หน้าหลัก / LGBTQ+ / ดลรวีที่รัก / บทที่ ๖ ลำดับความสำคัญ (๕๐%)

แชร์

บทที่ ๖ ลำดับความสำคัญ (๕๐%)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-03 18:00:26

“เลขที่ ๓”

“…”

“เลขที่ ๓ เด็กชายกันต์ธีร์!”

“คะ... ครับ!”

“เหม่ออะไรอยู่ อ่านต่อจากเพื่อนเมื่อครู่”

“ครับ!... เอ่อ...วาย ดู ยู ไล้ ยัว อังเคิ้น...”

กันต์ธีร์ยืนขึ้นอ่านบทสนทนาบนหน้ากระดาษท่ามกลางสายตาของเพื่อนและคุณครูประจำวิชาในห้องเรียนขนาดย่อม เขาอ่านมันไปเรื่อย ๆ โดยไร้ซึ่งความมั่นใจ มองอักษรอัลฟาเบทตัวไหนก็งงงวยไปหมด เขาจึงทำได้แต่มองคำอ่านภาษาไทยด้านล่างทั้งที่เรียนมาจนจะสอบกลางภาค เพื่อนคนอื่นอ่านได้กันหมดแล้วมีแต่เขาคนเดียวที่เดินตามหลังอยู่

ฮี อิส อะ คาย เพอ เซิ่น...”

“นั่งลง ยังต้องฝึกอีกเยอะนะเรา เอ้า เลขที่ต่อไปยืน”

“…”

เด็กชายนั่งลงด้วยสีหน้าหม่นหมอง ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการเรียนและอีกส่วนใหญ่คือสถานการณ์ครอบครัวตอนนี้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้วิตกกับมันมากมายนัก ทั้งที่นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่เด็กจะเข้าไปยุ่มย่ามแต่เขาก็อดเป็นห่วงอาด้วงไม่ได้จริง ๆ ใช่ว่าคุณอาจะไม่สังเกตท่าทีหลานชายอย่างเขา ไม่ต้องไปไหนไกลตัวอย่างก็แต่มื้อเช้าของวันนี้

“กันต์รีบกินข้าวเร็

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๖ ลำดับความสำคัญ (๑๐๐%)

    หงุดหงิด หงุดหงิดที่สุด ทำไมต้องมาดวงซวยเอาวันนี้ด้วย เมื่อเที่ยงก็ถูกด้วงมาเห็นในสภาพแบบนั้น ไหนจะต้องกลับดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่รู้วันนี้อีกฝ่ายจะยังอยู่รอหรือเปล่าอีกวันนี้จะเป็นวันเผด็จศึกสองชุมเสือที่เริ่มทำคดีมากกว่าสองเดือน กว่าพูนจะตีสนิทเข้าไปหาหัวหน้าทั้งเสือขามและเสือแหงนที่เป็นพันธมิตรกันได้ก็กินเวลาโข จนบทสรุปมาลงเอยเอาวันนี้ ที่งานเลี้ยงซึ่งถูกจัดฉากขึ้นโดยมีพูนเป็นคนชักจูงโจรให้มาปล้นนับว่าเข้าแผนอย่างจัง ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาตำรวจนับสิบกำลังตะลุมบอนเข้าจับกุมโจรทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ในขณะที่เขาคิด มือก็พลอยจับโกร่งไกปืนตั้งท่ายิงท่ามกลางสมรภูมิรบอยู่ ทุกฝีก้าวที่วิ่งเข้าไปประจันหน้ากับศัตรูเขาไม่ได้มีสติเลยสักนิด ปล่อยให้แขนขาขยับไปตามสัญชาตญาณ และเอาเวลามาครุ่นคิดถึงปัญหาชีวิต‘ไอ้ไกร!! เฮ้ย!’ไม่รู้ป่านนี้ด้วงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกันต์ธีร์หรือยัง หากลูกเขารู้ขึ้นมายิ่งเป็นเด็กอ่อนไหวง่ายไม่รู้จะกระทบปัจจัยรอบข้างมากแค่ไหน‘ไอ้ไกร!’ด้วงจะมองเขาเป็นคนอย่างไรต่อจากนี้เมื่อเขาพาตัวเองกลับไปถึงบ้าน สายตาคู่นั้นจะสั่นเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-04
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๗ ความสุข (๕๐%)

    พูนผู้ซึ่งรอบรู้และช่างสังเกตเรื่องชาวบ้าน ในตอนนี้กำลังยืนจกข้าวเหนียวหมูฝอยห่อใบตองพลางลอบมองหน้าผู้กำกับการที่หน้าบูดเป็นแกงกะทิค้างคืน เขาไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าตัวไปผจญเรื่องอะไรมาเพราะน้องแผนจ๋าก็ไม่ได้มีเรื่องมาถามให้เป็นข้อสงสัยแต่ถ้าให้เดาคงมีสาเหตุมาจากคุณน้องชายเขาเคยเจอหน้าน้องด้วงมาก่อน แน่นอนว่าเพราะเป็นเพื่อนของน้องแผนจ๋าทว่าไม่ได้ใกล้ชิดสนิทอะไรถึงขั้นรู้นิสัยใจคอ นอกเสียจากหน้านิ่ง ๆ เวลาอยู่แถวทางรถไฟ กระนั้นก็ได้ยินข้อโต้แย้งมาจากน้องแผนว่าแท้จริงเจ้าตัวนิสัยดี ทั้งยังยิ้มเก่งเป็นที่หนึ่ง เมื่อวานก่อนที่เอาปิ่นโตมาให้พี่ชายตอนเที่ยงก็เห็นพูดจาไพเราะมีมารยาท และคล้ายจะรู้จักมักจี่กับคนในสน.นี้เป็นอย่างมากจนสารวัตรอาวุโสอนุญาตให้เดินเข้าไปได้ตามสบายดูจากสถานการณ์เมื่อวันนั้นก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ ที่จะทำให้คุณตำรวจน้ำดีคนนี้เคร่งเครียดจนกดปากกากระดาษแทบเป็นรู“ไกร”“อะไร?”“ทำหน้าอย่างกับคนปวดขี้”“เอ็งอยากโดนปากกาทิ่มตารึ”นั่น แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้เลยพ่อคนนี้พูนยืนพิงวงกบประตู ค่อย ๆ ละ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๗ ความสุข (๑๐๐%)

    แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ความจริงในทุกเย็นเมื่อหมดหน้าที่เขาก็ต้องพาตัวเองกลับมายังเรือนเศวตอยู่ดี เขาไม่ได้เกลียดบ้านหลังนี้ เพียงแต่มันน่าอึดอัดใจที่ทุกย่างก้าวบนพื้นไม้เดี๋ยวนี้มันช่างแตกต่างจากในอดีตอันแสนชื่นมื่นสงบสุข เพราะเพียงได้ก้าวผ่านประตูรั้วกลิ่นอายความกดดันก็เข้าโอบล้อมร่างแม้เจ้าของเรือนตัวจริงจะยังไม่กลับก็ตาม“อาด้วง! กลับมาแล้วเหรอครับ!”หลานชายผู้น่ารักวิ่งแท้ด ๆ มาเกาะระเบียงชั้นสองตะโกนเรียกคุณอานายสถานีด้วยความสดใส ก่อนจะพาตัวเองในเสื้อผ้าชุดนอนตัวโคร่งวิ่งลงมาสวมรองเท้าโผเข้ากอดเอวแน่นกันต์ธีร์ดีอกดีใจยกใหญ่เพราะวันนี้คุณอากลับบ้านไว ปกติแล้วต้องฟ้ามืดถึงจะได้ยินเสียงไขประตูรั้วทว่าตอนนี้ยังเป็นเวลาเพียงห้าโมงเศษ ๆ นับเป็นเรื่องดีที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับคุณอามากขึ้นกว่าปกติด้วงอมยิ้มอ่อนเมื่อเห็นว่าหลานรักยังสามารถมีความสุขไปกับสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันได้ แบบนี้เขาจึงพอลดความเป็นห่วงลงมาได้บ้างหลังจากลงกลอนประตูคุณอานายสถานีก็ช้อนอุ้มหลานรักมาไว้ในอ้อมกอด หยอกล้อเล่นกันเล็กน้อยพลางเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-06
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๘ เพียงครึ่งวัน (๕๐%)

    เช้าวันนี้ถือเป็นโชคดีที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเพราะว่าเขาเคยชินกับบรรยากาศน่าอึดอัดในบ้านไปแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน กระนั้นมันกลับทำให้ช่วงเวลาที่เขามีความสุขเด่นชัดขึ้นมาโดยปริยาย“กันต์ วันนี้สอบวันสุดท้ายแล้วใช่ไหม?”“ครับ!”“เราอยากกินอะไรหรือเปล่า ฉลองหลังสอบเสร็จไง ดีไหม?”“ผมอยากกินไก่ทอดน้ำปลา”“แค่อย่างเดียวเองเหรอ อาอุตส่าห์บอกลุงแดงให้เตรียมทำกุ้งเผาเอาไว้ให้ สงสัยคงต้องไปบอกยกเลิกแล้วมั้ง”“เอาด้วยครับ เอาด้วย!”“ของหวานก็เอาเป็น...”“ขนมปังสังขยา!”“ฮ่า ๆ กินเป็นอยู่อย่างเดียวรึ ฮึ?”กันต์ยิ้มแฉ่งขณะเดินคู่ไปกับคุณอาหลังลงจากรถราง ด้วงเองก็ยังคงทำหน้ายิ้มรับเช่นเคย ตลอดหนึ่งสัปดาห์มานี้เด็กชายจมปลักอยู่แต่ในห้อง วันหยุดที่โรงเรียนสั่งให้นักเรียนพักอ่านหนังสือแม้จะบอกว่าอยู่ที่บ้าน แต่เจ้าตัวตลอดทั้งวันไม่ออกมาจากห้องเลยสักนิดเพราะลุงแดงก็เอามื้อเช้ากลางวันเย็นวางไว้หน้าห้อง ห้องน้ำก็อยู่ด้านใน เรียกได้เต็มปากว่าเจ้าตัวอ่านหนังสือแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเสียยิ่งกว่าสมัยก่อนที่เขาต้องทำอี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-07
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๘ เพียงครึ่งวัน (๑๐๐%)

    ไกรวิชญ์เดินกลับมาถึงห้องก็คว้าเสื้อคลุมที่พาดอยู่มาปั้นเป็นหมอนก่อนจะโยนมันไปยังหัวม้านั่งยาวตามด้วยโยนร่างที่เหนื่อยล้าของตัวตามลงไปแขนหนายกขึ้นก่ายหน้าผากบังแสงที่เข้ามาทางหน้าต่างให้สายตามองเห็นเพียงความมืด จิตตั้งมั่นพยายามข่มใจหลับทว่าสิ่งถัดไปที่ผุดขึ้นมาฟุ้งซ่านในหัวคือ น้องชายเขาคิดจนแทบบ้าไม่ต่างจากนักโทษในกรงขังนั่นทว่ากลับคิดหาวิถีทางที่จะเอ่ยกล่าวกับด้วงให้เจ้าตัวกลับมาทำตัวปกติกับเขาไม่ออกเลยสักนิด“เฮ้อ...”*แอ๊ด* เสียงบานประตูไม้หนาค่อย ๆ แง้มเปิดสะกิดหูนายตำรวจที่สะลึมสะลือใกล้หลับให้หันสมาธิมาสนใจทว่าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนท่าทางการนอนแต่อย่างใด คงจะเป็นเจ้าแผนที่กลับเข้ามานั่งเล่นอีกตามเคย“ไม่คิดว่าคนอย่างแกจะนอนกลางวันกับเขาด้วยนะ” เสียงอย่างชายชราคุ้นหูเอ่ยขึ้นทำให้เขาต้องรีบหยัดตัวลุกขึ้นโดยไม่ดูทรงผมของตัวเองที่กระเซอะกระเซิง เมื่อสบตาผู้กำกับการหนุ่ม ชายสูงอายุจึงอมยิ้มกับหน้าอ่อนเยาว์ที่อ้าปากหวอด้วยความปฏิบัติตัวไม่ถูก“ท่าน...สวัสดีครับ”ไกรวิชญ์เอ่ยทักทายพร้อมรีบลุกขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๙ คำที่ไม่อยากได้ยิน (๕๐%)

    ‘วันนี้คุณผู้ชายฝากมาบอกว่าจะไปดื่มกับเพื่อนนะ’นั่นเป็นสิ่งที่ลุงแดงกล่าวเมื่อเขากลับมาถึงบ้านก่อนเจ้าตัวจะผละออกไปเก็บงานทำความสะอาดให้เรียบร้อยและขอตัวกลับบ้าน ทั้งที่ปกติพี่ไกรช่วงนี้ก็กลับเย็นกลับหัวค่ำแต่สงสัยที่มาบอกครั้งนี้คงจะกลับดึกมากจริง ๆด้วงคุยกับตัวเองในหัวขณะเดินขึ้นไปบนบ้าน ด้วยช่วงนี้ฟ้ามืดเร็วดวงไฟบนเพดานจึงเปิดสว่างโร่ แต่เขากลับไม่เห็นเด็กชาย สงสัยคงจะอาบน้ำอาบท่าไม่ก็ทำการบ้านอยู่ในห้องทว่าเมื่อมารู้ว่าวันนี้จะได้มีเวลาอยู่คนเดียวมากขึ้นรายการเรื่องที่ยังค้างคาก็แล่นเข้ามาในหัวการงาน/การเรียนในอนาคตของกันต์ธีร์ ตอนนี้แม้เจ้าตัวจะยังหาอาชีพในฝันไม่ได้ รู้แต่เพียงปฏิเสธการเป็นตำรวจ กระนั้นเรื่องนี้ก็ยังสามารถเลื่อนเวลาออกไปได้ อย่างไรเสียอายุของเด็กชายก็พึ่งพ้นเลขหลักเดียวมาไม่เท่าไร ส่วนเรื่องที่ใกล้เข้ามาหน่อยอย่างการเรียนพิเศษ เขาลองเอามาขึ้นมาคิดดูอีกครั้งเมื่อนึกย้อนกลับไปพี่ไกรก็มีส่วนที่พูดถูก เขาไม่ควรเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งมากจนเกินไป ทว่าอย่างน้อยหากจะเรียนก็อยากให้หลานรักได้มีสิทธิ์ออกความเห็นบ้าง และอีกเรื่อง.

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๙ คำที่ไม่อยากได้ยิน (๑๐๐%)

    ด้วงหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จก็ยกจานชามลงมาทำความสะอาด แม้น้ำประปาในตอนกลางคืนจะเย็นโดยธรรมชาติแต่เมื่อเข้าฤดูฝนคล้ายว่ามันจะเย็นเป็นพิเศษ อีกไม่กี่เดือนคงเย็นจากฤดูหนาวจนต้องรีบหาอะไรมาอุ่นมือ เมื่อคิดดังนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังกระหึ่มโดยพลัน อีกไม่ถึงชั่วโมงฝนคงตก หวังว่าพี่ไกรจะกลับมาทันก่อนฝนลงเม็ดปกติพี่เจ้าไม่ใช่คนช่างเที่ยว ไปกินดื่มครั้งนี้คงไปกับคณะหรือไม่ก็เพื่อนสนิทอย่างพี่พูน เจ้าตัวยิ่งคออ่อนอยู่ด้วย แม้ลึก ๆ แล้วจะยังรู้สึกระแวงแต่ในฐานะน้องชายก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยด้วงเช็ดไม้เช็ดมือแล้วจึงดึงแขนเสื้อสีขาวลงมาปิดแขนกันลมหนาว เดินไปปิดไฟถือตะเกียงส่องตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณชั้นหนึ่งก่อนขึ้นไปจบที่หน้าห้องของเด็กชาย ช่วงนี้เห็นเจ้าตัวดูเหนื่อยเป็นพิเศษไม่รู้ว่าเวลาเกือบสองทุ่มจะเข้านอนไปหรือยัง*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*“กันต์นอนหรือยัง อาขอเข้าไปได้ไหม?”‘ได้ครับ’ เสียงเล็กกล่าวอนุญาต คุณอาจึงเปิดประตูเข้าไปเมื่อไขกลอนเปิดแล้วจึงเห็นว่าเด็กชายกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่โดยมีเพียงตะเกียงหัวโต๊ะเป็นจุดกำเนิดแสง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-10
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๑๐ ไร้ที่พึ่ง (๕๐%)

    เพราะเมื่อคืนกระดกหมดแก้วแบบไม่รู้สี่รู้แปดแท้ ๆ ตอนนี้เขาเลยจำอะไรหลังจากภาพตัดไปไม่ได้สักนิด จำได้แต่เพียงพวกเขาเข้าไปในร้าน นั่งมองอะไรไปเรื่อยสักพัก พอแก้วมาวางตรงหน้าหลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้อีกทีก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงห้องนอนตัวเองแล้วไกรวิชญ์สะลึมสะลือพาตัวเองลุกขึ้นนั่งพร้อมกุมศีรษะปวดตุบไปด้วย กระดุมเสื้อถูกปลดให้คอปกหย่อนคล้อยให้พอหายใจสะดวก ขมวดคิ้วฝืนอาการเวียนหัวเหลือบมองตะเกียงเจ้าพายุอันเป็นของน้องชายที่คงจะนำมาตั้งทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน รวมไปถึงถุงสัมภาระของเขาที่เจ้าพูนมันน่าจะแบกมาให้ ทว่าไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลก ๆ ผ้าปูเตียงผ้าห่มยับยู่ยี่ โต๊ะเก้าอี้เอียงไม่เข้าที่ เสื้อผ้าบางตัวหล่นอยู่บนพื้น เขาคงต้องไปถามด้วง แต่แสงแดดข้างนอกดันบ่งบอกเวลาสายโด่ง แถมงานของด้วงผู้คนพลุกพล่านในช่วงวันหยุดเสียด้วยป่านนี้คงออกไปทำงานแล้ว พินิจพิเคราะห์ได้ไม่เท่าไรร่างกายก็อ่อนล้าจนอยากจะนอนต่อ ไหน ๆ วันนี้เขาก็ไม่ต้องไปทำงานขอพักผ่อนสักหน่อยก็แล้วกันร่างกำยำในเสื้อผ้าของเมื่อวานพาตัวเองลงนอนอีกครั้งพร้อมกระชับผ้าห่มคลุมร่างเนื่องจาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11

บทล่าสุด

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๓๐ เหมือนฝัน (๑๐๐%)

    วันนี้เป็นวันที่ไกรวิชญ์อารมณ์ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี ไม่ว่าเรื่องอะไรหรือปัญหาแบบไหนล้วนผ่านไปได้ด้วยดีเหลือเกินนายตำรวจในผ้านุ่งเปลือยท่อนบนเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ เสียงพรูลมหายใจเพราะความโล่งสบายถูกขับออกมาเมื่อเจ้าของห้องเดินมาพาดผ้าขนหนูกับราวไม้ในห้องตอนนี้เรียกได้ว่าเขาได้โอกาสกลับมาแล้วได้ไหมนะ... ตลอดมาด้วงปฏิเสธเขาตัวโยน ทั้งเขายังเผลอทำอะไรไม่ยั้งคิดลงไปตั้งหลายครั้ง ไม่รู้ป่านนี้เขาจะได้รับการให้อภัยแล้วรึยัง*ก๊อก ก๊อก*‘ผมเอง’เพียงแค่สองพยางค์ไกรวิชญ์ละมือจากราวผ้าเช็ดตัวเดินไปเปิดประตูให้ในทันทีโดยลืมไปว่าตัวเองลืมสวมเสื้อ แต่ด้วงนั้นไม่ได้คิดอะไรเดินเข้ามาแบบสบายใจพร้อมกล่าวหัวข้อการสนทนา โดยเป็นไกรวิชญ์เองที่ล่กเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่พาดอยู่มาสวมแทบไม่ทัน“พี่รู้เรื่องครูอุ่นเขารึยัง?”“หมายถึงเรื่องที่เขาเป็นทหารเหรอ?”“ใช่”ไกรวิชญ์เก็บสีหน้าเพราะเหมือนด้วงจะเข้ามาคุยเรื่องอนาคตการเรียนของลูกชายเขา ไกรวิชญ์จึงเดินไปเร่งไฟตะเกียงหัวเตียงให้สว่างพอที่จะทำการสนทนาอย่างเป็นกิจจะล

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๓๐ เหมือนฝัน (๕๐%)

    การกระทำที่ไม่เป็นตัวเองล้วนเกิดมาจากความกลัวภายใต้จิตสำนึกโดยที่เจ้าของร่างไม่อาจควบคุมได้ เหมือนกับการพยายามเปล่งเสียงตะโกนขอร้องความช่วยเหลือในกล่องมืดที่ไร้ซึ่งผู้คน น้องชายเขาคงเป็นเช่นนี้มาตลอด บอกใครไม่ได้เพราะกลัว หนีไม่ได้เพราะใจยังห่วง ทว่ากลับอ่อนแอจนไม่อาจมีแรงยืนหยัด ดังนั้นหนทางเดียวคือการสร้างเกราะ กีดกันทุกอย่างที่จิตใต้สำนึกสั่งให้เอาออกไปจากชีวิต‘แค่พูดคำไม่กี่คำ...’นั่นคือสาเหตุว่าทำไมน้องชายถึงได้ปฏิเสธเขาหนักหนา ด้วยแรงกดดันอันมหาศาลและสถานการณ์อันบีบคั้นส่งผลให้เด็กคนนั้นจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้รักกันไม่ได้เพราะกลัวมารดาจะเป็นอันตรายรักกันไม่ได้เพราะกลัวทำครอบครัวคนอื่นแตกแยกรักกันไม่ได้เพราะกลัวหลานชายที่กำเนิดมาจะผิดหวังมันเป็นปัญหาลูกโซ่ที่สืบเนื่องมาจากคำขู่ไม่กี่คำในวัยเยาว์ ค่อย ๆ ซึมลึกลงไปยังก้นบึ้ง แตกหน่อออกผลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างเงียบ ๆ กัดกินจิตใจเป็นอาหาร ประหนึ่งมีดคมที่ค่อย ๆ เฉือนเนื้อออกไปทีละนิดอย่างประณีตบรรจงเสียงร่ำไห้ที่เขาได้ยินเหมือนมันเป็นความโศกเศร้าตลอดร่วมสิบปี

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒๙ เข็มนาฬิกา (๑๐๐%)

    สองชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นตำรวจคนหนึ่งเป็นอาจารย์พากันมานั่งรอรับยาหน้าโรงพยาบาล เพราะหลังจากเมื่อคืนที่ตากฝนกันไปร่วมชั่วโมงก็พลอยทำให้เชื้อหวัดลงปอดไอกะด้อกะเดี้ย น้ำมูกไหลจมูกแดงไปตาม ๆ กันไกรวิชญ์รู้เรื่องจากปากอาจารย์เจ้าว่าวันนั้นได้ทำอะไรกับน้องชายเขาไปบ้างก็มีน้ำโห กล้าทำกับผิวอันบอบบางแบบนั้นไปได้อย่างไรถึงมันจะเป็นการแสดงเพื่อให้ด้วงเลิกกับตัวเองก็เถอะดันกิเองเมื่อจัดการศัตรูที่เข้ามาและฝังกลบดินไปแล้วก็หันมามองเขม่นใส่นายตำรวจคนที่คุณดลรวีหลงนักหลงหนาแล้วมาใช้เขาเป็นตัวแทนเพื่อตัดใจ“ผมโคตรอยากต่อยคุณเลย”“เอาเข้าจริงผมก็อยากต่อยคุณเหมือนกัน”“…”“…”“สนใจมาแลกกันคนละหมัดไหม?”“ผมก็คิดอยู่แต่แบบนั้นคุณดลรวีน่าจะไม่ชอบ”“ผมก็ว่างั้น”‘ขอเชิญหมายเลข ๒๒๓ รับยาที่ช่องเจ็ดค่ะ’ ดันกิถอนหายใจออกมาพลางลุกขึ้นไปรับยาพร้อมถือกระเป๋าติดตัวไปด้วย เมื่อรับยาเสร็จทีแรกที่คุยกับไกรวิชญ์เขาว่าจะขึ้นไปเยี่ยมคุณดลรวีด้วยกัน แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้วคนที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าตัวได้อย่างเขาไม่มีสิทธิ์ไ

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒๙ เข็มนาฬิกา (๕๐%)

    เสียงพื้นรองเท้ากระทบฝนยังคงไม่หายไปแม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบหนึ่งชั่วโมงนับตั้งแต่ที่ไกรวิชญ์ได้รับโทรศัพท์มาจากแม่เลี้ยงแล้วก็ตาม แน่นอนว่าเขาไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังคงสวมเครื่องแบบตำรวจวิ่งตามหาไปทั่วอยู่อย่างนั้น รวมไปถึงอาจารย์ชาวญี่ปุ่นด้วยเช่นกันชายสองคนวิ่งกลับมาเจอกัน ณ หน้าจุดนัดพบหน้าบ้านเมื่อแยกกันไปหาคนละทางแต่ยังไม่พบวี่แววของคนน้องแม้สักนิด ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้ทั้งนายตำรวจและอาจารย์เป็นห่วงขึ้นไปอีก“ผม...ขอโทษ”ดันกิกล่าวขออภัยด้วยใจรู้สึกผิด หากเขาไม่ทำแบบนั้นบางทีคุณดลรวีคงจะกลับบ้านอย่างปลอดภัยหรือไม่หากเขาทำหน้าหนาตามมาส่งสักหน่อยเรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้“คำนั้นเอาไว้พูดหลังหาด้วงเจอก็แล้วกัน”ไกรวิชญ์พูดด้วยความร้อนรน พลางมองหาเบาะแสที่เขาอาจพลาดไป เมื่อสักครู่เขาแยกไปดูยังเส้นทางอื่นที่น้องชายสามารถเดินกลับบ้านได้แต่ก็ไม่เจอ จึงคิดจะวกกลับไปดูอีกครั้งยังทางเข้าหลักหน้าหมู่บ้านเป็นครั้งที่สองนายตำรวจก้าวขาเดินออกไปโดยไม่ได้บอกกล่าวอาจารย์ที่อาสาตามหาเจ้าน้องด้วยกัน ทว

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒๘ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า (๑๐๐%)

    เนื่องจากตำรวจยังไม่สามารถตามจับกุมนักโทษที่หลบหนีได้ทั้งหมด แม้มันจะเหลือเพียงส่วนน้อยแล้วก็ตามแต่อย่างไรเพื่อความปลอดภัยของผู้คนในเขตนั้น ๆ เมื่อได้เบาะแสอะไรมาพวกเขาจึงต้องเอามาร่วมพิจารณา ยิ่งไปกว่านั้นคดีที่ค้างคาอยู่ก็ยังต้องนำมาพูดถึงเป็นลำดับไปสำหรับการวางแผนในอนาคตอีก“ขอบคุณทุกคนมาก กลับบ้านได้”เป็นไกรวิชญ์ที่กล่าวประโยคนั้น แม้เพื่อนร่วมงานสน.นี้จะขยันขันแข็งกันขนาดไหน แต่เขาก็เข้าใจหัวอกบางคนที่มีลูกมีเมียอยู่บ้าน หากเขารั้งไว้คงจะไม่เป็นการดีนัก“ไอ้ไกร วันนี้ไม่ใช่เวรเอ็งไม่ใช่เหรอ?”พูนกลับมาจากโต๊ะประชุมพร้อมเพื่อนในขณะที่เขาเก็บของลงกระเป๋า แต่ไกรมันกลับนั่งลงหยิบสำนวนขึ้นมาเปิดไปมาเสียอย่างนั้น“ขอทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน”“ขี้เกียจบ้างเถอะพ่อคุณ”“ไว้ค่อยทีหลัง”“แบบนี้น้องไม่ห่วงแย่แล้วรึ?”“ด้วงจะมาห่วงอะไรฉัน”“ใช่ว่าเขามีชิ้นแล้วจะเมินเอ็งสักหน่อย”“ช่างฉันเถอะน่ะ”เพราะรำคาญเสียงจ้อกแจ้กของเพื่อนจึงบอกปัดไป ก่อนจะต่างฝ่ายต่างโบกมือลา ไกรวิชญ์จึงได้กลับมาตั้งสมาธิก

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒๘ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า (๕๐%)

    “แหม ถือร่มมารับเลยนะครับ”“ก็ฝนตกมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่ครับ”แผนซึ่งมาโบกธงเจอหน้าคนรักของเพื่อนพอดีจึงถือโอกาสสนทนาระหว่างด้วงมันกลับมาจากห้องน้ำ หลังจากวันที่ไอ้ด้วงเป็นลม อาจารย์คนนี้คล้ายจะประคบประหงมเป็นพิเศษเพราะรถไฟพึ่งออกและยังอยากตากลมเย็นจึงนั่งบนเก้าอี้รอไอ้ด้วงเป็นเพื่อนอาจารย์ชาวญี่ปุ่น เรื่องราวที่เขาเข้าใจกับที่เกิดขึ้นมันย้อนแย้งกันไปคนละทิศละทาง แต่อย่างไรก็โต ๆ กันแล้ว หากเพื่อนเขาตัดสินใจแบบไหนเขาก็ตามนั้นไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอกเพียงแต่...เขาในฐานะเพื่อนจริง ๆ ก็คอยจับสังเกตมาตลอด เคยลองเซ้าซี้ทว่ามันกลับเอาแต่บอกว่าไม่มีอะไร ไม่นู่น ไม่นี่จนเขาเหนื่อยหน่าย ทำได้เพียงมองเมียงกลัวมันจะเป็นอะไรเข้าในสักวัน และก็เป็นไปตามคาดจริง ๆ ไม่รู้มันไปเอาความเครียดมาจากไหนเยอะแยะจนแต่ละวันน้อยครั้งนักที่จะเห็นมันยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ขนาดคนรักเจ้าตัวมาพูดคุยด้วยก็ยังคงทำหน้านิ่งเฉย ต่างจากสมัยยังเป็นเพื่อนผู้โดยสารลิบลับ“ขอโทษที่ต้องให้รอนะครับ”“ไม่เป็นไรครับ”แผนโบกมือลาเจ้าเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายของวันเพรา

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒๗ เลิกไม่ได้ (๑๐๐%)

    “ขี้เกียจทำงานแล้ว...เฮ้อ”เสียงบ่นอิดออดนั่นออกมาจากปากเพื่อนเพียงคนเดียวของไกรวิชญ์อย่างเจ้าพูนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไร้เรี่ยวแรงจะทำงาน ไกรวิชญ์ซึ่งชินชากับนิสัยนั้นแล้วจึงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปหลังไม่ได้แตะปากกากับกระดาษมานานหลักเดือนพันโทหรี่ตามองคุณพ่อตำรวจทำงานไฟลุกด้วยหน้าตาอันเรียบเฉย ถ้าเป็นเขาโดนหักเงินเดือนคงไม่มานั่งตั้งใจทำงานเกินค่าจ้างแบบนี้หรอก ว่าแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้งเป็นการพ่นความเครียดที่ไม่มีอยู่จริงออกมา‘เมื่อไหร่จะจับพวกมันให้หมดสักที รู้ไหมพวกฉันกังวลแค่ไหน!?’‘ทำงานให้มันดี ๆ หน่อย!’‘ถ้าจะชักช้ายืดยาดแบบนี้ก็ไม่ต้องเป็นหรอกตำรวจน่ะ!!’พูนได้ยินเสียงโวยวายของชาวบ้านแว่วมาจากทางด้านนอกก็เอือมระอา ในตอนที่ไกรมันไม่อยู่ก็เป็นเขาที่บากหน้าออกไปรับคำดุด่าว่ากล่าวแทน เอาเข้าจริงใช่ว่าพวกเขาตลอดทั้งเดือนที่พยายามสืบหากันมาก็ทยอยจับมาได้เรื่อย ๆ แต่เพราะนี่เป็นข่าวใหญ่ที่ยังลงสื่อวิทยุและหนังสือพิมพ์ทางการ ไม่แปลกที่ผู้คนจะให้ความสนใจและเพ่งเล็งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างพวกเขาขนาดนี้“เมื่อวานก็มา พวกป้

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒๗ เลิกไม่ได้ (๕๐%)

    ‘แม่พึ่งถักแล้วซักเสร็จ ลูกเอาไปใส่ด้วยนะ’แม่บอกเขามาเช่นนั้นพร้อมมอบผ้าพันคอไหมพรมสีเทามาให้ ปกติแล้วบ้านเราไม่ค่อยมีของพวกนี้เท่าไรนักเพราะหน้าหนาวประเทศไทยก็ใช่ว่าจะหนาวมากมาย เผลอ ๆ บางวันร้อนเหมือนเตาถ่าน ทว่าวันนี้เพียงตื่นมาก็ต้องขนลุกซู่เพราะลมหวิวที่แทรกเข้ามาตามช่องไม้ เขาจึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะรับมันมานายสถานีหลังทานข้าวต้มมื้อเช้าเสร็จก็ผูกผ้าพันคอเดินลงมาสวมรองเท้าคู่ใจออกจากบ้านตามปกติ บรรยากาศวันนี้ค่อนข้างอึมครึมพิกล ทั้งมือเขายังรู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ทุกครั้งที่ขยับ อาจเพราะความเย็นกัดผิวก็เป็นได้ เขาหวังว่าเจ็ดโมงที่สถานีจะมีคนต้มน้ำอุ่นเอาไว้จิบคลายความหนาวเดินไปเรื่อยจู่ ๆ ก็รู้สึกหิวทั้งที่พึ่งกินมา จะว่าไปเมื่อเช้าแทบไม่ได้แตะอะไรไปเท่าไรนัก ข้าวในถ้วยก็น้อยนิดแต่กว่าจะฝืนกินจนหมดก็นานโข กินอะไรไม่ลงแบบนี้ค่อนข้างส่งผลร้ายต่อร่างกายหลายด้านเลยเชียวยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคืนเขาก็ดันฝันถึงเรื่องเดิม ๆ จนสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอีกแล้ว ตอนแรกคิดว่าอาจเพราะชอบนอนคุดคู้เอาหน้าซุกผ้าห่มจนหายใจไม่ออกแต่มันไม่ใช่เลย ที่ฝันร้ายนั่นกลับม

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒๖ ยินดี (๑๐๐%)

    “เครื่องแบบไม่มีที่เป็นแขนยาวสำหรับหน้าหนาวเหรอครับ?”“พวกเราใส่แบบเดียวกันตลอดทั้งปี ไม่มีแยกตามฤดูกาลหรอกครับ”“แบบนี้ก็ไม่ดีน่ะสิ”“ฮ่า ๆ ประเทศนี้ถ้าหนาวมาทีก็ถือว่าบุญส่งแล้วครับ ปกติร้อนเกือบทั้งปี”ด้วงรู้สึกว่าตัวเองตอบคำถามไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไรเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนทั้งตอนนี้คุณอุ่นยังเป็นคนเริ่มบทสนทนาอยู่ฝ่ายเดียว เขากลัวอีกฝ่ายจะตั้งแง่สงสัย อย่างน้อยเขาก็ควรเป็นฝ่ายถามกลับไปบ้าง“ถุงหอมที่ให้ไปเป็นยังไงบ้างครับ?”“หอมผ่อนคลายมากเลยครับ ผมห้อยติดกระเป๋าไว้ตลอดเลย”ว่าแล้วอาจารย์แกก็ยกกระเป๋าถือขึ้นมาให้เขาดู บริเวณโลหะข้อต่อหูกระเป๋ามีตาข่ายถุงหอมห้อยอยู่ ด้วงเห็นแล้วก็สะกิดใจ ทั้งที่มันแขวนให้เขาเห็นมาตลอดแต่กลับไม่ได้สังเกตเลย สงสัยต่อจากนี้เขาควรใส่ใจคุณอุ่นให้มากกว่าที่เป็นอยู่เสียแล้ว“ขอบคุณที่เดินมาส่งถึงหน้าบ้านอีกแล้วนะครับ”“ผมก็ขอบคุณที่ให้ผมเดินมาส่งเช่นกันครับ”ก่อนที่อาจารย์เจ้าจะไป ด้วงก็บังเอิญสังเกตไปยังสีท้องฟ้าวันนี้ แล้วจึงหันมาแอบมองนาฬิกาข้อมือของอาจารย์ ไหน ๆ

DMCA.com Protection Status