มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก

มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
โดย:  นักเขียนเจ้าตอง(JaoTong)  อัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel18goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
25บท
38views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
แสดงความคิดเห็นของคุณในแอพพลิเคชัน

ในฐานะของหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งที่ต้องการช่วยเหลือคนที่มีใจให้ เมื่อแรกสบตาเขายอมรับว่ามันคือความรู้สึกอันฉาบฉวย แต่เพราะเขาไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น พันตำรวจโท พดุงกิตติ์ ชยธาดา จึงเต็มใจจะยอมมอบเงินและเวลาอันมีค่าเพื่อจีบนายสถานีตัวเล็กให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอันแสนวิเศษในชีวิต แต่อดีตตำรวจภูธรจากพิษณุโลกคนนี้กลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วพระนครอันใครต่อใครต่างก็เชื่อว่ามีเพียงความเจริญรุ่งเรืองกลับแฝงไปด้วยมุมอื่น ๆ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เห็น ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับได้มารู้ทีหลังว่าแท้จริงแล้วน้องแผน นอกเหนือไปจากงานนายสถานีอันได้ช่วยเหลือเหล่าผู้โดยสาร และงานเสริม ณ ร้านกินดื่มย่านสีเทา ยังมีอีกหนึ่งงานซึ่งซ่อนไว้เบื้องหลัง "เฮียอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าผมหาเงินใช้หนี้ให้พ่อยังไง" พูน ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กับภาพอันเย้ายวนตรงหน้า กายเล็กบดเบียดเข้าหาอย่างออกรสออกชาติ ปลายนิ้วที่เขาปรารถนาจะได้สัมผัสอย่างทะนุถนอม กำลังลูบไล้ไปตามแผ่นหลังและกรอบเข็มขัดเงินเงาด้วยความเร่งเร้า "ผมถ่างขาให้แล้ว เฮียก็รีบถอดกางเกงสิ"

ดูเพิ่มเติม

บทล่าสุด

การดูตัวอย่างฟรี

**ชี้แจงก่อนอ่าน**

1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือเรื่องราวซึ่งเป็นเพียงจินตนาการ3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน)4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึง สิ่งเสพติด/อบายมุข, การพนัน, ความรุนแรง, การข่มขู่, คำหยาบคาย, นายเอกมีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นนอกเหนือไปจากพระเอก, ฉากล่อแหลมทางเพศ และฉากโจ่งแจ้งทางเพศ (Anal sex, Bare breaking, Blowjob, Clothed sex, Cum drinking, Hand job, Semi-Outdoor, Vanilla)โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

หนังสือน่าสนใจจากยุคเดียวกัน

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
25

**ชี้แจงก่อนอ่าน**

 1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือเรื่องราวซึ่งเป็นเพียงจินตนาการ3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน)4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึง สิ่งเสพติด/อบายมุข, การพนัน, ความรุนแรง, การข่มขู่, คำหยาบคาย, นายเอกมีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นนอกเหนือไปจากพระเอก, ฉากล่อแหลมทางเพศ และฉากโจ่งแจ้งทางเพศ (Anal sex, Bare breaking, Blowjob, Clothed sex, Cum drinking, Hand job, Semi-Outdoor, Vanilla)โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๒ แผนเพิ่มพูนความรัก

 เขาเป็นเด็กที่เกิดมาท่ามกลางสภาวะสงคราม แม้ผ่านมาเพียงสองปีมันจะจบลงทว่ามันไม่แปลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นฟูขึ้นมาในชั่วพริบตา เพราะมันเป็นช่วงเวลาอันไกลพ้นและสั้นกุด เขาจึงไม่สามารถจำหน้าพ่อแม่แท้ ๆ ของตัวเองได้ ญาติหลายต่อหลายคนที่มาร่วมงานศพขนาดย่อมในวัดเล็ก ๆ กลางพระนครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพ่อแม่ซึ่งป่วยออด ๆ แอด ๆ ของเขาตั้งใจเลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียวมากแค่ไหน สิ่งที่พวกท่านหลงเหลืออยู่คงจะเป็นเลือดที่ไหลเวียนอยู่และชื่อสกุลพูนไม่อาจจำได้ว่าตัวเองเมื่อครั้งอายุสิบขวบรู้สึกเศร้าโศกขนาดไหน บางทีอาจจะไม่สมควรเป็นวัยที่รู้จักความเศร้าจากความสูญเสียด้วยซ้ำไป งานวันนั้นเขาถูกจับแต่งตัวจากคุณย่าที่ยังไม่คุ้นหน้า และถูกจูงมางานเมื่อถึงเวลา ร่วมงานสีดำตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่ในหัวมันรู้สึกว่างเปล่าพิกล รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเองเลย‘น่าสงสาร เด็กตัวแค่นี้เอง’‘แล้วใครจะรับไปเลี้ยงต่อล่ะ’‘วัยกำลังโตเสียด้วย’พูนในวัยเด็กพร้อมชุดเสื้อสีดำนั่งแกว่งขามองพื้นศาลาขณะรอกลับในช่วงค่ำหลังจากร้องไห้จนไม่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่ เขาเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าต
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๓ กับดัก

 “พ่อ ฉันวางจานเอาไว้ตรงนี้นะจ๊ะ”พูนในวัยสิบห้าย่างสิบหกหยิบยกตะแกรงซึ่งเต็มไปด้วยจานที่ล้างเสร็จหมาด ๆ มาวางไว้บนโต๊ะหินหน้าบ้าน จนถึงตอนนี้ผ่านมาหลักปีเขาก็ยังนึกถึงน้องชายคนนั้นอยู่ตลอด ด้วยว่ายกให้เป็นเพื่อนสนิทคนแรกหลังต้องย้ายมาจากพระนครเด็กหนุ่มยืนจัดเรียงจานให้เข้าที่ แม้เป็นเวลาเพียงสามปีส่วนสูงกลับเพิ่มขึ้นจนจะเท่าคนเป็นพ่ออยู่แล้วเชียว กิจการช่วงนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเช่นเคย รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องคอยปรามพ่อไม่ให้เอาเขียงทุบหัวลูกค้า“เฮ้อ...”พูนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย หากน้องเจ้ายังอยู่ละก็เขาคงมีที่ระบายเพิ่มขึ้น เพราะตั้งแต่วางแผนว่าจะสอบเข้าโรงเรียนตำรวจ ชีวิตเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะเมืองพิษณุโลกไม่มีโรงเรียนตำรวจ มีเพียงสถานีไม้เล็ก ๆ ให้ชาวบ้านไปไกล่เกลี่ยกับตำรวจไม่กี่นาย หากจะเรียนก็ต้องเตรียมตัวสอบข้อเขียนประกอบกับวัดสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะหนักแค่ไหน หรือเขาต้องรู้อะไรก่อนไปสอบบ้าง“ป๊าจ๊ะ ฉันออกไปวิ่งก่อนนะจ๊ะ”“ช่วงนี้มืดเร็ว กลับมาก่อนค่ำนะจ๊ะ”“จ้า”
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๔ ไม่เมาเหล้า แต่เรายังเมารัก

 “ก็บอกว่าผมไม่ใช่คนที่คุณพูดถึงไงครับ”“ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรหรอก~” ท่ามกลางแสงรำไรจากโคมไฟสีนวลเหนือโต๊ะสูงมีลูกค้าท่านหนึ่งซึ่งเหมือนจะพึ่งเข้ามาร้านนี้เป็นครั้งแรกกำลังนั่งเมามายไม่ได้สติ เอาหน้าไถไปกับโต๊ะไม้คล้ายจะหลอมรวมเป็นเครื่องเรือนชิ้นเดียวกันผู้จัดการร้านควบตำแหน่งมือชงซึ่งเช็ดแก้วอยู่ฝั่งตรงข้ามมองพ่อหนุ่มเสียงเหน่ออย่างละเหี่ยใจ ก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นไปมองเจ้าแผนซึ่งกำลังวกกลับมาเติมเครื่องดื่มให้ลูกค้า“อย่าลามปามครับ กินของคุณไปเลย”“พูดอย่างนี้พี่น้อยใจนะ~”พูนซึ่งขอสถานที่ดื่มมาจากพ่อเทียบว่าจะมาเดินเล่นเอาสนุกจนมาลงเอยที่ร้านนี้ ไม่น่าเชื่อว่าดื่มไปแค่ไม่กี่แก้วมันจะทำให้เขาที่มั่นใจในลำคอตัวเองเมามายได้ถึงขนาดนี้ภาพตรงหน้าคล้ายจะพร่ามัว ถึงไม่อาจมองอะไรชัดเจนแต่ทุกอย่างเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา กลิ่นหอมฟุ้งกำจายมากยิ่งกว่าเก่า พอมีเสียงเพลงเอื่อย ๆ จากแผ่นเสียงเข้ามาประกอบยิ่งชวนให้เขาเคลิบเคลิ้มไปกับรสสุรานายตำรวจในชุดไปรเวทเหมือนเมื่อเช้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๕ แรงจูงใจ

 “ฮะ! ฉันเหรอ!?”พูนซึ่งนั่งฟังวาระการประชุมแผนจับโจรอยู่ถึงกับลั่นขึ้นมาด้วยสำเนียงเสียงเหน่อ พร้อมกวาดสายตามองไปยังเหล่าเพื่อนร่วมงานชาวพระนครที่ต่างเห็นพ้องต้องกันให้เขาที่เป็นน้องใหม่เป็นคนแฝงตัวเข้าไปหนึ่งในชุมโจรเจ้าของคดีที่สน.เขาได้รับมาทำต่อย้อนกลับไปอีกสักนิดก่อนจะเกิดมตินี้ขึ้น สน.พระนครแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ารวมตัวคนมีฝีมือโดยเฉพาะท่านผู้กำกับการ พันตำรวจเอกไกรวิชญ์ ก้องภัชรกุลซึ่งตอนนี้ถือเป็นเพื่อนซี้หนึ่งเดียวของไอ้พูน ที่ทำคุณูปการเอาไว้มากมายเกินกว่าตำรวจบ้านนอกอย่างเขาจะทราบได้ทั้งหมด จึงไม่แปลกเลยที่สน.นี้จะได้แต่งานยาก ๆ มาทำรวมถึงงานนี้ที่ต้องจับสามโจรพันธุ์เสือที่ล่อจะขโมยของชาวบ้านลูกเดียว!ซึ่งวิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการส่งคนแฝงตัวเข้าไปในกองโจรสักกลุ่มเพื่อไล่ตามเบาะแสความเชื่อมโยงกันกับกลุ่มที่เหลือจะได้รวบรัดจับกุมในทีเดียว แต่ด้วยความที่ทุกคนในสน.ต่างถูกเห็นหน้ากันมาหมดแล้ว ส่วนไอ้ไกรนี่ไม่ต้องพูดถึง ก็จะมีแต่ตำรวจบ้านนอกคอกนาอย่างเขาที่เหมาะสม‘ไกร...ฉันไม่ทำได้ไหม’พูนกระเถิบเข้าไปกระซิบกระซาบข้างหูหัว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๖ ไม่เนียน

 “เพียง ไปอ่านที่สถานีพี่ก็ได้ พี่ด้วงเขาอยู่วันนี้”“นั่นมันที่ทำงานพี่นี่จ๊ะ แล้วสถานีมันไม่ได้เงียบอยู่ตลอดด้วย”เด็กสาวกล่าวเสียงเนิบ นอกจากที่สถานีรถไฟจะมีผู้คนพลุกพล่านแล้ว จะให้ไปรบกวนพื้นที่ห้องประชาสัมพันธ์ที่มีอยู่ไม่กี่ตารางเมตรแล้วเธอขอไปนั่งอ่านตรงลานกว้างดีกว่า ถึงจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือได้ยินเสียงคนทะเลาะ เสียงเด็กวิ่งพล่านมาบ้างแต่ก็ถือว่าดีกว่าอยู่ในบ้านที่ไม่รู้ว่าบิดาจะตื่นมาอาละวาดเมื่อไหร่“แล้วเราไม่ร้อนเหรอ?”“ช่วงนี้หน้าฝนนี่จ๊ะ ฉันไม่เป็นไรหรอก”“พี่ว่าจะเก็บเงินเช่าห้องให้เราไปอยู่”“มันแพงนะจ๊ะ แล้วครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสอบติดรึเปล่าอีก”แผนได้ฟังสิ่งที่น้องสาวพูดก็ปวดใจ เพียงเรียนจนจบม.๖ ไม่คิดจะต่อม.๗ เพราะเห็นว่าอายุถึงเกณฑ์การรับสมัครสอบพยาบาล ทว่าการสอบครั้งแรกที่ผ่านมาของน้องสาวนั้นไม่ประสบผลสำเร็จแม้จะตั้งใจอ่านหนังสือจนกระดาษเปื่อยยุ่ยก็ตามที“ถ้าอย่างนั้นพี่จะพยายามหาครูมาสอนตัวต่อตัว”“นั่นแพงกว่าอีกนะจ๊ะ”“มันคุ้มค่าหรอก”วันนี้เป็นเช้าวันพุธซึ่งเขามีนัด
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๗ สิบแผ่นกระเบื้อง

 ‘ถ้าเฮียไว้หนวด เฮียกลัวว่าจะไม่หล่อในสายตาเราน่ะสิ’แผนหน้าขึ้นสี ไม่รู้มาจากความขวยเขินหรือความกริ้วโกรธที่พี่ตำรวจแกใช้เวลาคิดเป็นนาทีเพื่อให้ได้ประโยคหยอกเย้ามาประโยคเดียว!ลืมไปแล้วหรือไรว่าพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อนำเสื้อพวกนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของตัวเฮียเอง แต่ดูจากหน้าระรื่นนั่นแล้วงานคงจะไม่อยู่ในหัวเลยสินะ!นายสถานีเห็นพี่ตำรวจไม่พูดอะไรต่อเสียทีก็นึกสงสัยจึงถอยมาสบตา คล้ายว่าอีกฝ่ายอยากให้เขาพูดอะไรต่อ แล้วอย่างเฮียพูนมันจะเป็นอะไรไปได้นอกจากคำชมล่ะ“เฮ้อ...เอาเถอะ เฮียจะแต่งตัวแบบไหนมันก็-อึก!”จู่ ๆ หน้าแก้มบริเวณที่ช้ำก็ปวดขึ้นมาอย่างกะทันหันส่งให้เนื้อเสียงขาดห้วง แผนยกมือขึ้นกุมแผลอย่างเป็นไปเองโดยลืมไปว่าคนตรงหน้ากำลังจ้องอยู่“เฮีย...ลองใส่เสื้อเก่า ๆ น่าจะดูเหมือนมากขึ้นนะ ลองเลือกจากที่ผมยื่นให้ก็แล้วกัน”“เฮียเอาตัวนี้แหละครับ ถ้าเรามีตัวไหนอยากได้หรือเอาไปให้น้องสาวก็เลือกได้เลยนะ”“อือ...”เพราะไม่รู้จะหนีออกไปจากสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนนี้อย่างไรเขาจึงเลือกผละออกมาดูในส่วนเสื้อผ้าผ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๘ ซื้อขาย

 นายตำรวจพูนจำต้องจากลาน้องนายสถานีมาเพื่อทำภารกิจปลอมตัว ช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยว่าต้องตระเตรียมแผนการการแสดงให้พร้อมสำหรับลงมือปฏิบัติจริงเขาจึงไม่มีโอกาสแวะมาหาน้องแผนในตอนเช้า (ถึงจะมีแวะมาอ้อล้อตอนพักบ้างก็ตามที) ยิ่งเป็นวันลงมืออย่างวันนี้เขาจึงไม่มีโอกาสพายเรือไปส่งน้องแผนเลยนอกจากพูนจะไม่ได้กลับบ้านกลับช่องไปนอนแล้ว ในขั้นตอนการเดินทางไปบ้านเศรษฐีเป้าหมายถัดไปของพวกโจรร้ายยังต้องมานั่งเมามายกับยานยนต์สี่ล้อ หนุ่มบ้านนอกที่คุ้นชินกับการขี่ม้าขึ้นลงภูเขาได้แต่มองเจ้าไกรเพื่อนซี้มันนั่งกอดอกหน้านิ่งมองท้องฟ้าบรรยากาศยามราตรี คุณพี่ก็เท่เกิ๊น! ในขณะที่เขานั้นเมามายตาลายกับกลิ่นหนัง กลิ่นน้ำมันและแรงเหวี่ยงของรถจนอยากจะเอนตัวนอนไหลไปกับเบาะยิ่งช่วงนี้ไอ้ไกรมันชอบนั่งเหม่อไม่รู้คิดอะไรของมัน จากที่สงบคำพูดอยู่แล้วก็แทบจะกลายเป็นใบ้ไปเลยเมื่อนั่งโต๊ะทำงาน“เอ็งเป็นอะไร เห็นนั่งท่าแปลก ๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว?”“เมารถ”“หือ?”ไม่ต้องมาหงมาหือเลยไอ้หนุ่มพระนคร! ฉันสิแปลกใจมากกว่าที่เอ็งทนกลิ่นเหม็นพวกนี้ได้ โอย...พอถึงหน้างานเขาจ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๙ เรื่องราวเดิม ๆ

 ผ่านมาจวนจะครบสี่สัปดาห์ซึ่งเข้าใกล้กำหนดการที่เขาต้องส่งเรื่องลงไปให้สน. พูนซึ่งทีแรกไม่คิดจะไว้หนวดแต่พอขี้เกียจเข้าหน่อยก็ปล่อยหน้าปล่อยตา ไหนเขาจะลืมซื้อมีดโกนติดมือมาด้วยอีก พ่อโจรกำมะลอนั่งแกว่งขาบนแคร่ไผ่ใต้หลังคามุงจาก มองฟ้าฝนที่คล้ายจะตกถี่ขึ้นทุกวี่ทุกวัน ไม่รู้ป่านนี้ใจกลางพระนครน้ำจะลดแล้วหรือยัง ที่เขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองมันก็เพราะฝนตกหนักจนลุงขามแกลงไปปล้นไม่สะดวก จากแผนปล้นกลายเป็นการนัดรวมตัวหารือในหมู่เสือด้วยกันเอง ซึ่งเข้าทางเขาเห็น ๆ แค่นี้ก็จะได้กลับไปนอนบ้านเร็วขึ้นแล้วอยู่มาหลายสัปดาห์ในหมู่บ้านนี้ไม่ได้ข้อมูลสิแปลก ที่เห็นว่าตั้งแง่กับเด็กใหม่นั่นมันเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น ทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่หน่อยคนที่นี่ก็คล้อยตามใจเหลวใจอ่อนเล่าเรื่องราวความเป็นมาให้เขาฟังหมดเปลือกแล้ว ไอ้ไกรมันคงวางแผนไว้ว่าภารกิจนี้ง่ายพอจะส่งตำรวจแฝงตัวมาคนเดียว แต่ถ้าไม่เป็นเขาจะดีกว่านี้ ฮือ...“พี่พูนจ๊ะ ฝรั่งจ้ะ ฉันฝานมาให้”เจ้าของชื่อหลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงหวานใสเอ่ยเรียกชื่อ หญิงสาวในเสื้อแขนกุดนุ่งผ้าถ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ ๑๐ กระสับกระส่าย (NC)

 แผนเดินขนาบข้างทนายร่างสูงในชุดสูทภูมิฐานท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนในย่านกินดื่ม เขายังได้ยินเสียงพูดคุยสังสรรค์แว่วมาจากร้านอื่นโดยรอบ รวมถึงการได้เห็นแสงสีที่พ้นออกมาจากบานประตูกว้าง บางทีเขาก็เคยคิดว่าตัวเองสมควรผ่อนปรนการทำงานลงมาได้แล้วหรือยัง ทว่าเขากลัวเหลือเกินหากสักวันเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันให้เงินที่สั่งสมมาหายไปในพริบตาต่อให้ต้องเตรียมใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะสามารถก้าวขาออกมาทำงานกลางคืนที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเต็มใจหรือไม่ เขาก็ต้องทำ แต่หากเลือกได้ตอนนี้เขาอยากจะนอนอยู่เฉย ๆ อยากพักผ่อนอยู่บ้านไม่ใช่มาเดินตามคนอื่นต้อย ๆ เพื่อไปขึ้นเตียง“เธอดูคิดมากนะ”คุณทนายถามไถ่คนตัวเล็กข้าง ๆ หลังชำระเงินค่าห้อง ตลอดทางตั้งแต่ร้านเหล้ามาจนถึงโรงแรมเขาเห็นเจ้าตัวเหม่อลอย ไม่ก็หน้ามุ่ยคิดอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว“ผมก็เป็นแบบนี้แหละ”“ที่ไม่ยอมติดริบบิ้นเป็นเพราะเรื่องที่คิดอยู่รึเปล่า?”แผนเลือกที่จะไม่ตอบ พอได้ห้องนอนก็เดินสะบัดก้นไปวางกระเป๋า เข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวให้พร้อม นายสถานีถอนหายใจหนัก พลางบอกตัวเองว่าจะมัวแต่ใคร่ครวญเรื
อ่านเพิ่มเติม
DMCA.com Protection Status