พีและกานต์ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ คนหนึ่งเก็บงำความรู้สึกไว้ลึกสุดใจ คนหนึ่งก็ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย เหตุการณ์คืนนั้น เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไปตลอดกาล คืนนั้น...ที่ทำให้เกิดผลผลิตตัวน้อยออกมา ในโลกของโอเมก้าเวิร์ส อัลฟ่ารักกับอัลฟ่าไม่ใช่เรื่องประหลาด แต่เขาไม่คิดว่าจะสามารถรับได้ที่ตัวเอง กลายเป็นโอเมก้าเพียงชั่วข้ามคืนได้
view moreบทนำ
ในยามที่ท้องฟ้าถูกระบายด้วยสีดำสนิท แต่งแต้มสีขาวระยิบระยับเพิ่มเติมจนสว่างไปทั่วพื้นที่ ประกอบกับพระจันทร์สีนวลเต็มดวงส่องประกายควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์สีขาวจากหลอดไฟทั้งสองข้างถนน มันเล็ดลอดผ่านหน้าต่างสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้ที่ถูกเปิดแง้มไว้เข้าไปจนปรากฎให้เห็นร่างของชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีกำลังหลับตายิ้มรับฝันอันแสนสุข
ในนั้นเขาเป็นเด็กชายอายุเพียงสิบขวบปีกำลังออกวิ่งไปไกลไร้จุดหมาย วิ่งด้วยสีหน้าเปี่ยมความสุข รอบกายถูกรายล้อมด้วยหญ้าและดอกไม้ที่ขึ้นสูงเสียจนเกือบบดบังตัวของเด็กน้อยไปจนหมด
ไม่รู้ว่าวิ่งทำไม วิ่งไปเพื่ออะไร
สิ่งที่รู้มีเพียงสิ่งเดียวคือความต้องการที่จะวิ่ง ก้าวเท้าย่ำลงบนพื้นดินชุ่มช่ำจนสุดขา และก้าวต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่ผ่อนแรง
ฝูงผีเสื้อบินวนอยู่รอบกายและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเขา พวกมันมีสีฟ้าเปล่งประกายดั่งกับเพชรเม็ดงามในถ้ำลึก รอบปีกมีสีดำและจุดสiขาวแต่งแต้มจนทั่ว เด็กน้อยคลี่ยิ้มกว้าง เปล่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข จากเคยตั้งมั่นวิ่งมุ่งตรงไปข้างหน้ากลับเปลี่ยนเป็นหมุนวน ชูแขนเล็ก ๆ ขึ้นจนสุด เพื่อหยอกล้อกับเหล่าผีเสื้อสีฟ้านับร้อยพันตัวรอบกาย
สัตว์ปีกตัวน้อยเกาะเกี่ยวหาที่ยึดกับร่างกายผอมบางของเด็กชาย พวกมันพาเขาบินขึ้นเหนือพื้นดินชุ่มช่ำ เด็กน้อยเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นระคนตกตะลึงที่ฝ่าเท้าไร้สิ่งสวมใส่กำลังลอยอยู่บนอากาศ
เขากำลังบิน!
ผีเสื้อพาเขาบินวนรอบทุ่งกว้าง สีเขียวขจีจากใบหญ้าที่ขึ้นสูงสลับกับดอกหญ้าสีขาว มันฟุ้งกระจายอยู่รอบกายเด็กน้อยและปลิวว่อนเล่นกับสายลม แสงอาทิตย์สาดส่องจนแสบตาหากแต่ไม่แผดเผาให้รู้สึกระคายผิวกาย กลับยิ่งทำให้ทุ่งหญ้าข้างล่างน่าดูชมมากขึ้นเป็นไหน ๆ เด็กน้อยผ่อนคลายกับบรรยากาศและตื่นตาตื่นใจกับการที่เขากำลังลอยเหนือพื้นดิน จนลืมสังเกตทัศนวิสัยรอบกาย
พื้นหญ้าสีเขียวคุ้นตากำลังห่างออกไป เด็กหนุ่มเหลียวมองไปด้านหลังอย่างอาวรณ์
เหล่าผีเสื้อตัวน้อยจะพาเขาไปที่ไหนกันนะ
ในขณะที่กำลังเบือนหน้ากลับมานั้น จู่ ๆ ก็พลันรู้สึกวูบโหวงในช่องท้อง ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระส่ำ ความหนาวเหน็บเข้ามาแทนที่อากาศอบอุ่นเมื่อครู่ในทันใด เส้นขนตามร่างกายลุกชันขึ้นด้วยความตื่นกลัว เด็กหนุ่มหวีดเสียงแหลมอย่างลืมตัวเมื่ออยู่ดี ๆ ฝูงผีเสื้อก็ปล่อยเขาลงจากท้องนภาที่สูงขึ้นจากพื้นดินไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเมตร แขนทั้งสองเอื้อมออกหวังคว้าเอาอากาศตรงหน้าเป็นที่ยึด แต่สุดท้ายก็ไม่ถึง
ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มดิ่งลงด้วยความเร็ว
เฮือก!
ร่างบนฟูกสะดุ้งสุดตัวจากฝันอันแสนสุขเมื่อครู่ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามแผ่นหลังและส่วนต่าง ๆ จนท่วมกาย ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวราวกลองชุดริมฝีปากเผยอออกหอบเอาอากาศเข้าปอดเพื่อคลายความตื่นตระหนก เขาลูบหน้าตัวเองอยู่สองสามครั้งก่อนจะยกมือเสยเส้นผมสีดำสนิทที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้น เบี่ยงสายตาไปมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียงนอน
ตีสอง
ให้ล้มตัวลงนอนอีกครั้งคงไม่สามารถหลับได้แล้ว
กำลังมีความสุขอยู่แท้ ๆ ดันโดนทิ้งกลางอากาศเสียได้ เจ้าพวกผีเสื้อเฮงซวย!
เขาลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก้าวขาไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างสีเปลือกไม้ มองผ่านความมืดเลยไปหาดวงจันทร์ เมื่อตกอยู่ในสภาวะเหม่อลอยเพียงครู่ สมองที่ว่างเปล่าพลันหวนนึกถึงคำพูดของผู้เป็นพ่อที่พร่ำบอกเขาเรื่อยมา
‘ตอนลูกอายุครบยี่สิบห้าปีเต็ม ในคืนที่จันทร์เต็มดวงให้คุมตัวเองให้อยู่ เอาชนะสัญชาตญาณให้ได้ อย่าให้มันควบคุมเรา ’
เขาเป็นอัลฟ่า เรียกว่าเพศที่แข็งแกร่งและน่ายำเกรงที่สุดก็ไม่ผิดนัก ทั้งรูปร่างหนากำยำ พละกำลังที่เหนือกว่าเบต้าและโอเมก้าอยู่มาก รวมถึงไหวพริบในการรับรู้ต่าง ๆ และสัญชาตญาณความเป็นผู้นำซึ่งได้รับต่อมาจากบรรพบุรุษเป็นทอด ๆ
มองดูแล้วคล้ายว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิ
แต่ทุกเพศย่อมมีจุดอ่อน
อัลฟ่าอย่างเขาก็เช่นกัน
เมื่อถึงคืนจันทร์เต็มดวงในตอนที่อายุครบยี่สิบห้าปี มันเป็นคืนที่อัลฟ่าอ่อนแอที่สุด เพราะในเวลานั้นอัลฟ่าทุกคนจะไร้ซึ่งติสัมปชัญญะ สัญชาตญาณแห่งนักล่าจะอยู่เหนือความคิดอ่าน หากฝืนมันไม่ได้แน่นอนว่าต้องอยู่กับมันไปตลอดชั่วอายุขัย
นั่นเป็นฝันร้ายของอัลฟ่า
ไม่มีอัลฟ่าหรือใครหน้าไหนต้องการย้อนกลับไปใช้ชีวิตเช่นในอดีต
ไม่มีใครอยากกลายเป็นผู้ล่าที่จำไม่ได้แม้กระทั่งคนที่รัก
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ในเมื่อมันยังไม่เกิดก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึง
ร่างสูงของอัลฟ่าก้าวเท้าไปหยุดที่หน้าประตูกระจกบานหนึ่ง มันเป็นประตูเชื่อมไปยังบ้านอีกหลังข้าง ๆ กัน ตั้งแต่จำความได้เขาก็เห็นมันตั้งอยู่ตรงนี้แล้ว
หากว่าตามคำบอกเล่าของบุพการีบอกไว้ว่ามันเป็นความต้องการของเด็กน้อยวัยสี่ขวบที่ไม่อยากห่างจากเพื่อนอัลฟ่าด้วยกันแม้กระทั่งยามหลับ พวกผู้ใหญ่ยกเหตุผลมาค้านล้านแปดข้อแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเพราะเพื่อนของลูกชายก็ร้องขอเช่นเดียวกัน จึงจำใจต้องทุบผนังทิ้งส่วนหนึ่งและนำประตูบานเลื่อนมาไว้แทนที่ตามความต้องการของลูกชายและเพื่อนตัวน้อยวัยสี่ขวบปี
น่าแปลก
ปกติแล้วอัลฟ่าเปรียบเสมือนจ่าฝูง แน่นอนว่าย่อมไม่ถูกกับอัลฟ่าด้วยกันเอง แต่เพื่อนอัลฟ่าสองคนนี้กลับแตกต่างออกไปจากที่ควรจะเป็น ถึงเป็นเพียงแค่เด็กวัยอนุบาลที่ไม่รู้เรื่องราวอะไร
แต่อัลฟ่าก็คืออัลฟ่า
ยิ่งตัวติดหนึบกันตั้งแต่เด็กจนโตแบบนี้ยิ่งเป็นเรื่องแปลก
แต่ใครสนกัน
เขาเอื้อมมือจับที่บานประตูและเลื่อนออกอย่างแผ่วเบา เวลานี้ดึกมากแล้วเกรงว่าคนที่กำลังนอนหลับพริ้มอยู่อีกห้องจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ไม่วายเขาคงเขียวไปทั้งร่างอย่างทุกที
บนเตียงนอนหลังใหญ่มีร่างของอัลฟ่าอีกคนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา ดวงตาปิดสนิท ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ หน้าอกใต้ผ้าห่มกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ฟีโรโมนกลิ่นบางเบาจนแทบเลือนหายไปกับอากาศภายในห้อง เป็นตัวบ่งบอกว่าอีกคนหลับใหลไปนานแล้ว
อัลฟ่าผู้มาเยือนก้าวขาย่องเข้าใกล้เตียงอย่างเชื่องช้า วางปลายเท้าลงพื้นกระเบื้องให้แนบชิดและแผ่วเบาที่สุดเท่าที่อัลฟ่าอย่างเขาจะทำได้ จัดการทิ้งตัวลงนั่งที่ว่างบนฟูกแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มนวมผืนหนาและล้มตัวลงหมอนสีขาวสะอาดที่ว่างอีกใบข้างเพื่อนอัลฟ่าของตน
ทุกการกระทำเป็นไปอย่างเนิบช้าและเบาที่สุด
ทุกครั้งยามที่ใครสักคนฝันร้ายหรือมีเรื่องทุกข์ร้อนภายในใจ สิ่งที่พวกเขาทำมาเสมอคือการย่องเบาเข้าไปในห้องของอีกฝ่ายและปิดตาหลับสู่ห้วงฝันไปพร้อมกัน
เหมือนที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
“ฝันร้ายหรือไง” เจ้าของห้องเอ่ยถามผู้มาเยือนด้วยเสียงแหบพร่าราวเสียงกระซิบ ดวงตาคู่นั้นยังคงปิดสนิททั้งสองข้าง
เขารู้ตัวตั้งแต่ที่เพื่อนตัวดีเปิดประตูเข้ามาแล้ว เสียงเท้าย่ำลงกับพื้นมันไม่ได้เบาขนาดนั้น เป็นอัลฟ่าตัวใหญ่แต่กลับย่องเบาเข้าห้องคนอื่นอย่างกับลูกแมว
จะแกล้งเป็นไม่รู้เรื่องก็แล้วกัน
“อืม” อัลฟ่าผู้มาเยือนตอบกลับในลำคอ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เพื่อนตนจะรู้สึกตัวตื่นแม้ว่าจะพยายามทำให้เบาและเงียบเชียบมากเพียงใด
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาแล้วโดนจับได้เสียหน่อย
“ผีเสื้อพาบิน แล้วอยู่ดี ๆ พวกมันก็ปล่อยพีลง” คำบอกเล่าจากเพื่อนอัลฟ่าเรียกเสียงขบขันและรอยยิ้มมุมปากให้กับเจ้าบ้านได้เล็กน้อย
มันก็น่าตลกอยู่ อัลฟ่าตัวโตไม่มีเพศไหนกล้ายุ่งเกี่ยวกลับมาฝันว่าถูกผีเสื้อตัวน้อยปล่อยให้ร่วงลงกลางอากาศจนสะดุ้งตื่นและกลายมาเป็นฝันร้าย
“ต้องให้กานต์โอ๋ไหม” เจ้าของห้องถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“พีโตแล้วนะกานต์” น้ำเสียงของอัลฟ่าหนุ่มฟังดูคล้ายโอดครวญกับคำถามของเพื่อน ถูกล้ออีกแล้วสินะ
หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเพียงเด็กน้อยไม่รู้ความ เขาคงไม่ปฏิเสธและตอบกลับไปว่า ‘มาโอ๋สิ ’ แต่ในตอนนี้ทั้งเขาและเพื่อนอายุยี่สิบสามกันแล้ว อัลฟ่าตัวใหญ่ลูบหัวอัลฟ่าอีกคนที่ขนาดตัวพอกันเพื่อปลอบประโลมจากฝันร้าย คนนอกผ่านมาเห็นคงเป็นภาพแปลกตาน่าดูพิลึก
“นึกว่าจะให้โอ๋”
“กานต์...” เขาโอดครวญอีกรอบเมื่อยังถูกเพื่อนสนิทล้อไม่หยุด เรียกเสียงหัวเราะให้กับเจ้าของบ้านอีกครั้ง
“โอเค ๆ นอนกันดีกว่า” เขาตัดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น หากต่อความเพิ่มกว่านี้ดูท่าว่าคงหลับคอพับไปก่อนจะคุยกันให้รู้เรื่อง
ฝ่ายผู้มาเยือนไม่ได้คัดค้านอะไร เพียงหัวถึงหมอนเมื่อครู่ตาก็ตั้งท่าจะปิดอยู่รอมร่อ ถึงก่อนหน้าจะฝันร้ายจนตื่นเต็มตาแต่เมื่อได้อยู่ในที่ที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ร่างกายก็ผ่อนคลายมากขึ้นเป็นเท่าตัว
โดยเฉพาะกลิ่นหอมประจำตัวของเจ้าบ้าน
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า หน้าต่างบานใหญ่มีผ้าม่านถูกมัดไว้ที่มุมทั้งสองข้าง ทำให้แสงสีนวลจากพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องผ่านเข้ามาจนเผยให้เห็นร่างสองร่างบนเตียงหลังใหญ่
สองอัลฟ่าภายใต้ผ้าห่มนวมเพียงผืนเดียวกำลังนอนกอดก่ายกันด้วยความเคยชิน จากเคยหนุนนอนหมอนคนละใบ กลายเป็นว่าเหลือหมอนว่างหนึ่งใบที่มุมเตียง เจ้าของห้องเคลื่อนตำแหน่งของศีรษะตัวเองมาวางไว้บนลำแขนหนาข้างหนึ่งของเพื่อนสนิท เขานอนตะแคงข้างโดยมีเพื่อนอัลฟ่านอนขนาบด้านหลังไว้เพื่อกันความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้กัน
เป็นความเคยชินที่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
#พีขอโทษ
อรุ่ม เพื่อนจริงเบ๋อ~
***ลงตอนแรก 3 เมษา***
TW : dao_jun000
Special 2 บันทึกของพีและกานต์ _______ตั้งแต่จำความได้เขาก็ตัวติดกับวีรกานต์แล้ว อาจจะเพราะเรียนชั้นเดียวกันและอายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือนทำให้พวกเราสนิทกันมากแต่เพราะความเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเป็นกังวลว่าหากวันใดที่พวกเขาเกิดบาดหมางกันขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากอัลฟ่ามักหวงถิ่นและไม่ค่อยชอบใจนักที่มีอัลฟ่าอีกหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของตนแต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นพีรยุทธ์และวีรกานต์ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือผิดใจกันสักครั้ง อย่างมากก็แค่ออกอาการแง่งอนตามประสาซึ่งแน่นอนว่าส่วนมากมักจะเป็นอัลฟ่าคนน้องหลายครั้งอาจมีการลงไม้ลงมือบ้างแต่ไม่ใช่การทำร้ายกัน เป็นพีรยุทธ์ที่ทำร้ายตัวเองหรือข้าวของต่าง ๆ เพราะอัลฟ่าคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร และทุกครั้งคนที่ทำให้สงบลงได้ก็เห็นจะมีแค่เพียงอัลฟ่าคนพี่อย่างวีรกานต์เท่านั้นห้องนอนถูกทุบกำแพงทิ้งเพื่อติดตั้งประตูกระจกตามคำเรียกร้องของสองอัลฟ่าวัยอนุบาล ในตอนแรกความคิดนั้นถูกขัดขึ้นมาด้วยเหตุผลต่าง ๆ แต่อัลฟ่าคนน้องก็ปล่อยโฮจนคนเป็นแม่อ่อนใจ คนพี่ก็ไม่คิดเอ่ยขัดน้องมันจึงลงเอยด้วย
Special 1 กานต์อยากให้ทำ _______ ยามนี้ท้องฟ้าถูกระบายไปด้วยสีดำสนิท มีจุดสีขาวแต้มไปทั่วให้ความสว่างควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์บนท้องถนนและตามตึกราต่าง ๆ ภายในห้องนอนของคอนโดใจกลางเมืองมีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา สองร่างของหนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ากอดก่ายมอบความอบอุ่นให้แก่กันอย่างเช่นทุกวัน ที่ด้านข้างเตียงมีที่นอนขนาดเล็กถูกล้อมไว้ด้วยแผ่นไม้หลายซี่จนกลายเป็นกรงขนาดย่อม ด้านในมีฟูกหนารองรับ หมอนข้างอันเล็กถูกวางกั้นไว้ทั้งสี่ทิศทางเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยด้านในกลิ้งกระแทกจนเจ็บตัว ผ้าห่มผืนสะอาดก็คลุมอยู่บนตัวของเด็กชายโอเมก้าวัยห้าเดือนเศษ โอเมก้าน้อยอยู่ในชุดสีครีมนวล มือและเท้าทั้งสองข้างถูกหุ้มไว้ด้วยถุงผ้าขนาดพอดีข้อมือข้อเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยซุกซนจิกเล็บบนเนื้อตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างปิดพริ้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มที่หากใครได้เห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถอดแบบคนเป็นแม่มาแทบทุกกระเบียดนิ้ว ประกอบกับพวงแก้มคล้ายลูกซาลาเปานั่นยิ่งทำให้โอเมก้าน้อยดูน่าเอ็นดูเป็นไหน ๆ น่าเอ็นดูจนคนเป็นพ่อออกอาการหวงลูกชายตั้งแต่
บทที่ 26 คุณพ่อและคุณแม่ (end)_______การสังสรรค์มื้อค่ำจบลงตอนใกล้เข้าวันใหม่ คุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนช่วยกันเก็บล้างจานชามและสถานที่ทานอาหารด้านหน้าของบ้าน ปล่อยให้หนุ่มสาววัยกลางคนกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนก่อนพวกเขาจะตามไปบ้างพีรยุทธ์อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงในห้องของคุณแม่โอเมก้าระหว่างรออีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกายดับกลิ่นควันกลิ่นอาหารก่อนเข้านอน ซึ่งเขาอาบน้ำมาแล้วก่อนหน้า เมื่อจัดการตัวเองเสร็จสรรพจึงได้ถือวิสาสะเข้าห้องวีรกานต์มานั่งรอไม่นานจมูกโด่งก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และฟีโรโมนชากุหลาบก่อนดวงตาสีรัตติกาลจะเห็นว่าวีรกานต์กำลังสาวเท้ามาทางตน รอยยิ้มบางผุดขึ้นทันทีแล้วรีบเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง ท่อนแขนหนาอ้าออกกว้างเพื่อรับเอาคุณแม่โอเมก้ามาไว้ในอ้อมกอดซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีวีรกานต์ทรุดกายลงนั่งบนที่นอนนุ่มโดยมีคุณพ่ออัลฟ่าเกาะเกี่ยวอยู่ไม่ห่าง เขาวางกองผ้าที่หอบมาไว้ริมที่นอน จัดการตำแหน่งให้พวกมันโอบล้อมตัวเองตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ ทั้งหมดนั้นเป็นเสื้อผ้าของพีรยุทธ์ที่เขาขอจากอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้า แน่นอนว่าเมื่อครู่เขานำมันเข้าห้องน้ำไปด้วยเพร
บทที่ 25 ช้ากว่าแต่รักเหมือนกัน_______เป็นอีกวันที่หนึ่งโอเมก้าและหนึ่งอัลฟ่านอนกอดก่ายมอบความอบอุ่นให้กันจนเช้า อันที่จริงต้องบอกว่ามันสายสักหน่อยเพราะนี่ก็ใกล้จะถึงมื้อเที่ยงแล้วยิ่งช่วงเช้ามืดที่ผ่านมากว่าจะกล่อมกันนอนได้คุณแม่โอเมก้าก็พูดจนปากเปียกปากแฉะเพื่อปลอบประโลมพีรยุทธ์ที่ยังอยู่ในห้วงของความกังวลและความกลัว กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงสงบลงได้โดยที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าแต่วีรกานต์ก็ต้องลำบากอีกครั้งเมื่อถูกกอดรัดไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย แต่หากถามว่าเขายอมหรือไม่ก็ตอบได้ทันทีเลยว่ายอมด้วยความเต็มใจดีเสียอีก...มีกลิ่นฟีโรโมนของพีรยุทธ์โอบล้อมกายทั้งหอมทั้งผ่อนคลาย"...หอมจัง" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยกระซิบข้างใบหูของวีรกานต์อาจเป็นเพราะเมื่อคืนใช้เสียงกับการร้องไห้ไปมากมันเลยส่งผลมาจนถึงเช้าวันนี้ไม่ว่าเปล่า จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของฟีโรโมนชากุหลาบตามลำคอขาวแล้วไล่พรมจูบไปตามลาดไหล่มนที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา ท่อนแขนหนาก็กระชับกอดรัดคุณแม่โอเมก้าไว้แน่น"พอแล้วพี" แม้จะชอบใจที่ถูกกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์โอบล้อมกายแต่ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว พวกเขาทั้งคู่ควรลุกจาก
บทที่ 24 ปลดล็อคซึ่งกันและกัน______คืนนี้ไม่มีพระจันทร์คอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืน มีเพียงแสงไฟประดิษฐ์ที่ประดับประดาอยู่บนท้องถนนและตามตึกสูงใหญ่ เป็นเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลสักวินาทีเดียวมื้อเย็นวานก่อนผ่านไปได้ไม่ดีนัก พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครอยากทานอาหารต่อ บนโต๊ะอาหารจึงจบลงด้วยการแยกย้ายกันโดยที่พีรยุทธ์เดินไปส่งคุณแม่โอเมก้าเข้าห้องนอนแล้วกลับมาเคลียร์โต๊ะอาหารเมื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเขาก็เตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน แม้จะฟูมฟายเพียงไม่นานแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียเสียจนอยากจะล้มตัวลงนอนมันตรงนั้นมือหนาของอัลฟ่าเอื้อมเปิดประตูแผ่วเบา พยายามอย่างมากไม่ให้มันเกิดเสียงดังรบกวนคุณแม่โอเมก้าที่น่าจะกำลังอยู่ในห้วงนิทราแสนหวานด้านในพีรยุทธ์งับประตูลงแล้วสาวเท้าพาตัวเองมายืนข้างเตียง ดวงตาสีรัตติกาลมองผ่านความมืดไปหาคนบนเตียง บนนั้นมีร่างของคุณแม่โอเมก้านอนอยู่ ข้างกายทั้งสองฝั่งมีกองเสื้อผ้าขนาดย่อมโอบล้อมไว้ ทั้งหมดนั่นเป็นเสื้อที่คุณพ่ออัลฟ่าใส่แล้วทั้งนั้น อีกทั้งในอ้อมแขนยังมีเสื้อเชิ้ตที่เขาเพิ่งใส่เมื่อเช้าถูกกอดรัดไว้จนแน่นอีกด้วยวีรกานต์เป็นแบบนี้มาหนึ่งสัปด
บทที่ 23 ไม่เอาแล้ว_______อัลฟ่ากลิ่นองุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำมื้อเย็นในครัว วันนี้เขาเลือกเป็นผัดผักและต้มจืดวุ้นเส้น เมนูง่าย ๆ ที่เบาท้องแต่ให้สารอาหารครบครันสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนตอนนี้วีรกานต์แยกตัวไปอาบน้ำ เขาจึงรีบเร่งฝีมือทำอาหารให้เสร็จทันก่อนที่อีกฝ่ายจะทำธุระเสร็จ เพราะเขายังรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งเวลาคุณแม่โอเมก้าเข้าไปทำธุระในห้องน้ำเพียงลำพัง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดแล้วเขาไม่ได้ยินหรือรับรู้เพราะอยู่ด้านนอกก็แค่ความกลัวที่เขาไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้รู้สึกไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะทำอะไรช้ากว่าวีรกานต์ไปเสียหน่อย เพราะคุณแม่โอเมก้าเดินเข้าห้องครัวมานั่งลงที่โต๊ะทานอาหารแล้วอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนผ้าลื่นสีอ่อน มันยิ่งขับให้ผิวของคุณแม่โอเมก้าขาวขึ้นมากกว่าเดิม ประกอบกับเรือนร่างที่เริ่มมีน้ำมีนวลก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายน่าเอ็นดูในสายตาของพีรยุทธ์อัลฟ่ากลิ่นองุ่นหันมาส่งยิ้มบางให้ผู้มาใหม่ก่อนจะกลับไปปิดเตาแก๊สแล้วจัดการเทอาหารลงจานพร้อมกับเสิร์ฟข้าวสวยร้อน ๆ ให้กับวีรกานต์คุณแม่โอเมก้าทำเพียงยกยิ้มตอบรับแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเงียบ ๆ โดยมีอัลฟ่ากลิ่นอง
บทที่ 22 เพราะเขาเองที่เห็นแก่ตัว_______มือเช้าของวันผ่านไปได้ด้วยดีแต่ก็ออกจะช้ากว่าเวลาปกติไปมากเพราะพีรยุทธ์แทบไม่ยอมให้คุณแม่โอเมก้าทำอะไรเลยแม้กระทั่งเลือกสรรเสื้อผ้ามาใส่เองวีรกานต์ใช้เวลาอาบน้ำเพียงสิบนาที เมื่อเดินออกมาด้านนอกก็เห็นอัลฟ่ากลิ่นองุ่นนั่งรออยู่ปลายเตียง เขาตกใจจนท่อนขาหยุดขยับอัตโนมัติแล้วกระชับผ้าขนหนูที่พาดไว้บนไหล่ให้มันเคลื่อนมาปกปิดช่วงอกเพราะยังติดกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์อยู่ เขาจึงนำมันเข้าไปด้วยเพื่อความสบายใจของตัวเอง จึงกลายเป็นว่าเขาเอาผ้าขนหนูไปอาบน้ำด้วยถึงสองผืน ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงเรื่อก่อนจะรีบจ้ำอ้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบได้ตัวไหนก็จับมากอง ๆ รวมกันไว้แล้วตั้งท่าจะเดินกลับเข้าห้องน้ำอีกรอบ แต่ก็ถูกอัลฟ่าร่างหนายืนจังก้าขวางทางไว้ จะไปซ้ายไปขวาก็หาทางไปไม่ได้เสียทีเขาไม่ได้ใจกล้าพอที่จะเปิดเปลือยแล้วสวมชุดมันตรงนั้นหรอกนะพีรยุทธ์หยิบกองเสื้อผ้าบนท่อนแขนของวีรกานต์มาถือไว้แล้วตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า ยืนมองแล้วจับสัมผัสเนื้อผ้าแต่ละชิ้นเมื่อเลือกได้ก็เอามาพาดแขนไว้แต่พอเจอตัวที่ถูกใจกว่าก็เอาไปเก็บไว้ที่เดิม ทำแบบนั้นวน ๆ อยู่หลายนาทีจนคุณแม่โอเมก้
บทที่ 21 คุณพ่อหวั่นกลัว_______อัลฟ่าร่างหนาเปิดเปลือกตาแล้วค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นยืนไม่ให้รบกวนวีรกานต์ที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา พลางบิดกายเล็กน้อยเพื่อไล่อาการเมื่อยขบที่กัดกินตามตัวโดยเฉพาะท่อนแขนด้านซ้ายก็คุณแม่โอเมก้าเล่นนอนทับมันทั้งคืน ไม่ปวดไม่เมื่อยเลยก็คงจะเกินไปหน่อยแต่เขาไม่คิดโทษอีกฝ่ายหรอกนะใบหน้าสวยนั่นยกยิ้มบางเมื่อได้ใกล้ชิดเขาแล้วได้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวานที่ตัวเองชอบใจก็พาลให้สติเลือนหายไปได้ในเวลาไม่นาน ในตอนแรกนอนหันหลังให้พีรยุทธ์กกกอดแต่พอช่วงดึกอากาศก็โรยตัวเย็นลงอีกฝ่ายจึงได้หันกลับมาซุกแผ่นอกหนาแล้วหลับไปจนกระทั่งตอนนี้แปดโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ตี่นจากห้วงฝันคุณพ่ออัลฟ่ายกยิ้มบางขณะมองวีรกานต์ที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มนวมผืนหนาก่อนจะสาวเท้าไปทางระเบียงห้องแล้วจัดตำแหน่งของผ้าม่านให้มันปิดสนิทเพราะเขาไม่ต้องการให้แสงแดดจากภายนอกสาดส่องเข้ามารบกวนเวลานอนของคุณแม่ลูกอ่อนโอเมก้าที่กำลังอุ้มท้องต้องการการพักผ่อนมากเป็นพิเศษ ประกอบกับคืนที่ผ่านมาเขาพาอีกฝ่ายเข้านอนดึกมากไปหน่อย เวลานี้จึงอยากให้วีรกานต์หลับให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายพีรยุทธ์คว้าเอาผ้าขนหนูบนราวแล้ว
บทที่ 20 ไม่ชินเลย_______หนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ามือใหม่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอนนุ่ม อันที่จริงแล้วต้องบอกว่ามีเพียงพีรยุทธ์ที่ตระกองกอดคุณแม่โอเมก้าไว้ไม่ห่างกายเพราะความรู้สึกโหยหาและหวั่นกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายมันยังไม่จางหายไปท่อนแขนหนากอดรัดเอวบางของวีรกานต์เอาไว้หลวม ๆ เพื่อไม่ให้เจ้าก้อนที่อยู่ด้านในรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของตน ในขณะที่ศีรษะถูกวางไว้บนท่อนแขนเล็กบางของคุณแม่พลางเอียงคอออดอ้อนอย่างที่เคยทำอัลฟ่ากลิ่นองุ่นซุกใบหน้าคมไว้ที่ลำคอขาวของวีรกานต์ จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของชากุหลาบที่ทำให้เขาผ่อนคลายเข้าปอดเสียเฮือกใหญ่จนเจ้าของร่างรู้สึกยุบยิบบริเวณนั้นจึงใช้ฝ่ามือบางดันกลุ่มผมสีรัตติกาลออกห่างจากตัว“มันจั๊กจี้” วีรกานต์เอ็ดคุณพ่ออัลฟ่าไม่เต็มเสียงนักคล้ายกับหยอกเอินเสียมากกว่า ในขณะที่รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นโดยที่ไม่มีใครเห็นพีรยุทธ์ช้อนตาขึ้นมองคุณแม่โอเมก้าพลางคว่ำปากลงเหมือนเด็กน้อยที่กำลังจะปล่อยโฮเพราะไม่ได้เล่นของเล่นที่ต้องการ ทำวีรกานต์หลุดยิ้มขำหลังจากกลั้นมันไว้เสียนาน “ก็พีคิดถึงกานต์นี่ครับ ไม่ได้ฟัดตั้งเกือบอาทิตย์เลยนะ”“แล้วทำไมถึงไม่ได้ฟัด...หื้ม”
Mga Comments