บทที่ 5 อัลฟ่ากลิ่นไวน์
__________
หลังจบทริปพักผ่อนที่เขื่อนต่างจังหวัด สองอัลฟ่าก็เดินทางกลับเมืองหลวงในช่วงสายของวันถัดมา วีรกานต์ถูกพ่อแม่เอ็ดเสียยกใหญ่ว่าไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว แต่ก็ได้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นมาช่วยพูดให้ว่าเป็นตัวเขาเองที่ชวนอีกฝ่ายออกนอกสถานที่ไปหลายวัน
เมื่อการพักผ่อนจบลงก็ถึงคราวต้องกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิม
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขานั่งตรวจการบ้านของนักเรียนตัวเองมาตั้งแต่เช้าจนเวลาล่วงเลยมื้อเที่ยงมามากโข แม้จะรู้สึกหิวอยู่บ้างแต่เขาก็ยังไม่ยอมย้ายตัวเองออกจากห้องนอนเสียที
งานค้างเป็นกอง ไม่น่าหนีเที่ยวเลยวีรกานต์
วีรกานต์ถอนหายใจ หากเขาพูดประโยคนี้ให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ยินมีหวังโดยงอนเป็นแน่ แต่ก็คงนั่งน้ำลายบูดอยู่คนเดียวสักสามชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ สี่ชั่วโมงเป็นอย่างมากก็จะกลับมาพูดคุยกับเขาดังเดิม
เขาหันมองด้านขวามือที่เป็นประตูกระจกใสกันไว้ระหว่างห้องนอนของเขาและพีรยุทธ์ มันมีผ้าม่านสีขาวคลุมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวและตาข่ายดักฝันสีเดียวกันห้อยไว้
ประตูนั้นไม่เปิดมาสองวันแล้วตั้งแต่กลับมา
เขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะงานท่วมหัวไม่แพ้กันและเข้ารู้ดีว่ามันเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิมาก วีรกานต์จึงไม่อยากไปรบกวน
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งพลางคิดว่าจะไปเปิดมันออกดีหรือไม่ ต้องงานยุ่งแค่ไหนกันถึงไม่มีเวลาพักมาคุยเล่นกับเขาอย่างที่เคยทำ
มันเป็นความรู้สึก...น้อยใจหรือเปล่านะ
ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะตัวเขารู้ดีว่าอัลฟ่ากลิ่นองุ่นกำลังทำงานที่คั่งค้างของตนเองเหมือนกับเขา เมื่อเสร็จแล้วคงจะออกจากห้องมาเจอกันเอง
วีรกานต์ส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาจับเม้าส์ปากกาตรวจงานให้กับนักเรียนตามเดิม แต่เพียงไม่นานก็ตัดสินใจลุกออกจากเก้าอี้ทำงานเพราะรู้สึกว่าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย
เขาเดินลงมาที่ห้องครัวชั้นล่างของบ้าน เขาตั้งหม้อต้มน้ำและหยิบห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาต้มทานเป็นมื้อเที่ยง
เมื่อจัดการอาหารง่าย ๆ ของตนเสร็จก็นำออกไปนั่งทานกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์
“ไง กว่าจะออกจากห้องได้นะเรา” เสียงแหบทุ้มของอัลฟ่าผู้เป็นพ่อเอ่ยทักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งจะได้ฤกษ์ยามออกจากห้องนอนเสียที
“ก็ตรวจงานเด็กอยู่นี่ครับ ส่งมากันให้พรึบเลย” อัลฟ่าชากุหลาบบึนปากแล้วย่นจมูกเล็กน้อย เขาจับตะเกียบคีบเอาเส้นหยักสีเหลืองเข้าปากจนเต็มคำ
“หนีเที่ยวไปตั้งหลายวันนี่ งานท่วมเลย” เสียงใสของเบต้าหญิงสาวเพียงคนเดียวในบ้านเอ่ยขึ้น
“แม่ครับ...” วีรกานต์ส่งเสียงออดอ้อนมารดา วางอุปกรณ์สำหรับทานอาหารแล้วขยับกายเข้าใกล้ โน้มศีรษะแนบลงไปกับหน้าตัก
เขาไม่ได้หนีเที่ยวเสียหน่อย แม่กับพ่อต่างหากที่หนีเขาไปสวีทกันตั้งไกล
ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นลูกชายเพียงคนเดียวแสดงอาการออดอ้อนที่นานครั้งจะเห็นก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบเส้นผมสีคราเมลนั่นอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มบาง
“ไม่ต้องเลยกานต์ ลุกขึ้นไปกินดี ๆ แล้วดูสิเนี่ย แม่อุตส่าห์ทำพะโล้ไว้ให้ดันไปต้มบะหมี่กิน เจ้าลูกคนนี้” มือบางของเบต้าหญิงสาวออกแรงดันหัวลูกชายให้ลุกออกจากตัก ไม่วายเอ็ดอัลฟ่าชากุหลาบไปที
“รักแม่ครับ” วีรกานต์ดีดตัวขึ้นนั่งอย่างไวก่อนจะพุ่งไปขโมยหอมแก้มใสของมารดาฟอดใหญ่จนโดนคนเป็นแม่ฟาดเข้าให้ที่ต้นแขนแล้วกลับมานั่งทานมื้อเที่ยงของตนอย่างสบายใจ
วีรกานต์กลับขึ้นมานั่งทำงานบนห้องอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะเขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองไม่มีสมาธิมากพอจะจดจ่อกับงานได้เท่าที่ควร ฝืนทำต่ออาจจะมีข้อผิดพลาดก็ได้
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มเศษ เสียงใสของมารดาเรียกให้เขาลงไปทานมื้อค่ำแต่เขารู้สึกไม่อยากอาหารจึงเอ่ยปฏิเสธไป
เกือบสามวันเข้าไปแล้วที่อัลฟ่ากลิ่นองุ่นไม่ได้มาแสดงตัวให้เขาเห็นเลยแม้แต่เงา แม้ปกติเจ้าตัวจะมีงานรัดขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหายไปเป็นวันเช่นตอนนี้
แบบนี้มันผิดปกติเกินไป
หรือบางทีอาจเป็นเขาเองที่กระวนกระวายมากเกินเหตุทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไร
อัลฟ่าชากุหลาบถอนหายใจเป็นรอบที่สามของวัน เขาสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตนทิ้งไป
ท่อนขาของอัลฟ่าก้าวพาตัวเองขึ้นบบเตียงนอนแล้วล้มกายลงสะบัดผ้าห่มมาคลุมร่างกายหนีความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ดวงตาสีเฮเซลนัทลืมมองเพดานสีขาวสะอาดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดลงในไม่กี่นาทีต่อมา
พักสมองสักหน่อยน่าจะดีขึ้น
หากวันพรุ่งนี้พีรยุทธ์ยังไม่มาปรากฏตัวให้เห็น คนที่จะเปิดประตูกระจกบานนั้นในรอบสามวันเห็นทีว่าคงเป็นตัวเขาเองที่ทนเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ไหว
อัลฟ่าบนเตียงนอนนุ่มขยับกายไปมาอย่างคนอยู่ไม่สุข เขาหลับไปตั้งแต่ช่วงสองทุ่มแต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาสามทุ่มเศษ ภายในหัวของวีรกานต์ยังคงครุ่นคิดถึงอัลฟ่ากลิ่นองุ่นที่หายหน้าหายตาไปนานเสียหลายวัน เขาเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไปหรือไม่ถึงได้เงียบหายไปเช่นนี้
หรือว่าจะไม่สบาย
ไวกว่าความคิด อัลฟ่าชากุหลาบดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มในทันที เส้นผมสีคาราเมลพันกันยุ่งจากการขยับตัวไปมาของเจ้าตัว เขาสางมันด้วยมืออย่างลวก ๆ คล้ายกับไม่ได้สนใจ
เมื่อสัปดาห์ก่อนพวกเขาไปเที่ยวเล่นกัน หากอีกฝ่ายจะไม่สบายเพราะถูกสายน้ำหรืออากาศที่ไม่คุ้นชินสัมผัสจนร่างกายอ่อนแอเขาก็ไม่คิดว่ามันแปลก กลับกันเขายิ่งเป็นห่วงเจ้าเพื่อนอัลฟ่ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก
วีรกานต์หย่อนเท้าลงกระเบื้องยางสีน้ำตาลแล้วไปยืนอยู่หน้าประตูบานใส เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปปัดผ้าม่านและเลื่อนประตูกระจกออก
กลิ่นหอมอบอวลของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นตลบไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมของอัลฟ่าเจ้าของห้อง มันฟุ้งกระจายเสียจนอัลฟ่าชากุหลาบมึนหัว เขาทึ้งศีรษะไล่อาการมึนงงก่อนจะสะบัดหัวแล้วเพ่งสายตามองหาเจ้าของห้อง
เตียงนอนสีขาวสะอาดว่างเปล่าไร้ผู้คน ผ้าห่มนวมผืนหนายับเยิบมีส่วนหนึ่งกองอยู่บนพื้นข้างเตียง อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลกวาดตามองไปทั่วห้องนอนที่มืดสนิท
พีรยุทธ์ไม่อยู่ห้องหรือ
แล้วทำไมฟีโรโมนของเจ้าตัวถึงได้หอมฟุ้งจนรู้สึกฉุนจมูกและกระจายอยู่ทั่วห้องแบบนี้
ตุ้บ!
อัลฟ่าชากุหลาบหันขวับตามเสียงทันที เสียงนั้นดังมาจากทางห้องน้ำด้านขวา เขาขมวดคิ้วแน่นเป็นปมเมื่อความสงสัยใคร่รู้และความเป็นห่วงเพื่อนอัลฟ่าตีตื้นขึ้นมา
เขาไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ประตูห้องน้ำทันที มือของอัลฟ่าเอื้อมบิดลูกบิดออกอย่างไม่ลังเล
ไม่ได้ล็อก
วีรกานต์ผลักประตูที่เป็นสิ่งกีดขวางออกให้พ้นทางก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปภายในเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับพีรยุทธ์ที่เป็นเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่น แต่ความเย็นและความชื้นแฉะที่ฝ่าเท้าเขาได้สัมผัสมันทำให้ท่อนขาของวีรกานต์หยุดชะงัก
ที่หน้าห้องน้ำมันไม่ควรมีน้ำเจิ่งนองมากขนาดนี้
คิ้วสีน้ำตาลของอัลฟ่าชากุหลาบขมวดมุ่นเป็นปมยิ่งกว่าเดิมเมื่อมีความคิดว่าพีรยุทธ์จะเป็นอันตรายแล่นเข้ามาในหัว
วีรกานต์รีบสาวเท้าเข้าไปก็ยิ่งเป็นกังวล ผ้าขนหนูที่ควรถูกพับเก็บเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบตอนนี้มันถูกรื้อออกมาให้กองอยู่บนพื้นจนเปียกชุ่ม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าใกล้กับกระจกก็ล้มระเนระนาดไม่เป็นทาง
เสียงสายน้ำตกกระทบพื้นเรียกความสนใจของอัลฟ่าชากุหลาบให้หันมอง เขาไม่รอช้าที่จะรีบก้าวเข้าไปใกล้อย่างเป็นกังวลต่อเพื่อนอัลฟ่าและปราศจากความกลัว
ในตอนนี้เขากลัวว่าพีรยุทธ์จะเป็นอะไรไปเสียมากกว่า
เมื่อมาถึงโซนเปียกภายในห้องน้ำที่เป็นที่มาของเสียงเขาก็รีบเลื่อนประตูกระจกที่ปิดไม่สนิทออกในทันทีก่อนจะผงะตกใจเมื่อได้เห็นสภาพของอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
เส้นผมสีดำสนิทเปียกชุ่มตกลู่ลงปิดบังใบหน้าคม สายน้ำจากฝักบัวไหลผ่านแผ่นอกเปลือยเปล่าของพีรยุทธ์ ฟีโรโมนที่ปกติเคยเป็นกลิ่นองุ่นตอนนี้หอมหวานคล้ายกลิ่นไวน์ ทำเอาวีรกานต์เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว เผลอสูดกลิ่นหอมนั่นเข้าไปเสียเต็มปอด
ไวน์องุ่น
หากได้ลิ้มลองคงยากจะถอนตัว
แปลก ปกติแล้วอัลฟ่าด้วยกันจะได้กลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายแต่ไม่ใช่สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้
อีกฝ่ายหอบหายใจจนร่างกายท่อนบนกระเพื่อมอย่างหนัก อีกทั้งท่อนล่างยังเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใด ๆ ปกปิด
แก่นกายของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ชูชันขึ้นจนน่ากลัว
ขนาดมันยิ่งกว่าของเขาเสียอีก
พีรยุทธ์กำลัง...รัทงั้นหรือ
แต่...ทำไมกัน
อาการรัทของอัลฟ่าจะเกิดขั้นได้แค่ปีละครั้ง กินเวลาไปสามถึงสี่วัน ซึ่งหมายความว่าเหล่าอัลฟ่าจะพร้อมสำหรับการผสมพันธ์กับโอเมก้าที่เป็นคู่ครองตามหลักธรรมชาติในช่วงนี้
แต่อัลฟ่ากลิ่นองุ่นที่กำลังนอนตัวเปียกร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ในตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงของการรัทเลยด้วยซ้ำ
พวกเขารัทในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอ
วีรกานต์จำได้ดี และกว่าจะถึงช่วงนั้นของพวกเขามันก็อีกหลายเดือน
ทำไมกัน
“ก...กานต์” เสียงแหบทุ้มดังขึ้นเรียกสติของอัลฟ่าชากุหลาบ
พีรยุทธ์เปิดเปลือกตาปรือปรอย ร่างหนาของอัลฟ่าสั่นเทิ้ม เขาขยับตัวตะแคงข้างอย่างยากลำบากพลางใช้ลำแขนตระกองกอดกายเปลือยเปล่าของตนไว้แน่น ท่อนขาทั้งสองข้างก็ขดขึ้นปิดจุดสงวนเอาไว้อย่างมิดชิด
เขาไม่อยากให้วีรกานต์เห็นตัวเองในสภาพแบบนี้เลย
อัลฟ่าชากุหลาบรีบสาวเท้าเข้าไปหาอัลฟ่ากลิ่นองุ่น เอื้อมมือไปปิดฝักบัวไม่ให้สายน้ำตกกระทบอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปเลือกหาผ้าขนหนูสักผืนที่ยังไม่เปียกมากบนพื้นหน้าห้องน้ำมากอดไว้ แล้วรีบวิ่งกลับมาใช้ผ้าผืนหนาคลุมตัวพีรยุทธ์เอาไว้
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลตัวสั่นเทิ้ม เมื่อไม่มีสายน้ำเย็นฉ่ำตกกระทบกายความรู้สึกหนาวเย็นก็เข้าครอบคลุมไปทั่วร่าง วีรกานต์รีบรุดนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายแล้วตระกองกอดกายหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหวังให้อีกฝ่ายคลายอาการสั่นเทาได้บ้าง
หากแต่ตอนนี้ฟีโรโมนเข้มข้นของพีรยุทธ์กำลังแผ่กระจายไปทั่วอย่างรุนแรงจนเขาต้องเบ้หน้า ภายในอกบีบรัดแน่นคล้ายกับหายใจไม่ออก อาการครั่นเนื้อครั่นตัวและร้อนรุ่มเกิดขั้นตั้งแต่ที่ได้เห็นอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
ไม่...ตอนนี้มันมากกว่านั้น
กลิ่นไวน์
องุ่นที่ถูกบ่มอย่างดีจนกลายเป็นไวน์รสเลิศ
หอมหวาน และน่าลิ้มลอง
วีรกานต์สะบัดหัวทิ้งความคิดที่กำลังเตลิดของตัวเอง ในตอนนี้สิ่งที่เขาควรจะสนใจคืออัลฟ่าร่างหนาที่กำลังนั่งตัวสั่นคนนี้
“ไม่เป็นไรพี ไม่เป็นไร กานต์อยู่นี่แล้ว” อัลฟ่าชากุหลาบกอดรัดเพื่อนอัลฟ่าไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังกระชับอ้อมแขนขึ้นอีกระดับ
“...กานต์ ค...ครับ” พีรยุทธ์รวบรวมกำลังที่มีทั้งหมดเพื่อเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างยากลำบาก ลำคอแห้งผากกระหายน้ำและความร้อนรุ่มที่สะสมอยู่ภายในกายทำให้เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง
“ลุกไหวไหม กานต์ช่วยนะ” วีรกานต์เอ่ยบอกอย่างกระตือรือร้นพลางพยายามดันกายของตนและคนในอ้อมแขนให้ลุกขึ้นจากพื้นเปียกชื้นแต่ไม่เป็นผล
“พ...พีร้อน กานต์ ค...ครับ” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นขบเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วทั้งหมดถูกกำเข้าหากันจนขึ้นข้อขาว ทำให้วีรกานต์รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังอดกลั้นเพียงใด
“กานต์รู้ แต่พีลุกก่อนนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” อัลฟ่าชากุหลาบย้ายตัวเองไปยืนที่ด้านหลังของพีรยุทธ์ก่อนจะยอบตัวลง ใช้ท่อนแขนของอัลฟ่าสอดไว้ใต้รักแร้แล้วออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุกตามกัน
พีรยุทธ์เองก็พยายามอย่างมากเพื่อลุกขึ้นยืน เขาไม่อยากให้เพื่อนอัลฟ่าต้องเหนื่อยกับตัวเองมากเกินไป
แค่ที่มาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ก็มากพอแล้ว
“กานต์พาไปนอนที่เตียงนะ” วีรกานต์ออกแรงลากพีรยุทธ์ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่เปียกจนน้ำเจิ่งนองและน้ำหนักของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นที่ทิ้งตัวลงมาทำให้เขาทำอะไรได้ลำบาก กว่าจะพาอีกฝ่ายมาถึงเตียงก็ทุลักทุเลพอสมควร
อัลฟ่าชากุหลาบวางร่างหนาของพีรยุทธ์ลงบนที่นอนนุ่ม ทันทีที่ถึงจุดพักอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ขดตัวจนงอแล้วหันหลังหนีวีรกานต์ทันที
เขาอายเหลือเกิน
วีรกานต์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นท่าทีของพีรยุทธ์ แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงทำเป็นไม่สนใจแล้วเริ่มค้นตู้ต่าง ๆ ภายในห้องสี่เหลี่ยมนี้ “ยาแก้รัทอยู่ไหนพี”
ไม่มีเสียงตอบรับจากอัลฟ่ากลิ่นองุ่นจนวีรกานต์ต้องหันกลับไปมองคนบนเตียง พีรยุทธ์กำลังกัดกำปั้นตัวเองจนเลือดซิบ มือหนาอีกข้างก็ลงเล็บจิกท่อนขาตัวเองจนห้อเลือดเช่นกัน
“พีหยุด!” วีรกานต์เบิกตาโพลงก่อนจะรีบก้าวขึ้นเตียงไปนั่งลงข้างกายอัลฟ่ากลิ่นองุ่น เขาพยายามแงะมือหนาทั้งสองข้างของพีรยุทธ์ออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“พีปล่อย! กานต์สั่ง ปล่อยเดี๋ยวนี้!” อัลฟ่าชากุหลาบออกแรงทั้งดึงและทึ้งจนกลัวว่าพีรยุทธ์จะเจ็บตัว แต่ถ้าหากเขาไม่ทำอีกฝ่ายจะเจ็บตัวมากกว่า
วีรกานต์ตัดสินใจพลิกร่างหนาให้นอนราบกับเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมบนหน้าอกแกร่งแล้วออกแรงดึงแขนทั้งสองของพีรยุทธ์อีกครั้ง
ครั้งนี้มันได้ผล
เขาใช้ท่อนขาของตนเองตรึงแขนของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นไว้ทั้งสองข้างแล้วใช้มือกดที่หัวไหล่เรียกสติอีกฝ่ายจนได้ยินเสียงคำรามในลำคอคล้ายกับถูกขัดใจ
“พีฟังกานต์! มีสติหน่อย ยาแก้รัทอยู่ไหนพี” อัลฟ่าชากุหลาบตะเบ็งเสียงเพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเลยสักนิด
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นปิดเปลือกตาแน่น ฟันขบกันจนเห็นสันกรามเด่นชัด ลูกกระเดือกและหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่ยิบจนวีรกานต์ต้องออกแรงกดไหล่ไว้แน่น กลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ก่อนหน้าก็แรงขึ้นอีกระดับจนอัลฟ่าชากุหลาบมึนหัว
ไม่ใช่
พีรยุทธ์ไม่เคยเป็นขนาดนี้
ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป
“พีตั้งสติ! ลืมตาแล้วฟังกานต์!”
อ๊ากกก!!
แค่เพียงจบประโยควีรกานต์ก็ถูกดันจนหงายหลังอย่างแรงก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถูกคร่อมแทนโดยอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
ร่างของพีรยุทธ์คร่อมทับอัลฟ่าชากุหลาบ ท่อนแขนหนาของอัลฟ่าตรึงข้อมือทั้งสองข้างอีกฝ่ายไว้กับเตียงจนวีรกานต์ต้องเบ้หน้าเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย
ร่างหนาของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามตัว อุณหภูมิในร่างกายร้อนระอุจนคนใต้ร่างสัมผัสได้ เส้นผมสีดำสนิทกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ดวงตาสีรัตติกาลบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามแต่แววตากลับแข็งกร้าวคล้ายกับคนไม่มีสติ ริมฝีปากหนาอ้าออกกว้างเผยให้เห็นสิ่งประหลาดที่อยู่ภายในนั้น
เขี้ยว
เป็นไปไม่ได้
#พีขอโทษ
เอ้า อั่ยยูกหมามุนเป็นไร
สปอยล์ก่อนว่าตอนหน้าแอบแซ่บ🤭
ปล.ตั้งแต่ตอนต่อไปจันขออนุญาตติดเหรียญอ่านล่วงหน้า 3 เหรียญนะคะ หลังจากนั้น 1 อาทิตย์จะปลดให้ค่ะ ขอค่าไฟให้จันหน่อยน้าา
คอมเม้นพูดคุยกันได้ค่ะ จันเหง๊าเหงา55555
TW : dao_jun000
บทที่ 6 อาการรัทที่รุนแรงกว่าปกติ_______ไม่มีทางอัลฟ่าไม่มีทางมีเขี้ยวจริงอยู่ว่าบรรพบุรุษมีเชื้อนักล่าอย่างหมาป่าแต่พวกเขาไม่ได้ฝากสัญลักษณ์ที่น่าเกรงขามนี้ไว้ให้ลูกหลานหรือใครหน้าไหนทั้งนั้นเว้นเสียแต่...เชื้อสายบริสุทธิ์อีนิกม่า....ต้องไม่ใช่สิในขณะที่วีรกานต์กำลังจมอยู่กับความคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทิ้งน้ำหนักตัวลง แนบใบหน้าดุดันไปกับแผงอกของเขานั่นทำให้วีรกานต์รู้ว่าพีรยุทธ์ยังคงมีสติแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามอัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่น พยายามควานหาเสียงของตนให้เจอเพื่อถามไถ่อีกฝ่าย หากแต่เสียงคำรามแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามในลำคอของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทำให้วีรกานต์หายใจติดขัดไปชั่วครู่ ไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดออกไปอย่างนึกกลัวข้อมือหนาของอัลฟ่าชากุหลาบยังคงถูกตอกตรึงไว้แน่นบนที่นอนด้วยมือที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้าง เขารู้สึกได้ถึงแรงที่ผ่อนลงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาวีรกานต์เม้มปากแน่นอีกครั้งอย่างประมาท ก้อนเนื้อภายในอกเต้นระส่ำเพราะนึกหวั่นเกรงอีกฝ่าย เขาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติและพยายามหาเสียงตัวเอ
บทที่ 7คืนเสพเพศหลังกลับจากห้องนอนของพีรยุทธ์ อัลฟ่าชากุหลาบก็คล้ายว่าจะอยู่ไม่สุข เขานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนนุ่มเพราะกลิ่นฟีโรโมนของอีกคนมันกระจายเล็ดลอดเข้ามาวีรกานต์พยายามทำเป็นไม่สนใจกลิ่นหอมนั้น ผ้าห่มนวมผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมตั้งแต่ส่วนหัวถึงปลายเท้าเพื่อไม่ให้ร่างกายอัลฟ่าของตนรับรู้ถึงกลิ่นหอมยั่วยวนของพีรยุทธ์นี่มันบ้ามากพีรยุทธ์มีอาการรัทที่รุนแรงกว่าที่เคยเป็น เขาเองก็เป็นอัลฟ่าจึงรู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกถึงอารมณ์ร้อนวูบวาบในช่องท้องเพราะสูดดมกลิ่นไวน์องุ่นของอัลฟ่าที่กำลังอยู่ในช่วงรัทเข้าปอด สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ลำคอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำพาให้ร่างกายเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี่เขามีอารมณ์กับฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยกันงั้นหรือบ้าไปแล้วในขณะที่กำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ เสียงกึกกักที่บานประตูกระจกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของวีรกานต์ให้โผล่ศีรษะออกมานอกผ้าห่มแล้วชะเง้อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขารับรู้เพียงการสั่นไหวของประตูเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมีม่านสีขาวปิดบังการเคลื่อนไหวของอีกฝั่งไว้ อัลฟ่าชากุหลาบจึงคิดว่า
บทที่ 7คืนเสพเพศ (ต่อ)________“จูบกานต์” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกระซิบชิดริมฝีปากหนา ค่อย ๆ ขยับกายเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วใช้ปากงับเบา ๆ“กานต์...” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเลื่อนลอย เขามองสบเข้าไปในนัยน์ตาสีเฮเซลนัทก่อนจะพบว่าในแววตาคู่นั้นไม่ปรากฏแววล้อเล่นเลย“จูบสิ” วีรกานต์ท้าทายอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกอีกฝ่ายเชิญชวนคนที่เขาแอบรักมาแสนนานกำลังบอกให้เขาประทับจูบลงไปนี่มันเกินคาดไปมากเขาฝันอยู่หรือเปล่าวีรกานต์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนตรงหน้ายังมีท่าทีเฉยเมยแต่ดวงตากลับแสดงออกมาว่าเจ้าตัวตื่นเต้นและตกใจจนเห็นได้ชัด “ทำไมไม่...”ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยจบประโยค ริมฝีปากหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกันด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรแม้จะตกใจอยู่บ้างที่ถูกจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวทั้ง ๆ ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเอง แต่เขาก็ตอบรับสัมผัสของพีรยุทธ์ได้ดีจนคนมอบจูบครางเครือในลำคออย่างพอใจริมฝีปากหนาขบเม้มกลีบปากทั้งบนและล่างของอัลฟ่าชากุหลาบอย่างคนกระหาย ดูดดึงจนได้ยินเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังก้องห้องสี่เหลี่ยมฟีโรโมนกลิ่นองุ่นแล
บทที่ 8 รู้สึกผิด_____เสียงโครมครามของท้องฟ้าดังสนั่นในยามสายของวัน เมฆสีดำสนิทเคลื่อนลงต่ำบดบังแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์สายฝนสาดกระหนำเทลงมาอย่างหนัก หยดน้ำเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่างส่งเสียงดังเปาะแปะ ไม่รู้ว่าพายุเข้าหรือไม่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบติดตามข่าวสารมากนักพีรยุทธ์เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาที่ปรากฏแววความอ่อนล้ากวาดมองไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อคืนพลันความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนจุกลำคออัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังคงนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอนสีขาวข้างกายมีวีรกานต์ที่เป็นเจ้าของห้องกอดก่ายร่างหนาของตนอยู่รอยกุหลาบสีช้ำยังมีให้เห็นเป็นจ้ำ ๆ ตามเรือนร่าง อีกทั้งรอยแดงจากการบีบเค้นก็ยังหลงเหลือให้เห็น ยิ่งพาให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่หลังเสร็จกิจเมื่อคืนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ วีรกานต์ก็หมดสติฟุบหลับไปทันที เขารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนหลับอย่างสบายตัว เสื้อยืดและกางเกงถูกสวมให้อัลฟ่าชากุหลาบคลายความหนาวแล้วห่มผ้าห่มนวมทับอกให้อีกชั้นหนึ่งก่อนจะตระกองกอดร่างที่หลับใหลนั่นไว้ทั้งคืนรอยแด
บทที่ 9 อัลฟ่า...ฮีท?_______กานต์จะยังโกรธเขาอยู่ไหมเป็นเวลากว่าสองวันที่พีรยุทธ์หมกตัวอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมของตนไม่ออกไปพบปะใครเว้นแต่ตอนกินข้าว ซึ่งผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดสังเกตแต่อย่างใด เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเป็นเวลาสองวันที่เขานอนไม่ลง แม้จะรู้สึกง่วงงุนจนตาแทบปิดแต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับได้ป่านนี้แล้ววีรกานต์จะเป็นเช่นไรบ้างตามร่างกายยังมีรอยแดงช้ำอยู่หรือไม่แล้วจะยังโกรธเคืองกันอยู่หรือเปล่าทุก ๆ คำถามล้วนต้องการคำตอบจากคน ๆ เดียว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่พีรยุทธ์นั่งกอดเข่าพิงขาเตียง ดวงตาสีรัตติกาลที่เคยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเสมองประตูกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยอาการเม้มปากแน่น เนื่องจากมีผ้าม่านสีขาวปิดทับไว้อีกชั้นจากฝั่งของวีรกานต์ทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนภายในห้องนั้นแต่กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์ก็จางลงไปมากจนแทบไม่รู้สึกถึงฟีโรโมนคงอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านแล้ว...วีรกานต์ได้ล็อกประตูไว้หรือไม่ความคิดกระแสหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ใจหน
บทนำในยามที่ท้องฟ้าถูกระบายด้วยสีดำสนิท แต่งแต้มสีขาวระยิบระยับเพิ่มเติมจนสว่างไปทั่วพื้นที่ ประกอบกับพระจันทร์สีนวลเต็มดวงส่องประกายควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์สีขาวจากหลอดไฟทั้งสองข้างถนน มันเล็ดลอดผ่านหน้าต่างสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้ที่ถูกเปิดแง้มไว้เข้าไปจนปรากฎให้เห็นร่างของชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีกำลังหลับตายิ้มรับฝันอันแสนสุขในนั้นเขาเป็นเด็กชายอายุเพียงสิบขวบปีกำลังออกวิ่งไปไกลไร้จุดหมาย วิ่งด้วยสีหน้าเปี่ยมความสุข รอบกายถูกรายล้อมด้วยหญ้าและดอกไม้ที่ขึ้นสูงเสียจนเกือบบดบังตัวของเด็กน้อยไปจนหมดไม่รู้ว่าวิ่งทำไม วิ่งไปเพื่ออะไรสิ่งที่รู้มีเพียงสิ่งเดียวคือความต้องการที่จะวิ่ง ก้าวเท้าย่ำลงบนพื้นดินชุ่มช่ำจนสุดขา และก้าวต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่ผ่อนแรงฝูงผีเสื้อบินวนอยู่รอบกายและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเขา พวกมันมีสีฟ้าเปล่งประกายดั่งกับเพชรเม็ดงามในถ้ำลึก รอบปีกมีสีดำและจุดสiขาวแต่งแต้มจนทั่ว เด็กน้อยคลี่ยิ้มกว้าง เปล่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข จากเคยตั้งมั่นวิ่งมุ่งตรงไปข้างหน้ากลับเปลี่ยนเป็นหมุนวน ชูแขนเล็ก ๆ ขึ้นจนสุด เพื่อหยอกล้อกับเหล่าผีเสื้อสีฟ้านับร้อยพันตัวรอบกายสัตว์ปีกตัวน้อยเก
บทที่ 1ไม่รู้ตัวแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์ทอแสงลงมาตกกระทบพื้นถนนและสิ่งปลูกสร้างเบื้องล่าง ตึกแถวมากมายตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บางตึกสูงเพียงแค่สองชั้นในขณะที่ตึกข้าง ๆ กันนับจำนวนชั้นแทบไม่ไหว บนถนนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ฝุ่นและควันจากรถราทำให้หลายคนในบริเวณนั้นสำลักจนน้ำตาเล็ด เสียงบีบแตร เสียงล้อครูดไปกับถนนดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะ ผู้คนต่างเร่งรีบทำเวลาในช่วงเช้าของวัน เท้าหลายคู่ย่ำลงพื้นด้วยความเร็วและหนัก การกระทบไหล่กับคนแปลกหน้ามีให้เห็นบ้างประปรายแต่ไม่มีใครให้ความสนใจมันวีรกานต์ มองความชุลมุนข้างล่างนั่นจากสะพานลอยที่มีหลังคาหุ้มไว้เพื่อกันแสงแดด เป็นภาพคุ้นตาเมื่อเขาต้องเดินทางมาทำงานในละแวกนี้เป็นประจำวันนี้เขาเลือกใส่เชิ้ตตัวเก่ง มันเป็นเสื้อแขนยาวสีเขียวอ่อน กระดุมถูกติดทุกเม็ดเว้นแต่สองเม็ดบนสุด เผยให้เห็นไหปลาร้าน่ามองแบบวับแวบ ปลายแขนเสื้อถูกเจ้าของพับขึ้นมาสองทบเพื่อไม่ให้ดูอึดอัดและเป็นทางการจนเกินไป ชายเสื้อข้างหนึ่งถูกยัดอยู่ในกางเกงสแลคสีครีม ส่วนอีกข้างปล่อยยาวลงมาผมสีน้ำตาลไหม้อยู่ในทรงทูบล็อก มันถูกหวีอย่างลวก ๆ ก่อนออกมา รับกับดวงหน้าคม สันจมูกโด
บทที่ 2เดินทางยามเย็นในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีว่าการจราจรต้องติดขัดอย่างแน่นอน สองเพื่อนอัลฟ่ากำลังนั่งมองสัญญาณไฟด้วยใจจดจ่อ มันขึ้นเป็นสีเขียวมาครึ่งนาทีแล้วหากแต่รถยนต์คันข้างหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ผ่านไปเกือบสองนาทีจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแต่สัญญาณไฟจราจรดันกลายเป็นสีแดงไปแล้วเห็นทีว่าคงต้องรอต่อไปภายในห้องโดยสารมีอัลฟ่าเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นเป็นสารถีขับรถโดยมีเพื่อนสนิทอย่างอัลฟ่าชากุหลาบนั่งอยู่ที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย เอนหัวพิงกระจกรถมองสายฝนเม็ดเล็กที่ร่วงหล่นลงมากระทบกับพื้นถนน เขาเบื่อที่ต้องนั่งรอสัญญาณไฟจราจรอยู่แบบนี้ทุกวัน อย่างต่ำก็คงสักชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายพีรยุทธ์สังเกตเห็นคนข้างกายยกมือขึ้นลูบแขนปอย ๆ อาจจะทำเพื่อระบายความหนาวเย็นทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเก่ง เขาแอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดูอยู่ในใจอัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอื้อมมือมาที่หน้าคอนโซลเพื่อเบาแอร์ลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบผ้าห่มสีเรียบจากกล่องเก็บของที่วางอยู่บนที่พักเท้าของเบาะหลังมาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทได้คลุมตัวคลายหนาวในช่วงเวลาฝน
บทที่ 9 อัลฟ่า...ฮีท?_______กานต์จะยังโกรธเขาอยู่ไหมเป็นเวลากว่าสองวันที่พีรยุทธ์หมกตัวอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมของตนไม่ออกไปพบปะใครเว้นแต่ตอนกินข้าว ซึ่งผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดสังเกตแต่อย่างใด เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเป็นเวลาสองวันที่เขานอนไม่ลง แม้จะรู้สึกง่วงงุนจนตาแทบปิดแต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับได้ป่านนี้แล้ววีรกานต์จะเป็นเช่นไรบ้างตามร่างกายยังมีรอยแดงช้ำอยู่หรือไม่แล้วจะยังโกรธเคืองกันอยู่หรือเปล่าทุก ๆ คำถามล้วนต้องการคำตอบจากคน ๆ เดียว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่พีรยุทธ์นั่งกอดเข่าพิงขาเตียง ดวงตาสีรัตติกาลที่เคยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเสมองประตูกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยอาการเม้มปากแน่น เนื่องจากมีผ้าม่านสีขาวปิดทับไว้อีกชั้นจากฝั่งของวีรกานต์ทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนภายในห้องนั้นแต่กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์ก็จางลงไปมากจนแทบไม่รู้สึกถึงฟีโรโมนคงอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านแล้ว...วีรกานต์ได้ล็อกประตูไว้หรือไม่ความคิดกระแสหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ใจหน
บทที่ 8 รู้สึกผิด_____เสียงโครมครามของท้องฟ้าดังสนั่นในยามสายของวัน เมฆสีดำสนิทเคลื่อนลงต่ำบดบังแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์สายฝนสาดกระหนำเทลงมาอย่างหนัก หยดน้ำเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่างส่งเสียงดังเปาะแปะ ไม่รู้ว่าพายุเข้าหรือไม่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบติดตามข่าวสารมากนักพีรยุทธ์เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาที่ปรากฏแววความอ่อนล้ากวาดมองไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อคืนพลันความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนจุกลำคออัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังคงนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอนสีขาวข้างกายมีวีรกานต์ที่เป็นเจ้าของห้องกอดก่ายร่างหนาของตนอยู่รอยกุหลาบสีช้ำยังมีให้เห็นเป็นจ้ำ ๆ ตามเรือนร่าง อีกทั้งรอยแดงจากการบีบเค้นก็ยังหลงเหลือให้เห็น ยิ่งพาให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่หลังเสร็จกิจเมื่อคืนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ วีรกานต์ก็หมดสติฟุบหลับไปทันที เขารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนหลับอย่างสบายตัว เสื้อยืดและกางเกงถูกสวมให้อัลฟ่าชากุหลาบคลายความหนาวแล้วห่มผ้าห่มนวมทับอกให้อีกชั้นหนึ่งก่อนจะตระกองกอดร่างที่หลับใหลนั่นไว้ทั้งคืนรอยแด
บทที่ 7คืนเสพเพศ (ต่อ)________“จูบกานต์” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกระซิบชิดริมฝีปากหนา ค่อย ๆ ขยับกายเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วใช้ปากงับเบา ๆ“กานต์...” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเลื่อนลอย เขามองสบเข้าไปในนัยน์ตาสีเฮเซลนัทก่อนจะพบว่าในแววตาคู่นั้นไม่ปรากฏแววล้อเล่นเลย“จูบสิ” วีรกานต์ท้าทายอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกอีกฝ่ายเชิญชวนคนที่เขาแอบรักมาแสนนานกำลังบอกให้เขาประทับจูบลงไปนี่มันเกินคาดไปมากเขาฝันอยู่หรือเปล่าวีรกานต์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนตรงหน้ายังมีท่าทีเฉยเมยแต่ดวงตากลับแสดงออกมาว่าเจ้าตัวตื่นเต้นและตกใจจนเห็นได้ชัด “ทำไมไม่...”ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยจบประโยค ริมฝีปากหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกันด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรแม้จะตกใจอยู่บ้างที่ถูกจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวทั้ง ๆ ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเอง แต่เขาก็ตอบรับสัมผัสของพีรยุทธ์ได้ดีจนคนมอบจูบครางเครือในลำคออย่างพอใจริมฝีปากหนาขบเม้มกลีบปากทั้งบนและล่างของอัลฟ่าชากุหลาบอย่างคนกระหาย ดูดดึงจนได้ยินเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังก้องห้องสี่เหลี่ยมฟีโรโมนกลิ่นองุ่นแล
บทที่ 7คืนเสพเพศหลังกลับจากห้องนอนของพีรยุทธ์ อัลฟ่าชากุหลาบก็คล้ายว่าจะอยู่ไม่สุข เขานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนนุ่มเพราะกลิ่นฟีโรโมนของอีกคนมันกระจายเล็ดลอดเข้ามาวีรกานต์พยายามทำเป็นไม่สนใจกลิ่นหอมนั้น ผ้าห่มนวมผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมตั้งแต่ส่วนหัวถึงปลายเท้าเพื่อไม่ให้ร่างกายอัลฟ่าของตนรับรู้ถึงกลิ่นหอมยั่วยวนของพีรยุทธ์นี่มันบ้ามากพีรยุทธ์มีอาการรัทที่รุนแรงกว่าที่เคยเป็น เขาเองก็เป็นอัลฟ่าจึงรู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกถึงอารมณ์ร้อนวูบวาบในช่องท้องเพราะสูดดมกลิ่นไวน์องุ่นของอัลฟ่าที่กำลังอยู่ในช่วงรัทเข้าปอด สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ลำคอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำพาให้ร่างกายเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี่เขามีอารมณ์กับฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยกันงั้นหรือบ้าไปแล้วในขณะที่กำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ เสียงกึกกักที่บานประตูกระจกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของวีรกานต์ให้โผล่ศีรษะออกมานอกผ้าห่มแล้วชะเง้อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขารับรู้เพียงการสั่นไหวของประตูเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมีม่านสีขาวปิดบังการเคลื่อนไหวของอีกฝั่งไว้ อัลฟ่าชากุหลาบจึงคิดว่า
บทที่ 6 อาการรัทที่รุนแรงกว่าปกติ_______ไม่มีทางอัลฟ่าไม่มีทางมีเขี้ยวจริงอยู่ว่าบรรพบุรุษมีเชื้อนักล่าอย่างหมาป่าแต่พวกเขาไม่ได้ฝากสัญลักษณ์ที่น่าเกรงขามนี้ไว้ให้ลูกหลานหรือใครหน้าไหนทั้งนั้นเว้นเสียแต่...เชื้อสายบริสุทธิ์อีนิกม่า....ต้องไม่ใช่สิในขณะที่วีรกานต์กำลังจมอยู่กับความคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทิ้งน้ำหนักตัวลง แนบใบหน้าดุดันไปกับแผงอกของเขานั่นทำให้วีรกานต์รู้ว่าพีรยุทธ์ยังคงมีสติแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามอัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่น พยายามควานหาเสียงของตนให้เจอเพื่อถามไถ่อีกฝ่าย หากแต่เสียงคำรามแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามในลำคอของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทำให้วีรกานต์หายใจติดขัดไปชั่วครู่ ไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดออกไปอย่างนึกกลัวข้อมือหนาของอัลฟ่าชากุหลาบยังคงถูกตอกตรึงไว้แน่นบนที่นอนด้วยมือที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้าง เขารู้สึกได้ถึงแรงที่ผ่อนลงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาวีรกานต์เม้มปากแน่นอีกครั้งอย่างประมาท ก้อนเนื้อภายในอกเต้นระส่ำเพราะนึกหวั่นเกรงอีกฝ่าย เขาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติและพยายามหาเสียงตัวเอ
บทที่ 5 อัลฟ่ากลิ่นไวน์__________หลังจบทริปพักผ่อนที่เขื่อนต่างจังหวัด สองอัลฟ่าก็เดินทางกลับเมืองหลวงในช่วงสายของวันถัดมา วีรกานต์ถูกพ่อแม่เอ็ดเสียยกใหญ่ว่าไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว แต่ก็ได้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นมาช่วยพูดให้ว่าเป็นตัวเขาเองที่ชวนอีกฝ่ายออกนอกสถานที่ไปหลายวันเมื่อการพักผ่อนจบลงก็ถึงคราวต้องกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิมอัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขานั่งตรวจการบ้านของนักเรียนตัวเองมาตั้งแต่เช้าจนเวลาล่วงเลยมื้อเที่ยงมามากโข แม้จะรู้สึกหิวอยู่บ้างแต่เขาก็ยังไม่ยอมย้ายตัวเองออกจากห้องนอนเสียทีงานค้างเป็นกอง ไม่น่าหนีเที่ยวเลยวีรกานต์วีรกานต์ถอนหายใจ หากเขาพูดประโยคนี้ให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ยินมีหวังโดยงอนเป็นแน่ แต่ก็คงนั่งน้ำลายบูดอยู่คนเดียวสักสามชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ สี่ชั่วโมงเป็นอย่างมากก็จะกลับมาพูดคุยกับเขาดังเดิมเขาหันมองด้านขวามือที่เป็นประตูกระจกใสกันไว้ระหว่างห้องนอนของเขาและพีรยุทธ์ มันมีผ้าม่านสีขาวคลุมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวและตาข่ายดักฝันสีเดียวกันห้อยไว้ประตูนั้นไม่เปิดมาสองวันแล้วตั้งแต่กลับมาเขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะงานท่วมหัวไ
บทที่ 4 หิ่งห้อยกลางเขื่อน_______หลังจากเสร็จสิ้นการดูดาวเมื่อคืนนี้ สองอัลฟ่าก็พากันกลับไปที่จุดนัดพบกับคุณลุงเบต้าและพบว่าชายชราตั้งท่ารอคนหนุ่มทั้งคู่อยู่ก่อนแล้วแต่อาจจะด้วยอากาศที่เย็นสบายตัวและเป็นช่วงเวลาใกล้เข้าวันใหม่เต็มทีทำให้ฝ่ายของอัลฟ่าชากุหลาบเกิดอาการสัปหงกอยู่หลายครั้งจนพีรยุทธ์สังเกตเห็นเลยคว้าเอาตัวคนข้างกายมาไว้ในอ้อมกอดหวังให้อีกคนได้หลับนอนอย่างสบายไม่วายถูกคุณลุงเบต้าที่นั่งบังคับหางเสืออยู่ด้านหลังเอ่ยแซวว่าเป็นคู่รักที่หวานกันเสียจริง ทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหูแดงเถือกลนลานรีบปฏิเสธในทันทีว่าเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้นแต่อย่างไรเสียในสายตาของชายชราที่ผ่านร้อนหนาวมาหลายสิบปีก็ดูออกว่าคนทั้งคู่มีใจให้แก่กันอัลฟ่าแล้วอย่างไรโลกนี้เขาไปถึงไหนกันแล้วพีรยุทธ์ปฏิเสธคุณลุงไปอีกรอบว่ามีเพียงตนที่แอบรักอยู่ฝ่ายเดียว ทำเอาชายชราขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมรามือไป แต่ภายในใจยังคงครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากกัน คนนอกอย่างเขายังมองรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีใจแต่เอาเถอะ...คนแก่จะไม่ยุ่งเรื่องของคนหนุ่มเมื่อมาถึงเรือนแพของสองอัลฟ่า พีรยุทธ์เอ่ยเรียกอัลฟ่า
บทที่ 3ดูดาวบนเกาะดวงอาทิตย์กำลังบอกลาขอบฟ้าเหลือไว้เพียงแสงสีส้มแกมน้ำเงินเข้ม เสียงนกแขวกดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะแต่เพียงแผ่วเบา พวกมันกำลังออกล่าอาหารมื้อค่ำก่อนกลับรังบนต้นไม้ใหญ่ในระแวกเขื่อนสายลมเย็นในช่วงค่ำพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ที่เปิดแง้มไว้เข้ามา ปลุกให้สองอัลฟ่าบนฟูกสีสะอาดรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราวีรกานต์ปรือตามองลอดผ่านหน้าต่างออกไป ท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปมากจากความทรงจำครั้งล่าสุดบ่งบอกว่าในขณะนี้เป็นเวลาเย็นย่ำแล้วเขาปิดปากหาวหวอดไปทีจนมีน้ำสีใสฉ่ำรอบดวงตา ตั้งใจว่าจะลุกออกไปชำระล้างร่างกายเสียก่อนที่อากาศภายนอกจะอุณหภูมิต่ำลงมากกว่านี้อัลฟ่าชากุหลาบกับอากาศหนาวเย็นไม่ใช่สิ่งคู่กันแต่ก่อนจะยันตัวขึ้นก็ต้องจัดการพันธนาการที่โอบรอบเอวนี้ไว้เสียก่อนจากตอนแรกที่ต่างคนต่างเป็นฝ่ายโอบกอดกันและกันก่อนเข้าสู่นิทรา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีเพียงอัลฟ่าผมสีคาราเมลเท่านั้นที่ถูกวงแขนของเพื่อนตัวดีโอบรัดร่างกายเอาไว้รัดแน่นเป็นงูเสียด้วย“พี เย็นแล้ว” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยกระซิบบุคคลด้านหลังหากแต่ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงการขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อยและเสียงครางฮึมฮัมเป็นสัญญาณตอบกลับมา
บทที่ 2เดินทางยามเย็นในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีว่าการจราจรต้องติดขัดอย่างแน่นอน สองเพื่อนอัลฟ่ากำลังนั่งมองสัญญาณไฟด้วยใจจดจ่อ มันขึ้นเป็นสีเขียวมาครึ่งนาทีแล้วหากแต่รถยนต์คันข้างหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ผ่านไปเกือบสองนาทีจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแต่สัญญาณไฟจราจรดันกลายเป็นสีแดงไปแล้วเห็นทีว่าคงต้องรอต่อไปภายในห้องโดยสารมีอัลฟ่าเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นเป็นสารถีขับรถโดยมีเพื่อนสนิทอย่างอัลฟ่าชากุหลาบนั่งอยู่ที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย เอนหัวพิงกระจกรถมองสายฝนเม็ดเล็กที่ร่วงหล่นลงมากระทบกับพื้นถนน เขาเบื่อที่ต้องนั่งรอสัญญาณไฟจราจรอยู่แบบนี้ทุกวัน อย่างต่ำก็คงสักชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายพีรยุทธ์สังเกตเห็นคนข้างกายยกมือขึ้นลูบแขนปอย ๆ อาจจะทำเพื่อระบายความหนาวเย็นทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเก่ง เขาแอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดูอยู่ในใจอัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอื้อมมือมาที่หน้าคอนโซลเพื่อเบาแอร์ลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบผ้าห่มสีเรียบจากกล่องเก็บของที่วางอยู่บนที่พักเท้าของเบาะหลังมาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทได้คลุมตัวคลายหนาวในช่วงเวลาฝน