Share

บทที่ ๔ ส่อแวว (๑๐๐%)

ด้วงที่ลงมาหยิบนมในตู้แช่เย็นได้ยินเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กแว่วลงมาจากด้านบนบวกกับเสียงกลอนประตูเมื่อสักครู่จึงคิดจะอุ่นชาหอมขึ้นไปให้พี่ชายที่น่าจะกลับมาแล้วด้วย

ในระหว่างที่ตั้งเตาอุ่นนมก็จัดแจงคีบถ่านจุดไฟวางกาน้ำร้อน ก่อนจะผละไปเปิดตู้กับข้าวมองหาถุงชาที่ได้รับเป็นของฝากเมื่อเดือนก่อน เพียงนานเครื่องดื่มอุ่นก็พร้อมใส่แก้ว

พอเดินขึ้นมาก็เห็นว่าพ่อลูกกำลังนั่งคุยกันอยู่ แต่เหมือนน้องกันต์จะดูอาการไม่ค่อยดีเมื่อได้สนทนากับผู้เป็นพ่อ เขาจึงรีบเดินอ้อมหลังไปมอบแก้วนมให้เจ้าตัวรีบดื่มจะได้หนีออกไปจากความอึดอัดได้ ส่วนเขาพาตัวเองมานั่งตรงข้ามพี่ชายพร้อมวางแก้วชาหอมไว้ตรงหน้า

“ของเราไม่มีเหรอ?”

“วันนี้ผมไม่ค่อยอยากกินอะไร”

เขาพูดพลางชำเลืองมองหลานชายที่ค่อย ๆ จิบนมดูเหมือนเขาจะอุ่นร้อนจนเกินไป

“วันนี้เราเป็นอะไร ดูเหม่อ ๆ นะ”

“ปะ...เปล่า แค่มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย”

ตอนนี้เขาระแวงเหลือเกินว่าพี่ไกรจะทำอย่างเมื่อเช้าต่อหน้าลูกชายตัวเอง แต่ตอนนี้เขาจะออกอาการไม่ได้จึงทำเพียงเก็บไม้เก็บมือให้ห่างจากกลางโต๊ะลงมาประสานอยู่บนตัก

“ผมไปนอนก่อนนะครับ”

“น้องกันต์เอาแก้ววางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวอาเก็บให้เอง”

“ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับอาด้วงราตรีสวัสดิ์ครับคุณพ่อ”

“ราตรีสวัสดิ์จ้ะ”

ด้วงกล่าวฝันดีพลางโบกมือน้อย ๆ ส่งเด็กชายกลับเข้าห้องนอนส่วนตัว ไม่นานบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเงียบงัน ด้วงจึงนึกเรื่องที่จะพูดกับคนเป็นพ่อขึ้นมาได้

“พี่ คือ...”

“มีอะไรครับ?”

“หลายวันก่อนน้องกันต์เขามาปรึกษาผม บอกว่าเขาไม่ได้อยากทำงานเป็นตำรวจ”

“…”

ด้วงชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบมองแววตาอันเรียบนิ่งของพี่ชาย ไกรวิชญ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะวางแก้วกระเบื้องลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาทางเขา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ในใจเขากำลังกลัวบางสิ่งบางอย่างอยู่

ฝ่ามือสีน้ำผึ้งกำแน่น ผินใบหน้าเลือกที่จะไม่สบตากับนายตำรวจผู้พี่ แม้เขาพอจะรู้ว่าสถานการณ์มันคงน่าอึดอัดใจแบบนี้ทว่าคราวนี้มันกลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป มัน...น่าขนลุก

“ด้วง พี่วางแผนเรื่องของกันต์มาดีแล้ว”

ขณะพูดฝ่ามือหยาบกร้านก็ค่อย ๆ ลูบไปตามสัดส่วนจับสัมผัสเนื้อแขนเนื้อไหล่ลามลงไปถึงช่วงเอวคอดอย่างถือวิสาสะ ต่อให้ด้วงอยากจะปัดป้องมากแค่ไหนแต่การสร้างประเด็นร้าวฉานขณะกำลังคุยเรื่องของหลานผู้เป็นที่รักอยู่คงไม่เป็นการดี

“ตะ...แต่กันต์เขาบอกว่าไม่อยากเป็น”

“แล้วเราจะไปเชื่อคำของเด็กมันทำไม โตมาเดี๋ยวก็รู้ว่าสิ่งที่พี่เตรียมไว้ให้มันดีที่สุดแล้ว”

“พี่จะบังคับลูกแบบนี้ไม่ได้”

“ลูกของพี่ทำไมพี่จะทำไม่ได้”

“แต่กันต์ธีร์ก็หลานผมเหมือนกัน!”

ด้วงพยายามกลั้นใจเงยหน้าสบตานายตำรวจด้านหลัง ทั้งที่ในใจกลัวจนอยากจะลุกหนี ทว่าสายตาครั้งนี้กลับดูไร้แววจดจ้องมองลงมาที่เขาอย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ คิ้วไม่ได้กดลง มุมปากไม่ได้ยกขึ้นหรือคว่ำลงกลับกันมันกลับเรียบนิ่งคล้ายผืนทะเลยามก่อนคลื่นยักษ์ซัดเข้าฝั่ง

ด้วง ต้องให้พี่ทำยังไงเราถึงจะหยุดพูดเรื่องนี้สักที”

อารมณ์ระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่น้อยกำลังจับจ้องผ่านช่องประตูที่แง้มเปิด กันต์ธีร์เห็นคุณอาสีหน้าซีดเซียวก็อยากจะเข้าไปช่วยแต่เขาเป็นเด็ก ทั้งยังเป็นบุตรของคนที่คุณอากำลังมีปากเสียงด้วย

“ก็อนุญาตให้กันต์เรียนในสิ่งที่ชอบ-อึก!”

“ไร้สาระ”

กรอบหน้ากลมถูกจับเข้าอย่างจังจนเนื้อเสียงกระตุก แรงของนายสถานีแม้มีมัดกล้ามเนื้อแต่ไม่อาจสู้แรงของตำรวจที่ถูกฝึกมาได้เลย

ด้วยความเกรงกลัวที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดตั้งแต่โดนเข้าประชิดตัวจึงทำให้ด้วงไม่กล้าแม้แต่จะต่อปากต่อคำ แววตามุ่งมั่นเปลี่ยนเป็นผวาหวั่นโดยพลัน ทว่าเมื่อไกรวิชญ์รู้สึกตัวว่าตนกระทำสิ่งใดลงไปก็จึงปล่อยมือ และเข้าประคองคนน้อง

“พี่ขอโทษ เรากลัวหรือเปล่า เรื่องนี้พี่ว่าเอาไว้เราคุยกันวันอื่น...”

“…”

ด้วงหลบตาไม่ตอบคำถามนั้นแต่อย่างใด เลือกที่จะรวบผ้ารวบผ่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้คว้าแก้วทั้งสองใบลงไปเก็บยังชั้นล่าง ทิ้งนายตำรวจเอาไว้กลางโถงชั้นสองแต่เพียงผู้เดียว

ไกรวิชญ์เมื่อเห็นแผ่นหลังนั้นเดินลับสายตาไปจึงได้แต่หัวเสียขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กรามตัดขึ้นเส้นเลือดปูดโปน ไม่พอใจถึงท่าทีปฏิเสธนั้นเป็นทุนเดิมดันต้องเอาเรื่องลูกชายมาคิดอยู่ในหัวอีก นี่กะจะปั่นประสาทเขาเล่นหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงอยู่กันดี ๆ ไม่ได้ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่าง!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

ด้วงหาจังหวะขึ้นมาเมื่อเห็นว่าพี่ไกรรอเขาจนเข้าห้องนอนของตัวเองไปแล้ว เมื่อเข้ามาในห้องแรงจะพยุงตัวก็หายไปจนสิ้น ขาทั้งสองในชุดเครื่องนอนทรุดลงไปกับพื้น เมื่อครู่เขากลัวจนอยากวิ่งหนี เจ้าพี่ไม่เคยปฏิบัติตัวคุกคามเช่นนี้มาก่อน ยิ่งนึกถึงสัมผัสรุกล้ำเมื่อครู่เขายิ่งกระอักกระอ่วนไม่รู้จะต้องทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนั้น

“...”

เขาเครียดเหลือเกิน มีหลายเรื่องให้เขาคิดเหลือเกิน หากบ้านนี้มีแม่กลับมาอยู่ด้วยกันเขาคงมีที่ปรึกษาไว้เป็นที่พึ่งทางจิตใจ แต่เมื่อคิดว่าจะต้องเอาเรื่องหนักอกนี้ไปปรึกษาแม่ก็เกรงเจ้าหล่อนจะเศร้าหมองลงไปยิ่งกว่าเดิม เนื่องด้วยสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ไหนจะสภาวะจิตใจที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเพราะต้องเสียทั้งสามีอันเป็นที่รักและสะใภ้ไปในเวลาไล่เลี่ยกัน

การนำเรื่องราวแบบนี้ลงไปสุมเพิ่ม ไม่ต่างจากการเผาเชื้อไฟให้หมดไวขึ้น เขาไม่อยากให้แม่ต้องทุกข์ระทมไปมากกว่านี้แล้ว

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาผล็อยหลับไป ทว่าตื่นอีกทีเขาก็มานอนซุกผ้าห่มอยู่บนเตียงประหนึ่งมีใครพาขึ้นมา

“พี่ทำเราตื่นหรือเปล่า?”

“พี่...!”

คนบนเตียงเมื่อรู้ว่ามีอีกคนอยู่ในห้องก็รีบหยัดตัวลุกขึ้นมองเจ้าพี่ที่นั่งข้างเตียงด้วยแววตาระแวดระวังไม่ไว้ใจ อาจเพราะเขาลืมล็อกประตูพี่จึงสามารถเข้ามาได้โดยง่าย

“พี่...ขอโทษ เมื่อกี้เราคงกลัวพี่มากเลยใช่ไหม...”

“…”

ไกรแทนที่จะเข้าสวมกอดจึงเลือกส่งมือไปลูบกลุ่มผมสั่นอย่างแผ่วเบาเป็นการปลอบขวัญ ด้วงที่กำลังสั่นกลัวจึงค่อย ๆ ผ่อนปรนกำแพงลง

“เรื่องนี้พี่ขอเวลาสักนิด พี่คิดมาตลอดว่าถ้ามีลูกชายก็อยากส่งเรียนนายร้อย ดังนั้นเมื่อกี้ที่เราจะให้พี่เปลี่ยนปุบปับเลยพี่คงทำไม่ได้”

“…”

“เอาไว้เราสามคนค่อยมาคุยเรื่องนี้เมื่อถึงเวลาดีไหมครับ?”

“อือ...”

คุณอาตอบรับพร้อมพยักหน้าหงึก ๆ เป็นอันเข้าใจกัน คนเป็นพี่ชายจึงพลอยโล่งใจผลิยิ้มกล่าวราตรีสวัสดิ์ส่งน้องชายเข้านอน อย่างน้อยวันนี้ก็จัดการปัญหาเฉพาะหน้าภายในครอบครัวไปได้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

แม้จะดื่มนมอุ่นแล้วแต่เมื่อได้ฟังบทสนทนาระหว่างคุณอาและคุณพ่อตัวเขาก็เก็บเอามาคิดไม่หยุด ต่อให้จะข่มตานอนอย่างไรก็ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด เมื่อเขาได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานประตูห้องฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้องของคุณพ่อจึงนึกสงสัยว่าเที่ยงคืนดึกดื่นเจ้าตัวตื่นมาทำสิ่งใด

เด็กชายในชุดเสื้อนอนรุ่มร่ามค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นไม่ให้เกิดเสียง แง้มเปิดประตูห้องสอดส่องสายตาภายใต้ความมืดเพื่อมองหาตัวคุณพ่อที่น่าจะเดินอยู่สักบริเวณบนโถงชั้นสองจนเห็นว่าเจ้าตัวเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องคุณอา

ด้วยความใคร่รู้ผสมปนเปกับความไม่น่าไว้วางใจกันต์ธีร์จึงก้าวเดินออกมาจากห้องช้า ๆ แล้วจึงไปแอบมองผ่านช่องบานประตูที่แง้มเปิดอยู่

!!!

ภาพที่เขาเห็นทำให้เขาต้องรีบพาตัวเองกลับเข้าห้อง เพราะไม่อาจยอมรับในสิ่งที่บิดาทำกับคุณอาที่เขารักได้

ในขณะที่คนบนเตียงกำลังหลับ ฝ่ามือหยาบหนาล้วงลึกเข้าไปใต้เสื้อผ้ายาวโคร่งเปิดให้เห็นผิวเนื้อภายใน เมื่อแสงจันทร์สอดส่องลงมาในองศาที่เขามองเห็นได้ชัดเจน ใบหน้าของบิดาก็ก้มลงไปแนบชิดกับคุณอาที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่

เด็กชายนอนมองเพดานด้วยความสับสน ภาพนั้นมันยังคงติดตาไม่หายจนเขาข่มตานอนไม่หลับเสียยิ่งกว่า ใจหนึ่งก็หวาดกลัวผู้เป็นพ่อ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงคุณอาที่อุตส่าห์ออกปากช่วย

เขาควรจะทำอย่างไรต่อกับเหตุการณ์เมื่อครู่ดี

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status