมือเขานายตำรวจผดุงกิตติ์ ชยธาดา ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด!เขารู้ว่าไอ้ไกรมันทำผิดก็ต้องโดนโทษตามกฎหมายแต่นี่มันคล้ายกับการโยนขี้ชัด ๆ ดีหน่อยที่มันตั้งใจจะมอบตัวจึงจัดการงานเอาไว้จนเหลือส่วนน้อยแล้ว แต่คำว่า ‘น้อย’ ของคนเรามันไม่เท่ากัน และเขาซึ่งต้องก้มหน้าทำงานงก ๆ กับเอกสารกองพะเนินมาร่วมหลายสัปดาห์แล้ว ในตอนเย็นจึงต้องมารบกวนบ้านก้องภัชรกุล เพราะที่สน.ไม่มีใครฟังเขาบ่น เนื่องจากเจ้าคนฟังมันกำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจเฉิบอยู่ ณ โต๊ะทานข้าวชั้นสองพูนในเครื่องแบบตำรวจนอนฟุบหลอมเหลวไปกับโต๊ะไม้ ส่งเสียงโอดโอยด้วยความเหนื่อยล้า แล้วก็เชื่อเขาเลยว่าไอ้ไกรมันจะปิดบังเรื่องพวกนี้เอาไว้ ถึงมันจะนานมากมากกว่า ๑๐ ปีทั้งยังไม่ใช่ความผิดของเจ้าตัวเต็มประดาก็ตามทีเถอะ แต่หากมองในมุมไอ้ไกรเรื่องพวกนี้ก็ไม่ควรเอาไปพูดสุ่มสี่สุ่มห้า“เฮ้อ”“เอ็งถอนหายใจมาจะสิบรอบแล้วนะไอ้พูน”“ก็มันเหนื่อย เอ็งทำงานแบบนั้นเข้าไปได้ยังไงทุกวันวะ”“มันชิน
1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือเรื่องราวซึ่งเป็นเพียงจินตนาการ3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน)4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึง สิ่งเสพติด/อบายมุข, การพนัน, ความรุนแรง, การข่มขู่, คำหยาบคาย, นายเอกมีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นนอกเหนือไปจากพระเอก, ฉากล่อแหลมทางเพศ และฉากโจ่งแจ้งทางเพศ (Anal sex, Bare breaking, Blowjob, Clothed sex, Cum drinking, Hand job, Semi-Outdoor, Vanilla)โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ....
Comments