ตอนนี้มันคงสายเกินไปแล้วในเมื่อคนที่น้องชายเขาเฝ้ารอมาตลอดมาปรากฎอยู่ตรงหน้า เขา...คงต้องยอมแพ้ กระนั้นดูเหมือนฟ้าจะยังเข้าข้างเขา เพราะเพียงหลังจากวันที่เขาเริ่มทำใจยอมรับชะตากรรมผ่านมาเพียงสัปดาห์เศษ น้องชายซึ่งกลับมาจากการทำงานจากที่จะยิ้มมีความสุขหรือทำกิริยาทักทายสมาชิกในบ้าน เจ้าตัวกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง เหม่อลอยผิดสังเกต จนเมื่อตกดึกเขาไปเคาะห้องถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาจึงได้เห็นแววตากลมใสคลอหน่วย “ฮึก...พี่ไกร...” “ไหนมีอะไรเล่าให้พี่ฟังซิ” “ฮึก...เขา...” “ไหนครับ ใครทำอะไรน้องด้วงของพี่” “คนที่ผมรอมาตลอด...คนที่ผมชอบ...เขา...มีเจ้าของแล้ว ฮึก” “ไม่เป็นไร ยังมีคนอื่นอีกเยอะ หรือเราไม่ต้องมีใคร...อยู่กับพี่ไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” ไกรวิชญ์กระตุกยิ้มจดจ้องมองต่ำลงไปยังคนเด็กกว่าข้างกายอย่างคนเจ้าแผนการ ในเมื่อไม่มีแล้วซึ่งคนที่น้องชายรัก ต่อจากนี้เขาจะไม่มีอุปสรรคอีกต่อไป
View Moreดันกิ × เจียมดันกิจำได้เป็นแม่นเหมาะว่าเมื่อราว ๆ หนึ่งปีก่อนซึ่งเป็นช่วงที่เขาย้ายตัวเองจากการเป็นสายสืบรายการลับที่ต่างจังหวัดในประเทศไทยเข้ามายังพระนคร นอกจากจะต้องตะบี้ตะบันหางานทำในสภาวะที่คนไทยต่างก็รังเกียจคนญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานอยู่นั้นเองในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่รอบสัมภาษณ์การเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศ เอกภาษาญี่ปุ่น ประจำวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเขตใกล้เคียงทว่ารู้แต่ที่อยู่ตอนที่ส่งจดหมายไปสมัครไป แต่ไม่รู้วิธีการเดินทางมันก็เท่านั้น เขาได้แต่เดินอย่างสิ้นหวัง เขาว่าก็สื่อสารภาษาไทยได้พอสมควรจากการสอนส่วนตัวตามบ้านเศรษฐีและการตระเวนชิมอาหารไปทั่วทุกสารทิศ แต่ทำไมพอได้ยินสำเนียงแปร่งหูแม่ค้ารายทางจำต้องทำหน้าขยะแขยงหอบข้าวหอบของหนีกันเป็นแถว หรือว่าเขาหล่อไม่พอหรือเปล่า หรือว่าเขาแต่งตัวไม่เนียนพอจะเป็นครู หรือจริง ๆ แล้วมีชาวบ้านสืบรู้มาว่าเขาเป็นทหารก่อนจะเอามาบอกปากต่อปากคุณครูชาวญี่ปุ่นผู้อาภัพนั่งเหี่ยวหดอยู่ยังขั้นบันไดที่ไหนสักแห่ง เพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองป้าย หรือถึงมองก็อ่านไม่
ฤดูหนาววนมาบรรจบกันอีกครั้งในอีกหลายปีต่อมา อากาศในย่านครึกครื้นของพระนครยังคงอุดมไปด้วยลมเย็นและไอแห้งผากชวนให้นายสถานีในเครื่องแบบสีกากีและผ้าพันคอสีม่วงแก่รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาโดยพลันเมื่อรถไฟที่เข้ามาพาลมแรงมาด้วยด้วงกระชับผ้าพันคอผืนใหม่ของปีนี้ให้ชิดขึ้น ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่แม่มาลีย้ายข้าวของกลับมาอยู่บ้านที่เมืองหลวงอย่างเต็มตัว นอกจากจะพกเสื้อผ้า สัมภาระ และแมวมาด้วยแล้วยังมีงานอดิเรกใหม่นั่นคือการถักไหมพรม เจ้าหล่อนชื่นชอบในการนั่งตากพัดลมเชยชมธรรมชาติรอบบ้านไปพร้อมกับการนั่งฟังวิทยุและถักเส้นไหมพรมเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มากในตอนแรกสิ่งที่ถักได้ก็เป็นสิ่งของเครื่องใช้เครื่องแขวนเล็ก ๆ เช่นที่รองแก้ว ปลอกคอแมว ที่ห้อยพวงกุญแจ แต่เดี๋ยวนี้เจ้าหล่อนมีฝีมือมากขึ้นทั้งยังได้ทำความรู้จักกับสมาคมแม่บ้านในชุมชนตำรวจจึงได้แบ่งปันประสบการณ์ในครัวเรือนกัน จนตอนนี้หญิงเจ้าสามารถถักไหมพรมทำเป็นเสื้อทั้งตัวได้แล้วด้วงที่ได้รับมันมาพร้อมกับผ้าพันคอผืนใหม่คิดจะใส่มาสถานีเพื่อกันหนาว แต่คิดอีกทีมันคงจะเกะกะรุงรังน่าดูเพราะมันยาวลงมาปิดต้นขาไม่ต่าง
“อือ...อื้อ...”ไอร้อนจากอากาศนอกหน้าต่างชวนให้คนที่ยังนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าเมื่อหรี่ตาขึ้นมองบรรยากาศแวดล้อมห้องยังคงมืดสนิท แต่สิ่งที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวันคงจะเป็นแสงที่เล็ดลอดเข้ามาผ่านรูหน้าต่างด้วงในตอนนี้รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวมากกว่าเมื่อคืนหลังร่วมเตียงกันเสร็จใหม่ ๆ เสียอีก แต่มันก็ใช่จะทำให้เขาเดินไม่ได้แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอนอนอยู่เฉย ๆ จนกว่าจะหายปวดดีกว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ส่องกระจกตรวจสภาพตัวเองชัด ๆ เพราะกว่าจะจบคืนเขาก็ง่วงงุนจนคิดอยากจะนอนลูกเดียว ทว่าหากให้เดาบนผิวส่วนที่คันยุบยิบไม่หยุดมาตั้งแต่ตื่นคงจะเต็มไปด้วยรอยฝังเขี้ยวของพี่ไกรเป็นแน่ด้วยนิสัยอยากรู้อยากเห็นด้วงจึงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มเพื่อลองกดนิ้วไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย“อึก!”เจ็บ...ทุกตรงเลยด้วงพลิกตัวเพราะความเมื่อยล้าบริเวณหลัง พอได้นอนคว่ำแบบนี้แล้วค่อยสบายขึ้นมาหน่อยถึงแผลช่วงอกจะถูกทับจนคันขึ้นมาบ้างก็ตามตอนนี้พี่ไกรไม่อยู่ในห้อง และเขาได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างสองย่าหลานแว่วเข้ามา กัน
สองเต้าเต่งตึงจากการบีบเคล้นด้วยแรงมหาศาล แต่งแต้มด้วยรอยขบเม้มฝังเขี้ยวมากเกินจะบรรยาย การที่เขาติดใจมันมากถึงขนาดนี้คงเพราะทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสเหมือนตัวเองกำลังได้กัดกินก้อนแป้งนุ่มหยุ่นอย่างไรอย่างนั้น“อ๊ะ!”นั่นส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นการลากนิ้วผ่านหรือแตะเบา ๆ ไปยังยอดอกชูชัน เจ้าของร่างบนตักจึงเปล่งเสียงครางหวานออกมาให้สดับฟังได้ตลอดเวลาไกรวิชญ์ตลอดการนั่งฟังน้องชายอธิบายใช่ว่าจะกักเก็บอารมณ์ได้มิดชิดเพราะมันไปรวมกันยังส่วนกลางกายจนครั้งนี้มันบ
ไกรวิชญ์อดทนมาตลอด ไม่ใช่แค่ตอนที่น้องชายเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าวับ ๆ แวม ๆ ทว่าตั้งแต่วันแรกที่ได้นอนเตียงเดียวกัน เขาไม่อยากเป็นตาแก่ตัณหากลับในสายตาด้วงจึงควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองมาเสมอมา ไหนจะเรื่องในอดีตที่เป็นปมฝังใจ แม้จะไม่ถึงขั้นถูกกระทำชำเราแต่เพียงแค่รู้ว่าร่างกายตัวเองมีคนจ้องจะเอาเปรียบอยู่ ด้วงก็คงเสียความรู้สึกไปไม่ใช่น้อย และเขาไม่อยากเป็นคนคนนั้นในวันที่เขาเปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่าด้วงไม่ได้สวมกางเกง ทั้งยังสะลึมสะลือตื่นขึ้นมานั่งคุดคู้บอกต้อนรับเขาเป็นสิ่งที่น่ารักน่าชังเกินจะบรรยาย ทว่าเขารู้ตัวเองดีว่าหากมองไปมากกว่านี้มันจะไม่จบแค่กล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วเข้านอนแน่ ๆ เขาจึงรีบโผเข้าไปคว้าผ้าห่มมาห่อตัวน้องชายเอาไว้มิดชิด ปิดตาสนิทไม่ให้มันไปแทะโลมสัดส่วนโค้งเว้าใต้เสื้อตัวบาง จัดแจงหากางเกงกันหนา
เนื่องจากตลอดมาสน.ของพวกเรารับแต่งานหนัก ๆ เข้ามากันทั้งนั้น วันนี้จึงเหมือนเป็นวันสรุปรวบยอดผลงานทั้งหมดที่ทำเพื่อส่งไปให้สำนักงานใหญ่ประเมินไหนตอนกลางวันยังมีเรื่องแปลก ๆ ของชาวบ้านที่เข้ามาร้องทุกข์ใส่ร้ายคนอื่นว่าเป็นปอบมาขโมยไก่อีก เป็นเรื่องวุ่นวายเพราะต่างคนต่างตีกันไม่เลิกกลางสน. กว่าจะจัดการอะไรเสร็จก็ปาไปสองทุ่มเศษ สุดท้ายกว่าเขาจะพาตัวเองเข้าบ้านมาได้ก็ปาไปสามทุ่มตรง อยากนอนกอดด้วงจะตายอยู่แล้ว!’ไกรวิชญ์หอบร่างกายอันเหนื่อยอ่อนของตัวเองขึ้นมายังชั้นสอง เพราะทานมื้อเย็นเป็นของฝากจากเพื่อนตำรวจมาแล้วจึงสามารถอาบน้ำเข้านอนได้เลยทันที ดูจากการที่ไม่มีไฟออกมาจากร่องประตูบานเลื่อน ป่านนี้ทุกคนในบ้านคงเข้านอนกันหมดแล้วกระมังคุณพ่อตำรวจเดินเข้าไปเปิดไฟกลางบ้านให้มองเห็นอะไรได้ชัด ๆ วางกระเป๋าบนโต๊ะทานข้าว วกกลับมาล็อกกลอนประตูระหว่างชั้นสองกับระเบียง กะจะจุดตะเกียงเดินไปปิดไฟอีกครั้ง ทว่าเมื่อทั้งบ้านมีเพียงแสงตะเกียง เขากลับสังเกตเห็นว่าหลังบานประตูห้องนอนเขายังมีแสงลอดออกมาอยู่ ป่านนี้แล้วด้วงยังไม่เข้านอนอีกหรือไรไกรวิชญ์เดินถือตะเกี
ด้วงยังคงอยู่ในชุดนอนเพราะวันนี้กะจะออกสายสักหน่อยเนื่องจากวันก่อนเขาอยู่กะดึกแทนคุณลุงที่ป่วยจึงได้ใช้เวลาช่วงเช้ามาระหว่างการทำข้อตกลง“เรื่องสารวัตรคนนั้น พี่จะทำยังไงเหรอ?”ด้วงพูดเพื่อเปิดบทสนทนาทำลายความเงียบขณะเจ้าพี่เดินออกมาจากห้องน้ำ อย่างไรเมื่อวันแรกที่พี่เข้าโรงพยาบาลพระนครนอกจากพี่พูนจะคาบข่าวเรื่องอาการของเจ้าตัวแล้ว ยังบอกเรื่องที่ว่าใครปองร้ายเจ้าพี่อยู่ด้วย เพราะเมื่อขอความร่วมมือ ให้ตำรวจภาคพื้นที่ตรวจสอบหญ้าและน้ำที่ม้าของพี่กินเข้าไปในวันนั้นก็ผมว่ามียาซึ่งเป็นพิษต่อม้าอยู่นอกจากนั้นสายบังเหียนที่ไม่ควรจะขาดง่าย ๆ ดันมาขาดกลางคันก็เพราะมีคนเอามีดไปเฉือน และทั้งหมดเมื่อสืบจากพยานแวดล้อมมาจนเมื่อวานนี้ทั้งหมดให้การต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นสารวัตรคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมงานของพี่มีโอกาสเป็นผู้กระทำสูง“พี่ติดต่อทนายดำเนินเรื่องให้แล้ว”“ทำไมเขาต้องขนาดนี้ด้วย พี่เกือบเอาชีวิตไม่รอดเลยนะ”ด้วงมองเจ้าพี่ที่ถอดเฝือกแขนแล้วกำลังแต่งเนื้อแต่งตัวสวมเครื่องแบบตำรวจจัดแต่งผมอยู่หน้ากระจก แขนทั้งสองข้างรวมทั้งข้
ทว่าเมื่อมาถึงเจ้าตัวคงไม่ต้องการกำลังใจจากเขาแล้วกระมัง เพราะรอบตัวรายล้อมไปด้วยของฝากของเยี่ยมไข้เต็มไปหมด มาจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่บ้าง เพื่อนร่วมงานบ้าง แต่ส่วนใหญ่จากที่ได้ยินมาจากเสียงซุบซิบของพยาบาลเห็นจะเป็นเหล่าภรรยาตำรวจ และสาวเล็กสาวใหญ่ที่เจ้าพี่เคยได้ทำความรู้จักในวงการตำรวจ แล้วเขาที่ถือมาเพียงถุงเดียว จะเอาอะไรไปสู้กระเช้าดอกไม้ผลไม้เล่าไกรวิชญ์นั่งเหม่อมองอะไรต่ออะไรในห้องพักส่วนตัวไปเรื่อย จนเมื่อได้ยินเสียงกลอนประตูพร้อมเผยให้เห็นเป็นร่างน้องชายในเครื่องแบบนายสถานีเดินเข้ามาเยี่ยมตั้งแต่วันแรกที่เข้าพระนครก็ใจฟูฟ่อง จากที่ต้องนั่งแสดงละครยิ้มให้เจ้าขุนมูลนายและคนที่อ้างตัวว่ารู้จักเขามานาน ตอนนี้เพียงแค่ได้เห็นหน้าน้องชายที่รักก็เหมือนพลังงานทั้งหมดมันฟื้นฟูกลับมาอย่างไรอย่างนั้น“แขนพี่ ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”“ครับ หมอเขาผ่าตัดให้แล้ว พึ่งเสร็จไปเมื่อบ่าย ตอนนี้รอดูอาการไปก่อน”ไกรวิชญ์มองคุณอานายสถานีจัดแจงวางกระเป๋าด้วยความตื่นเต้นที่เก็บซ่อนไว้ในใจ ก่อนจะเห็นว่าในมือคือขนมปังสังขยาร้านโปรดดวงตาก็เป็นประกาย ยิ่งไปกว่านั้นคนท
มันเป็นจังหวะที่เขาไม่ทันได้รู้ตัว เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเหลิงกับการที่ตัวเองสามารถขี่ม้าได้จึงไม่ทันได้ระวังเท่าที่ควร หรืออาจเป็นสิ่งแวดล้อมอื่นที่เขามองข้ามมันไป“ไอ้ไกร เดี๋ยวค่อย ๆ ตามพวกฉันไปตรงตีนเขานะ”“เอ้อ”นายตำรวจยศสูงพยักหน้าตอบเสียงดังฟังชัด เมื่อนั้นพูนจึงถีบตัวเองเหยียบโกลนขึ้นหลังม้าเดินนำขบวนไปก่อน เมื่อเขาเห็นว่าม้าของเขาพักกินน้ำอะไรเรียบร้อยเขาจึงจูงมายังพื้นที่โล่งก่อนจะขึ้นขี่ตามกันไป โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเสียงปืนดังสนั่นเมื่อเข้าสู่เขตพื้นที่ของพวกโจร ท้องฟ้าโล่งเปิดให้แสงอาทิตย์สาดลงมาบนพื้นส่งให้หน้าดินร้อนระอุเหมือนเตาไฟ รอบข้างเต็มไปด้วยต้นหญ้าสูงเทียมเอวและต้นไม้รายทาง ไม่ใช่ที่ที่คนจะเข้ามาตัวเปล่าได้เลยพวกนั้นมันมีกันมากกว่ายี่สิบคนกับตำรวจจำนวนสิบนายซึ่งเป็นครึ่งต่อครึ่ง ทั้งพวกมันยังชำนาญเส้นทางและการต่อสู้บนหลังม้า ทางเดียวที่จะลากหัวพวกมันลงมาให้ฝ่ายตำรวจได้เปรียบคือเล็งปลายกระบอกปืนไปที่ตัวม้าอย่างเดียวไกรวิชญ์เมื่อได้จังหวะไล่โจรลูกกระจ๊อกคนหนึ่งจึงตั้งสติชะลอควา
1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน) , เคะกล้ามหนุบหนับ และความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างสายเลือด4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึงองค์กรศาสนา, ความรุนแรง, สภาวะผิดปกติทางจิต, Fetish(BDSM)*ที่ผิดหลัก และสิ่งเสพติด/อบายมุขโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .จำนวนตอนหลัก 35+10 ตอนจำนวนตอนพิเศษ 11+3 ตอนรวมทั้งหมด 59 ตอน***พิสูจน์อักษร 2 ครั้ง***อัปเดตครั้งล่าสุด 10/07/2024#...
Comments